ตุ๊กตาแสนกล

5.3

เขียนโดย Glover

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.54 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  14.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 16.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ตอนที่ 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 8

 

รักเหรอ!

ไม่มีทาง...

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หัวใจของเขาคงกระอักตายแน่ ๆ เพราะ ณ ตอนนี้เขาคือตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น ตุ๊กตาที่ไม่สามารถจะบอกรักใครได้ หรือถึงแม้จะบอกรักเขาได้ก็เถอะ...ชายหนุ่มก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะคบกันอย่างปกติสุขได้เลย หนึ่งหนุ่มเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ ร่างกายใหญ่โตมหึมา ส่วนอีกคนกลับเล็กเพียงอุ้มมือ ร่างกายเป็นเพียงพลาสติกราวกับหุ่นยนต์ แล้วอย่างนี้จะคบหากันยังไงไหว...ยิ่งคิดจักรกฤษณ์ก็ยิ่งกระวนกระวายใจ หรือนี่คือกรรมที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต และไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้คือดวงวิญญาณของเขาต้องมาติดอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์

เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยลอบถอนหายใจเบา ๆ ...ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของเพิ่งเสร็จสิ้นกิจกามรัก ไปรวิทย์เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ส่วนบุรพัชร์นอนพักได้ไม่นานชายหนุ่มก็ดีดตัวเองขึ้นจากเตียงแล้วหยิบห่อถุงพลาสติกเข้ามาหาเจ้าตัวเล็กเหมือนอย่างเคย

“เอาล่ะ...ได้เวลาของฝากกันซักที” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย...หารู้ไม่ว่าในเรียวหน้าอันเรียบสนิทของแจ๊กกี้มีความขุ่นข้องหมองใจอยู่ในนั้น

“ถ้าแจ๊กกี้เห็นต้องกรี๊ดแน่ ๆ เลย” เนื้อเสียงของผู้พูดมีแววหยอกล้อและดูเป็นสุขซะเหลือเกิน “แหนะ...อยากรู้แล้วสิว่ามันคืออะไร เอาละช่วงเวลาแห่งความตระการตากำลังมาถึงแล้ว...แท่น แทน แท๊น...”

สิ้นสุดเนื้อเสียงที่ดูจะตื่นเต้นผิดมนุษย์มนานั้น...เจ้ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้าก็หยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาโชว์

โอ้ว...มายกอด พระเจ้าจ๊อดเชิญทางซ้ายนะคะ

เจ้าจีสตริงสีม่วงอันเจิดจรัสที่กำลังลอยเด่นอยู่ตรงหน้านั้น ระยะห่างเพียงกระจิด อีกนิดก็จะแนบชิดถึงผิวหน้า...ตรงเป้าของจีสตริงตัวนั้นระบุตัวอักษรสีดำเอาไว้ว่า

...Eat me please!...

กรี๊ด...อย่างนี้มันต้องกรี๊ด...!

บุรพัชร์หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ กับผลงานที่ตัวเองเอามาโชว์

“ไง เห็นแล้วกรี๊ดสลบไปเลยล่ะสิ...พ่อนึกแล้วว่าแจ๊กกี้ต้องชอบแน่ ๆ”

อุวะ...ใครเขาชอบกันฮึตานี่ อย่าบอกนะว่าจะเอาอีนี่มาใส่ให้ฉัน

เอริกกกกก! อย่าเชียวนะไม่งั้นพ่อจะร้องจริง ๆ ด้วย

“อย่าเพิ่งเอ็ดกันเลยนะ อดใจรออีกซักนิด เก็บเอาไว้ก่อนไม่งั้นลี-  โอเนลจะน้ำลายไหลหมดตัว ตายแน่เลย”

ก็ลองเอามาใส่ให้ดูสิไม่ใครก็ใครต้องช็อกตายกันไปข้างหนึ่งล่ะ...จักรกฤษณ์ได้แต่ค่อนแขวะในใจ

“มา...คราวนี้มาดูของลีโอเนลก็เริดไม่แพ้กัน”

คราวนี้เจ้าจีสตริงที่อยู่ตรงหน้านั้นเปลี่ยนเป็นสีดำ และตัวอักษรที่พิมพ์อยู่ในนั้นเป็นสีชมพูสดใส

...Stop me Jacky!

เหอะ...ในโลกนี้จะมีคนลักษณะอย่างนี้อีกไหมนะ?...ทั้งบ้าทั้งบ๊อง อายุปูนนี้แล้วยังจะมาคุยเล่นหยอกล้อกับตุ๊กตาอยู่ได้ เป็นคนดี ๆ ไม่เป็นกลับทำตัวให้เหมือนเด็กปัญญาอ่อน แม้ชายหนุ่มจะเอ็ดตะโรความแผลงของฝ่ายนั้นปานใด แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภายในส่วนลึกของจิตใจนั้น รู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาด เมื่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้าให้ความสนใจในตัวเขา

“ดูท่าแจ๊กกี้คงทนไม่ไหวแล้วล่ะ...อยากเห็นลีโอเนลใส่แล้วล่ะสิ ว่าไงลีโอเนลจะใส่เลยไหม?”

ประโยคสุดท้ายเจ้าตัวหันไปถามเจ้าตุ๊กตาหน้าคม

ไม่มีคำตอบ...มีแต่เสียงหัวเราะอันกระหึ่มของคนถาม

“ว้า...ลีโอเนลบอกว่าไม่เอาดีกว่า เวลาแจ๊กกี้เร่าร้อนอาจทำให้ถึงตายได้”

ถ้าผิวเนื้อพลาสติกนั้นเป็นเนื้อคน บัดนี้มันคงกลายเป็นสีแดงจัดไปแล้ว เพราะคนที่ตั้งใจฟังมาตั้งแต่ต้นจนจบชักจะเดือดขึ้นมาแล้วสิ...ก็คำพูดของเขานั้นมันทำให้ชายหนุ่มทั้งโกรธและอาย คนบ้า ตุ๊กตาก็อายเป็นเหมือนกันนะ จักรกฤษณ์ถึงกับตั้งท่าอ้าปาก กะจะกระแทกเสียงออกไปอยู่แล้วหากไม่มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาซะก่อน

“ไง...ที่รัก คราวนี้ซื้ออะไรมาฝากเจ้าสองตัวนี้อีกล่ะ”

ไม่มีคำตอบมีแต่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ และคนถามก็ตาไวมากกว่าจะต้องการคำตอบ....ไปรวิทย์หยิบเจ้าชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาดูพร้อมกับหัวเราะขำ ๆ

“โอ๊ะโอ...เริดซะไม่มี อย่างนี้ผมชักจะน้อยใจขึ้นมาแล้วสิ ไม่เห็นคุณซื้ออะไรอย่างนี้มาฝากผมบ้างเลย มันน่าอิจฉาเจ้าสองตัวนี้จริง ๆ”

“รู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีแบบนี้มาฝากคุณ” บุรพัชร์ต่อความยิ้ม ๆ

“เชื่อได้เหรอ อย่ามาอำกันซะให้ยาก”

“ถ้าไม่เชื่อก็อัญเชิญครับ...” แฟนหนุ่มกล่าวพร้อมกับผายมือไปยังห่อพลาสติกถุงนั้น...ไปรวิทย์จึงก้าวฉับ ๆ ไปหยิบมันขึ้นมาดูเร็วไว ปรากฏเจ้าจีสตริงสีแดงสดใส ผู้รับของฝากจึงหันมายิ้มเจ้าเล่ห์

“คุณนี่ร้ายกาจจริง ๆ คิดได้ยังไงซื้อเจ้าตัวนี้มาฝากผม”

“ก็คุณชอบสีแดงไม่ใช่เหรอครับ...เปรี้ยวปรี๊ดแบบนี้น่าจะเหมาะกับคุณ”

“รู้ใจกันแบบนี้ต้องให้รางวัลกันซักหน่อย” จบประโยคฝ่ายตรงข้ามก็เดินเข้ามา ประกบปากดูดดื่มกันอย่างมันหยดไม่รู้สึกอายเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยเลยซักนิด

“อย่างนี้หายน้อยใจกันแล้วใช่ไหมครับ...ถ้าจะมีใครซักคนหรือซักตัวน้อยใจ ก็คงจะมีแต่เจ้าจีเวอนี่เท่านั้นล่ะที่ไม่ได้รับของฝาก”

บุรพัชร์กล่าวระรื่น...หารู้ไม่ว่ามันเข้าไปกระทบจิตใจของฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่น้อยที่เอาเขาไปเปรียบเทียบกับพวกสัตว์สิ่งของอย่างนั้น...หากสังคมที่รายรอบตัวทำให้ชายหนุ่มกลบเกลื่อนมันได้อย่างมิดชิด

“แหมถ้าอย่างนั้น...ทำไมคุณไม่หาของฝากมาให้เจ้าจีเวอนี่บ้างล่ะ”

“ไม่รู้จะหาอะไรหนิครับ...เสื้อผ้ามันก็ไม่ยอมใส่ แมวนี่ไม่เหมือนหมานะ หมามันยังใส่เสื้อผ้าได้ แต่เจ้าจีเวอนี่ของเราเนี่ยสิดูท่ามันคงจะอึดอัดน่าดู”

“คุณก็ซื้อของเล่นมาให้มันสิครับ...แมวมันชอบเล่นพรมไม่ใช่เหรอ” ไปรวิทย์ยังคุยอยู่เรื่อย ๆ ทั้งที่จิตใจนั้นขัดแย้งกันเต็มประดา

“นั่นสิ...เห็นทีผมคงจะหามาไว้บ้างแล้ว มันจะได้ไม่น้อยใจ”

สิ้นเสียงหัวเราะอันรื่นรมย์ของบุรพัชร์...แฟนหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมา

“คืนนี้ผมคงอยู่กับคุณไม่ได้นะ...พอดีผมนัดกับครอบครัวเอาไว้ว่าจะไปทานข้าวข้างนอกกัน และก็คงจะค้างที่บ้านใหญ่เลย”

“ตามสบายเถอะครับ...ผมไม่ว่าอะไรหรอก”

“คุณไม่ว่าอะไรผมจริง ๆ นะ”

“โธ่...โต ๆ กันแล้ว ไปเถอะครับผมเข้าใจ”

...เนื้อเสียงที่แสดงออกไปเผยให้เห็นถึงความจริงใจอยู่ไม่น้อย แม้ครั้งหนึ่งมารดาของฝ่ายตรงข้ามมักจะมาฉะกับเขาอยู่บ่อย ๆ เพราะไม่อยากให้ลูกชายคบกับเพศเดียวกัน โดยเฉพาะทั้งสองหนุ่มเป็นที่รู้จักในวงสังคม ดังนั้นงานนี้บุรพัชร์จึงไม่มีทีท่าที่จะเข้าไปพบปะกับครอบครัวของฝ่ายตรงข้ามได้เลย แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจและไม่คิดจะเสี้ยมสอนให้ไปรวิทย์ละเลยกับการปฏิบัติตัวต่อบุพการี

“ขอบคุณมากครับ...เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปดินเนอร์แทนนะ”

บุรพัชร์ยิ้มรับ พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ เป็นการให้คำตอบ

.................................................................................

ดังนั้นคืนนี้บุรพัชร์จึงเป็นบุคคลที่ครอบครองห้องนอนอยู่เพียงลำพัง... เจ้าแมวเหมียวจีเวอนี่ได้หลับไปแล้วตรงบริเวณมุมหนึ่งของห้อง ที่นั่นมีฟูกเล็ก ๆ หนานุ่มเป็นที่หลับนอนของมันโดยเฉพาะ บุคคลที่เป็นเพื่อนของเขาได้ในตอนนี้ก็คงจะมีแต่แจ๊กกี้กับลีโอเนลเท่านั้น ที่ชายหนุ่มพูดคุยได้อย่างไม่เบื่อ

“แจ๊กกี้ว่าชุดนี้เป็นไง?”

 ผู้เป็นเจ้าของกล่าวพร้อมกับโชว์กระดาษขนาดเอสี่ให้ดู ด้วยดวงจิตที่ถูกย่อส่วนให้เล็กลงตามสัดส่วนของตุ๊กตาอยู่แล้ว ทำให้จักรกฤษณ์มองเห็นขนาดของรูปภาพที่อยู่ตรงหน้าใหญ่และชัดเจนมากยิ่งขึ้น มันเป็นภาพวาดออกแบบเสื้อผ้าที่วาดจากสีไม้ ลักษณะของเสื้อผ้าที่เขาถ่ายทอดออกมานั้น เป็นเสื้อผ้าของหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เน้นโทนเป็นสีน้ำตาลอ่อน เข้ม และสีดำ ลักษณะดูสุขุม เรียบง่าย แต่เก๋ไก๋

“พ่อว่าเก๋ดีนะ...ดูดีมีลักษณะของคนทำงาน ในขณะเดียวกันก็ดูทันสมัย ไม่ตกยุคหรือล้ำยุคมากเกินไป”

เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยมองรูปภาพและคิดตาม แม้ชายหนุ่มจะไม่ถนัดเรื่องการออกแบบเสื้อผ้า แต่ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่รักงานศิลปะ เพราะฉะนั้นการประเมินในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นกลางมากที่สุด...ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าถือเป็นการออกแบบที่ละเอียดประณีตมาก แสงเงาและลายเส้นดูพลิ้วมีลักษณะลึกตื้นหนาบางอย่างมีมิติ โครงเสื้อดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะสูทมีการทำลวดลายให้ดูแหวกแนวและไล่ระดับสีน้ำตาลอ่อนเข้มให้ดูเรียบเก๋อย่างมีชั้นเชิง สรุปแล้วจักรกฤษณ์ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือของตานี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

“แจ๊กกี้อยากใส่บ้างไหมล่ะ...พ่อจะตัดมาให้แต่คงต้องรอหน่อยนะเพราะช่วงนี้ พ่อกำลังยุ่ง ๆ อยู่ และบางคืนก็อาจจะไม่ได้กลับมานอนที่บ้านด้วย แจ๊กกี้ไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

...อัญเชิญเถอะ จะไปนอนที่ไหนก็ไป...

ดีจะได้เห็นใครบางคนถูกสวมเขาอีก

“เอาล่ะ รำคาญพ่อบ้างไหม ที่มากวนเวลาสวีตของเราของคนอยู่แบบนี้”

...รำคาญ!

“ถ้างั้นพ่อขอตัวไปนอนก่อนนะ แจ๊กกี้กับลีโอเนลจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังซักที” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะทิ้งท้ายด้วยอาการหาวหวอด และเหลือบดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังหัวนอน ... ณ เวลานี้ก็ปาไปห้าทุ่มแล้ว

บุรพัชร์ลุกออกจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินดิ่งไปที่เตียงนอนก็ยังมิวายที่จะกล่าวแกมขำเป็นการทิ้งท้าย

“ราตรีสวัสดิ์จ้ะ...ขอให้ลูกรักทั้งสองของพ่อเสียวสวรรค์ยันสว่างแล้วกันนะ”

เสียงหัวเราะหึ ๆ ของผู้เป็นเจ้าของทำให้ชายหนุ่มฉุนเฉียวขึ้นมาเล็กน้อย

...เสียวสวรรค์ยันสว่างใช่ไหม...ได้!

แผนการเอาคืนจึงผุดขึ้น...นับจากคืนนั้น คืนที่บุรพัชร์จับเขาและลี-โอเนลถอดเสื้อผ้าออกจนหมด และจัดท่าจัดทางให้ร่วมรักกัน จนกระทั่งคืนนี้จักรกฤษณ์ก็ยังแค้นเคืองไม่หาย

เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยรอจนเจ้าร่างยักษ์หลับสนิท...ชายหนุ่มก็ปฏิบัติการโดยการจับเจ้าลีโอเนลถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น...การถอดนั้นไม่ง่ายเลยเพราะชายหนุ่มเป็นตุ๊กตาที่ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้สะดวกเหมือนกันกับคน การเคลื่อนไหวจึงเป็นไปอย่างช้า ๆ ดูเงอะงะเหมือนหุ่นยนต์มากกว่า แต่กระนั้นชายหนุ่มก็พยายามถอดมันออกให้สำเร็จจนได้

...เฮ้อ...จักรกฤษณ์ถอนหายใจเฮือกยาวเมื่อถอดเสื้อผ้าของลีโอเนล ออกจนหมดแล้ว มันไม่เหนื่อยเลย และก็ไม่รับรู้ต่อสัมผัสใด ๆ ทั้งสิ้น มันมีแต่ความรู้สึกเบาหวิว และทำได้หรือไม่ได้เท่านั้น

จักรกฤษณ์ไม่รอช้าโยนเจ้าลีโอเนลลงไปที่เบาะรองนั่งของเก้าอี้ จากนั้นก็ทิ้งร่างของตัวเองตามลงไป เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันสนุกเหลือเกิน มันตื่นเต้นและในขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย แหม เป็นตุ๊กตามันดีอย่างนี้นี่เอง พอจัดอิริยาบถของตัวเองได้ที่แล้วก็จัดการเตะแฟนหนุ่มลงไปที่พื้นด้านล่างอีกครั้ง โดยระวังไม่ให้มันเสียงดัง โชคดีที่ตัวตุ๊กตาเบาหวิวจึงมีเสียงโครมครามเพียงน้อยนิด คราวนี้แจ๊กกี้จึงค่อย ๆ ไต่และกอดเสาหลักของเก้าอี้ ปล่อยตัวเองให้ไหลลื่นลงไปจนถึงพื้น

เจ้าตุ๊กตาขำด้วยความพึงพอใจ ไม่นึกว่าภายในไม่กี่วันเขาจะมีความสามารถมากมายขนาดนี้และที่สำคัญไม่ต้องกลัวเจ็บด้วย เมื่อเห็นความรีบง่ายอย่างนั้นชายหนุ่มก็ปฏิบัติการต่อไป โดยการลากเจ้าลีโอเนลไปที่เตียงนอนของผู้เป็นเจ้าของ...แม้ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะลากมันไปจนถึงขาเตียงได้ เพราะระยะทางนั้นไม่น้อยเลยสำหรับตุ๊กตาตัวน้อยอย่างเขา

และแล้วก็มาถึงทางตัน...เมื่อแจ๊กกี้เหลือบขึ้นข้างบน ความสูงจากพื้นจนถึงบนเตียงเกือบถึงสามเท่าตัวเลยทีเดียว เอาล่ะคราวนี้ทำไงดี จักรกฤษณ์ได้แต่ครุ่นคิด ลำพังจะให้ตัวเขาโยนเจ้าลีโอเนลขึ้นไปคงไม่ไหวแน่ แม้จะไม่รู้สึกเหนื่อยแต่การจะให้โยนวัตถุที่มีน้ำหนักเทียบเท่าตัวก็ใช่ว่าจะทำได้

อย่างที่รู้ การที่จะเป็นตุ๊กตานั้น ไม่เหนื่อย

ถ้าทำได้ก็คือได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็คือไม่ได้...แค่นั้นจบ

แต่ทว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น...อุตส่าห์พยายามมาจนถึงขั้นนี้แล้วจะให้คนอย่างจักรกฤษณ์ยอมแพ้ง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะหนักหนาสาหัสยังไงก็ต้องลองกันซักตั้งล่ะ...นึกแล้วเจ้าตุ๊กตาตัวน้อยก็ค่อย ๆ โอบอุ้มแฟนหนุ่มเอาไว้แล้วพยายามออกแรงเหวี่ยงขึ้นไปข้างบน เหอะ ไม่กระดิกเลยซักนิด

ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่มีทีท่าว่ามันจะขึ้นไปถึงที่จุดหมายปลายทางได้เลย...จักรกฤษณ์จึงสบถกับตัวเองเป็นการเหนื่อยหน่ายในจิตใจ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นเพื่อคิดหาทางออก และแล้วความคิดอันเจิดจรัสก็ผุดขึ้นมาเมื่อเขามองเห็นข้อต่อตามบริเวณส่วนต่าง ๆ ของเจ้าลีโอเนล ปฏิบัติการทดลองแผนงานจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

...ครู่ใหญ่เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยทั้งสองตัวก็พากันตะกายขึ้นมาบนเตียงจนได้...โดยบุรุษหนุ่มที่ชื่อแจ๊กกี้นำแฟนหนุ่มลีโอเนลขึ้นขี่บนหลัง เกาะเกี่ยวกับตัวเอาไว้แน่น จากนั้นผู้วางแผนก็ค่อย ๆ ไต่ตามเสาเตียงขึ้นมาจนสำเร็จ

เฮ้อ ถึงซักที...จักรกฤษณ์ได้แต่พึมพำอยู่ในใจ ถึงไม่เหนื่อยก็เท่ากับเหนื่อย ไม่เพียงแค่นั้นเขายังต้องมาแกะเจ้าลีโอเนลออกจากร่างของตัวเองอีก กว่าจะลากมันขึ้นไปจนถึงหัวนอนได้ก็แทบแย่เหมือนกัน แต่มันก็คุ้มเมื่อถึงตรงนี้ ชายหนุ่มเริ่มที่จะรู้สึกสะใจขึ้นมาบ้างกับความพยายามของตัวเอง เมื่อพินิจโครงหน้าอันคมคายของบุรพัชร์จนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรในความมืด จักรกฤษณ์ก็จัดการตามเป้าหมายทันที โดยการนำเจ้าลีโอเนลที่กำลังเปลือยเปล่าอยู่นั้น ถ่างขาออกและนำมันมานั่งอ้าซ่าอยู่ตรงกลางอกของเขา ด้วยรูปร่างที่กำยำของบุรพัชร์ และความเบาหวิวของตัวตุ๊กตาทำให้ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้สึกตัวยังคงนอนหลับต่อไปอย่างสบายอารมณ์

คราวนี้จักรกฤษณ์อดที่จะขำในใจไม่ได้               

...ไงล่ะ เสียวสวรรค์ยันสว่าง...อยากรู้นักถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะทำหน้ายังไง

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

มีปัญหาอะไรช่วยติชม....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา