ข้ามขอบฟ้ามาพบรัก
-
เขียนโดย zhengxiuwen
วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.32 น.
7 บท
1 วิจารณ์
11.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 23.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บทที่5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่5
“ขออนุญาตครับนายน้อย” เสียงเนิบๆดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเคาะประตู
“เข้ามา”
“นายน้อย” ผู้มาใหม่เอ่ยปากเรียกเผิงเฟยพลางโค้งคำนับต่ำ
“ขอโทษที่ต้องเรียกนายมาในตอนดึกแบบนี้นะ” เผิงเฟยเอ่ยปากขอโทษลูกน้องอย่างด้วยใจจริง
“มิได้ครับ นายน้อยมีอะไรให้ผมรับใช้”ชายผู้มาใหม่กล่าวอย่างนอบน้อม แววตาเคารพบูชาจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายฉายชัดแน่วแน่
“เกิ่งซิน ต่อไปนี้ฉันมีเรื่องอะไรให้นายช่วยสักหน่อย” เผิงเฟยพูดกับลูกน้องของตนเองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งงานเสียงหวานเดือดดาลที่ดังมาจากห้องข้างๆ ทะลุเข้ากลางป้อง
“อีตาบ้า คนโรคจิต ย้ากกก” เสียงสบถปรามาสนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงตุบตับของหมอนนุ่มที่ถูกฟาดเข้ากับเตียง
เผิงเฟยหลุดขำออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้านวลที่แดงขึ้นทันควันหลังจากที่เขาก้มลงไปหอมแก้มเล็กๆน้อยๆ ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขาเลยแม้แต่น้อย
‘ท่าทางเจ้าตัวคงจะโกรธจนถึงขีดสุดแล้วล่ะสิท่าถึงได้ระบายอารมณ์ออกมาแบบนี้ นี่คงมั่นในนักล่ะสิว่าถ้อยคำระบายอารมณ์ต่างๆที่ระบายออกมา ยังไงๆผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง? หึหึ แต่เสียใจนะสาวน้อย ผมเข้าใจมันได้ดีทุกคำนั่นแหละ!’
เผิงเฟยหัวเราะหึหึเหมือนสนุกกับอะไรสักอย่าง ที่จริง...ไม่ใช่เพียงแค่เขาหรอกนะ คนในบ้านนี้ส่วนใหญ่ก็เข้าใจภาษาไทยเหมือนกันทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะหรือ? นั่นก็เพราะนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเหว่ยก็เป็นคนไทยเหมือนกันยังไงล่ะ! แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้ภาษาไทยกับเธอแถมยังไม่ยอมให้คนในบ้านพูดภาษาไทยด้วย คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย ถ้าเธอรู้ว่าเขาพูดภาษาไทยได้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ!
แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อเผิงเฟยนึกปัญหาอื่นๆที่จะตามมา เผิงเฟยนึกโทษโชคชะตา ทำไมเขาจะต้องมาเจอเธอในช่วงเวลาที่เหตุการณ์กำลังปะทุ ถามว่าดีใจไหมที่ได้เจอเธออีกครั้งหลังจากที่ตามหามานานแสนนาน แน่นอน เขาดีใจชนิดที่เรียกว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ดีใจได้ขนาดนี้มาก่อนเลย แต่เพราะเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้เขากลัวไปหมด กลัวไปสารพัด และสิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือ ไม่สามารถปกป้องเธอจากอันตรายได้ เผิงเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“การที่อิงเหลียนต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำพลาดมา” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
“นายน้อย” เกิ่งซินเรียกผู้เป็นนายเสียงแผ่ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยที่แสนจะเก่งกาจ เยือกเย็นของเขาจะใช้น้ำเสียงอ่อนแรงแบบนี้กล่าวตำหนิตัวเอง
“หึ นายคงจะแปลกใจสินะ ว่าทำไมคนที่ไม่เคยหวาดหวั่นกับเรื่องอะไรถึงได้เป็นห่วงกังวลผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งนัก?”
เกิ่งซินเลือกที่จะรับฟังอย่างนิ่งเงียบ
“เกิ่งซิน นายรู้ไหม ตอนนี้ต่อให้ฉันใช้เหตุผลที่เข้าใจง่ายขนาดไหนนายก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เอาไว้สักวันหนึ่งนายได้เจอกับคนที่นายรักจนสุดหัวใจ ในวันนั้นนายจะเข้าใจเองว่าความรู้สึกที่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องเจอกับเรื่องร้ายๆมันเป็นยังไง” เกิ่งซินมองใบหน้าที่ของผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจว่า คำว่า “รัก” มันมีพลังที่จะเปลี่ยนบุคลิกของคนๆหนึ่งให้ เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ
“ฉัตตาเป็นหัวใจของฉันเกิ่งซิน” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น “ฉันจะขอฝากหัวใจของฉันไว้ให้นายดูแลได้ไหม?”
คำขอร้องที่ออกมาจากปากของผู้เป็นนายทำให้เกิ่งซินรู้สึกตื้นตัน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นายน้อยจะยอมมอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้กับเขา ทั้งๆที่รอบกายของนายน้อยคนที่มีฝีมือเหนือเขานั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย
“ผมจะขอคุ้มครองความปลอดภัยของนายหญิงน้อยไว้ด้วยชีวิตของผม” เกิ่งซินให้คำสัญญาหนักแน่น
“ขอบใจนายมาก เกิ่งซิน”
นายน้อยของเขากำลังยิ้ม!
เกิ่งซินมองรอยยิ้มของผู้เป็นนายอย่างตะลึงงัน รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง ยิ้มเพราะมีความสุขจริงๆ ไม่ใช่ยิ้มหยันและไม่ใช่รอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างทุกๆครั้ง! ผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนที่สามารถทำให้นายน้อยได้พบกับความสุขเสียทีสินะ? เกิ่งซินมองรอยยิ้มนั้นแล้วตัดสินใจแน่วแน่ เขาขอสาบานต่อฟ้า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้หญิงคนสำคัญของนายน้อย แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ฉัตตานั่งทุบหมอนโดยจินตนาการให้หมอนนุ่มๆเป็นใบหน้าของใครบางคน...ฮึ้ย...เกิดมาเธอยังไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนเลยแตะเนื้อต้องตัวเลยนะ!อ้อ!จะบอกว่าไม่มีก็ไม่ใช่ น้องชายนี่นับไหม? เอาเถอะจะนับหรือไม่นับก็ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย แต่มันอยู่ที่จู่ๆผู้ชายคนนั้น... เขา..เขา...หอมแก้ม! เขาหอมแก้มเธอเชียวนะ! หอมแก้มซึ่งๆหน้าต่อสายตาคนนับสิบเลยนะ! แต่อารมณ์โมโหโทโสของเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้มาเยือนยามวิกาลทำให้ความโกรธของเธอสลายหายวับแล้วกลายเป็นตกตะลึง
ผู้ชายอะไร้ หน้าหวานเป็นบ้า!
ผู้มาเยือนเอ่ยปากทักทายและแนะนำตัวอย่างนอบน้อมจนเธอทำตัวไม่ถูก เพราะเธอไม่เคยชินที่มีคนมาพินอบพิเทาแบบนี้
“นายหญิงน้อย?”
นอกจากหน้าหวานเสียงยังหวานอีก!
“อ๊ะ คะ...เอ่อ คุณ อ่า..เกิ่งซินใช่ไหมคะ? ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกับฉันแบบนี้หรอกค่ะ ฉันชื่อหลินอิงเหลียนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็อย่าเรียกฉันว่านายหญิงน้อยเลยค่ะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเขาจะเข้าใจผิดกันไปหมด ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเหว่ย”
เกิ่งซินได้แต่ยิ้มๆไม่ตอบรับหรือปฎิเสธในคำพูดของหญิงสาว เพราะไม่ว่าเธอจะ “อยาก”หรือ “ไม่อยาก”เป็นอะไรกับนายน้อยของเขา ยังไงๆตำแหน่งนายหญิงน้อยนี้ก็เป็นของเธออยู่ดี เพราะเจ้านายของเขาต้องหาทางให้เธอยอมรับตำแหน่งนี้ให้ได้เป็นแน่
“จากที่ฟังเมื่อสักครู่ ความหมายของคุณเหว่ยก็คือฉันสามารถจะทำอะไรไปไหนก็ได้ทั้งนั้นใช่ไหมคะ”
“ครับ”
‘เฮ้อ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าต้องติดแหงกอยู่แต่ที่นี่เสียแล้ว อย่างนี้ก็กลับไปทำงานพิเศษได้เหมือนเดิม แถมเขาต้องเป็นพวกบ้างานไม่ค่อยกลับบ้านแน่ แบบนี้ไม่แน่เราก็อาจจะ...’รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว
“แต่...”
คำว่าแต่ทำเอาความคิดของฉัตตาสะดุด
“แต่ที่ที่นายหญิงน้อยไม่สามารถไปได้คือมหาลัย ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงบริเวณรอบๆในระยะสองกิโลเมตรด้วยครับ”
ฉัตตาอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
หมดกัน!แผนที่อุตส่าห์วางไว้ ล่มไม่เป็นท่าเลย!
“แต่ว่า..”
“ถ้าหากหลินเม่ยเมยจะต่อรอง อ้างนู่นอ้างนี่แล้วล่ะก็ ที่ที่น้องจะไปไหนมาไหนได้ก็จะเหลือแค่ข้างๆกายพี่ชายคนนี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจ้ะ”
“คุณ!” ฉัตตาหันขวับตามต้นเสียงยียวนที่ดังขึ้น แล้วใบหน้านวลก็แดงระเรื่อ สัมผัสเบาๆที่ข้างแก้มก่อนที่เขาจะเดินลุกเดินไปจากโต๊ะอาหารร้อนวูบขึ้นมาใหม่
“เกิ่งซิน นายไปพักเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
“ครับนายน้อย ราตรีสวัสดิ์ครับนายน้อย ราตรีสวัสดิ์ครับนายหญิงน้อย”
ตัวช่วย(ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้)สุดท้ายของฉัตตา เดินกลับออกไปอย่างว่องไว
‘ไหนบอกว่าจะมาคอยดูแลความปลอดภัยให้ไง ไหงทิ้งกันง่ายๆแบบนี้ล่ะ รู้ไหมผู้ชายคนนี้น่ะเป็นตัวอันตรายมากถึงมากที่สุดเลยนะ!’ฉัตตากรีดร้องภายในใจ
“หลินเม่ยเมยไม่ต้องกลัวพี่ขนาดนั้นก็ได้ แหม เงียบซะถ้าเข็มตกมันคงจะดังก้องไปทั้งห้องเลยนะเนี่ย” เผิงเฟยเอ่ยแซวฉัตตาที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ขยับไปไหน
“พรมหนาซะขนาดนี้ ต่อให้ทุ่มแจกันลงบนพื้นก็คงได้ยินหรอก!” ฉัตตาเบ้หน้าบ่นพึมพำกับตัวเองพลางสะบัดหน้าเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง
“หลินเม่ยเมยพูดว่าอะไรนะ”เผิงเฟยแกล้งตีหน้าซื่อไม่ได้ยินในสิ่งที่หญิงสาวประชดประชัน พลางเดินตามเข้ามาโดยเปิดประตูห้องทิ้งไว้ เพื่อลดความหวาดระแวงในตัวของหญิงสาว
“เลิกเรียกฉันแบบนี้เถอะค่ะ นี่คุณคงไม่ถือเอาคำพูดที่โต๊ะอาหารมาเป็นจริงเป็นจังหรอกใช่ไหมคะ” ฉัตตาเลิกใช้อารมณ์แล้วเริ่มต้นใช้เหตุผล
“ถึงจะไม่ถือเป็นเรื่องจริงแต่ผมว่าเรียกแบบนี้น่ารักดีออก”
“ที่คิดว่าน่ารักฉันว่าคงมีคุณแค่คนเดียวนั่นแหละค่ะ” ฉัตตาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขำขัน หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์แล้วลองมาคิดดูดีๆ ถึงแม้จะพึ่งรู้จักกันและเธอก็ไม่ได้มีเซ้นส์ในการดูคนที่แม่นแบบต้นข้าว แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอไม่ได้เป็นพวกเผด็จการไร้เหตุผลอย่างแน่นอนการที่เขาไม่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังแม้เพียงย่างก้าว มันจะต้องมีเหตุผลอยู่แน่ๆ ถ้าหากลองพูดด้วยดีๆใช้เหตุใช้ผล เขา “น่าจะ”บอกความจริงกับเธอ
“คุณเหว่ยคะ คุณบอกฉันมาตามตรงเถอะนะคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันถึงต้องอยู่ที่นี่ แถมแถวๆมหาลัยก็เฉียดเข้าใกล้ไม่ได้ นี่ยังไม่รวมถึงฉันต้องมีคนคอยคุ้มกันดูแลตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอกนะคะ ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เหมือนกันว่าตัวฉันเองเข้าไปพัวพันอยู่กับเรื่องอะไร”
เผิงเฟยถอนหายใจเฮือก ไม่ใช่เขาไม่อยากบอก แต่บอกไม่ได้ต่างหาก! เพราะนี่ไม่เพียงแต่เธอที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ แต่บุคคลที่เธอรักที่สุดในชีวิตของเธอทั้งสองอาจถูกดึงเข้ามาให้เกี่ยวพันด้วยก็อาจเป็นได้ ถึงแม้เขาจะสั่งให้คนไปดูแลแม่และน้องชายของเธออย่างใกล้ชิดและยังฝากฝังไปกับซึลกีและชิอากิแล้ว แต่คนที่คิดมากแบบเธอ เชื่อได้เลยว่า เธอต้องวิตกกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกเป็นเดือนๆก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อตัวเธอแล้ว ถึงแม้จะดูเผด็จการไร้เหตุผลไปหน่อย แต่เพื่อเธอ ให้รับบทตัวร้ายชั่วคราวเขาก็ยินดี
เผิงเฟยตีหน้าขรึม แววตาระยับวับวาวเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเย็นชา น้ำเสียงหยอกล้อเป็นกันเองแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง น้ำเสียงแบบเดียวกันกับที่เขาใช้กับลูกน้องยามสถานการณ์เคร่งเครียด
“เรื่องนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือต่อจากนี้ไปชีวิตของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคลี่คลาย และสิ่งสำคัญที่สุดห้ามคุณเฉียดเข้าใกล้บริเวณรอบมหาลัยของคุณในระยะสองกิโลเมตรเด็ดขาด!”
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ฉัตตาวิ่งอย่างสุดกำลัง วิ่งทั้งๆที่ไม่รู้จุดหมาย แต่เธอก็ต้องวิ่ง เพราะถ้าไม่วิ่ง ความตายจะวิ่งเข้ามาหาเธออย่างแน่นอน!
เดิมทีเธอก็แค่อยากจะหาเรื่องป่วนอะไรเขาเล็กๆน้อยๆ ให้เขารู้เสียบ้างว่าเธอเองไม่ใช่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขา เธอจึงแกล้งทำตัวให้พลัดหลงกับเหล่าบอดีการ์ดเล่นๆโดยการเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้และอาศัยร่างเล็กๆของเธอมุดไปมุดมาท่ามกลางฝูงชน แต่เธอก็คอยสังเกตอยู่ตลอดว่าพวกเขายังคงตามอยู่ข้างหลัง เพราะเธอรู้ดีหากพลัดหลงขึ้นมาจริงๆ คนที่ลำบากที่สุดก็จะเป็นเหล่าบอดีการ์ดนี่แหละ แต่ใครจะไปนึกกันล่ะว่าเธอเกิดพลัดหลงกับพวกเขาขึ้นมาจริงๆเสียอย่างนั้น! เท่านั้นยังไม่พอ ความซวยของเธอยังไม่สิ้นสุด เมื่อระหว่างที่ยืนคอยอยู่ที่จุดเดิมที่หลงจริงๆอยู่นั้นก็มีชายกลุ่มหนึ่งวิ่งมุ่งหน้าตรงมาที่เธอ และชายคนที่วิ่งนำกลุ่มมาทำเอาเลือดในตัวของเธอจับเป็นน้ำแข็ง คนที่ทำร้ายเธอในวันนั้นไม่ผิดแน่!
ฉัตตาซุกตัวเข้ากับหลืบข้างเสา เธอแทบจะหยุดลมหายใจเมื่อเสียงฝีเท้าดังก้องและใกล้เข้ามาทุกทีๆ แต่จู่ๆ เสียงฝีเท้านั่นเดินย้อนกลับไปทางอื่นและเงียบหายไป หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อมือหนาๆตะปบลงบนไหล่บาง
“เจอตัวแล้ว!”
“ขออนุญาตครับนายน้อย” เสียงเนิบๆดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเคาะประตู
“เข้ามา”
“นายน้อย” ผู้มาใหม่เอ่ยปากเรียกเผิงเฟยพลางโค้งคำนับต่ำ
“ขอโทษที่ต้องเรียกนายมาในตอนดึกแบบนี้นะ” เผิงเฟยเอ่ยปากขอโทษลูกน้องอย่างด้วยใจจริง
“มิได้ครับ นายน้อยมีอะไรให้ผมรับใช้”ชายผู้มาใหม่กล่าวอย่างนอบน้อม แววตาเคารพบูชาจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายฉายชัดแน่วแน่
“เกิ่งซิน ต่อไปนี้ฉันมีเรื่องอะไรให้นายช่วยสักหน่อย” เผิงเฟยพูดกับลูกน้องของตนเองด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งงานเสียงหวานเดือดดาลที่ดังมาจากห้องข้างๆ ทะลุเข้ากลางป้อง
“อีตาบ้า คนโรคจิต ย้ากกก” เสียงสบถปรามาสนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงตุบตับของหมอนนุ่มที่ถูกฟาดเข้ากับเตียง
เผิงเฟยหลุดขำออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้านวลที่แดงขึ้นทันควันหลังจากที่เขาก้มลงไปหอมแก้มเล็กๆน้อยๆ ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขาเลยแม้แต่น้อย
‘ท่าทางเจ้าตัวคงจะโกรธจนถึงขีดสุดแล้วล่ะสิท่าถึงได้ระบายอารมณ์ออกมาแบบนี้ นี่คงมั่นในนักล่ะสิว่าถ้อยคำระบายอารมณ์ต่างๆที่ระบายออกมา ยังไงๆผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง? หึหึ แต่เสียใจนะสาวน้อย ผมเข้าใจมันได้ดีทุกคำนั่นแหละ!’
เผิงเฟยหัวเราะหึหึเหมือนสนุกกับอะไรสักอย่าง ที่จริง...ไม่ใช่เพียงแค่เขาหรอกนะ คนในบ้านนี้ส่วนใหญ่ก็เข้าใจภาษาไทยเหมือนกันทั้งนั้น เพราะอะไรน่ะหรือ? นั่นก็เพราะนายหญิงใหญ่แห่งตระกูลเหว่ยก็เป็นคนไทยเหมือนกันยังไงล่ะ! แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้ภาษาไทยกับเธอแถมยังไม่ยอมให้คนในบ้านพูดภาษาไทยด้วย คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย ถ้าเธอรู้ว่าเขาพูดภาษาไทยได้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ!
แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อเผิงเฟยนึกปัญหาอื่นๆที่จะตามมา เผิงเฟยนึกโทษโชคชะตา ทำไมเขาจะต้องมาเจอเธอในช่วงเวลาที่เหตุการณ์กำลังปะทุ ถามว่าดีใจไหมที่ได้เจอเธออีกครั้งหลังจากที่ตามหามานานแสนนาน แน่นอน เขาดีใจชนิดที่เรียกว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ดีใจได้ขนาดนี้มาก่อนเลย แต่เพราะเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้เขากลัวไปหมด กลัวไปสารพัด และสิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือ ไม่สามารถปกป้องเธอจากอันตรายได้ เผิงเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อไปว่า
“การที่อิงเหลียนต้องเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำพลาดมา” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
“นายน้อย” เกิ่งซินเรียกผู้เป็นนายเสียงแผ่ว เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยที่แสนจะเก่งกาจ เยือกเย็นของเขาจะใช้น้ำเสียงอ่อนแรงแบบนี้กล่าวตำหนิตัวเอง
“หึ นายคงจะแปลกใจสินะ ว่าทำไมคนที่ไม่เคยหวาดหวั่นกับเรื่องอะไรถึงได้เป็นห่วงกังวลผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งนัก?”
เกิ่งซินเลือกที่จะรับฟังอย่างนิ่งเงียบ
“เกิ่งซิน นายรู้ไหม ตอนนี้ต่อให้ฉันใช้เหตุผลที่เข้าใจง่ายขนาดไหนนายก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เอาไว้สักวันหนึ่งนายได้เจอกับคนที่นายรักจนสุดหัวใจ ในวันนั้นนายจะเข้าใจเองว่าความรู้สึกที่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องเจอกับเรื่องร้ายๆมันเป็นยังไง” เกิ่งซินมองใบหน้าที่ของผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจว่า คำว่า “รัก” มันมีพลังที่จะเปลี่ยนบุคลิกของคนๆหนึ่งให้ เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ
“ฉัตตาเป็นหัวใจของฉันเกิ่งซิน” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น “ฉันจะขอฝากหัวใจของฉันไว้ให้นายดูแลได้ไหม?”
คำขอร้องที่ออกมาจากปากของผู้เป็นนายทำให้เกิ่งซินรู้สึกตื้นตัน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นายน้อยจะยอมมอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้กับเขา ทั้งๆที่รอบกายของนายน้อยคนที่มีฝีมือเหนือเขานั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย
“ผมจะขอคุ้มครองความปลอดภัยของนายหญิงน้อยไว้ด้วยชีวิตของผม” เกิ่งซินให้คำสัญญาหนักแน่น
“ขอบใจนายมาก เกิ่งซิน”
นายน้อยของเขากำลังยิ้ม!
เกิ่งซินมองรอยยิ้มของผู้เป็นนายอย่างตะลึงงัน รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง ยิ้มเพราะมีความสุขจริงๆ ไม่ใช่ยิ้มหยันและไม่ใช่รอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างทุกๆครั้ง! ผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนที่สามารถทำให้นายน้อยได้พบกับความสุขเสียทีสินะ? เกิ่งซินมองรอยยิ้มนั้นแล้วตัดสินใจแน่วแน่ เขาขอสาบานต่อฟ้า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้หญิงคนสำคัญของนายน้อย แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ฉัตตานั่งทุบหมอนโดยจินตนาการให้หมอนนุ่มๆเป็นใบหน้าของใครบางคน...ฮึ้ย...เกิดมาเธอยังไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนเลยแตะเนื้อต้องตัวเลยนะ!อ้อ!จะบอกว่าไม่มีก็ไม่ใช่ น้องชายนี่นับไหม? เอาเถอะจะนับหรือไม่นับก็ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย แต่มันอยู่ที่จู่ๆผู้ชายคนนั้น... เขา..เขา...หอมแก้ม! เขาหอมแก้มเธอเชียวนะ! หอมแก้มซึ่งๆหน้าต่อสายตาคนนับสิบเลยนะ! แต่อารมณ์โมโหโทโสของเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผู้มาเยือนยามวิกาลทำให้ความโกรธของเธอสลายหายวับแล้วกลายเป็นตกตะลึง
ผู้ชายอะไร้ หน้าหวานเป็นบ้า!
ผู้มาเยือนเอ่ยปากทักทายและแนะนำตัวอย่างนอบน้อมจนเธอทำตัวไม่ถูก เพราะเธอไม่เคยชินที่มีคนมาพินอบพิเทาแบบนี้
“นายหญิงน้อย?”
นอกจากหน้าหวานเสียงยังหวานอีก!
“อ๊ะ คะ...เอ่อ คุณ อ่า..เกิ่งซินใช่ไหมคะ? ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกับฉันแบบนี้หรอกค่ะ ฉันชื่อหลินอิงเหลียนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็อย่าเรียกฉันว่านายหญิงน้อยเลยค่ะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเขาจะเข้าใจผิดกันไปหมด ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเหว่ย”
เกิ่งซินได้แต่ยิ้มๆไม่ตอบรับหรือปฎิเสธในคำพูดของหญิงสาว เพราะไม่ว่าเธอจะ “อยาก”หรือ “ไม่อยาก”เป็นอะไรกับนายน้อยของเขา ยังไงๆตำแหน่งนายหญิงน้อยนี้ก็เป็นของเธออยู่ดี เพราะเจ้านายของเขาต้องหาทางให้เธอยอมรับตำแหน่งนี้ให้ได้เป็นแน่
“จากที่ฟังเมื่อสักครู่ ความหมายของคุณเหว่ยก็คือฉันสามารถจะทำอะไรไปไหนก็ได้ทั้งนั้นใช่ไหมคะ”
“ครับ”
‘เฮ้อ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าต้องติดแหงกอยู่แต่ที่นี่เสียแล้ว อย่างนี้ก็กลับไปทำงานพิเศษได้เหมือนเดิม แถมเขาต้องเป็นพวกบ้างานไม่ค่อยกลับบ้านแน่ แบบนี้ไม่แน่เราก็อาจจะ...’รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว
“แต่...”
คำว่าแต่ทำเอาความคิดของฉัตตาสะดุด
“แต่ที่ที่นายหญิงน้อยไม่สามารถไปได้คือมหาลัย ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงบริเวณรอบๆในระยะสองกิโลเมตรด้วยครับ”
ฉัตตาอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
หมดกัน!แผนที่อุตส่าห์วางไว้ ล่มไม่เป็นท่าเลย!
“แต่ว่า..”
“ถ้าหากหลินเม่ยเมยจะต่อรอง อ้างนู่นอ้างนี่แล้วล่ะก็ ที่ที่น้องจะไปไหนมาไหนได้ก็จะเหลือแค่ข้างๆกายพี่ชายคนนี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะจ้ะ”
“คุณ!” ฉัตตาหันขวับตามต้นเสียงยียวนที่ดังขึ้น แล้วใบหน้านวลก็แดงระเรื่อ สัมผัสเบาๆที่ข้างแก้มก่อนที่เขาจะเดินลุกเดินไปจากโต๊ะอาหารร้อนวูบขึ้นมาใหม่
“เกิ่งซิน นายไปพักเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
“ครับนายน้อย ราตรีสวัสดิ์ครับนายน้อย ราตรีสวัสดิ์ครับนายหญิงน้อย”
ตัวช่วย(ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้)สุดท้ายของฉัตตา เดินกลับออกไปอย่างว่องไว
‘ไหนบอกว่าจะมาคอยดูแลความปลอดภัยให้ไง ไหงทิ้งกันง่ายๆแบบนี้ล่ะ รู้ไหมผู้ชายคนนี้น่ะเป็นตัวอันตรายมากถึงมากที่สุดเลยนะ!’ฉัตตากรีดร้องภายในใจ
“หลินเม่ยเมยไม่ต้องกลัวพี่ขนาดนั้นก็ได้ แหม เงียบซะถ้าเข็มตกมันคงจะดังก้องไปทั้งห้องเลยนะเนี่ย” เผิงเฟยเอ่ยแซวฉัตตาที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ขยับไปไหน
“พรมหนาซะขนาดนี้ ต่อให้ทุ่มแจกันลงบนพื้นก็คงได้ยินหรอก!” ฉัตตาเบ้หน้าบ่นพึมพำกับตัวเองพลางสะบัดหน้าเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง
“หลินเม่ยเมยพูดว่าอะไรนะ”เผิงเฟยแกล้งตีหน้าซื่อไม่ได้ยินในสิ่งที่หญิงสาวประชดประชัน พลางเดินตามเข้ามาโดยเปิดประตูห้องทิ้งไว้ เพื่อลดความหวาดระแวงในตัวของหญิงสาว
“เลิกเรียกฉันแบบนี้เถอะค่ะ นี่คุณคงไม่ถือเอาคำพูดที่โต๊ะอาหารมาเป็นจริงเป็นจังหรอกใช่ไหมคะ” ฉัตตาเลิกใช้อารมณ์แล้วเริ่มต้นใช้เหตุผล
“ถึงจะไม่ถือเป็นเรื่องจริงแต่ผมว่าเรียกแบบนี้น่ารักดีออก”
“ที่คิดว่าน่ารักฉันว่าคงมีคุณแค่คนเดียวนั่นแหละค่ะ” ฉัตตาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขำขัน หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์แล้วลองมาคิดดูดีๆ ถึงแม้จะพึ่งรู้จักกันและเธอก็ไม่ได้มีเซ้นส์ในการดูคนที่แม่นแบบต้นข้าว แต่เธอก็มั่นใจได้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอไม่ได้เป็นพวกเผด็จการไร้เหตุผลอย่างแน่นอนการที่เขาไม่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังแม้เพียงย่างก้าว มันจะต้องมีเหตุผลอยู่แน่ๆ ถ้าหากลองพูดด้วยดีๆใช้เหตุใช้ผล เขา “น่าจะ”บอกความจริงกับเธอ
“คุณเหว่ยคะ คุณบอกฉันมาตามตรงเถอะนะคะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันถึงต้องอยู่ที่นี่ แถมแถวๆมหาลัยก็เฉียดเข้าใกล้ไม่ได้ นี่ยังไม่รวมถึงฉันต้องมีคนคอยคุ้มกันดูแลตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอกนะคะ ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้เหมือนกันว่าตัวฉันเองเข้าไปพัวพันอยู่กับเรื่องอะไร”
เผิงเฟยถอนหายใจเฮือก ไม่ใช่เขาไม่อยากบอก แต่บอกไม่ได้ต่างหาก! เพราะนี่ไม่เพียงแต่เธอที่ถูกดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ แต่บุคคลที่เธอรักที่สุดในชีวิตของเธอทั้งสองอาจถูกดึงเข้ามาให้เกี่ยวพันด้วยก็อาจเป็นได้ ถึงแม้เขาจะสั่งให้คนไปดูแลแม่และน้องชายของเธออย่างใกล้ชิดและยังฝากฝังไปกับซึลกีและชิอากิแล้ว แต่คนที่คิดมากแบบเธอ เชื่อได้เลยว่า เธอต้องวิตกกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกเป็นเดือนๆก็เป็นได้ ดังนั้นเพื่อตัวเธอแล้ว ถึงแม้จะดูเผด็จการไร้เหตุผลไปหน่อย แต่เพื่อเธอ ให้รับบทตัวร้ายชั่วคราวเขาก็ยินดี
เผิงเฟยตีหน้าขรึม แววตาระยับวับวาวเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบเย็นชา น้ำเสียงหยอกล้อเป็นกันเองแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง น้ำเสียงแบบเดียวกันกับที่เขาใช้กับลูกน้องยามสถานการณ์เคร่งเครียด
“เรื่องนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือต่อจากนี้ไปชีวิตของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคลี่คลาย และสิ่งสำคัญที่สุดห้ามคุณเฉียดเข้าใกล้บริเวณรอบมหาลัยของคุณในระยะสองกิโลเมตรเด็ดขาด!”
-----------------------------------------------------------------------------------------------
ฉัตตาวิ่งอย่างสุดกำลัง วิ่งทั้งๆที่ไม่รู้จุดหมาย แต่เธอก็ต้องวิ่ง เพราะถ้าไม่วิ่ง ความตายจะวิ่งเข้ามาหาเธออย่างแน่นอน!
เดิมทีเธอก็แค่อยากจะหาเรื่องป่วนอะไรเขาเล็กๆน้อยๆ ให้เขารู้เสียบ้างว่าเธอเองไม่ใช่ลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขา เธอจึงแกล้งทำตัวให้พลัดหลงกับเหล่าบอดีการ์ดเล่นๆโดยการเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้และอาศัยร่างเล็กๆของเธอมุดไปมุดมาท่ามกลางฝูงชน แต่เธอก็คอยสังเกตอยู่ตลอดว่าพวกเขายังคงตามอยู่ข้างหลัง เพราะเธอรู้ดีหากพลัดหลงขึ้นมาจริงๆ คนที่ลำบากที่สุดก็จะเป็นเหล่าบอดีการ์ดนี่แหละ แต่ใครจะไปนึกกันล่ะว่าเธอเกิดพลัดหลงกับพวกเขาขึ้นมาจริงๆเสียอย่างนั้น! เท่านั้นยังไม่พอ ความซวยของเธอยังไม่สิ้นสุด เมื่อระหว่างที่ยืนคอยอยู่ที่จุดเดิมที่หลงจริงๆอยู่นั้นก็มีชายกลุ่มหนึ่งวิ่งมุ่งหน้าตรงมาที่เธอ และชายคนที่วิ่งนำกลุ่มมาทำเอาเลือดในตัวของเธอจับเป็นน้ำแข็ง คนที่ทำร้ายเธอในวันนั้นไม่ผิดแน่!
ฉัตตาซุกตัวเข้ากับหลืบข้างเสา เธอแทบจะหยุดลมหายใจเมื่อเสียงฝีเท้าดังก้องและใกล้เข้ามาทุกทีๆ แต่จู่ๆ เสียงฝีเท้านั่นเดินย้อนกลับไปทางอื่นและเงียบหายไป หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อมือหนาๆตะปบลงบนไหล่บาง
“เจอตัวแล้ว!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ