Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร

6.6

เขียนโดย Xian_xi

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.

  13 ตอน
  20 วิจารณ์
  18.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) สหายต่างภพ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
             แนวไม้ใหญ่  พุ่มไม้  และหญ้าขจีทอดตัวตามทางลาดของเนินและทิวเขา  สีเขียวๆชอุ่มของผืนป่า
ตัดกับท้องฟ้าใสเบื้องบน   สายน้ำเย็นฉ่ำไหลรินพาความอุดมสมบูรณ์ไปทุกอณูแห่งผืนป่าอันร่มรื่น  หญ้าต้องลม
พลิ้วราวคลื่นสีมรกต  ดอกไม้ป่าสีสันสดใสเบ่งบานละลานตาทั่วทุ่งกว้าง  ที่จุดหนึ่งของเนินเขาปรากฏร่างหนึ่ง
วิ่งมาไวๆ  วิ่งไปดูตรงโน้นทีตรงนี้ที  ท่าทางตื่นเต้นแกมเบิกบานใจ
                            
                               “  โลกมนุษย์สวยจังเลยยยย!  ”  เขาวิ่งไปทั่ว  “  สวยอย่างที่แม่ทัพใหญ่บอกไว้
จริงๆ  ”
            
           เสียแต่มีสัตว์ประหลาด  หน้าตารูปร่างคล้ายสัตว์ในอุทยานสวรรค์ก็จริง  แต่ไม่เหมือนกัน  ดูประหลาด
กว่า  หลากหลายกว่า  บางตัวก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ  บางตัวก็ตัวยาวๆผิวเป็นเลื่อมหัวเล็กๆแต่เขมือบสัตว์ที่ใหญ่
กว่าตัวเองหายไปกับตาได้  บางตัวก็อันธพาลเหลือเกิน  กัดกวางตัวเบ้อเริ่มจนแน่นิ่งไปไม่พอ  ยังหันมา    
แยกเขี้ยวขู่จะงับคอเขาด้วยอีกผู้หนึ่ง  ดีที่วิ่งหนีทัน
             
          ร่างโปร่งแหงนหน้าขึ้น   เห็นฝูงนกบินผ่านไป  นึกสนุกกลับร่างเป็นมังกรทะยานขึ้นฟ้า แกล้งกวดตาม
ฝูงนกไปติดๆให้ตกใจเล่น
 
             
           ร่างโปร่งเดินหัวเราะมาตลอดทางเมื่อนึกถึงตอนที่นกฝูงแตกบินหลงทิศกันหมด  เขาเดินไปเรื่อยตาม
ความลาดของเนินเขา  จำได้ว่าเซิ่งตู่บอกว่าบนโลกมนุษย์มีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง  แต่ตั้งแต่มานี่เห็นแต่ป่า
กับเขา  ที่เหลือไปไหนหมด  ไม่เห็นแม้มนุษย์สักคน  เขาตัดสินใจเหาะขึ้นฟ้า  สำรวจสถานที่ข้างเคียงและ 
ไกลออกไป   แล้วเขาก็ยิ้มออก  เห็นแล้ว  กลุ่มสิ่งก่อสร้างเล็กๆขนาบเคียงกันไป  มันอยู่ด้านล่างเชิงเขานี่เอง 
บางทีมันอาจเป็นที่อาศัยของมนุษย์ที่เขากำลังตามหาก็ได้   เขารีบออกวิ่ง  มุ่งไปที่นั่น  ภาพหลังคามุงหญ้าแห้ง
เริ่มปรากฏชัดแก่สายตา  กระทั่งเขาลงมาถึงเชิงเขา
                            
                          “  นี่น่ะหรือวิมานของพวกมนุษย์  ”  พูดแล้วก็รีบหุบปากเพราะไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่า  
ภาพเบื้องหน้าเขามันไม่น่าจะเรียกว่าวิมานได้เลย  ไม่สิ  ต้องเรียกว่าเทียบไม่ได้เลยมากกว่า   หลังคา      
หญ้าแห้งกระดำกระด่างเพราะผ่านแดดผ่านฝนมาแรมปีพอๆกับผนังสานผุๆพังๆ  ล้อมรอบด้วยรั้วไผ่เก่าๆ  ดูแล้ว
ไม่น่าจะอยู่ได้   หากมองเห็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆยังวางเป็นสัดส่วนและเห็นควันไฟลอยขึ้นจากด้านหลังบ้าน  
ชาบูหลั่นตาคาดไม่ถึงว่าที่อยู่โกโรโกโสเช่นนี้ยังมีคนอยู่  จึงอ้อมไปด้านหลังเพื่อดูหน้าเจ้าของบ้าน
            
           แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเจ้าของบ้านที่กำลังก่อไฟเป็นเด็ก  เด็กผู้หญิงเสียด้วย  แต่เขามอง
หน้านางไม่ถนัดนักเพราะใบหน้านั้นเปื้อนเขม่าควันเป็นปื้นใหญ่   นางละจากหน้าเตามามุมซักล้าง  หยิบกล่อง
ใบหนึ่งซึ่งบรรจุถั่วเม็ดเล็กๆอยู่เกือบเต็มแล้วตักน้ำราด    เขย่าๆ     เทพมังกรเห็นอัปกิริยาเช่นนั้นก็ยิ่งให้   
ประหลาดใจ  เดินเข้าไปถาม
                            
                            “   เจ้ากำลังทำอะไรอยู่  ”
             
             เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้น  สบตอบด้วยดวงตาวาววับ  แวบแรกที่เห็นเขาก็รู้สึกว่าดวงตากลมโตนั้นดู  
น่ารักไม่น้อย  ไร้เดียงสาแต่ก็สัมผัสถึงความเศร้าบางอย่างที่แฝงอยู่   ฝ่ายนางเห็นเสื้อผ้าที่ทำจากไหมมีราคา
และใบหน้าที่สะอาดสอ้านก็คาดว่าเขาเป็นขุนนางหรือเศรษฐีที่ไหนสักคนจึงค้อมหัวเชิงเคารพแล้วตอบ
                           
                            “  ข้าน้อยกำลังล้างถั่วเจ้าค่ะ  เดี๋ยวก็จะเอาไปต้ม  บ้านข้าน้อยยากจนนัก  ถั่วกล่องนี้
เป็นอาหารสุดท้ายที่บ้านข้าน้อยมี  ต้มแล้วจะเอาไปให้พ่อที่กำลังป่วยอยู่กิน  ”
              
           แล้วนางก็เงียบงัน  ก้มหน้าลงราวกับจะหมดอาลัยตายอยากในชีวิต   ชาบูหลั่นตารู้สึกสงสารเลยย่อตัว
ลงคุยด้วย
                            
                           “  พ่อเจ้าป่วยหนักไหม  ”  นางพยักหน้า  “  แล้วทำไมไม่พาไปรักษา  ”
                            
                           “  ข้าน้อยไม่มีเงินเจ้าค่ะ  จะพาพ่อไปรักษาก็ต้องจ่ายค่าหมอค่ายา  ชาวนาจนๆอย่างเรา
ไม่มีเงินขนาดนั้น  ”
             
           เทพมังกรยิ่งรู้สึกสงสาร  ทั้งยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กกตัญญู   ไม่ควรจะมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้   เขา
ยืดตัวขึ้น
                            
                         “  เจ้าไม่ต้องเอาถั่วพวกนี้ไปต้มแล้วล่ะ  ”
             
           เด็กน้อยจ้องตอบด้วยความประหลาดใจ   ชาบูหลั่นตายิ้มแล้วชี้ปลายไม้เท้าไปที่กล่องถั่ว   ทันใดนั้น
เม็ดถั่วก็กลายเป็นเหรียญทอง   นางตื่นตะลึง
                            
                       “  ถั่วในนี้มีกี่เม็ดจะกลายเป็นเหรียญทองจำนวนเท่านั้น  ทีนี้เจ้าก็มีเงินรักษาพ่อแล้ว  ทั้งยัง
เหลือพอให้ครอบครัวเจ้าใช้ชีวิตได้อย่างไม่ลำบากอีกด้วย  ”
            
          เขาลูบหัวนางอย่างเอ็นดู   พอหายตะลึงนางก็รีบลงไปหมอบกับพื้น  พร่ำขอบคุณด้วยความดีใจ
                            
                         “  อย่าทำแบบนั้น  ”  เขารีบพยุงนางขึ้นด้วยความตกใจ
                            
                         “  ขอบพระคุณจริงๆเจ้าค่ะนายท่าน  ”  ดวงตาหวานชื้นน้ำตา  แล้วมันก็พรั่งพรูออกมา 
เขายิ่งตกใจลาน
                            
                         “  ร้องไห้ทำไม   หยุด  หยุด  ”
                            
                         “  นายท่านเหมือนให้ชีวิตใหม่กับข้าน้อย   ข้าน้อยดีใจจนหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว     
พอเป็นอย่างนี้น้ำตาก็เลยไหลออกมา   ปล่อยข้าน้อยร้องเถอะเจ้าค่ะ  ”
                            
                         “  เอาเถอะ  เอาเถอะ   ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร  บอกข้าได้ไหม  ”
                            
                         “  ข้าน้อยชื่อฟู่เอ๋อเจ้าค่ะ  ”
                            
                         “  ฟู่เอ๋อ?  ชื่อเจ้าน่ารักดี   ข้าชื่อชาบูหลั่นตานะ  ”
                            
                         “  นายท่าน  ”
                            
                         “  เรียกชื่อข้าเถอะ  ”
                           
                         “  ท่านชาบูหลั่นตา  ”
                            
                         “  เรียกชาบูหลั่นตาเฉยๆก็พอ  ”
                            
                         “  นายท่านเป็นผู้มีพระคุณจะให้ข้าน้อยตีเสมอได้อย่างไร  ”
                            
                         “  ข้าเบื่อคำยกย่องแบบนี้แล้ว  ”  ชาบูหลั่นตาบอก  “  ข้าอยากเป็น...คนธรรมดาก็พอ  
เรียกข้าแบบคนธรรมดาเถอะ   ข้าขอร้อง  ”
            
            ฟู่เอ๋อดูลำบากใจและเกรงใจ  แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา
 
 
            
              ชาบูหลั่นตามีโอกาสหวนมาเยี่ยมสาวน้อยอีกครั้งหลังผ่านไปหลายวัน     มาครั้งนี้ได้เห็น         
ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง   ผนังผุพังของบ้านนี้ได้รับการซ่อมแซมแล้ว   รั้วไผ่เก่าก็สร้างใหม่และหลังคา  
ก็มุงใหม่ดูสะอาดตาขึ้นเยอะ   เขาลองถามเซิ่งตู่ว่าสิ่งก่อสร้างพวกนี้เรียกว่าอะไร  คำตอบคือบ้าน  แต่เป็นบ้าน
เล็กๆอย่างกระท่อมชาวนายากจน   จะว่าไปคำว่ายากจนหมายถึงอะไร  เขาเองก็ไม่แน่นักแต่ตีความจากคำพูด
ของฟู่เอ๋อได้ว่าคือไม่มีเงิน  เซิ่งตู่บอกเขาว่าจะลำบากมากแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักเพราะตั้งแต่เกิดมาก็  
ไม่เคยพบกับสภาวะเช่นนี้ 
            
            เขาชะเงื้อชะแง้ข้างรั้วมองหานางอยู่พักหนึ่ง
                          
                          “  นายท่าน  ”  เสียงแจ๋วร้องด้วยความยินดี   นางรีบออกมาหน้าประตู
                          
                          “  ฟู่เอ๋อนั่นชุดใหม่นี่  ”  นางดูชุดตัวเองแล้วยิ้มร่าเริง
                          
                         “  ข้าน้อยพาพ่อไปหาหมอแล้วตอนนี้อาการท่านดีขึ้นมาก  ทองที่ท่านให้มายังเหลือ   
อยู่มาก   ท่านพ่อบอกให้ข้าน้อยเปลี่ยนชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ไม่รู้จะเก่าอย่างไรแล้ว  ”  นางเล่า  “  ท่านพ่อยัง
บอกให้เก็บทองให้ดี  รอหายดีแล้วจะใช้ทองนั้นสร้างตัวได้  ขอบคุณมากเจ้าค่ะนายท่าน  ”
            
           ฟู่เอ๋อโค้งสุดหลัง  ชาบูหลั่นตาตกใจร้องห้าม  นางจึงกลับท่าเดิมแล้วยิ้มกว้าง
                         
                         “ ก็ดีแล้วล่ะ  ”  เขายิ้มสบายใจ
                         
                         “  อ้อ  นายท่าน  วันนี้มีงานโคมไฟที่หมู่บ้านด้านล่าง  นายท่านจะไปเที่ยวงานหรือเปล่า
เจ้าคะ  ”
                         
                         “  งานโคมไฟ?  ”  แวบแรกนึกฉงนแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่ามันอาจเป็นงาน
เทศกาลสนุกๆอย่างที่แม่ทัพใหญ่เคยพูดก็ได้  “  แล้วเจ้าจะไปหรือเปล่า  ”
                         
                         “  ข้าน้อยอยากไปเจ้าค่ะ  แต่คงไม่ได้ไปเพราะจะไม่มีใครดูแลท่านพ่อ  ถ้าจะไปคนเดียวท่านแม่คงไม่ยอมแน่  ”
                        
                         “  แล้วถ้าไปกับข้าล่ะ  ”
           
            นางเบิกตาขึ้น  จ้องเขาอย่างงวยงงและนึกว่าฟังผิดไป
                        
                          “  ข้าก็อยากไปเที่ยวงานเหมือนกัน  แต่ต้องไปคนเดียว  ถ้ามีเพื่อนสักคนไปด้วยกัน     
ก็คงดี  ไปกับข้านะ  ”
           
           พอได้ยินเขาชวนชัดๆเช่นนี้   เรียวปากชมพูอ่อนก็เผยรอยยิ้มด้วยความปิติ
                         
                        “  เจ้าค่ะ  ”  ดวงตากลมโตลุกประกายอย่างตื่นเต้น  “  ข้าน้อยขอไปขออนุญาตท่านแม่
ก่อน  ท่านแม่คะ...ท่านแม่...  ”
           
           นางรีบกลับเข้าบ้าน
 
           
           ร่างโปร่งยืนโดดเดี่ยวเหนือทุ่งกว้างบนเนินเขา   สองแขนกอดอกพลางเหลือบไปทางหมู่บ้านชาวนา
บ่อยๆ   ผืนฟ้าเบื้องบนอาบแสงม่วงและส้มเรืองรองที่ปลายฟ้า  ไม่นานสีน้ำเงินเข้มก็กลืนกินจนเหลือฟากฟ้า 
เวิ้งว้าง   ดาวดวงเล็กๆเริ่มจับจองพื้นที่ส่องแสงระยิบระยับไปทั่วฟ้า   เงาไม้ครึ้มลู่โอนเอนตามสายลมรัตติกาล
                          
                           “  นายท่าน  ”
            
           เด็กน้อยวิ่งขึ้นมาจากทางหมู่บ้าน   ชาบูหลั่นตาหมุนตัวมาแล้วยิ้มยินดี   นางอยู่ในชุดสีชมพูอ่อนดู  
น่ารักสมวัย   เกล้ามวยและปักปิ่นเล็กๆอันหนึ่ง  คาดว่าแม่นางคงแต่งให้
                          
                         “  ขอโทษเจ้าค่ะ  ข้าน้อยมาช้าไปหน่อย  ”  นางก้มหัวประหลกๆ
                          
                         “  เจ้าคงอยากดูแลพ่อก่อนออกมา  ไม่เป็นไรหรอก  ข้าเองก็กำลังดูอะไรเพลินๆอีกอย่าง
ก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน   ข้าว่างวันนี้เพื่อมาที่นี่และไปกับเจ้า  เราไปกันเถอะ  ”
                         
                         “  ด..เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ  ”  นางลนลานตบๆเสื้อตัวเองแล้วยิ้มโล่ง  ล้วงถุงเงินออกมา
จากอกเสื้อ  “  คิดว่าจะลืมซะแล้ว  แฮ่...ถ้าลืมเอาเงินไปเดี๋ยวต้องทำให้นายท่านเดือดร้อนอีกแน่เลย  ”
                         
                         “  ทองทั้งกล่องข้ายังให้เจ้าได้  จะประสาอะไรกับเงินเล็กๆน้อยซื้อขนมให้เด็กน้อย  
อย่างเจ้า  ”  เขาตอบยิ้มๆ
                          
                        “  สักครู่นะเจ้าคะ  ข้าไม่รู้ว่าลืมอะไรบ้างหรือเปล่า  ”
                          
                        “  ลืมสิ  เจ้าลืมสิ่งหนึ่ง  ความจริงก็ลืมมาตั้งแต่กลางวันแล้ว  ”  นางมองเขาอย่างฉงน  
“  เจ้าลืมที่ข้าขอร้องให้เจ้าเรียกชื่อข้าเฉยๆไม่ต้องเรียกนายท่าน  และคำว่าเจ้าค่ะนั่นก็ไม่ต้องเรียกด้วยเจ้าก็ลืม 
เรียกนายท่านเจ้าค่ะอย่างเต็มปากไม่มีนึกได้เลย  ”
                          
                        “  ข้าน้อยขอโทษเจ้าค่ะ  ”  นางรีบค้อมหัว  เงยหน้าก็เห็นเขาถลึงตาใส่    “  อ..อ้อ   
ไม่ใช่ ช..ชาบูหลั่นตา  โอ๊ยยย   ข้าน้อยเรียกเช่นนั้นไม่ได้จริงๆเจ้าค่ะ  ”
             
            ชาบูหลั่นตาคงถอนหายใจหากเขาเป็นมนุษย์  “  ข้าเบื่อคำยกย่องเต็มที   เรียกข้าอย่างเพื่อนได้ไหม
ไม่ว่าข้าเป็นใครฐานะอะไรไม่ต้องสนใจทั้งนั้น   ให้ข้าได้เป็นคนธรรมดาที่เป็นเพื่อนกับเจ้าได้ก็พอ  ให้ข้าเป็น
เพื่อนกับเจ้าได้ไหม  ”
                         
                            “  นายท่าน...  ”  เสียงนางแผ่วไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวที่ฉายออกมาทั้งทาง
สีหน้าและแววตาของเขา   แล้วเขาก็ยื่นมือมาข้างหน้านาง
                        
                             “  ไปเถอะ  ”
            
            นางมองหน้าเขาครู่หนึ่ง  แล้ววางมือบนมือนั้น   มือเล็กทาบทับมือหนาก่อนมือหนาจะเกาะกุมไว้มั่น  
นางบีบมือนั้นเบาๆคล้ายจะปลอบเขา  แล้วทั้งคู่ก็เคลื่อนกายลงจากเนินเขามุ่งไปที่หมู่บ้านด้านล่าง
 
 
                        
                          “  ท่านแม่เคยบอกว่างานโคมไฟเป็นส่วนหนึ่งของพิธีบูชามังกรฟ้า   ผู้ใหญ่บ้านจะทำพิธี
บวงสรวงเทพมังกรให้ท่านช่วยคุ้มครองคนในหมู่บ้านและบันดาลให้น้ำท่าบริบูรณ์  ฝนจะได้ตกตามฤดู  ชาวไร่
ชาวนาอย่างพวกเราจะได้ไม่ลำบาก  ”
            
             ชาบูหลั่นตาไม่รู้มาก่อนว่าเทพมังกรช่วยบันดาลฝนบันดาลความอุดมสมบูรณ์ได้   จะว่าไปก็นึกถึง
ตอนเสกทองให้ฟู่เอ๋อ   ตอนนั้นแค่คิดว่าอยากให้มันเป็นมันก็เป็นไปตามนั้น   บางทีคิดว่าอยากบันดาลฝนก็คง
ทำได้เช่นกัน   แต่ว่าเขาไม่เคยทำมาก่อนนี่    แล้วพิธีที่ว่ามีมานานหรือยังแล้วมันเคยสำเร็จบ้างหรือเปล่า        
ถ้าสำเร็จแล้วใคร?
                         
                             “  พิธีนี้ทำมานานหรือยัง  เคยสำเร็จบ้างหรือเปล่า  ”
                        
                             “  ค่ะ  พวกเราทำทุกปีแล้วก็สำเร็จอย่างที่ขอจริงๆ   ความจริงครอบครัวข้าก็พออยู่ได้
แต่พอพ่อป่วยทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงหมด  ”
                         
                            “  ที่เจ้าพูดมาหมายความว่ามีมังกรมานานแล้วหรือ  ”  เขาตื่นเต้น  “  แล้วพวกเขา  
อยู่ที่ไหนบ้างเจ้ารู้หรือเปล่า  ”
                         
                            “  ท่านแม่บอกข้าว่ามีคำร่ำลือว่ามีเทพมังกรจำนวนมาก  ท่านสถิตอยู่ตามแม่น้ำ  ห้วย 
บึง  ทะเลสาบ  ทุกที่ที่มีแหล่งน้ำ  แต่มังกรฟ้าเป็นมังกรชั้นสูง  เป็นหัวหน้ามังกรทั้งหลาย  สถิตบนสวรรค์และ
จะมีผู้เดียวเท่านั้น   พอเราบูชาท่านท่านก็จะออกคำสั่งให้เหล่ามังกรบริวารเติมเต็มน้ำที่พร่องไปด้วยสายฝน 
ท่านเชื่อไหมคะว่าฝนจะตกลงมาหลังจากจบพิธีไม่นาน  ”
            
            ชาบูหลั่นตาไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นแกมประหลาดใจอย่างนางเลย  กลับครุ่นคิดว่าถ้าหากคำร่ำลือนี้
เป็นความจริง   เขาก็จะออกตามหามังกรพวกนั้น   เป็นมังกรด้วยกันคงมีความเกรงอกเกรงใจน้อยลง   บางทีเขา
อาจได้เพื่อนที่รู้ใจก็ได้    แต่แล้วเขาก็นึกได้ถ้ามังกรฟ้าเป็นหัวหน้าเหล่ามังกร    พวกนั้นคงยำเกรงเขาแน่     
แล้วนั้นจะต่างอะไรกับตอนอยู่ข้างบน   สู้ปลอมเป็นมนุษย์ธรรมดาเป็นเพื่อนกับมนุษย์ธรรมดาอย่างฟู่เอ๋อดีกว่า  
แม้จะต้องปิดบังฐานะที่แท้จริงกับนางตลอดไปก็ตาม   แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงให้นางรู้ความจริงแล้วอาจหนีเขาไปด้วย
ความเกรงกลัว
                           
                           “  มังกรฟ้าที่หมู่บ้านเจ้านับถือคงรูปร่างใหญ่โตและมีกำลังมากพวกเจ้าไม่กลัวหรือ  ”
                           
                           “  ไม่มีใครกลัวท่านหรอกค่ะ  เพราะท่านมาก็นำแต่ความสุขความสมบูรณ์ให้  ”
                          
                           “  แล้วเจ้าล่ะกลัวไหม  ”  เขาถามหยั่งเชิง                                                 
                           
                          “  สำหรับข้านอกจากไม่กลัวแล้วยังนับถือท่านมากด้วย  เพราะท่านให้ชีวิตแก่ครอบครัว
ข้า  ให้เราไม่ต้องอดอยาก  อ๊ะ...เหมือนตอนที่นายท่านช่วยครอบครัวข้าน้อยไว้เลย  ”
                           
                          “  ฟู่เอ๋อ  ”  จู่ๆชาบูหลั่นตาก็กระตุกมือนางเสียอย่างนั้น  แต่แล้วคำพูดที่อยากเปิดเผย 
ก็จุกอยู่ที่คอเพราะลังเล  นางดูตกใจมาก   แล้วเขาก็พยายามสลัดความลังเลออกไป   จะเกิดอะไรขึ้นถ้า    
ภายหลังพวกเขาสนิทกันแล้วความจริงเกิดเผยออกมาโดยไม่ตั้งใจ  กลัวตัวเองจะต้องเสียใจมากยิ่งถ้าหากว่านาง
เป็นเพื่อนที่ดีของเขาได้จริงๆ   ถ้าอย่างนั้นก็บอกความจริงไปเลยดีกว่า  ถ้าไม่กลัวก็เป็นเรื่องดี  แต่ถ้ากลัวเขา 
ก็ทำใจ  แต่แอบหวังว่านางอาจไม่กลัวเพราะนางบอกเองนี่  “  ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า  จริงๆแล้วข้าน่ะ...  ”
                           
                          “  นายท่าน!  ”  นางร้องตะโกนขึ้นมา  หันไปทางหนึ่งที่ดูเหมือนคนจะรวมตัวพลุกพล่าน
ขึ้นเรื่อยๆ  “  จะทำพิธีกันแล้วค่ะ  รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน  ท่านไม่เคยมางานนี้ไม่ใช่หรือคะ  ”
            
            ชาบูหลั่นตาชะงักค้าง  ปล่อยให้นางลากตัวไป
                           
                           “  โคมไฟสวยจังเลย  ”  นางตื่นเต้นดูโคมไฟหลากสีที่แขวนตามหน้าบ้านหน้าร้าน 
เป็นแนวยาวตั้งแต่ปากตรอกยันทางเข้าพิธี   ชายหนุ่มเดินตามต้อยๆ  ไม่ค่อยสนใจบรรดาโคมไฟเท่าไร  มุ่งแต่
อยากจะดูพิธีเท่านั้น   ฟู่เอ๋อช่วยพาเขาแทรกไปอยู่ด้านหน้าแถว   รอบเขตพิธีตกแต่งด้วยโคมไฟสว่างไสว   
ไปทั่ว   แสงส้มเรืองรองแทบกลืนความงามของดาวกระจ่างบนฟ้า   สว่างราวกับกลางวัน  เห็นแม้กระทั่งลาย
บนใบไม้ที่โบกหวิว   กลางพิธีตั้งแท่นบูชาขนาดใหญ่  มีเครื่องสังเวยอย่างดอกไม้  เครื่องหอม  เทียน  อาหาร 
ขนมและสุรา   ครั้นแล้วผู้ใหญ่บ้านก็ปรากฏตัวพร้อมผู้ช่วย  พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์  เดินตาม  
กันมาถึงแท่นพิธี  ผู้ใหญ่บ้านจุดเทียน  โปรยเครื่องหอม  แล้วกล่าวคำบูชาด้วยเสียงอันดัง
                          
                         “  ข้าแต่เทพมังกรฟ้าผู้กุมชะตาหมู่บ้านผาจีและเป็นผู้ควบคุมฝน  บัดนี้  เราชาวหมู่บ้าน
ผาจีได้นำเครื่องเซ่นสังเวยมาถวายแด่ท่าน  อาทิ  อาหาร ขนม สุรา พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ  ดอกไม้    
เครื่องหอม  ขอเชิญท่านเทพมังกรโปรดมารับเครื่องเซ่นสังเวยนี้...”
                         
                         “  ฟู่เอ๋อ  โต๊ะบูชาเล็กๆที่อยู่รอบนอกนี่คืออะไร  ”  ชาบูหลั่นตากระซิบถาม
                         
                         “  เป็นโต๊ะสังเวยของมังกรบริวารค่ะ  ”
                         
                         “  หมายความว่าจะมีมังกรอื่นถูกเรียกมาที่นี่  ”  ชาบูหลั่นตามองหาด้วยความตื่นเต้น
                         
                        “  รวมถึงมังกรบริวารใหญ่ทั้งเจ็ดตนขอเชิญมารับเครื่องสังเวยบนโต๊ะบูชาที่ตั้งอยู่รอบนอก 
เมื่อทุกท่านมารับเครื่องสังเวยแล้วขอโปรดบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขและสายฝนที่ชุ่มฉ่ำหล่อเลี้ยงนาข้าว 
สวน  ไร่  ของชาวผาจีให้อุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเราต่อไปชั่วกาลนาน   และขอได้โปรด ปกป้อง
คุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัยจากสัตว์ร้าย  โรคภัยไข้เจ็บ  รอดพ้นจากภัยต่างๆ  ขอให้เรามีความสุขความเจริญ
ไปชั่วกาลนาน  ”
              
             จบคำกล่าวของผู้ใหญ่บ้านก็บังเกิดลมพายุพัดกระพือไปทั่ว   กิ่งไม้แกว่งพะเยิบพะยาบ  โคมไฟไหว
โอนเอน    ผู้ร่วมพิธีถึงกับยกแขนป้องลม    ลมนั้นแทบจะหอบเอาเครื่องสังเวยไปด้วย   ทันใดนั้นเบื้องฟ้า    
ก็ปรากฏสายฟ้าแลบแปลบปลาบ   แสงขาวทาบสรรพสิ่งเบื้องล่างวาบๆวับๆ
                                 
                            “   นายท่านดูนั่น  ”   ฟู่เอ๋อชี้ชวนแล้วชะงักค้าง   ร่างนายท่านของนางเริ่มเลือนจาง
แต่กลับมีแสงขาวเปล่งออกมาและสว่างขึ้นเรื่อยๆ   และดูเหมือนว่ามีนางเท่านั้นที่เห็นความผิดปกตินี้   เขา
เบือนหน้ามา  ใบหน้าคมนั้นผิดแผกไปจากเดิม   สุขุม  นิ่งราวกับรูปสลัก   แสงฟ้าวาบวับสร้างเงาบนใบหน้า
ครึ่งซีกนั้นให้ยิ่งดูสง่าเคร่งขรึม   ดวงตาหวานเบิกขึ้นอย่างตื่นตะลึง  จนลืมคำถามในหัวไปสิ้นว่าเขาเป็นอะไร 
กันแน่
                                
                             “  นี่ล่ะที่ข้าจะบอกเจ้า  ข้าเป็นมังกรฟ้า...  ”
               
           สายฟ้าแลบวาบหนึ่งแล้วผ่าเสียงอื้ออึงน่าเกรงขาม   เทพมังกรหันไปทางพิธี   ร่างโปร่งแสงของมังกร
บริวารใหญ่ทั้งเจ็ดชูร่างทักทายหัวหน้าหลังฉากพิธี    ไม่มีใครเห็นพวกเขานอกจากเทพมังกรกับฟู่เอ๋อ    ฝ่าย  
หัวหน้ายื่นแขนไปจนสุด  ตั้งสติมั่น   พลังจิตสื่อถึงเหล่ามังกรก้มหัวแล้วหายวับไป
                                
                          “  เป็นอะไรไปเจ้าหนู  ”  ชายคนหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ     ฟู่เอ๋อตะลึงจนตัวสั่น  
เหงื่อแตกเต็มใบหน้า    ชาบูหลั่นตามองเด็กน้อยอีกครั้งแล้วเดินทะลุผ่านทุกคนไปที่แท่นบูชาเพื่อรับ       
เครื่องสังเวย   ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา  ผู้เฝ้ารอต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ   เว้นแต่ฟู่เอ๋อที่ตัวแข็งกับที่ 
แม้หยาดฝนจะหล่นต้องกายจนเปียกปอนไปทั้งร่างก็ตาม
 
              
           มือน้อยเกร็งไม่กล้าขยับ  ปล่อยให้มือใหญ่จูงนางไปตามใจเขา   ดวงตากลมโตลอบมองแต่พอดวงตา
คมกลอกมาก็รีบหลบ
                            
                        “  เจ้ารู้สึกอึดอัดใจใช่ไหม  ”  เทพมังกรหยุดเดิน  หันมาจ้องนางด้วยสีหน้าเครียดไม่น้อย 
“  รู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือว่ากลัวข้าที่เป็นมังกร  ”
             
            เด็กน้อยรีบชักมือตนกลับมาทำให้เขาเข้าใจผิดว่านางเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
                            
                         “  ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ  ”  นางปฏิเสธ  “  แต่ข้าน้อยนึกไม่ถึงว่านายท่านที่ช่วยเหลือ 
ครอบครัวข้าน้อยจะเป็นเทพมังกรฟ้าที่พวกเรานับถือ  ”
                             
                         “  เช่นนั้นเจ้าคงไม่กลัวข้าใช่ไหม  ”
                             
                         “  เจ้าค่ะ  ”  นางตอบแล้วยิ้มสดใส  ชาบูหลั่นตาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
                             
                         “  เช่นนั้นให้ข้าเป็นเพื่อนเจ้าได้หรือไม่  ”
                             
                         “  นายท่านเป็นเทพมังกรฟ้าผู้สูงส่งไหนเลยลูกชาวนาอย่างข้าจะเป็นเพื่อนด้วยได้  ”
                            
                         “  ทุกคนก็พูดเหมือนเจ้า   ข้าเลยไม่มีเพื่อนต้องอยู่เดียวดายแบบนี้  ”  ชาบูหลั่นตาบอก 
“  เจ้าเป็นคนแรกที่ไม่กลัวข้า  ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้า  ให้ข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าเถอะนะ  ไม่ต้องนึกถึงว่าข้า 
เป็นใครมาจากไหน  ขอให้คิดว่าข้าเป็นคนธรรมดาที่เป็นเพื่อนกับเจ้าได้ก็พอ  ”
                             
                          “  ค่ะนายท่าน  ”  นางยิ้มรับ  “  แต่ขอให้ข้าเรียกท่านว่านายท่านเหมือนเดิมนะคะ    
ให้เรียกชื่อตรงๆข้ารู้สึกขัดๆพูดไม่ออกอย่างไรไม่รู้  ”
                             
                          “  ได้สิเด็กน้อย  ”  เขาก้มจับหัวนางอย่างเอ็นดู  “  แต่อีกสิ่งที่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้    
ร่างที่เจ้าเห็นอยู่นี่มันคือร่างแปลง  มันคือการหลอกลวง  แต่รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของข้าน่าเกลียดน่ากลัว   
ยิ่งนัก   เจ้าอาจจะรังเกียจแล้วก็วิ่งหนีข้าไปเหมือนคนอื่น  ”
                             
                          “  สำหรับข้าจะคบใครดูที่ใจ   หาใช่รูปร่างหน้าตาภายนอก   นายท่านเป็นผู้มีจิตใจดี 
ต่อให้ร่างแท้จริงของท่านเป็นเช่นไรข้าก็ไม่รังเกียจ  ”
             
            เทพมังกรยิ้มกว้าง   ดวงตาคมเป็นประกายด้วยความยินดี
                             
                          “  นายท่าน  ”  นางยิ้มน่ารัก  “  ข้าไม่เคยเห็นท่านยิ้มสดใสอย่างนี้มาก่อน  ”
                             
                          “  นั่นสิ  ข้าก็รู้สึกว่าได้ยิ้มเต็มที่อย่างนี้เป็นครั้งแรก  ”  เขาบอก  “  เจ้าว่าตรงไหน     
ที่น่าเที่ยวอีกนะ  ” 
                             
                          “  ตรงนั้นค่ะ  ข้าจะพาไปนะคะ  ”
             
           อีกครั้งที่สองมือกระชับมั่น  พวกเขาวิ่งไปด้วยกันอย่างเริงร่า
 
                         
                          “  ฟู่เอ๋อ  ไปเที่ยวงานโคมไฟสนุกหรือเปล่า  ”  ผู้เป็นแม่ทักทันทีที่เห็นลูกสาวกลับ  
เข้าบ้าน
                         
                         “  พูดถึงนายท่านคนนั้น  ”  พ่อที่นอนบนเสื่อเอ่ยขึ้น  “  เขาเป็นเศรษฐีหรือพ่อค้า       
ที่ไหนหรือ  หน้าตายังหนุ่มอยู่เลย  ”
                       
                         “  ก็คงเป็นเศรษฐีนั่นแหละ  ”  ภรรยาตอบแทน  “  ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทองมากมาย     
ให้เรา ”
                         
                         “  จริงด้วย  ท่านพ่อท่านแม่คะ  วันนี้ที่พิธีบวงสรวงข้าได้พบเทพมังกรฟ้าตัวจริงด้วยล่ะ  ”
            
            แม่ที่นั่งสานตะกร้าอยู่เงยหน้าขึ้นจากงาน   เช่นเดียวกับพ่อที่มองมาที่ลูกทันทีอย่างประหลาดใจ
                            
                         “  จริงๆค่ะ  ท่านพาข้าเที่ยวทั่วงานเลย  นายท่านคนนั้นค่ะ  คนที่ให้ทองข้า  จริงๆแล้ว
เป็นเทพมังกรฟ้า  ”
            
            สองสามีภรรยาเงียบงัน  มองกันราวจะปรึกษา
                           
                         “  ฟู่เอ๋อ  ”  พ่อนางส่ายหน้า  “  นายท่านคนนั้นมาช่วยเหลือเราตอนที่ลำบากมาก    
เจ้าคงจะรู้สึกราวกับเทพมังกรฟ้ามาให้ชีวิตใหม่  ”
                           
                        “  ไม่ใช่นะคะ  ข้าเห็นกับตา  นายท่านมีแสงเรืองๆรอบตัวแล้วยังเดินทะลุผ่านคนได้  แล้ว
ข้ายังเห็นมังกรบริวารใหญ่ทั้งเจ็ดด้วย  ”
                            
                        “  ฟู่เอ๋อ  ”  แม่นางกล่าว  “  ทุกครั้งหลังจบพิธีมักจะมีลมพายุและฟ้าแลบฟ้าผ่าอยู่เสมอ 
อาจทำให้เจ้าเห็นเพี้ยนไปว่านายท่านมีแสงรอบตัวและเห็นภาพมังกรบริวารใหญ่  ด้วย  ”
                            
                         “  ท่านแม่คะแต่นายท่านบอกข้าเองว่าเขาเป็นเทพมังกรฟ้า  ”                   
                            
                         “  นายท่านคงเห็นเจ้าเป็นเด็กเชื่อถืออย่างนั้นก็เลยหยอกเจ้าน่ะ  ”  พ่อบอก
                            
                         “  แต่ว่า...  ”  ฟู่เอ๋อไม่เข้าใจ  ทำไมไม่มีใครเชื่อนาง
                            
                         “  เจ้าเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยไม่น้อย  ไปพักผ่อนเถอะลูก  ”  แม่ตัดบท
           
            ฟู่เอ๋อจำต้องทำตามนั้น  นางแน่ใจว่านายท่านเป็นเทพมังกรฟ้าแน่ๆ  แต่ทำไมไม่มีใครเชื่อนางเลยนะ
 
                            
                           “  เจ้าบอกว่าอยากเห็นร่างจริงของข้า  ”
                            
                           “  ใช่ค่ะ  เพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อคืนงามโคมไฟข้าไม่ได้ตาฝาดไป  ”  นางตอบ   “  นะคะ
นายท่าน   ให้ข้าได้เห็นร่างจริงของท่านหน่อยเถอะ  ”
           
            ชาบูหลั่นตาลังเล  “  เรื่องเผยร่างจริงไม่มีปัญหา  แต่ข้ากลัวเจ้ารับไม่ได้  ขนาดเทพบนสวรรค์ยังหนี
ข้าเลย  ”
                            
                           “  ข้าก็บอกท่านแล้วว่าไม่กลัว  ”
           
             เทพมังกรเห็นท่าทางตั้งใจจริงของนางก็ยิ้มน้อยๆ
                           
                           “  เอาเถอะ  ก็ได้  แต่จะเผยร่างในหมู่บ้านไม่ได้  เจ้าตามขึ้นไปบนเขา  ที่นั่นมีถ้ำใหญ่
อยู่แห่งหนึ่ง  ข้าจะเผยร่างจริงที่นั่น  ”
           
             ทั้งคู่ไต่ขึ้นไปเกือบถึงยอดเล็กๆของภูเขานั้นอันเป็นที่ตั้งของถ้ำที่ว่า  โพรงถ้ำมีขนาดกว้าง  สูง   
แต่ดูไม่ลึกเท่าไรนัก
                            
                            “  ที่นี่แหละ  ”  ชาบูหลั่นตาบอก  “  เราเข้าไปกันเถอะ  ”                           
            
              พาเข้าไปลึกจนแน่ใจแล้วว่าพ้นสายตาหากใครผ่านมาทางนี้จึงปล่อยมือฟู่เอ๋อแล้วถอยไปอีกทาง  
หลับตารวมจิต  ทันใดนั้นบังเกิดแสงขาวจ้าแล้วมังกรเขียวมหึมาก็ทะยานออกมา     ฟู่เอ๋อตกใจถอยชนผนังถ้ำ 
จ้องเทพมังกรอย่างตื่นตะลึง  ครั้นได้สติก็ยิ้มตื่นเต้น
                            
                              “  นายท่านคือเทพมังกรฟ้าจริงๆด้วย  ข้าไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ  ”
            
              เทพมังกรกลายร่างแปลงอีกครั้ง
                            
                         “  นายท่านคือเทพมังกรจริงๆ  ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆ  ”  นางกระโดด
โลดเต้นด้วยความยินดี
 
           
             ฟู่เอ๋อเดินยิ้มมาตลอดทางอย่างมีความสุข   ผู้คนรอบข้าง  ความพลุกพล่านในตลาดไม่ได้อยู่ในความ
สนใจของนางจริงๆ  นางนึกอยู่แต่เทพมังกรฟ้า  เด็กอย่างนางได้เป็นเพื่อนกับเทพมังกรฟ้าผู้สูงส่ง  ราวกับ 
ความฝัน  ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น  นางจะกลับจะไปยืนยันกับพ่อแม่ว่านางพูดถูกแล้ว  ถ้าพวกท่านไม่เชื่อนางจะขอให้
นายท่านกลับร่างให้ดู
           
             พลันสติก็กลับคืนมาเมื่อได้ยินเสียงห้าวแปร่งคุยกัน  บางทีฟังเหมือนเอ็ดตะโร  นางมองไปทางนั้น 
ก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้าในร้านริมทาง  มาเกือบสามสิบคนได้  เต็มร้านไปหมด  มีผู้หญิงด้วยแต่    
ท่าทางก๋ากั่นทั้งนั้น  ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นพวกคณะละครเร่  ที่โต๊ะหนึ่งกำลังประชุมอะไรกันท่าทาง
เคร่งเครียดไม่น้อย  นางเดินผ่านไปทางนั้นได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจน
                          
                              “   ข้าว่าการแสดงของเรามันเก่าไปแล้วนะ  คนดูคงอยากเห็นการแสดงใหม่ๆบ้าง  ”
                          
                              “ เมื่อคืนที่งานบวงสรวงมังกรฟ้าน่าอัศจรรย์มากเลยล่ะ  ข้าอยากได้มาเป็นการแสดง
แบบใหม่ของเราที่มีมังกร!  ”
                          
                             “  ความคิดเข้าท่า  แต่เราจะไปเอามังกรมาจากที่ไหน  ”
                             
                             “  ถามพวกหมู่บ้านผาจีซีว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน  ”
                            
                            “  ข้าได้ยินมาว่าอยู่บนสวรรค์โน่น  เจ้าจะขึ้นไปเชิญลงมารึ  ”
                          
                            “  ข้ารู้ค่ะว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน  ”
             
             พวกเขาหันมามองฟู่เอ๋อเป็นตาเดียว
                          
                            “  เจ้าว่าอะไรนะ  ”
                          
                            “  ข้ารู้ค่ะว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน  ”
             
             พวกเขามองหน้ากัน  ประหลาดใจและไม่ค่อยเชื่อ
                         
                           “  ข้าเป็นชาวหมู่บ้านผาจี  เทพมังกรฟ้ามีจริงๆ  ข้าเป็นเพื่อนของท่าน  ข้ารู้ว่าท่าน   
อยู่ที่ไหน  ”
             
             พวกเขาขบขัน  “  เทพมังกรนี่นะเป็นเพื่อนกับเด็กอย่างเจ้า  แม่เจ้าเล่านิทานให้ฟังบ่อยไปรึเปล่า 
นังหนู  ”
                         
                           “  ท่านอยู่บนเขาค่ะ  เดินไปสุดหมู่บ้านขึ้นเขาไปถึงยอดเล็กก็จะเจอถ้ำใหญ่  ท่าน
สัญญาว่าจะมาพบข้าที่นั่นบ่อยๆ  ”
                        
                           “  ยอดนั่นน่ะนะ  ”  คนหนึ่งชี้ถาม  นางรีบพยักหน้า
                        
                           “  ข้าคือหัวหน้าคณะละครเร่  ”  ชายสูงวัยไว้หนวดเครากล่าวแก่นาง   “  ที่เจ้าเล่ามา
น่าสนใจ  แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ไปเสียเที่ยว  ”
                        
                           “  ท่านลุงคงต้องไปดูเองล่ะค่ะ  ”
            
            หัวหน้าคณะนิ่งชั่งใจครู่ใหญ่
                         
                          “  เอาล่ะ  ลุกได้แล้วพวกเรา  ”  เขาเรียกคนอื่นๆ  “  นังหนูนี่เป็นคนหมู่บ้านผาจีคงรู้
อะไรดีๆมา  ลองไปดูสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร  เผลอๆคณะเราอาจได้เทพมังกรมาเป็นตัวแสดงชุดใหม่ก็ได้  ”
                         
                          “  อะไรนะคะเอามาแสดงละคร  ”
                         
                          “  ใช่  ”  อีกคนตอบให้  “  เราต้องการการแสดงชุดใหม่  ถ้ามีมังกรสักตัวมาแสดง
อิทธิฤทธิ์ให้ดูคงสนุกไม่น้อย  ”
                        
                          “  แต่เทพมังกรฟ้าท่านเป็นเทพที่เรานับถือมากและช่วยบันดาลความสมบูรณ์ให้เรา    
ไม่ใช่ตัวแสดงที่ไหนนะ  ”  ฟู่เอ๋อแย้ง
                        
                          “  ก็นั่นแหละยิ่งดี  คราวนี้คนดูต้องเพิ่มมากขึ้น  คณะเราต้องโด่งดังไปทั่ว   เราจะรวย
แล้ว  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ”
                         
                          “  อย่ารอช้าเลยรีบไปเร็ว  ” 
            
            พวกเขาพากันออกเดินทางโดยที่ฟู่เอ๋อไม่อาจยั้งไว้ได้เลย  แต่คงไม่เป็นไร  ถ้าพวกเขาไปที่นั่นตอนนี้
นายท่านคงกลับสวรรค์ไปแล้ว  พวกนั้นไปไม่เจอก็คงจะล้มเลิกความคิดไปเอง  แล้วนางก็นึกได้ว่าก่อนนาง   
จะจากเขามา   เขาบอกนางว่ายังมีเวลาเหลืออยู่เลยอยากจะอยู่เที่ยวชมธรรมชาติต่อ  เขายังอยู่ที่นั่น  แย่แล้ว! 
ถ้าพวกนั้นไปถึงเขาต้องถูกพบแน่  แล้วนางก็คิดได้ว่าพวกคณะละครเร่เป็นคนต่างถิ่น  ท่าทางพวกเขาไม่ได้
เคารพเทพมังกรเหมือนชาวผาจี  หนำซ้ำยังจะเอาท่านไปแสดงละครเพื่อหาเงินบำเรอตัวเอง  พวกเขาคง  
หยาบคายกับนายท่านแน่   นี่นางทำอะไรลงไป  นายท่านไว้ใจนางถึงบอกฐานะจริงให้รู้  แต่นางกลับชี้ทาง   
ให้คนไม่หวังดีไปจับเขา   นางรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ   นางต้องรีบไปให้ถึงที่ถ้ำก่อนคนพวกนั้น   ไปเตือน   
นายท่านให้หนีไปก่อนพวกนั้นจะมาถึง  นางหันหลังกลับวิ่งไปทางขึ้นเขาสุดชีวิต
            
             ฝ่ายชาบูหลั่นตาเที่ยวจนพอใจแล้วก็กลับมาพักในถ้ำ   ไม่รู้เลยว่าผู้ไม่ประสงค์ดีเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
ทุกที
            
             ฟู่เอ๋อรีบร้อนจนสะดุดล้มลุกคลุกคลาน    เห็นแผลถลอกเลือดซึมก็ไม่ใส่ใจ   ฝีเท้าเด็กอย่างนาง     
จะล่วงไปถึงก่อนพวกนั้นไหมนะ  นายท่าน...นายท่านอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา