Angelics War นาย...อยากจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ

8.5

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.20 น.

  32 ตอน
  5 วิจารณ์
  37.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 12.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) ลางสังหรณ์ท่ามกลางความมืด (สปอยล์ให้เละ!!)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ที่นี่มันที่ไหนกัน... ทำไมมันมืดขนาดนี้..! ความมืดข้างหน้านี่มันช่างดูหดหู่และวังเวงยังไงชอบกล เมื่อกี้นี้เรายังอยู่กับฮิซาชิแล้วก็พวกโยโซระอยู่เลยไม่ใช่เหรอ... นี่เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"



มิคาสะลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้หลังจากที่หมดสติไปร่วมสองอาทิตย์ หลังจากจบการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับมนุษย์ที่ปรารถนาจะบันทึกเผ่าพันธุ์seiriลงไปในบัญชีสัตว์สูญพันธุ์ ฮิซาชิที่ยังคงสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆก็พาสาวน้อยทั้งสี่คนไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนใจเรื่องน้ำหนักถ่วงแต่อย่างใด


ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ตอนนี้พวกเธอก็ต้องอยู่ในโรงพยาบาลสิ! ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้!? และที่สำคัญกว่า...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?



ท่ามกลางความมืดที่อยู่ตรงหน้านั้น... มิคาสะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าห่างออกไปไม่มากอย่างช้าๆ ถึงมันจะไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนกับซายะกินแมวหรือไททันกินคนก็เถอะ ทั้งอย่างนั้นในสภาพที่แค่กระดิกปลายนิ้วก็รู้สึกเจ็บที่เส้นประสาทแล้วของมิคาสะนั้น ทำให้ความหวาดหวั่นเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเธอทีละนิดๆ


"นั่นใครน่ะ..!!!"


มิคาสะตะโกนออกไปยังความมืดที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีอะไรส่งเสียงตอบเธอเลยก็ตาม... มิคาสะก็ยังคงตะโกนถามอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า

และแล้วสิ่งที่มิคาสะกังวลอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้ก็เป็นจริง ด้านหลังของเธอที่ถูกบังด้วยปีกทั้งสองคู่ของเธอก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่งที่เหมือนกับกำลังประสงค์ร้ายกับเธออยู่เป็นเงาลางๆ เมื่อเธอรวบรวมพลังและความกล้าที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดที่จะตามมาหันกลับไปดูก็พบกับ...


"อย่านะ..!!!!"


สิ่งที่มิคาสะเห็นเมื่อหันกลับไปดูนั้นคือseiriคนหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนกับเด็กมัธยมต้นกำลังเงื้อหมัดจะชกใส่เธอ แผ่นปีกไร้ขนคู่หนึ่งที่ปรากฏออกมาที่กลางแผ่นหลังของสาวน้อยคนนั้นบ่งบอกว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตรูปแบบเดียวกับเธอ และแสงสว่างที่พอให้เห็นใบหน้าของเธอลางๆนั้นได้ทำให้มิคาสะรู้ในทันทีว่าเธอคนนั้น..."เป็นคนที่เฝ้าคอยที่จะพบเธอมานานแสนนาน"


แต่ถึงอย่างนั้นที่ด้านหลังของสาวน้อยคนนั้นก็ยังมีเงาผู้ชายอีกคนหนึ่งกำลังจ้องมองมายังพวกเธอทั้งสองคนอย่างไม่วางตา... สัดส่วนและรูปร่างของเขาคล้ายกับเด็กหนุ่มที่เธอรู้จักมานาน หากแต่ทันทีที่มิคาสะกำลังจะเรียกชื่อเขา ชายคนนั้นก็สยายปีกคู่หนึ่งที่กลางแผ่นหลังของเขาออกมากว้างจนทำให้มิคาสะต้องเงียบไป และไม่นานจากนั้นมากนัก... เงาดำของทั้งสองคนที่กำลังจะทำร้ายเธอนั้นก็จางหายไปเหลือเพียงควาว่างเปล่าเท่านั้น


"นั่นมัน...อะไรกัน..!"


มิคาสะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง สิ่งที่มิคาสะเห็นนั้นคือ"ฮิซาชิ"ชัดๆ!! แต่ว่าชายคนนั้นสยายปีกที่ฮิซาชิไม่มีออกมาราวกับกำลังขู่เธออยู่ ซ้ำปีกคู่นั้นยังเป็นเอกลักษณ์ของseiriที่น่าจะคงเหลือเพียงเธอกับสาวน้อยที่อายุน้อยกว่าเธออีกเพียงคนเดียวเท่านั้นอีกด้วย...

ปีกคู่นั้นเป็นปีกของ"อควารอยด์"ชัดๆ!!!


แต่ถึงอย่างนั้นมิคาสะกลับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก... อาจจะเป็นเพราะเธอเหนื่อยมามากกับการต่อสู้ครั้งที่แล้วก็เป็นได้ ทำให้สายตาของเธอมองไม่เห็นแสงสว่างที่ควรจะผ่านรูม่านตาของเธอเข้ามา รวมทั้งภาพหลอนนั่นด้วย...

หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ... ทำไมเงาผู้ชายคนนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด!? ราวกับว่าเป็นคนที่เธอไม่ได้พบหน้ามาเป็นระยะเวลาที่นานมาก...นานจนเธอจำไม่ได้แล้วว่าชายคนนั้นเป็นใคร
รวมทั้งseiriที่กำลังจะเล่นงานเธอด้วย...


"เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะ... ชิบุกิ!?"



ในระหว่างที่มิคาสะกำลังเข้าสู่สภาวะหดหู่นั้น... ที่พื้นข้างหลังเธอกลับมีเงาของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธออีกครั้ง ครั้งนี้ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากร่างของคนๆนั้นแตกต่างไปจากความรู้สึกที่มิคาสะสัมผัสได้ตอนที่เธอเจอกับเงาของseiriสองคนนั้นเป็นคนละด้านกระดาษไปเลย เป้นความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นห่วงเป็นใยมาก


"ใครกัน...น่ะ!?"


มิคาสะไม่มีแรงพอที่จะหันหลังกลับไปมองผู้ที่กำลังสาวเท้าเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ แน่นอนว่าถ้าสังหรณ์ของเธอผิดและใครคนนั้นมีจุดประสงค์ที่เข้าหาเธอแบบเดียวกับสองคนนั้นละก็... มิคาสะก็ไม่มีแรงพอแม้แต่ที่จะขยับปีกบินขึ้นไปอีกแล้ว

เงาคนที่อยู่ข้างหลังเธอค่อยๆลดฝีเท้าลงพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับฉีกขึ้นไปยังมุมปากราวกับกำลังยิ้มอยู่ ที่กลางหลังของเงาดำนั้นมีปีกอยู่คู่หนึ่งเหมือนกัน ถึงรายละเอียดจะมีไม่มาก...แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะให้มิคาสะสามารถระบุตัวคนๆนั้นได้



"ไง..! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! ถึงนี่จะเป็นภายในจิตใจเธอเองก็เถอะ"


เสียงผู้หญิงเรียบๆดังขึ้นมาจากด้านหลังของseiriที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนทำให้เธอมีความกล้ามากพอที่จะยอมแบกรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นทันทีที่เธอขยับกล้ามเนื้อหันกลับไปอีกครั้ง แต่ทันทีที่มิคาสะหันหลังกลับไป...ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจนถึงเมื่อครู่นี้ก็อันตรธานหายไปแล้ว

และสิ่งที่มิคาสะเห็นทันทีที่หันหลังกลับไปนั้นก็คือ... เงาตะคุ่มๆของสาวน้อยคนหนึ่งที่ตัวเธอในขณะนี้มีรูปร่างเท่ากันแล้ว ถึงแม้ว่าสาวน้อยคนนั้นจะคงสรีระสัดส่วนนี้มานานกว่าเธอถึงสิบกว่าปีก็ตาม...



"เธอคือ... ใช่เธอจริงๆเหรอ..!?"

"โตขึ้นเยอะเลยนะ มิคาสะ... สองปีแล้วสินะตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งสุดท้าย... ฮิซาชิคุงเป็นคนดีใช่ไหมล่ะ!?"


มิคาสะไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามิคาสะก็คือ พี่สาวที่เธออยากเจอมาตลอด คนที่เธอเคยปล่อยให้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดายที่สุด...


"ร้องไห้แบบนี้ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ มิคาสะจัง..."

ทันทีที่รู้ว่าseiriข้างหลังเธอเป็นใคร มิคาสะก็ปล่อยสารคัดหลั่งจากดวงตาของเธอออกมาอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เธอพยายามจะเช็ดมันออกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ถึงเธอจะเช็ดมันออกสักกี่ครั้ง...เจ้าของเหลวใสๆนั้นก็ยังคงไหลลงมาเลอะผิวแก้มสีขาวออกเหลืองของเธอทุกครั้งและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย


"ขอโทษจริงๆนะ..!! ฉันปกป้องยูนะไม่ได้...ฉันทำตามคำขอร้องของเธอไม่ได้... ขอโทษนะ!!!"

มิคาสะยังคงร้องไห้ไม่หยุด และทุกๆวินาทีเธอจะหลุดคำพูดที่ไม่น่าฟังออกมาให้สาวน้อยตรงหน้ารู้สึกไม่ดีที่เธอทำแบบนี้ มิรันจึงเอาแขนทั้งสองข้างโอบกอดน้องสาวของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน


"ไม่เป็นไรหรอก เธอพยายามดีที่สุดแล้วนี่... ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ"
"แต่ว่า... แต่ว่า..."


"ตอนนั้นฉันบอกเธอว่ายังไง ถ้าเป็นแบบนี้เธอจะปกป้องฮิซาชิคุงได้ยังไง..."


หลังจากที่มิคาสะสงบจิตใจลงได้ เธอก็ทรุดตัวลงนั่งเนื่องจากขาของเธอไม่มีแรงพอที่จะค้ำยันร่างกายของเธอให้ยืนอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มิรันก็เข้าใจดี... เพราะตัวเธอเองนั้นก็เป็นแบบนี้เหมือนกันในตอนที่รู้สึกตัวว่าชีวิตของเธอมีเวลาเหลือไม่มากพอที่จะดำรงอยู่เพื่อปกป้องทั้งมิคาสะและฮิซาชิให้พ้นจากอันตรายข้างหน้า


ทั้งนี้เพราะมิรันนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มิคาสะจำเป็นต้องวิวัฒนาการเป็นขั้นที่3ได้ในการโจมตีเพียงหมัดเดียว!! (อุ่บ! เผลอสปอยล์จนได้...)


"ฮิซาชิคุงแข็งแกร่งมากเลยล่ะ... ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆนะ!"

"ก็พี่ไม่ได้อยู่กับฮิซาชิคุงเหมือนฉันนี่นา... ว่าแต่ฉันมีเรื่องสงสัยอย่างนึงที่อยากให้พี่ช่วยตอบหน่อย"


มิคาสะก้มหน้าลงรวบรวมความกล้าและเสียงทั้งหมดที่มีในการจะถามคำถามที่น่าจะเป็นเรื่องน่าอายและเป็นความลับเฉพาะของผู้หญิงรายบุคคลให้ได้รู้เรื่อง ทั้งอย่างนั้นมิรันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะถามอะไร...ต่อให้แค่มองหน้ากันเพียงครู่เดียวก็ตาม


"พี่...ได้รับวิวัฒนาการมาได้ยังไง ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่มีความรักกับใครเลยไม่ใช่เหรอ..."


มิคาสะถามได้ตรงจังหวะมาก ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสังเกตเลยว่ามิรันนั้นมีวิวัฒนาการในระดับที่สูงมากจนสามารถจัดการทั้งเธอ,ยูนะ แล้วก็ฮิซาชิได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ว่าแต่...ทำได้ยังไง!?


"เธอรู้มาจากฮานามิแล้วสินะเรื่องเงื่อนไขแย่ๆในการวิวัฒนาการของseiri... ไม่งั้นเธอคงไม่มาถามฉันแบบนี้หรอก จริงไหม!?"

"ไหนๆเธอก็ถามฉันแล้ว... ฉันจะบอกให้ก็แล้วกันนะว่าฉันผ่านเงื่อนไขยากๆนั้นได้ยังไง"


"ก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นseiriระดับแรกเหมือนๆกับพวกเธอเมื่อสองปีก่อนนั่นแหละ... แต่ก็นะ! ไม่ว่าใครก็ต้องเคยผ่านระยะเริ่มต้นมาก่อนทั้งนั้น ถูกไหม!? เมื่อ22ปีก่อน ฉันได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง...เขาเป็นคนดีมากเลยล่ะ ดีพอๆกันหรืออาจจะดีกว่าฮิซาชิคุงของเธอจนเทียบไม่ได้เลยล่ะมั้ง!?"

ได้ยินดังนั้นมิคาสะก็ฉุนกึก "ฮิซาชิของเธอ"อะไรกัน


"แล้วพี่ก็ตกหลุมรักความใจดีของผู้ชายคนนั้น...แล้วโปรแกรมลิเวียธานก็ทำงานใช่ไหม!?"

"เปล่าเลย..! ฉันไม่สนใจเจ้าหนุ่มนั่นซะด้วยซ้ำ! ตอนนั้นฉันยังเป็นseiriที่ออกห้าวๆหน่อย สมบัติความเป็นกุลสตรีก็ไม่ค่อยมี... แต่แล้ววันหนึ่งที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง"


"ตอนนั้นน่ะเหรอ!!?"


"ใช่..! การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับผู้นำมาซึ่งความวิบัติได้ระเบิดขึ้นมา ฉันที่ยังเป็นseiriที่ยังไม่ค่อยแข็งแกร่งสักเท่าไหร่... ในระหว่างการต่อสู้นั่นฉันก็เกือบถูกฆ่า แต่ก็ได้เจ้าหนุ่มคนนั้นช่วยชีวิตเอาไว้ทันพอดี ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เริ่มรู้สึกดีๆกับเจ้าหมอนั่น จากความผูกพันก็กลายเป็นความรัก จากความรักก็กลายเป็นกุญแจในการวิวัฒนาการของฉัน"

"จริงสิ! ฉันมีคำพูดนึงที่เคยพูดกับคนที่ใจดีและเสียสละได้ขนาดนั้นอยู่ ฉันฝากเธอมอบให้กับคนสำคัญของเธอต่อจากนี้ได้หรือเปล่า..."

มิรันหันหน้ามามองมิคาสะหลังจากที่เงยหน้ารำลึกความหลังอยู่นานพอสมควร สายตาที่เธอมองมายังน้องสาวของเธอนั้นเป็นประกายสดใสเหมือนกับคนที่มีความรัก


"อะไรเหรอคะ..."

ทันทีที่มิคาสะถามขึ้นมา มิรันก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอ...



"เอาล่ะ... เธอมาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับไปอยุ่กับคนที่เป็นห่วงเธอจริงๆแล้วล่ะนะ"

มิคาสะจึงหันหลังกลับไป เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็วิ่งกลับมากอดมิรันเอาไว้แน่นมากอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากจะกลับไปพบกับความเป้นจริงที่แสนโหดร้ายอีกต่อไปแล้ว

"น่าๆ... ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันอีก ฉันรับประกันเลย!"


ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมาด้านหลังเข้ามาห่อหุ้มร่างกายที่บาดเจ็บของมิคาสะเอาไว้ แล้วสติของมิคาสะก็ดับวูบไป...


...................................................................




"ที่นี่มัน..."

มิคาสะลืมตาขึ้นมาภายใต้แสงสว่างที่ส่องเข้ามายังดวงตาของเธออย่างรุนแรงราวกับจะทำลายเซลล์รับภาพของเธอให้ไหม้เป็นขนมปังในตู้อบ


"ฟื้นแล้วเหรอ..!! มิคาสะ!!!"


ที่ข้างๆตัวของสาวน้อยผมน้ำเงินคนนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูอาการของเธออยู่ไม่ห่าง เขาคนนั้นมาดูอาการของเธอเป็นเวลานานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งเขาลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากการหลับใหลเพราะเพลียจากการไม่ได้นานมากว่าสามวันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มิคาสะตื่นขึ้นมาพอดี

"อย่าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกนะ..! รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอขนาดไหน...พวกเธอทั้งหมดเลยนะ!!"


เมื่อมิคาสะหันไปมองรอบตัว บนเตียงข้างๆที่ตั้งเรียงรายเป็นแถบ4ตัวภายในห้องนั้นมีร่างของseiriอีกสองคนกำลังนอนหลับอย่างสบายใจหลังผ่านการต่อสู้อันแสนโหดร้ายนั้นมาได้แล้ว สีหน้าของพวกเธอนั้นดูมีความสุขมากที่ได้เพื่อนที่สามารถระบายความคิดในใจออกมาได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง

หากไม่นับเพื่อนสนิทสามคนที่ต้องสูญเสียไปในการต่อสู้นั้นด้วยละก็นะ...


'ฉันมีคำพูดนึงอยากจะส่งต่อให้เธอ...'


ตรงหน้าสาวน้อยผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักนั้นคือเด็กหนุ่มที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้สมาชิกสาวน้อยทุกๆคนในบ้านนั้นมีความสุขโดยไม่มุ่งเน้นไปที่ใครคนหนึ่ง ไม่เคยหวังของตอบแทนความเหน็ดเหนื่อย...ไม่หวังความรักหรืออะไรตอบแทนทั้งนั้น


"ฮิซาชิคุง... ฉันมีเรื่อง...อยากจะบอกนายสักหน่อย ฉันเชื่อว่าทั้งสองคนนี้...ทั้งพวกที่ตายไปก็ดี...รวมทั้งมิรันก็อยากจะพูดคำนี้กับนายเหมือนกัน..."


สาวน้อยผมน้ำเงินที่บนแขนขวาของเธอมีสายน้ำเกลือเจาะอยู่หันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเฝ้าอาการของseiriอีกสองคนที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อดีตคู่ต่อสู้ของพวกเธอในชุดผู้ป่วยสีม่วงอ่อนกำลังยกเสาถุงน้ำเกลือออกมาจากห้องน้ำในห้องพักผู้ป่วยพอดี



'ถึงเจ้าหมอนั่นจะชอบเล่นสนุกแบบไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่สักที... ถึงเจ้านั่นจะชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับ"ไขมันหน้าท้อง"ทุกๆวินาทีที่หายใจก็ตามที... ฝากคำพูดนี้เอาไปให้เธอบอกต่อให้หมอนั่นด้วยนะ! ถึงฉันจะไม่รู้ความหมายของมันก็เถอะ...'


ในขณะที่กำลังทวนความหลังอยู่นั้นเอง... มิคาสะก็ได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมาให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้ฟัง แม้ว่าเธอเอก็ไม่เข้าใจความหมายของมันก็ตามที...



"ฉันรักเธอ... ฮิซาชิคุง!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา