ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) คาบเรียนที่ 9.5 : น้ำตาแด่เธอ และชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

คาบเรียนที่ 9.5 : น้ำตาแด่เธอ และชมรม (บทอำลา 1)

            1 สัปดาห์หลังไคออกจากโรงพยาบาล ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เว้นเสียแต่กลิ่นไอของความมืดที่รายล้อมรอบโรงเรียนอยู่นั้นยังคงไม่มี วี่แววจะลางเลือนหายไป

            ท่ามกลางความสว่างของแสงจันทร์ และความมืดของแผ่นฟ้ายามราตรี สายลมหนาวเย็นพัดโบกความร้อนเมื่อตอนกลางวันจางหายไป  ใบไม้มีเงาเป็นพุ่มขนาดใหญ่ มีแสงไฟประดับโรงจอดรถของโรงเรียน ส่องสว่างรำไรมาจนถึงภายในอาคาร

            ตึก! ตึก! ตึก! เสียงเท้าของประธานหนุ่มย่างก้าวเพลาค่ำคืน เงาสลัวยังพอส่องให้มองเห็นทางได้อยู่บ้าง ถึงอย่างไรบรรยากาศเช่นนี้ ช่างไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนเอาเสียเลยอยู่ดี

            โรงเรียนยามค่ำคืนซึ่งหากยิ่งดึกมากก็จะยิ่งทวีความมืดลงไปอีก แม้จะพอมีแสงไฟอยู่บ้างแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศชวนใจหาย และโตก็ยังคงก้าวเดินผ่านความมืดอันเงียบงันหันซ้ายแลขวาต่อไป

            ในขณะที่โตกำลังเดินไปตามเส้นทางก็พลางคิด (‘อยู่ไหน หาไม่เจอ อยู่ไหน’) สิ่งที่เขากำลังตามหาโดยลำพังอยู่นี้ก็ไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกไปเสียจากยันต์ผี ผ่านผลงานของเขา ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นไอแห่งความมืดที่ปกคลุมโรงเรียนอยู่นี้เอง

            ขาของประธานหนุ่มเริ่มล้าหลังจากที่เริ่มออกตระเวนหามาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ทว่าสายตาของเขากลับดูมุ่งมันและดุดัน ควานหาแหล่งที่ปล่อยพลังงานด้านลบ

            “สุดท้ายแล้ว...ก็หาไม่เจอสินะ เฮ้อ” โตถอนหายใจขณะเดินตรวจตราจนครบทุกห้องทุกชั้นเรียน เขารู้สึกเจ็บใจปะปนมากับความโศกเศร้า

            สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมตัดใจกลับบ้านไปอีกหนึ่งวัน โดยที่นับวันความมืดก็ยิ่งรวมตัวกันปกคลุมโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

..........................................................................................................................................................................

            ตะวันยามรุ่งอรุณสาดไปทั่วสารทิศ เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากผ้าห่มผืนหนา เร่งแต่งตัวให้เสร็จ และวันนี้เป็นวันแรกของเขาที่ไม่ต้องรอให้น้องสาวแสนสวยมาปลุก

            “Yes!! แผนการนอนหัวค่ำตื่นแต่เช้าสัมฤทธิ์ผล” ไคกำมือสะบัดอย่างดีใจ ก่อนจะรีบถลาร่างกายออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าที่คว้าไว้ อย่างเร็วรี่ก่อนที่จีนจะตื่นเสียอีก

            วันนี้พ่อและแม่ของไคไม่อยู่ เขาจึงไม่ต้องเสียเวลากับการอำลาหรือทานอาหารเช้าเพราะโดนบังคับแต่อย่างใด ถ้าจะถามถึงสาเหตุที่เด็กหนุ่มคนนี้รีบไปโรงเรียนแต่เช้า นั่นก็คงจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันเทศกาลของโรงเรียน ซึ่งจะเป็นวันออกบูทของชมรม งานแข่งขันกีฬา ดนตรี การแสดงต่างๆ และในฐานะของสมาชิกชมรมทำงานบ้าน เขาจึงช้าไม่ได้ที่จะรีบออกตัวเตรียมพร้อมเสียแต่เช้า

            การวิ่งตลอดทางไคช่วยร่นระยะเวลาของการเดินทางให้เร็วขึ้นกว่าทุกทีเกือบสองเท่า เด็กหนุ่มมาถึงโรงเรียนในไม่ช้า

            ลานกว้างของโรงเรียนเต็มไปด้วยบูทงานต่างๆ หลากสีสันมากมาย โดยจุดเด่นของงานโรงเรียนนี้ก็คืออนุญาตให้คนนอกเข้าร่วม และจัดแสดงขายของขายสินค้าได้อย่างอิสระ หรือก็คือมีทั้งบูทของเด็กนักเรียนและพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดปะปนกันไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นบูทของทางโรงเรียนเสียมากกว่า

            งานเทศกาลยังไม่เปิดทว่าก็มีการจัดเตรียมสถานที่เสร็จกันไปส่วนใหญ่แล้ว  เด็กหนุ่มวิ่งตรงไปยังบูทในสุด อยู่ข้างประตูทางเข้าอาคารเรียน ที่นั่นคือบูทของชมรมทำงานบ้าน ซึ่งจัดแสดงขั้นตอนการทำความสะอาดอย่างถูกต้อง รวมถึงหลักสุขอนามัยภายในบ้าน

            “อ๊ะ! นั่นไคมาแล้ว” อีฟเมื่อเห็นไควิ่งมาแต่ไกลก็โบกมือทันที

            ที่บูทในขณะนี้มีโจกับอีฟและโซเฟียดูแลอยู่ เด็กหนุ่มวิ่งไปสมทบ “แฮ่กๆ! ม..มาแล้วครับ” เด็กหนุ่มหายใจหอบหลังจากวิ่งติดต่อกันจากบ้านมาจนถึงโรงเรียน

            “ทานข้าวเช้ามาหรือยัง” อีฟมองหน้าไคที่แลดูซีดๆ

            เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น “ท..ทานแล้ว..ครับ”

            อีฟจ้องหน้าแล้วดีดหน้าผากเด็กหนุ่มเบาๆ “โกหก!”

            “แฮ่ะๆ ครับ” เด็กหนุ่มเกาศีรษะ (‘ล..ลืมไปเลยแฮะว่าพี่อีฟอ่านใจได้’)

            โจถือถาดที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่งเดินมาหาเด็กหนุ่ม “เอ้า! ไค!! เอาถาดอุปกรณ์พวกนี้ไปคืนให้ที่ห้องชมรมทีนะ”

            “ค...ครับ” ไควางเป้ลงพาดกับขาโต๊ะจัดแสดง แล้วรับถาดจากมือของโจ ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร

            แม้ แต่ภายในอาคารก็ยังมีการจัดเตรียมห้องจัดแสดง เหล่านักเรียนเดินขวักไขว่สวนกันไปมาบนระเบียงทางเดิน เด็กหนุ่มก้าวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ของในถาดตก

            “อ้าว! กริยานี่กำลังจะไปไหนเหรอ” อาจารย์สาวเดินกอดเอกสารสวนทางกับเด็กหนุ่มกล่าวทักทาย

            “อ๊ะ! สวัสดีครับครูนวลจันทร์ ผมกำลังจะเอาของไปเก็บที่ห้องชมรมน่ะครับ ว่าแต่ห้องประจำชั้นของครูทำเรื่องเกี่ยวกับอะไรหรือครับ” 

            “เกี่ยวกับงานวิจัยปลาทะเลน่ะ แล้วชมรมเธอทำเรื่องอะไรล่ะ” อาจารย์สาวถามกลับ

            “ก็เกี่ยวกับวิธีการทำงานบ้านที่ถูกต้องนั่นแหละครับ แฮ่ะๆ” เด็กหนุ่มยิ้มฝืนๆ ก่อนที่จะขอตัวจากครูนวลจันทร์ เดินขึ้นไปเก็บอุปกรณ์

            งานกิจกรรมแบบนี้ใช่ว่าจะมีกันทุกโรงเรียน อย่างเช่นในโรงเรียนเก่าของไคนั้นจะมีเฉพาะงานวัด และงานสังสรรค์ทั่วไป  กิจกรรมงานใหญ่ของโรงเรียนแบบนี้นั่นแทบจะไม่มีเลย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นกับงานนี้เป็นพิเศษนั่นเอง

            เด็กหนุ่มเดินผ่านระเบียงทางเดิน ขึ้นบันไดจนกระทั่งถึงห้องชมรมดังปรารถนา เมื่อเข้าไปในห้องได้สำเร็จเขาจึงวางถาดลงบนโต๊ะยาวเบื้องหน้า ก่อนจะเดินไปเปิดก๊อกล้างมือบริเวณหลังโต๊ะบาร์

            จ๊อก! จ๊อก! เสียงกระเพาะครางเบาๆ ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง ไคไม่ได้ทานข้าวเช้าซึ่งนั่นก็เริ่มจะส่งผลให้เขาหิวหลังจากเสียแรงขึ้น บันไดมาแปดชั้น เด็กหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็น ทว่ากลับว่างเปล่าไม่มีอาหารเลยแม้เเต่น้อย

            (‘สงสัยจะโดนพี่โจเขมือบหมดซะล่ะมั้งก็พุงโตขนาดนั้นนี่นะ’) เด็กหนุ่มหลุดขำให้กับความคิดตัวเองเล็กน้อย “เฮ้อ..สงสัยจะต้องเดินไปหาบูทที่ขายของกินแทนซะแล้วแฮะ” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปพลางกุมท้องที่ยังคงร้องหาอาหาร

             (‘ว่าแต่แปลกจังแฮะ ทำไมวันนี้ไม่เห็นพี่โตที่บูทเลย..’) เด็กหนุ่มสะกิดใจ ซึ่งการที่ไม่เห็นแทงค์ในบูทนั้นไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่เพราะอาจจะมาช้าก็ เป็นได้ แต่พี่โตซึ่งเป็นถึงประธานชมรมนั้นไม่น่าจะมาช้ากว่าใครๆ

            ตึ่ง! ตึง! ตึ๊ง! เสียงประกาศดังขึ้นทั่วสารทิศ “ขณะนี้เวลา 7.30 น. ขอให้นักเรียนทุกระดับชั้นมารวมตัวกันที่หอประชุม เตรียมพร้อมพิธีเปิดงานเทศกาลครั้งที่ 27 ขอบคุณค่ะ” เสียงของผู้หญิงซึ่งดูเหมือนจะเป็นประธานนักเรียนกล่าวขึ้น

            “อ่า...ให้ตายสิ สุดท้ายก็ไม่ได้แตะอาหารสินะ” เด็กหนุ่มรำพึงขณะเดินกลับลงไปข้างล่างเพื่อไปยังหอประชุมหลังอาคารเรียน

            คราวนี้ในการก้าวลงบันไดของเด็กหนุ่มดูระมัดระวังขึ้นกว่าแต่ก่อน เนื่องจากประสบการณ์อัน โชกโชนระหว่างเขากับบันไดช่างมีมากล้นเหลือคณานับ และเมื่อเดินลงไปถึงชั้นล่างเขาต้องเดินตัดผ่านโรงอาหารเพื่อไปยังหอประชุม หลังโรงเรียนซึ่งอยู่ติดกับวัด กลิ่นอาหารอันหอมฉุย ของกลิ่นกุ้งเผา ปลาเค็มทอด กลิ่นไข่เจียว และอาหารอีกมากมายลอยล่องจากโรงอาหารส่งผ่านเข้าจมูกของเด็กหนุ่ม นี่นับเป็นการทรมานที่ได้ผลยิ่งนักสำหรับคนที่เพิ่งจะอดข้าวเช้ามาหมาดๆ   

            (‘อยากทานข้าวโว้ยยยย’) เด็กหนุ่มกลั้นใจวิ่งฝ่ากลิ่นตัดผ่านวัดเขาหอประชุมได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ‘ซะเมื่อไหร่’ ถึงแม้เขาจะมาถึงเป้าหมายได้สำเร็จอย่างไรก็ตามความหิวก็ยังไม่หายไปแต่ อย่างใด เขาต้องขึ้นบันไดไปยังห้องประชุมต่อแถวฟังพิธีเปิดอีกราวชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนั้นส่งผลร้ายต่อกระเพาะของเขามากเสียเหลือเกิน

            ในขณะที่ไคกำลังครวญครางกับกระเพาะของตัวเองอยู่นั้นเขาก็สังเกตเห็นรุ่นพี่ชายตัวสูงซึ่งเดินโซเซขึ้นบันไดเบื้องหน้า “พ..พี่โต!” เขาตะโกนเรียกหาประธานหนุ่ม ซึ่งดูไร้เรี่ยวแรงกว่าหลายวันก่อนมากเลยทีเดียว

            (‘จะ ว่าไปตั้งแต่กลับมาโรงเรียน พี่โตก็สั่งงดการประชุมของชมรมซึ่งปกติจะทำทุกวันเอาซะดื้อๆ แถมเรื่องงานเทศกาลก็ฝากให้พี่อีฟเป็นคนชี้แจงกันเองอีก.. ไม่ได้เจอหน้ากันมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ’) เด็กหนุ่มแปลกใจกับท่าทีดูอดหลับอดนอนของรุ่นพี่  “อ..เอ่อพี่โต” เด็กหนุ่มเรียกซ้ำเพราะโตยังคงเดินต่อเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของเขา

            ประธานหนุ่มหยุดหันหน้ากลับมาด้วยขอบตาคล้ำ ร่างกายผอมแห้ง ดวงตาแดงขุ่น เขาดูจะเพลียเป็นเอามาก “อ..เอ้า เอ่อ..ไค ว่าไง”

            “ฮ...เฮ่ย!! พี่ไปทำอะไรมา หน้าตาอย่างกับอดนอนมาเป็นเดือน” เด็กหนุ่มสะดุ้งกับท่าทีและหน้าตาของรุ่นพี่ซึ่งเกินที่คาดการณ์ไว้มาก

            โตเริ่มลุกลี้ลุกลน “หา..อ...อ้อ พี่ทำการบ้านหามรุ่งหามค่ำไปหน่อยน่ะ”

            “แบบนั้นก็เกินไปหน่อยมั้ยครับพี่ ผมว่านอนพักบ้างก็ดีนะไปห้องพยาบาลเถอะครับ” ไคพูดอย่างเป็นห่วง ในมือกำแขนของโตไว้แน่น

            “ไม่เป็นไรหรอกพี่ยังไหวน่ะ แกก็รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะไปไม่ทันพิธีเปิด รู้สึกจะมีเช็คชื่อด้วยนะ”

            “ม..ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะได้ฉวยโอกาสไปทานข้าวด้วยเลย” ไคดึงดันจะพาโตไปนอนพักที่ห้องพยาบาล

            “อ..เอ้า เอางั้นก็ได้” โตหมดหนทางที่จะปฏิเสธน้ำใจนี้

            ทั้งคู่ลากสังขารกลับไปยังห้องพยาบาลที่ชั้น 4 ของอาคารเรียน เมื่อไปถึงโตก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที โดยครูประจำห้องพยาบาลได้ให้นอนพักผ่อนพร้อมกับดื่มน้ำเกลือแร่ หลังจากพาพี่โตมาพักเรียบร้อยเขาก็เดินไปยังโรงอาหาร เพื่อหวังจะซื้อขนมปังสักก้อนก่อนจะเดินกลับไปเข้าแถวในพิธีเปิดงาน

            ที่ร้านขนมปังไม่ต้องรอต่อคิวใดๆ เพราะทุกคนกำลังอยู่ในห้องประชุม เด็กหนุ่มจึงซื้อไวกินไวสมดังหวัง เด็กหนุ่มหยุดยืนชะงัก           

            “ล..ลุงภารโรง” วิญญาณชายแก่ดวงเดียวกับที่เจอในคราวตามหาโซเฟียโผล่ห้อยหัวลงมาเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม (‘ย..อย่ามาแบบนี้สิฟะ’)

            “อ้าว! สวัสดีพ่อหนุ่มแล้วนี่ไม่ไปเข้าแถวเหรอ” วิญญาณภารโรงทัก

            “ก็กำลังจะไปนี่แหละครับ พารุ่นพี่ไปส่งห้องพยาบาลขากลับเลยแวะซื้อขนมปังสักหน่อย” เด็กหนุ่มยิ้มเฝื่อน เพราะอย่างไรเสียเขาก็ยังกลัวผีอยู่ดี

            “นี่พ่อหนุ่มรู้รึเปล่า เห็นวิญญาณแถวนี้เขาลือกันบ่อยๆ นะว่าโรงเรียนของเราดูแปลกไป” ชายแก่กลับลงมายืนตามปกติบนพื้น

            “แปลกยังไงหรือครับ !?”เด็กหนุ่มเอียงคอสงสัย

            “ก็เขาว่ากันว่าโรงเรียนมีกลิ่นไอแปลกๆ ที่ดึงเอาวิญญาณเร่ร่อนพเนจรมารวมตัวกันน่ะนะ”

            “กลิ่นไอ........หรือว่า!!” ไคเริ่มสะกิดใจได้ถึงบางอย่าง “เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับลุง พอดีมีเรื่องทีไม่เคลียร์อยู่” เด็กหนุ่มพูดอย่างรีบร้อน แล้ววิ่งออกไปนอกโรงอาหารอย่างรวดเร็ว

            (‘ถ้า พูดถึงกลิ่นไอก็คงมีเพียงพี่โตเท่านั้นที่สัมผัสและมองเห็นได้ แต่ว่าทำไมล่ะ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับไม่มีการบอกกับพวกเราเลยสักนิด หรือว่าจะเกี่ยวกับอาการแบบนั้นของพี่โตกันนะ’) ไควิ่งอย่ารวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หวังเค้นความจริงออกมาจากปากของรุ่นพี่

            ขณะที่ไคกำลังวิ่งอยู่นั้นก็มีอาจารย์หนุ่มคนหนึ่งผมยาวระดับคอด้านหน้าปาด ด้วยเจลแต่งผมไปทางขวา ใบหน้าดูเป็นคนอารมณ์ดีแต่ตอนนี้ขมวดคิ้ว เดินสวนทางอย่างเร่งรีบขวางพอดี ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่อาจหยุดความเร็วของฝีเท้าตัวเองได้“ว้าให้ตายสิมาสายจนได้..โว๊ะโอ้ว!!” อาจารย์หนุ่มซึ่งกำลังพึมพำอยู่นั้นถึงกับร้องอุทานเมื่อเห็นเด็กหนุ่มพุ่งมาอย่างรวดเร็ว โครม!!

            “อ..อ๊ะขอโทษครับผมกำลังรีบ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นพนมมือไหว้ขอโทษอยู่สองครั้งก่อนเตรียมจะออกวิ่งอีกรอบ

            “ด...เดี๋ยวก่อนสิ! นี่เธอน่ะจะรีบไปไหนทำไมไม่เข้าห้องประชุม” อาจารย์หนุ่มถามด้วยความสะกิดใจ

            “ผ..ผม...จะไปเอ่อ....ห้องน้ำครับ!” ไคลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปอย่างเต็มเสียง

            “ห้องน้ำ!! ที่หอประชุมก็มีนี่ ม่ะ!มากับครู! ไปเข้าอะไรในอาคารเรียนครูก็กำลังจะไปห้องน้ำพอดี มาเข้าด้วยกันซะเลย” อาจารย์หนุ่มลากมือไคตามไปยังหอประชุมซึ่งก็น่าจะดำเนินไปครึ่งพิธีแล้ว

            “ค..ครับ” เด็กหนุ่มไม่สามารถหาวิธีหลบหลีกได้ จึงเลี่ยงโอกาสที่จะโดนจับผิดให้ได้มากที่สุด (‘ธ..โธ่เว้ย!! คนยิ่งรีบอยู่’)

          “ว่าแต่! ไม่คุ้นหน้าเธอเลยแฮะ นี่เพิ่งย้ายเข้ามางั้นเหรอ!?” อาจารย์หนุ่มสังเกตใบหน้าของไค ซึ่งดูจะไม่คุ้นตา

          “ย้ายมาได้เดือนกว่าแล้วครับครู ผมชื่อกริยาครับ ว่าแต่..ผมก็ไม่คุ้นหน้าอาจารย์เหมือนกันนะครับ”

            อาจารย์เหลือบมองเข็มกลัดระดับ ม.4 ของเด็กหนุ่ม “เธอ เพิ่งจะย้ายเข้ามาตอน ม.4 นี่นะ ครูสอนนักเรียน ม.3 น่ะ นักเรียนส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนเก่าของที่นี่ล่ะนะเขาเลยจะรู้จักครูกัน ครูชื่อไกรสร หรือจะเรียกชื่อเล่นว่า ครูก้านก็ได้นะ”

          “อ่า..ครับครูก้าน ว..ว่าแต่ถ้าสอน ม.3 นี่ก็แสดงว่าสอนโซเฟียอยู่สินะครับ” ไคเอ่ยถึงเด็กหญิงซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.3

            “อ๋อ..นักเรียนแลกเปลี่ยนสินะ ลูกครึ่งทางยุโรปซะด้วย” ครูก้านใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากขณะนึก

             “ลูกครึ่ง!? เอ๋..ผมก็สงสัยอยู่ว่าทำไมดวงตาถึงสีฟ้าทั้งที่ผมก็สีดำแท้ๆ” ในที่สุดไคก็ได้รู้ในสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น

            ทั้งคู่เดินมาเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกับชานพักบันไดของหอประชุม ซึ่งแน่นอนว่าสภาพห้องน้ำนั้นไม่ต่างกับโรงเรียนอื่นทั่วไปมากนัก เพราะหอประชุมนี้เป็นหอประชุมเก่าจึงไม่ค่อยมีการบูรณะเหมือนกับห้องน้ำใน อาคารเรียนมากนัก

           ประตู ห้องน้ำยังคงทำจากไม้ แม้ภายในห้องน้ำจะพอกว้างอยู่บ้างแต่ก็เล็กกว่าห้องน้ำในอาคารอยู่มาก โถส้วมมีแต่แบบนั่งยอง โถปัสสาวะยังเป็นแบบธรรมดาทั่วไป ยังดีที่ปิดมิดชิด

            ไคทำทีเป็นยืนฉี่ที่โถโดยที่มีอาจารย์ยืนอยู่โถข้างๆ “ป่านนี้พิธีคงจะถึงเวลาประธานตัดริบบิ้นแล้วล่ะมั้ง ฮ่าฮ่า” ครูก้านหยอดมุกให้ไคซึ่งดูตึงเครียด

            “น..นั่นสินะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มเฝื่อน (‘เราต้องรีบไปหาพี่โตให้เร็วที่สุดเลย!’)

            “เอาล่ะ! งั้นครูไปก่อนนะ เธอเองก็รีบเข้าล่ะเดี๋ยวจะไปสายจดพิธีจบลงซะก่อน” ครูก้านเดินไปล้างมือที่อ่างก่อนจะออกจากห้องน้ำไป

            ทันทีทันใดที่ไคแน่ใจแล้วว่าอาจารย์หนุ่มได้ขึ้นไปยังห้องประชุมแล้ว เด็กหนุ่มก็วิ่งลงไปข้างล่างมุ่งไปยังอาคารเรียน ซึ่งที่หมายคือห้องพยาบาล และนี่ก็ผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้วสำหรับการเข้าห้องประชุมสายของเขา จึงไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้วนั่นเอง

            เด็กหนุ่มรีบขึ้นบันไดอย่างร้อนรนเมื่อไปถึงอาคารเรียน เดินจนถึงห้องพยาบาลด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน“แฮ่ก แฮ่ก” หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นติดต่อกันไม่ยั้งหลังจากการวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย เหงื่อไหลราวกับน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ดวงตาแสบเพราะเหงื่อเข้า

            “พี่โต!” ไคตะโกนเรียกชื่อทันทีที่เข้ามาในห้องพยาบาลอย่างเหน็ดเหนื่อย

          โตนั่งขัดตะหมาดบนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะเริ่มหันมามองหน้าไคอย่างจริงจัง “มีอะไรงั้นเหรอ!?”

            “มีไอความมืดปกคลุมโรงเรียน..ทำไมไม่บอกพวกเรา ทำไมถึงสั่งงดชมรม ทำไมถึงหายหน้าหายตาไปเป็นสัปดาห์ ทำไมสภาพพี่ถึงโทรมแบบนี้! อ่า..เอ่อ..ถ้าไม่ดูรบกวน..เอ่อไม่สิ บอกผมมานะ!!” ไคพูดอย่างโกรธเกรี้ยวผสมเป็นห่วง

            “หึ” โตยิ้มด้วยริมฝีปากบางๆ ของเขา ก่อนจะมองหน้าไคอย่างจริงจัง “แล้วแกจะว่ายังไงล่ะ ถ้าฉันจะบอกว่าสาเหตุที่นายมองเห็นผีมันเป็นเพราะฉัน”

          “ห..หา” เด็กหนุ่มแลดูจะชะงักครั้งใหญ่เขาไม่อาจตอบคำถามนี้ได้

            “ความจริงแล้ว...ฉันก็กะจะบอกนายตั้งแต่วันที่นายกลับมาจากโรงพยาบาลล่ะนะแต่ว่า... ”

          ไคก้มหน้าลงกำหมัดทั้งสองข้าง“สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกสินะครับ!”

          “ความ จริงแล้วเรื่องมันเริ่มเมื่อปีก่อนช่วงที่เพิ่งตั้งชมรมใหม่ๆ ..พี่กำลังหาวิธีที่จะสร้างผลงานประจำของชมรมเราขึ้นมา ซึ่งในขณะนั้นเอธรยังอยู่ที่ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ ฉันกับหมอนั่นรวบรวมคาถาต่างๆ ทุกศาสตร์ภาษาเท่าที่หาได้ นำมาผสมผสานและดัดแปลงให้มันเป็นคาถาใหม่ หลังจากการวิจัยค้นคว้ากันมาเดือนกว่า พวกเราก็ทำสำเร็จ ทว่ามันเป็นคาถาที่อันตรายเกินไป คุณสมบัติของมันคือการเปิดทางผ่านของวิญญาณให้กว้างขยายขึ้นพี่กับเอธรจึง ตั้งชื่อมันว่ายันต์ผีผ่าน ถ้าจะให้เข้าใจง่ายก็คงจะเหมือนยกทางสี่แพร่งนับร้อยนับพันที่มารวมกันอยู่ ในสถานที่เดียวประมาณนั้นล่ะนะ และเพราะแบบนั้นพี่จึงผนึกกระดาษที่เขียนยันต์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะบาร์ของห้อง ชมรม.. แต่ว่าพอกลับมาดูอีกทีมันก็หายไปแล้ว..”

           ไคเกาศีรษะขณะใช้ความคิด“ถ้าแบบนั้นยันต์ก็อยู่ในห้องชมรมมาตลอดจนกระทั่งมันหายไป แล้วหนึ่งปีต่อมามันก็โผล่มาให้ผมเหยียบลื่นหัวคะมำสินะครับ” ไคยิ้มเฝื่อน

           “ขอโทษนะมันเป็นความผิดของพี่เองแหละ!” โตโค้งตัวลงกับเตียงขอโทษเด็กหนุ่มทั้งน้ำตา“ถ้าพี่ไม่คิดค้นยันต์บ้าๆ นั่นขึ้นมานายก็คงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”

          “อะไรกันครับพี่โตเรื่องแค่นี้เอง...ว่าแต่..มันเกี่ยวอะไรกับอาการทรุดโทรมของพี่กันเนี่ย” สิ่งที่ไคต้องการจะรู้จริงๆ คือสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้โตอยู่ในสภาพแบบนี้

            “ยันต์นั้นในตอนนี้กำลังซ่อนอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในโรงเรียนของเรา สาเหตุของกลิ่นไอดำมืดที่ปกคลุมโรงเรียนก็คือเจ้านั้นนี่แหละ” โตหย่อนขาลงจากเตียง “บาง ทีตอนที่นายบังเอิญไปเหยียบมันเข้าแล้วนำไปวางไว้หน้าห้องพระ มันอาจจะถูกลมของคนที่เดินสวนไปมาพัดเข้าไปอยู่ในช่องระหว่างประตู และเมื่อห้องพระเคลื่อนที่...” โตกัดเล็บนิ้วโป้งขณะพูดอย่างเคร่งเครียด

            “ยันต์ผีผ่านอยู่ในที่ใดสักที่ภายในกำแพงของโรงเรียนเรา!” ไครีบสวนกลับไปทันทีที่คิดได้

            “ใช่! และสิ่งนั้นก็กำลังขยายเส้นทางผ่านของเหล่าวิญญาณและไสยศาสตร์”

            ไคกลับหันหลังเตรียมจะออกตระเวนรอบอาคาร “ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ต้องรีบหาให้เจอ”

          “เปล่าประโยชน์!” โตส่ายหน้าอย่างขมขื่น “ขนาดพี่ที่มีสายตามองเห็นต้นตอของกลิ่นไอยังหาตำแหน่งของมันไม่เจอเลย ขนาดฉันตามหามาตลอดสัปดาห์ไม่มีพักแล้วแท้ๆ แต่ก็ไร้ประโยชน์”

          “บางที..เอธรอาจช่วยได้” ไคกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ

            “ว่าไงนะ!?” โตไม่แน่ใจในสิ่งที่ไคเอ่ยเขาคิดว่าตัวเองแค่เพียงหูฝาดไป

            “ถ้า เป็นเอธรที่มีศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับมากมายอยู่ในตัวแล้วละ ก็..หมอนั่นต้องช่วยได้แน่ นอกจากนั้นหมอนั่นก็ยังเป็นคนสร้างยันต์ขึ้นมาด้วย ยิ่งน่าจะมีโอกาสรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด”

          โตมองหน้าไคอ้าปากค้างอย่างงวยงงในคำพูดซึ่งไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม “แต่น่าแปลกนะ ไม่คิดว่านายจะเชื่อใจหมอนั่นเลยแฮะ”

            “ก..ก็มันเหตุจำเป็นนี่ครับ!!” ไคย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ด้วยท่าทีเขินเล็กน้อย

            “ฮิฮิฮิ แค่กแค่ก อ๊าก!! เลือด”

          “อาการแบบนี้อย่าฝืนหัวเราะแบบนั้นสิครับพี่โต!”.

        หลังจากที่สนทนาในข้อข้องใจของแต่ละฝ่ายเสร็จแล้ว บรรยากาศในห้องก็เงียบลง ทั้งสองต่างใช้ความคิด

            “พี่ครับ...จะว่าไปแล้วก่อนที่ยันต์จะหายไปนี่มัน...อยู่ในห้องชมรมสินะครับ” ไคมองตาพี่โตอย่างจดจ่อ

            “อ่าอืม ก็ใช่นะ” โตตอบอย่างมันใจ

            “แล้วคนที่จะเข้าห้องชมรมได้..ก็มีแต่...”

        เมื่อมาถึงประโยคนี้ของไคก็ถึงกับทำให้โตตาสว่างขึ้นมา นัยน์ตาเบิกกว้าง

          “คน . . . . . . .ในชมรม”

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา