แผนรักมัดใจยัยสะเอิง

8.2

เขียนโดย pooklook

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.10 น.

  8 ตอน
  4 วิจารณ์
  17.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 09.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

06.00 น.    
         

          ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาบน้ำแปรงฟังที่ต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่โห่เนื่องจากที่บ้านมีห้องน้ำแค่ห้องเดียว ฉันเลยขี้เกียจแย่งห้องน้ำกับหมอนั่นเหมือนเมื่อวานอีก ต้องยอมรับเลยแหละนายนั่นน่ะเป็นคนที่ตื่นเช้ามากเป็นฉันน่ะเหรอถ้าไม่มีเรียนเช้าอยู่บ้านแบบนี้ นู้นแหละเกือบบ่ายโมงถึงจะตื่น     
             
           “ทำอะไรทานอ่ะ ห้อม หอม” นายกำปอที่ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีเหลืองกับกางเกงสีดำขาสั้นยาวแค่เข่าเดินเข้ามาทักฉันในห้องครัวซึ่งตอนนี้เป็นเวลาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง
    
    
           “ข้าวต้ม รออีกแปปละกันนายมาก่อนเวลา ฉันยังทำไม่เสร็จ” ฉันเหลียวหลังมองก็เห็นนายกำปอที่ตอนนี้เดินเข้ามาในห้องครัว

 

        “เอิงทำอาหารเก่งเนอะ จับอะไรดูคล่องเเคล่วไปหมด” หมอนั่นนั่งมองฉันอยู่ที่โต๊ะทานข้าวในห้องครัว
    
                           
           “แน่นอน ระดับนี้แล้วทำเมนูไหนก็อร่อยทุกอย่าง” ฉันไม่ได้โม้นะ >__<ฉันพูดพร้อมกับยังสาละวนอยู่กะหม้อข้าวต้มบนเตา
  
                              
            “เรานี่เหมือน….” หมอนั่นพูดได้แค่นั้นก็หัวเราะแถมยังหยุดพูดไปซะดื้อๆยิ่ง ทำให้ฉันสงสัยจนต้องหันหน้าไปเอ่ยถาม
   
                          
          “เหมือนอะไรของนาย” ฉันหันหน้ามาประจันหน้ากับหมอนั่น พร้อมกับถือทัพพีชี้หน้าเขา ถ้าพูดไม่เข้าหู แม่จะโยนทัพพีลอยไปเคาะหัวเลยคอยดูสิ
   
                                
           "เราเหมือนคู่แต่งงานใหม่ –W-”พอหมอนั่นพูดจบฉันจึงทำเป็นไม่สนใจ หันหลังให้เขาละกับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อเพราะเคยมีคนบอกฉันไว้เสมอว่าความเงียบมันจะสยบทุกความเคลื่อนไหว
   
                                 
              “………” เย็นไว้ สะเอิง หึ่มๆ
  
                                 
              “ก็เอิงเป็นผู้หญิงมีหน้าที่ทำอาหารใช่มั้ย ผมเป็นผู้ชายก็รอทานอาหารไง”ย๊าง ยังไม่จบ หมอนั้นยังพูดแถมยังทำน้ำเสียงเจ้าเล่ห์อีก
 
                                 
              “ เหรอ... เพ้อเจ้อซะไม่มีนะนายเนี่ย เป็นเด็กเป็นเล็กคิดอะไรซะโอเวอร์” ไอ้บ้านี่คงจะประสาทกลับจริงๆแหละขนาดฉันหันไปว่าให้ แต่หมอนี่ก็ดันยิ้มอยู่นั่นแหละ
   
                                    
             “ผมไม่เด็กแล้วนะ ผมโตแล้ว”
  
                                    
             “คนที่โตแล้วเค้าต้องดูแลตัวเองได้  ต้องเรียนจบ  มีงานทำอย่างนายนี่ทำงานบ้านยังไม่เป็นเลย”
 
                                     
              “ผมก็ดูแลตัวเองได้ ดูสิผมขับรถจากเชียงรายมาลำปางยังได้เลย ลองให้เด็กประถมมาขับสิ คิดเหรอว่าจะขับได้ถ้าไม่โตพอ อ่ะนะ เพราะฉะนั้นผมโตแล้ว”ฉันชำเลืองมองหมอนั่นพร้อมกับยกข้าวต้มสองชามมาวางไว้ที่โต๊ะทานข้าวที่หมอนั่นนั่งอยู่ด้วยสีหน้าเหนื่อยๆเซ็งๆ
 
                                  
           “เฮ้อ!...พอเถอะรีบๆทานข้าวกันเถอะเสร็จแล้วฉัน จะได้เริ่มสอนงานบ้านให้นายสักที”  ฉันบอกอย่างเหนื่อยใจ หมอนี่ชอบเถียงฉันตลอดเวลาแถมยังไม่คิดจะช่วยฉันทำงานหยิบจับอะไรเลย
 

                         
           หลังจากทานข้าวเสร็จฉันก็บอกให้นายกำปอเข้าไปเอาเสื้อผ้าที่ต้องการซักไปรอที่หลังบ้าน เพื่อที่ฉันจะได้สอนให้ ‘ซักผ้า’ -_-!! เฮ้อ ! ฉันเคยเรียนงานบ้าน โดยที่คุณครูสอนให้ซักผ้า มาตั้งแต่เรียนประถมแล้วนะ แต่ดูหมอนี่สิมันเรียนหลักสูตรไหนฟะ ทำไมทำไม่เป็นสักอย่างเนี่ย Y_Y!!
      
                            
           “ทำไมเราไม่ใช้เครื่องซักผ้าล่ะเอิง” หลังจากที่ฉันเข้าไปยื่นกะละมังมาให้นายกำปอก็เริ่มโอดครวญทันที
      
                                      
          “บางทีการใช้เครื่องซักผ้ามันก็ไม่ได้ทำไมเสื้อของนายสะอาดหรอกนะ และที่สำคัญถ้าใช้เครื่องซักผ้า นายจะให้ฉันสอนงานบ้านทำไมล่ะ”ฉันเอือมระอากลับหมอนี่จริงๆเลย  
     
                                     
          “ -_-!!” จากนั้นหมอนั่นก็ไม่พูดอะไรอีกเลยนั่นทำให้ฉันเริ่มสอนงานให้ทันที โดยที่ตอนนี้ฉันยืนมองหมอนั่นที่ตอนนี้กำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยๆพร้อมกับออกคำสั่ง

                                      
         “ขั้นแรกของการซักผ้า นายต้องแยกก่อนนะว่าชิ้นไหนเป็นเสื้อ ชิ้นไหนเป็นกางเกง”   

                                         
         “……”นายกำปอเงยหน้าขึ้นมองฉันแว๊บนึงก่อนจะทำตามคำสั่ง เหมือนหมอนี่เป็นคนว่านอนสอนง่าย รึป่าว?
    
                              
       “จากนั้นก็ต้องแยกสีเสื้อนะ โดยที่เอาเสื้อสีขาวซักก่อน จากนั้นค่อยซักเสื้อที่เป็นผ้าสี ไหนลองแยกสีเสื้อซิ”
   
                                        
       “เรื่องแค่นี้เอง เด็กอนุบาลยังทำได้เลย” เอาน่ะ ฉันถือคติที่ว่า ไม่ถือคนบ้าไม่ด่าคนกวนประสาท
     
                                          
      “จากนั้นนายก็เอากะละมังใบแรกใส่น้ำครึ่งหนึ่ง แล้วก็ตักผงใส่ประมาณหนึ่งช้อน”ฉันยื่นช้อนสำหรับตักผงซักฟอกให้
   
                                        
         “ไม่เอาเสื้อผ้าของเอิง มาซักด้วยกันเหรอ *___*”
    
                                       
        “อย่านอกเรื่อง” ฉันตะโกนใส่หน้าหมอนั่นทันที  ไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์!!
   
                            
         “แล้วกะละมังอีกใบเนี่ย เดี๋ยวเปิดน้ำใส่ให้เต็มเลยนะ เอาไว้ล้างผงซักฟอกที่ติดเสื้อ”
  
                             
          “^^”
  
                                         
         “ตั้งใจฟังแล้ว ช่วยตั้งใจทำด้วย” ให้ตายสิ นายคนนี้ฉันบ่น ฉันบอก ฉันด่า อะไร ก็ยิ้มตลอด  แม่ส่งเด็กเป็นเอ๋อมาให้ฉันสอนรึป่าวเนี่ย
   
                                            
          “เวลานายซักเสื้อนะกำปอ นายต้องเน้นขยี้ที่ปกเสื้อ ตรงแขนเสื้อ และชายเสื้อ” ฉันร่ายยาวสอนอยู่อย่างนั้น จนหมอนั่นซักเสื้อของตัวเองเสร็จแล้วก็เอาไปล้างน้ำแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วจึงกลับมาซักกางเกงต่อ
   
                                        
            “กรี๊ด ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ” ฉันร้องกรี๊ดทันที ทีกำลังจะสอนหมอนั่นให้ซักกางเกง
   
                                       
           “นายเอาเกงกางใน มาให้ฉันสอนซักทำไม๊” ฉันเริ่มทนไม่ไหวกับนายแล้วนะนายกำปอ
    
                                      
            “อ้าว ก็เอิงบอกว่าให้เอาเสื้อผ้าที่ต้องการจะซักออกมา”หมอนี่ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวแถมยังหยิบกางเกงใส่ลงไปในกะละมังหน้าตาเฉย
   
                                        
            “แต่นายก็ควรจะรู้กาละเทศะ บ้างนะ” (--)!!ให้ตายเถอะ แม่ส่งตัวมารให้มาอยู่กับฉันชัดๆ
    
                                      
            “ มันเป็นเรื่องธรรมดา หรือว่าเอิงไม่ใส่ล่ะ”กรี๊ด ไอ้บ้า ฉันอยากฆ่าแก หมอนั่นพูดพร้อมกับเงยหน้าทำตาวิบวับมาทางฉัน
   
                                       
            “หุบปากเน่าๆของนายไว้เลย แล้วซักต่อให้เสร็จทำตามขั้นตอนเหมือนเมื้อกี้เลยนะ  แต่ไม่ต้องแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ล้างน้ำเสร็จก็เอาไม่ตากเลย  นู้น ไม้แขนเสื้ออยู่ที่ราวตากผ้า แล้วฉันจะกลับมาดู“ ฉันบอกพร้อมกับชี้ไปทางราวตากผ้า
    
                                    
              “ละเอิงไม่ต้องสอนเหรอว่า ต้องซักตรงไหน เน้นตรงไหน  -*-”
     
             “ซักๆไปเถอะ แล้วถ้าฉันกลับมาดู หวังว่านายคงตากผ้าเสร็จครบทุกชิ้นนะ”
   

     30 นาทีต่อมา
     
                                 
              ฉันค้นพบว่าหมอนี่ตากผ้าได้น่าทึ่งทีเดียว -_-!! ทึ่งอะไรน่ะเหรอ!เพราะหมอนี่ไม่คิดจะบิดน้ำออกจากเสื้อผ้า กางเกง สักนิด แล้วเมื่อไหร่มันจะแห้งล่ะเนี่ย ฉันรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องมาสอนให้หมอนี่จริงๆ –O-!!
    
                       
              “เป็นไงถึงกับทึ่งในผลงานผมเลยเหรอ โอเคเลย ใช่มั้ยล่ะ” หมอนี่กำลังหันหลังตากกางเกงยีนชิ้นสุดท้ายพอเสร็จก็ หันหน้ามาหาฉันพร้อมกับผายมือโชว์ผลงาน
     
                              
               “นายคิดว่า….เสื้อผ้าของนายจะแห้งทันเย็นนี้มั้ย” ฉันถามหมอนั่นอย่างเอือมระอา  แบบอยากให้หมอนั่นได้กระตุ้นต่อมความคิดของตัวเองแต่เหมือนต่อมนี้จะไม่มีอยู่ในหัวสมองนายเลยใช่มั้ย
    
                              
              “ทันสิ!! ตอนนี้โลกมันร้อนจะตาย แถมกรมอุตุฯ  เค้าประกาศว่าวันนี้ลำปางอุณหภูมิตั้ง 41 องศา เชียวนะ” สาบานนี่คือคำตอบที่ชาญฉลาดที่สุดในโลก
     
                                
             “อืมทันก็ทัน….แต่คราวหน้านายช่วยบิดน้ำออกบ้างก็ดีนะ” ฉันขี้เกียจสอนนายแล้ว เฮ้อๆ นอกจากจะเหนื่อยกับการพูดแล้วฉันยังเหนื่อยใจที่ต้องมานั่งดูผลของการสอนที่มันไม่แทรกซึมเข้าสมองของนายกำปอเลย ให้ตายเถอะอนาคตมีเด็กนักเรียนแบบนี้ทั้งห้องฉันคงจะลาออกจากการเป็นครู
     

        ‘ครืด ครืด’ มันเป็นเสียงลากประตูบ้านของฉันเองค่ะ    
       
                 
             “ใครมาอ่ะ” นายกำปอถามขึ้นหลังจากที่ฉันกับหมอนั่นทานข้าวกลางวันเสร็จจึงสงบศึกกันชั่วคราว เพื่อนั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น
    
                  
           “จะรู้มั้ย นายรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันออกไปดู”ฉันหันไปบอกนายกำปอที่ตอนนี้นั่งโซฟาตัวยาวข้างๆฉัน
     
                     
              “อื้อ เดี๋ยวไปด้วยกันเนี่ยแหละ ผมไปด้วย” หมอนั่นพูดพรางลุกเดินตามฉันไป
    
                      
               “กรี๊ด นายพจน์ “ ทันทีที่ฉันเห็นเพื่อนยืนอยู่หน้าประตูบ้านฉันก็กรีดร้องพร้อมกับโผเข้าไปกอดคอเพื่อนทันที นายพจน์เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มสายแข็งค่ะ

     
                       
              “เออ ฉันเอง เห้ยO_o…ไอ้เอิง เดี๋ยวนี้แกใจแตกอยู่กินกะผู้ชาย แล้วเหรอ” เพื่อนชายฉันถามขึ้นทันที ที่เห็นหน้านายกำปอที่ตอนนี้ยืนมองอยู่ด้านหลังฉัน
   
                      
             “ไม่ใช่โว๊ย!! นั่นน่ะชื่อ ‘กำปอ’หลานชายของน้าพิชชาไง”หลังจากที่ฉันลากแกมจูงเพื่อนชายเข้าบ้านฉันก็รีบอธิบายทันทีพร้อมกับแนะนำให้รู้จักนายกำปอ
    
                         
              “เหรอ แต่ดูๆไปนายนี่ก็เข้าข่ายสเป็ก แกหนิหว่า ขาวๆตี๋ๆแบบนี้” นายพจน์ก้มมากระซิบที่หูฉัน
   
                          
             “ ไอ้บ้า” ฉันตอบพร้อมกับเอามือหยิกตรงเอวของเพื่อน จะแตะก็คงไม่ได้เพราะหมอนี่น่ะสูงกว่าฉันตั้งเยอะ
    
                           
         “รึว่าไม่ใช่” ยังแซวต่อไม่เลิก แถมยังหันหน้าไปยิ้มโชว์เขี้ยวให้นายกำปออีก
   
                     
          “หุบปากสุนัข ของแกไปเลยนะไอ้พจน์”ฉันตอกกลับ ฮึ่ย!มาถึงก็จะก่อร่างสร้างเรื่องเชียว    
  
                             
          “ไรว่ะ…เป็นผู้หญิงพูดจาไม่ไพเราะเสนาะหูเหมือนเดิมเลยนะแก ถึงว่าไม่มีแฟนกับเค้าสักที” --!!
    
                      
           “ก็ฉัน รอแก อยู่นี่ไง ไม่มาขอเป็นแฟนซะล่ะ” ฉันบอก นายพจน์น่ะเป็นผู้ชายที่ผิวขาวค่ะ รูปร่างสูงโปร่งตอนอยู่โรงเรียนเนี่ยมีแฟนคลับเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเยอะมาก แถมตอนนี้นะหล่อกว่าเดิมอีกค่ะวันนี้หมอนี่ยิ่งใส่เสื้อสีเขียวเข้มกับกางเกงยีดสีซีดยิ่งขับผิวให้ขาวขึ้นออร่าบรรเจิดมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตลอดปี1ไปเรียนที่พิษณุโลกสาวๆคงติดมันตรึมแน่ๆ
    
                           
              “ แหม พูดซะน่าสยองเลยนะแก”ไม่พูดเปล่าๆนะมันยังเดินมาผลักหัวฉันอีก
    
                            
                “แล้วมาหาฉันมีอะไร คิดถึงอ่ะดิ”ฉันถามเพื่อนชายพร้อมกับส่งสายตาหวานๆไปให้มัน ฉันมักจะแกล้งนายพจน์เสมอเพราะมันเป็นคนขี้เล่น     
                             

                 “เปล่า…พึ่งกลับมาจากพิษ’โลก ขี้เกียจอยู่บ้านมันเปลืองไฟ” นายพจน์นั่งลงโซฟาที่ห้องนั่งเล่นข้างๆฉัน  ฉันแอบชำเลืองมองนายกำปอที่นั่งโซฟาอีกฝั่งที่ตรงข้ามกับฉัน เห็นหมอนี่ทำหน้ามึนๆตึงๆอย่างกะโกรธอะไรใครมาก็ไม่รู้    ฉันเลยทำเป็นไม่สนใจคุยกับเพื่อนต่อ ฉันว่าแล้วนายกำปอน่ะเป็นโรคประสาทแน่ๆเลย
   
                            
              “เออ บ้านฉันก็ไม่ใช่โรงผลิตไฟฟ้านะยะ แล้วไอ้พวกเพื่อนๆเราจะกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย”หมายถึงกลุ่ม ‘สายแข็ง’ของฉันน่ะค่ะ ตอนนี้ทุกคนกระจัดกระจายไปเรียนต่อ มหา’ลัย ต่างจังหวัดกันหมด
    
                                  
               “อาทิตย์หน้าคงกลับมาล่ะมั้ง  ”
    
                                     
              “นี่กำปอไปเอาน้ำกับขนมในห้องครัวออกมากินด้วยกันป่ะ ว่าแต่แกเถอะไอ้พจน์แยกย้ายกันไปเรียนแบบนี้ก็คิดถึงพวกมันเนอะ” ฉันมองหน้านายกำปอก่อนออกคำสั่งจริงๆแล้วฉันก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่หมอนี่มันจะลุกเอาน้ำมาเสริฟ์ให้แขก แต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักที นั่งมองหน้าฉันกับนายพจน์ไปมาแถมยังชอบทำหน้าบึ้งอีก ช่างเถอะเด็กสมัยนี้อารมณ์แปรปรวนจริงๆ =-=”แต่พูดแล้วอยากร้องไห้ชะมัด ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าเพื่อนกลุ่มนี้ของฉันพวกเราจะคบกันมานานมากตั้งแต่อนุบาล1จนตอนนี้จะขึ้นปี2แล้ว
    
                                   
           “อื้ม ละแกล่ะเรียนเป็นไงบ้าง”เพื่อนชายของฉันถามถึงสารทุกข์สุกดิบแลกเปลี่ยนกันโดยตอนนี้นายกำปอที่ทำหน้าที่ เสริฟ์น้ำและขนมก็เข้ามานั่งด้วย
      
                                  
            “ก็ดีอ่ะ แต่เบื่อรุ่นพี่ชะมัด เนี่ย!ก่อนกลับบ้านฉันก็พึ่งไปมีเรื่องกับรุ่นพี่มา”ฉันโดนรุ่นพี่แกล้งยับเลยค่ะ โขลกสับฉัน หยั่งกับเป็นเจ้ากรรมนายเวร TxT
                

                              
             “แกไปทำอะไรให้รุ่นพี่เค้าไม่พอใจ รึป่าว?” เพื่อนสนิทของฉันถามพรางแกะถุงขนมกินหน้าตาเฉย
      
                                       
           “ก็อาจจะเป็นเพราะฉันสวยกว่ามั้ง เลยอิจฉาอ่ะ ^/////^”แต่ปฏิกิริยาตอบกลับหลังจากที่ฉันพุดจบคือเพื่อนชายของฉันถึงกลับสำลักขนมทันที o__O แถมนายกำปอที่เมื่อกี้ดื่มน้ำอยู่ก็ถึงกับพรวดของเหลวออกมาเต็มพื้นเลยอ่ะ U_U
    
                                  
            “อี้ ทุเรศ สกปรก เอาผ้ามาเช็ดพื้นเดี๋ยวนี้เลยนะกำปอ”ฉันบอกพร้อมกับชี้ไปที่ผ้าเช็ดพื้นที่อยู่ในห้องครัว
    
                                   
            “ฉันว่า ‘ทุเรศ’ เนี่ยน่าจะบอกแกมากกว่านะไอ้เอิง”เพื่อนสนิทของฉันไม่พูดเปล่าแถมมันยังเอาเศษขนมเขวี้ยงใส่หน้าฉันด้วย มันสกปรกน่ะโว๊ยไอ้พจน์ เห้ยแต่ละคน=-=!!
     
                                        
              “นี่แกว่าฉันเหรอ ไอ้พจน์” ฉันชี้หน้าด่าไอ้เพื่อนบ้า
      
                                          
          “ไม่ได้ว่าแกหน้าตาทุเรศนะ แต่คำพูดของแกอ่ะ ทุเรศ แมร่งพูดไม่คิด ขนมเกือบติดคอฉันตาย”นายพจน์พูดพร้อมกับดื่มน้ำในแก้วจนหมด
     
                                               
        “ก็มันเป็นความจริงนี่หว่า” ฉันบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว
    
                                               
           “แล้วกำปอเป็นยังไงบ้างเนี่ย ไปเอาไม้ถูพื้นในห้องครัวได้ชาติกว่ายังไม่ออกมาอีก หายใจไม่ออกตายคาห้องครัวบ้านแกไปแล้วมั้ย” ปากเสียจริงๆเพื่อนฉัน I__I”
       
                                    
             “มาแล้วครับ…ปล่อยมุกอะไรก็หัดระวังซะบ้างนะ เกือบตายตั้งสองชีวิต”หมอนี่ออกจากห้องครัวมาพร้อมไม้ถูกพื้นแถมยังมาช่วยนายพจน์รุมต่อว่าฉันอีก TxT
        
                                                   
          “รีบๆเช็ดแล้วเอาผ้าไปซักแล้วบิดน้ำออกให้หมดแล้วค่อยไปตากแดดนะ”ฉันบอกนายกำปอ
         
 
        20นาที

           ต่อมาซึ่งนายกำปอก็ยังไม่โผล่หน้ามาสักที มันเอาไม้ถูพื้นไปซักผ้าหยอดเหรียญหน้าปากซอยรึไงเนี่ย=_=!
         
                                         
            “เอิง…ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่าว่ะ” หลังจากที่คุยกันต่ออีกสักพักเพื่อนสนิทของฉันก็ขอตัวกลับบ้าน มันมาเพื่อเปลืองไฟที่บ้านฉันไม่พอยังมากินขนมของฉันอีก หมดไปตั้ง5ถุงแหนะ>o<!!
        
                                              
            “เออ ยังไงถ้าเพื่อนๆมากันครบก็โทรมาบอกฉันด้วยล่ะ”ฉันบอกระหว่างเดินไปส่งเพื่อนที่หน้าบ้าน
  

           หลังจากส่งเพื่อนสนิทที่หน้าประตูเสร็จฉันก็แวะไปรดน้ำต้นไม้ พรวนดิน บรยายกาศ ตอนเย็นแบบนี้แหละเหมาะสำหรับรดน้ำต้นไม้ หลังจากที่ไม่ค่อยได้ดูแลมันมานาน
   
                 ‘ โครม  ซ่าส์ ’
       
              ฉันได้ยินเสียงนี้หลังจากที่พึ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ ซึ่งมันดังมาจากหลังบ้าน ทำให้ฉันรีบวิ่งไปดูทันทีแต่
    

            “กรี๊ด!!! “


              โครม
        
             “นายเล่นบ้าอะไรเนี่ย”
      
                                     
              “เจ็บมั้ย U_U” นายกำปอที่ตอนนี้ยืนตัวเปล่าพร้อมกับมองดูกะละมังที่คว่ำอยู่ตรงพื้นสลับกับมองมาทางฉันที่นั่งก้นจ้ำเบ้า เอ่ยถามขึ้น

        
            นึกแล้วก็เจ็บใจชะมัดตอนที่ได้ยินเสียงก็เลยนึกเป็นฉันเลยรีบวิ่งมาด้วยความเร็วแสง  ซึ่งสาเหตุก็มาจากนายกำปอยกกะละมังผงซักฟอกที่ฉันบอกให้หมอนั่นเอาไม้ถูกพื้นมาซัก ตั้งแต่ชาติที่แล้ว Y_Y!!แต่หมอนี่กำลังซักเสร็จ อื้มนั่นแหละ แต่หมอนั่นกำลังจะเอาน้ำผงซักฟอกไปรดน้ำต้นไม้ แต่ดันทำหลุดมือ แล้วตอนนั้นฉันดันวิ่งมาเหยียบน้ำผงซักผ้าพอดี มันก็ลื่นใช่มั้ย? นั่นแหละ ฉันนอนก้นจ้ำกับพื้นเลยแหละตอนนี้
      
                                  
            “เจ็บสิ ถามมาได้ มาถึงยังไม่ถึง2วันหาเรื่องให้ฉันทั้งเจ็บตัว กวนประสาททุกวี่ทุกวัน”ฉันบ่นพร้อมกับที่หมอนั่นเดินมาพยุงให้ฉันลุก
     
                               
           “ขอโทษทีนะ มือมันลื่นอ่ะ เอาเป็นว่าเราหายกันนะ ทีเมื่อกี้เอิงยังทำให้ผมสำลักน้ำเกือบตายแนะ”
 
                            
            “ไม่ตายไปเลยล่ะ” ฉันตอบนายกำปอที่ตอนนี้พาฉันเข้ามานั่งตรงโซฟาห้องนั่งเล่น
 
                                    
              “ยังหรอก ต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ตายไม่ได้”  ทำเจ้าของบ้านเจ็บยังไม่สำนึก แถมยังก่อกวนประสาทฉันอีก อย่าให้ถึงทีของฉันบ้างแล้วกันนายกำปอ!!!!
          


 

ช่วยวิจารณ์หน่อยนะคะ พึ่งแต่งเรื่องแรกค่ะขอบคุณมากค่ะ

        
     
   
      

    


    
    

   

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา