Angelics War นาย...อยากจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 12.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) บทสรุปของคราบน้ำตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความseiriที่ผ่านการวิวัฒนาการมาแล้วนั้น จะมีระดับพลังที่สูงขึ้นกว่าเดิมมากชนิดที่เรียกได้ว่าเหมือนเด็กทารกกลายเป็นผู้ใหญ่ในชั่วพริบตา ทั้งพลังและขีดความสามารถต่างๆจะเพิ่มขึ้นสูงมากจนเทียบกันไม่ได้
และสิ่งที่สามารถยืนยันคำนิยามในเรื่องนี้ได้คือการที่มิคาสะสามารถเอาชนะโยโซระได้เมื่อสองปีก่อน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ มิคาสะเป็นฝ่ายถูกโยโซระเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่สามารถทำร้ายร่างกายของเธอได้เลยแม้แต่นิดเดียว
"ความรัก"..!?
เงื่อนไขในการวิวัฒนาการอันแสนยากเย็นนั้นสามารถถูกเธอก้าวข้ามได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอควารอยด์ที่ไม่มีโปรแกรมสำหรับมอบความรักให้กับคนอื่นด้วยแล้ว...ยิ่งไม่มีทางเคลียร์ได้ง่ายๆเป็นแน่!!
"โปรแกรมวิวัฒนาการ...ลิเวียธาน ทำงานได้!!"
โปรแกรมวิวัฒนาการร่างกายของอควารอยด์หนึ่งในสองคนสุดท้ายได้ถูกเปิดขึ้นใช้งานอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ระดับพลังของเจ้าตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างสังเกตได้แม้จะเพิ่งเริ่มขั้นตอนปฏิบัติการ
ทันทีที่แสงสีน้ำเงินที่เปล่งประกายออกมาจากกลางแผ่นหลังอันเป็นตำแหน่งของแกนปีกสิ้นสุดลง ร่างกายของseiriระดับสองที่ไม่สมประกอบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปครั้งใหญ่ บาดแผลฉีกขาดที่แผ่นหลังทั้งสองแห่งได้สมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นก็มีปีกคู่ใหม่งอกออกมาจากตำแหน่งที่ปีกเดิมเคยดำรงอยู่ ซ้ำยังงอกเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่งราวกับจะประชดเจ้าของร่าง สัดส่วนร่างกายของมิคาสะในตอนนี้เริ่มเข้ารูปเหมือนกับสาวน้อยอายุ18ที่กำลังจะเข้าสู่การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งท่ามกลางเทือกเขาหินที่รายล้อมอยู่
ชุดในโหมดต่อสู้ของเธอที่แสดงถึงความวาบหวิวในวิวัฒนาการขั้น2ของเธอนั้นเริ่มที่จะมีอะไรมาปกปิดแล้ว ส่วนช่วงล่างที่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากกางเกงหนังสั้นจู๋ชนิดเผยขาอ่อนแบบเต็มพิกัดได้เปลี่ยนไปเป็นกระโปรงคลุมลงไปถึงเข่าแบบเดียวกับพวกแองเจลอยด์ และความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากร่างนั้นก็แตกต่างจากพวกอควารอยด์โดยสิ้นเชิง หรือว่าแท้จริงแล้วมิคาสะจะเป็น...
"ระดับ3งั้นเหรอ... ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใกล้ระดับเดียวกับฮานามิหรือมิรันแล้วนะ..!"
"อย่าพูดชื่อพี่สาวฉันออกมาง่ายๆแบบนั้น... ยัยมนุษย์ผู้โดดเดี่ยว..."
ฮิโรมิกับโยโซระที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนseiriของพวกเธอรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มิคาสะสามารถจัดการก้าวข้ามเงื่อนไขวิวัฒนาการสุดหินนั้นไปได้อย่างง่ายๆ แต่สิ่งที่บังเกิดในใจของพวกเธอนอกจากความตกใจเล็กๆน้อยๆนั้นกลับเป็นความตกตะลึงอย่างหาที่สุดไม่ได้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่อควารอยด์จะมีออร่าที่แผ่ออกมาเป็นแบบเดียวกับแองเจลอยด์...หรือแม้แต่จะผสมผสานกับออร่าอควารอยด์ของเธอก็ตาม
"เมื่อกี้เธอบอกฉันอย่างนี้สินะ... การที่มีความผูกพันกับใครแล้วจะทำให้เราอ่อนแอลง ถ้าเธอจะเชื่อแบบนั้นฉันก็ไม่เถียง..."
มิคาสะหันขึ้นไปมองอาคาริที่กำลังลอยอยู่ข้างบนหัวเธอด้วยแววตา...ไร้ความรู้สึก สาวน้อยผู้มีปีกถึงสองคู่เปลี่ยนความรู้สึกจากที่ได้รับผลกระทบจากการวิวัฒนาการจนไปกดความสามารถในการแสดงอารมณ์จนไม่มีเหลือให้กลับคืนมาอีกครั้ง สายตาของมิคาสะที่จ้องไปยังคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวของเธอนั้นราวกับว่าต้องการจะชี้นำเธอไปในทางที่ควรจะเป็น
"แต่ว่านะ! การที่ฉันมีความผูกพันกับฮิซาชิน่ะไม่ได้ทำให้ฉันอ่อนแอลงเลย... แต่มันกลับทำให้ฉันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปต่างหาก"
"ฉันไม่เข้าใจเธอเลย... มิคาสะจัง!" อาคาริกัดฟันอย่างหงุดหงิด
"การมีความผูกพันกับใครน่ะทำให้เราเปิดช่องโหว่ง่ายขึ้น...เพราะเราต้องมุ่งสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง แล้วยังจะพูดอย่างนั้นได้อีกเหรอ!!!"
อาคาริปล่อยลำแสงเพลิงใส่มิคาสะทันที แต่มิคาสะกลับสามารถปัดการโจมตีนั้นออกจากตัวได้จนไประเบิดที่ภูเขาหินห่างจากบริเวณนั้นไปหลายกิโลเมตร แรงระเบิดอันมหาศาลได้ทำให้ภูเขาลูกนั้นเปลี่ยนรูปไปจนจำเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้
"รุ่นพี่รู้หรือเปล่า... ว่าการที่เราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องคนที่เรารักน่ะ มันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น...แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไปอีก!! เราจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจนก้าวข้ามขีดจำกัดของทุกๆเรื่องไปได้ แล้วฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นถึงเรื่องนี้เอง!"
มิคาสะเดินเข้าไปหาฮิซาชิที่กำลังทรมานกับอาการบาดเจ็บที่ทวีความรุนแรงขึ้นเพราะความบ้าบิ่นของเขา คราวนี้เธอสามารถดำเนินการรักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บทั้งหมดได้เร็วกว่าเดิมมาก ทั้งนี้เป็นเพราะวิวัฒนาการที่ได้มาและความตั้งใจจริงที่ปราสจากความลังเลของเจ้าตัว
"มาทำให้เรื่องนี้มันจบไปเลยดีกว่า...รุ่นพี่อาคาริ ระหว่างพวกเราที่ยึดมั่นในสายสัมพันธ์...กับรุ่นพี่ที่ยึดมั่นในความโดดเดี่ยว อะไรจะเหนือกว่ากัน!"
ว่าแล้วมิคาสะก็ยังไม่บุกเข้าไปหาอาคาริในทันที เธอเหลียวดวงตาสีน้ำเงินอันเป็นประกายไปยังสาวน้อยผู้เปี่ยมล้นไปด้วยสิ่งที่สามารถเคลียร์เงื่อนไขวิวัฒนาการได้เป็นครั้งที่สองอย่างสบายข้างๆเธออย่างช้าๆ โยโซระยังคงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเส้นทางไหนระหว่างความเป็นseiriที่ไม่สามารถรักใครได้...กับเส้นทางของมนุษย์ที่ไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของseiriได้
"แต่จะบอกอะไรให้อย่างนึงนะ... การที่seiriจะตกหลุมรักกับมนุษย์น่ะ...ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก!"
ในตอนนั้นเองที่โยโซระได้แนวคิดใหม่มาจากคำพูดนั้น เธอไม่เคยลองคิดมุมกลับเลยทั้งๆที่ทุกคนต่างก็ตัดสินใจจนขาดแล้ว ถึงแม้จะเป็นseiriที่มีความรักกับผู้อื่นมากที่สุด...เธอกลับยังไม่สามารถวิวัฒนาการได้เลย
"ถ้าเลือกที่จะรักใคร...มันก็เป็นสิทธิ์ของคนๆนั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตัดสินใจแทนได้... มันก็เท่านั้นเอง!!"
สาวน้อยผมน้ำตาลออกเหลืองย้อนคิดถึงทุกๆอย่างที่เธอได้รับจากฮิซาชิ ทั้งรอยยิ้มที่สูญเสียไป...รองเท้าเก่าๆขาดๆที่เธอเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีที่ขนาดเท้าของเธอพอดีที่จะใส่มันแล้ว...รวมไปถึงสิ่งที่ฮิซาชิมอบให้เธอหลายต่อหลายครั้งโดยไม่คิดหวังอะไรจากเธอแม้แต่ครั้งเดียว...
"การให้อภัย"
"พอได้แล้ว..!! ฉันไม่อยากได้ยินอะไรจากseiriอย่างเธออีกต่อไปแล้ว!!!"
อาคาริตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างที่มีกับทุกๆคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นจนเกลี้ยงก่อนที่จะเป็นฝ่ายบุกเข้าประจัญบานกับคู่ต่อสู้ที่มีถึงสามคนอย่างไร้ซึ่งความปรานี เป็นหน้าที่ของฮิโรมิที่จะบุกเข้าไปสกัดลูกพลังในมือของอาคาริเอาไว้ก่อนที่เธอจะโยนมันออกมา
ดาบของเทอร์รารอยด์ที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้วกับลูกพลังจากร่างของมนุษย์ที่ก้าวข้ามseiriไปได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดแสงสว่างวาบเป็นระยะกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่กลายเป็นสีดำสนิทจากกลุ่มเมฆที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
"ฮึ่ยยย!!"
ฮิโรมิไม่สามารถทานกำลังที่ยังคงเหนือชั้นกว่าได้ก่อนที่จะสะบัดปลายดาบแยยกตัวออกมา ดูเหมือนว่าด้วยพลังที่รุนแรงกว่าของอาคารินั้นจะส่งผลให้คริสซาโอร์บิ่นไปเล็กน้อย
"ถึงพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วเพราะวิวัฒนาการ แต่อาคาริก็ยังแข็งแกร่งกว่าพวกเธออยู่ดี พวกเธอจำเป็นต้องประสานกันทั้งสามคนถึงจะเอาชนะยัยนั่นได้!!"
บนพื้นหินด้านล่าง ฮิซาชิที่ฟื้นตัวเต็มร้อยจากการรักษาที่รวดเร็วของมิคาสะได้ลุกขึ้นให้คำแนะนำเหล่าseiriที่กำลังดำเนินการตัดสินครั้งสุดท้ายกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้า อันที่จริงแล้วถ้าฮิซาชิจะเข้าไปต่อสู้กับเธอเองก็น่าจะง่ายกว่านี้เยอะนะ..!?
"นายยังมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือเปล่า!?"
"แน่นอน..." ฮิซาชิหลับตาลงเพื่อจินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นจริง ซึ่งในนั้นไม่มีภาพความตายของผู้ที่อาศัยในบ้านเขาเลยแม้แต่ภาพเดียว
"อย่าฆ่าอาคาริล่ะ..!"
พวกมิคาสะขานรับคำแนะนำของฮิซาชิราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเด็กหนุ่มคนดังกล่าวจะพูดประโยคเมื่อครู่นี้ออกมา แน่นอนว่าถ้าเพื่อเป็นการทำเพื่อฮิซาชิแล้ว...seiriที่ได้รัการเหลียวแลจากตัวเขานั้นก็พร้อมที่จะตอบสนองในทุกเรื่อง
หากแต่ว่าพวกมิคาสะเองก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ของพวกเธออยู่แล้วเช่นกัน...
"นายนี่มัน...ไม่ได้เปลี่ยนไปจริงๆนะ Power Field ขยายเต็มกำลัง!!"
มิคาสะกางม่านพลังสีฟ้าออกจนครอบคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ความสามารถการแฮคเพียงหนึ่งเดียวของเธอขยายออกจนครอบคลุมรัศมีกว่า10กิโลเมตร ม่านพลังนั้นทำให้ดาบและโล่ของฮิโรมิเปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม...และยังมีพลังทำลายและการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นมาก
"แล้วไงล่ะ! ต่อให้กางม่านพลังนั่น ยังไงเธอก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่---"
"มั่นใจแล้วเหรอ!!!!"
โยโซระยิงกระสุนเพลิงดำนับสิบๆนัดใส่อาคาริอย่างรวดเร็ว แต่อาคาริก็ยิงกระสุนเพลิงสะกัดไว้อย่างทันท่วงที...
หรือเปล่า!?
อาคาริไม่แทบเชื่อสายตาตัวเอง... กระสุนเพลิงดำของโยโซระเบนหลบกระสุนไฟของเธอก่อนที่จะเข้าปะทะกัน ทำให้อาคาริต้องรีบบินหลบการโจมตีที่เลี้ยวไปมาได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว
แต่ก็ไม่พ้น...
ตู มมม!!!!มมมมมม
"นั่นมัน!"
"ปกติการโจมตีของโยโซระจะเป็นระบบที่พุ่งตรงไปยังแนวโจมตีที่กำหนดเอาไว้ตายตัวเท่านั้น... แต่ภายในพื้นที่การแฮคของฉัน ฉันสามารถเปลี่ยนทิศทางให้สามารถหลบการโจมตีสวนของเธอได้อย่างอิสระและเพิ่มความเร็วของกระสุนนั้นได้...แบบเดียวกับที่ฉันเคยทดลองเอาไว้ตอนที่ยังอยู่ระดับสองเมื่อกี้ไงล่ะ! เอาเลย...ฮิโรมิ!!"
อาคาริโดนการโจมตีของโยโซระเข้าไปเต็มๆ พลังทำลายที่สูงขึ้นของกระสุนเพลิงดำนั้นทำให้อาคาริบาดเจ็บได้มากพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีเวลาพอสำหรับแสดงอาการเจ็บปวดออกมาสักเท่าไหร่...
ฮิโรมิกับมิคาสะบินเข้าไปสู้กับอาคาริอย่างดุเดือด ความเร็วในการเข้าปะทะและแยกออกมานั้นเร็วจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า การเคลื่อนไหวของฮิโรมิเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก...ทำให้เธอสามารถฟันโดนอาคาริได้บ่อยครั้งขึ้น จนกระทั่งอาคาริเริ่มทนไม่ไหว...
"มันจะมากไปแล้ว ยัยเด็กเทอร์รารอยด์!!"
อาคาริที่โมโหถึงขีดสุดระดมยิงลูกไฟใส่ฮิโรมิอย่างต่อเนื่อง แต่ฮิโรมิก็สามารถหลบการโจมตีได้ทุกนัดราวกับกำลังเต้นยิมนาสติกลีลาการอากาศได้อย่างอิสระ
"ถึงคนเดียวจะสู้อาคาริไม่ได้ แต่ถ้ารวมพลังของทั้งสามคนเข้าด้วยกันละก็...ต้องเอาชนะได้แน่!!"
ฮิโรมิได้โอกาสเข้าประชิดตัวอาคาริ ก่อนจะใช้ดาบฟันเข้าที่ไหล่ของเธอจนบาดเจ็บจนยกไหล่ไม่ขึ้น ทั้งอย่างนั้นอาคาริก็ยังไม่ยอมแพ้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮิโรมิหยุดการเคลื่อนไหวลงตรงหน้าเธอพอดี
"หนอย! อีนังนี่!!"
อาคาริใช้หลังมือฟาดเข้าที่หน้าของเธออย่างเดือดดาล แต่ฮิโรมิก็หายแว่บไป ทำให้อาคาริต้องหันไปมองรอบตัวเพื่อให้สามารถมองเห็นการโจมตีต่อไปของคู่ต่อสู้ที่เปรียบเสมือนตัวม้าในเกมหมากรุกได้ แล้วก็..!!!
โอ๊ย!!!!!
ฮิโรมิใช้โล่กระแทกอาคาริจากด้านหลังอย่างหนักหน่วงจนอาคาริค่อยๆตกลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งเข้าทางโยโซระกับมิคาสะที่รอจังหวะดีๆอย่างนี้อยู่พอดี
"กรุณาทำตัวดีๆซะ รุ่นพี่อาคาริ!"
มิคาสะเร่งพลังสร้างลูกบอลสีฟ้าแล้วกุมมันไว้ข้างลำตัว ส่วนโยโซระก็สร้างลูกไฟยักษ์ที่ธนูที่เธอเรียกขึ้นมา ก่อนจะยิงใส่อาคาริพร้อมกันจนกลายเป็นการโจมตีรวมที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่มนุษย์คิดค้นระเบิดไฮโดรเจนขึ้นมาได้
"เอจิส!! กางได้!!!"
หลังจากที่พวกเธอปล่อยพลังสูงสุดของพวกเธอเข้าจู่โจมอาคาริแล้ว พวกเธอก็กางเอจิสคลุมตัวอาคาริเอาไว้สองชั้น ก่อนที่จะเกิดระเบิดอย่างรุนแรงราวกับระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นภายในนั้น ซึ่งเอจิสที่พวกเธอคลุมไว้ได้กักแรงระเบิดเอาไว้ภายใน หากพวกเธอไม่กางเอจิสครอบไว้ แรงระเบิดจะพัดทำลายทุกสิ่งในรัศมีเกือบ20กิโลเมตรจนพินาศแน่นอน
ครืนนนน.......
"หึๆๆๆ เจ็บจริงๆแฮะ! เกิดมาก็ไม่เคยบาดเจ็บถึงขนาดนี้มาก่อนเลย... ยัยseiriงี่เง่าพวกนั้น"
ท่ามกลางควันระเบิดนั้น อาคาริยังคงมีชีวิตอยู่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปคล้ายกับคนบ้า พวกเธอทั้งสี่คนมองหน้ากันอยู่นานมาก ขณะนั้นเสียงที่เคยเกิดขึ้นก้เงียบกริบจนได้ยินเสียงหินที่ปริออก ก่อนมิคาสะจะพุ่งเข้าไปหาเธอ
มิคาสะกับอาคาริพุ่งเข้าหากันอย่างเดือดดาล ทั้งสองกำหมัดเตรียมจะชกกันได้แล้ว
"เอาไปซะ!!!!"
จังหวะที่จะแลกหมัดกัน อาคาริได้จังหวะพุ่งหมัดเข้าไปก่อน แต่มิคาสะได้ใช้มือซ้ายปัดหมัดของเธอออก ก่อนจะเหวี่ยงหมัดขวาเข้าปะทะกับใบหน้าของหญิงสาวจนเลือดสาดกระเด็นไปทั่วท้องฟ้า
"เธอชอบแบบนี้ใช่ไหม!!!"
มิคาสะยังคงบินเข้าหาเธออีก เธอเอามือบีบคออาคาริแล้วพุ่งลงสู่พื้นหินด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ตูมมมม!!!มมมมม!!!
อาคาริตกลงไปกระแทกพื้นหินอย่างรุนแรงจนเกิดควันโขมงกระจายเป็นวงกว้าง ท่ามกลางฝุ่นควันที่คลุ้งขึ้นมานานจนเริ่มตกลงสู่พื้นด้านล่างนั้น มิคาสะกำลังก้มมองอาคาริอย่างสังเวช
"จบลงแล้วล่ะนะ รุ่นพี่อาคาริ!"
มิคาสะจัดการสร้างตัดสายฟ้าขึ้นที่มือขวาของเธอก่อนจะยืดระยะออกไปจ่อคอสาวน้อยผมดำอย่างกระชั้นชิด หากว่าคู่ต่อสู้ของเธอขยับแม้แต่ปลายเล็บ หอกที่แข็งแกร่งที่สุดของอควารอยด์สาวคนนั้นจะเสียบลงไปจนมิดด้ามทันที
แต่แทนที่เธอจะได้ยินคำร้องขอชีวิต...
"เอาเลยสิ! ยัยอควารอยด์กระจอก..." อาคาริฉีกยิ้มกว้างอย่างซาดิสม์ก่อนจะท้าทายเธอ
"ยังไงฉันมันก็ไม่เพื่อนอยู่แล้ว ถึงฉันตายไปก็ไม่มีใครเสียใจหรอก!!"
"พอได้แล้วล่ะ... มิคาสะ... อาคาริ..."
"เอ๋..!" ทั้งสองคนหันไปมองต้นเสียงทันที ฮิซาชิกำลังไถลลงมายังก้นหลุม ก่อนจะเดินเข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างๆอาคาริ
"ที่ผ่านมาเธอคงทรมานมากเลยสินะ... แต่มันจบลงแล้วล่ะ... เธอไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของใครอีกแล้วล่ะ"
"ฮิซาชิ..คุง..." อาคาริพูดอย่างเหนื่อยล้าทันทีที่ฮิซาชิยกมือขึ้นมาลูบผมเธอเบาๆ
"เธอลองหันไปดูรอบๆสิ ทุกๆคนที่นี่เขาเป็นห่วงเธอนะ ถึงเธอจะเป็นศัตรูก็เถอะ..."
อาคาริหันไปมองสามสาวที่ค่อยๆบินลงมาอยู่ข้างตัวเธอ เธอค่อยลุกขึ้นมาในท่านั่งขัดสมาธิที่ปราศจากสมาธิ ตรงหน้าที่อาคาริเห็นนั้น...เหล่าseiriที่เป็นคู่ต่อสู้ของเธอจนถึงเมื่อสักครู่นี้ค่อยๆลดระดับลงมายังพื้นหินข้างล่างอย่างช้าๆ โดยไม่มีจิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างพวกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีแม้แต่ข้างในจิตใจลึกๆ
"เป็นความจริงเหรอ... ทำไมพวกเธอถึง..!"
"ก่อนหน้านี้เคยมีไอ้บ้าคนนึงที่ไหนก้ไม่รู้เคยพูดให้ฉันฟัง ไอ้บ้าที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆเธอนั่นแหละ..."
มิคาสะพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม ถึงจะเจ็บแผลก็เถอะ...
"เจ้านั่นดันทำเท่ทั้งๆที่โดนฉันเล่นงานไปแผลนึงว่า 'ฉันไม่นับ...คนที่ยิ้มไปด้วยกัน...คนที่หัวเราะไปด้วยกัน...เป็นศัตรูหรอกนะ!' เจ้านี่มันบ้าถึงกระดูกจริงๆ..."
ได้ยินดังนั้น อาคาริก็น้ำตาคลอทันที ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะฆ่าพวกseiriจริงๆ พวกseiriก็ยังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่อย่างนั้นเหรอ...
"ขอบ...ใจจริงๆนะ ทุกคน!"
อาคาริน้ำตาไหลทันทีที่เอ่ยคำนี้ออกมา พร้อมกันนั้นน้ำตาของทุกคนก็ไหลออกมาจนควบคุมไม่ได้ เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากความรู้สึกของพวกเธอจริงๆ...
"แล้วก็...ที่รุ่นพี่บอกว่าไม่มีคนที่รักรุ่นพี่เลยน่ะ มันไม่จริงหรอก..."
สามสาวที่ยืนอยู่ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความสุข...และความเศร้า
"จริงๆแล้ว... ฮิซาชิน่ะ..."
มิคาสะพูดได้แค่นี้ก่อนที่เธอจะหมดสติไปกับพื้น... และไม่ใช่แค่เธอคนเดียว ผู้หญิงทุกคนที่นั่นก็หมดสติไปเหมือนกัน...
ฮิซาชิจึงรีบพาพวกเธอไปโรงพยาบาลทันที...ในสภาพนั้น!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ