Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร
เขียนโดย Xian_xi
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) สหายต่างภพ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแนวไม้ใหญ่ พุ่มไม้ และหญ้าขจีทอดตัวตามทางลาดของเนินและทิวเขา สีเขียวๆชอุ่มของผืนป่า
ตัดกับท้องฟ้าใสเบื้องบน สายน้ำเย็นฉ่ำไหลรินพาความอุดมสมบูรณ์ไปทุกอณูแห่งผืนป่าอันร่มรื่น หญ้าต้องลม
พลิ้วราวคลื่นสีมรกต ดอกไม้ป่าสีสันสดใสเบ่งบานละลานตาทั่วทุ่งกว้าง ที่จุดหนึ่งของเนินเขาปรากฏร่างหนึ่ง
วิ่งมาไวๆ วิ่งไปดูตรงโน้นทีตรงนี้ที ท่าทางตื่นเต้นแกมเบิกบานใจ
“ โลกมนุษย์สวยจังเลยยยย! ” เขาวิ่งไปทั่ว “ สวยอย่างที่แม่ทัพใหญ่บอกไว้
จริงๆ ”
เสียแต่มีสัตว์ประหลาด หน้าตารูปร่างคล้ายสัตว์ในอุทยานสวรรค์ก็จริง แต่ไม่เหมือนกัน ดูประหลาด
กว่า หลากหลายกว่า บางตัวก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ บางตัวก็ตัวยาวๆผิวเป็นเลื่อมหัวเล็กๆแต่เขมือบสัตว์ที่ใหญ่
กว่าตัวเองหายไปกับตาได้ บางตัวก็อันธพาลเหลือเกิน กัดกวางตัวเบ้อเริ่มจนแน่นิ่งไปไม่พอ ยังหันมา
แยกเขี้ยวขู่จะงับคอเขาด้วยอีกผู้หนึ่ง ดีที่วิ่งหนีทัน
ร่างโปร่งแหงนหน้าขึ้น เห็นฝูงนกบินผ่านไป นึกสนุกกลับร่างเป็นมังกรทะยานขึ้นฟ้า แกล้งกวดตาม
ฝูงนกไปติดๆให้ตกใจเล่น
ร่างโปร่งเดินหัวเราะมาตลอดทางเมื่อนึกถึงตอนที่นกฝูงแตกบินหลงทิศกันหมด เขาเดินไปเรื่อยตาม
ความลาดของเนินเขา จำได้ว่าเซิ่งตู่บอกว่าบนโลกมนุษย์มีอะไรน่าสนใจหลายอย่าง แต่ตั้งแต่มานี่เห็นแต่ป่า
กับเขา ที่เหลือไปไหนหมด ไม่เห็นแม้มนุษย์สักคน เขาตัดสินใจเหาะขึ้นฟ้า สำรวจสถานที่ข้างเคียงและ
ไกลออกไป แล้วเขาก็ยิ้มออก เห็นแล้ว กลุ่มสิ่งก่อสร้างเล็กๆขนาบเคียงกันไป มันอยู่ด้านล่างเชิงเขานี่เอง
บางทีมันอาจเป็นที่อาศัยของมนุษย์ที่เขากำลังตามหาก็ได้ เขารีบออกวิ่ง มุ่งไปที่นั่น ภาพหลังคามุงหญ้าแห้ง
เริ่มปรากฏชัดแก่สายตา กระทั่งเขาลงมาถึงเชิงเขา
“ นี่น่ะหรือวิมานของพวกมนุษย์ ” พูดแล้วก็รีบหุบปากเพราะไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือเปล่า
ภาพเบื้องหน้าเขามันไม่น่าจะเรียกว่าวิมานได้เลย ไม่สิ ต้องเรียกว่าเทียบไม่ได้เลยมากกว่า หลังคา
หญ้าแห้งกระดำกระด่างเพราะผ่านแดดผ่านฝนมาแรมปีพอๆกับผนังสานผุๆพังๆ ล้อมรอบด้วยรั้วไผ่เก่าๆ ดูแล้ว
ไม่น่าจะอยู่ได้ หากมองเห็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆยังวางเป็นสัดส่วนและเห็นควันไฟลอยขึ้นจากด้านหลังบ้าน
ชาบูหลั่นตาคาดไม่ถึงว่าที่อยู่โกโรโกโสเช่นนี้ยังมีคนอยู่ จึงอ้อมไปด้านหลังเพื่อดูหน้าเจ้าของบ้าน
แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเจ้าของบ้านที่กำลังก่อไฟเป็นเด็ก เด็กผู้หญิงเสียด้วย แต่เขามอง
หน้านางไม่ถนัดนักเพราะใบหน้านั้นเปื้อนเขม่าควันเป็นปื้นใหญ่ นางละจากหน้าเตามามุมซักล้าง หยิบกล่อง
ใบหนึ่งซึ่งบรรจุถั่วเม็ดเล็กๆอยู่เกือบเต็มแล้วตักน้ำราด เขย่าๆ เทพมังกรเห็นอัปกิริยาเช่นนั้นก็ยิ่งให้
ประหลาดใจ เดินเข้าไปถาม
“ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ”
เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้น สบตอบด้วยดวงตาวาววับ แวบแรกที่เห็นเขาก็รู้สึกว่าดวงตากลมโตนั้นดู
น่ารักไม่น้อย ไร้เดียงสาแต่ก็สัมผัสถึงความเศร้าบางอย่างที่แฝงอยู่ ฝ่ายนางเห็นเสื้อผ้าที่ทำจากไหมมีราคา
และใบหน้าที่สะอาดสอ้านก็คาดว่าเขาเป็นขุนนางหรือเศรษฐีที่ไหนสักคนจึงค้อมหัวเชิงเคารพแล้วตอบ
“ ข้าน้อยกำลังล้างถั่วเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะเอาไปต้ม บ้านข้าน้อยยากจนนัก ถั่วกล่องนี้
เป็นอาหารสุดท้ายที่บ้านข้าน้อยมี ต้มแล้วจะเอาไปให้พ่อที่กำลังป่วยอยู่กิน ”
แล้วนางก็เงียบงัน ก้มหน้าลงราวกับจะหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ชาบูหลั่นตารู้สึกสงสารเลยย่อตัว
ลงคุยด้วย
“ พ่อเจ้าป่วยหนักไหม ” นางพยักหน้า “ แล้วทำไมไม่พาไปรักษา ”
“ ข้าน้อยไม่มีเงินเจ้าค่ะ จะพาพ่อไปรักษาก็ต้องจ่ายค่าหมอค่ายา ชาวนาจนๆอย่างเรา
ไม่มีเงินขนาดนั้น ”
เทพมังกรยิ่งรู้สึกสงสาร ทั้งยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กกตัญญู ไม่ควรจะมาเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ เขา
ยืดตัวขึ้น
“ เจ้าไม่ต้องเอาถั่วพวกนี้ไปต้มแล้วล่ะ ”
เด็กน้อยจ้องตอบด้วยความประหลาดใจ ชาบูหลั่นตายิ้มแล้วชี้ปลายไม้เท้าไปที่กล่องถั่ว ทันใดนั้น
เม็ดถั่วก็กลายเป็นเหรียญทอง นางตื่นตะลึง
“ ถั่วในนี้มีกี่เม็ดจะกลายเป็นเหรียญทองจำนวนเท่านั้น ทีนี้เจ้าก็มีเงินรักษาพ่อแล้ว ทั้งยัง
เหลือพอให้ครอบครัวเจ้าใช้ชีวิตได้อย่างไม่ลำบากอีกด้วย ”
เขาลูบหัวนางอย่างเอ็นดู พอหายตะลึงนางก็รีบลงไปหมอบกับพื้น พร่ำขอบคุณด้วยความดีใจ
“ อย่าทำแบบนั้น ” เขารีบพยุงนางขึ้นด้วยความตกใจ
“ ขอบพระคุณจริงๆเจ้าค่ะนายท่าน ” ดวงตาหวานชื้นน้ำตา แล้วมันก็พรั่งพรูออกมา
เขายิ่งตกใจลาน
“ ร้องไห้ทำไม หยุด หยุด ”
“ นายท่านเหมือนให้ชีวิตใหม่กับข้าน้อย ข้าน้อยดีใจจนหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว
พอเป็นอย่างนี้น้ำตาก็เลยไหลออกมา ปล่อยข้าน้อยร้องเถอะเจ้าค่ะ ”
“ เอาเถอะ เอาเถอะ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร บอกข้าได้ไหม ”
“ ข้าน้อยชื่อฟู่เอ๋อเจ้าค่ะ ”
“ ฟู่เอ๋อ? ชื่อเจ้าน่ารักดี ข้าชื่อชาบูหลั่นตานะ ”
“ นายท่าน ”
“ เรียกชื่อข้าเถอะ ”
“ ท่านชาบูหลั่นตา ”
“ เรียกชาบูหลั่นตาเฉยๆก็พอ ”
“ นายท่านเป็นผู้มีพระคุณจะให้ข้าน้อยตีเสมอได้อย่างไร ”
“ ข้าเบื่อคำยกย่องแบบนี้แล้ว ” ชาบูหลั่นตาบอก “ ข้าอยากเป็น...คนธรรมดาก็พอ
เรียกข้าแบบคนธรรมดาเถอะ ข้าขอร้อง ”
ฟู่เอ๋อดูลำบากใจและเกรงใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดเขา
ชาบูหลั่นตามีโอกาสหวนมาเยี่ยมสาวน้อยอีกครั้งหลังผ่านไปหลายวัน มาครั้งนี้ได้เห็น
ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ผนังผุพังของบ้านนี้ได้รับการซ่อมแซมแล้ว รั้วไผ่เก่าก็สร้างใหม่และหลังคา
ก็มุงใหม่ดูสะอาดตาขึ้นเยอะ เขาลองถามเซิ่งตู่ว่าสิ่งก่อสร้างพวกนี้เรียกว่าอะไร คำตอบคือบ้าน แต่เป็นบ้าน
เล็กๆอย่างกระท่อมชาวนายากจน จะว่าไปคำว่ายากจนหมายถึงอะไร เขาเองก็ไม่แน่นักแต่ตีความจากคำพูด
ของฟู่เอ๋อได้ว่าคือไม่มีเงิน เซิ่งตู่บอกเขาว่าจะลำบากมากแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักเพราะตั้งแต่เกิดมาก็
ไม่เคยพบกับสภาวะเช่นนี้
เขาชะเงื้อชะแง้ข้างรั้วมองหานางอยู่พักหนึ่ง
“ นายท่าน ” เสียงแจ๋วร้องด้วยความยินดี นางรีบออกมาหน้าประตู
“ ฟู่เอ๋อนั่นชุดใหม่นี่ ” นางดูชุดตัวเองแล้วยิ้มร่าเริง
“ ข้าน้อยพาพ่อไปหาหมอแล้วตอนนี้อาการท่านดีขึ้นมาก ทองที่ท่านให้มายังเหลือ
อยู่มาก ท่านพ่อบอกให้ข้าน้อยเปลี่ยนชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ไม่รู้จะเก่าอย่างไรแล้ว ” นางเล่า “ ท่านพ่อยัง
บอกให้เก็บทองให้ดี รอหายดีแล้วจะใช้ทองนั้นสร้างตัวได้ ขอบคุณมากเจ้าค่ะนายท่าน ”
ฟู่เอ๋อโค้งสุดหลัง ชาบูหลั่นตาตกใจร้องห้าม นางจึงกลับท่าเดิมแล้วยิ้มกว้าง
“ ก็ดีแล้วล่ะ ” เขายิ้มสบายใจ
“ อ้อ นายท่าน วันนี้มีงานโคมไฟที่หมู่บ้านด้านล่าง นายท่านจะไปเที่ยวงานหรือเปล่า
เจ้าคะ ”
“ งานโคมไฟ? ” แวบแรกนึกฉงนแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่ามันอาจเป็นงาน
เทศกาลสนุกๆอย่างที่แม่ทัพใหญ่เคยพูดก็ได้ “ แล้วเจ้าจะไปหรือเปล่า ”
“ ข้าน้อยอยากไปเจ้าค่ะ แต่คงไม่ได้ไปเพราะจะไม่มีใครดูแลท่านพ่อ ถ้าจะไปคนเดียวท่านแม่คงไม่ยอมแน่ ”
“ แล้วถ้าไปกับข้าล่ะ ”
นางเบิกตาขึ้น จ้องเขาอย่างงวยงงและนึกว่าฟังผิดไป
“ ข้าก็อยากไปเที่ยวงานเหมือนกัน แต่ต้องไปคนเดียว ถ้ามีเพื่อนสักคนไปด้วยกัน
ก็คงดี ไปกับข้านะ ”
พอได้ยินเขาชวนชัดๆเช่นนี้ เรียวปากชมพูอ่อนก็เผยรอยยิ้มด้วยความปิติ
“ เจ้าค่ะ ” ดวงตากลมโตลุกประกายอย่างตื่นเต้น “ ข้าน้อยขอไปขออนุญาตท่านแม่
ก่อน ท่านแม่คะ...ท่านแม่... ”
นางรีบกลับเข้าบ้าน
ร่างโปร่งยืนโดดเดี่ยวเหนือทุ่งกว้างบนเนินเขา สองแขนกอดอกพลางเหลือบไปทางหมู่บ้านชาวนา
บ่อยๆ ผืนฟ้าเบื้องบนอาบแสงม่วงและส้มเรืองรองที่ปลายฟ้า ไม่นานสีน้ำเงินเข้มก็กลืนกินจนเหลือฟากฟ้า
เวิ้งว้าง ดาวดวงเล็กๆเริ่มจับจองพื้นที่ส่องแสงระยิบระยับไปทั่วฟ้า เงาไม้ครึ้มลู่โอนเอนตามสายลมรัตติกาล
“ นายท่าน ”
เด็กน้อยวิ่งขึ้นมาจากทางหมู่บ้าน ชาบูหลั่นตาหมุนตัวมาแล้วยิ้มยินดี นางอยู่ในชุดสีชมพูอ่อนดู
น่ารักสมวัย เกล้ามวยและปักปิ่นเล็กๆอันหนึ่ง คาดว่าแม่นางคงแต่งให้
“ ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาช้าไปหน่อย ” นางก้มหัวประหลกๆ
“ เจ้าคงอยากดูแลพ่อก่อนออกมา ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็กำลังดูอะไรเพลินๆอีกอย่าง
ก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน ข้าว่างวันนี้เพื่อมาที่นี่และไปกับเจ้า เราไปกันเถอะ ”
“ ด..เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ” นางลนลานตบๆเสื้อตัวเองแล้วยิ้มโล่ง ล้วงถุงเงินออกมา
จากอกเสื้อ “ คิดว่าจะลืมซะแล้ว แฮ่...ถ้าลืมเอาเงินไปเดี๋ยวต้องทำให้นายท่านเดือดร้อนอีกแน่เลย ”
“ ทองทั้งกล่องข้ายังให้เจ้าได้ จะประสาอะไรกับเงินเล็กๆน้อยซื้อขนมให้เด็กน้อย
อย่างเจ้า ” เขาตอบยิ้มๆ
“ สักครู่นะเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าลืมอะไรบ้างหรือเปล่า ”
“ ลืมสิ เจ้าลืมสิ่งหนึ่ง ความจริงก็ลืมมาตั้งแต่กลางวันแล้ว ” นางมองเขาอย่างฉงน
“ เจ้าลืมที่ข้าขอร้องให้เจ้าเรียกชื่อข้าเฉยๆไม่ต้องเรียกนายท่าน และคำว่าเจ้าค่ะนั่นก็ไม่ต้องเรียกด้วยเจ้าก็ลืม
เรียกนายท่านเจ้าค่ะอย่างเต็มปากไม่มีนึกได้เลย ”
“ ข้าน้อยขอโทษเจ้าค่ะ ” นางรีบค้อมหัว เงยหน้าก็เห็นเขาถลึงตาใส่ “ อ..อ้อ
ไม่ใช่ ช..ชาบูหลั่นตา โอ๊ยยย ข้าน้อยเรียกเช่นนั้นไม่ได้จริงๆเจ้าค่ะ ”
ชาบูหลั่นตาคงถอนหายใจหากเขาเป็นมนุษย์ “ ข้าเบื่อคำยกย่องเต็มที เรียกข้าอย่างเพื่อนได้ไหม
ไม่ว่าข้าเป็นใครฐานะอะไรไม่ต้องสนใจทั้งนั้น ให้ข้าได้เป็นคนธรรมดาที่เป็นเพื่อนกับเจ้าได้ก็พอ ให้ข้าเป็น
เพื่อนกับเจ้าได้ไหม ”
“ นายท่าน... ” เสียงนางแผ่วไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวที่ฉายออกมาทั้งทาง
สีหน้าและแววตาของเขา แล้วเขาก็ยื่นมือมาข้างหน้านาง
“ ไปเถอะ ”
นางมองหน้าเขาครู่หนึ่ง แล้ววางมือบนมือนั้น มือเล็กทาบทับมือหนาก่อนมือหนาจะเกาะกุมไว้มั่น
นางบีบมือนั้นเบาๆคล้ายจะปลอบเขา แล้วทั้งคู่ก็เคลื่อนกายลงจากเนินเขามุ่งไปที่หมู่บ้านด้านล่าง
“ ท่านแม่เคยบอกว่างานโคมไฟเป็นส่วนหนึ่งของพิธีบูชามังกรฟ้า ผู้ใหญ่บ้านจะทำพิธี
บวงสรวงเทพมังกรให้ท่านช่วยคุ้มครองคนในหมู่บ้านและบันดาลให้น้ำท่าบริบูรณ์ ฝนจะได้ตกตามฤดู ชาวไร่
ชาวนาอย่างพวกเราจะได้ไม่ลำบาก ”
ชาบูหลั่นตาไม่รู้มาก่อนว่าเทพมังกรช่วยบันดาลฝนบันดาลความอุดมสมบูรณ์ได้ จะว่าไปก็นึกถึง
ตอนเสกทองให้ฟู่เอ๋อ ตอนนั้นแค่คิดว่าอยากให้มันเป็นมันก็เป็นไปตามนั้น บางทีคิดว่าอยากบันดาลฝนก็คง
ทำได้เช่นกัน แต่ว่าเขาไม่เคยทำมาก่อนนี่ แล้วพิธีที่ว่ามีมานานหรือยังแล้วมันเคยสำเร็จบ้างหรือเปล่า
ถ้าสำเร็จแล้วใคร?
“ พิธีนี้ทำมานานหรือยัง เคยสำเร็จบ้างหรือเปล่า ”
“ ค่ะ พวกเราทำทุกปีแล้วก็สำเร็จอย่างที่ขอจริงๆ ความจริงครอบครัวข้าก็พออยู่ได้
แต่พอพ่อป่วยทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงหมด ”
“ ที่เจ้าพูดมาหมายความว่ามีมังกรมานานแล้วหรือ ” เขาตื่นเต้น “ แล้วพวกเขา
อยู่ที่ไหนบ้างเจ้ารู้หรือเปล่า ”
“ ท่านแม่บอกข้าว่ามีคำร่ำลือว่ามีเทพมังกรจำนวนมาก ท่านสถิตอยู่ตามแม่น้ำ ห้วย
บึง ทะเลสาบ ทุกที่ที่มีแหล่งน้ำ แต่มังกรฟ้าเป็นมังกรชั้นสูง เป็นหัวหน้ามังกรทั้งหลาย สถิตบนสวรรค์และ
จะมีผู้เดียวเท่านั้น พอเราบูชาท่านท่านก็จะออกคำสั่งให้เหล่ามังกรบริวารเติมเต็มน้ำที่พร่องไปด้วยสายฝน
ท่านเชื่อไหมคะว่าฝนจะตกลงมาหลังจากจบพิธีไม่นาน ”
ชาบูหลั่นตาไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นแกมประหลาดใจอย่างนางเลย กลับครุ่นคิดว่าถ้าหากคำร่ำลือนี้
เป็นความจริง เขาก็จะออกตามหามังกรพวกนั้น เป็นมังกรด้วยกันคงมีความเกรงอกเกรงใจน้อยลง บางทีเขา
อาจได้เพื่อนที่รู้ใจก็ได้ แต่แล้วเขาก็นึกได้ถ้ามังกรฟ้าเป็นหัวหน้าเหล่ามังกร พวกนั้นคงยำเกรงเขาแน่
แล้วนั้นจะต่างอะไรกับตอนอยู่ข้างบน สู้ปลอมเป็นมนุษย์ธรรมดาเป็นเพื่อนกับมนุษย์ธรรมดาอย่างฟู่เอ๋อดีกว่า
แม้จะต้องปิดบังฐานะที่แท้จริงกับนางตลอดไปก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเสี่ยงให้นางรู้ความจริงแล้วอาจหนีเขาไปด้วย
ความเกรงกลัว
“ มังกรฟ้าที่หมู่บ้านเจ้านับถือคงรูปร่างใหญ่โตและมีกำลังมากพวกเจ้าไม่กลัวหรือ ”
“ ไม่มีใครกลัวท่านหรอกค่ะ เพราะท่านมาก็นำแต่ความสุขความสมบูรณ์ให้ ”
“ แล้วเจ้าล่ะกลัวไหม ” เขาถามหยั่งเชิง
“ สำหรับข้านอกจากไม่กลัวแล้วยังนับถือท่านมากด้วย เพราะท่านให้ชีวิตแก่ครอบครัว
ข้า ให้เราไม่ต้องอดอยาก อ๊ะ...เหมือนตอนที่นายท่านช่วยครอบครัวข้าน้อยไว้เลย ”
“ ฟู่เอ๋อ ” จู่ๆชาบูหลั่นตาก็กระตุกมือนางเสียอย่างนั้น แต่แล้วคำพูดที่อยากเปิดเผย
ก็จุกอยู่ที่คอเพราะลังเล นางดูตกใจมาก แล้วเขาก็พยายามสลัดความลังเลออกไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้า
ภายหลังพวกเขาสนิทกันแล้วความจริงเกิดเผยออกมาโดยไม่ตั้งใจ กลัวตัวเองจะต้องเสียใจมากยิ่งถ้าหากว่านาง
เป็นเพื่อนที่ดีของเขาได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็บอกความจริงไปเลยดีกว่า ถ้าไม่กลัวก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้ากลัวเขา
ก็ทำใจ แต่แอบหวังว่านางอาจไม่กลัวเพราะนางบอกเองนี่ “ ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า จริงๆแล้วข้าน่ะ... ”
“ นายท่าน! ” นางร้องตะโกนขึ้นมา หันไปทางหนึ่งที่ดูเหมือนคนจะรวมตัวพลุกพล่าน
ขึ้นเรื่อยๆ “ จะทำพิธีกันแล้วค่ะ รีบไปเถอะค่ะเดี๋ยวไม่ทัน ท่านไม่เคยมางานนี้ไม่ใช่หรือคะ ”
ชาบูหลั่นตาชะงักค้าง ปล่อยให้นางลากตัวไป
“ โคมไฟสวยจังเลย ” นางตื่นเต้นดูโคมไฟหลากสีที่แขวนตามหน้าบ้านหน้าร้าน
เป็นแนวยาวตั้งแต่ปากตรอกยันทางเข้าพิธี ชายหนุ่มเดินตามต้อยๆ ไม่ค่อยสนใจบรรดาโคมไฟเท่าไร มุ่งแต่
อยากจะดูพิธีเท่านั้น ฟู่เอ๋อช่วยพาเขาแทรกไปอยู่ด้านหน้าแถว รอบเขตพิธีตกแต่งด้วยโคมไฟสว่างไสว
ไปทั่ว แสงส้มเรืองรองแทบกลืนความงามของดาวกระจ่างบนฟ้า สว่างราวกับกลางวัน เห็นแม้กระทั่งลาย
บนใบไม้ที่โบกหวิว กลางพิธีตั้งแท่นบูชาขนาดใหญ่ มีเครื่องสังเวยอย่างดอกไม้ เครื่องหอม เทียน อาหาร
ขนมและสุรา ครั้นแล้วผู้ใหญ่บ้านก็ปรากฏตัวพร้อมผู้ช่วย พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เดินตาม
กันมาถึงแท่นพิธี ผู้ใหญ่บ้านจุดเทียน โปรยเครื่องหอม แล้วกล่าวคำบูชาด้วยเสียงอันดัง
“ ข้าแต่เทพมังกรฟ้าผู้กุมชะตาหมู่บ้านผาจีและเป็นผู้ควบคุมฝน บัดนี้ เราชาวหมู่บ้าน
ผาจีได้นำเครื่องเซ่นสังเวยมาถวายแด่ท่าน อาทิ อาหาร ขนม สุรา พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ ดอกไม้
เครื่องหอม ขอเชิญท่านเทพมังกรโปรดมารับเครื่องเซ่นสังเวยนี้...”
“ ฟู่เอ๋อ โต๊ะบูชาเล็กๆที่อยู่รอบนอกนี่คืออะไร ” ชาบูหลั่นตากระซิบถาม
“ เป็นโต๊ะสังเวยของมังกรบริวารค่ะ ”
“ หมายความว่าจะมีมังกรอื่นถูกเรียกมาที่นี่ ” ชาบูหลั่นตามองหาด้วยความตื่นเต้น
“ รวมถึงมังกรบริวารใหญ่ทั้งเจ็ดตนขอเชิญมารับเครื่องสังเวยบนโต๊ะบูชาที่ตั้งอยู่รอบนอก
เมื่อทุกท่านมารับเครื่องสังเวยแล้วขอโปรดบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขและสายฝนที่ชุ่มฉ่ำหล่อเลี้ยงนาข้าว
สวน ไร่ ของชาวผาจีให้อุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเราต่อไปชั่วกาลนาน และขอได้โปรด ปกป้อง
คุ้มครองพวกเราให้ปลอดภัยจากสัตว์ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ รอดพ้นจากภัยต่างๆ ขอให้เรามีความสุขความเจริญ
ไปชั่วกาลนาน ”
จบคำกล่าวของผู้ใหญ่บ้านก็บังเกิดลมพายุพัดกระพือไปทั่ว กิ่งไม้แกว่งพะเยิบพะยาบ โคมไฟไหว
โอนเอน ผู้ร่วมพิธีถึงกับยกแขนป้องลม ลมนั้นแทบจะหอบเอาเครื่องสังเวยไปด้วย ทันใดนั้นเบื้องฟ้า
ก็ปรากฏสายฟ้าแลบแปลบปลาบ แสงขาวทาบสรรพสิ่งเบื้องล่างวาบๆวับๆ
“ นายท่านดูนั่น ” ฟู่เอ๋อชี้ชวนแล้วชะงักค้าง ร่างนายท่านของนางเริ่มเลือนจาง
แต่กลับมีแสงขาวเปล่งออกมาและสว่างขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามีนางเท่านั้นที่เห็นความผิดปกตินี้ เขา
เบือนหน้ามา ใบหน้าคมนั้นผิดแผกไปจากเดิม สุขุม นิ่งราวกับรูปสลัก แสงฟ้าวาบวับสร้างเงาบนใบหน้า
ครึ่งซีกนั้นให้ยิ่งดูสง่าเคร่งขรึม ดวงตาหวานเบิกขึ้นอย่างตื่นตะลึง จนลืมคำถามในหัวไปสิ้นว่าเขาเป็นอะไร
กันแน่
“ นี่ล่ะที่ข้าจะบอกเจ้า ข้าเป็นมังกรฟ้า... ”
สายฟ้าแลบวาบหนึ่งแล้วผ่าเสียงอื้ออึงน่าเกรงขาม เทพมังกรหันไปทางพิธี ร่างโปร่งแสงของมังกร
บริวารใหญ่ทั้งเจ็ดชูร่างทักทายหัวหน้าหลังฉากพิธี ไม่มีใครเห็นพวกเขานอกจากเทพมังกรกับฟู่เอ๋อ ฝ่าย
หัวหน้ายื่นแขนไปจนสุด ตั้งสติมั่น พลังจิตสื่อถึงเหล่ามังกรก้มหัวแล้วหายวับไป
“ เป็นอะไรไปเจ้าหนู ” ชายคนหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ ฟู่เอ๋อตะลึงจนตัวสั่น
เหงื่อแตกเต็มใบหน้า ชาบูหลั่นตามองเด็กน้อยอีกครั้งแล้วเดินทะลุผ่านทุกคนไปที่แท่นบูชาเพื่อรับ
เครื่องสังเวย ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา ผู้เฝ้ารอต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เว้นแต่ฟู่เอ๋อที่ตัวแข็งกับที่
แม้หยาดฝนจะหล่นต้องกายจนเปียกปอนไปทั้งร่างก็ตาม
มือน้อยเกร็งไม่กล้าขยับ ปล่อยให้มือใหญ่จูงนางไปตามใจเขา ดวงตากลมโตลอบมองแต่พอดวงตา
คมกลอกมาก็รีบหลบ
“ เจ้ารู้สึกอึดอัดใจใช่ไหม ” เทพมังกรหยุดเดิน หันมาจ้องนางด้วยสีหน้าเครียดไม่น้อย
“ รู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือว่ากลัวข้าที่เป็นมังกร ”
เด็กน้อยรีบชักมือตนกลับมาทำให้เขาเข้าใจผิดว่านางเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“ ไม่ใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ” นางปฏิเสธ “ แต่ข้าน้อยนึกไม่ถึงว่านายท่านที่ช่วยเหลือ
ครอบครัวข้าน้อยจะเป็นเทพมังกรฟ้าที่พวกเรานับถือ ”
“ เช่นนั้นเจ้าคงไม่กลัวข้าใช่ไหม ”
“ เจ้าค่ะ ” นางตอบแล้วยิ้มสดใส ชาบูหลั่นตาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ เช่นนั้นให้ข้าเป็นเพื่อนเจ้าได้หรือไม่ ”
“ นายท่านเป็นเทพมังกรฟ้าผู้สูงส่งไหนเลยลูกชาวนาอย่างข้าจะเป็นเพื่อนด้วยได้ ”
“ ทุกคนก็พูดเหมือนเจ้า ข้าเลยไม่มีเพื่อนต้องอยู่เดียวดายแบบนี้ ” ชาบูหลั่นตาบอก
“ เจ้าเป็นคนแรกที่ไม่กลัวข้า ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้า ให้ข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าเถอะนะ ไม่ต้องนึกถึงว่าข้า
เป็นใครมาจากไหน ขอให้คิดว่าข้าเป็นคนธรรมดาที่เป็นเพื่อนกับเจ้าได้ก็พอ ”
“ ค่ะนายท่าน ” นางยิ้มรับ “ แต่ขอให้ข้าเรียกท่านว่านายท่านเหมือนเดิมนะคะ
ให้เรียกชื่อตรงๆข้ารู้สึกขัดๆพูดไม่ออกอย่างไรไม่รู้ ”
“ ได้สิเด็กน้อย ” เขาก้มจับหัวนางอย่างเอ็นดู “ แต่อีกสิ่งที่ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้
ร่างที่เจ้าเห็นอยู่นี่มันคือร่างแปลง มันคือการหลอกลวง แต่รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของข้าน่าเกลียดน่ากลัว
ยิ่งนัก เจ้าอาจจะรังเกียจแล้วก็วิ่งหนีข้าไปเหมือนคนอื่น ”
“ สำหรับข้าจะคบใครดูที่ใจ หาใช่รูปร่างหน้าตาภายนอก นายท่านเป็นผู้มีจิตใจดี
ต่อให้ร่างแท้จริงของท่านเป็นเช่นไรข้าก็ไม่รังเกียจ ”
เทพมังกรยิ้มกว้าง ดวงตาคมเป็นประกายด้วยความยินดี
“ นายท่าน ” นางยิ้มน่ารัก “ ข้าไม่เคยเห็นท่านยิ้มสดใสอย่างนี้มาก่อน ”
“ นั่นสิ ข้าก็รู้สึกว่าได้ยิ้มเต็มที่อย่างนี้เป็นครั้งแรก ” เขาบอก “ เจ้าว่าตรงไหน
ที่น่าเที่ยวอีกนะ ”
“ ตรงนั้นค่ะ ข้าจะพาไปนะคะ ”
อีกครั้งที่สองมือกระชับมั่น พวกเขาวิ่งไปด้วยกันอย่างเริงร่า
“ ฟู่เอ๋อ ไปเที่ยวงานโคมไฟสนุกหรือเปล่า ” ผู้เป็นแม่ทักทันทีที่เห็นลูกสาวกลับ
เข้าบ้าน
“ พูดถึงนายท่านคนนั้น ” พ่อที่นอนบนเสื่อเอ่ยขึ้น “ เขาเป็นเศรษฐีหรือพ่อค้า
ที่ไหนหรือ หน้าตายังหนุ่มอยู่เลย ”
“ ก็คงเป็นเศรษฐีนั่นแหละ ” ภรรยาตอบแทน “ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทองมากมาย
ให้เรา ”
“ จริงด้วย ท่านพ่อท่านแม่คะ วันนี้ที่พิธีบวงสรวงข้าได้พบเทพมังกรฟ้าตัวจริงด้วยล่ะ ”
แม่ที่นั่งสานตะกร้าอยู่เงยหน้าขึ้นจากงาน เช่นเดียวกับพ่อที่มองมาที่ลูกทันทีอย่างประหลาดใจ
“ จริงๆค่ะ ท่านพาข้าเที่ยวทั่วงานเลย นายท่านคนนั้นค่ะ คนที่ให้ทองข้า จริงๆแล้ว
เป็นเทพมังกรฟ้า ”
สองสามีภรรยาเงียบงัน มองกันราวจะปรึกษา
“ ฟู่เอ๋อ ” พ่อนางส่ายหน้า “ นายท่านคนนั้นมาช่วยเหลือเราตอนที่ลำบากมาก
เจ้าคงจะรู้สึกราวกับเทพมังกรฟ้ามาให้ชีวิตใหม่ ”
“ ไม่ใช่นะคะ ข้าเห็นกับตา นายท่านมีแสงเรืองๆรอบตัวแล้วยังเดินทะลุผ่านคนได้ แล้ว
ข้ายังเห็นมังกรบริวารใหญ่ทั้งเจ็ดด้วย ”
“ ฟู่เอ๋อ ” แม่นางกล่าว “ ทุกครั้งหลังจบพิธีมักจะมีลมพายุและฟ้าแลบฟ้าผ่าอยู่เสมอ
อาจทำให้เจ้าเห็นเพี้ยนไปว่านายท่านมีแสงรอบตัวและเห็นภาพมังกรบริวารใหญ่ ด้วย ”
“ ท่านแม่คะแต่นายท่านบอกข้าเองว่าเขาเป็นเทพมังกรฟ้า ”
“ นายท่านคงเห็นเจ้าเป็นเด็กเชื่อถืออย่างนั้นก็เลยหยอกเจ้าน่ะ ” พ่อบอก
“ แต่ว่า... ” ฟู่เอ๋อไม่เข้าใจ ทำไมไม่มีใครเชื่อนาง
“ เจ้าเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยไม่น้อย ไปพักผ่อนเถอะลูก ” แม่ตัดบท
ฟู่เอ๋อจำต้องทำตามนั้น นางแน่ใจว่านายท่านเป็นเทพมังกรฟ้าแน่ๆ แต่ทำไมไม่มีใครเชื่อนางเลยนะ
“ เจ้าบอกว่าอยากเห็นร่างจริงของข้า ”
“ ใช่ค่ะ เพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อคืนงามโคมไฟข้าไม่ได้ตาฝาดไป ” นางตอบ “ นะคะ
นายท่าน ให้ข้าได้เห็นร่างจริงของท่านหน่อยเถอะ ”
ชาบูหลั่นตาลังเล “ เรื่องเผยร่างจริงไม่มีปัญหา แต่ข้ากลัวเจ้ารับไม่ได้ ขนาดเทพบนสวรรค์ยังหนี
ข้าเลย ”
“ ข้าก็บอกท่านแล้วว่าไม่กลัว ”
เทพมังกรเห็นท่าทางตั้งใจจริงของนางก็ยิ้มน้อยๆ
“ เอาเถอะ ก็ได้ แต่จะเผยร่างในหมู่บ้านไม่ได้ เจ้าตามขึ้นไปบนเขา ที่นั่นมีถ้ำใหญ่
อยู่แห่งหนึ่ง ข้าจะเผยร่างจริงที่นั่น ”
ทั้งคู่ไต่ขึ้นไปเกือบถึงยอดเล็กๆของภูเขานั้นอันเป็นที่ตั้งของถ้ำที่ว่า โพรงถ้ำมีขนาดกว้าง สูง
แต่ดูไม่ลึกเท่าไรนัก
“ ที่นี่แหละ ” ชาบูหลั่นตาบอก “ เราเข้าไปกันเถอะ ”
พาเข้าไปลึกจนแน่ใจแล้วว่าพ้นสายตาหากใครผ่านมาทางนี้จึงปล่อยมือฟู่เอ๋อแล้วถอยไปอีกทาง
หลับตารวมจิต ทันใดนั้นบังเกิดแสงขาวจ้าแล้วมังกรเขียวมหึมาก็ทะยานออกมา ฟู่เอ๋อตกใจถอยชนผนังถ้ำ
จ้องเทพมังกรอย่างตื่นตะลึง ครั้นได้สติก็ยิ้มตื่นเต้น
“ นายท่านคือเทพมังกรฟ้าจริงๆด้วย ข้าไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ ”
เทพมังกรกลายร่างแปลงอีกครั้ง
“ นายท่านคือเทพมังกรจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆ ” นางกระโดด
โลดเต้นด้วยความยินดี
ฟู่เอ๋อเดินยิ้มมาตลอดทางอย่างมีความสุข ผู้คนรอบข้าง ความพลุกพล่านในตลาดไม่ได้อยู่ในความ
สนใจของนางจริงๆ นางนึกอยู่แต่เทพมังกรฟ้า เด็กอย่างนางได้เป็นเพื่อนกับเทพมังกรฟ้าผู้สูงส่ง ราวกับ
ความฝัน ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น นางจะกลับจะไปยืนยันกับพ่อแม่ว่านางพูดถูกแล้ว ถ้าพวกท่านไม่เชื่อนางจะขอให้
นายท่านกลับร่างให้ดู
พลันสติก็กลับคืนมาเมื่อได้ยินเสียงห้าวแปร่งคุยกัน บางทีฟังเหมือนเอ็ดตะโร นางมองไปทางนั้น
ก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งดื่มเหล้าในร้านริมทาง มาเกือบสามสิบคนได้ เต็มร้านไปหมด มีผู้หญิงด้วยแต่
ท่าทางก๋ากั่นทั้งนั้น ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นพวกคณะละครเร่ ที่โต๊ะหนึ่งกำลังประชุมอะไรกันท่าทาง
เคร่งเครียดไม่น้อย นางเดินผ่านไปทางนั้นได้ยินการสนทนาอย่างชัดเจน
“ ข้าว่าการแสดงของเรามันเก่าไปแล้วนะ คนดูคงอยากเห็นการแสดงใหม่ๆบ้าง ”
“ เมื่อคืนที่งานบวงสรวงมังกรฟ้าน่าอัศจรรย์มากเลยล่ะ ข้าอยากได้มาเป็นการแสดง
แบบใหม่ของเราที่มีมังกร! ”
“ ความคิดเข้าท่า แต่เราจะไปเอามังกรมาจากที่ไหน ”
“ ถามพวกหมู่บ้านผาจีซีว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน ”
“ ข้าได้ยินมาว่าอยู่บนสวรรค์โน่น เจ้าจะขึ้นไปเชิญลงมารึ ”
“ ข้ารู้ค่ะว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน ”
พวกเขาหันมามองฟู่เอ๋อเป็นตาเดียว
“ เจ้าว่าอะไรนะ ”
“ ข้ารู้ค่ะว่าเทพมังกรฟ้าอยู่ที่ไหน ”
พวกเขามองหน้ากัน ประหลาดใจและไม่ค่อยเชื่อ
“ ข้าเป็นชาวหมู่บ้านผาจี เทพมังกรฟ้ามีจริงๆ ข้าเป็นเพื่อนของท่าน ข้ารู้ว่าท่าน
อยู่ที่ไหน ”
พวกเขาขบขัน “ เทพมังกรนี่นะเป็นเพื่อนกับเด็กอย่างเจ้า แม่เจ้าเล่านิทานให้ฟังบ่อยไปรึเปล่า
นังหนู ”
“ ท่านอยู่บนเขาค่ะ เดินไปสุดหมู่บ้านขึ้นเขาไปถึงยอดเล็กก็จะเจอถ้ำใหญ่ ท่าน
สัญญาว่าจะมาพบข้าที่นั่นบ่อยๆ ”
“ ยอดนั่นน่ะนะ ” คนหนึ่งชี้ถาม นางรีบพยักหน้า
“ ข้าคือหัวหน้าคณะละครเร่ ” ชายสูงวัยไว้หนวดเครากล่าวแก่นาง “ ที่เจ้าเล่ามา
น่าสนใจ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ไปเสียเที่ยว ”
“ ท่านลุงคงต้องไปดูเองล่ะค่ะ ”
หัวหน้าคณะนิ่งชั่งใจครู่ใหญ่
“ เอาล่ะ ลุกได้แล้วพวกเรา ” เขาเรียกคนอื่นๆ “ นังหนูนี่เป็นคนหมู่บ้านผาจีคงรู้
อะไรดีๆมา ลองไปดูสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร เผลอๆคณะเราอาจได้เทพมังกรมาเป็นตัวแสดงชุดใหม่ก็ได้ ”
“ อะไรนะคะเอามาแสดงละคร ”
“ ใช่ ” อีกคนตอบให้ “ เราต้องการการแสดงชุดใหม่ ถ้ามีมังกรสักตัวมาแสดง
อิทธิฤทธิ์ให้ดูคงสนุกไม่น้อย ”
“ แต่เทพมังกรฟ้าท่านเป็นเทพที่เรานับถือมากและช่วยบันดาลความสมบูรณ์ให้เรา
ไม่ใช่ตัวแสดงที่ไหนนะ ” ฟู่เอ๋อแย้ง
“ ก็นั่นแหละยิ่งดี คราวนี้คนดูต้องเพิ่มมากขึ้น คณะเราต้องโด่งดังไปทั่ว เราจะรวย
แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”
“ อย่ารอช้าเลยรีบไปเร็ว ”
พวกเขาพากันออกเดินทางโดยที่ฟู่เอ๋อไม่อาจยั้งไว้ได้เลย แต่คงไม่เป็นไร ถ้าพวกเขาไปที่นั่นตอนนี้
นายท่านคงกลับสวรรค์ไปแล้ว พวกนั้นไปไม่เจอก็คงจะล้มเลิกความคิดไปเอง แล้วนางก็นึกได้ว่าก่อนนาง
จะจากเขามา เขาบอกนางว่ายังมีเวลาเหลืออยู่เลยอยากจะอยู่เที่ยวชมธรรมชาติต่อ เขายังอยู่ที่นั่น แย่แล้ว!
ถ้าพวกนั้นไปถึงเขาต้องถูกพบแน่ แล้วนางก็คิดได้ว่าพวกคณะละครเร่เป็นคนต่างถิ่น ท่าทางพวกเขาไม่ได้
เคารพเทพมังกรเหมือนชาวผาจี หนำซ้ำยังจะเอาท่านไปแสดงละครเพื่อหาเงินบำเรอตัวเอง พวกเขาคง
หยาบคายกับนายท่านแน่ นี่นางทำอะไรลงไป นายท่านไว้ใจนางถึงบอกฐานะจริงให้รู้ แต่นางกลับชี้ทาง
ให้คนไม่หวังดีไปจับเขา นางรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ นางต้องรีบไปให้ถึงที่ถ้ำก่อนคนพวกนั้น ไปเตือน
นายท่านให้หนีไปก่อนพวกนั้นจะมาถึง นางหันหลังกลับวิ่งไปทางขึ้นเขาสุดชีวิต
ฝ่ายชาบูหลั่นตาเที่ยวจนพอใจแล้วก็กลับมาพักในถ้ำ ไม่รู้เลยว่าผู้ไม่ประสงค์ดีเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้
ทุกที
ฟู่เอ๋อรีบร้อนจนสะดุดล้มลุกคลุกคลาน เห็นแผลถลอกเลือดซึมก็ไม่ใส่ใจ ฝีเท้าเด็กอย่างนาง
จะล่วงไปถึงก่อนพวกนั้นไหมนะ นายท่าน...นายท่านอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ