Hexe
9.4
เขียนโดย Ejichiki
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.28 น.
5 บทที่
2 วิจารณ์
8,666 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ผู้สืบทอด ( Part 2 )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ การเดินทางของเซราฟีมกับเด็กสาวยังไม่สิ้นสุด ถึงทั้งคู่จะตรงรี่มายังปราสาทโดยไม่วอกแวกไปที่ไหนก่อน กระนั้น การเดินทางของพวกเธอต่างถูกสอดแนมอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในอิกซ์เตรีย แต่ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ ก็ต้องบอกว่าพวกเธอถูกจับตามองมาตั้งแต่ตอนที่อยู่สะพานสายรุ้งซะด้วยซ้ำไป
" สุดท้าย เชอร์วูดก็ไม่เข้ามาอีกแล้ว " แม่มดอาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยออกมา อย่างเหนื่อยหน่าย
คำว่า " อีกแล้ว " ของเธอนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดายนิดๆสำหรับเหล่าบรมครูผู้ฝึกสอนแม่มดมาหลายต่อหลายรุ่น เชอร์วูดนั้นเป็นแม่มดที่มีพรสวรรค์สูง เวทย์มนต์ของเธอก็เป็นเวทย์มนต์ที่ทรงพลังไม่น้อย หากแต่เธอเป็นคนหัวแข็งไปสักหน่อยไม่ค่อยจะยอมฟังคนอื่น ต่างจากเซราฟีมที่มีพรสวรรค์ในระดับเดียวกันที่ดูจะว่าง่ายกว่า
แต่เอาเถอะ !!
เพราะสำหรับเรื่องของเชอร์วูดในตอนนี้ยังไม่สำคัญเท่าไหร่ ในเมื่อตอนนี้ .. มีอะไรที่สำคัญกว่านั้นเยอะ
" เด็กคนนั้น เป็นยังไงบ้าง "
อาวุโสอีกท่านไถ่ถามข้อความจากแม่มดอาวุโสที่ถือลูกแก้วขนาดกำมือ ผู้ซึ่งจับจ้องมองการเดินทางของเซราฟีมกับเด็กหญิงมาตั้งแต่แรกเริ่ม เธอยังไม่ไม่ตอบกลับในทันทีหากแต่คิดวิเคราะห์อยู่สักพัก
" เหมือนเด็กธรรมดาๆคนนึง ยังไม่เห็นพรสวรรค์อะไรมากไปกว่าแม่มดฝึกหัดธรรมดา "
" ก็..นะ ยังไงซะเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นแม่มดได้แน่ ถึงจะมีหรือไร้พรสวรรค์ทางแม่มด แต่ท่านกิลเกียนูก็เลือกเด็กคนนี้มาเป็นผู้สืบทอด เราต้องดูแลเด็กคนนี้ให้ดีเหมือนเหล่าพี่น้องตัวเล็กคนอื่นๆ ดั่งหน่ออ่อนที่เติบโตรอวันเจิดจรัสของแม่มดเช่นเราๆ "
เพียงคำพูดเดียว แค่คำเดียวเท่านั้น อาวุโสทั้งเก้าที่เคยนั่งนิ่งกลับต่างเบนสายตาของตนไปจับจ้องมองอาวุโสท่านนี้เป็นตาเดียว มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆเมื่ออยุ่ดีๆถูกมองขึ้นมาซะเฉยๆ แม้แต่แม่มดอาวุโสที่คอยจ้องมองลูกแก้วลูกแก้วไม่วางตายังต้องละสายตาจากลูกแก้วแสนสำคัญเพื่อมองเธอจนตาแทบถลนออกจากเบ้า
" ..เอ่อ นี่ข้าพูดอะไรผิดหูพวกท่านไปรึปล่าวเนี่ย "
" ปล่าว แค่ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากคนที่ไล่ต้อนลูกศิษย์จนขยาด ถึงขนาดไม่กล้าเข้ามาเฉียดบริเวณปราสาทกลางถ้าไม่มีธุระคอขาดบาดตายเท่านั้นเอง "
" ห๊ะ พวกท่านก็พูดเกินไป ข้าก็แค่แสดงความรักกับศิษย์ในฐานะอาจารย์ผู้สอนสั่งประสบการณ์ความรู้เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะ "
แม่มดอาวุโสพยายามแก้ตัวท่ามกลางสายตาทิ่มแทงของแม่มดท่านอื่น แม้จะไม่มีใครแย้งคำพุดคำจาของเธอ แต่ยังไงซะ พวกแม่มดอาวุโสท่านอื่นๆต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นยังไง ไม่มีใครแปลกใจเลยว่าเชอร์วูดที่เติบโตมาในฐานะลูกศิษย์จะมีนิสัยแบบนั้น
และไม่ทัน ที่เหล่าแม่มดอาวุโสทั้งสิบจะโต้เถียงกันอีกครั้ง
.
สิ่งที่พวกเธอรอคอย ก็เริ่มปรากฏตัวออกมา
****************************************************
ประตูไม้บานใหญ่ค่อยๆเปิดกว้างออก ร่างของเด็กหญิงกับเซราฟีมปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงสว่างสาดส่องแทนฉากหลัง เหล่าแม่มดอาวุโสทั้งสิบที่อยู่ในห้องตั้งแต่แรกต่างรู้สึกปิติยินดีไม่ต่างกัน มันไม่ใช่ความยิ่งใหญ่หรืออะไรที่แปลกใหม่นัก ก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่ครอบครัวมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน
ใช่!? แค่สมาชิกตัวน้อยๆที่สืบทอดของแม่มดผู้ยิ่งใหญ่
ร่างทะมึนของเหล่าอาวุโสแม่มดปรากฏต่อสายตาเด็กหญิงและเซราฟีม อาวุโสทั้งสิบต่างอยู่บนบัลลังก์ของตนที่ตั้งเรียงรายไร้ระเบียบอยู่ลึกเข้าไปในมุมมืดด้านหน้าของทั้งสอง สายตาแดงก่ำเป็นประกายยามต้องแสงอาทิตย์จากหลังประตูที่เด็กสาวผ่านเข้ามาเมื่อครู่นั้น มันกลับทำให้เหล่าแม่มดอาวุโสที่วางตัวอยู่ในมุมมืดยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีกโข
เอี๊ยดด ...ปัง!!
ประตูด้านหลังปิดลง แสงสว่างอันน้อยนิดจากประตูถูกทำให้หายไปพร้อมๆกับความมืดที่คลืบคลานกลืนกินไปรอบห้อง รอบตัวเด็กสาวมืดสนิท หากแต่ในความมืดนั้น กลับยังมีประกายแสงสีแดงสิบคู่ปรากฏอยู่ด้านหน้า แม้จะไม่มีแสงจากภายนอกมากระทบแล้วก็ตามที
เปลวไฟสว่างจ้าปรากฏขึ้นกลางห้องแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เด็กหญิงตกใจเล็กน้อย เธอกุมมือเซราฟีมไว้แน่นกว่าตอนที่ยืนประจันหน้ากับแม่มดอาวุโสครั้งแรกซะอีก บรรยากาศอึมครึมกดดันในตอนแรกเริ่มพลันหายไปพร้อมๆกับเปลวไฟดวงอื่นๆที่ค่อยๆลุกไหม้ขึ้นมาจนทั้งห้องสว่างจ้า
" ยินดีต้อนรับพี่น้องของเรา "
เสียงทรงอำนาจดังก้องไปทั่งห้อง หนึ่งในแม่มดอาวุโสกล่าวทักทายเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ แต่สำหรับเด็กหญิงผู้อ่อนเยาว์แล้วนั้น มันกลับไม่ใช่อะไรที่นุ่มนวลขนาดนั้น เซราฟีมปล่อยมือเด็กหญิง เธอดึงชายกระโปรงทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลดตัวลงเพื่อให้ความเคารพผู้อาวุโส ก่อนจะถอยหลังออกไป
" ชื่อของเจ้าคือ ? "
แม่มดอาวุโสคนเดิมถามเด็กหญิง ไม่เพียงแค่นั้น สายตาของอาวุโสทุกคนไม่เว้นแม่แต่เซราฟีมเองยังจับจ้องไปที่เธอเพียงผู้เดียว ราวกับคำตอบของเธอจะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของตนเองก็มิปาน
แต่.. เด็กหญิงยังนิ่งเงียบ
.
.
และยังนิ่งเงียบต่อไป
" เจ้าชื่ออะไร แม่หนูน้อย? " แม่มดอาวุโสถามซ้ำอีกครั้ง
"กิลเกียนู!? ชื่อของข้าคือ กิลเกียนู "
เด็กหญิงตอบเหล่าผู้อาวุโสด้วยสีหน้านิ่ง สายตาเธอมองตรงไปยังอาวุโสผุ้ถามคำถามโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย กลับกันกับเหล่าผุ้อาวุโสทั้งหลายที่ต่างทำหน้าแปลกใจเล็กๆ แม้แต่เซราฟีมที่อยู่ด้านหลังก็มีอาการเดียวกัน หากไม่ติดว่าแสงเงาจากดวงไฟช่วยบดบังสีหน้าแล้วล่ะก็ เด็กหญิงคงจะเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสไปแล้ว
แต่กระนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ก็ยังมีอีกหนึ่งที่ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจเหมือนคนอื่น กลับกัน เธอกลับฉีกยิ้มกว้างออกมา
" ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะเข้าใจรึปล่าวพี่น้องเรา แต่การนำชื่อของอาจารย์ผู้สิ้นชื่อไปแล้วน่ะ มันต่างจากการสืบทอดนามเรียกขานหรือสิ่งที่เรียกว่าฉายาลิบลับเลยนะข้าขอเตือนไว้ การสืบทอดนามเรียกขานน่ะ มันคือการรับ-ส่งต่อชื่อเรียกขานในฐานะศิษย์ผู้มีเวทย์มนต์สายตรงจากอาจารย์ เพื่อแสดงเจตจำนงกับอาจารย์เพื่อรับสิ่งที่ยึดมั่นหรือหน้าที่ที่อาจารย์เคยทำ เพื่อให้อาจารย์ได้พักผ่อนอย่างสงบในบั้นปลายชีวิต แต่การสืบทอดไปถึงชื่อน่ะ มันไม่ใช่แค่นั้น "
" การสืบทอดชื่อน่ะ คือการรับเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในตัวของเจ้าเอง ไม่เพียงแค่หน้าที่ เพราะมันรวมทั้งขีดความสามารถทั้งหมด อุดมการณ์ เจตจำนง ทั้งเกียรติยศที่สั่งสมมา ทั้งความทรงจำส่วนหนึ่ง และอนาคตที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆว่าชีวิตทั้งหมดของเจ้าจะไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป การสืบทอดชื่อไม่ใช่อะไรง่ายๆอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ แล้ววันใดที่เจ้าไม่สามารถเป็นได้อย่างกิลเกียนู หากพวกเรามองเห็นว่าเจ้าทำให้ชื่อเสียงของกิลเกียนูเสียหายหรือมองว่าเจ้าไม่อาจเป็นได้ดั่งกิลเกียนู "
" เราจะกำจัดเจ้าซะ เพื่อรักษานามกิลเกียนู "
สิ้นคำพูดของอาวุโส บรรยากาศรอบห้องจากที่เคยปลอดโปร่งกลับกดดันขึ้นมาแทนที่ เปลวไฟที่เคยนิ่งกลับสั่นไหวราวกับสายลมรุนแรงพัดผ่าน สีหน้าผุ้อาวุโสแต่ละคนกลับถมึงทึงขึ้นมาทันที หากแต่คราวนี้เด็กหญิงกลับเห็นมันชัดเจน มันแสดงว่าสิ่งที่เหล่าผุ้อาวุโสพูดมานั้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้แต่เซราฟีมที่เข้า-ออกสถานที่นี้บ่อยครั้งก้เพิ่งจะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
หญิงสาวรู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ขนาดเธอที่เป็นแม่มดระดับแม่มดผู้สูงส่งยังรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะเดินหนีออกไปจากห้องนี้ให้ได้ ณ ตอนนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับแม่มดฝึกหัดคนนี้กันล่ะ ถึงเด็กคนนี้จะเป็นศิษย์ของแม่มดผู้ยิ่งใหญ่กิลเกียนูก็ตามที ถึงในอนาคต เธออาจจะยิ่งใหญ่เหนือล้ำกว่าอาจารย์ของเธอก็ตาม
แต่!!
นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
เด็กหญิงในตอนนี้ตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง เธอเริ่มหายใจติดขัดและถี่ขึ้น ความสงบนิ่งที่เคยมีมาตั้งแต่แรกถูกความกดดันคุกคามของเหล่าแม่มดอาวุโสเข้ามาแทนที่จนหมด ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง เหงื่อกาฬเริ่มไหลออกจากร่างด้วยความกลัวจากสัญชาตญาณเบื้องลึกที่สุดในจิตใจ ในตอนนี้หัวของเธอขาวโพลนไปหมด ความคิดความอ่านที่เคยมีกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอ
และแล้ว... เด็กน้อยก็พูดมันออกไป
****************************************************
บาร์เล็กๆในส่วนลึกของอิกซ์เตรีย แม่มดขาวผู้งามสง่าได้ทิ้งร่างของตนลงบนเก้าอี้หัวกลมที่สรรค์สร้างจากไม้วิลโลว ไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าแม่มดที่ว่ากันว่าช่วยส่งเสริมเวทย์มนต์และคุ้มครองเล่าสตรีทั้งมวล แม้ว่าเชอร์วูดจะไม่ได้สนใจคุณสมบัติที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงรึปล่าวของมัน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า การที่เธอได้พักร่างกายของตัวเองลงบนไม้วิลโลวนั้น มันรู้สึกสบายกายสบายใจเหลือจะกล่าว ไม่แน่ว่าแม่มดทั้งมวลอาจจะรู้สึกแบบเธอก็ได้
ถ้วยใบเล็กที่บรรจุน้ำชาปริ่มถ้วยถุกแม่มดขาวยกขึ้นจิบแต่พองาม สำหรับเชอร์วูดนั้น สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขไม่กี่อย่างในชีวิตได้นั้น คือการนั่งดื่มชาอย่างสงบ ชาในอิกซ์เตรียก็ถูกใจเธอเอามากๆ เธอมักจะใช้เวลาว่างช่วงหลังๆแวะมาจิบชาแถวนี้ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าต้องแอบเข้ามาเพื่อป้องกันการตรวจพบของศูนย์กลางด้วย มันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากถ้าศูนย์กลางพบตัวเธอเข้า มันอาจจะทำให้ความสุขของเธอกลายเป็นความทุกข์ในบัดดลเลยทีเดียว
และในขณะที่เธอกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความสงบนั้นเอง เสียงฝีเท้าราบเรียบก็ดังขึ้น ฝีเท้าที่ว่านั้นตรงดิ่งมาหาเธอโดยไม่วอกแวก มันทำให้เชอร์วูดรู้สึกได้ในทันที ว่าเจ้าของฝีเท้าต้องมีธุระกับเธอเป็นแน่แท้
แล้วสิ่งนั้นก็เป็นจริงซะด้วย....
" สุดท้าย เชอร์วูดก็ไม่เข้ามาอีกแล้ว " แม่มดอาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยออกมา อย่างเหนื่อยหน่าย
คำว่า " อีกแล้ว " ของเธอนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดายนิดๆสำหรับเหล่าบรมครูผู้ฝึกสอนแม่มดมาหลายต่อหลายรุ่น เชอร์วูดนั้นเป็นแม่มดที่มีพรสวรรค์สูง เวทย์มนต์ของเธอก็เป็นเวทย์มนต์ที่ทรงพลังไม่น้อย หากแต่เธอเป็นคนหัวแข็งไปสักหน่อยไม่ค่อยจะยอมฟังคนอื่น ต่างจากเซราฟีมที่มีพรสวรรค์ในระดับเดียวกันที่ดูจะว่าง่ายกว่า
แต่เอาเถอะ !!
เพราะสำหรับเรื่องของเชอร์วูดในตอนนี้ยังไม่สำคัญเท่าไหร่ ในเมื่อตอนนี้ .. มีอะไรที่สำคัญกว่านั้นเยอะ
" เด็กคนนั้น เป็นยังไงบ้าง "
อาวุโสอีกท่านไถ่ถามข้อความจากแม่มดอาวุโสที่ถือลูกแก้วขนาดกำมือ ผู้ซึ่งจับจ้องมองการเดินทางของเซราฟีมกับเด็กหญิงมาตั้งแต่แรกเริ่ม เธอยังไม่ไม่ตอบกลับในทันทีหากแต่คิดวิเคราะห์อยู่สักพัก
" เหมือนเด็กธรรมดาๆคนนึง ยังไม่เห็นพรสวรรค์อะไรมากไปกว่าแม่มดฝึกหัดธรรมดา "
" ก็..นะ ยังไงซะเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นแม่มดได้แน่ ถึงจะมีหรือไร้พรสวรรค์ทางแม่มด แต่ท่านกิลเกียนูก็เลือกเด็กคนนี้มาเป็นผู้สืบทอด เราต้องดูแลเด็กคนนี้ให้ดีเหมือนเหล่าพี่น้องตัวเล็กคนอื่นๆ ดั่งหน่ออ่อนที่เติบโตรอวันเจิดจรัสของแม่มดเช่นเราๆ "
เพียงคำพูดเดียว แค่คำเดียวเท่านั้น อาวุโสทั้งเก้าที่เคยนั่งนิ่งกลับต่างเบนสายตาของตนไปจับจ้องมองอาวุโสท่านนี้เป็นตาเดียว มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆเมื่ออยุ่ดีๆถูกมองขึ้นมาซะเฉยๆ แม้แต่แม่มดอาวุโสที่คอยจ้องมองลูกแก้วลูกแก้วไม่วางตายังต้องละสายตาจากลูกแก้วแสนสำคัญเพื่อมองเธอจนตาแทบถลนออกจากเบ้า
" ..เอ่อ นี่ข้าพูดอะไรผิดหูพวกท่านไปรึปล่าวเนี่ย "
" ปล่าว แค่ไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากคนที่ไล่ต้อนลูกศิษย์จนขยาด ถึงขนาดไม่กล้าเข้ามาเฉียดบริเวณปราสาทกลางถ้าไม่มีธุระคอขาดบาดตายเท่านั้นเอง "
" ห๊ะ พวกท่านก็พูดเกินไป ข้าก็แค่แสดงความรักกับศิษย์ในฐานะอาจารย์ผู้สอนสั่งประสบการณ์ความรู้เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะ "
แม่มดอาวุโสพยายามแก้ตัวท่ามกลางสายตาทิ่มแทงของแม่มดท่านอื่น แม้จะไม่มีใครแย้งคำพุดคำจาของเธอ แต่ยังไงซะ พวกแม่มดอาวุโสท่านอื่นๆต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นยังไง ไม่มีใครแปลกใจเลยว่าเชอร์วูดที่เติบโตมาในฐานะลูกศิษย์จะมีนิสัยแบบนั้น
และไม่ทัน ที่เหล่าแม่มดอาวุโสทั้งสิบจะโต้เถียงกันอีกครั้ง
.
สิ่งที่พวกเธอรอคอย ก็เริ่มปรากฏตัวออกมา
****************************************************
ประตูไม้บานใหญ่ค่อยๆเปิดกว้างออก ร่างของเด็กหญิงกับเซราฟีมปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงสว่างสาดส่องแทนฉากหลัง เหล่าแม่มดอาวุโสทั้งสิบที่อยู่ในห้องตั้งแต่แรกต่างรู้สึกปิติยินดีไม่ต่างกัน มันไม่ใช่ความยิ่งใหญ่หรืออะไรที่แปลกใหม่นัก ก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่ครอบครัวมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน
ใช่!? แค่สมาชิกตัวน้อยๆที่สืบทอดของแม่มดผู้ยิ่งใหญ่
ร่างทะมึนของเหล่าอาวุโสแม่มดปรากฏต่อสายตาเด็กหญิงและเซราฟีม อาวุโสทั้งสิบต่างอยู่บนบัลลังก์ของตนที่ตั้งเรียงรายไร้ระเบียบอยู่ลึกเข้าไปในมุมมืดด้านหน้าของทั้งสอง สายตาแดงก่ำเป็นประกายยามต้องแสงอาทิตย์จากหลังประตูที่เด็กสาวผ่านเข้ามาเมื่อครู่นั้น มันกลับทำให้เหล่าแม่มดอาวุโสที่วางตัวอยู่ในมุมมืดยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีกโข
เอี๊ยดด ...ปัง!!
ประตูด้านหลังปิดลง แสงสว่างอันน้อยนิดจากประตูถูกทำให้หายไปพร้อมๆกับความมืดที่คลืบคลานกลืนกินไปรอบห้อง รอบตัวเด็กสาวมืดสนิท หากแต่ในความมืดนั้น กลับยังมีประกายแสงสีแดงสิบคู่ปรากฏอยู่ด้านหน้า แม้จะไม่มีแสงจากภายนอกมากระทบแล้วก็ตามที
เปลวไฟสว่างจ้าปรากฏขึ้นกลางห้องแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เด็กหญิงตกใจเล็กน้อย เธอกุมมือเซราฟีมไว้แน่นกว่าตอนที่ยืนประจันหน้ากับแม่มดอาวุโสครั้งแรกซะอีก บรรยากาศอึมครึมกดดันในตอนแรกเริ่มพลันหายไปพร้อมๆกับเปลวไฟดวงอื่นๆที่ค่อยๆลุกไหม้ขึ้นมาจนทั้งห้องสว่างจ้า
" ยินดีต้อนรับพี่น้องของเรา "
เสียงทรงอำนาจดังก้องไปทั่งห้อง หนึ่งในแม่มดอาวุโสกล่าวทักทายเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ แต่สำหรับเด็กหญิงผู้อ่อนเยาว์แล้วนั้น มันกลับไม่ใช่อะไรที่นุ่มนวลขนาดนั้น เซราฟีมปล่อยมือเด็กหญิง เธอดึงชายกระโปรงทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อยแล้วลดตัวลงเพื่อให้ความเคารพผู้อาวุโส ก่อนจะถอยหลังออกไป
" ชื่อของเจ้าคือ ? "
แม่มดอาวุโสคนเดิมถามเด็กหญิง ไม่เพียงแค่นั้น สายตาของอาวุโสทุกคนไม่เว้นแม่แต่เซราฟีมเองยังจับจ้องไปที่เธอเพียงผู้เดียว ราวกับคำตอบของเธอจะเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของตนเองก็มิปาน
แต่.. เด็กหญิงยังนิ่งเงียบ
.
.
และยังนิ่งเงียบต่อไป
" เจ้าชื่ออะไร แม่หนูน้อย? " แม่มดอาวุโสถามซ้ำอีกครั้ง
"กิลเกียนู!? ชื่อของข้าคือ กิลเกียนู "
เด็กหญิงตอบเหล่าผู้อาวุโสด้วยสีหน้านิ่ง สายตาเธอมองตรงไปยังอาวุโสผุ้ถามคำถามโดยไม่หลบตาแม้แต่น้อย กลับกันกับเหล่าผุ้อาวุโสทั้งหลายที่ต่างทำหน้าแปลกใจเล็กๆ แม้แต่เซราฟีมที่อยู่ด้านหลังก็มีอาการเดียวกัน หากไม่ติดว่าแสงเงาจากดวงไฟช่วยบดบังสีหน้าแล้วล่ะก็ เด็กหญิงคงจะเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสไปแล้ว
แต่กระนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ก็ยังมีอีกหนึ่งที่ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจเหมือนคนอื่น กลับกัน เธอกลับฉีกยิ้มกว้างออกมา
" ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะเข้าใจรึปล่าวพี่น้องเรา แต่การนำชื่อของอาจารย์ผู้สิ้นชื่อไปแล้วน่ะ มันต่างจากการสืบทอดนามเรียกขานหรือสิ่งที่เรียกว่าฉายาลิบลับเลยนะข้าขอเตือนไว้ การสืบทอดนามเรียกขานน่ะ มันคือการรับ-ส่งต่อชื่อเรียกขานในฐานะศิษย์ผู้มีเวทย์มนต์สายตรงจากอาจารย์ เพื่อแสดงเจตจำนงกับอาจารย์เพื่อรับสิ่งที่ยึดมั่นหรือหน้าที่ที่อาจารย์เคยทำ เพื่อให้อาจารย์ได้พักผ่อนอย่างสงบในบั้นปลายชีวิต แต่การสืบทอดไปถึงชื่อน่ะ มันไม่ใช่แค่นั้น "
" การสืบทอดชื่อน่ะ คือการรับเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในตัวของเจ้าเอง ไม่เพียงแค่หน้าที่ เพราะมันรวมทั้งขีดความสามารถทั้งหมด อุดมการณ์ เจตจำนง ทั้งเกียรติยศที่สั่งสมมา ทั้งความทรงจำส่วนหนึ่ง และอนาคตที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆว่าชีวิตทั้งหมดของเจ้าจะไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป การสืบทอดชื่อไม่ใช่อะไรง่ายๆอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ แล้ววันใดที่เจ้าไม่สามารถเป็นได้อย่างกิลเกียนู หากพวกเรามองเห็นว่าเจ้าทำให้ชื่อเสียงของกิลเกียนูเสียหายหรือมองว่าเจ้าไม่อาจเป็นได้ดั่งกิลเกียนู "
" เราจะกำจัดเจ้าซะ เพื่อรักษานามกิลเกียนู "
สิ้นคำพูดของอาวุโส บรรยากาศรอบห้องจากที่เคยปลอดโปร่งกลับกดดันขึ้นมาแทนที่ เปลวไฟที่เคยนิ่งกลับสั่นไหวราวกับสายลมรุนแรงพัดผ่าน สีหน้าผุ้อาวุโสแต่ละคนกลับถมึงทึงขึ้นมาทันที หากแต่คราวนี้เด็กหญิงกลับเห็นมันชัดเจน มันแสดงว่าสิ่งที่เหล่าผุ้อาวุโสพูดมานั้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้แต่เซราฟีมที่เข้า-ออกสถานที่นี้บ่อยครั้งก้เพิ่งจะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
หญิงสาวรู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ขนาดเธอที่เป็นแม่มดระดับแม่มดผู้สูงส่งยังรู้สึกอึดอัดจนแทบอยากจะเดินหนีออกไปจากห้องนี้ให้ได้ ณ ตอนนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับแม่มดฝึกหัดคนนี้กันล่ะ ถึงเด็กคนนี้จะเป็นศิษย์ของแม่มดผู้ยิ่งใหญ่กิลเกียนูก็ตามที ถึงในอนาคต เธออาจจะยิ่งใหญ่เหนือล้ำกว่าอาจารย์ของเธอก็ตาม
แต่!!
นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
เด็กหญิงในตอนนี้ตัวแข็งทื่อไม่ไหวติง เธอเริ่มหายใจติดขัดและถี่ขึ้น ความสงบนิ่งที่เคยมีมาตั้งแต่แรกถูกความกดดันคุกคามของเหล่าแม่มดอาวุโสเข้ามาแทนที่จนหมด ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง เหงื่อกาฬเริ่มไหลออกจากร่างด้วยความกลัวจากสัญชาตญาณเบื้องลึกที่สุดในจิตใจ ในตอนนี้หัวของเธอขาวโพลนไปหมด ความคิดความอ่านที่เคยมีกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอ
และแล้ว... เด็กน้อยก็พูดมันออกไป
****************************************************
บาร์เล็กๆในส่วนลึกของอิกซ์เตรีย แม่มดขาวผู้งามสง่าได้ทิ้งร่างของตนลงบนเก้าอี้หัวกลมที่สรรค์สร้างจากไม้วิลโลว ไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าแม่มดที่ว่ากันว่าช่วยส่งเสริมเวทย์มนต์และคุ้มครองเล่าสตรีทั้งมวล แม้ว่าเชอร์วูดจะไม่ได้สนใจคุณสมบัติที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงรึปล่าวของมัน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า การที่เธอได้พักร่างกายของตัวเองลงบนไม้วิลโลวนั้น มันรู้สึกสบายกายสบายใจเหลือจะกล่าว ไม่แน่ว่าแม่มดทั้งมวลอาจจะรู้สึกแบบเธอก็ได้
ถ้วยใบเล็กที่บรรจุน้ำชาปริ่มถ้วยถุกแม่มดขาวยกขึ้นจิบแต่พองาม สำหรับเชอร์วูดนั้น สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขไม่กี่อย่างในชีวิตได้นั้น คือการนั่งดื่มชาอย่างสงบ ชาในอิกซ์เตรียก็ถูกใจเธอเอามากๆ เธอมักจะใช้เวลาว่างช่วงหลังๆแวะมาจิบชาแถวนี้ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าต้องแอบเข้ามาเพื่อป้องกันการตรวจพบของศูนย์กลางด้วย มันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากถ้าศูนย์กลางพบตัวเธอเข้า มันอาจจะทำให้ความสุขของเธอกลายเป็นความทุกข์ในบัดดลเลยทีเดียว
และในขณะที่เธอกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความสงบนั้นเอง เสียงฝีเท้าราบเรียบก็ดังขึ้น ฝีเท้าที่ว่านั้นตรงดิ่งมาหาเธอโดยไม่วอกแวก มันทำให้เชอร์วูดรู้สึกได้ในทันที ว่าเจ้าของฝีเท้าต้องมีธุระกับเธอเป็นแน่แท้
แล้วสิ่งนั้นก็เป็นจริงซะด้วย....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ