How can i say? ให้ตาย....ฉันพูดอะไรลงไป

-

เขียนโดย steponstep

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.09 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 07.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ได้เวลาแล้ว.....

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

...........................................................................................................................................................................................
      ฉันยังคงนอนอยู่ที่เตียงของโรงพยาบาล ขอต้อนรับเช้าวันใหม่อีกครั้ง กี่โมงแล้วนะ...ว้า....แปดโมงแล้ว ทำไมหิวข้าวจังเลย....สายน้ำเกลือที่แขนขวาก็ปวดชะมัด จริงๆฉันให้น้ำเกลืออยู่แบบนี้ไม่เห็นน่าจะต้องหิวขนาดนี้เลยนี่หน่า อ้อ...นึกออกแล้ว ต้องเป็นเพราะเ
จ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องฉันแน่ๆเลย แม่เคยเล่าให้ฉันฟังว่าคนท้องจะกินมากกว่าปกติ และส่วนใหญ่ก็จะอ้วนเพราะเหตุผลนี้ด้วย ถ้าแกบังอาจทำให้ฉันอ้วนนะ ฉันจะฆ่าแกแน่
       แม่ของฉันเข้าเวรซะแล้ว ฉันลากที่แขวนน้ำเกลือออกไปกินข้าวคนเดียว ฉันกินข้าวไปจานเดียว แต่เหนื่อยกับการที่จะต้องพูดคุยกับคนที่รู้จักกับแม่ทุกคนที่เดินผ่าน ฉันซื้อขนมตุนไว้เต็มเลย ฉันหิวอย่างกับอดข้าวมาเป็นอาทิตย์ ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปสูดอากาศบนดาดฟ้าซะหน่อยแล้ว ดีจังลิฟต์อยู่ใกล้นี่เอง ติ๊งต๋อง...ลิฟต์เปิดแล้ว
       มีครอบครัวนึงอยู่ในลิฟต์ ท่าทางจะเป็นผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูกเพราะนั่งอยู่บนรถเข็นกับสามี พวกเขาอยู่กันสองคน ไม่สิ สามคนต่างหาก เพราะผู้หญิงอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวอยู่ ดีจังจะได้มีคนขึ้นลิฟต์เป็นเพื่อน ฉันจึงเดินตรงเข้าไปยืนริมสุด ครอบครัวนี้ดูน่ารักจริงๆ 
พ่อ : คุณ...รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมรักใครบางคนมากกว่าคุณแล้วนะ 
แม่ : มามุขไหนคะเนี่ย
พ่อ : รู้ทันนะ..ก็รักลูกสาวสุดที่รักของเราไงครับ (ก้มลงหอมแก้มลูกสาวของเขา)
แม่ : ถ้างั้นเราก็เจ๊ากัน เพราะฉันก็รักลูกเรามากกว่าคุณเหมือนกัน
       ครอบครัวที่แสนน่ารักลงที่ชั้น 4 ส่วนฉันต้องขึ้นไปอีกชั้นนึงเพื่อไปที่ดาดฟ้า บ๊ายบาย เมื่อประตูเปิดออก ลมเย็นๆ พัดมากระทบกับใบหน้าของฉัน เย็นสะบายจัง พอนึกถึงพ่อแม่ลูกเมื่อกี๊ ฉันก็อดอมยิ้มไม่ได้ ช่างแตกต่างกับฉันจริงๆ ฉันเดินไปที่มุมหนึ่งที่ไกลจากประตูที่สุด วิววันนี้ดูสวยกว่าทุกวันที่ฉันเคยขึ้นมา ท้องฟ้าสีครามกับผนังสีขาวช่างมองดูตัดกัน ฉันค่อยๆยกมือขึ้นจับที่ท้อง เด็กคงอยู่ตรงนี้หล่ะมั้ง นี่ไง...ฉันกุมเขาไว้แล้ว เขาคงใกล้ๆกับมือของฉัน แต่...จะทำยังไงดีนะ ฉันถึงจะรักเด็กคนนี้ แม้แต่จะนึกในใจฉันยังเรียกเขาว่าลูกไม่ได้เลย
       ......ฮัลโหล ฮัลโหล มีคนโทร.มาคร๊าบ รับสายด้วยคร๊าบ........
       เสียงโทรศัพท์ของฉันดังแข่งกับเสียงลมด้านบน ยัยน้ำปลาโทร.มาแต่เช้าเลย
       "ฮัลโหล"
       "ว่าไงสาวน้อยนักหางาน ได้งานแล้วใช่มั้ย อยู่ที่ทำงานแล้วสิท่า"
       "ปล่าว...ฉันอยู่โรงพยาบาล"
       "อะไรนะ....แกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น"
       "ฉันเอารถไปชนกับชาวบ้านมา"ฉันตอบแบบเซ็งๆ
       "เป็นอะไรมากมั้ย"
       "แขนหัก หัวแตก นอกนั้นไม่เป็นอะไร"
       "อ้าว...แกขับรถยนต์ แล้วทำไมแขนหักล่ะ ฉันงงหว่ะ" 
ตกใจกับเรื่องแค่นี้ ฉันยังมีเรื่องที่ทำให้แกตกใจมากกว่านี้อีก..ยัยน้ำปลา
       "ก็ฉันเอาแขนขึ้นมาบังที่พวงมาลัย นึกออกมั้ย อีกอย่างฉันไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย หัวก็เลยกระแทก ไม่ตายก็บุญแล้ว"
       "น่าสงสารจริงๆ เธอโทร.ไปลางานรึยัง"
       "แม่ฉันจัดการให้แล้ว"
       "โชคดีจริงๆเลยนะแก ที่ไม่มีอะไรให้แย่ไปกว่านี้ ทำไมเสียงแกฟังดูแย่จัง"
       "ที่แกบอกว่าฉันโชคดีหน่ะ ไม่ใช่เลย ฉันคือผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุดในโลก ฉัน...ฉัน.."
       "แก....ทำไม...พูดมา" เสียงของน้ำปลาดูตื่นเต้นมากขึ้น
       "ฉันท้อง"
       "แกว่าไงนะ สงสัยสัญญาณไม่ดี พูดอีกทีซิ" ฉันรู้ว่าน้ำปลาฟังชัดเจนทุกคำพูด
       "แกฟังไม่ผิดหรอก ฉันท้อง"
       "ฉัน...ฉัน....ฉันเสียใจด้วย" เสียงของน้ำปลาฟังดูเหมือนว่ากำลังช็อกเอาการ
       "ฉันก็เสียใจ"
       "แต่ว่าแกรถชน ทำไมถึง...."
       "ไม่แท้งใช่มั้ย คิดเหมือนฉันเลย มันดวงดีไง" 
       "แม่แกรู้เรื่องรึปล่าว"
       "เป็นคนตรวจเจอเลย นรกชัดๆ"
       "บาร์รู้เรื่องนี้รึยัง"
       "ไม่ คือฉันยังไม่อยากให้หมอนั่นรู้"
       "อะไรของแกอีกวะ"  
       "ไม่ใช่ความผิดของมันนะเว้ย"ฉันรีบเถียงทันที
       "แม่คนเก่ง....จะเป็นซิงเกิ้ลมัมรึไง"
       "คงงั้นมั้ง"
       "เออ ไม่ใช่ความผิดของมันหน่ะถูกแล้ว แต่มันเป็นพ่อเด็ก หลานฉันต้องมีพ่อ เข้าใจมั้ยเข้าใจมั้ย แล้วที่สำคัญที่แกไม่ยอมคุยกับมัน มันเสียใจมาก จนตานั่นเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วนะ"
       "แล้วฉันต้องทำยังไง ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงหนิ"
       "ก็อ้าปากพูดอะไรซะอย่างสิ"ยัยน้ำปลาเริ่มอารมณ์เสียแล้ว
       "ช่วยบอกบาร์แทนฉันได้มั้ย บอกผักกาดด้วย ช่วงนี้ฉันขออยู่เงียบๆ ในโลกส่วนตัวซักพักนะ ได้มั้ย ฉันเวลาให้ฉันตั้งหลักสักนิดนึงก่อนนะ "
        "ได้ แต่ช่วยอะไรฉันซักอย่างก่อนได้มั้ย"
        "แน่นอน"
        "ช่วยดูแลตัวเองดีๆ กับรักลูกของเธอมากๆ"
        "ข้อแรกฉันทำให้ได้ แต่ข้อสอง....อืม...ไม่แน่ใจ"
        "ต้องได้สิวะ"
        "จ้าๆๆๆๆๆ เย็นนี้มาหาฉันบ้างสิ คิดถึง"ฉันงอแงเหมือนเด็กทันที
        "ได้ๆ จะรีบไปหา" เพื่อนสุดที่รักของฉันรับปาก
...........................................................................................................................
        เย็นว้นนั้น ......
ผักกาด : ..................
น้ำปลา : ....................
ไอ : พูดอะไรกันบ้างสิ เงียบกันทำไม จะมาไว้อาลัยให้ฉันรึไง
ผักกาด  : เราก็แค่พูดอะไรไม่ออก ยังอึ้งกับชีวิตแกอยู่เลย
ไอ  : แหงหล่ะ...ชีวิตฉันมันบัดซบ ว่าแต่....มีอะไรมาให้ฉันกินบ้างป่าวอ่ะ ฉันหิวแล้ว แหะแหะ
ผักกาด : มีๆ เราซื้อมาเยอะเลย 
ไอ : มีไรมั่ง
ผักกาด : ก็ข้าว ขนม ซุปไก่นี่ของฉันกับน้ำปลาซื้อมา ส่วนแอนมัมหน่ะ  เออ....บาร์ฝากมา เราสองคนบอกเขาแล้วนะ แต่วันนี้เขาไม่มาตามความต้องการของเธอเลย
ไอ : ดี...ฉันยังไม่อยากเจอ เยี่ยม พวกเธอเยี่ยมมาก
      ฉันพึ่งกินข้าวเย็นไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ก็ยังหิวอยู่ดี เด็กตัวนิดเดียวกินเก่งจริงๆ ฉันกินจนหมดไปทีละถุง ทีละถุง ชักหิวน้ำแล้วสิ ยัยสองคนไม่ได้ซื้อน้ำมา แถมน้ำในห้องฉันก็กินหมดแล้วด้วย กินซุปไก่กับแอนมัมแทนน้ำไปก่อนละกัน
น้ำปลา : ท่าทางหลานฉันจะอ้วนแฮะ แม่เนี่ยตะกละสุดๆ ฮ่าๆๆ
ไอ : เดี๊ยวจะโดน เพราะฉันสงสารที่มันต้องไปแย่งอาหารกับพยาธิต่างหาก
     ฉันตบท้องตัวเอง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทที่พึ่งพูดจบ
น้ำปลา : เฮ้ย...แกอย่าตบแบบนั้นสิ เดี๋ยวหลานฉันก็เป็นอะไรไปหรอก
ไอ : ไม่เป็นไรหรอกน่า ขนาดรถชนยังไม่ตายเลย
ผักกาด : ไอ...แล้วแกจะออกจากที่นี่เมื่อไหร่
ไอ : พรุ่งนี้  แต่ฉันขอลางานถึงมะรืน สบายเลย
ผักกาด : แกจะทำงานไหวเหรอ งานแกหนักจะตาย
ไอ : คงไม่ต่างกับตอนเรียนหรอกมั้ง ไหวแน่นอน
ผักกาด : ฉันหมายถึง แกท้องอยู่นะ
น้ำปลา : ฉันได้ข่าวมาว่าบริษัทของแกไม่รับคนที่มีครอบครัว แต่นี่แกมีลูก มันจะไหวหรอ
ไอ : แกอย่าพูดแบบนั้นสิวะ ฉันจะไม่บอกใครว่าฉันท้อง แล้วไปทำงานตามปกติ ตอนฉันท้องโตก็ไม่ต้องเข้าออฟฟิตบ่อยก็ได้หนิ จะได้ไม่มีคนรู้
น้ำปลา : ชีวิตแกมันไม่น่าห่วงหรอก ฉันห่วงหลานฉันตั่งหาก
ผักกาด : พวกแกว่ามั้ย ชีวิตเพื่อนเราเหมือนกับคำทำนายตอนม.6 เลย เป็นไงไอ แกว่าไม่แม้น ...เห็นมั้ย....ตรงทุกอย่าง
ไอ : ฉันไม่เห็นอยากให้ตรงเลย
     .......มีข้อความคร๊าบ......มีข้อความคร๊าบ......
     มีใครบางคนส่งข้อความมาให้ฉัน มาซิ....เปิดดูหน่อย
     "กินข้าวเยอะๆ นอนเยอะๆ ฝากดูแลตัวเองดีๆด้วย ฝันดีนะ บาร์" 
     ข้อความนี้ทำให้ฉันนิ่งเงียบไปสักพัก ....
     "ใครส่งอะไรมาให้แกเหรอ นิ่งเชียว"ผักกาดถาม
     "บาร์ส่งข้อความมาให้ฉันกินกับนอนเยอะๆ แล้วก็ให้ดูแลตัวเองดีๆ"ฉันรีบตอบ 
     "คงยังไม่กล้าคุยอะไรกับแกแน่เลย เอาหล่ะคืนนี้เราคงต้องกลับแล้ว ฝันดีนะแก"
     น้ำปลาพูดพร้อมกับโบกมือลา ก่อนที่จะจากไปพร้อมกับผักกาด อย่างน้อยคืนนี้ฉันก็รู้สึกดีกว่าเมื่อวาน แถมเจ้าส่วนเกินน้อยๆในตัวฉันก็ยังมีคนที่รักเขาอยู่เหมือนกัน พ่อของเขาคงห่วงเขาสินะ คืนนี้มีคนบอกฝันดีฉันแล้ว ยังไงก็...    
     "ฝันดีนะ...เออ  ละ ละ ไอ้ตัวเล็ก "
     ฉันพูดกับเขาแบบเขินๆ เฮ้อ...สุดท้ายฉันก็ยังไม่กล้าเรียกเขาว่าลูกอยู่ดี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา