THE GAME 365 DAYS TO SURVIVE

9.0

เขียนโดย จันทร์ดำ

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.18 น.

  3 ตอน
  19 วิจารณ์
  6,584 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 15.06 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ราตรีที่ ๓ : รับภารกิจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            ภายใต้ท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส หากได้ลองทอดสายตาจากท้องฟ้าเบื้องบนลงมายังดินแดนเบื้องล่างแล้วคงจะมิอาจละสายตาไปจากมันได้ ดินแดนที่เต็มไปด้วยจินตนาการที่ไม่มีขีดจำกัดหมู่นกวิหคเหินฟ้าเย้ยลมและแสงแดด ตึกระฟ้าที่งามสง่าถูกประดับประดาด้วยอัญมณีส่องแสงวิบวับวาวดั่งหมู่ดาวบนนภา บ้างถูกสร้างขึ้นจากคริสตันที่ส่องแสงเรืองรอน ผู้คนต่างหน้าหลายตาพากันเคลิบเคลิ้มและใหลหลงในความงามที่มิรู้จบแห่งดินแดนนี้ ซึ่งรวมถึงตัวผมด้วย

 

            ติ๊ดๆ ๆ ๆ วูบ ... เสียงเตือนบางอย่างดังขึ้นก่อนที่ก้อนสี่เหลี่ยมที่ปิเอรี่ให้มาจะลอยออกมาเบื้องหน้าพร้อมฉายภาพกลางอากาศขึ้นด้านหน้าของตัวผม

 

            “สวัสดีผู้ร่วมเกมทุกท่าน และยินดีเป็นอย่างมากที่พวกเราจะได้ใช้เวลาอยู่ในดินแดนแห่งความฝันนี้ร่วมกันเป็นเวลาถึงหนึ่งปี” ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบห้าหรือสี่สิบปลายๆปรากฏขึ้นโดยใช้ไอ้ลูกสี่เหลี่ยมใสๆเป็นสื่อกลาง “และเนื่องในโอกาสเปิดตัวเกมเป็นครั้งแรกทางบริษัทจึงจัดทำกิจกรรมขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นทุกคนได้ร่วมสนุกและชิงรางวัลคือเงินมูลค่าหนึ่งล้านโซลคอน รายละเอียดต่อไปนี้เป็นความลับของทางบริษัทหากผู้ใดสนใจให้กดปุ่มลงทะเบียนที่กำลังจะปรากฏขึ้นหลังจากจบคำประกาศนี้ ข้อมูลจะถูกส่งเข้าไปบันทึกในโซลบอลของพวกท่านโดยอัตโนมัติขอบคุณครับ”

 

            แวบ .. ติ๊ด ภาพชายฝรั่งหัวล้านวัยกลางคนหายไปจากจอมอนิเตอร์พร้อมๆกับที่ปุ่มลงทะเบียนจะปรากฏขึ้นมาแทน ผมเบือนหน้าออกจากจอมอนิเตอร์ส่งสายตาเป็นเชิงยิงคำถามไปทางไอ้ต่อเพื่อนซี้แต่สิ่งที่ได้ประสบพบเห็นคือมันยังคงโม้ไม่หยุดปาก

 

            “ไอ้ต่อ มึงจะเอายังไง?”ผมตัดบทโม้ของมันในทันใด

            “กูก็ไม่รู้วะ... แล้วน้าละจะลงสมัครด้วยหรือเปล่า?”ไอ้ต่อโยนคำถามไปที่น้าดอเจในทันที

 

            “มันก็ต้องแน่อยู่แล้วน่ะซิวะ!”น้าดอเจเอ่ยด้วยท่าทางตื่นเต้น “คนอย่างข้ามันขาลุยอยู่แล้วสมัยข้าอยู่แอฟริกาข้านี่แหละที่คอยล่าสัตว์มาทำเป็นอาหาร”น้าดอเจพูดพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจก่อนที่จะถูกไอ้ต่อทำลายบรรยากาศแห่งลูกผู้ชายด้วยคำพูดว่า

 

            “ไหนน้าบอกว่าวางกับดักเอาแล้วพอมันมาตกก็ค่อยเอาปืนยิงมันซ้ำล่ะครับ”ไอ้ต่อเอ่ย ทำเอาน้าดอเจอกเล็กเหลือเพียงคืบเดียวไปถนัดตา

 

            “เออ มันก็ล่าเหมือนกันละวะ ว่าแต่พวกเอ็งล่ะไม่ลงสมัครกับเขาบ้างเหรอ เงินที่นี่น่ะไม่ใช่หากันง่ายๆนะโว้ย”น้าดอเจเอ่ยพร้อมกับกรอกรายละเอียดในการสมัครลงไปผ่านทางโซลบอล

 

            “เอาก็เอาวะ... ไอ้ต่อมึงสมัครด้วยดิ”ผมเอ่ยก่อนจิ้มลงไปที่คำว่าลงทะเบียนบนหน้าจอมอนิเตอร์ ภาพที่ปรากฏคือลอยฝ่ามือ ท่าให้ผมเดาคือมันต้องการให้ผมเอามือทาบลงไปตามลอยนั้นซึ่งผมก็ทาบลงไปทันทีตามมาด้วยเสียงที่น่าจะถูกโปรแกรมไว้เช่นเคยว่า ‘No.978231 วายุ เจริญปัญญา อายุ 17ปี ลงทะเบียนกิจกรรมเนื่องในโอกาสเปิดตัวเกมครั้งแรก รายละเอียดพร้อมข้อมูลของกิจกรรมจะถูกส่งไปให้หลังจากการลงทะเบียนสิ้นสุดขอบคุณครับ’

 

            ฟุบ ... หน้าจอมอนิเตอร์หายวับไปพร้อมๆกับที่โซลบอลกำลังจะลวงลงสู่พื้นแต่ดีที่ผมคว้าไว้ทัน จากนั้นผมจึงได้แต่นั่งรอจนสังเกตุเห็นว่าตัวผมในตอนนี้ไม่ได้สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่เสียแล้วแต่มันเป็นชุด ชุดที่เป็นชุดเดียวกันหมดทั้งเสื้อและกางเกงมันเป็นสีดำเรียบสนิทถูกตัดด้วยสีขาวเป็นทางขวางบริเวณเอวและถูกประดับประดาด้วยเข็มขัดโง่ๆหัวสี่เหลี่ยมๆหนึ่งชิ้น บนหัวเข็มขัดมีรูอยู่หนึ่งรูคล้ายกับไว้ใช้เสียบอะไรบางอย่าง ผมเงยหน้าขึ้นเห็นน้าดอเจสวมใส่เสื้อผ้าที่แปลกตาก็ว่าได้มันเหมือนกับชุดของชาวบ้านที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย มันคือเสื้อแขนยาวและลำตัวยาวปกคลุมถึงเข่าถูกประดับด้วยกระดุมสีทองลายเหยี่ยวรับเข้ากับผ้าคาดเอวสีแดงที่ราวกับผ้าขาวม้าบ้านเราเพียงแต่มันไม่ใช่ลายสก็อตเท่านั้นเอง และยิ่งดูเข้ากับกางเกงขากระบอกสีน้ำตาลเข้ม แต่นั่นยิ่งทำให้ผมเกิดความฉงนในจิตใจอีกนั่นแหละ

 

            “น้า น้า น้าไปเอาชุดเท่ๆนี่มาจากที่ไหนเหรอ”ผมเอ่ยถาม

            “เอ็งนี่ไม่ได้ใช้คู่มือแนะนำให้เป็นประโยชน์เลยหรือไงวะ?”น้าดอเจบ่นก่อนขยับผ้าคาดหัวสีน้ำตาลเหลืองพร้อมกับนั่งลงบนด้านหน้าของรถไม้คันยักษ์ที่แกลากมาก่อนเอ่ยต่อไปว่า “เอ็งเห็นรูเล็กๆบนหัวเข็มขัดเอ็งหรือเปล่าวะ เอานิ้วไหนก็ได้แหย่ลงไปจากนั้นเอ็งก็นึกภาพชุดที่เอ็งอยากจะใส่เดี๋ยวเอ็งก็ได้ใส่เองนั่นแหละ” เมื่อได้ยินดังนั้นไอ้ต่อไม่รอช้ารีบชิงตัดหน้าผมเอานิ้วโป้งยัดเข้าไปในหัวเข็มขัดจากนั้นชุดของมันที่เหมือนกับของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างและสีตามความคิดของมัน และคงเป็นความคิดที่...สุดๆเพราะชุดที่ปรากฏออกมานั้นคือชุดเซล่ามูนนั่นเอง ลองคิดภาพตามผมนะครับไอ้ตี๋แว่นหนาผิวขาวมีกระน้ำนมที่สองข้างแก้มโครงหน้ากลมอย่างกับลูกชิ้นบวกกับน้ำหนักตัวที่ขาดอีกไม่กี่กิโลก็เกือบเทียบเท่าได้กับควายหนุ่มตัวหนึ่งที่กำลังอยู่ในชุดรัดรูปของเซล่ามูนซึ่งมันทำให้ผู้คนแถบนั้นจ้องมันกันเป็นตาเดียว ก่อนผมจะเตือนสติมันด้วยการกระโดดถีบตีนคู่แบบนักมวยปล้ำที่น้าติงพากย์อยู่บ่อยๆนั่นเอง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้น้าดอเจขำจนแทบลงไปนอนกลิ้ง

 

            “ไอ้เวร ไอ้เหี้ยต่อมึงแต่งตัวอะไรของมึงเนี่ย มึงอย่าบอกคนอื่นนะว่ามึงเป็นคนไทยแล้วก็อย่าบอกด้วยว่ามึงเป็นเพื่อนกู!” ผมแทบอยากจะขอพรจากพระเจ้าว่าธรนีในที่นี้โปรดสูบข้าลงไปเถิด เพราะมันอายมากจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

 

            “ขอโทษๆกูกำลังคิดฉากเซล่ามูนแปลงร่างพอดี จริงๆแล้วกูไม่ได้จะใส่ชุดเซล่ามูนหรอกนะโว้ยอย่าคิดว่ากูเป็นโรคจิตนะมึง แล้วทำไมไม่บอกก่อนละน้าว่าชุดมันจะเปลี่ยนตามที่เราคิดน่ะ ปัดโธ่!” ไอ้ต่อรีบแก้ตัวพร้อมพยุงชุดเซล่ามูนกระโดดเหยงๆเนื่องจากมันรัดรูป มาทางผมด้วยท่าทางที่อุบาทเกินรับได้ พร้อมๆกับที่มันเอานิ้วแหย่ไปที่หัวเข็มขัดอีกครั้งจากนั้นชุดเซล่ามูนก็พลันหายไปในฉันใดแปรเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีดำพร้อมโบว์สีแดงแทนเนคไทสุดหรูที่พวกเราชอบเห็นในหนังฝรั่งใส่กันยังไงล่ะครับ

 

            ติ๊ดๆ ๆ ๆ โซลบอลลอยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมีสายคล้ายสมอทอร์คยื่นออกมาจากลำตัวเหลี่ยมๆของมัน ผมจึงหยิบขึ้นมาสวมใส่ลงไปในรูหูข้างซ้าย

 

            ‘ต่อไปนี้คือภารกิจที่คุณจะได้รับ ให้คุณจัดหาทีมขึ้นหนึ่งทีมซึ่งจะมีสมาชิกได้ไม่เกินสามคนเท่านั้น หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็ได้ เมื่อจัดหาทีมสำเร็จแล้วให้พวกคุณทุกคนมารวมตัวกันที่จัตุรัสทางใต้ของ City Land เพื่อเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจตามหาสิ่งที่ผู้คุมเกมกำหนด เมื่อทราบแล้วนับจากจบการสนทนานี้เป็นต้นไปมีเวลาสามสิบนาทีในการเดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรม ผู้ใดช้ากว่ากำหนดการจะถือว่าสละสิทธิ์ทันที ขอให้โชคดี’

 

            เสียงประกาศหายไปพร้อมๆกับที่หูฟังจะถูกดึงออกจากหูของผมแบบไม่ให้ตั้งตัวและเช่นเคยไอ้โซลบอลนั่นจะล่วงตกลงสู่พื้นอีกตามสเต็ป ซึ่งนั่นก็ถูกผมคว้าไว้ทันตามระเบียบของผู้เขียนอีกเช่นกัน

 

            “น้า ให้พวกผมร่วมทีมด้วยนะ”ไอ้ต่อเอ่ย

            “โอ๊ยๆ เออๆ ได้ๆ แต่เดี๋ยวขอข้าพักแปบหนึ่ง ข้าขำจนท้องเกร็งซะปวดไปหมดแล้ว ฮ่าๆ โอ๊ย ...”น้าดอเจตอบแบบไม่คิดซึ่งบัดนี้ใบหน้าของเขาไม่สามารถที่จะหุบยิ้มลงได้ สองมือกุมอยู่ที่บริเวณหน้าท้องซึ่งคาดว่าจะได้รับความเจ็บปวดจากการหัวเราะมากจนเกินไปนั่นเอง

 

            วีดดดด ... วับ ! ผมสอดนิ้วชี้ลงไปในหัวเข็มขัดพร้อมจินตนาการเป็นชุดคาวบอยในยุคตะวันตกนั่นคือ รองเท้าหนังหัวแหลมกางเกงยีนส์ขาม้าสีฟ้าอ่อนและเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อกั๊กหนังสีน้ำตาลอ่อน ยังไม่พอผมเปลี่ยนไอ้เข็มขัดโง่ๆนั่นให้กลายเป็นเข็มขัดหนังแท้ส่วนหัวของมันนั้นกลายเป็นทรงรีแทนเพราะผมไม่ชอบทรงเดิมของมันนั่นเอง และแน่นอนผมต้องไม่ลืมหมวกคาวบอย

 

            “ว้าว ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ามึงบ้าคาวบอยตะวันตก ฮ่าๆ”ไอ้ต่อล้อเลียนพร้อมกับขำเยาะเย้ย

 

            “เออ ก็ดีกว่าไอ้บ้าอย่างมึงที่ใส่ชุดเซล่ามูนกลางเมืองละวะ”ผมย้อนกลับในทันใด

 

            “ฮ่าๆ พร้อมหรือยังพวกเอ็งน่ะไปกันได้แล้วเดี๋ยวข้าเก็บสัมภาระพวกนี้ก่อนแล้วข้าจะนำทางพวกเอ็งไปเอง”พูดจบน้าดอเจก็หยิบโซลบอลออกมาพร้อมกับพูดว่า ‘เก็บ’ จากนั้นรถม้าทั้งคันก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา

 

            “สุดยอด เจ๋งว่ะน้า น้าทำได้ไงอ่ะ”ไอ้ต่อเอ่ยอย่างชื่นชม

            “เออน่ะ เดี๋ยวเอ็งดูคู่มือเอ็งก็ทำได้เอง พวกเอ็งนี่มันถามทุกเรื่องจริงๆ ไป รีบไปได้แล้ว”น้าดอเจตัดบทก่อนพาพวกผมขึ้นนั่งรถไฟเหินฟ้าลงไปทางใต้ของตัวเมือง ความรู้สึกแรกที่ได้นั่งบนรถไฟเหินฟ้าสีใสบริสุทธิ์นั้นราวกับว่าผมเหาะอยู่บนท้องฟ้าก็ไม่ปาน

 

            จัตุรัสทางใต้ของตัวเมือง City Land

 

            ผู้คนมากหน้าหลายตาที่ลงทะเบียนกิจกรรมต่างทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณจัตุรัสนี้อย่างคับคั่ง บ้างมาเป็นทีมส่งเสียงเฮฮา บ้างมาฉายเดี่ยวนั่งเงียบกริบอยู่เพียงลำพังทำให้บรรยากาศสมกับที่เห็นหรืออ่านเอาในหนังสือจริงๆ เพราะส่วนใหญ่ไอ้พวกที่ชอบมาคนเดียวแล้วเงียบๆเนี่ยมันมักจะเก่งเอามากๆเท่าที่ผมได้อ่านมาในหนังสือนะ นี่ก็เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นก่อนงานจะเริ่ม

 

            “ยินดีต้อนรับผู้เล่นทุกท่านสู่ Soul Dream และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะอธิบายภารกิจให้พวกท่านฟัง ณ บัดนี้ขอให้ตั้งใจฟังอย่างละเอียดและเนื่องจากผู้เข้ารับสมัครลงทะเบียนมีมากเกินกว่าที่คำนวณไว้มาก จึงต้องมีบางกลุ่มที่ต้องตกรอบไป และนี่คือรอบคัดเลือกแรกในภารกิจแรก”เสียงหนึ่งดังขึ้นในโสตประสาทของผม และทุกๆคนที่อยู่ที่นี่คงจะได้ยินเช่นเดียวกับผมอย่างแน่นอน

 

            “ภารกิจแรกคือจงไปตามหาลูกแก้วทั้งหมดหนึ่งพันลูกในดินแดนแห่งเทพนิยายภายในเวลาสามวัน ผู้ใดที่สามารถหาลูกแก้วได้จะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป อ่อ...เกือบลืมบอกไป แต่ละทีมจะเก็บลูกแก้วกี่ลูกก็ได้แต่ท่าทีมใดไม่มีลูกแก้วเลยนั่นถือว่าไม่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก”

 

            “เมื่อผู้เล่นเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยายแล้วจะมีอาชีพสุดเซอร์ไพรส์ให้ท่านเลือกถึงสามอาชีพยอดฮิตในดินแดนแห่งเทพนิยายนั่นคือ นักดาบผู้ควบคุมไฟ จอมเวทย์ผู้ควบคุมน้ำ และสุดท้าย นักธนูผู้ควบคุมสายลม สามารถเลือกได้แล้วแต่ความชอบของตัวท่านเอง ก่อนที่ผู้เล่นทุกท่านจะเข้าไปสู่ดินแดนแห่งเทพนิยายนี้ให้นำโซลบอลมาวางไว้ที่แท่นด้านหน้าของทุกคนเพราะท่าหากท่านถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต โซลบอลจะเป็นสเหมือนแบคอัพดึงท่านกลับมาในCityLand แห่งนี้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ขอให้โชคดี”

 

            เมื่อจบคำอธิบายที่ผ่านทางระบบประสาทหรือความคิด ผู้เล่นทุกคนต่างทยอยนำโซลบอลไปวางไว้ที่แท่นเบื้องหน้าที่โผล่ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่ทราบอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งรวมผมไอ้ต่อและน้าดอเจ มันเป็นแท่นเล็กๆใสๆรูปทรงคล้ายกับที่ช่างน้ำหนักหน้าเซเว่นแบบหยอดเหรียญเพราะหน้าปัดมันเป็นสี่เหลี่ยมและมีช่องให้วางโซลบอลลงไปในนั้นเมื่อวางเสร็จเสียงเดิมก็บุกรุกเข้ามาในหัวของผมอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับคำพูดว่า

 

            ‘No.978231 วายุ เจริญปัญญา พร้อมเพื่อนร่วมทีม No.978230 สมบูรณ์ พูนสุข No977890 อันดาล ดอเจ การลงทะเบียนรับภารกิจเสร็จสิ้น จุดหมายปลายทางคือ ดินแดนแห่งเทพนิยาย’พูดจบก็เกิดลำแสงวงกลมวงเดิมที่มันพาผมมาที่เมืองนี้ในตอนแรกขึ้นบริเวณเท้าของพวกผมทั้งสามจากนั้นก็

 

            ฟุบ ... บัดนี้ผู้เล่นที่เคยเบียดเสียดกันบริเวณจัตุรัสเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนได้หายไปเกือบจะพร้อมกันทั้งหมดภายในเวลาแค่เสี้ยววินาที

 

            ดินแดนแห่งเทพนิยาย สแตนบาย ...

            เสียงหนึ่งแว่วเข้ามาในโสตประสาทของผมอีกครั้ง ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะชัดเจนขึ้น ตอนนี้พวกผมอยู่ในป่าดงดิบแห่งหนึ่งที่รายรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ยักษ์ที่สูงชะรูดฟ้า ท้องฟ้าในตอนนี้มืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากมือของน้าดอเจเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง... อะไรนะ! มือ?

 

            “เฮ้ย น้าไฟๆๆ ไฟไหม้มือน้า ! ไอ้ต่อหาน้ำมาดับเร็ว !”ผมตะโกนด้วยความตกใจก่อนถูกปรามด้วยเสียงดุๆจากน้าดอเจ

 

            “เฮ้ยนี่มันเวทย์มนต์โว้ย ข้าเป็นนักดาบสามารถควบคุมไฟได้ อยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยายนี้ไม่ต้องห่วงข้าชำนาญกว่าใครๆ เห็นไอ้พวกสัตว์เลี้ยงแสนรักของข้าไหมล่ะ ข้าก็มาล่ามันจากที่นี่นั่นแหละ ตามข้ามา ข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆพวกเราไปเตรียมตัวกันที่นั่นดีกว่า แล้วอย่าเสียงดังแถวนี้เป็นถิ่นของพวกบ้าเลือดพวกมันขี้หงุดหงิดมาก”พูดจบน้าดอเจก็เดินนำหน้าขบวนไป แต่ไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนลั่นของไอ้ต่อไล่ตามมาทางด้านหลัง

 

            “อ๊ากกกกกก ช่วยกูด้วย...ไอ้ป๋อง  แมร่งจะฆ่ากู !” ไอ้ต่อวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับพาเพื่อนใหม่สี่ขาที่ตามมาติดๆ มาแนะนำให้รู้จัก

 

            “พูดไม่ทันขาดคำ ไอ้ป๋องหลบ! ลากเซนทอร์มาจนได้...”น้าดอเจปัดตัวผมให้หลบไปทางด้านหลังของตัวเขา ก่อนชูดาบขึ้นพร้อมกับตะโกนออกไปเสียงดังว่า

 

            “ไฟยักษ์!”ด้ามดาบทั้งด้ามพลันกลายเป็นลูกบอลเพลิงขนาดยักษ์ ซึ่งมันได้ผลเซนทอร์หนุ่มหยุดเบรกขาลากพร้อมๆกับจังหวะที่ไอ้ต่อล้มลงกลิ้งเป็นลูกขนุน ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าแล้วมักจะกลัวแสงไฟ ซึ่งนั่นทำให้มันกลับหลังหันและวิ่งหายไปในความมืดของป่าในทันที ซึ่งผมทำได้เพียงยืนขาสั่นตาค้างอยู่ทางด้านหลังของน้าดอเจเท่านั้นเอง…

 

จันทร์ดำ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา