เผลอรัก...จับใจ

10.0

เขียนโดย soso_sung

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.

  20 chapter
  0 วิจารณ์
  25.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่6

 

 

            เช้าที่สดใสของวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ฉันรู้สึกมีความสุขมากๆเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันน่าจะเป็นความฝันมากกว่าความจริงซะอีกถ้าเหวินอี้ไม่มารับฉันในเช้าวันนี้ ตอนนี้เราสองคนนั่งรถไปที่มหา’ลัย ฉันเชื่อได้แน่ว่าสาวๆจะต้องตกตะลึงที่ผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันเดินเคียงข้างกับผู้ชายสุดหล่อคนนี้

            “ไขไข่...ไขไข่”

            “อ่ะ ถึงแล้วหรอ” เมื่อกี้ฉันคงเพ้อหนักไปหน่อยทำให้ไม่ได้ยินเสียงของเขา

            “ถึงแล้ว เธอไม่สบายหรือเปล่า” เหวินอี้ถามพร้อมกับโน้มหน้าเอาหน้าฝากมาชิดกับหน้าผากของฉัน

            “ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ฉันรีบผละออกทันทีด้วยความตกใจ

            “ตัวก็ไม่ร้อน แต่ทำไมหน้าแดงละ หรือเราจะเป็นไข้เอง” เหวินอี้เอามืออังหน้าผากแล้วมองมาที่ฉันที่มองเขาอย่างเหลอหลา

            “เอ่อ...เรารีบไปเข้าเรียนกันเถอะ” ฉันเปิดประตูแล้วลงมาทันที

            “เมื่อกี้เขาทำไรไปเนี่ย” ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย แล้วรู้สึกเหมือนไม่มีแรงที่จะเดิน

            “เธอโอเคไม” เหวินอี้เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นฉันยังพิงรถแล้วไม่ยอมออกเดิน

            “เหวินอี้ไปก่อนเลย ฉันคิดว่า...” ฉันยังพูดไม่ทันจบสายตาก็พลันไปเห็นกลุ่มนักศึกษาสาวยืนออกันใหญ่

            “เป็นอะไรหรือเปล่า” เหวินอี้มองตามสายตาของฉันแล้วเกิดความสงสัยไม่ต่างจากฉัน

            “พวกนั้นประท้วงอะไรกันนะ” เหวินอี้ถามด้วยความสงสัยแล้วออกเดินนำ

            “นั้นสิ ตามไปดูดีกว่า” ว่าแล้วฉันก็รีบตามเหวินอี้ และพอมาถึงฉันก็ได้ยินเสียงกรี๊ดๆๆดูวุ่นวายไปหมด

            “คุณคาร์ลคะ ฉันขอเบอร์คุณได้หรือเปล่า” สาวๆที่รายล้อมชายหนุ่มต่างเบียดเสียดกันอย่างอลหม่าน

            “ถ่ายรูปกับฉันหน่อยนะคะ” พูดเสร็จสาวเจ้าก็ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่าย แต่พอจะกดชัดเตอร์ก็มีคนเบียดทำให้ภาพที่ออกมาเป็นภาพที่เบลอๆ

            “นี้พวกเธออย่าเบียดกันสิย่ะ ฉันมาก่อนนะ” แล้วเสียงเซ็งแซ่ก็ดังไม่หยุดหย่อน ทำให้ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มถึงกับปวดหัว

            “นี้ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่มาเนี่ย อย่าให้ได้เจอตัวนะ” ชายหนุ่มคาดโทษไว้ที่หญิงสาวโดยที่เธอไม่รู้ตัว

            “พวกเธอทำอะไรกันหรอ” เหวินอี้เดินเข้ามาถามผู้หญิงที่อยู่นอกวงสุด

            “เหวินอี้ ฉันไม่ได้นอกใจคุณนะค่ะ” พอหล่อนเห็นว่าเป็นเหวินอี้จากที่เธอกระดี้กระดาก็ต้องมายืนก้มหน้างุดๆแล้วสะกิดเพื่อนๆของเธอให้หันมาสนใจ

            “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนิครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นหรอครับ” เหวินอี้ไม่สนผู้หญิงตรงหน้า กลับชะเง้อมองเข้าไปในวงกลางแล้วก็ถึงกับสิ่งที่เห็น

            “อะไรของ...เหวินอี้” ในที่สุดเพื่อนที่ถูกสะกิดก็รู้สึกตัว เพราะหล่อนจะหันมาต่อว่าเพื่อนตัวเองก็ต้องหยุดเมื่อเห็นเหวินอี้ที่ยื่นยิ้มสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่หารู้ไมว่ารอยยิ้มนั้นไม่ใช่รอยยิ้มสนุกแต่เป็นอะไรก็ไม่อาจคาดเดาได้

            “เธอๆๆ เหวินอี้ๆ” แล้วก็สะกิดต่อๆกันไปและพร้อมกับแหวกทางอย่างพร้อมใจจนทำให้เห็นเพียงสามสาวสวยที่ยังคงเอาร่างกายเบียดเสียดคาร์ลอยู่

            “นั้นมันหมอนั้นนิ” พอฉันมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงกลางก็รีบหาที่หลบทันที

            “อ่าวยูมิ เธอก็อยู่นี้ด้วยหรอ” เหวินอี้เดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้ายูมิ

            “เหวินอี้ นาย...” ยูมิและเพื่อนๆของเธอหยุดการกระทำของตัวเองลง แล้วมองรอบๆตัว

            “ผู้ชายคนนี้” เหวินอี้ไม่ได้สนใจยูมิแต่กลับไปสนใจผู้ชายที่อยู่ข้างๆ

            “อ่อ นี้คือคุณคาร์ลที่เป็นเจ้าของห้างฯ เมื่อกี้ไม่เป็นอย่างที่นายเห็นนะ” ยูมิว่าเสร็จก็เดินเข้าไปกอดแขนเหวินอี้

            “สวัสดีครับ ผมเหวินอี้” เหวินอี้พูดเสร็จก็ยื่นมือทักทาย

            “สวัสดีครับ” คาร์ลจำใจยื่นมือทักทายกลับ

            “ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” เหวินอี้ถามอย่างมีน้ำใจ

            “ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเองได้ ขอตัวนะครับ” ว่าแล้วคาร์ลก็เดินออกมาจากกลุ่มนั้นเมื่อเขามองเห็นเป้าหมายซึ่งเป้าหมายของเขาก็คือฉันที่ตอนนี้กำลังทำตัวให้เล็กยิ่งกว่าผู้หญิงที่บังฉันอยู่

            “ผมของทางหน่อยได้ไมครับ” เขาพูดอย่างสุภาพต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ

            “ขอทาง...” เธอดูงงๆที่คาร์ลพูดแบบนี้ ในเมื่อด้านหลังเธอก็ไม่ใช่เป็นทางเดิน “นี้คุณ!” หล่อนหันไปตามที่เขาชี้นิ้วมาทางข้างหลังก็อุทานออกมาเมื่อเห็นฉันนั่งคุดคู้อยู่

            “แหะๆๆ” เมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องอยู่ฉันเลยเงยหน้าไปมองสองคนนั้นแล้วได้แต่หัวเราะแห้งๆ

            “ปี้ด ปี้ด นี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอมายืนอออะไรกันตรงนี้” เสียง รปภ. เป่านกหวีดแล้ววิ่งเข้ามากวดไล่พวกนักศึกษาออก

            “แล้วเธอมานั่งอะไรอยู่ตรงนี้” พอกลุ่มสลาย รปภ.ก็ก้มมองเมื่อรู้สึกว่าเท้าปะทะเข้ากับก้อนอะไรบางอย่าง

            “แหะๆ ฉันทำของตกนะค่ะ” แล้วฉันก็คว้าก้อนหินให้คุณ รปภ. ดู

            “ไม่ใช่ค่ะ อันนี้ๆ” แต่ก่อนที่ฉันจะได้หยิบอะไรสักอย่างบนพื้น คาร์ลก็เดินเข้ามาคว้าแขนฉันแล้วกระชากให้ฉันลุกขึ้น

            “นี้คุณจะฆ่าผมหรือไง” ฉันตะใจเผลอขว้างก่อนหินที่ติดมือใส่หน้าผากเขา

            “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันละล่ำละลักเมื่อเริ่มเห็นน้ำแดงๆไหลออกมาจากหน้าผาก

            “คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” รปภ.รีบเข้ามาถามคาร์ลทันที

            “ผมไม่เป็นอะไร คุณไปทำหน้าที่ของคุณเถอะ ขอโทษที่รบกวนนะครับ” คาร์ลเคารพรปภ.แล้วยังไม่ลืมที่จะลากฉันติดมือไปด้วย

            “นั้นคุณจะพาแฟนผมไปไหนนะ” เหวินอี้เดินเข้ามาหา โดยมีสามสาวอยู่อยู่ข้างๆเขา

            “แฟน? เหวินอี้เป็นแฟนกับยัยนี้เมื่อไร” เสียงแหลมๆของยูมิถามขึ้นทันทีพร้อมมือที่เข้าไปเกาะแขนอย่างหึงหวง

            “ยูมิปล่อยผม” เหวินอี้พยายามที่จะแกะมือยูมิออกจาแขนแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

            “งั้นผมขอยืมตัวแฟนคุณก่อนนะครับ” ว่าเสร็จคาร์ลก็ลากฉันไปขึ้นรถที่มีคุณลุงเปิดประตูรอไว้อยู่แล้ว

            “คุณลากฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ปล่อยฉัน” พอเข้ามาถึงรถฉันก็กระหน่ำทุบตัวเขาที่ยังคงจับลากฉันแถมยังยัดตัวฉันให้เข้าไปในรถอีก

            “ฉันบอกให้ปล่อย โอ้ย!” แขนที่ถูกเขากุมไว้เริ่มเจ็บมากขึ้นเมื่อเขาเริ่มบีบมันแรง

            “คุณคาร์ลฉันเจ็บ” ฉันหยุดกระหน่ำตีเขาแล้วกลับมาดึงมือของเขาออกจากแขน และดูเหมือนเขาจะพึ่งรู้สึกตัวเลยปล่อยแขนฉันออกโดยง่าย

            “ขึ้นรถ” เสียงเรียบๆของเขาทำหั้นไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา ฉันเลยจำใจต้องไปนั่งแบะบนเบาะรถ

            ภายในรถเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงเครื่องปรับอากาศ แต่แล้วฉันก็ต้องหันไปมองแผลที่ตอนนี้เลือดไหลไม่หยุด ซึ่งเจ้าของแผลหาได้ใส่ใจไม่เพราะเลือดที่ไหลจากหน้าผากก็ถูกจัดการโดยการเช็ดลวกๆของเจ้าตัว ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจแผลนั้นเลยสักนิด แต่มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่ทำแบบนั้นกลับเขา ฉันพยายามที่พูดออกมาแต่ก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ จนทำให้เขาหันมามองหน้าฉันอย่างสงสัย

            “คุณจะพาฉันไปไหน” คำถามที่ควรถามด้วยความหวงแต่ก็ต้องเปลี่ยนทันทีที่เห็นสายตาของเขา ไม่ทันที่ฉันจะได้คำตอบจากปากเขาตึกสูงใหญ่อลังการก็ตั้งสง่าอยู่ตรงหน้า

            “คุณพาฉันมาที่นี้ทำไม” รถหยุดอยู่ที่หน้าตึกสูงใจกลางเมือง

            เขาไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถเดินนำลิ่วเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจฉันที่ยังคงมองหลังเขาตาปริบๆ

            “คุณหนูรีบตามคุณชายไปเถอะครับ” คุณลุงขับรถ หันมาพูดให้ฉันลงจากรถ แต่ฉันก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน

            “คุณค่ะ” ฉันนั่งอยู่ในรถได้ไม่นานก็มีผู้หญิงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาฉัน

            “คุณผู้ชายตอนนี้เป็นลมอยู่ที่หน้าลิฟท์ค่ะ” ขณะที่เธอพูดด้วยความเหนื่อยหอบก็ทำให้ฉันต้องโมโหมากกว่าเดิมแต่เมื่อฟังเธอจบฉันถึงกลับตกใจ

            “อะไรนะค่ะ” เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้บอกจากที่เหมือนมีอะไรหนักๆมาถ่วงไม่ให้ลุกก็หายไปในพริบตา แถมรู้สึกถึงความโหวงเหวงที่อยู่ในใจ

            “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน” ฉันถามอย่างร้อนรน

            “ทางนี้คะ” แล้วเธอก็นำฉันไป และสิ่งที่ฉันเห็นคือเขานอนหน้าซีดอยู่ตรงโซฟาโดยมีผู้หญิงอีกคนกำลังพัดให้อากาศ

            “คุณคาร์ล คุณตื่นสิคะ” ฉันวิ่งเข้าไปเขย่าตัวเขาอย่างรู้สึกกลัว ฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย

            “พวกคุณตามรถพยาบาลมาหรือยัง” ฉันหันไปถามคนที่ยืนล้อมด้วยเสียงสั่นๆ

            “ผมไม่เป็นอะไร” คนที่สลบฟื้นขึ้นมา

            “ยังไงคุณก็ต้องไปโรงพยาบาลนะค่ะ”

            “ผมชอบจังที่คุณเป็นห่วงผม” เขายังยิ้มได้อยู่อีกหรอเนี่ย

            “นายจะตายอยู่แล้วยังมาพูดเล่นอีก”

            “คุณหนูครับ ผมเรียกคุณหมอส่วนตัวมาให้แล้ว ตอนนี้พาคุณชายไปพักที่ห้องก่อนเถอะครับ” คุณลุงขับรถเข้ามาชี้แจงพร้อมกับยืนยิ้มๆ นี้เจ้านายเขาจะตายอยู่แล้วยังมายืนยิ้มอะไรกันอยู่ บ้าทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องเลยหรอเนี่ย

            “ก็ได้คะ” เมื่อไม่เห็นว่าเจ้าตัวอยากจะไปโรงพยาบาลจริงๆแถมคุณลุงก็เรียกคุณหมอมาแล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรแหละมั้ง

            “คุณช่วยผมหน่อยสิ” เมื่อตัดสินใจกันได้พนักงานชายก็จะเข้ามาช่วยพยุงให้ลุกแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมลุกกลับเรียกให้ฉันเข้าไปช่วยพยุง

            “ที่ช่วยก็เพราะเห็นว่าคุณป่วยหรอกนะ” ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องมากกว่านี้ก็เลยยอมๆเขา “ตัวหนักเป็นบ้าเลย คุณกินช้างเป็นอาหารหรือไงถึงได้ตัวหนักแบบนี้” ถ้าเป็นพระเอกเรื่องอื่นเขาก็ต้องพยายามถ่วงน้ำหนักให้น้อยที่สุดแต่นี้เขาเล่นเทมาทั้งตัวแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวนะสิ

            “คุณลุงช่วยหนูหน่อยสิคะ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือคุณลุงที่ยืนตามมาข้างหลัง

            “อีกนิดเดียวก็จะถึงห้องคุณชายแล้วครับ” คุณลุงไม่เพียงแต่ไม่ช่วยฉันยังออกเดินนำฉันไป

            “ห้องคุณอีกไกลไม” ฉันหันไปถามเขา แล้วออกแรงพยุง

            “ไม่หรอก...” ดูเหมือนเขาจะไม่ไหวแล้ว ฉันรับรู้ถึงไอร้อนของเขาที่ออกมาตามตัว

            และไม่นานฉันก็แบกเขามาจนห้องของเขา ซึ่งมีคุณลุงเตรียมที่นอนให้เขาเรียบร้อยแล้ว เวลาต่อมาคุณหมอประจำตัวของเขาก็มา

            “ไงเพื่อนยาก หมดมาดธุรกิจเลยนะ” พอคุณหมอเดินเข้ามาก็ตบไล่คนป่วยดังป้าบๆ

            “อืม”

            “หัวไปโดนอะไรมา” คุณหมอเช็คร่างกายแล้วหันไปสังเกตแผลตรงหน้าผากที่ตอนนี้เลือดได้แห้งไปหมดแล้ว

            “ฮื่อ” แล้วคุณหมอก็มองมาที่ฉันที่ยืนอย่างเงียบๆ

            “เอ่อ มันเป็นเพียงอุบัติเหตุนะคะ” ฉันรีบบอกปัดทันที

            “คุณทำได้ดีมากเลยละครับ ผมเดลล์ครับ คุณ..” คุณหมอหน้าหวานถาม

            “อ่อ ฉันไขไข่ค่ะ”

            “นายอยากตายไมว่ะ” เสียงจากคนป่วย

            “โอ๊ะโอ...ผมรบกวนคุณไขไข่เอาน้ำชาให้ผมสักแก้วได้ไมครับ”

            “ค่ะ”

            “ไหนดูสิว่าเพื่อนของฉันบาดเจ็บตรงไหนอีก...” หลังจากที่ฉันออกมาจากห้องฉันก็ได้ยินเสียงร้องของคาร์ล

            “แล้วห้องครัวอยู่ไหนละเนี่ย” เมื่อกี้ที่เข้ามาฉันไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบตัว เพราะมีคุณลุงนำทางแต่มาตอนนี้พอออกจากห้องน้องของเขาก็ต้องตะลึงกับความอลังการของห้องนี้

            “คุณไขไข่ครับ” จู่ๆเดลล์ก็เดินเข้ามาทางข้างหลัง

            “ค่ะ” พอฉันหันไปก็ตกใจเพราะหน้าฉันเกือบติดหน้าอกของเขา(บ่งบอกว่านางเอกเตี้ยมาก)แล้วฉันก็กระเด้งออกห่าง

            “นี้ยาของคาร์ล สิ่งที่คุณต้องทำผมเขียนใส่ในนี้หมดแล้วนะครับ” เขายื่นซองยาแล้วกระดาษวิธีการใช้

            “อ่อคะ” ฉันยื่นมือเข้าไปรับ แต่คุณหมอกลับกุมมือฉัน

            “ไอ้เดลล์มึงทำอะไร” จู่ๆคาร์ลที่น่าจะนอนสลบกลับมาร้องเสียงเกรียวกราด โดยร่างกายของเขามีเพียงกางเกงตัวเดียว โชว์ให้เห็นมัดกล้ามของเขา

            “ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่เอายาของแกให้คุณไขไข่” คุณหมอหน้าหวานทำไม่รู้ไม่ชี้ยักไหล่แล้วมองหน้าฉันยิ้มๆเหมือนจะรู้ตัวว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่

            “ยาฉันจะเอาไปให้เธอทำไม ให้เสร็จแล้วก็กลับดิว่ะ” คาร์ลบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและบรรยายกาศรอบตัวเริ่มรู้สึกถึงความมาคุ เมื่อผู้ชายสองคนต่างมองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ความแตกต่างนั้นต่างไปเมื่อคนหนึ่งคนมองด้วยสายตาดุดันพร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อ ส่วนอีกคนก็ยิ้มหน้าหวานไม่กลัวเลยว่าจะไปกระตุกต่อมโมโหของฝ่ายตรงข้าม

            “เอ่อ ไปก็ได้ว่ะ ไม่อยากเห็นคนแถวนี้ตายเพราะพิษหึง” พูดเสร็จคุณหมอก็เดินผิวปากไปอย่างสบายใจที่ได้ยั่วโมโหคาร์ลได้สำเร็จ

            “เธออยากตายใช่ไม” พอเดลล์ออกไปจากห้องคาร์ลก็เริ่มอาลาวาดโดยเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ฉัน

            “ฉัน...ไปทำอะไรให้นาย” ฉันถามด้วยเสียงสั่นๆ

            “ถ้าไม่เพราะเธอฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้” ฉันที่ถอยหลังเลื่อยๆก็ต้องชนเข้ากับโคมไฟและข้างๆนั้นก็เป็นโซฟาทำให้ฉันไม่สามารถถอยหลังได้อีก

            “นายอย่าเข้ามานะ” ฉันยื่นมือห้ามไม่ให้เขาเข้ามาใกล้อีก

            “เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วเธอจะกลัวอะไรละ” ตอนนี้หน้าอกที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามมาโดนมือของฉัน

            “ก็แล้วนายเข้ามาใกล้ทำไมละ” ฉันถามพร้อมเบี่ยงหน้าหลบเพราะเขาได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้โดยมือของฉันก็ยังยันหน้าอกของเขาอยู่

            “ว้าย!!!” ฉันลืมไปว่าข้างหลังไม่มีที่พิงทำให้ฉันที่เบี่ยงตัวหลบเลยเสียการทรงตัวทำให้ล้มไปนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงโซฟา

            “ยัยเปิ่น” เขาที่ไม่ได้ล้มตามยื่นกอดอกมองแล้วยิ้มขำๆ

            “นี้นายแกล้งฉันหรอ” ฉันพยายามลุกขึ้นมาต่อว่าเขาแต่เหมือนจะลุกเร็วไปหน่อยทำให้รู้สึกมึนๆ

            “เฮ้ย!”  เขาคว้าตัวฉันไปประคองเพื่อไม่ให้ล้มเป็นรอบที่สอง

            “ปล่อยฉันนะ” พอรู้สึกตัวฉันก็สะบัดตัวออกแต่มันไม่ง่ายเลยเมื่อเขายิ่งกอดฉันแน่นเข้าไปใหญ่

            “เห็นอยู่ว่าเธอจะล้ม ช่วยแล้วยังมาว่าอีก” เขาต่อว่านิดๆไม่จริงจังนัก

            “ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ปล่อยฉันได้แล้ว” ฉันหยุดดิ้นแล้วสั่งให้เขาปล่อย

            “ไม่เชื่อหรอก”

            “ว้ายย นายจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะ” แทนที่เขาจะปล่อยฉันเขากลับอุ้มฉันแล้วเดินไปทางห้องนอน

            “นอนพักด้วยกันเถอะ ฉันเหนื่อยจัง” เขาวางฉันลงแล้วเขาก็นอนทับตามลงมาโดยหัวเขาซุกอยู่ที่คอของฉัน ลมอุ่นๆของเขาทำให้ฉันกระสับกระส่าย

            “ออกไปจากตัวฉันนะ” ฉันทั้งดิ้น ทั้งผลักเขาก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหนเลย

            “อย่าดิ้นสิ ตอนนี้ผมไม่สบายอยู่นะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงจากเมื่อกี้มาก

            “ไม่สบายอะไร เห็นอยู่ว่านายสบายดี นายแค่อยากแกล้งฉันมากกว่า ออกไปจากตัวฉันนะ” เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วค่อยก้มลงมา

            “ฉันไม่สบายจริงๆ” ตอนนี้หน้าผากของเขาชิดกับหน้าผากของฉันและตัวเขาก็ร้อนจริงๆเมื่อฉันยื่นมือไปจับทั้งแก้มและคอของเขา

            “งั้นนายบอกฉันดีๆสิ ทำไมต้องทำวิธีนี้ด้วย”

            “ก็เธอเอาแต่เดินถอยๆนี้น่า” เอาพูดเสียงกระเง้ากระงอด

            “โอเคฉันผิด แต่ตอนนี้นายเอาตัวนายออกจากตัวฉันได้ไม”

            “อืม” เขายอมขยับตัวออกไปแต่แขนและขาของเขาก็ยังคงพาดอยู่ที่ตัวฉัน

            “ฉันจะนอนแล้ว เธออย่าไปไหนละ” ฉันคงไปได้แล้ว พอดันแขนเค้าก็กดไม่ยอมเอาออก

            “ตาบ้าเอ่ย ฉันจะไปไหนได้ละ ก็นายเล่นกอดฉันซะแน่นขนาดนี้” ฉันบ่นในใจแล้วมองไปที่เพดานสีขาวและหันมองหน้าเขา หึ! หน้าตานายก็หล่ออยู่หรอกแต่ทำนิสัยชอบกวนประสาทฉันจัง คิ้วเข้ม ขนตาที่หนาเป็นแพร(หนาและยาวกว่าฉันอีก น่าอิจฉาชะมัด) ดวงตาของเขาไม่สามารถมองเห็นได้เพราะเขานอนหลับ สันจมูกที่โด่งได้รูปและเรียวปากที่ตอนนี้แห้งผากด้วยพิษไขแต่มันก็ยังดูน่าสัมผัสอยู่ดี อ่ะ นี้ฉันคิดอะไรของฉันเนี่ย

            “นายจะไม่ปล่อยฉันจริงๆหรอ...” ฉันพูดออกมาเบาๆแต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นคาร์ลนอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา