Angelics War นาย...อยากจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 12.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) ลางสังหรณ์ท่ามกลางความมืด (สปอยล์ให้เละ!!)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ที่นี่มันที่ไหนกัน... ทำไมมันมืดขนาดนี้..! ความมืดข้างหน้านี่มันช่างดูหดหู่และวังเวงยังไงชอบกล เมื่อกี้นี้เรายังอยู่กับฮิซาชิแล้วก็พวกโยโซระอยู่เลยไม่ใช่เหรอ... นี่เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
มิคาสะลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้หลังจากที่หมดสติไปร่วมสองอาทิตย์ หลังจากจบการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับมนุษย์ที่ปรารถนาจะบันทึกเผ่าพันธุ์seiriลงไปในบัญชีสัตว์สูญพันธุ์ ฮิซาชิที่ยังคงสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆก็พาสาวน้อยทั้งสี่คนไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนใจเรื่องน้ำหนักถ่วงแต่อย่างใด
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ตอนนี้พวกเธอก็ต้องอยู่ในโรงพยาบาลสิ! ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? และที่สำคัญกว่า...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?
ท่ามกลางความมืดที่อยู่ตรงหน้านั้น... มิคาสะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าห่างออกไปไม่มากอย่างช้าๆ ถึงมันจะไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนกับซายะกินแมวหรือไททันกินคนก็เถอะ ทั้งอย่างนั้นในสภาพที่แค่กระดิกปลายนิ้วก็รู้สึกเจ็บที่เส้นประสาทแล้วของมิคาสะนั้น ทำให้ความหวาดหวั่นเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเธอทีละนิดๆ
"นั่นใครน่ะ..!!!"
มิคาสะตะโกนออกไปยังความมืดที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรส่งเสียงตอบเธอเลยก็ตาม... มิคาสะก็ยังคงตะโกนถามอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า
และแล้วสิ่งที่มิคาสะกังวลอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้ก็เป็นจริง ด้านหลังของเธอที่ถูกบังด้วยปีกทั้งสองคู่ของเธอก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่เหมือนกับกำลังประสงค์ร้ายกับเธออยู่เป็นเงาลางๆ เมื่อเธอรวบรวมพลังและความกล้าที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดที่จะตามมาหันกลับไปดูก็พบกับ...
"อย่านะ..!!!!"
สิ่งที่มิคาสะเห็นเมื่อหันกลับไปดูนั้นคือseiriคนหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับเด็กมัธยมต้นกำลังเงื้อหมัดจะชกใส่เธอ แผ่นปีกไร้ขนคู่หนึ่งที่ปรากฏออกมาที่กลางแผ่นหลังของสาวน้อยคนนั้นบ่งบอกว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตรูปแบบเดียวกับเธอ และแสงสว่างที่พอให้เห็นใบหน้าของเธอลางๆนั้นได้ทำให้มิคาสะรู้ในทันทีว่าเธอคนนั้น..."เป็นคนที่เฝ้าคอยที่จะพบเธอมานานแสนนาน"
แต่ถึงอย่างนั้นที่ด้านหลังของสาวน้อยคนนั้นก็ยังมีเงาผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังจ้องมองมายังพวกเธอทั้งสองคนอย่างไม่วางตา... สัดส่วนและรูปร่างของเขาคล้ายกับเด็กหนุ่มที่เธอรู้จักมานาน หากแต่ทันทีที่มิคาสะกำลังจะเรียกชื่อเขา ชายคนนั้นก็สยายปีกคู่หนึ่งที่กลางแผ่นหลังของเขาออกมากว้างจนทำให้มิคาสะต้องเงียบไป และไม่นานจากนั้นมากนัก... เงาดำของทั้งสองคนที่กำลังจะทำร้ายเธอนั้นก็จางหายไปเหลือเพียงควาว่างเปล่าเท่านั้น
"นั่นมัน...อะไรกัน..!"
มิคาสะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง สิ่งที่มิคาสะเห็นนั้นคือ"ฮิซาชิ"ชัดๆ!! แต่ว่าชายคนนั้นสยายปีกที่ฮิซาชิไม่มีออกมาราวกับกำลังขู่เธออยู่ ซ้ำปีกคู่นั้นยังเป็นเอกลักษณ์ของseiriที่น่าจะคงเหลือเพียงเธอกับสาวน้อยที่อายุน้อยกว่าเธออีกเพียงคนเดียวเท่านั้นอีกด้วย...
ปีกคู่นั้นเป็นปีกของ"อควารอยด์"ชัดๆ!!!
แต่ถึงอย่างนั้นมิคาสะกลับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก... อาจจะเป็นเพราะเธอเหนื่อยมามากกับการต่อสู้ครั้งที่แล้วก็เป็นได้ ทำให้สายตาของเธอมองไม่เห็นแสงสว่างที่ควรจะผ่านรูม่านตาของเธอเข้ามา รวมทั้งภาพหลอนนั่นด้วย...
หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ... ทำไมเงาผู้ชายคนนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด!? ราวกับว่าเป็นคนที่เธอไม่ได้พบหน้ามาเป็นระยะเวลาที่นานมาก...นานจนเธอจำไม่ได้แล้วว่าชายคนนั้นเป็นใคร
รวมทั้งseiriที่กำลังจะเล่นงานเธอด้วย...
"เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะ... ชิบุกิ!?"
ในระหว่างที่มิคาสะกำลังเข้าสู่สภาวะหดหู่นั้น... ที่พื้นข้างหลังเธอกลับมีเงาของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธออีกครั้ง ครั้งนี้ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากร่างของคนๆนั้นแตกต่างไปจากความรู้สึกที่มิคาสะสัมผัสได้ตอนที่เธอเจอกับเงาของseiriสองคนนั้นเป็นคนละด้านกระดาษไปเลย เป้นความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นห่วงเป็นใยมาก
"ใครกัน...น่ะ!?"
มิคาสะไม่มีแรงพอที่จะหันหลังกลับไปมองผู้ที่กำลังสาวเท้าเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ แน่นอนว่าถ้าสังหรณ์ของเธอผิดและใครคนนั้นมีจุดประสงค์ที่เข้าหาเธอแบบเดียวกับสองคนนั้นละก็... มิคาสะก็ไม่มีแรงพอแม้แต่ที่จะขยับปีกบินขึ้นไปอีกแล้ว
เงาคนที่อยู่ข้างหลังเธอค่อยๆลดฝีเท้าลงพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับฉีกขึ้นไปยังมุมปากราวกับกำลังยิ้มอยู่ ที่กลางหลังของเงาดำนั้นมีปีกอยู่คู่หนึ่งเหมือนกัน ถึงรายละเอียดจะมีไม่มาก...แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะให้มิคาสะสามารถระบุตัวคนๆนั้นได้
"ไง..! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! ถึงนี่จะเป็นภายในจิตใจเธอเองก็เถอะ"
เสียงผู้หญิงเรียบๆดังขึ้นมาจากด้านหลังของseiriที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนทำให้เธอมีความกล้ามากพอที่จะยอมแบกรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นทันทีที่เธอขยับกล้ามเนื้อหันกลับไปอีกครั้ง แต่ทันทีที่มิคาสะหันหลังกลับไป...ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจนถึงเมื่อครู่นี้ก็อันตรธานหายไปแล้ว
และสิ่งที่มิคาสะเห็นทันทีที่หันหลังกลับไปนั้นก็คือ... เงาตะคุ่มๆของสาวน้อยคนหนึ่งที่ตัวเธอในขณะนี้มีรูปร่างเท่ากันแล้ว ถึงแม้ว่าสาวน้อยคนนั้นจะคงสรีระสัดส่วนนี้มานานกว่าเธอถึงสิบกว่าปีก็ตาม...
"เธอคือ... ใช่เธอจริงๆเหรอ..!?"
"โตขึ้นเยอะเลยนะ มิคาสะ... สองปีแล้วสินะตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งสุดท้าย... ฮิซาชิคุงเป็นคนดีใช่ไหมล่ะ!?"
มิคาสะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามิคาสะก็คือ พี่สาวที่เธออยากเจอมาตลอด คนที่เธอเคยปล่อยให้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดายที่สุด...
"ร้องไห้แบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ มิคาสะจัง..."
ทันทีที่รู้ว่าseiriข้างหลังเธอเป็นใคร มิคาสะก็ปล่อยสารคัดหลั่งจากดวงตาของเธอออกมาอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เธอพยายามจะเช็ดมันออกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถึงเธอจะเช็ดมันออกสักกี่ครั้ง...เจ้าของเหลวใสๆนั้นก็ยังคงไหลลงมาเลอะผิวแก้มสีขาวออกเหลืองของเธอทุกครั้งและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย
"ขอโทษจริงๆนะ..!! ฉันปกป้องยูนะไม่ได้...ฉันทำตามคำขอร้องของเธอไม่ได้... ขอโทษนะ!!!"
มิคาสะยังคงร้องไห้ไม่หยุด และทุกๆวินาทีเธอจะหลุดคำพูดที่ไม่น่าฟังออกมาให้สาวน้อยตรงหน้ารู้สึกไม่ดีที่เธอทำแบบนี้ มิรันจึงเอาแขนทั้งสองข้างโอบกอดน้องสาวของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน
"ไม่เป็นไรหรอก เธอพยายามดีที่สุดแล้วนี่... ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ"
"แต่ว่า... แต่ว่า..."
"ตอนนั้นฉันบอกเธอว่ายังไง ถ้าเป็นแบบนี้เธอจะปกป้องฮิซาชิคุงได้ยังไง..."
หลังจากที่มิคาสะสงบจิตใจลงได้ เธอก็ทรุดตัวลงนั่งเนื่องจากขาของเธอไม่มีแรงพอที่จะค้ำยันร่างกายของเธอให้ยืนอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มิรันก็เข้าใจดี... เพราะตัวเธอเองนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกันในตอนที่รู้สึกตัวว่าชีวิตของเธอมีเวลาเหลือไม่มากพอที่จะดำรงอยู่เพื่อปกป้องทั้งมิคาสะและฮิซาชิให้พ้นจากอันตรายข้างหน้า
ทั้งนี้เพราะมิรันนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มิคาสะจำเป็นต้องวิวัฒนาการเป็นขั้นที่3ได้ในการโจมตีเพียงหมัดเดียว!! (อุ่บ! เผลอสปอยล์จนได้...)
"ฮิซาชิคุงแข็งแกร่งมากเลยล่ะ... ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆนะ!"
"ก็พี่ไม่ได้อยู่กับฮิซาชิคุงเหมือนฉันนี่นา... ว่าแต่ฉันมีเรื่องสงสัยอย่างนึงที่อยากให้พี่ช่วยตอบหน่อย"
มิคาสะก้มหน้าลงรวบรวมความกล้าและเสียงทั้งหมดที่มีในการจะถามคำถามที่น่าจะเป็นเรื่องน่าอายและเป็นความลับเฉพาะของผู้หญิงรายบุคคลให้ได้รู้เรื่อง ทั้งอย่างนั้นมิรันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะถามอะไร...ต่อให้แค่มองหน้ากันเพียงครู่เดียวก็ตาม
"พี่...ได้รับวิวัฒนาการมาได้ยังไง ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่มีความรักกับใครเลยไม่ใช่เหรอ..."
มิคาสะถามได้ตรงจังหวะมาก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสังเกตเลยว่ามิรันนั้นมีวิวัฒนาการในระดับที่สูงมากจนสามารถจัดการทั้งเธอ,ยูนะ แล้วก็ฮิซาชิได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ว่าแต่...ทำได้ยังไง!?
"เธอรู้มาจากฮานามิแล้วสินะเรื่องเงื่อนไขแย่ๆในการวิวัฒนาการของseiri... ไม่งั้นเธอคงไม่มาถามฉันแบบนี้หรอก จริงไหม!?"
"ไหนๆเธอก็ถามฉันแล้ว... ฉันจะบอกให้ก็แล้วกันนะว่าฉันผ่านเงื่อนไขยากๆนั้นได้ยังไง"
"ก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นseiriระดับแรกเหมือนๆกับพวกเธอเมื่อสองปีก่อนนั่นแหละ... แต่ก็นะ! ไม่ว่าใครก็ต้องเคยผ่านระยะเริ่มต้นมาก่อนทั้งนั้น ถูกไหม!? เมื่อ22ปีก่อน ฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง...เขาเป็นคนดีมากเลยล่ะ ดีพอๆกันหรืออาจจะดีกว่าฮิซาชิคุงของเธอจนเทียบไม่ได้เลยล่ะมั้ง!?"
ได้ยินดังนั้นมิคาสะก็ฉุนกึก "ฮิซาชิของเธอ"อะไรกัน
"แล้วพี่ก็ตกหลุมรักความใจดีของผู้ชายคนนั้น...แล้วโปรแกรมลิเวียธานก็ทำงานใช่ไหม!?"
"เปล่าเลย..! ฉันไม่สนใจเจ้าหนุ่มนั่นซะด้วยซ้ำ! ตอนนั้นฉันยังเป็นseiriที่ออกห้าวๆหน่อย สมบัติความเป็นกุลสตรีก็ไม่ค่อยมี... แต่แล้ววันหนึ่งที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง"
"ตอนนั้นน่ะเหรอ!!?"
"ใช่..! การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับผู้นำมาซึ่งความวิบัติได้ระเบิดขึ้นมา ฉันที่ยังเป็นseiriที่ยังไม่ค่อยแข็งแกร่งสักเท่าไหร่... ในระหว่างการต่อสู้นั่นฉันก็เกือบถูกฆ่า แต่ก็ได้เจ้าหนุ่มคนนั้นช่วยชีวิตเอาไว้ทันพอดี ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เริ่มรู้สึกดีๆกับเจ้าหมอนั่น จากความผูกพันก็กลายเป็นความรัก จากความรักก็กลายเป็นกุญแจในการวิวัฒนาการของฉัน"
"จริงสิ! ฉันมีคำพูดนึงที่เคยพูดกับคนที่ใจดีและเสียสละได้ขนาดนั้นอยู่ ฉันฝากเธอมอบให้กับคนสำคัญของเธอต่อจากนี้ได้หรือเปล่า..."
มิรันหันหน้ามามองมิคาสะหลังจากที่เงยหน้ารำลึกความหลังอยู่นานพอสมควร สายตาที่เธอมองมายังน้องสาวของเธอนั้นเป็นประกายสดใสเหมือนกับคนที่มีความรัก
"อะไรเหรอคะ..."
ทันทีที่มิคาสะถามขึ้นมา มิรันก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอ...
"เอาล่ะ... เธอมาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับไปอยุ่กับคนที่เป็นห่วงเธอจริงๆแล้วล่ะนะ"
มิคาสะจึงหันหลังกลับไป เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็วิ่งกลับมากอดมิรันเอาไว้แน่นมากอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากจะกลับไปพบกับความเป้นจริงที่แสนโหดร้ายอีกต่อไปแล้ว
"น่าๆ... ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีก ฉันรับประกันเลย!"
ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาด้านหลังเข้ามาห่อหุ้มร่างกายที่บาดเจ็บของมิคาสะเอาไว้ แล้วสติของมิคาสะก็ดับวูบไป...
...................................................................
"ที่นี่มัน..."
มิคาสะลืมตาขึ้นมาภายใต้แสงสว่างที่ส่องเข้ามายังดวงตาของเธออย่างรุนแรงราวกับจะทำลายเซลล์รับภาพของเธอให้ไหม้เป็นขนมปังในตู้อบ
"ฟื้นแล้วเหรอ..!! มิคาสะ!!!"
ที่ข้างๆตัวของสาวน้อยผมน้ำเงินคนนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูอาการของเธออยู่ไม่ห่าง เขาคนนั้นมาดูอาการของเธอเป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งเขาลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากการหลับใหลเพราะเพลียจากการไม่ได้นานมากว่าสามวันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มิคาสะตื่นขึ้นมาพอดี
"อย่าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกนะ..! รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอขนาดไหน...พวกเธอทั้งหมดเลยนะ!!"
เมื่อมิคาสะหันไปมองรอบตัว บนเตียงข้างๆที่ตั้งเรียงรายเป็นแถบ4ตัวภายในห้องนั้นมีร่างของseiriอีกสองคนกำลังนอนหลับอย่างสบายใจหลังผ่านการต่อสู้อันแสนโหดร้ายนั้นมาได้แล้ว สีหน้าของพวกเธอนั้นดูมีความสุขมากที่ได้เพื่อนที่สามารถระบายความคิดในใจออกมาได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
หากไม่นับเพื่อนสนิทสามคนที่ต้องสูญเสียไปในการต่อสู้นั้นด้วยละก็นะ...
'ฉันมีคำพูดนึงอยากจะส่งต่อให้เธอ...'
ตรงหน้าสาวน้อยผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนั้นคือเด็กหนุ่มที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้สมาชิกสาวน้อยทุกๆคนในบ้านนั้นมีความสุขโดยไม่มุ่งเน้นไปที่ใครคนหนึ่ง ไม่เคยหวังของตอบแทนความเหน็ดเหนื่อย...ไม่หวังความรักหรืออะไรตอบแทนทั้งนั้น
"ฮิซาชิคุง... ฉันมีเรื่อง...อยากจะบอกนายสักหน่อย ฉันเชื่อว่าทั้งสองคนนี้...ทั้งพวกที่ตายไปก็ดี...รวมทั้งมิรันก็อยากจะพูดคำนี้กับนายเหมือนกัน..."
สาวน้อยผมน้ำเงินที่บนแขนขวาของเธอมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่หันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเฝ้าอาการของseiriอีกสองคนที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อดีตคู่ต่อสู้ของพวกเธอในชุดผู้ป่วยสีม่วงอ่อนกำลังยกเสาถุงน้ำเกลือออกมาจากห้องน้ำในห้องพักผู้ป่วยพอดี
'ถึงเจ้าหมอนั่นจะชอบเล่นสนุกแบบไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่สักที... ถึงเจ้านั่นจะชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับ"ไขมันหน้าท้อง"ทุกๆวินาทีที่หายใจก็ตามที... ฝากคำพูดนี้เอาไปให้เธอบอกต่อให้หมอนั่นด้วยนะ! ถึงฉันจะไม่รู้ความหมายของมันก็เถอะ...'
ในขณะที่กำลังทวนความหลังอยู่นั้นเอง... มิคาสะก็ได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมาให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้ฟัง แม้ว่าเธอเอก็ไม่เข้าใจความหมายของมันก็ตามที...
"ฉันรักเธอ... ฮิซาชิคุง!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ