เผลอรัก...จับใจ

10.0

เขียนโดย soso_sung

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.

  20 chapter
  0 วิจารณ์
  24.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
บทที่5
 
            “ฉันไม่เข้าใจ” หลังจากที่ฉันผละเขาไปฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย ไม่มีข่าวของเขาให้ฉันได้ยินและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับฉัน แต่ไม่รู้ทำไมฉันต้องกลับไปคิดถึงเหตุการณ์นั้นตลอด ไขไข่ เธอเลิกคิดเถอะ ตอนนี้เธอต้องทำงานและทำงานเข้าใจไม และซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้งานใหม่ทำแล้วเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อาเฉินหาให้เป็นการไถ่โทษที่ทำให้ฉันโดนไล่ออกจากงานเก่า
            “เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นพึมพำกับตัวเองตั้งแต่เช้าแล้วนะ” อาซ้อเจ้าของร้านราเมนถามฉันขณะที่กำลังเช็ดจานอยู่
            “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย” ฉันพูดปด
            “อ่ะ ลูกค้ามาแล้ว ไขไข่ไปต้อนรับหน่อยสิ” อาซ้อเป็นสาวแก่แม่หม้ายที่ยังคงความสวยได้ทุกระเบียบนิ้วบอกให้ฉันไปรับลูกค้า
            “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามากินท่านค่ะ” ฉันเดินออกไปต้อนรับลูกค้าโดยก้มคำนับทักทาย
            “...” ไม่ได้ยินเสียงตอบรับฉันจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย
            “เหวินอี้ นายมาได้ยังไง” พอเห็นว่าเป็นใครก็ทำให้ฉันตกใจทันที ที่แท้ก็เป็นหนุ่มในดวงใจของฉันนี้เอง
            “ก็เธอหายไปเลยนิ ที่มหา’ลัยก็ไม่เจอ คิดถึงก็เลยตามหา”  
            “แหม ฉันก็ไม่ได้ไปไหนหรอก เข้ามาก่อนๆๆ” ฉันพาเขาไปนั่งที่มุมๆหนึ่งของร้าน ร้านของเราไม่มีสไตล์อะไรเป็นพิเศษแต่จะสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น สัญลักษณ์ต่างๆมันได้มารวมตัวอยู่ที่นี้หมดแล้ว
            “เธอย้ายมาทำร้านนี้ก็ไม่เห็นบอกกัน ถ้าฉันถามอาเยียนเธอก็จะไม่บอกฉันใช่ไม” เขาบ่นกระปอดกระแปดอย่างกับฉันเป็นคนพิเศษที่หายไปจากเขา
            “ขอโทษที แต่ตอนนี้เหวินอี้ก็เจอฉันแล้วนิ งั้นมื้อนี้ฉันเลี้ยงเป็นการไถ่โทษนะ”
            “ฉันล้อเล่นน่า แล้วเธอจะเสร็จงานเมื่อไรหรอ เดี๋ยวฉันนั่งรอ” เขาถามพรางดูเมนูในมือ
            “ก็สี่ทุ่มแหละ ทำไมหรอ”
            “ดึกจังแหะ เป็นผู้หญิงทำงานงกๆแถมยังต้องกลับบ้านดึกคนเดียวอันตรายออก” เขายื่นเมนูมาให้ฉันแล้วก็บ่นด้วยความเป็นห่วง
            “ฉันชินแล้ว อีกอย่างก็สนุกดี เดี๋ยวฉันมานะ” ฉันรับเมนูแล้วเดินไปหาอาซ้อเพื่อที่จะเอาเมนูให้
            “แฟนหรอจ๊ะ หล่อดีนิ” อาซ้อถาม
            “ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นเพื่อนหนูนะคะ” ฉันตอบเขินๆแล้วรินน้ำชาแก้เก้อ
            “วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอกลับก่อน เธอสองคนจะได้ไปปิ๊งๆๆกัน” อาซ้อไม่ฟังฉันแถมใจดีให้ฉันหยุดงานก่อนเวลาอีกด้วย
            “อาซ้อค่ะ เขาไม่ใช่แฟนหนูสักหน่อย” ฉันยืนบิดไปบิดมาอย่างอายๆ
            “จ้าๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ เอานี้ได้แล้ว” เอาซ้อยื่นชามราเมนร้อนๆมาให้ฉัน
            “เดินดีๆละ อย่าสะดุดเท้าอีกนะ” อาซ้อตะโกนบอกฉันให้ระวัง
            “ค่า” และฉันก็ตอบรับ แต่เหมือนกับว่าสิ่งที่ฉันตอบรับไปจะไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อฉันสะดุดขาตัวเองเข้าจริงๆ ฉันพยายามประคองชามราเม็งแต่เหมือนกับว่าตัวฉันจะล้ม โอ้ยน้ำร้อนๆของราเมงแค่คิดฉันก็แสบเพราะความร้อนของน้ำอยู่แล้วไหนจะต้องมาหัวปูดเพราะล้มอีก ฉันต้องโดนดุแน่ๆเลย เมื่อรู้ว่าชะตาชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไงฉันก็ได้แต่หลับตาปี๋เพื่อที่จะรอรับความเจ็บ
            “เธอเป็นอะไรหรืเปล่า” เสียงของเหวินอี้ทำให้ฉันลืมตาขึ้นอย่างงงๆ
            “ฉันไม่เป็นอะไร” เพียงรู้สึกร้อนที่มือนิดหน่อย แต่ส่วนอื่นฉันไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
            “ระวังหน่อยสิ” เสียงเหวินอี้แทรกเข้ามาตรงใจของฉันที่เต้นระรัว
            “ขายไข่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” เหวินอี้ถามย้ำ
            “ฉัน...ฉันไม่เป็นอะไร นายไปนั่งเถอะเดี๋ยวฉันเอามาให้ใหม่” ฉันสายหน้าพร้อมกับไล่เหวินอี้ให้ไปนั่งที่เดิม
            “เธอต่างหากที่ต้องไปนั่ง” อ่ะ ชามที่ฉันถือเหวินอี้เอาไปถือตั้งแต่เมื่อไรกัน
            “แหะๆ ฉันนี้แย่จังเลย” ฉันต้องทำตามอย่างว่าง่ายเพราะฉันกลัวเหวินอี้โกรธแล้วเอาราเมนร้อนๆราด ฉันก็คิดไปงั้นแหละ
            “เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะ” เมื่อเหวินอี้นั่งฉันก็สปริงตัวลุกจะไปเอาน้ำให้แต่ก็ต้องลงไปนั่งจุ้มปุกเหมือนเดิมเมื่อเหวินอี้กระชากแขนฉันให้นั่งลง
            “เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” นี้เขาไม่ไว้ใจฉันขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
            “เธอซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลยนะ” เหวินอี้พูดยิ้มๆ
            “ก็แค่สะดุดนิดหน่อย” ฉันตอบอย่างเก้อๆ
            “น่ารักจัง”
            “นายว่าอะไรนะ” เมื่อกี้ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า เหวินอี้ชมฉันหรอ
            “เธอน่ารัก ฉันชอบเธอ”
            “เอ่อ...คือฉัน” ฉันไม่รู้ว่าฉันควรทำอะไรดีตอนนี้ใจฉันมันจะกระเด็นไปกลางโต๊ะเพื่อบอกว่าฉันดีใจอย่างมาก
            “เราเป็นแฟนกันนะ”
            “อะไรนะ!” เมื่อกี้เขาขอฉันเป็นแฟนหรอ
            “มันอาจจะเร็วไปหน่อย แต่ว่า...”
            “ฉัน...อยากให้เราศึกษากันก่อน” ฉันอยากเป็นแฟนเขาจนจะบ้าตายอยู่แล้ว แต่ฉันก็ต้องระงับสิ่งนั้นเอาไว้เพราะฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่มันเป็นความรักหรือความชอบ ฉันไม่อยากทำให้เราสองคนต้องเสียใจกับสิ่งที่เราเลือก
            “ไม่มีปัญหา เราค่อยๆศึกษาดูใจกันก่อนก็ได้” เหมือนเหวินอี้จะผิดหวังเล็กน้อยแต่เขาก็เต็มใจที่จะทำอย่างที่ฉันต้องการ
            “ราเมงหายร้อนหมดแล้ว ฉันไปเอามาให้ใหม่นะ” ฉันลุกออกมาทันทีพร้อมกับถ้วยราเมงที่หายร้อน
 
            “เกิดอะไรขึ้นทำไมหน้าเธอแดงขนาดนี้” พอมาถึงหลังร้านอาซ้อก็ถามทันที
            “อาซ้อ ฉันควรจะทำยังไงดี” ฉันเดินไปกุมมืออาซ้ออย่างกลัวๆ
            “มือเธอไปโดนอะไรมาทำไมแดงเถือกแบบนี้ ผู้ชายคนนั้นทำอะไรเธอ”อาซ้อถามเสียงอย่างเป็นกังวล
            “เขาขอเป็นแฟนกับหนู” ฉันไม่ได้ฟังสิ่งที่อาซ้อพูด
            “จริงหรอ ว้าว เป็นเรื่องที่น่ายินดี แล้วเธอกังวลอะไรอยู่ละ” อาซ้อสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติจากฉัน
            “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนูรู้สึกดีใจแต่อีกสักพักหนูก็รู้สึกแย่ หนูก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หนูควรทำยังไงดีค่ะ” ฉันรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก ฉันควรจะตอบรับเขาเป็นแฟนทันทีที่เขาขอแต่ฉันกลับอยากศึกษาใจคอเขาก่อน
            “และหนูตอบเขาว่ายังไงจ๊ะ” อาซ้อถามฉันอย่างใจเย็น
            “เราจะศึกษากันก่อน หนูบอกเขาอย่างนั้น” ฉันตอบ
            “แล้วเขาก็ตกลง” อาซ้อถาม
            “ใช่ค่ะ”
            “ก็ไม่เป็นไรนิ เธอสองคนก็ศึกษากันไปก่อน เรื่องความรักมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจกัน และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับมัน หนูตัดสินใจแล้วก็ทำให้ดีที่สุดเถอะ” อาซ้อลูบหลังฉันแล้วไล่ให้ไปหาเหวินอี้เมื่อเห็นว่าฉันออกมานานแล้ว
            “ไขไข่ หนูลืมราเมง” เสียงอาซ้อดังจากหลังร้านแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะไขไข่เดินละเมอมาถึงโต๊ะแล้ว
            “ไปนานจัง แล้วไหนราเมงฉันละ” เขาถามเมื่อเห็นฉันมา
            “อ่ะ ฉันขอโทษฉันลืมไปเลยอ่ะ เดี๋ยวฉันไป...” ฉันนี้แย่จังเลย ทำให้เขารอแล้วรอเล่า
            “ไม่เป็นไร” เหวินอี้คว้ามือฉันเมื่อฉันจะเดินไปหลังร้าน “ไขไข่นี้ขี้ลืมจังเลยนะ”
            “นายทำให้ฉันเขินนะ” ฉันก้มหน้างุดๆมองมือของเขาที่จับมือฉันไว้
            “อะแฮ่ม ขอขัดขังหวะนิดหนึ่งนะจ๊ะ” อาซ้อเดินเข้ามาพร้อมกับราเมนร้อนๆสองชาม
            “ขอบคุณครับ”
            “นี้อาซ้อเป็นเจ้าของร้าน” ฉันแนะนำให้เหวินอี้รู้จัง
            “สวัสดีครับ ไขไข่คงทำให้อาซ้อลำบากแย่เลย” เหวินอี้แซว
            “ไม่หรอกจ๊ะ เธอเป็นเด็กน่ารักขยันขันแข็ง อาซ้อชอบ” อาซ้อก็ร่วมวงกับเขาด้วย
            “น่ารักอีกต่างหาก” เหวินอี้ต่อ
            “บ้า” และฉันก็ต้องเขินไปตามระเบียบ
            “อาซ้อไม่กวนล่ะ เดี๋ยวไปดูแลลูกค้าก่อนนะ ตามสบายๆๆ” เอาซะฉันรู้สึกผิดเลย ให้เจ้าของร้านไปดูแลลูกค้าส่วนพนักงานมานั่งจู๋จี๋กับผู้ชาย
            “อาซ้อเดี๋ยวหนู...”
            “วันนี้อาซ้อให้เลิกงานก่อน ส่วนคุณก็พาขายไข่ไปเที่ยวซะนะ” อาซ้อปรามไม่ให้ฉันทำหน้าที่ของตัวเองแถมยังสั่งให้ฉันเลิกงานแล้วให้เหวินอี้พาฉันไปเที่ยวอีก
            “ขอบคุณนะครับอาซ้อ” 
            “นี้เรามาทำอะไรกันที่นี้หรอ” หลังจากที่เราทานราเมงกันเสร็จเหวินออี้ก็พาฉันมาที่ตลาดนัด ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นและแฟชั่น
            “ช้อปปิ้ง” เขาตอบสั้นๆแล้วจูงมือฉันออกเดิน สองข้างทางเต็มไปด้วยเสื้อผ้า อาหารมากมาย ผู้คนจากทุกที่ต่างเดินซื้อของ บ้างมาเป็นคู่ บ้างมาเป็นกลุ่มต่างสนุกสนานกันทั่วหน้า
            “ไขไข่” เสียงเหวินอี้ทักขึ้น
            “นายทำอะไรนะ” พอหันไปตามเสียงเรียกก็ต้องประหลาดใจที่ตอนนี้เหวินอี้ได้ใส่วิกผมฟูฟ้องสีผมเป็นสีรุ้งพร้อมใส่แว่นตาที่มีตัวเชื่อมเป็นจมูกใหญ่ๆไล่ลงมาก็เป็นหนวด
            “เป็นไงหล่อใช่ไมละ” เหวินอี้เดินเข้ามาถามใกล้ๆ
            “นายหล่อมากเลยละ” ฉันหัวเราะพร้อมมองเขาไม่วางตา
            “เรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยน่า” ว่าแล้วเหวินอี้ก็เอามือถือของตัวเองมาถ่ายรูป
            แชะ!!
            “ดูดีจังแหะ” เหวินอี้มองหน้าจอโทรศัพท์อย่างมีความสุข
            “เหวินอี้” ฉันเรียกเขาที่กำลังสนใจแต่ภาพในโทรศัพท์ พอเหวินอี้เงยหน้าขึ้นมาก็แปลกใจ
            “ไขไข่” ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเหวินอี้เท่าไรเปลี่ยนจากแว่นตามาเป็นไฝเม็ดเล็กๆติดที่มุมปาก
            “สวยไม” ฉันถามเขาอย่างเขินๆ เขินทั้งตัวเองที่ทำอะไรบ้าบอแบบนี้เขินทั้งเขาที่มองด้วยตาระวิบระวับ แต่ฉันก็ยังทำตัวสนุกสนาน
            “เธอสวยที่สุดเลย” เขาตอบอย่างเพ้อๆแล้วคว้าตัวฉันเข้าไปกอด    “ฉันมีความสุขจังเลย”
            “นี้ จะยืนกอดกันอีกนานไมเนี่ย ฉันจะขายของ จะซื้อก็รีบซื้อไม่ซื้อก็รีบไปให้พ้น” เสียงแม่ค้าขัดบรรยากาศโรแมนติกของเราสองคนลง เราสองคนต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะร่า
            “ฮ่าๆๆๆ” แล้วไม่นานเราก็จ่ายค่าสินค้าให้แม่ค้าแล้วออกเดินไปด้วยการเปลี่ยนโฉมแบบใหม่
            “ไส้กรอกร้านนี้อร่อยมากเลยนะ”
            “อร่อยไม” เหวินอี้ถามขึ้นเมื่อเขาป้อนไส้กรอกเข้าปากฉัน
            “อร่อยมากๆเลย” จากที่อร่อยอยู่แล้วก็อร่อยเป็นทุนเดิมเมื่อมีคนหล่อๆอย่างเหวินอี้มาป้อน
            “เธอป้อนฉันบ้างสิ”
            “เอาสิ”
            “อ้ามม” เราสองคนผลัดกันป้อนกันอย่างมีความสุขแล้วเดินดูของจากสองข้างทาง เหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน ใครชนก็ไม่รู้สึกอะไร(ที่จริงเหวินอี้เอาตัวบังฉันตลอดเมื่อเห็นว่ามีคนจะมาชน) เขาชั่งเหมือนเทพบุตรลงมาโปรดฉันเลยละ
            “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลยละ” ฉันบอกเหวินอี้ออกมาจากใจ
            “ผมก็มีความสุขเหมือนกัน” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มที่หวานจับใจ
            “แต่ตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่าเน๊อะ” เขาเอ่ยขึ้น “เดี๋ยวผมไปส่ง”    
            “ขอบใจนายมากนะ”
            “ขอบคงขอบคุณอะไร มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
            “ก็ได้จ๊ะ” แล้วเราสองคนก็ออกเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางเราก็เล่านู่นเล่านี้ไปเรื่อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถดูอึดอัดมากเกินไป และผ่านไปไม่นาน รถเหวินอี้ก็มาเจอตรงหน้าประตูบ้าน
            “ขอบคุณมากนะที่มาส่งฉัน”
            “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอบคุณ”
            “จ๊ะ เหวินอี้กลับบ้านดีๆนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
            แต่ไขไข่ก็ไม่ยอมเดินไปไหนยังคงมองเขาที่กำลังเดินขึ้นรถ
            “เข้าบ้านเถอะ”
            จนต้องให้เขาสั่งอีกครั้ง ทำให้ไขไข่ต้องรีบรนเข้าบ้านอย่างว่าง่าย
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา