เผลอรัก...จับใจ
10.0
เขียนโดย soso_sung
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.
20 chapter
0 วิจารณ์
24.80K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
16)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่16
เรื่องราวต่างๆก็ได้จบลงด้วยดี สองสาววิญญาณก็ได้ไปสู่สุคติ ส่วนอาเฉินตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ไม่เห็นเขาเลย พอฉันถามคาร์ล เขาก็ได้แต่บอกว่า อาเฉินตายแล้ว แต่นั้นทำให้ฉันสงสัยหนักยิ่งกว่าอีก และเรื่องที่เขาไม่ยอมให้ฉันกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ให้มาอยู่กับเขาที่อพาร์ทเม้นท์แทน
“คุณเพ้ยละคะ” ฉันหันไปถามเขาที่ตอนนี้เอาแต่มองหน้าฉันที่กำลังกินข้าวอยู่
“ไม่รู้”
“คุณคาร์ล”
“ก็ผมไม่รู้จริงๆนิครับ คุณรีบๆกินข้าวแล้วไปอาบน้ำแล้วผมจะทายาให้” เขาสั่งอย่างกับฉันเป็นลูกเขาอย่างนั้นแหละ
“แต่ฉันยังไม่อิ่มนี่น่า”
“ที่รักดื้อตลอดเลยเวลาอยู่กับผมเนี่ย” คาร์ลเริ่มทำเสียงกระเง้ากระงอด
“ก็คุณ...” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาจุ๊บปาก
“ผมทำไมหรอครับ” เขายิ้มหวานแล้วมองหน้าฉันอย่างใสซื่อ
“นี้คุณ” ฉันเกือบทำช้อนหล่น
“ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะร่าแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดจ้องหน้าฉัน
“คุณเลิกจ้องฉันสักทีเถอะคะ” ฉันไม่กล้ากินข้าวแล้วนะ
“ทำไมละ ก็ผมคิดถึงคุณนิ”
“แต่ฉันไม่มีแรงจะกินข้าวนิน่า” ฉันพูดออกมาเบา แต่ก็ไม่รอดคนหูดี
“งั้นผมป้อน อ้าม” เขาแย่งช้อนไปแล้วตักอาหารยืนใส่ปาก
“ฉันกินเองได้คะ” ฉันที่กำลังจะแย่งช้อนก็ต้องชะงักอีกเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้ม
“รางวัลครับ...ก็คุณทำตัวน่ารักใส่ผม” ฉันทำหน้างงใส่ แต่คำตอบต่อมาก็ทำให้หน้าฉันร้อนขึ้นมาอีก
“คุณแกล้งฉันนิ” ฉันกอดอกทำแก้มป้องอย่างไม่รู้ตัวและนั้นทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“นั้นไง คุณทำอีกแล้ว อย่างนี้ต้องให้รางวัล” เขาวางช้อนแล้ววิ่งเข้ามาอุ้มฉัน
“นี้คุณจะทำอะไรนะ” ฉันต้องรีบกอดคอเขาทันทีโดยความกลัวตก
“ก็ให้รางวัลคุณยังไงละครับ” ไม่เพียงแต่อุ้มเขายังพาไปที่ห้องนอนซึ่งเปิดประตูไว้แล้ว
“ปล่อยฉันลงนะคะ ฉันยังกินข้าวไม่เสร็จเลย” ฉันตีไปที่หน้าอกเขาเพื่อให้เขาปล่อยฉันลง
“นี้ไงผมปล่อยแล้ว” เขาปล่อยฉันลงก็จริงแต่นี้มันบนเตียง
“คุณทำอะไรเนี่ย ถอยไปนะ” แล้วเอาก็โถมตัวลงมานอนทับฉัน
“ที่จริง ที่รักน่าจะให้รางวัลผมบ้างนะครับ” เขามองมาที่หน้าฉันแล้วก้มต่ำเลื่อยๆจนปลายจมูกของเราชนกัน
“ทำไมไม่ตอบละครับ” ยิ่งลมอุ่นๆมาโดยใบหน้า ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าขยับทำอะไรเลย
“ปล่อยฉันเถอะนะคะ” ฉันสะบัดหน้าออกทำให้ปลายจมูกของเขาฝังไปที่แก้ม
“ก็ได้ครับ...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะ” ฉันมองหน้าเขาที่ยอมเลิกโดยง่าย แต่ไม่ทันไรฉันก็ต้องหลับตาลงรับจุมพิตของเขาที่ประทับตรงหน้าผาก
“คืนนี้ผมอาจจะไม่กลับเข้ามา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไม” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“คะ ฉันไม่เป็นอะไร” ถึงแม้ว่าปากจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วฉันกลับไม่อยากให้เขาห่างฉันไปไหน
“แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ”
และพอเขาออกไปฉันก็ลืมตามองความมืดมิดในห้องโดยความกลัวที่ยังไม่จางหาย เหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นนั้นมันมากมายจนฉันรับไม่ไหว แต่เพราะมีเขาที่ค่อยแบ่งเบาภาระนั้นไปจากตัวฉัน คราวแรกฉันอาจจะไม่ชอบเขาเพราะเขาดูเป็นคนไม่มีเหตุผล ใช่แต่อารมณ์ แต่มาตอนนี้ฉันไม่อาจยอมรับได้ว่าหัวใจของฉันไปอยู่ที่เขาแล้ว
และเมื่อคาร์ลส่งไขไข่เข้านอนเขาก็ต้องออกมาจัดการเสี้ยนหนามของเขาให้หมด เขาพยายามที่จะไม่สนใจแต่ได้ว่าเสี้ยน ถ้าไม่กำจัดมันออกไปก็มีแต่จะสร้างความรำคาญไม่หมดไม่สิ้น คราวนี้เขาจะจัดการให้มันหมดไป แล้วเสี้ยนชิ้นแรก
“พวกนายจัดการเรียบร้อยหรือยัง” คาร์ลเดินเข้ามาในห้องที่ปิดมิดชิดพร้อมกับมองหน้าผู้ต้องหาตรงหน้า
“เธอไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” ผู้ควบคุมพูดอย่างมีแววกังวล
“พวกนายออกไปก่อน” คาร์ลสั่ง
“ครับ” และผู้ควบคุมก็พากันออกไปจากห้อง
“สบายดีไม” คาร์ลเอ่ยถามเสียงเรียบแล้วมองไปที่ผู้ต้องหา
“สบายดี นายทำให้ฉันไม่อยากออกไปจากที่นี้เลยละ”
คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือผู้หญิงที่ทุกคนมองว่าเป็นเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์และเรียบร้อยแต่แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ต่างจากโรคจิตเลือดเย็น
“ดีใจจังที่ว่าที่คู่หมั้นของฉันตอบแบบนี้” คาร์ลยิ้มเย็นๆแล้วเดินเข้าไปหา
“นายอยากทำอะไรก็รีบๆทำ” เสียงแหลมๆนั้นดังออกมาได้น่าเกลียดมากตั้งแต่เขาได้ฟังมา
“ฉันจะไม่ทำอะไรเธอเพราะเห็นแกพ่อแม่ของเธอที่ทำธุรกิจด้วยกันมา”
“ไม่ต้องหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ฉัน”
“งั้นก็ดี...ฉันจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”
“อย่ามาพูดมาก คนอย่างนายไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก”
“เธอกล้ามากที่พูดออกมาแบบนี้”
“คาร์ล ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”
“เธอต่างหาก ที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”
“ฉันก็แค่จะทวงของๆฉันคืน มันผิดตรงไหน”
“ฉันไม่ใช่ของเธอ”
“นายเป็นของฉันตั้งแต่เกิดแล้ว คาร์ล”
“ฉัน ไม่ ได้เป็นของเธอ” คาร์ลพูดออกมาช้าๆชัดๆ
“นายหนีความจริงไม่ได้หรอก”
“เลิกพูดแล้วสารภาพมาว่าเธอเป็นคนก่อเหตุทั้งหมด”
“สารภาพอะไรละ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“นี้เธอ! ยังจะกล้าพูดอีกหรอว่าไม่ได้เป็นคนทำ”
“ใช่ ฉันไม่ได้ทำ”
“เธอมันเลือดเย็นแล้วป่าเถื่อนที่สุด” คาร์ลบีบแก้มของเธอแล้วมองเข้าไปที่ดวงตาเพื่อที่จะมองเข้าไปให้ลึกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณต่างหากที่เลือดเย็น คาร์ล...คุณใช้ฉันเป็นเครื่องมือลืมนังนั้น เพี้ย!!!” มือหน้าสะบัดปะทะแก้มเนียนนุ่มนั้นอย่างแรงทำให้หน้าของเธอหันไปอีกทาง
“คุณกล้าตบฉัน” เธอหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา เลือดที่มุมปากบอกได้ว่าเขาไม่ได้ยั้งมือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นายครับ เกิดเรื่องแล้วครับ” ลูกน้องของคาร์ลรีบวิ่งเข้ามารายงานทันที
“เกิดอะไร”
“คุณไขไข่...” เพียงลูกน้องเอ่ยชื่อคนรักเขาก็ถึงกับต้องหันกลับไปมองผู้หญิงที่หน้ารังเกลียดตรงหน้า
“เธอ...” เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาต่อว่าเธอดี
“นายควรรีบไปตามหาคนรักนะ ส่วนฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
อีกด้านหนึ่งไขไข่ไม่ได้ถูกลักพาตัวอย่างที่ลูกน้องของคาร์ลว่า แต่มันเป็นกับดักที่จะทำให้เธอหายสาบสูบไปจากโลกนี้ตามคำสั่งของเจ๊ใหญ่ โดยเอาคาร์ลเป็นตัวล้อ
“คาร์ลอยู่ที่ไหน” ไขไข่สิ่งกระหืดกระหอบมาตามที่นัดหมายซึ่งมันเป็นโกดังร้างที่ไม่น่าจะมีใครใช่มันเป็นเวลานาน
“มาถึงก็ถามหาคนรักเลยนะ ไม่คิดจะทักทายกันก่อนหรอ” ผู้ชายห้าคนเดินล้อมตัวฉัน
“พวกนาย” พวกที่จับฉันไว้ที่โรงพยาบาลบ้านิ
“ใช่ ไอ้หมอนั้นทำฉันแสบมาก ฉันเลยอยากจะแก้แค้น” คิ๊กเดินเข้ามาจับปลายคางฉัน “เธอก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ เพี้ย!!!” ก่อนที่คิ๊กจะเข้ามาจูบฉัน ฉันก็ฝาดฝ่ามือไปที่หน้าเขา
“พวกเองยืนบื้อให้มันตบฉันทำไมว่ะ” คิ๊กเงยหน้ามาตะวาดเพื่อนของเขา
“เอ่อ...ลืมเลย” แล้วริวกับแมคก็เดินเข้ามาจับแขนฉันคนละข้าง
“ทีนี้เธอก็หนีฉันไม่ได้แล้ว” คิ๊กย่างสามขุมเข้ามา แต่ยังไม่ทันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันก็เตะผ่าหมากเขาเข้าไปเต็มรัก
“ยัยบ้าเอ้ย!! เตะเข้ามาได้” คิ๊กลงไปนอนกุมน้องรักอย่างน่าสมเพช
“เฮ้ย! ไอ้คิ๊กเป็นไงบ้างว่ะ” ริวและแมคปล่อยมือฉันแล้ววิ่งเข้าไปหาคิ๊กที่ยังนอนร้องโอดครวญ
“ใครใช้ให้นายมานี้ ไปจับตัวมัน”
“อย่านะ ถ้านายกล้าแตะตัวฉัน ฉันจะทำให้นายเป็นหมันนะ” ฉันขู่พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับ นั้นทำให้ริวกับแมคถึงกับชะงักทันที
“ไอ้โง่ แกมีอยู่สองคนแล้วนั้นก็ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว”
“เอ่อนั้นสิ”
“นายเข้ามาฉันจัดไม่เลี้ยงแน่” ฉันลองขู่ไปอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผลทำให้ฉันต้องออกวิ่ง แต่วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ถูกจับ
“ปล่อยนะเว้ย” ฉันทั้งร้องทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดการจับกุม
“อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว” เสียงเรียบๆเป็นเอลักษณ์ทำหั้นหยุดร้องและหยุดดิ้น
“เจีย นายจะช่วยฉันใช่ไม”
“เปล่า” ว่าแล้วเขาก็ลากฉันไปนั่งเกาอี้แล้วเอาเชือกมัด “อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว”
เจียพูดพรางสบตาฉัน จนฉันไม่กล้าที่จะขยับตัว
“แล้วคาร์ลละ” ฉันถามเสียงเบาแล้วมองเขาอย่างมีความหวังว่าคาร์ลจะไม่เป็นอะไร
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี้” และนั้นคือคำตอบของเขา
“หมายความว่ายังไง”
“พวกนายคุยอะไรกัน” ก่อนที่ฉันจะได้รับคำตอบเสียงของคิ๊กก็ขัดขังหวะ
“ยอมหยุดสักทีนะ” คิ๊กที่ตอนนี้หายจากอาการเจ็บปวดแล้วก็เดินเข้ามาง้างมือตบหน้าฉัน
เพี้ย!!!
“ข้อหาที่เธอทำให้ฉันเกือบเสียน้องชายไป และนี้...” คิ๊กเตรียมจะตบฉันอีกฉาดแต่ก็ถูกเจียที่ยืนอยู่ใกล้ๆขวางไว้ก่อน
“เดี๋ยวเธอจะตายก่อนที่เจ๊ใหญ่จะมา” เจียพูดแค่นั้นคิ๊กก็สะบัดมือออกแล้วมองหน้าฉันอย่างเจ็บใจ ฉันต่างหากที่ต้องเจ็บใจที่ต้องมาถูกตบฟรีแบบนี้ เกิดมาเป็นฉันนี้ลำบากแท้
“แล้วเจ๊ใหญ่มายัง” ริวถามพรางเช็ดกระบอกปืนอยู่
“นั้นนายเอาอะไรมานะ” เจียถามเมื่อหันไปเห็น ริวกับแมคทำท่าเล็งปืนมาทางฉัน
“ครั้งนี้ต้องมีคนชดใช้เว้ย” แมคเป็นคนตอบแล้วทำเสียงกระสุนออกจากปากกระบอกปืน “พิ้ว”
“อย่าให้เจ๊ใหญ่เห็นนะเว้ย ไม่งั้นเราจะซวยไปทั้งหมด” คิ๊กเตือนเพื่อนของเขาแล้วหันไปดื่มเบียร์
“เอ่อรู้แล้วๆ” ริวกับแมคตอบรับแล้วก็เก็บปืนไว้ที่ข้างเอว
“ฉันจะไปดูต้นทาง” เจียพูดเสร็จก็เดินไปทางหน้าประตูโกดัง
“เจีย นายอยู่นี้ไม่ได้หรอ” เจียเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับฉันแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายฉันเลย
“ไม่” แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะเขาไม่แม้แต่มองตาฉันเลย
“หึ ไม่มีไอ้เจียอยู่ เธอกลัวหรอ” คิ๊กที่ดื่มเบียร์หันมาพูดกับฉัน
“ฉันไม่ได้กลัว”
“หรอ จะว่าไปมือฉันก็ไม่ได้หนักจนทำให้หน้าเธอบวมขนาดนี้” คิ๊กมองหน้าที่บวมด้วยการตบ
“ไม่ต้องยุ่ง” หากเขารู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไรเขาคงหัวเราะเยาะฉันแน่ๆยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เรื่องของอาเฉินผ่านไปไม่กี่วันฉันก็ต้องมาถูกมัดแบบนี้อีก
“ฉันได้ข่าวว่าเธอถูกรอบทำร้าย”
“เจ้านายสั่งไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นถาม”
“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้นหรอก” คิ๊กพูดเสร็จก็บีบกระป๋องเบียร์แล้วขว้างไปข้างหน้า
“ไม่ใช่พวกนายแล้วใครทำละ เรื่องเลวๆแบบนี้ก็มีแต่พวกนายนั้นแหละ” ฉันต่อปากต่อคำกลับ แต่พอมาคิดอีกที ก็ไม่ใช่แค่พวกนี้ที่จับตัวฉันไป ยังมีอาเฉินอีก แต่อาเฉินก็ไม่น่าจะทำอะไรได้เหี้ยมโหดแบบนั้น อ่ะ! ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่เหี้ยมโหดและเลือดเย็นที่สุด เรื่องของสองสาวฝาแฝดนั้นเป็นหลักฐานได้
“เธอคิดอะไรอยู่นะ แต่ถ้าคิดเรื่องจะหนีนั้นอย่าหวังไปเลยเพราะครั้งนี้ฉันจะไม่ให้เธอหนีไปได้หรอก” คิ๊กเปิดฝาเบียร์แล้วซดเข้าไปอึกใหญ่ “เอาไม” เขาชูกระป๋องเบียร์มาทางฉัน
“ไม่”ฉันมองเขาแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจ ทำไมฉันถึงได้โง่ถูกหลอกแบบนี้นะ
“ไม่ได้เศร้าไปหรอก ยังไงเธอก็ต้องตาย”
“พวกนายแค้นอะไรฉันหนักหนา ถึงได้ต้องจับตัวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย”
“ก็เธอแย่งคนรักไปจากฉันยังไงละ” เสียงหวานดังลั่นทางหน้าประตู
“คุณเพ้ย!” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่เคยรู้จักก็ถึงกับอึ้ง
“ใช่ ยังจำฉันได้อยู่หรอ” เธอเดินเข้ามาใกล้มองด้วยสายตาเหยียดหยาม
“คุณจับฉันมาทำไมคะ”
“ยังกล้าถามอีกหรอ!!!” เธอตวาดใส่หน้าฉันแล้วหันไปทางลูกน้อง
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้” เธอสั่งลูกน้องที่เดินเข้ามาล้อมตัวฉันแล้วเธอก็เดินออกจากนอกวงมองสิ่ง
“คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครรู้หรอคะ” ฉันตะโกนถามเธอ
“ที่นี้เป็นที่ของฉัน เธอหายไปก็มีแค่คาร์ลที่จะตามหา แต่ในเมื่อเธอหายไปจากโลกนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้ละ”
“คุณมันเลือดเย็น”
“ตอนนี้เธออยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” เจ๊ใหญ่แตะมุมปากที่มีรอยแผล
“คุณไม่ได้คุณคาร์ลจริงๆเสียหน่อย คุณแค่ต้องการเอาชนะเขา”
ไขไข่ยังคงไม่หยุดพูด และเธอก็พยายามหลบมือหนาทั้งหลายที่พยายามจะเธอเสื้อเธอ และการที่เธอถูกเชือกมัดอยู่ทำให้เธอปัดป้องได้ไม่เท่าไร
“โอ๊ย! ยัยบ้ากัดมาได้ยังไง” เสียงผู้ชายที่ถูกฉันกัดร้องขึ้น
“หยุดก่อน” เสียงเจ๊ใหญ่สั่งให้หยุด
“ทำไมละเจ๊” คิ๊กหันไปถามด้วยความสงสัย
“พวกนายออกไปให้หมด ฉันมีเรื่องที่จะพูดกับเธอ”
“แต่เจ๊...”
“ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ”
และเมื่อพวกนั้นเดินไปจากคุณเพ้ยก็เดินเข้ามาพร้อมกับบีบแก้มของฉัน อ๋อย คุณเพ้ยอย่าบีบแก้มฉันแรงสิคะ ฉันเจ็บ
“เธอคือคนที่คาร์ลรัก”
“แต่ฉันคือคนที่รักคาร์ล”
ไม่รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร เธอดูเหมือนจะเหม่อลอยไปไกล เพราะสายตาของเธอไม่ได้มองมาที่หน้าฉัน เธอมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ฉันต้องเงยหน้าตาม
“นั้นมัน...”
“ชู่วๆๆ ฉันกำลังช่วยเธอ” วิญญาณฝาแฝด นี้พวกเธอยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรอเนี่ย
“ฉันรักคาร์ล...” เสียงเหม่อๆของคุณเพ้ยเรียกสติให้ฉันไปมองเธอ
“แต่คุณคาร์ลรักเธอ” คุณเพ้ยหันมามองฉันแล้วยิ้ม ก่อนที่จะปล่อยมือออกจากแก้ม
“คุณเพ้ย” ถึงแม้ว่าเธอจะถูกควบคุมด้วยฝาแฝดแต่นัยน์ตาของเธอนั้นแสนจะเศร้า
“ฉันรักคาร์ล...” มือของฉันสัมผัสโดนถึงความเปียกและเมื่อหันไปมองก็เจอน้ำตาที่กำลังไหลอย่างห้ามไม่อยู่จากดวงตาคู่งาม
“คุณเพ้ย...” ฉันถึงกับครางชื่อเธอออกมาด้วยความเศร้า ถึงแม้ว่าเธอจะยิ้ม จะทำตัวร้ายกาจ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ เพียงแค่เธอต้องการทำตามหัวใจเรียกร้องเท่านั้นเอง
“หนีไปเร็ว ก่อนที่พวกฉันจะควบคุมเธอไม่ได้” ฉันจะเข้าไปกอดปลอดคุณเพ้ยแต่ก็ถูกสองแฝดขัดเสียก่อน
“ขอโทษนะคะ” ฉันเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเศร้าแล้วรีบวิ่งไปทางประตู
“ยัยบ๋อง ทางนั้นมันมีพวกยัยนี้อยู่นะ” และก่อนที่ฉันจะวิ่งไปถึงประตูฝาแฝดก็ทักฉันอีก
“อ่อ! ขอบใจนะ” แล้วฉันก็วิ่งไปทางเดิมที่คุณเพ้ยกำลังมองฉันอยู่ แต่ตอนนี้นัยน์ตาของเธอแข็งกร้าวขึ้น แล้วฉันจะไปทางไหนละ ในเมื่อที่นี้มีเพียงประตูหน้าเพียงประตูเดียว
“เจ๊ใหญ่ มีรถมา...” ลูกน้องที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าวิ่งเข้ามารายงานแต่ก็ต้องชะงัดเมื่อเห็นฉันยืนเหลอๆหลาอยู่กลางโกดัง
“ชู่วๆๆๆ” เมื่อฉันเห็นเขาทำท่าจะตะโกนเรียกพรรคพวกแต่ฉันก็ได้ส่งเสียงให้เขาเบาๆ และเขาก็ทำตามแต่สักพักเขาก็ตะโกนลั่นโกดัง
“ลวกเพ่ ตัวประกันหนีไป!!!”
“ไอ้บ้านั้นมันเอ๊ะอะเดี๋ยวก็โดนเจ๊ใหญ่ด่าหรอก” เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเรื่อยๆ และนั้นทำให้ฉันต้องรีบหาที่ซ่อนตัว คือไอ้บ้าที่มันตะโกนเอาแต่ยืนชี้หน้าฉันแล้วไม่ยอมมาจับ ทำให้ฉันมีโอกาสวิ่งหาที่หลบ แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นโกดังร้างที่ไม่มีอะไรเลย ทำให้ไอ้พวกที่เดินกันเข้ามาร้องลั่น
“เฮ้ย ยัยตัวแสบจะหนีไปไหนนะ” คิ๊กเห็นแล้วก็วิ่งไล่จับฉัน และตอนนี้ก็เหมือนกับว่าเรากำลังเล่นวิ่งไล่จับ พอฉันวิ่งไปเจอผู้ชายคนแรกฉันก็หลบไปข้างหลัง พอคิ๊กวิ่งเข้ามาจะคว้าตัวฉันก็ดันถูกฉันผลักคนที่ฉันหลบ เป็นแบบนี้นายนอยู่พอสมควร ทำให้ลูกน้องของคุณเพ้ย นอนเกือกกลิ้งอยู่ตรงพื้น
“โฮกก...ยัยบ้า...โอ้ยเหนื่อย...หยุดนะ...” คิ๊กลงไปนั่งแหมะกับพื้นแล้วชี้นิ้วมาทางฉันที่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกนั้น
“นาย...ก็...ปล่อยฉันสิ” เฮ้ย! กว่าจะพูดจบหนึ่งประโยคก็เล่นเอาหายใจแถบไม่ทัน
“ปล่อยให้โง่นะสิ เล่นกันพอหรือยัง!” เสียงของคุณเพ้ยดังขึ้นทำให้พวกเราหันไปมองเธอ และพอเห็นเธอก็ถึงกับตาโตเมื่อ ผมที่ตรงเรียบนั้นฟูอย่างไม่เป็นทรง พร้อมกับมือที่ถือปืนเล็งมาที่ฉันอย่างสั่นๆ “เมื่อกี้เธอทำอะไรกับฉัน” เสียงที่ถามนั้นเต็มไปด้วยความกลัวที่ต่างจากตอนแรก มือของเธอที่สั่นอยู่แล้วก็สั่นหนังเข้าไปอีกอย่างยากที่จะควบคุม “ตอบฉันมา!!!” เสียงตวาดนั้นเล่นเอาให้ฉันที่นั่งมองถึงกับสะดุ้ง
“ฉันไม่...ได้ทำอะไร ปัง!” พอฉันตอบเสร็จ แสงประกายไฟจากกระบอกปืนก็วูบขึ้นและเพียงไม่นานเสียงคล้ายกัมปะนาก็ดังขึ้น โชคดีที่กระสุนนั้นห่างจากฉันไปหลายเมตร ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เธออย่างมาตุกติกกับฉัน” คุณเพ้ยก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ฉัน...รักคาร์ล...ไม่...ฉัน...จะฆ่าแก” คุณเพ้ยมีท่าทางแปลกๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็ทำหน้าแค้นใส่ฉัน
“ไอ้เจีย ทำอะไรสักอย่างสิว่ะ” คิ๊กที่ขยับไปหาเจียที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่เฉยๆก็ได้แต่ขอร้อง
“ยังไม่ถึงเวลา” เจียตอบเรียบๆแล้วมองคุณเพ้ยที่ยังเดินเข้ามาหาฉัน
“พวกแกทำให้ฉันผิดหวัง” คุณเพ้ยหันไปชี้กระบอกปืนใส่พวกลูกน้องตัวเอง
ปัง!!!
กระสุนนัดที่สองดังลั่นและครั้งนี้เธอเล็งไม่พลาด มันไปโดนขาของไอ้คนที่ร้องตะโกนว่าฉันหนี และตามาด้วยเสียงครวญครางของมันที่ร้องอย่างเจ็บปวด
“เธอจะเป็นรายต่อไป” คุณเพ้ยหันปืนมาเล็งใส่ฉันอีกครั้ง
“คุณเพ้ย ใจเย็นๆนะคะ” ฉันพยายามตะล้อมเธอให้เธอใจเย็นลง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฉันพูดเธอก็ยิ่งคลั่ง
“หุบปาก ปัง!!” และครั้งนี้เธอก็ไม่พลาดอีกเหมือนกัน กระสุนนั้นโดนที่ขาด้านซ้ายของฉัน เลือดของมันทะลักออกมาเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุออกมา
“เจ๊!!!” เสียงลูกน้องตะโกนร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เป็นยังไงบ้าง โดนแค่นี้มันไม่เจ็บหรอกนะ ปัง!!”
“เจ๊ใหญ่!!!” เสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรกและไม่รู้สึกถึงความเจ็บมากกว่าเดิมทำให้ฉันที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมา และภาพแรกที่เห็นก็คือคุณเพ้ยนอนมองหน้าฉันและพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง
“จับพวกมันไปให้หมด” เสียงคำสั่งดังออกมาจากปากเดลล์ที่มีคาร์ลอยู่ข้างๆ
“ไขไข่” คาร์ลวิ่งเข้ามาหาฉันแล้วมองสำรวจฉันทั้งตัว และเมื่อเขาเจอแผลที่ขาของฉันเขาก็มองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่ช่วยคุณไม่ทัน” คาร์ลกอดฉันแน่น และสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นคุณเพ้ยที่มือของเธอกำลังเล็งปืนมาทางฉัน
“คุณคาร์ล ปัง!” เสียงปืนกลบเสียงของฉันไว้หมดและสติของฉันก็ดับวูบ
เรื่องราวต่างๆก็ได้จบลงด้วยดี สองสาววิญญาณก็ได้ไปสู่สุคติ ส่วนอาเฉินตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ไม่เห็นเขาเลย พอฉันถามคาร์ล เขาก็ได้แต่บอกว่า อาเฉินตายแล้ว แต่นั้นทำให้ฉันสงสัยหนักยิ่งกว่าอีก และเรื่องที่เขาไม่ยอมให้ฉันกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ให้มาอยู่กับเขาที่อพาร์ทเม้นท์แทน
“คุณเพ้ยละคะ” ฉันหันไปถามเขาที่ตอนนี้เอาแต่มองหน้าฉันที่กำลังกินข้าวอยู่
“ไม่รู้”
“คุณคาร์ล”
“ก็ผมไม่รู้จริงๆนิครับ คุณรีบๆกินข้าวแล้วไปอาบน้ำแล้วผมจะทายาให้” เขาสั่งอย่างกับฉันเป็นลูกเขาอย่างนั้นแหละ
“แต่ฉันยังไม่อิ่มนี่น่า”
“ที่รักดื้อตลอดเลยเวลาอยู่กับผมเนี่ย” คาร์ลเริ่มทำเสียงกระเง้ากระงอด
“ก็คุณ...” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาจุ๊บปาก
“ผมทำไมหรอครับ” เขายิ้มหวานแล้วมองหน้าฉันอย่างใสซื่อ
“นี้คุณ” ฉันเกือบทำช้อนหล่น
“ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะร่าแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดจ้องหน้าฉัน
“คุณเลิกจ้องฉันสักทีเถอะคะ” ฉันไม่กล้ากินข้าวแล้วนะ
“ทำไมละ ก็ผมคิดถึงคุณนิ”
“แต่ฉันไม่มีแรงจะกินข้าวนิน่า” ฉันพูดออกมาเบา แต่ก็ไม่รอดคนหูดี
“งั้นผมป้อน อ้าม” เขาแย่งช้อนไปแล้วตักอาหารยืนใส่ปาก
“ฉันกินเองได้คะ” ฉันที่กำลังจะแย่งช้อนก็ต้องชะงักอีกเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้ม
“รางวัลครับ...ก็คุณทำตัวน่ารักใส่ผม” ฉันทำหน้างงใส่ แต่คำตอบต่อมาก็ทำให้หน้าฉันร้อนขึ้นมาอีก
“คุณแกล้งฉันนิ” ฉันกอดอกทำแก้มป้องอย่างไม่รู้ตัวและนั้นทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“นั้นไง คุณทำอีกแล้ว อย่างนี้ต้องให้รางวัล” เขาวางช้อนแล้ววิ่งเข้ามาอุ้มฉัน
“นี้คุณจะทำอะไรนะ” ฉันต้องรีบกอดคอเขาทันทีโดยความกลัวตก
“ก็ให้รางวัลคุณยังไงละครับ” ไม่เพียงแต่อุ้มเขายังพาไปที่ห้องนอนซึ่งเปิดประตูไว้แล้ว
“ปล่อยฉันลงนะคะ ฉันยังกินข้าวไม่เสร็จเลย” ฉันตีไปที่หน้าอกเขาเพื่อให้เขาปล่อยฉันลง
“นี้ไงผมปล่อยแล้ว” เขาปล่อยฉันลงก็จริงแต่นี้มันบนเตียง
“คุณทำอะไรเนี่ย ถอยไปนะ” แล้วเอาก็โถมตัวลงมานอนทับฉัน
“ที่จริง ที่รักน่าจะให้รางวัลผมบ้างนะครับ” เขามองมาที่หน้าฉันแล้วก้มต่ำเลื่อยๆจนปลายจมูกของเราชนกัน
“ทำไมไม่ตอบละครับ” ยิ่งลมอุ่นๆมาโดยใบหน้า ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าขยับทำอะไรเลย
“ปล่อยฉันเถอะนะคะ” ฉันสะบัดหน้าออกทำให้ปลายจมูกของเขาฝังไปที่แก้ม
“ก็ได้ครับ...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะ” ฉันมองหน้าเขาที่ยอมเลิกโดยง่าย แต่ไม่ทันไรฉันก็ต้องหลับตาลงรับจุมพิตของเขาที่ประทับตรงหน้าผาก
“คืนนี้ผมอาจจะไม่กลับเข้ามา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไม” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“คะ ฉันไม่เป็นอะไร” ถึงแม้ว่าปากจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วฉันกลับไม่อยากให้เขาห่างฉันไปไหน
“แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ”
และพอเขาออกไปฉันก็ลืมตามองความมืดมิดในห้องโดยความกลัวที่ยังไม่จางหาย เหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นนั้นมันมากมายจนฉันรับไม่ไหว แต่เพราะมีเขาที่ค่อยแบ่งเบาภาระนั้นไปจากตัวฉัน คราวแรกฉันอาจจะไม่ชอบเขาเพราะเขาดูเป็นคนไม่มีเหตุผล ใช่แต่อารมณ์ แต่มาตอนนี้ฉันไม่อาจยอมรับได้ว่าหัวใจของฉันไปอยู่ที่เขาแล้ว
และเมื่อคาร์ลส่งไขไข่เข้านอนเขาก็ต้องออกมาจัดการเสี้ยนหนามของเขาให้หมด เขาพยายามที่จะไม่สนใจแต่ได้ว่าเสี้ยน ถ้าไม่กำจัดมันออกไปก็มีแต่จะสร้างความรำคาญไม่หมดไม่สิ้น คราวนี้เขาจะจัดการให้มันหมดไป แล้วเสี้ยนชิ้นแรก
“พวกนายจัดการเรียบร้อยหรือยัง” คาร์ลเดินเข้ามาในห้องที่ปิดมิดชิดพร้อมกับมองหน้าผู้ต้องหาตรงหน้า
“เธอไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” ผู้ควบคุมพูดอย่างมีแววกังวล
“พวกนายออกไปก่อน” คาร์ลสั่ง
“ครับ” และผู้ควบคุมก็พากันออกไปจากห้อง
“สบายดีไม” คาร์ลเอ่ยถามเสียงเรียบแล้วมองไปที่ผู้ต้องหา
“สบายดี นายทำให้ฉันไม่อยากออกไปจากที่นี้เลยละ”
คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือผู้หญิงที่ทุกคนมองว่าเป็นเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์และเรียบร้อยแต่แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ต่างจากโรคจิตเลือดเย็น
“ดีใจจังที่ว่าที่คู่หมั้นของฉันตอบแบบนี้” คาร์ลยิ้มเย็นๆแล้วเดินเข้าไปหา
“นายอยากทำอะไรก็รีบๆทำ” เสียงแหลมๆนั้นดังออกมาได้น่าเกลียดมากตั้งแต่เขาได้ฟังมา
“ฉันจะไม่ทำอะไรเธอเพราะเห็นแกพ่อแม่ของเธอที่ทำธุรกิจด้วยกันมา”
“ไม่ต้องหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ฉัน”
“งั้นก็ดี...ฉันจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”
“อย่ามาพูดมาก คนอย่างนายไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก”
“เธอกล้ามากที่พูดออกมาแบบนี้”
“คาร์ล ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”
“เธอต่างหาก ที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”
“ฉันก็แค่จะทวงของๆฉันคืน มันผิดตรงไหน”
“ฉันไม่ใช่ของเธอ”
“นายเป็นของฉันตั้งแต่เกิดแล้ว คาร์ล”
“ฉัน ไม่ ได้เป็นของเธอ” คาร์ลพูดออกมาช้าๆชัดๆ
“นายหนีความจริงไม่ได้หรอก”
“เลิกพูดแล้วสารภาพมาว่าเธอเป็นคนก่อเหตุทั้งหมด”
“สารภาพอะไรละ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“นี้เธอ! ยังจะกล้าพูดอีกหรอว่าไม่ได้เป็นคนทำ”
“ใช่ ฉันไม่ได้ทำ”
“เธอมันเลือดเย็นแล้วป่าเถื่อนที่สุด” คาร์ลบีบแก้มของเธอแล้วมองเข้าไปที่ดวงตาเพื่อที่จะมองเข้าไปให้ลึกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณต่างหากที่เลือดเย็น คาร์ล...คุณใช้ฉันเป็นเครื่องมือลืมนังนั้น เพี้ย!!!” มือหน้าสะบัดปะทะแก้มเนียนนุ่มนั้นอย่างแรงทำให้หน้าของเธอหันไปอีกทาง
“คุณกล้าตบฉัน” เธอหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา เลือดที่มุมปากบอกได้ว่าเขาไม่ได้ยั้งมือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นายครับ เกิดเรื่องแล้วครับ” ลูกน้องของคาร์ลรีบวิ่งเข้ามารายงานทันที
“เกิดอะไร”
“คุณไขไข่...” เพียงลูกน้องเอ่ยชื่อคนรักเขาก็ถึงกับต้องหันกลับไปมองผู้หญิงที่หน้ารังเกลียดตรงหน้า
“เธอ...” เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาต่อว่าเธอดี
“นายควรรีบไปตามหาคนรักนะ ส่วนฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
อีกด้านหนึ่งไขไข่ไม่ได้ถูกลักพาตัวอย่างที่ลูกน้องของคาร์ลว่า แต่มันเป็นกับดักที่จะทำให้เธอหายสาบสูบไปจากโลกนี้ตามคำสั่งของเจ๊ใหญ่ โดยเอาคาร์ลเป็นตัวล้อ
“คาร์ลอยู่ที่ไหน” ไขไข่สิ่งกระหืดกระหอบมาตามที่นัดหมายซึ่งมันเป็นโกดังร้างที่ไม่น่าจะมีใครใช่มันเป็นเวลานาน
“มาถึงก็ถามหาคนรักเลยนะ ไม่คิดจะทักทายกันก่อนหรอ” ผู้ชายห้าคนเดินล้อมตัวฉัน
“พวกนาย” พวกที่จับฉันไว้ที่โรงพยาบาลบ้านิ
“ใช่ ไอ้หมอนั้นทำฉันแสบมาก ฉันเลยอยากจะแก้แค้น” คิ๊กเดินเข้ามาจับปลายคางฉัน “เธอก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ เพี้ย!!!” ก่อนที่คิ๊กจะเข้ามาจูบฉัน ฉันก็ฝาดฝ่ามือไปที่หน้าเขา
“พวกเองยืนบื้อให้มันตบฉันทำไมว่ะ” คิ๊กเงยหน้ามาตะวาดเพื่อนของเขา
“เอ่อ...ลืมเลย” แล้วริวกับแมคก็เดินเข้ามาจับแขนฉันคนละข้าง
“ทีนี้เธอก็หนีฉันไม่ได้แล้ว” คิ๊กย่างสามขุมเข้ามา แต่ยังไม่ทันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันก็เตะผ่าหมากเขาเข้าไปเต็มรัก
“ยัยบ้าเอ้ย!! เตะเข้ามาได้” คิ๊กลงไปนอนกุมน้องรักอย่างน่าสมเพช
“เฮ้ย! ไอ้คิ๊กเป็นไงบ้างว่ะ” ริวและแมคปล่อยมือฉันแล้ววิ่งเข้าไปหาคิ๊กที่ยังนอนร้องโอดครวญ
“ใครใช้ให้นายมานี้ ไปจับตัวมัน”
“อย่านะ ถ้านายกล้าแตะตัวฉัน ฉันจะทำให้นายเป็นหมันนะ” ฉันขู่พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับ นั้นทำให้ริวกับแมคถึงกับชะงักทันที
“ไอ้โง่ แกมีอยู่สองคนแล้วนั้นก็ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว”
“เอ่อนั้นสิ”
“นายเข้ามาฉันจัดไม่เลี้ยงแน่” ฉันลองขู่ไปอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผลทำให้ฉันต้องออกวิ่ง แต่วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ถูกจับ
“ปล่อยนะเว้ย” ฉันทั้งร้องทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดการจับกุม
“อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว” เสียงเรียบๆเป็นเอลักษณ์ทำหั้นหยุดร้องและหยุดดิ้น
“เจีย นายจะช่วยฉันใช่ไม”
“เปล่า” ว่าแล้วเขาก็ลากฉันไปนั่งเกาอี้แล้วเอาเชือกมัด “อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว”
เจียพูดพรางสบตาฉัน จนฉันไม่กล้าที่จะขยับตัว
“แล้วคาร์ลละ” ฉันถามเสียงเบาแล้วมองเขาอย่างมีความหวังว่าคาร์ลจะไม่เป็นอะไร
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี้” และนั้นคือคำตอบของเขา
“หมายความว่ายังไง”
“พวกนายคุยอะไรกัน” ก่อนที่ฉันจะได้รับคำตอบเสียงของคิ๊กก็ขัดขังหวะ
“ยอมหยุดสักทีนะ” คิ๊กที่ตอนนี้หายจากอาการเจ็บปวดแล้วก็เดินเข้ามาง้างมือตบหน้าฉัน
เพี้ย!!!
“ข้อหาที่เธอทำให้ฉันเกือบเสียน้องชายไป และนี้...” คิ๊กเตรียมจะตบฉันอีกฉาดแต่ก็ถูกเจียที่ยืนอยู่ใกล้ๆขวางไว้ก่อน
“เดี๋ยวเธอจะตายก่อนที่เจ๊ใหญ่จะมา” เจียพูดแค่นั้นคิ๊กก็สะบัดมือออกแล้วมองหน้าฉันอย่างเจ็บใจ ฉันต่างหากที่ต้องเจ็บใจที่ต้องมาถูกตบฟรีแบบนี้ เกิดมาเป็นฉันนี้ลำบากแท้
“แล้วเจ๊ใหญ่มายัง” ริวถามพรางเช็ดกระบอกปืนอยู่
“นั้นนายเอาอะไรมานะ” เจียถามเมื่อหันไปเห็น ริวกับแมคทำท่าเล็งปืนมาทางฉัน
“ครั้งนี้ต้องมีคนชดใช้เว้ย” แมคเป็นคนตอบแล้วทำเสียงกระสุนออกจากปากกระบอกปืน “พิ้ว”
“อย่าให้เจ๊ใหญ่เห็นนะเว้ย ไม่งั้นเราจะซวยไปทั้งหมด” คิ๊กเตือนเพื่อนของเขาแล้วหันไปดื่มเบียร์
“เอ่อรู้แล้วๆ” ริวกับแมคตอบรับแล้วก็เก็บปืนไว้ที่ข้างเอว
“ฉันจะไปดูต้นทาง” เจียพูดเสร็จก็เดินไปทางหน้าประตูโกดัง
“เจีย นายอยู่นี้ไม่ได้หรอ” เจียเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับฉันแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายฉันเลย
“ไม่” แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะเขาไม่แม้แต่มองตาฉันเลย
“หึ ไม่มีไอ้เจียอยู่ เธอกลัวหรอ” คิ๊กที่ดื่มเบียร์หันมาพูดกับฉัน
“ฉันไม่ได้กลัว”
“หรอ จะว่าไปมือฉันก็ไม่ได้หนักจนทำให้หน้าเธอบวมขนาดนี้” คิ๊กมองหน้าที่บวมด้วยการตบ
“ไม่ต้องยุ่ง” หากเขารู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไรเขาคงหัวเราะเยาะฉันแน่ๆยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เรื่องของอาเฉินผ่านไปไม่กี่วันฉันก็ต้องมาถูกมัดแบบนี้อีก
“ฉันได้ข่าวว่าเธอถูกรอบทำร้าย”
“เจ้านายสั่งไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นถาม”
“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้นหรอก” คิ๊กพูดเสร็จก็บีบกระป๋องเบียร์แล้วขว้างไปข้างหน้า
“ไม่ใช่พวกนายแล้วใครทำละ เรื่องเลวๆแบบนี้ก็มีแต่พวกนายนั้นแหละ” ฉันต่อปากต่อคำกลับ แต่พอมาคิดอีกที ก็ไม่ใช่แค่พวกนี้ที่จับตัวฉันไป ยังมีอาเฉินอีก แต่อาเฉินก็ไม่น่าจะทำอะไรได้เหี้ยมโหดแบบนั้น อ่ะ! ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่เหี้ยมโหดและเลือดเย็นที่สุด เรื่องของสองสาวฝาแฝดนั้นเป็นหลักฐานได้
“เธอคิดอะไรอยู่นะ แต่ถ้าคิดเรื่องจะหนีนั้นอย่าหวังไปเลยเพราะครั้งนี้ฉันจะไม่ให้เธอหนีไปได้หรอก” คิ๊กเปิดฝาเบียร์แล้วซดเข้าไปอึกใหญ่ “เอาไม” เขาชูกระป๋องเบียร์มาทางฉัน
“ไม่”ฉันมองเขาแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจ ทำไมฉันถึงได้โง่ถูกหลอกแบบนี้นะ
“ไม่ได้เศร้าไปหรอก ยังไงเธอก็ต้องตาย”
“พวกนายแค้นอะไรฉันหนักหนา ถึงได้ต้องจับตัวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย”
“ก็เธอแย่งคนรักไปจากฉันยังไงละ” เสียงหวานดังลั่นทางหน้าประตู
“คุณเพ้ย!” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่เคยรู้จักก็ถึงกับอึ้ง
“ใช่ ยังจำฉันได้อยู่หรอ” เธอเดินเข้ามาใกล้มองด้วยสายตาเหยียดหยาม
“คุณจับฉันมาทำไมคะ”
“ยังกล้าถามอีกหรอ!!!” เธอตวาดใส่หน้าฉันแล้วหันไปทางลูกน้อง
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้” เธอสั่งลูกน้องที่เดินเข้ามาล้อมตัวฉันแล้วเธอก็เดินออกจากนอกวงมองสิ่ง
“คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครรู้หรอคะ” ฉันตะโกนถามเธอ
“ที่นี้เป็นที่ของฉัน เธอหายไปก็มีแค่คาร์ลที่จะตามหา แต่ในเมื่อเธอหายไปจากโลกนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้ละ”
“คุณมันเลือดเย็น”
“ตอนนี้เธออยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” เจ๊ใหญ่แตะมุมปากที่มีรอยแผล
“คุณไม่ได้คุณคาร์ลจริงๆเสียหน่อย คุณแค่ต้องการเอาชนะเขา”
ไขไข่ยังคงไม่หยุดพูด และเธอก็พยายามหลบมือหนาทั้งหลายที่พยายามจะเธอเสื้อเธอ และการที่เธอถูกเชือกมัดอยู่ทำให้เธอปัดป้องได้ไม่เท่าไร
“โอ๊ย! ยัยบ้ากัดมาได้ยังไง” เสียงผู้ชายที่ถูกฉันกัดร้องขึ้น
“หยุดก่อน” เสียงเจ๊ใหญ่สั่งให้หยุด
“ทำไมละเจ๊” คิ๊กหันไปถามด้วยความสงสัย
“พวกนายออกไปให้หมด ฉันมีเรื่องที่จะพูดกับเธอ”
“แต่เจ๊...”
“ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ”
และเมื่อพวกนั้นเดินไปจากคุณเพ้ยก็เดินเข้ามาพร้อมกับบีบแก้มของฉัน อ๋อย คุณเพ้ยอย่าบีบแก้มฉันแรงสิคะ ฉันเจ็บ
“เธอคือคนที่คาร์ลรัก”
“แต่ฉันคือคนที่รักคาร์ล”
ไม่รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร เธอดูเหมือนจะเหม่อลอยไปไกล เพราะสายตาของเธอไม่ได้มองมาที่หน้าฉัน เธอมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ฉันต้องเงยหน้าตาม
“นั้นมัน...”
“ชู่วๆๆ ฉันกำลังช่วยเธอ” วิญญาณฝาแฝด นี้พวกเธอยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรอเนี่ย
“ฉันรักคาร์ล...” เสียงเหม่อๆของคุณเพ้ยเรียกสติให้ฉันไปมองเธอ
“แต่คุณคาร์ลรักเธอ” คุณเพ้ยหันมามองฉันแล้วยิ้ม ก่อนที่จะปล่อยมือออกจากแก้ม
“คุณเพ้ย” ถึงแม้ว่าเธอจะถูกควบคุมด้วยฝาแฝดแต่นัยน์ตาของเธอนั้นแสนจะเศร้า
“ฉันรักคาร์ล...” มือของฉันสัมผัสโดนถึงความเปียกและเมื่อหันไปมองก็เจอน้ำตาที่กำลังไหลอย่างห้ามไม่อยู่จากดวงตาคู่งาม
“คุณเพ้ย...” ฉันถึงกับครางชื่อเธอออกมาด้วยความเศร้า ถึงแม้ว่าเธอจะยิ้ม จะทำตัวร้ายกาจ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ เพียงแค่เธอต้องการทำตามหัวใจเรียกร้องเท่านั้นเอง
“หนีไปเร็ว ก่อนที่พวกฉันจะควบคุมเธอไม่ได้” ฉันจะเข้าไปกอดปลอดคุณเพ้ยแต่ก็ถูกสองแฝดขัดเสียก่อน
“ขอโทษนะคะ” ฉันเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเศร้าแล้วรีบวิ่งไปทางประตู
“ยัยบ๋อง ทางนั้นมันมีพวกยัยนี้อยู่นะ” และก่อนที่ฉันจะวิ่งไปถึงประตูฝาแฝดก็ทักฉันอีก
“อ่อ! ขอบใจนะ” แล้วฉันก็วิ่งไปทางเดิมที่คุณเพ้ยกำลังมองฉันอยู่ แต่ตอนนี้นัยน์ตาของเธอแข็งกร้าวขึ้น แล้วฉันจะไปทางไหนละ ในเมื่อที่นี้มีเพียงประตูหน้าเพียงประตูเดียว
“เจ๊ใหญ่ มีรถมา...” ลูกน้องที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าวิ่งเข้ามารายงานแต่ก็ต้องชะงัดเมื่อเห็นฉันยืนเหลอๆหลาอยู่กลางโกดัง
“ชู่วๆๆๆ” เมื่อฉันเห็นเขาทำท่าจะตะโกนเรียกพรรคพวกแต่ฉันก็ได้ส่งเสียงให้เขาเบาๆ และเขาก็ทำตามแต่สักพักเขาก็ตะโกนลั่นโกดัง
“ลวกเพ่ ตัวประกันหนีไป!!!”
“ไอ้บ้านั้นมันเอ๊ะอะเดี๋ยวก็โดนเจ๊ใหญ่ด่าหรอก” เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเรื่อยๆ และนั้นทำให้ฉันต้องรีบหาที่ซ่อนตัว คือไอ้บ้าที่มันตะโกนเอาแต่ยืนชี้หน้าฉันแล้วไม่ยอมมาจับ ทำให้ฉันมีโอกาสวิ่งหาที่หลบ แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นโกดังร้างที่ไม่มีอะไรเลย ทำให้ไอ้พวกที่เดินกันเข้ามาร้องลั่น
“เฮ้ย ยัยตัวแสบจะหนีไปไหนนะ” คิ๊กเห็นแล้วก็วิ่งไล่จับฉัน และตอนนี้ก็เหมือนกับว่าเรากำลังเล่นวิ่งไล่จับ พอฉันวิ่งไปเจอผู้ชายคนแรกฉันก็หลบไปข้างหลัง พอคิ๊กวิ่งเข้ามาจะคว้าตัวฉันก็ดันถูกฉันผลักคนที่ฉันหลบ เป็นแบบนี้นายนอยู่พอสมควร ทำให้ลูกน้องของคุณเพ้ย นอนเกือกกลิ้งอยู่ตรงพื้น
“โฮกก...ยัยบ้า...โอ้ยเหนื่อย...หยุดนะ...” คิ๊กลงไปนั่งแหมะกับพื้นแล้วชี้นิ้วมาทางฉันที่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกนั้น
“นาย...ก็...ปล่อยฉันสิ” เฮ้ย! กว่าจะพูดจบหนึ่งประโยคก็เล่นเอาหายใจแถบไม่ทัน
“ปล่อยให้โง่นะสิ เล่นกันพอหรือยัง!” เสียงของคุณเพ้ยดังขึ้นทำให้พวกเราหันไปมองเธอ และพอเห็นเธอก็ถึงกับตาโตเมื่อ ผมที่ตรงเรียบนั้นฟูอย่างไม่เป็นทรง พร้อมกับมือที่ถือปืนเล็งมาที่ฉันอย่างสั่นๆ “เมื่อกี้เธอทำอะไรกับฉัน” เสียงที่ถามนั้นเต็มไปด้วยความกลัวที่ต่างจากตอนแรก มือของเธอที่สั่นอยู่แล้วก็สั่นหนังเข้าไปอีกอย่างยากที่จะควบคุม “ตอบฉันมา!!!” เสียงตวาดนั้นเล่นเอาให้ฉันที่นั่งมองถึงกับสะดุ้ง
“ฉันไม่...ได้ทำอะไร ปัง!” พอฉันตอบเสร็จ แสงประกายไฟจากกระบอกปืนก็วูบขึ้นและเพียงไม่นานเสียงคล้ายกัมปะนาก็ดังขึ้น โชคดีที่กระสุนนั้นห่างจากฉันไปหลายเมตร ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เธออย่างมาตุกติกกับฉัน” คุณเพ้ยก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ฉัน...รักคาร์ล...ไม่...ฉัน...จะฆ่าแก” คุณเพ้ยมีท่าทางแปลกๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็ทำหน้าแค้นใส่ฉัน
“ไอ้เจีย ทำอะไรสักอย่างสิว่ะ” คิ๊กที่ขยับไปหาเจียที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่เฉยๆก็ได้แต่ขอร้อง
“ยังไม่ถึงเวลา” เจียตอบเรียบๆแล้วมองคุณเพ้ยที่ยังเดินเข้ามาหาฉัน
“พวกแกทำให้ฉันผิดหวัง” คุณเพ้ยหันไปชี้กระบอกปืนใส่พวกลูกน้องตัวเอง
ปัง!!!
กระสุนนัดที่สองดังลั่นและครั้งนี้เธอเล็งไม่พลาด มันไปโดนขาของไอ้คนที่ร้องตะโกนว่าฉันหนี และตามาด้วยเสียงครวญครางของมันที่ร้องอย่างเจ็บปวด
“เธอจะเป็นรายต่อไป” คุณเพ้ยหันปืนมาเล็งใส่ฉันอีกครั้ง
“คุณเพ้ย ใจเย็นๆนะคะ” ฉันพยายามตะล้อมเธอให้เธอใจเย็นลง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฉันพูดเธอก็ยิ่งคลั่ง
“หุบปาก ปัง!!” และครั้งนี้เธอก็ไม่พลาดอีกเหมือนกัน กระสุนนั้นโดนที่ขาด้านซ้ายของฉัน เลือดของมันทะลักออกมาเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุออกมา
“เจ๊!!!” เสียงลูกน้องตะโกนร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เป็นยังไงบ้าง โดนแค่นี้มันไม่เจ็บหรอกนะ ปัง!!”
“เจ๊ใหญ่!!!” เสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรกและไม่รู้สึกถึงความเจ็บมากกว่าเดิมทำให้ฉันที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมา และภาพแรกที่เห็นก็คือคุณเพ้ยนอนมองหน้าฉันและพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง
“จับพวกมันไปให้หมด” เสียงคำสั่งดังออกมาจากปากเดลล์ที่มีคาร์ลอยู่ข้างๆ
“ไขไข่” คาร์ลวิ่งเข้ามาหาฉันแล้วมองสำรวจฉันทั้งตัว และเมื่อเขาเจอแผลที่ขาของฉันเขาก็มองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่ช่วยคุณไม่ทัน” คาร์ลกอดฉันแน่น และสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นคุณเพ้ยที่มือของเธอกำลังเล็งปืนมาทางฉัน
“คุณคาร์ล ปัง!” เสียงปืนกลบเสียงของฉันไว้หมดและสติของฉันก็ดับวูบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ