เผลอรัก...จับใจ

10.0

เขียนโดย soso_sung

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.

  20 chapter
  0 วิจารณ์
  24.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่16

 

            เรื่องราวต่างๆก็ได้จบลงด้วยดี สองสาววิญญาณก็ได้ไปสู่สุคติ ส่วนอาเฉินตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ไม่เห็นเขาเลย พอฉันถามคาร์ล เขาก็ได้แต่บอกว่า อาเฉินตายแล้ว แต่นั้นทำให้ฉันสงสัยหนักยิ่งกว่าอีก และเรื่องที่เขาไม่ยอมให้ฉันกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ให้มาอยู่กับเขาที่อพาร์ทเม้นท์แทน

            “คุณเพ้ยละคะ” ฉันหันไปถามเขาที่ตอนนี้เอาแต่มองหน้าฉันที่กำลังกินข้าวอยู่

            “ไม่รู้”

            “คุณคาร์ล”

            “ก็ผมไม่รู้จริงๆนิครับ คุณรีบๆกินข้าวแล้วไปอาบน้ำแล้วผมจะทายาให้” เขาสั่งอย่างกับฉันเป็นลูกเขาอย่างนั้นแหละ

            “แต่ฉันยังไม่อิ่มนี่น่า”

            “ที่รักดื้อตลอดเลยเวลาอยู่กับผมเนี่ย” คาร์ลเริ่มทำเสียงกระเง้ากระงอด

            “ก็คุณ...” ฉันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาจุ๊บปาก

            “ผมทำไมหรอครับ” เขายิ้มหวานแล้วมองหน้าฉันอย่างใสซื่อ

            “นี้คุณ” ฉันเกือบทำช้อนหล่น

            “ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะร่าแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดจ้องหน้าฉัน

            “คุณเลิกจ้องฉันสักทีเถอะคะ” ฉันไม่กล้ากินข้าวแล้วนะ

            “ทำไมละ ก็ผมคิดถึงคุณนิ”

            “แต่ฉันไม่มีแรงจะกินข้าวนิน่า” ฉันพูดออกมาเบา แต่ก็ไม่รอดคนหูดี

            “งั้นผมป้อน อ้าม” เขาแย่งช้อนไปแล้วตักอาหารยืนใส่ปาก

            “ฉันกินเองได้คะ” ฉันที่กำลังจะแย่งช้อนก็ต้องชะงักอีกเมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้ม

            “รางวัลครับ...ก็คุณทำตัวน่ารักใส่ผม” ฉันทำหน้างงใส่ แต่คำตอบต่อมาก็ทำให้หน้าฉันร้อนขึ้นมาอีก

            “คุณแกล้งฉันนิ” ฉันกอดอกทำแก้มป้องอย่างไม่รู้ตัวและนั้นทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่

            “นั้นไง คุณทำอีกแล้ว อย่างนี้ต้องให้รางวัล” เขาวางช้อนแล้ววิ่งเข้ามาอุ้มฉัน

            “นี้คุณจะทำอะไรนะ” ฉันต้องรีบกอดคอเขาทันทีโดยความกลัวตก

            “ก็ให้รางวัลคุณยังไงละครับ” ไม่เพียงแต่อุ้มเขายังพาไปที่ห้องนอนซึ่งเปิดประตูไว้แล้ว

            “ปล่อยฉันลงนะคะ ฉันยังกินข้าวไม่เสร็จเลย” ฉันตีไปที่หน้าอกเขาเพื่อให้เขาปล่อยฉันลง

            “นี้ไงผมปล่อยแล้ว” เขาปล่อยฉันลงก็จริงแต่นี้มันบนเตียง

            “คุณทำอะไรเนี่ย ถอยไปนะ” แล้วเอาก็โถมตัวลงมานอนทับฉัน

            “ที่จริง ที่รักน่าจะให้รางวัลผมบ้างนะครับ” เขามองมาที่หน้าฉันแล้วก้มต่ำเลื่อยๆจนปลายจมูกของเราชนกัน

            “ทำไมไม่ตอบละครับ” ยิ่งลมอุ่นๆมาโดยใบหน้า ก็ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าขยับทำอะไรเลย

            “ปล่อยฉันเถอะนะคะ” ฉันสะบัดหน้าออกทำให้ปลายจมูกของเขาฝังไปที่แก้ม

            “ก็ได้ครับ...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะ” ฉันมองหน้าเขาที่ยอมเลิกโดยง่าย แต่ไม่ทันไรฉันก็ต้องหลับตาลงรับจุมพิตของเขาที่ประทับตรงหน้าผาก

            “คืนนี้ผมอาจจะไม่กลับเข้ามา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไม” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

            “คะ ฉันไม่เป็นอะไร” ถึงแม้ว่าปากจะตอบออกไปอย่างนั้น แต่ลึกๆแล้วฉันกลับไม่อยากให้เขาห่างฉันไปไหน

            “แล้วผมจะรีบกลับมานะครับ”

และพอเขาออกไปฉันก็ลืมตามองความมืดมิดในห้องโดยความกลัวที่ยังไม่จางหาย เหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นนั้นมันมากมายจนฉันรับไม่ไหว แต่เพราะมีเขาที่ค่อยแบ่งเบาภาระนั้นไปจากตัวฉัน          คราวแรกฉันอาจจะไม่ชอบเขาเพราะเขาดูเป็นคนไม่มีเหตุผล ใช่แต่อารมณ์ แต่มาตอนนี้ฉันไม่อาจยอมรับได้ว่าหัวใจของฉันไปอยู่ที่เขาแล้ว

 

 

 

            และเมื่อคาร์ลส่งไขไข่เข้านอนเขาก็ต้องออกมาจัดการเสี้ยนหนามของเขาให้หมด เขาพยายามที่จะไม่สนใจแต่ได้ว่าเสี้ยน ถ้าไม่กำจัดมันออกไปก็มีแต่จะสร้างความรำคาญไม่หมดไม่สิ้น คราวนี้เขาจะจัดการให้มันหมดไป แล้วเสี้ยนชิ้นแรก

            “พวกนายจัดการเรียบร้อยหรือยัง” คาร์ลเดินเข้ามาในห้องที่ปิดมิดชิดพร้อมกับมองหน้าผู้ต้องหาตรงหน้า

            “เธอไม่ยอมพูดอะไรเลยครับ” ผู้ควบคุมพูดอย่างมีแววกังวล

            “พวกนายออกไปก่อน” คาร์ลสั่ง

            “ครับ” และผู้ควบคุมก็พากันออกไปจากห้อง

            “สบายดีไม” คาร์ลเอ่ยถามเสียงเรียบแล้วมองไปที่ผู้ต้องหา

            “สบายดี นายทำให้ฉันไม่อยากออกไปจากที่นี้เลยละ”

คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือผู้หญิงที่ทุกคนมองว่าเป็นเธอเป็นผู้หญิงใสซื่อบริสุทธิ์และเรียบร้อยแต่แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ต่างจากโรคจิตเลือดเย็น

            “ดีใจจังที่ว่าที่คู่หมั้นของฉันตอบแบบนี้” คาร์ลยิ้มเย็นๆแล้วเดินเข้าไปหา

            “นายอยากทำอะไรก็รีบๆทำ” เสียงแหลมๆนั้นดังออกมาได้น่าเกลียดมากตั้งแต่เขาได้ฟังมา

            “ฉันจะไม่ทำอะไรเธอเพราะเห็นแกพ่อแม่ของเธอที่ทำธุรกิจด้วยกันมา”

            “ไม่ต้องหรอก เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ฉัน”

            “งั้นก็ดี...ฉันจะได้ไม่ต้องลำบากใจ”

            “อย่ามาพูดมาก คนอย่างนายไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก”

            “เธอกล้ามากที่พูดออกมาแบบนี้”

            “คาร์ล ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้”

            “เธอต่างหาก ที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”

            “ฉันก็แค่จะทวงของๆฉันคืน มันผิดตรงไหน”

            “ฉันไม่ใช่ของเธอ”

            “นายเป็นของฉันตั้งแต่เกิดแล้ว คาร์ล”

            “ฉัน ไม่ ได้เป็นของเธอ” คาร์ลพูดออกมาช้าๆชัดๆ

            “นายหนีความจริงไม่ได้หรอก”

            “เลิกพูดแล้วสารภาพมาว่าเธอเป็นคนก่อเหตุทั้งหมด”

            “สารภาพอะไรละ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

            “นี้เธอ! ยังจะกล้าพูดอีกหรอว่าไม่ได้เป็นคนทำ”

            “ใช่ ฉันไม่ได้ทำ”

            “เธอมันเลือดเย็นแล้วป่าเถื่อนที่สุด” คาร์ลบีบแก้มของเธอแล้วมองเข้าไปที่ดวงตาเพื่อที่จะมองเข้าไปให้ลึกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

            “คุณต่างหากที่เลือดเย็น คาร์ล...คุณใช้ฉันเป็นเครื่องมือลืมนังนั้น เพี้ย!!!” มือหน้าสะบัดปะทะแก้มเนียนนุ่มนั้นอย่างแรงทำให้หน้าของเธอหันไปอีกทาง

            “คุณกล้าตบฉัน” เธอหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา เลือดที่มุมปากบอกได้ว่าเขาไม่ได้ยั้งมือ

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            “นายครับ เกิดเรื่องแล้วครับ” ลูกน้องของคาร์ลรีบวิ่งเข้ามารายงานทันที

            “เกิดอะไร”

            “คุณไขไข่...” เพียงลูกน้องเอ่ยชื่อคนรักเขาก็ถึงกับต้องหันกลับไปมองผู้หญิงที่หน้ารังเกลียดตรงหน้า

            “เธอ...” เขาไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรออกมาต่อว่าเธอดี

            “นายควรรีบไปตามหาคนรักนะ ส่วนฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

 

            อีกด้านหนึ่งไขไข่ไม่ได้ถูกลักพาตัวอย่างที่ลูกน้องของคาร์ลว่า แต่มันเป็นกับดักที่จะทำให้เธอหายสาบสูบไปจากโลกนี้ตามคำสั่งของเจ๊ใหญ่ โดยเอาคาร์ลเป็นตัวล้อ

            “คาร์ลอยู่ที่ไหน” ไขไข่สิ่งกระหืดกระหอบมาตามที่นัดหมายซึ่งมันเป็นโกดังร้างที่ไม่น่าจะมีใครใช่มันเป็นเวลานาน

            “มาถึงก็ถามหาคนรักเลยนะ ไม่คิดจะทักทายกันก่อนหรอ” ผู้ชายห้าคนเดินล้อมตัวฉัน

            “พวกนาย” พวกที่จับฉันไว้ที่โรงพยาบาลบ้านิ

            “ใช่ ไอ้หมอนั้นทำฉันแสบมาก ฉันเลยอยากจะแก้แค้น” คิ๊กเดินเข้ามาจับปลายคางฉัน “เธอก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ เพี้ย!!!” ก่อนที่คิ๊กจะเข้ามาจูบฉัน ฉันก็ฝาดฝ่ามือไปที่หน้าเขา

            “พวกเองยืนบื้อให้มันตบฉันทำไมว่ะ” คิ๊กเงยหน้ามาตะวาดเพื่อนของเขา

            “เอ่อ...ลืมเลย” แล้วริวกับแมคก็เดินเข้ามาจับแขนฉันคนละข้าง

            “ทีนี้เธอก็หนีฉันไม่ได้แล้ว” คิ๊กย่างสามขุมเข้ามา แต่ยังไม่ทันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันก็เตะผ่าหมากเขาเข้าไปเต็มรัก

            “ยัยบ้าเอ้ย!! เตะเข้ามาได้” คิ๊กลงไปนอนกุมน้องรักอย่างน่าสมเพช

            “เฮ้ย! ไอ้คิ๊กเป็นไงบ้างว่ะ” ริวและแมคปล่อยมือฉันแล้ววิ่งเข้าไปหาคิ๊กที่ยังนอนร้องโอดครวญ

            “ใครใช้ให้นายมานี้ ไปจับตัวมัน”

            “อย่านะ ถ้านายกล้าแตะตัวฉัน ฉันจะทำให้นายเป็นหมันนะ” ฉันขู่พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับ นั้นทำให้ริวกับแมคถึงกับชะงักทันที

            “ไอ้โง่ แกมีอยู่สองคนแล้วนั้นก็ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียว”

            “เอ่อนั้นสิ”

            “นายเข้ามาฉันจัดไม่เลี้ยงแน่” ฉันลองขู่ไปอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผลทำให้ฉันต้องออกวิ่ง แต่วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ถูกจับ

            “ปล่อยนะเว้ย” ฉันทั้งร้องทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดการจับกุม

            “อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว” เสียงเรียบๆเป็นเอลักษณ์ทำหั้นหยุดร้องและหยุดดิ้น

            “เจีย นายจะช่วยฉันใช่ไม”

            “เปล่า” ว่าแล้วเขาก็ลากฉันไปนั่งเกาอี้แล้วเอาเชือกมัด “อยู่เฉยๆแล้วเธอจะไม่เจ็บตัว”

            เจียพูดพรางสบตาฉัน จนฉันไม่กล้าที่จะขยับตัว

            “แล้วคาร์ลละ” ฉันถามเสียงเบาแล้วมองเขาอย่างมีความหวังว่าคาร์ลจะไม่เป็นอะไร

            “เขาไม่ได้อยู่ที่นี้” และนั้นคือคำตอบของเขา

            “หมายความว่ายังไง”

            “พวกนายคุยอะไรกัน” ก่อนที่ฉันจะได้รับคำตอบเสียงของคิ๊กก็ขัดขังหวะ

            “ยอมหยุดสักทีนะ” คิ๊กที่ตอนนี้หายจากอาการเจ็บปวดแล้วก็เดินเข้ามาง้างมือตบหน้าฉัน

เพี้ย!!!

“ข้อหาที่เธอทำให้ฉันเกือบเสียน้องชายไป และนี้...” คิ๊กเตรียมจะตบฉันอีกฉาดแต่ก็ถูกเจียที่ยืนอยู่ใกล้ๆขวางไว้ก่อน

“เดี๋ยวเธอจะตายก่อนที่เจ๊ใหญ่จะมา” เจียพูดแค่นั้นคิ๊กก็สะบัดมือออกแล้วมองหน้าฉันอย่างเจ็บใจ ฉันต่างหากที่ต้องเจ็บใจที่ต้องมาถูกตบฟรีแบบนี้ เกิดมาเป็นฉันนี้ลำบากแท้

“แล้วเจ๊ใหญ่มายัง” ริวถามพรางเช็ดกระบอกปืนอยู่

“นั้นนายเอาอะไรมานะ” เจียถามเมื่อหันไปเห็น ริวกับแมคทำท่าเล็งปืนมาทางฉัน

“ครั้งนี้ต้องมีคนชดใช้เว้ย” แมคเป็นคนตอบแล้วทำเสียงกระสุนออกจากปากกระบอกปืน “พิ้ว”

“อย่าให้เจ๊ใหญ่เห็นนะเว้ย ไม่งั้นเราจะซวยไปทั้งหมด” คิ๊กเตือนเพื่อนของเขาแล้วหันไปดื่มเบียร์

“เอ่อรู้แล้วๆ” ริวกับแมคตอบรับแล้วก็เก็บปืนไว้ที่ข้างเอว

“ฉันจะไปดูต้นทาง” เจียพูดเสร็จก็เดินไปทางหน้าประตูโกดัง

            “เจีย นายอยู่นี้ไม่ได้หรอ” เจียเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูกับฉันแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายฉันเลย

            “ไม่” แต่ครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะเขาไม่แม้แต่มองตาฉันเลย

            “หึ ไม่มีไอ้เจียอยู่ เธอกลัวหรอ” คิ๊กที่ดื่มเบียร์หันมาพูดกับฉัน

            “ฉันไม่ได้กลัว”

            “หรอ จะว่าไปมือฉันก็ไม่ได้หนักจนทำให้หน้าเธอบวมขนาดนี้” คิ๊กมองหน้าที่บวมด้วยการตบ

            “ไม่ต้องยุ่ง” หากเขารู้ว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไรเขาคงหัวเราะเยาะฉันแน่ๆยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เรื่องของอาเฉินผ่านไปไม่กี่วันฉันก็ต้องมาถูกมัดแบบนี้อีก

            “ฉันได้ข่าวว่าเธอถูกรอบทำร้าย”

            “เจ้านายสั่งไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นถาม”

            “จะบ้าหรือไง ฉันไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้นหรอก” คิ๊กพูดเสร็จก็บีบกระป๋องเบียร์แล้วขว้างไปข้างหน้า

            “ไม่ใช่พวกนายแล้วใครทำละ เรื่องเลวๆแบบนี้ก็มีแต่พวกนายนั้นแหละ” ฉันต่อปากต่อคำกลับ แต่พอมาคิดอีกที ก็ไม่ใช่แค่พวกนี้ที่จับตัวฉันไป ยังมีอาเฉินอีก แต่อาเฉินก็ไม่น่าจะทำอะไรได้เหี้ยมโหดแบบนั้น อ่ะ! ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่เหี้ยมโหดและเลือดเย็นที่สุด เรื่องของสองสาวฝาแฝดนั้นเป็นหลักฐานได้

            “เธอคิดอะไรอยู่นะ แต่ถ้าคิดเรื่องจะหนีนั้นอย่าหวังไปเลยเพราะครั้งนี้ฉันจะไม่ให้เธอหนีไปได้หรอก” คิ๊กเปิดฝาเบียร์แล้วซดเข้าไปอึกใหญ่ “เอาไม” เขาชูกระป๋องเบียร์มาทางฉัน

            “ไม่”ฉันมองเขาแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจ ทำไมฉันถึงได้โง่ถูกหลอกแบบนี้นะ

            “ไม่ได้เศร้าไปหรอก ยังไงเธอก็ต้องตาย”

            “พวกนายแค้นอะไรฉันหนักหนา ถึงได้ต้องจับตัวฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย”

            “ก็เธอแย่งคนรักไปจากฉันยังไงละ” เสียงหวานดังลั่นทางหน้าประตู

            “คุณเพ้ย!” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่เคยรู้จักก็ถึงกับอึ้ง

            “ใช่ ยังจำฉันได้อยู่หรอ” เธอเดินเข้ามาใกล้มองด้วยสายตาเหยียดหยาม

            “คุณจับฉันมาทำไมคะ”

            “ยังกล้าถามอีกหรอ!!!” เธอตวาดใส่หน้าฉันแล้วหันไปทางลูกน้อง

            “ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้” เธอสั่งลูกน้องที่เดินเข้ามาล้อมตัวฉันแล้วเธอก็เดินออกจากนอกวงมองสิ่ง

            “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครรู้หรอคะ” ฉันตะโกนถามเธอ

            “ที่นี้เป็นที่ของฉัน เธอหายไปก็มีแค่คาร์ลที่จะตามหา แต่ในเมื่อเธอหายไปจากโลกนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้ละ”

            “คุณมันเลือดเย็น”

            “ตอนนี้เธออยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” เจ๊ใหญ่แตะมุมปากที่มีรอยแผล

            “คุณไม่ได้คุณคาร์ลจริงๆเสียหน่อย คุณแค่ต้องการเอาชนะเขา”

ไขไข่ยังคงไม่หยุดพูด และเธอก็พยายามหลบมือหนาทั้งหลายที่พยายามจะเธอเสื้อเธอ และการที่เธอถูกเชือกมัดอยู่ทำให้เธอปัดป้องได้ไม่เท่าไร

            “โอ๊ย! ยัยบ้ากัดมาได้ยังไง” เสียงผู้ชายที่ถูกฉันกัดร้องขึ้น

            “หยุดก่อน” เสียงเจ๊ใหญ่สั่งให้หยุด

            “ทำไมละเจ๊” คิ๊กหันไปถามด้วยความสงสัย

            “พวกนายออกไปให้หมด ฉันมีเรื่องที่จะพูดกับเธอ”

            “แต่เจ๊...”

            “ฉันบอกให้ไปก็ไปสิ”

และเมื่อพวกนั้นเดินไปจากคุณเพ้ยก็เดินเข้ามาพร้อมกับบีบแก้มของฉัน อ๋อย คุณเพ้ยอย่าบีบแก้มฉันแรงสิคะ ฉันเจ็บ

            “เธอคือคนที่คาร์ลรัก”

            “แต่ฉันคือคนที่รักคาร์ล”

ไม่รู้ว่าเธอต้องการสื่ออะไร เธอดูเหมือนจะเหม่อลอยไปไกล เพราะสายตาของเธอไม่ได้มองมาที่หน้าฉัน เธอมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ฉันต้องเงยหน้าตาม

            “นั้นมัน...”

            “ชู่วๆๆ ฉันกำลังช่วยเธอ” วิญญาณฝาแฝด นี้พวกเธอยังไม่ไปผุดไปเกิดอีกหรอเนี่ย

            “ฉันรักคาร์ล...” เสียงเหม่อๆของคุณเพ้ยเรียกสติให้ฉันไปมองเธอ

            “แต่คุณคาร์ลรักเธอ” คุณเพ้ยหันมามองฉันแล้วยิ้ม ก่อนที่จะปล่อยมือออกจากแก้ม

            “คุณเพ้ย” ถึงแม้ว่าเธอจะถูกควบคุมด้วยฝาแฝดแต่นัยน์ตาของเธอนั้นแสนจะเศร้า

            “ฉันรักคาร์ล...” มือของฉันสัมผัสโดนถึงความเปียกและเมื่อหันไปมองก็เจอน้ำตาที่กำลังไหลอย่างห้ามไม่อยู่จากดวงตาคู่งาม

            “คุณเพ้ย...” ฉันถึงกับครางชื่อเธอออกมาด้วยความเศร้า ถึงแม้ว่าเธอจะยิ้ม จะทำตัวร้ายกาจ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ เพียงแค่เธอต้องการทำตามหัวใจเรียกร้องเท่านั้นเอง

            “หนีไปเร็ว ก่อนที่พวกฉันจะควบคุมเธอไม่ได้” ฉันจะเข้าไปกอดปลอดคุณเพ้ยแต่ก็ถูกสองแฝดขัดเสียก่อน

            “ขอโทษนะคะ” ฉันเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเศร้าแล้วรีบวิ่งไปทางประตู

            “ยัยบ๋อง ทางนั้นมันมีพวกยัยนี้อยู่นะ” และก่อนที่ฉันจะวิ่งไปถึงประตูฝาแฝดก็ทักฉันอีก

            “อ่อ! ขอบใจนะ” แล้วฉันก็วิ่งไปทางเดิมที่คุณเพ้ยกำลังมองฉันอยู่ แต่ตอนนี้นัยน์ตาของเธอแข็งกร้าวขึ้น แล้วฉันจะไปทางไหนละ ในเมื่อที่นี้มีเพียงประตูหน้าเพียงประตูเดียว

            “เจ๊ใหญ่ มีรถมา...” ลูกน้องที่ฉันไม่เคยเห็นหน้าวิ่งเข้ามารายงานแต่ก็ต้องชะงัดเมื่อเห็นฉันยืนเหลอๆหลาอยู่กลางโกดัง

            “ชู่วๆๆๆ” เมื่อฉันเห็นเขาทำท่าจะตะโกนเรียกพรรคพวกแต่ฉันก็ได้ส่งเสียงให้เขาเบาๆ และเขาก็ทำตามแต่สักพักเขาก็ตะโกนลั่นโกดัง

            “ลวกเพ่ ตัวประกันหนีไป!!!”

           

            “ไอ้บ้านั้นมันเอ๊ะอะเดี๋ยวก็โดนเจ๊ใหญ่ด่าหรอก” เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเรื่อยๆ และนั้นทำให้ฉันต้องรีบหาที่ซ่อนตัว คือไอ้บ้าที่มันตะโกนเอาแต่ยืนชี้หน้าฉันแล้วไม่ยอมมาจับ ทำให้ฉันมีโอกาสวิ่งหาที่หลบ แต่ก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นโกดังร้างที่ไม่มีอะไรเลย ทำให้ไอ้พวกที่เดินกันเข้ามาร้องลั่น

            “เฮ้ย ยัยตัวแสบจะหนีไปไหนนะ” คิ๊กเห็นแล้วก็วิ่งไล่จับฉัน และตอนนี้ก็เหมือนกับว่าเรากำลังเล่นวิ่งไล่จับ พอฉันวิ่งไปเจอผู้ชายคนแรกฉันก็หลบไปข้างหลัง พอคิ๊กวิ่งเข้ามาจะคว้าตัวฉันก็ดันถูกฉันผลักคนที่ฉันหลบ เป็นแบบนี้นายนอยู่พอสมควร ทำให้ลูกน้องของคุณเพ้ย นอนเกือกกลิ้งอยู่ตรงพื้น

            “โฮกก...ยัยบ้า...โอ้ยเหนื่อย...หยุดนะ...” คิ๊กลงไปนั่งแหมะกับพื้นแล้วชี้นิ้วมาทางฉันที่ก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกนั้น

            “นาย...ก็...ปล่อยฉันสิ” เฮ้ย! กว่าจะพูดจบหนึ่งประโยคก็เล่นเอาหายใจแถบไม่ทัน

            “ปล่อยให้โง่นะสิ เล่นกันพอหรือยัง!” เสียงของคุณเพ้ยดังขึ้นทำให้พวกเราหันไปมองเธอ และพอเห็นเธอก็ถึงกับตาโตเมื่อ ผมที่ตรงเรียบนั้นฟูอย่างไม่เป็นทรง พร้อมกับมือที่ถือปืนเล็งมาที่ฉันอย่างสั่นๆ “เมื่อกี้เธอทำอะไรกับฉัน” เสียงที่ถามนั้นเต็มไปด้วยความกลัวที่ต่างจากตอนแรก มือของเธอที่สั่นอยู่แล้วก็สั่นหนังเข้าไปอีกอย่างยากที่จะควบคุม “ตอบฉันมา!!!” เสียงตวาดนั้นเล่นเอาให้ฉันที่นั่งมองถึงกับสะดุ้ง

            “ฉันไม่...ได้ทำอะไร ปัง!” พอฉันตอบเสร็จ แสงประกายไฟจากกระบอกปืนก็วูบขึ้นและเพียงไม่นานเสียงคล้ายกัมปะนาก็ดังขึ้น โชคดีที่กระสุนนั้นห่างจากฉันไปหลายเมตร ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

            “เธออย่างมาตุกติกกับฉัน” คุณเพ้ยก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

“ฉัน...รักคาร์ล...ไม่...ฉัน...จะฆ่าแก” คุณเพ้ยมีท่าทางแปลกๆ เดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็ทำหน้าแค้นใส่ฉัน

“ไอ้เจีย ทำอะไรสักอย่างสิว่ะ” คิ๊กที่ขยับไปหาเจียที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่เฉยๆก็ได้แต่ขอร้อง

“ยังไม่ถึงเวลา” เจียตอบเรียบๆแล้วมองคุณเพ้ยที่ยังเดินเข้ามาหาฉัน

“พวกแกทำให้ฉันผิดหวัง” คุณเพ้ยหันไปชี้กระบอกปืนใส่พวกลูกน้องตัวเอง

ปัง!!!

กระสุนนัดที่สองดังลั่นและครั้งนี้เธอเล็งไม่พลาด มันไปโดนขาของไอ้คนที่ร้องตะโกนว่าฉันหนี และตามาด้วยเสียงครวญครางของมันที่ร้องอย่างเจ็บปวด

“เธอจะเป็นรายต่อไป” คุณเพ้ยหันปืนมาเล็งใส่ฉันอีกครั้ง

“คุณเพ้ย ใจเย็นๆนะคะ” ฉันพยายามตะล้อมเธอให้เธอใจเย็นลง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฉันพูดเธอก็ยิ่งคลั่ง

“หุบปาก ปัง!!” และครั้งนี้เธอก็ไม่พลาดอีกเหมือนกัน กระสุนนั้นโดนที่ขาด้านซ้ายของฉัน เลือดของมันทะลักออกมาเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุออกมา

“เจ๊!!!” เสียงลูกน้องตะโกนร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เป็นยังไงบ้าง โดนแค่นี้มันไม่เจ็บหรอกนะ ปัง!!”

“เจ๊ใหญ่!!!” เสียงที่ดังขึ้นกว่าครั้งแรกและไม่รู้สึกถึงความเจ็บมากกว่าเดิมทำให้ฉันที่หลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมา และภาพแรกที่เห็นก็คือคุณเพ้ยนอนมองหน้าฉันและพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง

“จับพวกมันไปให้หมด” เสียงคำสั่งดังออกมาจากปากเดลล์ที่มีคาร์ลอยู่ข้างๆ

“ไขไข่” คาร์ลวิ่งเข้ามาหาฉันแล้วมองสำรวจฉันทั้งตัว และเมื่อเขาเจอแผลที่ขาของฉันเขาก็มองหน้าฉันอย่างรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่ช่วยคุณไม่ทัน” คาร์ลกอดฉันแน่น และสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นคุณเพ้ยที่มือของเธอกำลังเล็งปืนมาทางฉัน

“คุณคาร์ล ปัง!” เสียงปืนกลบเสียงของฉันไว้หมดและสติของฉันก็ดับวูบ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา