Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร
เขียนโดย Xian_xi
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ศึกเทวะ-จอมมาร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ ถ้ายังตามมาอีก ข้าจะไว้หน้าเจ้า ” เขาขู่คำราม
เสียงย่ำเท้าดังขึ้นทุกขณะ ใกล้เข้ามา เทพมังกรขบกรามกรอด จ้องเขม็งที่ปากทาง บุรุษ
ชุดเกราะทองท่าทางคุ้นเคยเลี้ยวเข้ามา ดวงตามังกรหนุ่มลุกประกายกล้าทันทีที่เห็นเขา
“ เข้ามาทำไม ” เขาถามเสียงห้วน
เซิ่งตู่หยุดดูไกลๆ ยิ้มละไม ชาบูหลั่นตาไม่ยิ้มตอบ
“ ที่นี่เป็นที่ของข้า เจ้าเข้ามาทำไม ”
“ อุทยานนี้แต่เดิมมาเป็นที่สาธารณะ ทุกคนมีสิทธิ์ใช้เท่าเทียมกัน จะบอกว่าเป็น
ของเจ้าได้อย่างไร ”
“ เจ้า! ” ชาบูหลั่นตานึกโมโห ทำท่าจะปรี่เข้าไปอัดแม่ทัพสวรรค์เสียหน่อยให้
หายแค้น ฉับพลันดวงตาที่ดูเป็นมิตรก็แข็งกร้าว อีกฝ่ายข่มด้วยสายตาเตือนเขาว่าอย่าวู่วามจะดีกว่า
“ ข้ามาที่นี่เพื่อนำพระบัญชาขององค์จักรพรรดิมาถ่ายทอดแก่เจ้า ”
เซิ่งตู่พูดเสียงเรียบ แต่หนักแน่นมีพลัง ชาบูหลั่นตาเจ็บใจที่ไม่กล้าขัดเขา
“ ว่าอะไร ”
“ ทรงรับสั่งให้ย้ายเจ้ามาอยู่ในความควบคุมของข้านับแต่นี้ต่อไป ”
เทพมังกรตะลึงงัน
“ เป็นไปไม่ได้ ” เขาได้ยินเสียงตัวเองแหบแห้ง องค์จักรพรรดิทรงเลือกเขา
เข้ามาเอง แล้วจู่ๆทำไมทรงย้ายให้ไปอยู่กับผู้ที่เขากำลังไม่พอใจอยู่ หรือว่าเขาทำผิดอะไร ไม่นี่ เขาไม่เคย
ทำผิดอะไร แล้วทำไมเป็นแบบนี้ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
“ ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้ามีหลักฐานจะให้เจ้าดูก็ได้ ” เซิ่งตู่ชูสาสน์ทองให้ดู แล้วคลี่ออก
ตัวอักษรแต่งแต้มด้วยน้ำหมึกลอยขึ้นเหนือกระดาษสีน้ำนม พลิ้วระริกเคลื่อนวนราวกับมีชีวิตต่อกันเป็น
ประโยค น้ำเสียงทุ้มก้องแว่วมากับสายลม
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งสามโลก พระเกียรติเกริกก้องทั่วหล้า แว่นฟ้า แผ่นดิน ผืนน้ำต้องยอมสยบ
มีพระบัญชาให้เทพพาหนะประจำองค์นามว่าชาบูหลั่นตา ย้ายไปสังกัดกับแม่ทัพสวรรค์เซิ่งตู่เพื่อค้นพบวิธีบรรลุ
เป้าหมายของตน ขอให้เจ้าเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และอวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จโดยเร็ว
บัญชานี้มีผลนับแต่เทพมังกรได้ได้รับรู้ตลอดจนแต่นี้ต่อไป ลงพระนาม จักรพรรดิเป่าซิน
อักษรใหญ่สีแดงพุ่งโลดเรียงตัวเป็นพระนามจักรพรรดิสวรรค์ค้างกลางอากาศชั่วขณะหนึ่งให้ผู้อ่าน
ประจักษ์แก่สายตา แล้วตัวอักษรทั้งหมด พระสุรเสียงขององค์จักรพรรดิก็หายวับไป เช่นเดียวกับดวงใจ
เทพมังกรที่แทบจะหลุดลอยไปนอกร่าง
นี่มันอะไรกัน!
ความสงสัย เสียใจ ขุ่นเคืองและไม่เข้าใจถาโถมใส่ดังคลื่นทะเลคลั่งกระโจนซัด ผาหินแทบ
แหลกทลาย ไม่รู้เมื่อไรที่มือเขาถูกบีบเข้าหากัน แน่นขึ้น แน่นขึ้น จนสั่นระริกไปทั้งแขน นายที่เขาเชื่อใจ
และภักดี เหตุใดจึงทอดทิ้งเขาให้อยู่กับผู้ที่ทำร้ายเขา
“ ข้าไม่เข้าใจ เหตุใด ค้นพบวิธีบรรลุเป้าหมายอะไร ” เขาคำรามกรอด นัยน์ตาคม
ลุกวาวจ้องอีกฝ่ายหมายเอาคำตอบ ความสงสัยและโกรธเคืองนั้นพรั่งพรูใส่แม่ทัพสวรรค์ซึ่งเป็นเพียงผู้นำ
บัญชามา
“ ต้องขออภัยที่ข้ามิอาจอธิบายให้เจ้าเข้าใจทั้งหมดในตอนนี้ เพราะข้ามีธุระต่อ
ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า รุ่งขึ้นตอนเช้าขอให้เจ้ามาพบข้า เป็นวันแรกของการทำงาน ”
แววตาเทพมังกรสั่นระริกด้วยความโกรธ เซิ่งตู่กล่าวลาแล้วหันหลังกลับ ขยับเท้าเพียงสองก้าวก็
หายวับไป ทิ้งให้ชาบูหลั่นตาอัดอั้นใจอยู่ตามลำพัง
เซิ่งตู่แล่นฉิวออกมาถึงนอกอุทยาน คนสนิทเขามีสีหน้ากังวลใจ
“ ปล่อยไว้อย่างนี้จะดีหรือขอรับ ” เขานึกถึงความโกรธเกี้ยวของเทพมังกรแล้วกลัว
ความวุ่นวายจะตามมา
แม่ทัพใหญ่มีสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน เหลียวกลับไปดูในอุทยาน ครู่เดียวความรู้สึกนั้นก็คลายลง
“ ไม่เป็นไรหรอก ”
เช้าวันต่อมา ชาบูหลั่นตาไม่ไปตามนัด แต่เซิ่งตู่เดาไว้อยู่แล้ว
“ เมื่อเขาไม่มา ข้าก็จะไปตามเขาเอง ” เขาบอกคนสนิท “ เขาควรจะรู้ว่าเวลานี้
ไม่อาจขัดขืนได้อีก ”
เทพมังกรนั่งบนหินใหญ่ริมน้ำ ใบหน้าคมสงบเช่นเดียวกับผิวน้ำซึ่งสะท้อนเงาอยู่ เสียงเดิน
ลัดหญ้าสวบสาบใกล้เข้ามา
“ มาแล้วหรือ ” ชาบูหลั่นตาทัก แสดงว่าเขารออยู่แล้ว
“ ก็ข้ารู้ใจเทพมังกรนี่ ” เซิ่งตู่ตอบกลั้วรอยยิ้ม
เทพมังกรเหยียดตัวขึ้น หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับแม่ทัพสวรรค์ สองสายตาประสานกัน ต่าง
จ้องลึกลงในใจและหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“ เจ้าคงจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร ”
“ ไม่รู้ ก็เหมือนเดิมทุกวัน ”
“ เอาความจริง ” แม่ทัพใหญ่เสียงขึงขัง
ชาบูหลั่นตาเล่นหูเล่นตายั่วโมโหเขา อีกฝ่ายพูดเสียงดัง
“ ทุกคนฝึกฝนกันอย่างหนัก เจ้าจะเอาเปรียบคนอื่นมานั่งเล่นสบายใจอยู่ได้อย่างไร
จงตามข้าไป ”
“ ข้าไม่ไป ” เทพมังกรตอบเสียงแข็งพอกัน
“ ต้องไป ”
“ ไม่ ”
ชาบูหลั่นตาจ้องตาท้าทาย
“ นายทหารต้องเชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพใช่หรือไม่ ” เซิ่งตู่หันไปถามคนสนิท เขา
รีบพยักรับคำ “ แล้วถ้าหากไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาควรจัดการอย่างไร ”
“ ต้องลงโทษตามวินัยทหาร ”
“ แล้วตามวินัยทหารจะลงโทษผู้ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างไร ”
“ ต้อง... ”
“ พอแล้ว! ” ชาบูหลั่นตาแหวลั่น “ อยากฆ่าข้าก็เข้ามา ไม่ต้องทำเป็นยกเหตุ
อ้างผล ”
“ เจ้าพูดอะไร ” เซิ่งตู่ตกใจกับคำพูดเขา
“ เลิกเสแสร้งเสียทีเถอะ ” ชาบูหลั่นตาตะโกนอย่างหมดความอดทน “ อยากฆ่าข้า
แล้วมัวรออะไรอยู่ ”
เขาปราดเข้ามาอย่างวู่วาม เซิ่งตู่ตกใจปัดป้องพัลวันแล้วถอยหลบไป
“ เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ ”
อีกฝ่ายตามตะลุยต่ออย่างบ้าคลั่ง แม่ทัพใหญ่จะทำอย่างไรก็ไม่อาจหยุดความเลือดร้อนของเขา
ได้แต่ป้องกันตัวแต่ไม่ตอบโต้ใดๆ ชาบูหลั่นตากลับยิ่งเดือดดาล เสียงต่อสู้สะท้านสะเทือน น้ำในสระ
กระฉอกพุ่งเป็นคลื่นใหญ่ ต้นไม้ไหวโอนเอนแล้วถล่มระเนระนาดในเวลาไม่นาน ดวงตาเทพมังกรแดงก่ำ
เนื้อเหนือปากและจมูกยกขึ้นเป็นริ้วนูนเผยเขี้ยวแหลมราวอสรพิษ แขนขาหดสั้น มืองุ้มงอ เล็บจิกเป็น
กรงเล็บ ลำตัวขยายยืดยาว เกล็ดสีเขียววาววับผุดเต็มร่างกาย
คำพูดหลายคำฟังไม่ได้ศัพท์ ล่องลอยดังปุยเมฆ กลับมั่นคงดังผาหิน ก้องกังวานประหนึ่งกลองลั่น
จากที่ไกล บางคราวเสียงสูงแล้วกลับต่ำจนแทบรัวหาย เทพมังกรปวดหัวแทบระเบิด
“ อ๊ากกกกกกกกกกก ”
ลำตัวมหึมาบิดเกร็งสุดทานทน รู้ตัวอีกทีเห็นเชือกสีนวลเรืองพันรอบตัวไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ยิ่งดิ้น
ยิ่งรัดแน่น เทพมังกรความคิดสับสนพยายามดิ้นให้หลุด ร่างยักษ์เริ่มกลายเป็นเทพบุตร แม้จะเล็กกว่า
ร่างเดิมหลายเท่า กระนั้นเส้นเชือกก็ยังตามบีบรัดจนไม่เหลือช่องให้หลุดรอดไป แม่ทัพสวรรค์ถือปลายเชือก
เหาะขึ้น ตวัดสายพันรอบต้นไม้ใหญ่ที่ถูกโค่นเหลือครึ่งเดียวแล้วมัดให้แน่นหนา จากนั้นเป่ามนตร์กำกับอีกครั้ง
เทพมังกรฮึดฮัดดิ้นรน ดวงตาสีเลือดบอกจะเอาให้ตาย อีกฝ่ายยืนดูเขานิ่งๆแล้วส่ายหน้า
ชาบูหลั่นตาคำรามระงม ยิ่งดิ้นยิ่งติดพัน สายเชือกบีบเนื้อจนโปนปูดออกมาตามหว่างเชือกและบาดจน
เลือดซิบ แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ร่างนั้นเกร็งสะท้านสุดแรงแล้วกลับหยุดอย่างอ่อนเปลี้ย
“ แม้ไม่แน่ใจว่าเจ้าโกรธแค้นอะไรข้า ” เซิ่งตู่บอก “ แต่ข้อสงสัยที่เจ้าถามเมื่อวาน
ยังอยากจะฟังคำตอบหรือเปล่า ”
อีกฝ่ายไม่โต้ตอบอะไร แต่สภาพเขาตอนนี้ถึงไม่อยากฟังก็คงหนีไปไหนไม่ได้
“ สิ่งที่เจ้าปรารถนาที่สุดในตอนนี้ ” เซิ่งตู่พูดพลางเดินไปทางหนึ่ง “ ก็คือการได้รับ
การยอมรับนับถือจากทุกคน ”
แล้วเขาก็หันหลังกลับมาจ้องหน้าเทพมังกร ฝ่ายนั้นหลบตามองต่ำ
“ องค์จักรพรรดิทรงทราบเรื่องนี้ดีจึงทรงทำทุกอย่างเท่าที่จะทรงทำได้เพื่อให้เจ้าเป็น
ที่ยอมรับแต่ก็ไม่เป็นผล ข้าจึงทูลขอให้ทรงย้ายเจ้ามาอยู่กับข้า ”
“ คำกล่าวหาว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่รู้เอามาจากที่ใด แต่ที่เป็นความจริงก็คือ ” เขาเดิน
มาใกล้ชาบูหลั่นตา “ ข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้ ”
เทพมังกรจ้องตอบด้วยดวงตาวาววับอย่างสนใจระคนสงสัย
“ ทุกคนไม่เข้าใกล้เจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะทำอันตรายพวกเขา ดังนั้น เจ้าต้องแสดง
ให้เห็นว่าเจ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทั้งยังจะเป็นที่พึ่งช่วยพวกเขารอดพ้นอันตรายได้อีกด้วย ”
“ ที่พึ่ง? ” ชาบูหลั่นตาไม่เข้าใจ
“ นี่คือความคิดของข้า เจ้าเอาแต่ผูกมิตรอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเมื่อกลับร่างเดิม
พวกเขาก็จะหนีไปอีก ฉะนั้นต้องให้พวกเขายอมรับเจ้าได้ทุกร่างไม่ว่าเป็นมังกรหรือว่าตอนนี้ ” เซิ่งตู่เดินพูด
“ ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ เจ้าต้องแก้ไขความกลัวของพวกเขา และทางแก้นั้น การมาเป็นส่วนหนึ่ง
ของกองทัพเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตอนนี้ชาวสวรรค์ต้องหวาดหวั่นกับพวกปีศาจที่มักจะยกทัพมาตีสวรรค์
อยู่เนืองๆ พลังของเจ้าจะสามารถต่อกรกับพวกมันได้ถ้ารู้จักควบคุมมัน ทีนี้เมื่อเจ้าแสดงให้เห็นว่าไม่ได้
เป็นภัยทั้งยังช่วยให้พ้นภัย ชาวสวรรค์ก็จะเลิกกลัวเจ้าและยอมรับเจ้าในที่สุด ”
ชาบูหลั่นตาคิดตาม รู้สึกว่าแม่ทัพผู้นี้ความคิดเข้าท่าแต่ก็ไม่มั่นใจนักว่าจะสำเร็จเพราะเขา
ก็พยายามมาตลอดแต่ก็ผิดหวังทุกครั้ง
จู่ๆผู้ติดตามก็เอ่ยขัดจังหวะแล้วเข้ามาซุบซิบกับเซิ่งตู่
“ ลองไปคิดดูแล้วกัน ” แม่ทัพใหญ่หันมาพูดกับชาบูหลั่นตา “ จะยอมทำตาม
พระบัญชาให้ข้าช่วยเจ้าหรือจะดื้อดึงอย่างนี้ต่อไปก็แล้วแต่ตัวเจ้า ส่วนข้าตอนนี้ต้องขอตัวกลับไปทำหน้าที่
ของข้าต่อ ”
เขาร่ายมนตร์คลายเชือกอาคม ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ถลาล้มบนพื้นอย่างหมดแรง
“ ลองไปคิดดูแล้ว ถ้าสนใจที่ข้าบอก ไปหาข้าได้ทุกเมื่อ ”
ค่ายหลวงตั้งอยู่ลึกในหุบเขาที่ซับซ้อน แฝงตัวอยู่ท่ามกลางม่านหมอกและสีเขียวของลำเนาไพร
ที่นี่กว้างขวางมาก เป็นฐานบัญชาการหลักและมีศูนย์ฝึกนักรบที่ใหญ่ที่สุด นักรบสวรรค์ทุกนายต้องผ่าน
การฝึกอย่างหนักหน่วงจากที่นี่เสียก่อนจึงจะได้ไปประจำการจุดต่างๆทั่วสวรรค์ ทุกวันที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วย
เหล่านักรบที่มาฝึกฝนการต่อสู้ของตนให้ยิ่งแข็งแกร่งรุดหน้า เพื่อจะสามารถปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองสวรรค์ได้
อย่างเต็มที่และเตรียมรับมือกับผู้รุกรานอย่างจอมปีศาจซึ่งมักจะยกทัพมาโจมตีสวรรค์อยู่เนืองๆ
นายกองผู้หนึ่งเร่งรุดหน้าไปที่เรือนใหญ่ ขออนุญาตเข้าไปก็พบแม่ทัพใหญ่กำลังสนทนากับ
แม่ทัพคนสนิท ฝ่ายผู้มาใหม่รายงานสองสามคำแล้วขอลา
“ ยังไม่มา ” แม่ทัพใหญ่มุ่นหัวคิ้วนิดหนึ่ง
“ นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว วันนี้ก็วันที่สาม ” แม่ทัพคนสนิทบอก “ ยังไม่มีวี่แววจาก
เทพมังกรเลย ”
สีหน้าเซิ่งตู่ดูกังวลไม่น้อย ฉับพลันก็มีเสียงเอะอะอลหม่านจากข้างนอก ไม่ใช่เสียงที่เกิดจาก
ความตื่นเต้นตกใจ หากตามด้วยเสียงขู่ราวกับมีผู้รุกรานเข้ามา
“ เกิดอะไรขึ้น ” พวกเขารีบออกไปดู
กลางวงล้อมของนักรบสวรรค์นับพันที่ขู่ผู้บุกรุกด้วยอาวุธนานา เซิ่งตู่เห็นเทพมังกรยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เขาตื่นเต้นและดีใจมาก ฝ่ายชาบูหลั่นตาต้องนิ่งอดทนกับท่าทีข่มขู่หวาดกลัวของชาวสวรรค์ตลอดทางมา
พอเห็นเซิ่งตู่ก็จะเข้าไปหาแต่เหล่านักรบถลาขวางทันทีเพราะคิดว่าจะเข้ามาทำร้าย
“ หยุด!! ” เสียงแม่ทัพใหญ่สะท้านไปทั่ว
เหล่านักรบชะงักงันด้วยความตกใจ แล้วหันไปมองเซิ่งตู่อย่างงุนงง ชาบูหลั่นตาจึงเดินต่อเข้าไป
ถึงเบื้องหน้าระยะใกล้ของแม่ทัพสวรรค์ สองเทพยืนสบตากันท่ามกลางสายตาหวั่นเกรงของทุกคน ทันใดนั้น
เทพมังกรก็ทรุดร่างลงชันเข่าข้างหนึ่ง
ท่าทางนั้นเรียกเสียงฮือฮาอย่างคาดไม่ถึง เทพมังกรที่พวกเขาคิดว่าร้ายกาจนัก กลับยอมก้มหัว
เคารพนบนอบแม่ทัพใหญ่ของพวกเขา
“ ชาบูหลั่นตา ” เซิ่งตู่ยิ้มออก
แม่ทัพใหญ่รีบพยุงเขาขึ้นมาแล้วพาไปคุยถามไถ่กันข้างในเรือนส่วนตัว
“ อะไรที่ทำให้เจ้าตัดสินใจแบบนี้ ”
“ เพราะข้อเสนอของท่านยั่วใจไม่น้อย หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ”
เซิ่งตู่ยิ้มมั่นใจ
“ ว่าแต่เจ้าหาค่ายนี้เจอได้อย่างไร ”
“ แม่ทัพใหญ่ไม่ทิ้งที่อยู่ให้ไว้เลย ข้าถามทางมาเรื่อยจนมาถึงที่นี่ ลึกลับซับซ้อน
จริงนะ มาถึงทีแรกไม่มีใครมาล้อมข้าอย่างที่เห็นหรอก ข้าถามยามหน้าค่ายว่าเรือนท่านอยู่ไหน พอผ่านมา
พักหนึ่งพวกเขาถึงจำได้ว่าข้าเป็นมังกร ”
แม่ทัพใหญ่หัวเราะอย่างขบขัน
“ ว่าแต่เจ้าเถอะ เตรียมใจพร้อมหรือยัง ที่นี่เจ้าจะไม่ได้อยู่สบายอย่างสมัยเป็นเทพ
พาหนะ แต่ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเช่นเดียวกับนักรบสวรรค์ทุกคน ”
“ ข้ามันเตรียมใจไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว ก็แล้วแต่ท่านจะฝึกอย่างไร ขอให้ข้าบรรลุ
เป้าหมายเท่านั้นก็พอ ”
วันเวลาผ่านไปแต่ชาบูหลั่นตาแทบไม่รู้สึก ทุกวันคร่ำเคร่งแต่ฝึกฝนจะรู้ว่าหมดวันก็ต่อเมื่อครูฝึก
บอกว่าให้ไปพักเพราะหมดวันแล้ว การได้มาอยู่ที่นี่ทำให้เขากับนักรบสวรรค์คุ้นชินกันมากขึ้นจนฝ่ายนั้น
หายกลัวเขาบ้างแล้วแต่ก็ยังเกรงๆอยู่ การฝึกของที่นี่หนักหนาและเข้มงวดเอาการแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะมี
แม่ทัพใหญ่ให้คำชี้แนะและดูแลการฝึกอย่างใกล้ชิด วันเวลาผ่านไปจากวันต่อวัน จากแรมวันเป็นแรมเดือน
ฝีมีอของเขาก็ยิ่งรุดหน้าขึ้นทุกที
“ ชาบูหลั่นตา ” ครูฝึกเอ่ยชื่อเขา มองไปเห็นแม่ทัพใหญ่ยืนอยู่เบื้องหลัง
ชาบูหลั่นตาค่อยๆเลี่ยงออกจากแถวฝึก ไปหาเซิ่งตู่ที่รออยู่ด้านหลังแถว
“ ตามข้ามา ”
ชาบูหลั่นตาตามเขาไปถึงเรือนส่วนตัว
“ ตอนนี้ฝีมือของเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ”
“ กำลังก้าวหน้ายิ่งขึ้น แต่ยังต้องการรับการฝึกอีก ”
“ หลายเดือนที่มาอยู่ที่นี่ดูเจ้าจะนิ่งขึ้นนะ ” เซิ่งตู่บอก “ เรื่องควบคุมพลังทำได้มาก
แค่ไหนแล้ว ”
“ ดีขึ้นมากแล้วขอรับ ”
“ เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้ามีพลังมหาศาลแต่คุมไม่ได้ อยากจะใช้มันมากน้อย ควรใช้
เมื่อไร เมื่อไรไม่ควรใช้ก็คุมไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าต้องพยายามหน่อยนะ ช่วงนี้ข้าสังเกตว่าเจ้าควบคุมได้
มากแล้ว ”
“ ขอรับ ”
“ ท่านแม่ทัพ!! ”
เสียงของใครคนหนึ่งโหวกเหวกลั่นมาตลอดทาง สองเทพรีบออกไปดู นายกองผู้หนึ่งวิ่ง
กระหืดกระหอบมาถึงด้านหน้าเรือน
“ เกิดอะไรขึ้น ”
ใบหน้าผู้มาถึงดูตระหนกมาก เขาหันไปด้านหลังตน สองเทพพบคำตอบเมื่อเห็นนักรบสวรรค์
สองนายช่วยกันพยุงร่างบอบช้ำของตนเข้ามา
“ พวกเขาเป็นหน่วยคุ้มกันชายแดนขอรับ ” นายกองบอก
“ ทำไมพวกเจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้ ”
“ จอมปีศาจเสี่ยวหลูบุกเราอีกครั้งแล้วขอรับ ”
“ อะไรนะ ” เซิ่งตู่ตกใจ
ทันใดหนึ่งในนั้นก็กระอักเลือดออกมา
“ ใจเย็นก่อน ” เซิ่งตู่รีบห้ามด้วยความเป็นห่วง แล้วถามอีกนาย “ ว่าต่อซิ ”
นักรบทั้งคู่รีบคุกเข่า “ ได้โปรดลงโทษเราที่ด้อยความสามารถไม่อาจปกป้องชายแดนไว้ได้ ”
แม่ทัพใหญ่นิ่งงันไปด้วยรู้สึกเครียดและหวั่นใจพิกล หันไปมองชาบูหลั่นตา
“ เราต้านทานไม่ไหวจริงๆขอรับ พวกมันกลับมาครั้งนี้มีพลังมากกว่าเก่า ” นักรบ
นายหนึ่งเล่า
“ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเราที่ยังอยู่ที่นั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง มีเพียงเราที่รอดมาเพื่อแจ้งข่าว
ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ชะตากรรมพวกเขาอีกเลย ”
“ เจ้าพาพวกเขาไปรักษาตัวก่อน ” เซิ่งตู่บอกนายกอง “ ส่วนเจ้าตามข้าเข้าไปคุย
ข้างใน ”
ชาบูหลั่นตาตามกลับเข้าไปไม่ทันถึงโต๊ะที่นั่งก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ ทำไมนักรบของสวรรค์ถึงพ่ายแพ้ เท่าที่ข้าสัมผัสมาพวกเขามีฝีมือฉกาจกันทั้งนั้น
แล้วจอมปีศาจอะไรนั่นมีฤทธิ์อาคมแก่กล้าขนาดนั้นเชียว เท่าที่ข้ารู้มาพวกนั้นไม่ได้มาโจมตีครั้งนี้ครั้งแรก
แต่หลายครั้งแล้ว ตีเราไม่แตกแต่เราก็จัดการเขาไม่ได้เสียที มันเพราะอะไรกัน ”
เซิ่งตู่ยกมือปรามให้สงบก่อนแล้วนั่งลง อีกฝ่ายกระวีกระวาดนั่งตามรอคำตอบ
“ เพราะความแค้นอย่างไรล่ะ ถึงทำให้พวกมันพลังกล้าแข็งขึ้น ”
“ แค้นหรือ แค้นอะไร สวรรค์ไปทำอะไรให้เขาแค้น ”
“ ไม่ใช่สวรรค์แต่เป็นความดีและคนดี จอมปีศาจเกลียดมากที่สุดจึงได้มุ่งมั่นทำลาย
ให้สูญสิ้นไปจากโลก แต่ติดที่มีสวรรค์คุ้มครองอยู่ อีกทั้งสวรรค์ก็เป็นที่อยู่ของคนดี ”
“ เลยต้องมาทำลายสวรรค์เสียก่อน พวกมันถึงบรรลุเป้าหมาย ความดีมีแต่ทำให้คน
มีความสุข ไม่เคยเจอใครที่เกลียดความดีเลย ”
“ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากชาบูหลั่นตา ถ้าสวรรค์ถึงกาลวิบัติ ไม่เพียงแต่เจ้าและข้า ทุกคนรวมถึงโลกก็จะพินาศดับสูญกันหมด ”
“ ข้าเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก ” ชาบูหลั่นตาตระหนักถึงหน้าที่ที่รออยู่ “ แต่ว่า
ข้าน่ะ... ”
“ ต้องให้เจ้าช่วยแล้ว ” แม่ทัพใหญ่จ้องเขาอย่างจริงจัง “ อย่าลืมว่าเจ้ามาที่นี่
เพื่ออะไร จงทำมันให้สำเร็จ องค์จักรพรรดิ ข้าและทุกคนล้วนฝากความหวังไว้ที่เจ้า ”
ชาบูหลั่นตาจ้องตอบอย่างลังเลใจ
“ ช่วยปกป้องสวรรค์ของเราด้วย ”
เทพมังกรพูดไม่ออก ได้แต่แสดงสีหน้ากลุ้มใจ
“ นักรบสวรรค์เก่งออกอย่างนั้นยังเอาไม่อยู่ แล้วข้าที่ไม่มีประสบการณ์จะไหวหรือ ”
“ แต่นักรบสวรรค์ก็พ่ายแพ้เจ้าเช่นกัน เจ้าก็อยู่ในฐานะเดียวกับจอมปีศาจ ไม่ต้องกลัว
จงเชื่อมั่นตัวเองเข้าไว้ ”
ชาบูหลั่นตามองตอบดวงตากร้าวแกร่งนั้นด้วยแววตาไม่มั่นใจนัก แต่ก็พยักหน้ารับ
บนผืนเมฆาเวิ้งว้างกว้างไกลสุดสายตา ปรากฏร่างหนึ่งเดินมาช้าๆ ไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายอยู่ที่ใด
ทันใดนั้นอีกทางก็ปรากฏร่างชนกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนมา รูปร่างใหญ่โตถืออาวุธใหญ่พอกันน่าเกรงขาม
“ มาถึงตอนนี้แล้วยังหาไม่เจอ ” มือราวกิ่งไม้แห้งบีบเค้นนิ้วยาวเหมือนขาแมงมุม
เล็บสีคล้ำตัดกับสีแดงของเนื้อจิกจนเลือดแดงคล้ำไหลซึม
“ เจ้านักรบพวกนั้นแพ้แล้วยังร่ายมนต์บังตาไว้ทำให้เราหาเมืองสวรรค์ไม่เจอ ตามหา
ขนาดนี้แล้วยังหาไม่เจอเลย มองไปทางไหนก็เห็นแต่หนทางเวิ้งว้าง ”
เจ้าของใบหน้ากระดูกขึงดวงตาสีอำพันเรืองด้วยความโกรธ
“ ดูนั่น! ”
ร่างที่กำลังเดินมาผู้เดียวสะดุ้งเสียง พอมองชัดๆก็ตกใจ เช่นเดียวกับฝ่ายปีศาจที่ไม่คาดคิดว่า
จะพบนักรบสวรรค์ที่รอดไปและดูท่าจะหลงจากกลุ่มมา จอมปีศาจเห็นโอกาสจะบังคับถามที่ตั้งเมืองต่างๆ
แต่ไม่ทันสั่งจับกุม นักรบผู้นั้นก็หันหลังกลับวิ่งหนีไป
“ จับมัน! ”
ชาบูหลั่นตาวิ่งสุดกำลัง เห็นหลังไวๆแทบจะหายไปจากสายตา ฝ่ายปีศาจก็กวดตามรวดเร็วพอกัน
จู่ๆเทพมังกรก็กลับหลังหัน หยุดยืนราวกับจะตั้งหลักสักอย่าง เสี่ยวหลูเห็นชอบกลเลยหยุดดูท่าที แต่ไม่นาน
ก็คลายความกังวลคิดว่าอีกฝ่ายหยุดหนีเพราะหนีไม่พ้น อีกทั้งก็มาผู้เดียว ทัพเขามีทหารเป็นพันมีหรือ
จะจัดการไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะต่อสู้สุดกำลังก็ตาม เขาสั่งทหารปีศาจให้ไปจับกุมทันที สีหน้าเทพมังกร
ลุ้นระทึกเมื่อทัพศัตรูใกล้เข้ามาทุกขณะ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ด้านหลังทัพปีศาจปรากฏร่าง
นักรบสวรรค์หลายร้อยนาย ตามมาด้วยซ้ายขวาและด้านหลังชาบูหลั่นตา กว่าจะรู้ตัวพวกปีศาจก็ถอยไม่ทัน
เสียแล้ว ตกอยู่ในวงล้อมของนักรบสวรรค์ เป็นวงล้อมที่แน่นหนา เซิ่งตู่ขับม้าออกมายืนข้างเทพมังกร
แล้วหันมายิ้มชื่นชมเขา
“ ไม่ได้เจอกันเสียนาน ” เจ้าของร่างปีศาจในชุดกำมะหยี่แดงทักทาย
“ จงออกไปซะ ” แม่ทัพสวรรค์พูดความเดียว
“ ที่ต้องออกไปคือพวกเจ้า! ”
จอมปีศาจบัญชาทัพบดขยี้ทันที เหล่านักรบสวรรค์กระโจนร่วมต่อต้าน พวกเขาพุ่งผ่านเทพมังกรไป
ทิ้งให้เขายืนงงเพียงลำพัง ครั้นจะติดตามแม่ทัพใหญ่ก็ตามไม่ทันเสียแล้ว เห็นอยู่ไกลๆพอจะฝ่าเข้าไป
กลับถูกพวกที่รบกันอยู่เบียดออกมาเรื่อยๆ สถานการณ์รอบด้านสับสนวุ่นวาย เทพมังกรเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ
ขึ้นมา แม่ทัพใหญ่หายไปไหนแล้ว ถ้าเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาใครจะช่วยชี้แนะ
“ นั่น! ” ชาบูหลั่นตาตกใจหันขวับ ทหารปีศาจสามตนถืออาวุธตรงมาอย่างมุ่งร้าย
ทหารสองฝ่ายฝีมือสูสีกันเพราะช่วงที่พักศึกกันไปก็ฟูมฟักฝีมือมากพอดู แต่จอมทัพทั้งคู่ดูดุเดือด
กว่ามาก แสงดาบและกระบี่วูบวาบไม่มีใครยอมใคร ผลัดกันเพลี่ยงพล้ำผลัดกันรุกได้ จนบาดเจ็บเลือดหยด
ย้อมเมฆเป็นสีแดงฉาน เลือดสีคล้ำสลัดสาดกันวุ่นวาย บาดเจ็บและล้มตายมากขึ้น แม่ทัพใหญ่มองหา
ตัวช่วยหยุดยั้งความสูญเสียครั้งนี้แต่ก็ไม่เห็นเขาเลย ท่ามกลางความอลหม่านเทพมังกรปรากฏกายวูบวาบ
หลังฉากรบ แล้วเขาก็หยุดดูสถานการณ์ ทั้งชุดเกราะและดาบอาบไปด้วยเลือด กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง
ชวนเวียนหัว
“ แม่ทัพใหญ่อยู่ไหน ” เขามองไปทั่ว พลันนึกถึงคำพูดที่แม่ทัพใหญ่บอกเขาไว้ก่อน
ออกรบ
“ จะหยุดพวกปีศาจได้ก็ต้องจัดการหัวหน้ามันให้ได้ แค่นั้นที่เหลือก็ไม่มีปัญหา ”
“ ข้าต้องหยุดมันให้ได้ ” เขาบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น แล้วมองหาต้นตอของศึกนี้
สองจอมทัพประดาบกันแล้วต่างถอยไปหยุดพัก แต่ยังไม่ประมาทคอยระวังอีกฝ่ายไว้ แม่ทัพสวรรค์
รู้สึกว่าจอมปีศาจมีพลังขึ้นมากอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ ขณะที่เขาหยุดพักเพราะเริ่มอ่อนแรงแต่อีกฝ่ายกลับเหมือน
หยุดเพื่อตั้งหลักเสียมากกว่า ทั้งอีกไม่นานมนต์บังตาก็จะเริ่มคลายแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางยอม
ให้พวกปีศาจรุกเข้าไปถึงเมืองได้เด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงหายนะ
สบโอกาสที่อีกฝ่ายหยุดพักเพราะเริ่มเหนื่อยแต่ก็วางใจที่ตนอยู่นิ่ง จอมปีศาจลอบเรียกพลังที่ฝ่ามือ
แล้วเขาก็เหลือบเห็นชาบูหลั่นตาวิ่งวนอยู่ในกลุ่มต่อสู้ ดวงตาเรืองแสงนั้นเบิกขึ้นอย่างตะลึง
“ ซูหวาง ” จอมปีศาจครางออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะภาพที่เห็นคือลูกชายเขา
ที่ตายไปหลายสิบปีก่อนไม่ใช่เทพมังกร ลูกชายคนเดียวที่เขารักที่สุด ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้
พอดีเซิ่งตู่เห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมลอบกัดจึงเงื้อกระบี่กระโจนมาด้วยความโกรธ เสี่ยวหลูหลบไม่พ้น
คมกระบี่บาดต้นแขนเป็นแผลยาว จอมปีศาจกุมแผลถอยไปด้านหลัง พอดีชาบูหลั่นตาเห็นเข้า วิ่งมาถึง
พอเห็นหน้าชัดๆว่าไม่ใช่ เสี่ยวหลูก็สับสนยิ่งนัก ไม่ใช่ลูกชายเขา แต่ทำไมถึงเห็นเป็นอย่างนั้นได้ หรือว่า
เจ้าหนุ่มนี่จะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน
ชาบูหลั่นตาหลับตารวมพลังทั่วร่างกาย พอลืมตาขึ้นดวงตาทั้งคู่ก็แดงฉาน ทันใดนั้นพลังลึกลับ
ก็ซัดใส่จอมปีศาจกระเด็นร่างหลุดลอย แสงสีขาวสว่างวาบกลืนจนมิด พื้นสั่นไหวจนเหล่าทหารต้องหยุดต่อสู้
เพื่อค้ำกายตนให้มั่นคง เกิดเสียงลั่นราวฟ้าผ่าครั้งเดียวพร้อมกันนั้นแสงเริ่มจางลง เผยภาพผืนเมฆโหว่เป็น
วงกว้างแต่จอมปีศาจหายไป เหล่าทหารปีศาจวิ่งไปชะโงกมองเบื้องล่างอย่างตระหนก บรรดานักรบสวรรค์
ถือโอกาสนี้ไล่ตีทัพปีศาจจนแตกพ่ายไป เสียงโห่ร้องเอาชัยก้องไล่หลังศัตรูที่หนีไม่คิดชีวิต เทพมังกรหันไป
มองแม่ทัพใหญ่ ยิ้มให้กันแล้วกู่ตะโกนร่วมกับทุกคน เสียงแห่งชัยชนะก้องไปทั่ว แล้วทุกคนก็หันมาหา
ชาบูหลั่นตา แย่งขอบคุณจนดังระงมไปหมด เทพมังกรยิ้มปลื้ม แม่ทัพใหญ่จับมือเขาชูขึ้น นักรบสวรรค์
โห่ร้องสะท้านไปทั่ว
พอเห็นชาวสวรรค์ออกมายืนชุมนุมเต็มหน้าเมือง ชาบูหลั่นตาก็ชะงักด้วยใจประหวั่นแต่ก็เบาใจ
เมื่อเห็นจักรพรรดิเป่าซินทรงประทับอยู่เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นทัพฝ่ายตนเอาชัยกลับมา ชาวสวรรค์ก็โห่ร้อง
ด้วยความยินดี เทพมังกรค่อยใจชื้น จักรพรรดิทรงดำเนินมาหาเขา
“ ทูตสวรรค์ส่งข่าวบอกข้าแล้ว ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานของเจ้า ” พระองค์ทรงโสมนัส
ยิ่ง “ เจ้าทำสำเร็จแล้ว ขอบคุณมากชาบูหลั่นตา ”
“ ไม่ใช่ข้าพระองค์เพียงผู้เดียว แม่ทัพใหญ่และนักรบสวรรค์ทุกนายก็ร่วมต่อสู้ปกป้อง
สวรรค์ไว้อย่างกล้าหาญ ”
เหล่านักรบสวรรค์ได้ยินก็ยิ่งยิ้มปลาบปลื้ม
“ ส่วนจอมปีศาจก็ยังหาไม่เจอ ไม่รู้ว่ายังอยู่หรือตายแล้วใช่ไหม ”
“ พะย่ะค่ะ ” เซิ่งตู่ทูลตอบ “ ถูกพลังของท่านชาบูหลั่นตากระแทกจนหายไปกับตา
ถ้ายังรอดก็คงสาหัสมาก ”
“ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ ต้องหาตัวเขาให้พบว่าอยู่หรือตายแล้วกันแน่ จริงอยู่สวรรค์
เราไม่ชอบการเข่นฆ่าใคร เว้นแต่ผู้รุกรานจะมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตคิดทำลาย ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เราก็
จำเป็นต้องทำ ”
“ พะย่ะค่ะ ”
“ เอาเถิด ตอนนี้มีเรื่องที่น่ายินดีก็ดีแล้ว ” แล้วพระองค์ก็ทำพักตร์ไม่สู้ดี “ แต่
ชาบูหลั่นตา มีอีกเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ”
“ อะไรหรือพะย่ะค่ะ ” เขาฉงน
เอ่อจี้ที่ยืนถัดไปเบื้องหลังจักรพรรดิเป่าซินทำหน้าราวกับเจอเรื่องยุ่งยากใจ
“ ตอนที่เทพมังกรใช้พลังจัดการจอมปีศาจ ไม่เพียงแต่ทำให้จอมปีศาจกระเด็นหายไป
เท่านั้น แต่ยังทำให้พระราชวังทรุดตัว ทั้งยังเกิดรอยแยกรอยโหว่ขนาดใหญ่ทั้งตามผนังกำแพงและกลาง
ท้องพระโรง ”
เทพมังกรทำหน้าเหวอ
“ พูดง่ายๆก็คือวังข้าพังแล้ว...ชั่วคราว ”
“ ยังไม่รวมวิมานอื่นๆของชาวสวรรค์ ” เอ่อจี้ทำหน้าเหนื่อยใจ “ งานหนักของข้าล่ะสิ
ทีนี้ ”
“ ข..ข้าพระองค์ขอทรงอภัยด้วย ” ชาบูหลั่นตารีบคุกเข่าด้วยกลัวความผิด “ ไม่คิด
เลยว่าจะทำให้เดือดร้อนกันขนาดนี้ ”
จักรพรรดิเป่าซินทรงสรวล “ ใครจะว่าเจ้าได้ ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก มันพังก็ซ่อมใหม่ได้ ”
พระองค์ทรงสรวลอีกครั้ง สุรเสียงลั่นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทรงขบขันที่พลังเทพมังกรรุนแรงได้ขนาดนั้น
หรือว่าทรงสรวลประชดที่ต้องไร้วังประทับชั่วคราวกันแน่
“ ท่านแม่ทัพ! ”
ชาบูหลั่นตาไล่ตามเซิ่งตู่บนทางขึ้นเขา อีกฝ่ายหันมาเห็นก็หยุดรอ
“ ทรงประทานรางวัลให้เจ้าแล้วหรือ ”
“ ขอรับ แต่ที่นานหน่อยเพราะข้าอยู่รอจนกว่าพระราชวังจะซ่อมเสร็จ ”
“ รู้สึกผิดเหมือนกันน่ะซี ”
เทพมังกรยิ้มแหยตอบ
“ อ้อท่าน เมื้อกี้ตอนข้าออกมาจากวัง น่ายินดีมากเลย! ชาวสวรรค์ไม่กลัวข้าแล้วนะ
พวกเขาวิ่งมาห้อมล้อมแล้วก็ร้องว่าท่านชาบูหลั่นตาเก่งจังเลย อย่างนี้ อย่างนี้ ” เขาเลียนท่าแล้วหัวเราะ
อย่างเริงร่า เซิ่งตู่เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“ เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าก็มีรางวัลจะให้เจ้าเหมือนกันนะ ” เทพมังกรฟังแล้วตาลุกเป็นประกาย
“ ในเมื่อเจ้าทำความชอบอย่างมากไว้ในสนามรบ ข้าก็จะเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า เป็นแม่ทัพรองเลยดีไหม ”
สีหน้าเขาดูหมดความร่าเริงไปทันที
“ ข้าเกรงว่าคงรับรางวัลนี่ไม่ได้ ”
“ เพราะอะไร ” เซิ่งตู่งง
“ ข้าไม่ชอบการรบขอรับ ไม่อยากได้กลิ่นเลือดอีกแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ได้
การยอมรับแล้วก็คงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ในทัพของท่านอีก แต่ถ้ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น เรียกข้าได้ทันที
แล้วข้าจะกลับมา ”
ดวงตาอีกฝ่ายฉายความผิดหวัง ชาบูหลั่นตามองตอบด้วยแววตามุ่งมั่นในการตัดสินใจ
“ ท่านชาบูหลั่นตา ”
ชาวสวรรค์ผู้หนึ่งเรียกด้วยรอยยิ้ม มองไปรอบๆก็เห็นแต่ชาวสวรรค์ยิ้มชื่นชมเขาทั้งนั้น พวกเขา
กล้าเข้ามาคุยด้วย ไม่มีใครกลัวเขาอีกแล้ว เขากำลังมีความสุขจริงๆ มีความสุขมาก มีความสุขที่สุดเลย
“ อ้อ ท่านอา ” ชาบูหลั่นตายิ้มตอบ “ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ”
เทพมังกรแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักเทพผู้นี้มาก่อน แต่ก็ทำเป็นรู้จักไปเถอะ เทพผู้นั้นรีบค้อมหัว
“ เอ๊ะ อะไรกัน ท่านมาก้มหัวให้ข้าทำไม ”
ชาวสวรรค์รอบข้างร่วมยิ้มประจบ
“ ท่านชาบูหลั่นตาจงเจริญ จงเจริญ ” พวกเขาสรรเสริญเซ็งแซ่ไปหมด พอเจอ
คำยกยอเหล่านั้น เทพมังกรก็ต้องยิ้มปลื้ม แต่...มันรู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้
“ พวกท่านไม่ต้องก้มหัวได้ไหม เวลาคุยกับข้าก็ทำตัวปกติเหมือนเป็นเทพทั่วไป ”
“ ไม่ได้หรอกท่านเป็นผู้มีพระคุณจะให้เราตีเสมอได้อย่างไร ”
“ จริงด้วย พลังท่านแกร่งกล้ามากจนพวกปีศาจกลัวจนตัวสั่น ”
ชาบูหลั่นตารู้แล้ว อะไรที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ เขาได้รับการยอมรับ ชาวสวรรค์เลิกกลัวเขาแต่
เปลี่ยนเป็นยำเกรงแทน เป็นความรู้สึกตะขิดตะขวงเมื่อเห็นพวกเขาพากันมาก้มหัวนบนอบเช่นนี้
“ ข้าขอตัวก่อนนะ ”
ชาวสวรรค์ค้อมกายแล้วหลีกทางให้ ชาบูหลั่นตาผ่านพวกเขาออกมา ความรู้สึกเมื่อครู่ยิ่งทำให้
ขบคิด แบบนี้หรือที่เขาต้องการ เขาเดินนิ่วหน้ามุ่งไปทางอุทยาน ชะงักด้วยเห็นแม่ทัพใหญ่ยืนอยู่ ท่าทาง
รอเขาอยู่
“ ดูเจ้าไม่ค่อยมีความสุขเหมือนครั้งก่อนที่คุยกัน ”
เซิ่งตู่ไต่ขึ้นไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ มองจากตรงนี้เห็นทิวทัศน์น้ำตกงดงามมาก
“ ข้ากำลังขบคิดเรื่องๆหนึ่งอยู่ ”
“ อะไรล่ะ ”
“ ข้าได้รับการยอมรับแล้ว ข้ามีความสุขมาก แต่ตอนนี้ข้ากลับกำลังสงสัย ว่าข้า
ต้องการอย่างนี้จริงหรือ ”
เซิ่งตู่หันมาด้วยแววตาสงสัย
“ พวกเขายำเกรงข้า เวลาคุยก็ก้มหัวตลอดเวลา แต่นั่นกลับทำให้ข้าอึดอัดอย่างไรไม่รู้
ข้าอยากให้พวกเขาพูดคุยกับข้า เปิดอก เล่นหยอกกันได้เหมือนข้าเป็นเทพทั่วไป ”
“ ด้วยฐานะหน้าที่ของเจ้า เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีทางที่พวกเขาจะคุยเล่นหัวกับเจ้า
เหมือนเทพธรรมดาได้ แค่ได้รับการยอมรับก็ดีที่สุดแล้ว ” เซิ่งตู่บอก “ ข้าก็เคยเป็นเหมือนเจ้า จะต่าง
หน่อยก็แค่ข้าอยากได้รับการยอมรับในฐานะนักรบสวรรค์ที่น่าภาคภูมิ แต่พอได้แล้วข้าก็ต้องเสียความเป็น
ตัวเองไป รวมถึงเพื่อนสนิท คำว่าเพื่อนเรียกกันแต่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกว่าเท่านั้น แต่ไม่อาจคุยได้
อย่างเปิดอกอีกต่อไป ”
“ น่าเศร้าจัง ” ชาบูหลั่นตาว่า “ เช่นนั้นอีกหน่อยข้าคงเหมือนท่าน เงียบขรึม
นึกแล้วประหลาดตัวเองพิลึก แต่ข้าจะไม่เสียเพื่อนไปเหมือนท่านหรอก แต่ข้าจะไม่มีเพื่อน ไม่มีแม้แต่โอกาส
จะมีด้วยซ้ำ ”
“ ชาบูหลั่นตา ” เซิ่งตู่พูด “ ข้าว่าเจ้ากลับมาอยู่กองทัพเหมือนเดิมเถอะ ที่นั่น
เหมาะกับเจ้ามากกว่า ถึงเจ้าจะไม่อยากรบไม่อยากได้กลิ่นเลือด แต่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเจ้าก็ต้องร่วมรบอยู่ดี
และเจ้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเจ้าได้รับการยอมรับเพราะรบชนะ”
ชาบูหลั่นตามีสีหน้าเครียดและลำบากใจ แต่ก็รู้ว่าคงปฏิเสธไม่ได้
“ นักรบสวรรค์ที่นั่นก็คงยำเกรงข้าเหมือนกัน ”
“ แน่นอน ” เซิ่งตู่บอก “ แต่ถ้าอยากคุยเปิดอกก็มาหาข้าได้ เหมือนตอนนี้อย่างไร
ล่ะ ”
“ อย่างท่านน่ะนะ ไม่มีเวลาให้ข้าหรอก ”
เซิ่งตู่หัวเราะตอบเบาๆ
“ จะว่าไปข้าไม่ได้มาที่อุทยานนี้นานแล้วนะ หลายเดือนเลย ”
“ นั่นสิ มาครั้งสุดท้ายก็ตอนที่มาจับเจ้า ”
“ ส่วนข้าก็ตอนที่โดนจับ ” ชาบูหลั่นตาหัวเราะ “ ยังงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ”
“ จริงสิ ” เซิ่งตู่นึกได้ “ ถ้าเจ้าเบื่อๆเหงาๆจะลองลงไปเที่ยวโลกมนุษย์ก็ได้นะ ”
“ โลกมนุษย์ ”
“ ที่นั่นมีสวนป่างามๆ ทั้งที่งามน้อยกว่าเราและบางที่ที่งดงามเหมือนสวนสวรรค์เลยก็มี
มีมนุษย์มากหน้าหลายตาถ้าเจ้าปลอมตัวไปคุยกับพวกเขาก็ได้ มีเทศกาลการละเล่นต่างๆ เจ้าคงหายเบื่อได้
ทีเดียว ”
“ จริงหรือขอรับ! ” เทพมังกรตาลุกด้วยความตื่นเต้น
“ แล้วอย่าเถลไถลไปนานนัก อย่าลืมหน้าที่ของเจ้าด้วย ”
“ ขอรับ ” เขารีบตอบด้วยความดีใจ
โลกมนุษย์อย่างนั้นหรือ โลกมนุษย์ โลกมนุษย์ รอชาบูหลั่นตาก่อนนะ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ