Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร
6.6
เขียนโดย Xian_xi
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.
13 ตอน
20 วิจารณ์
18.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) วุ่นวาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ราชาจวงหยูตะลึงพรึงเพริศ ขยับถอยพระองค์ไปตั้งหลักด้านหลัง พระหัตถ์ควานหา
ดาบคู่ใจเปะปะ พลันนึกขึ้นได้ว่าขณะทำพิธีบวงสรวงจะไม่มีการพกของมีคม ส่วนเฉิงซู่
กับเหล่าทหารอารักขานั้นอยู่ห่างไกลไปมากทีเดียว
“ ไม่มีใครเห็นข้านอกจากเจ้า ” ร่างสยองขวัญรู้ทันความระแวง “ ข้ามาดี
ไม่ได้มาร้ายอะไร ”
พระองค์หยุดละล้าละลัง แล้วข่มความกลัวตรัสถามไป
“ เจ้ามันคือตัวอะไรกันแน่ ”
ใบหน้ากะโหลกแย้มเขี้ยวคมปรีดา ราวกับรอคำถามนี้อยู่แล้ว
“ ข้าคือผู้ที่เจ้าต้องการ ”
“ อะไรนะ ”
“ แคว้นใหญ่ทางตะวันตกที่เจ้าคิดหลุดจากพันธนาการมีกำลังทหาร
แสนยานุภาพสูง และพันธมิตรที่พร้อมร่วมมือร่วมใจกว่ายี่สิบแคว้น ทั้งยังมีสวรรค์
คอยคุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ข้อได้เปรียบแค่สามอย่างก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าไม่สมหวัง
ง่ายๆ ” เขาบอก “ สวรรค์คุ้มครองเฟิงโจวเหมือนพ่อคุ้มครองลูก เฟิงโจวมีซู่ซินอยู่ในอาณัติ
ได้รับประโยชน์มากมาย ถ้าซู่ซินปลดแอกสำเร็จจะตัดผลประโยชน์นั้น เจ้าไปร้องขอสวรรค์
ให้ทำลายประโยชน์ของผู้อยู่ในคุ้มกัน แล้วพวกเขาจะช่วยเจ้าหรือ ข้าถึงได้หัวเราะเยาะ
ความคิดเจ้า ”
“ ไม่จริง สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างใครนอกจากคนดี ” ราชาจวงหยูเถียง
เสียงแข็ง “ พวกเฟิงโจวจอมเสแสร้ง เลวแอบแฝงพวกนั้น สวรรค์ไม่มีทางเข้าข้างแน่...ดูจาก
รูปลักษณ์ของเจ้า เจ้าเป็นปีศาจผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสวรรค์ใช่ไหม เจ้าคิดจะมายุยงให้ร้าย
สวรรค์ ”
จอมปีศาจกลั้วหัวเราะ ส่ายหัวช้าๆด้วยรอยยิ้มสมเพช
“ เจ้าเป็นเจ้าแคว้น ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างดีก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
เจ้าแคว้นเฟิงโจวสำหรับในแคว้นเขาเองก็เช่นกันก็เป็นคนดี แต่ทำไมสวรรค์จึงเพิกเฉยต่อคำขอ
ของเจ้า ซ้ำยังไปสร้างความรุ่งเรืองให้แก่เฟิงโจวฝ่ายเดียว เช่นนี้ไม่เรียกว่าเข้าข้างเฟิงโจว
แล้วจะเรียกว่าอะไร ”
เจ้าแคว้นซู่ซินชะงักตรึกตรอง พยายามหาเหตุผลมาคัดค้านแต่นึกไม่ออก ทั้งยังเริ่ม
สงสัยตาม แสดงออกทางสีพระพักตร์ที่งุ่นง่าน ตึงเครียดระคนสับสน
“ ซู่ซินบูชาสวรรค์มายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น แต่สวรรค์ตอบแทนพวกเจ้า
เพียงเล็กน้อยด้วยการบันดาลตามคำขอบางประการ เพื่อให้พวกเจ้ารับรู้ความศักดิ์สิทธิ์
และนับถือต่อไปเท่านั้น แต่พอถึงคราวเฟิงโจวจะเข้าครอบงำ สวรรค์กลับหายไป ไม่รับรู้
ไม่ช่วยเหลือ กระทั่งซู่ซินต้องตกเป็นแคว้นขึ้นต่อเฟิงโจว ผู้กล้าที่อาจหาญอยากเป็นอิสระ
ต้องพบจุดจบอย่างน่าสมเพช ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของเจ้า ”
ดวงพระเนตรคมดุแปรสั่นไหว ภาพเหตุการณ์ราวฝันร้ายเมื่อกาลก่อนพลันย้อนคืน
“ พวกเจ้าบูชาสวรรค์ก่อนก่อการ มั่นใจและคาดหวังว่าสวรรค์จะเห็นแก่
ความตั้งใจ แต่แล้วพวกเจ้ากลับถูกต้อนจนอับจนหนทาง... ”
“ พอที! ” เจ้าแคว้นตะเบ็งเสียงลั่นผสานกรีดร้อง อีกฝ่ายหยุดพูดฉับพลัน
พระเนตรราชาจวงหยูลุกโชนด้วยไฟกริ้ว
“ บูชาสวรรค์ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เจ้าจะยังทำต่อไปอีกหรือ ”
“ ข้าไม่เชื่อ ”
“ เลิกบูชาสวรรค์แล้วมาบูชาข้าแทน ข้าจะช่วยเจ้าปลดจากพันธนาการ
ลืมทุกสิ่งที่กังวล พลิกข้อด้อยเป็นได้เปรียบอย่างน่าทึ่ง เจ้าสนใจไหม ”
ข้อเสนอของเขาฟังดูน่าสนใจ หากแต่ราชาจวงหยูเกรงว่าจะแฝงการล่อลวงอะไร
“ แม้เฟิงโจวจะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเพียงใด ” แววพระเนตรคมปลาบ
เชื่อมั่น “ ข้าจะขอปลดแอกซู่ซินด้วยกำลังของซู่ซินเอง ดีกว่าต้องพึ่งพาปีศาจเช่นเจ้า ”
จอมปีศาจหัวเราะก้อง ขบขันและเย้ยหยันอยู่ในที
“ ข้ามาเสนอผิดคนเสียแล้ว เจ้าแคว้นซู่ซินโง่เง่าและหยิ่งผยองถึงเพียงนี้
ทั้งที่รู้อยู่ว่ากำลังของซู่ซินไม่อาจเฟิงโจวได้ ”
“ เจ้าดูถูกเราเกินไปแล้ว ” ราชาจวงหยูไม่พอพระทัย “ กำลังของซู่ซินยังสู้
เฟิงโจวไม่ได้ แค่ตอนนี้เท่านั้น! ”
ดวงตาสีอำพันฉายแววรู้สึกขัดใจไม่ใช่น้อยที่ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน ราชาจวงหยู
หันพระองค์จะจากไปอย่างไม่ไยดี
“ ตามใจเจ้า แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ในคืนเพ็ญที่ใกล้จะถึงนี้ ให้นำ
เลือดสดถ้วยหนึ่งมาบูชาข้าที่ใต้ต้นไม้นี้ด้วยตัวเอง และมาคนเดียว ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้
หากไม่มาในวันนั้น เจ้าจะไม่ได้เจอกับข้าอีกแล้ว ”
ราชาจวงหยูหันพระพักตร์กลับหมายตอบโต้ แต่ไร้ซึ่งเงาทะมึน จอมปีศาจจากไปแล้ว
อย่างไม่ทันรู้สึกพระองค์สักนิด เหลือไว้แต่ใบไม้ร่วงโปรยปราย
ใบไม้แห้งร่อนลงกระทบหลังคามุงหญ้าเหนือบ้านขนาดย่อม เกี่ยวใบหญ้าค้างเติ่ง
ไม่ไปไหน มองไกลๆเหมือนสร้างด้วยมวลใบไม้ลานตา ลมอ่อนๆพัดมาเพียงวูบเดียว
ใบไม้แห้งที่ติดกับกิ่งอย่างหมิ่นเหม่ก็พลิ้วหลุดโปรยปราย
“ ใบไม้ร่วงลงมาอีกแล้ว เยอะเลย เดี๋ยวต้องกวาดกันอีก ไม่อย่างนั้น
จะปลิวเข้าบ้านหมด ”
สองแม่ลูกออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวนอกบ้าน มองดูใบไม้ร่วงเพลินๆ ผู้เป็นแม่
บรรจงหวีผมยาวสลวยของลูกอย่างเบามือ
“ ดูสิ ผมของเจ้าดำขลับสวยดีจัง ยิ่งใกล้แต่งงานเจ้ายิ่งดูสวยขึ้น...
แต่ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ตื่นเต้นดีใจเลย หมู่นี้ก็ไม่ค่อยยิ้มด้วย ”
“ ข้าไม่เป็นไรค่ะ ” ฟู่หลานยิ้มจางจนแทบเลือนหาย
“ เกิดมาเป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่แล้ว ” ไห่เซินบอก “ ท่านยิน
เป็นผู้ชายที่ดี ไม่ถือตัวและใส่ใจเจ้ามากด้วย และเขาก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ คงจะเลี้ยงดูให้เจ้า
ไม่ลำบาก และต่อไปเจ้าจะได้รับการยกย่องในฐานะเป็นเมียเขา ”
ใบหน้าอ่อนหวานฉาบด้วยความหม่นเศร้าเมื่อได้ยินชื่อนั้น ไห่เซินไม่ทันสังเกตอาการ
ลูกสาวก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางหน้าบ้าน
“ ใครมาน่ะ ” ฟู่หลานมองตามอย่างใคร่รู้
“ เจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวแม่ออกไปดูเอง ” ไห่เซินรีบลุกออกไป
คล้อยหลังแม่ไปแล้ว ฟู่หลานหยิบหวีไม้ที่แม่ทิ้งไว้ข้างตัวมาถือไว้ สายตาเลยไป
เห็นกล่องไม้อย่างดี ข้างในบรรจุเครื่องประดับทองแวววาวหลากชนิดที่ยินเอามาให้เพื่อเอาใจ
นาง นางเลือกเอาปิ่นอันหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นทองคำประดับอัญมณีสุกสกาวจะพลิกดูรงไหน
ก็งดงามสมบูรณ์แบบ
...ชาบูหลั่นตา...การแต่งงานครั้งนี้ทำให้นางสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป
“ ข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี ” ถ้อยคำพร่ำสัญญาของยินแว่วขึ้นมา
“ ท่านยินจะเลี้ยงดูเจ้าไม่ให้ลำบาก ” คำพูดของแม่ยังก้องอยู่ในหู
พลันนิ้วเรียวก็ม้วนกำปิ่นนั้นจนแน่น
แต่ข้าไม่ต้องการ!
นางร่ำร้องในใจ แต่นางก็ไม่รู้จะปฏิเสธยินอย่างไรดี นางวางปิ่นลงกล่องอย่าง
ทอดถอนใจ ปกติเมื่อใดที่มีปัญหาแก้ไม่ตก ชาบูหลั่นตาจะคอยอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือ
นางเสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว อยู่ที่ไหนแล้ว...
เสียงเอะอะปึงปังเหมือนของพังถล่มตามด้วยเสียงกรีดร้องตื่นตระหนกของไห่เซิน
ฟู่หลานรีบลุก วิ่งอ้าวไปหน้าบ้านอย่างเร็วจี๋
ไม้กวาดและเครื่องครัวหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ถังไม้กลิ้งขลุกๆข้างไห่เซินที่ยืนหน้าซีด
ตัวสั่น
“ คิดว่าข้าจะอยู่นิ่งเฉยให้เจ้าแต่งงานกับยินได้ง่ายๆหรือ! ”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคุ้นหูจนฟู่หลานสะดุ้งเหลียวไปทางประตู เวยฮูหยินยืนจังก้า
หน้าถมึงทึง ข้างๆและข้างหลังมีชายร่างใหญ่หลายคนกับสาวใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย
ฟู่หลานเห็นนางพาผู้ชายมาด้วยมากมายเช่นนั้นก็แสดงอาการหวาดผวา
“ นังคนชั้นต่ำ ถ้าเจ้ายังดื้อดึงจะแต่งงานกับลูกชายข้าก็อย่าได้อยู่อย่างสงบเลย ”
เวยฮูหยินตะโกน “ เข้าไปเลย พังทุกอย่าง อย่าให้มันอยู่ได้ ”
สิ้นคำสั่ง พวกผู้ชายก็กรูเข้าไปในตัวบ้านโดยที่สองแม่ลูกไม่อาจยับยั้งได้ เสียงทำลาย
ของโครมคราม บางคนโยนของออกมาด้านนอกแล้วตามออกมากระทืบต่อหน้า สองแม่ลูก
ยืนเกาะกันไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ชายคนหนึ่งนอกบ้านเห็นเครื่องมือเกษตรพิงอยู่ข้างรั้วก็จะไปดึง
ออกมา ไห่เซินตาโต รี่เข้าไปพยายามจะดึงออกจากมือเขา
“ นี่เครื่องมือทำไร่ของพวกข้า ขอร้องเถอะ ถ้าพังมันแล้ว พวกข้าจะใช้
ทำมาหากินอย่างไร ”
เวยฮูหยินกรีดเสียงหัวเราะสะใจ “ นั่นแหละที่ข้าต้องการ พังไปเลย! พังไปอย่าให้
เหลือ ”
ครั้นเห็นไห่เซินยังยื้อยุดขัดขวาง เวยฮูหยินก็กระชากตัวนางออกมา ฟู่หลานรีบเข้า
ช่วยก็ถูกตบฉาดใหญ่ล้มไปหมอบกับพื้น
“ นังตัวดี คิดจะทำร้ายข้าเรอะ ” เวยฮูหยินโกรธจัด ตรงเข้าขยุ้มคอนาง
ไห่เซินกรีดร้องสุดเสียงจะเข้าช่วย แต่บรรดาผู้ชายกันไว้เต็มกำลัง ฟู่หลานตาเหลือกลาน
พยายามทึ้งมือที่กุมบีบอยู่แต่ไร้ผล อ้าปากดิ้นรนปริ่มจะขาดใจ
...นายท่าน นายท่านช่วยด้วย!
ภายในถ้ำห่างไกลที่มืดมิดไร้แสงสว่าง ดวงตาสีชาลุกผึงตระหนก
“ ฟู่เอ๋อ! ”
ม่านมนตร์ปรากฏเปลวเพลิงเวียนวนคล้ายโลหะหลอมเหลวราวจะเตือน เทพมังกรรุดฝ่า
เปลวเพลิงลุกติดฝ่ามือแล้วลามไปส่วนอื่น เขากรีดร้องก้อง ดิ้นเร่าๆ
“ ฟู่เอ๋อ ฟู่เอ๋อ อ๊ากกกกกกกกก! ”
เปลวเพลิงลามไปทั่วร่าง ผิวเนื้อแยกระอุแทบแหลกสลาย ได้ยินเสียงนางกรีดร้อง
จวนตัวยิ่งคุ้มคลั่ง ดวงตาแปรเป็นสีแดงก่ำ แยกเขี้ยวยาวแล้วกัดสุดแรง
“ กรี้ดดดดดดดดดดดด ” เวยฮูหยินดีดตัวออกจากฟู่หลานท่ามกลางความตกใจ
งุนงงของทุกคน นางถอยห่างไปยืนหน้าซีดเผือด กุมมือที่เลือดอาบ
“ นายหญิงเจ้าคะ ” สาวใช้ตระหนกรีบเข้าดูอาการ เห็นแผลเป็นรอยคมเขี้ยว
คล้ายสัตว์
แววตาเวยฮูหยินสับสน งุนงง และตกใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือฟู่หลานหรือใครกันแน่
“ เจ้าทำอะไรข้า ” นางถามเสียงปร่า เพราะเมื่อครู่นี้ฟู่หลานไม่มีทางสู้นาง
ได้เลย อีกฝ่ายตกใจ นางก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน
“ นายหญิง อันตรายเจ้าค่ะ ผู้หญิงคนนี้คงเป็นพวกแม่มดหมอผีเลยใช้
เวทมนตร์ทำร้ายท่าน รอยแผลนี่ก็ดูเหมือนถูกเขี้ยวสัตว์ร้าย ”
“ อะไรนะ ” เวยฮูหยินตกใจ
“ นางคงเป็นแม่มดหมอผี ใช้เวทมนตร์ร่ายเสน่ห์ใส่คุณชายยิน คุณชายถึงได้
ทั้งรักทั้งหลงนางจนไม่ฟังท่าน ” สาวใช้ว่า “ รีบกลับเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวนางจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมา
อีก ”
“ ฮึ่ม ” เวยฮูหยินแสดงท่าทีแค้นใจ ทว่าระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย “ กลับ กลับ
เจ็บใจนักนังตัวดี อย่าคิดว่าข้าจะรามือง่ายๆ ข้าจะไปหาหมอผีที่เก่งกว่าเจ้า แล้วจะกลับมา
จัดการกับเจ้าอีกครั้ง คอยดูสิ ”
เวยฮูหยินขู่อาฆาตให้ไม่สบายใจแล้วก็พาพวกตนกลับไป สองแม่ลูกหน้าเศร้า
ช่วยกันเก็บซากสิ่งของ ฟู่หลานเก็บไปก็ครุ่นคิดเหตุการณ์เมื่อครู่ พอคับขันนางนึกถึง
ชาบูหลั่นตาก็เกิดแผลประหลาดบนมือเวยฮูหยินคล้ายเขี้ยวสัตว์ แสดงว่าเขาได้ยินนาง
ขอความช่วยเหลือและช่วยนางไว้ เช่นนั้นเขาคงอยู่ใกล้ๆและคอยดูแลนางอยู่ แต่ทำไมถึง
ไม่ปรากฏตัว
“ อืม...เจ้าแคว้นซู่ซินปราบขุนนางชั่วจนราบคาบ ”
ควันขาวจางลอยพลิ้วเหนือน้ำสีน้ำตาลในถ้วยเคลือบหรูหรา ซึ่งถูกโน้มจรดริมฝีปากบาง
ใต้หนวดสีเข้ม
“ เอาขุนนางชั่วออกไปแล้วเอาขุนนางดีมาบริหารการงานในแคว้นแทน
ต่อไปแคว้นซู่ซินคงเจริญและมั่งคั่งกว่านี้อีกหลายเท่าตัวแน่ ราชาจวงหยูทรงปรีชาจริงๆ ”
ถ้วยเคลือบหรูกระแทกโต๊ะสนั่นลั่นหู
“ พูดอะไรอย่างนั้น! ” น้ำเสียงทุ้มหนักคำรามกรอด “ เวลานี้เราควรกังวลใจ
มากกว่า แคว้นซู่ซินที่เคยอ่อนแอจนต้องอยู่ในความคุ้มกันของเฟิงโจว ตอนนี้กำลังเริ่มเข้มแข็ง
และจะไล่ตามเรามา ถ้าพวกมันแข็งแกร่งจนสามารถหลุดพ้นจากการเกาะกุมของเฟิงโจวไปได้
ทีนี้ผลประโยชน์ที่เฟิงโจวเคยได้รับก็จะหายไปหมด ”
“ จริงด้วยขอรับ ท่านเหวิ่นขาน ”
เหวิ่นขานเป็นเสนาบดีเอกแห่งแคว้นเฟิงโจว เข้มแข็งและชาญฉลาดจนราชสำนัก
เฟิงโจวต้องยอมรับ และเป็นที่ยกย่องของขุนนางทั้งหลาย พระราชาจางเฉิงทรงมีพระเมตตา
ต่อคนทุกคน และไม่ทรงโปรดการแย่งดินแดน แต่เพื่อความอยู่รอดของแคว้น เหวิ่นขานจึง
จำต้องขยายอำนาจของแคว้น แคว้นใดยอมจำนนสวามิภักดิ์โดยดี การขยายอำนาจก็เป็นไป
อย่างราบรื่น แต่แคว้นใดดื้อดึงก็จะแต่งกองทัพไปขู่ และหาทางเปลี่ยนผู้นำแคว้นให้เป็นผู้ที่
เฟิงโจวควบคุมได้ง่าย เพื่อครอบงำแคว้นนั้นได้โดยแทบไม่ต้องเสียเลือดเนื้อมาก ทั้งนี้เพื่อ
กระทบกระเทือนพระทัยของราชาจางเฉิงน้อยที่สุด เขาคอยสร้างความมั่นคงความมั่นคงใต้
พระนามราชาแห่งแคว้นเฟิงโจว ดังนั้น เขาจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองแข็งแกร่ง
ของแคว้นเฟิงโจว
“ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ”
ทหารคนหนึ่งวิ่งเร็วจี๋จนผ้าคลุมไหล่ลู่ลมเห็นเป็นเส้นเดียว มุ่งไปทางท้องพระโรง
“ ทูลฝ่าบาท... ”
ราชาจวงหยูเบิกพระเนตรกว้างเมื่อเขาทูลจบ
“ อะไรนะ มีคนโจมตีขบวนขุนนางถูกเนรเทศแล้วชิงตัวไป ”
“ พะย่ะค่ะ พวกคนร้ายมากันหลายคนมาก โจมตีไม่ทันตั้งตัวแล้วก็พา
พวกขุนนางหนีไปด้วย ”
“ ทูลฝ่าบาท ขุนนางเหล่านั้นคงยังมีคนบางกลุ่มคอยช่วยเหลืออยู่แน่นอน ”
ขุนนางคนหนึ่งทูล “ ไม่รู้คนพวกนั้นหนีไปได้แล้วจะกลับมาทำอะไรหรือเปล่า ”
เฉิงซู่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด
“ ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพิ่งได้รับรายงานมาว่าช่วงนี้มีทหารรับจ้างต่างแคว้น
เข้าเมืองหลวงจำนวนมากและถี่ผิดปกติพะย่ะค่ะ ” เขารีบทูล “ ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาแล้ว
ไปรวมตัวกันที่บ้านของอดีตเสนาบดีที่ถูกปลดไปพะย่ะค่ะ ”
ดวงพระเนตรราชาตะลึงค้าง แล้วเปลี่ยนเป็นคมกร้าว ริมพระโอษฐ์เม้มชิด
“ ฮึ่ม พวกขุนนางที่เสียประโยชน์เมื่อคราวกวาดล้างที่แล้ว ตั้งใจรวมตัวกัน
เพื่อคิดการใหญ่แน่ ”
“ ทูลฝ่าบาท! ” ทหารอีกคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา “ พวกทหารรับจ้างก่อ
ความวุ่นวายในเมืองหลวงแล้วพะย่ะค่ะ ”
“ ว่าไงนะ ” ราชาจวงหยูลุกพรวด ขุนนางทั้งห้องเอะอะเซ็งแซ่
“ ส่งทหารไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้! แล้วตามจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ ”
บานประตูหนักอึ้งอ้าออก กองทัพทหารหลั่งไหลทะยานออกไป
……………………………………..
การต่อสู้ดำเนินไปถึงบ่ายคล้อย ตามถนนหนทางเกลื่อนด้วยซากหักพัง เลือด
และซากศพ
คนกลุ่มหนึ่งวิ่งหลบซ่อนอยู่ในป่า เหลียวดูทางที่วิ่งมาเป็นระยะ เร่งรุดไปข้างหน้า
อย่างไม่ยั้งฝีเท้าสักนิด กลุ่มทหารอาวุธครบมือปรากฏตัวแต่ไกล ไล่ตามมาทางเดียวกัน
“ เฮ้ย หยุดนะ ”
พวกที่วิ่งนำมาก่อนหน้าตื่น เร่งกระโจนห่างออกไปอีก
“ ช้าก่อน ท่านนายกอง ข้างหน้าจะเข้าเขตแดนแคว้นเฟิงโจวแล้ว ”
ทหารทั้งกองหยุดกึก รีรอรับคำสั่ง ฝ่ายนายกองก็ลังเลเพราะตนพาทหารมาด้วย
ถ้ารุกล้ำเข้าเขตอีกแคว้นโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเกิดเรื่องใหญ่ได้ แต่เมื่อมองไปที่กลุ่ม
อดีตขุนนางที่กำลังหลบหนี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเริ่มอ่อนล้า ลดความเร็วลงแล้ว ทั้งก็เพิ่ง
ข้ามแดนไปไม่ไกลนัก
“ ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องให้หมด แถวนี้ไม่มี
ป้อมทหาร พวกนั้นเพิ่งข้ามแดนไปไม่ไกล ถ้าเรารีบไปลากตัวกลับมา พวกเฟิงโจวน่าจะยัง
ไม่รู้ตัว รีบตามไปเร็ว! ”
กองทหารกรูไล่ตามพวกอดีตขุนนางไป
“ เร็วเข้า! ถ้าพวกมันหนีเข้าไปได้ลึกกว่านี้ พวกเฟิงโจวอาจรู้ตัว เรา
จะลำบาก ”
พลันทหารหนึ่งคนร้องลั่นแล้วล้มลงไป ทหารที่เหลือตกใจหันขวับ เห็นลูกธนูยาว
ปักอยู่ตรงหน้าอกทหารคนนั้น ทหารซู่ซินตื่นตะลึง ทันใดนั้นลูกธนูมากมายก็พุ่งมาจาก
ทุกทิศทาง
“ ตายล่ะ! ” นายกองซู่ซินปัดป้องพัลวัน พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ห่าธนูขาดช่วงไป ทหารเฟิงโจวจำนวนมากปรากฏตัวจากที่ซ่อน ยืนล้อมทหารซู่ซิน
จนไม่มีทางออก นายกองซู่ซินหน้าซีด ไม่นึกว่าจะกลายเป็นเช่นนี้
“ ฆ่ามัน! ”
“ ช้าก่อน! ” นายกองซู่ซินแผดเสียงลั่น “ กลุ่มคนที่ยืนเบื้องหลังพวกท่าน
คือคนของซู่ซินที่ก่อความวุ่นวายในแคว้นแล้วหลบหนีออกมา เราน่าจะไปแจ้งพวกท่านก่อน
แต่เกรงคนพวกนั้นจะหนีไปได้ไกลแล้วจะตามจับได้ยาก จึงจำต้องข้ามแดนมา เมื่อจับได้แล้ว
จะรีบถอยพ้นจากเขตแดนพวกท่านทันที ”
“ เจ้าพาทหารมาด้วยเป็นกองทัพเช่นนี้หรือจะให้ยอมเชื่อ ”
“ ได้โปรดอย่าโกรธเคืองกัน ขออภัยจริงๆ เราจะถอนกำลังออกจาก
ดินแดนท่านเดี๋ยวนี้ แต่ขอคนร้ายกลับไปด้วย ”
“ ข้าไม่ให้! ”
เหล่าขุนนางหัวเราะเยาะ นายกองซู่ซินตกตะลึง
“ หมายความว่า...เฟิงโจว! ”
หัวหน้าทหารเฟิงโจวยิ้มเย้ย นายกองซู่ซินกัดฟันเจ็บใจ
“ รีบถอยเดี๋ยวนี้ เฟิงโจวกับคนพวกนั้นร่วมมือกัน ถอย! รีบกลับไปทูล
ฝ่าบาท ”
“ ทหารซู่ซินจะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่! ”
“ ฝ่าออกไป! ”
ทหารซู่ซินเฮปะทะวงล้อม ทหารเฟิงโจวกลุ้มรุมเข้ามาทันใด แสงดาบวูบวาบ
เสียงต่อสู้ก้องไปทั่วป่า
“ เจ้าว่าอะไรนะ! ” สีพระพักตร์ราชาจวงหยูเดือดดาล
“ เป็นความจริงพะย่ะค่ะ” นายกองคุกเข่าทูลด้วยสภาพสะบักสะบอม
“ แสดงว่าเฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้ ” พระองค์เข่นเคี้ยวพระทนต์
“ ทูลฝ่าบาท หลังการกวาดล้างขุนนางชั่ว ซู่ซินจะเจริญขึ้นและเป็นภัย
ต่อพวกเขา พวกเขาจึงหาทางสั่นคลอนความมั่นคงของซู่ซิน ”
“ ฮึ่ม ร้ายนัก ร่วมมือกับคนที่เสียประโยชน์เพราะข้าจะมาล้มล้างข้า ”
“ ทูลฝ่าบาท แต่แผนการของพวกอดีตขุนนางถูกเปิดเผยง่ายเกินไป
จนน่าแปลกใจนะพะย่ะค่ะ ” เฉิงซู่ทูล “ ถ้าคิดจะล้มล้างพระองค์จริงๆก็คงจะเลือกใช้วิธี
ที่แนบเนียนกว่านี้ ”
“ จริงของท่าน พาทหารรับจ้างจำนวนมากไปรวมตัวที่บ้านคนๆเดียว
แสดงเจตนาชัดเจนให้เราจับได้ ทำไม... ”
“ ทูลฝ่าบาท ” ขุนนางคนหนึ่งรีบร้อนมากลางท้องพระโรง “ มีทูตจาก
เฟิงโจวขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ ”
“ อะไรนะ ทูตเฟิงโจว ” ราชาจวงหยูตกพระทัย “ พวกเขาคิดจะทำอะไรอีก ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” เหวิ่นขานหัวเราะร่าอย่างสุขล้น
“ เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมขอรับ ”
“ พระราชาซู่ซินกำลังลำบากแล้วล่ะ อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพียงเท่านี้
ซู่ซินก็จะล้าหลังไปอีกหลายปี ”
สีหน้าทูตเฟิงโจวไม่สบอารมณ์นัก ฝ่ายราชาจวงหยูมีสีพระพักตร์เคร่งขรึม
วางพระองค์งามสง่า
“ เมื่อตอนบ่ายมีทหารซู่ซินบางกลุ่มรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของเรา ”
“ อดีตขุนนางที่ถูกข้าลงโทษคิดแค้นจึงมาต่อต้านข้า ก่อความวุ่นวาย
ไปทั่วเมืองหลวง พอแพ้จะถูกจับตัวก็หนีข้ามแดนไป ทหารของข้าเกรงพวกเขาจะหนีไปไกล
เลยข้ามแดนไปตามจับ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น ซู่ซินไม่ได้มีเจตนาจะไม่เคารพ
เฟิงโจวแต่อย่างใด เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะแต่งหนังสือไปขออภัยพระราชาเฟิงโจวด้วยตนเอง ”
“ แต่มีการสู้รบและมีทหารเฟิงโจวถูกฆ่าตาย เรื่องนี้คงจะไม่ได้จบง่ายๆ
ด้วยการแต่งหนังสือขอโทษเสียแล้วกระมัง ”
วาจาคุกคามทำให้ราชาจวงหยูกริ้วเคืองและหวั่นพระทัยอยู่ลึกๆ แต่ไม่มีพระประสงค์
ให้ซู่ซินต้องมีปัญหาร้ายแรงกับเฟิงโจวในตอนนี้ ฉะนั้นจึงวางองค์นิ่งสงบและไม่ตรัสถึงเรื่องที่
เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย
“ เราไปกระทบกระเทือนจิตใจพวกท่าน ไม่ทราบว่าซู่ซินควรทำอย่างไร
ถึงสามารถลบล้างความผิดครั้งนี้ ”
“ ชดใช้ความเสียหายของเรา ด้วยการเพิ่มเครื่องบรรณาการห้าเท่าจากเดิมนับแต่นี้ไป ”
“ อะไรนะ! ” ราชาจวงหยูเหลืออดกลั้นอารมณ์
ขุนนางซู่ซินตกตะลึงฮือฮา ทูตเฟิงโจวจ้องพระพักตร์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มสมใจ
ที่มุมปาก
“ เครื่องบรรณาการมากมายขนาดนั้น ข้าจะไม่ส่งเด็ดขาด! ”
“ ฝ่าบาททรงมีทางเลือกอยู่สองทางเท่านั้น คือส่งเครื่องบรรณาการ หรือสงคราม ”
ราชาจวงหยูกริ้วจนพระวรกายสั่น “ เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้
ข้ายังไม่ได้เอาเรื่องเลยนะ! ”
“ ฝ่าบาทไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ นอกจากส่งเครื่องบรรณาการ หรือสงครามเท่านั้น ”
ในพระกรรณลั่นเปรี๊ยะ ราชาจวงหยูโถมพระวรกายลงเบื้องล่าง ฉวยดาบนายกอง
ใบดาบสะท้อนใบหน้าคาดไม่ถึงของทูตวาบเดียว โลหิตอุ่นก็สาดกระเซ็นเปรอะพื้นท้องพระโรง
“ ฝ่าบาท ” ทุกคนตื่นตะลึงทั่วกัน
“ เข้าใจกันหรือยัง เฟิงโจวให้อดีตขุนนางสะสมกำลังโดยเปิดเผยให้
พวกเราจับได้ แกล้งก่อความวุ่นวายแล้วล่อให้เราข้ามเขตเฟิงโจว ทั้งหมดเพื่อเป็นข้ออ้าง
ทำลายกำลังพัฒนาของซู่ซิน ก็เพื่อพวกเขาจะครอบงำพวกเราได้ไปอีกนานแสนนาน! ”
พระอัสสุชลเอ่อพระเนตรสองข้างด้วยความคั่งแค้น “ พวกเขาบีบทางเลือกให้ข้า จะทำลาย
กำลังพัฒนาของตัวเอง หรือจะให้เฟิงโจวยกทัพมาตี ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ดีว่าซู่ซินไม่พร้อม
ทำสงคราม! สุดท้ายแล้วไม่ว่าเลือกทางไหน ซู่ซินก็ย่ำแย่ทั้งนั้น ”
“ โอ...ฝ่าบาท ” เหล่าขุนนางรู้สึกหดหู่ไม่ต่างกัน
ราชาจวงหยูหันองค์ โลหิตแดงสดหยดจากปลายดาบเป็นทางไปถึงบัลลังก์ประทับ
“ แต่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ เฟิงโจวจะประกาศสงครามกับเรานะพะย่ะค่ะ ”
“ เกิดเหตุการณ์รุกล้ำเขตแดน ซ้ำยังมีการฆ่าทูต คราวนี้เฟิงโจวต้อง
เอาเรื่องซู่ซินอย่างหนักแน่ ” เฉิงซู่กล่าว
“ เราหลีกเลี่ยงสงครามไม่พ้นแล้ว ” ราชาจวงหยูตรัส พระเนตรยังจับจ้อง
ใบดาบอาบเลือดในพระหัตถ์ที่ยังสั่นเทา
“ แต่ซู่ซินยังไม่พร้อมทำสงครามพะย่ะค่ะ ”
พระพักตร์ราชาหม่นเครียด พลันระลึกเรื่องหนึ่งได้ สีพระพักตร์ผ่อนคลายขึ้นทันใด
“ ทุกท่านอย่าเพิ่งกังวล ข้ายังมีทางออก ”
สายตาของเหล่าขุนนางสงสัยระคนอยากรู้
...คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ...
ดาบคู่ใจเปะปะ พลันนึกขึ้นได้ว่าขณะทำพิธีบวงสรวงจะไม่มีการพกของมีคม ส่วนเฉิงซู่
กับเหล่าทหารอารักขานั้นอยู่ห่างไกลไปมากทีเดียว
“ ไม่มีใครเห็นข้านอกจากเจ้า ” ร่างสยองขวัญรู้ทันความระแวง “ ข้ามาดี
ไม่ได้มาร้ายอะไร ”
พระองค์หยุดละล้าละลัง แล้วข่มความกลัวตรัสถามไป
“ เจ้ามันคือตัวอะไรกันแน่ ”
ใบหน้ากะโหลกแย้มเขี้ยวคมปรีดา ราวกับรอคำถามนี้อยู่แล้ว
“ ข้าคือผู้ที่เจ้าต้องการ ”
“ อะไรนะ ”
“ แคว้นใหญ่ทางตะวันตกที่เจ้าคิดหลุดจากพันธนาการมีกำลังทหาร
แสนยานุภาพสูง และพันธมิตรที่พร้อมร่วมมือร่วมใจกว่ายี่สิบแคว้น ทั้งยังมีสวรรค์
คอยคุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ข้อได้เปรียบแค่สามอย่างก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าไม่สมหวัง
ง่ายๆ ” เขาบอก “ สวรรค์คุ้มครองเฟิงโจวเหมือนพ่อคุ้มครองลูก เฟิงโจวมีซู่ซินอยู่ในอาณัติ
ได้รับประโยชน์มากมาย ถ้าซู่ซินปลดแอกสำเร็จจะตัดผลประโยชน์นั้น เจ้าไปร้องขอสวรรค์
ให้ทำลายประโยชน์ของผู้อยู่ในคุ้มกัน แล้วพวกเขาจะช่วยเจ้าหรือ ข้าถึงได้หัวเราะเยาะ
ความคิดเจ้า ”
“ ไม่จริง สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างใครนอกจากคนดี ” ราชาจวงหยูเถียง
เสียงแข็ง “ พวกเฟิงโจวจอมเสแสร้ง เลวแอบแฝงพวกนั้น สวรรค์ไม่มีทางเข้าข้างแน่...ดูจาก
รูปลักษณ์ของเจ้า เจ้าเป็นปีศาจผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสวรรค์ใช่ไหม เจ้าคิดจะมายุยงให้ร้าย
สวรรค์ ”
จอมปีศาจกลั้วหัวเราะ ส่ายหัวช้าๆด้วยรอยยิ้มสมเพช
“ เจ้าเป็นเจ้าแคว้น ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างดีก็เป็นคนดีคนหนึ่ง
เจ้าแคว้นเฟิงโจวสำหรับในแคว้นเขาเองก็เช่นกันก็เป็นคนดี แต่ทำไมสวรรค์จึงเพิกเฉยต่อคำขอ
ของเจ้า ซ้ำยังไปสร้างความรุ่งเรืองให้แก่เฟิงโจวฝ่ายเดียว เช่นนี้ไม่เรียกว่าเข้าข้างเฟิงโจว
แล้วจะเรียกว่าอะไร ”
เจ้าแคว้นซู่ซินชะงักตรึกตรอง พยายามหาเหตุผลมาคัดค้านแต่นึกไม่ออก ทั้งยังเริ่ม
สงสัยตาม แสดงออกทางสีพระพักตร์ที่งุ่นง่าน ตึงเครียดระคนสับสน
“ ซู่ซินบูชาสวรรค์มายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น แต่สวรรค์ตอบแทนพวกเจ้า
เพียงเล็กน้อยด้วยการบันดาลตามคำขอบางประการ เพื่อให้พวกเจ้ารับรู้ความศักดิ์สิทธิ์
และนับถือต่อไปเท่านั้น แต่พอถึงคราวเฟิงโจวจะเข้าครอบงำ สวรรค์กลับหายไป ไม่รับรู้
ไม่ช่วยเหลือ กระทั่งซู่ซินต้องตกเป็นแคว้นขึ้นต่อเฟิงโจว ผู้กล้าที่อาจหาญอยากเป็นอิสระ
ต้องพบจุดจบอย่างน่าสมเพช ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของเจ้า ”
ดวงพระเนตรคมดุแปรสั่นไหว ภาพเหตุการณ์ราวฝันร้ายเมื่อกาลก่อนพลันย้อนคืน
“ พวกเจ้าบูชาสวรรค์ก่อนก่อการ มั่นใจและคาดหวังว่าสวรรค์จะเห็นแก่
ความตั้งใจ แต่แล้วพวกเจ้ากลับถูกต้อนจนอับจนหนทาง... ”
“ พอที! ” เจ้าแคว้นตะเบ็งเสียงลั่นผสานกรีดร้อง อีกฝ่ายหยุดพูดฉับพลัน
พระเนตรราชาจวงหยูลุกโชนด้วยไฟกริ้ว
“ บูชาสวรรค์ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เจ้าจะยังทำต่อไปอีกหรือ ”
“ ข้าไม่เชื่อ ”
“ เลิกบูชาสวรรค์แล้วมาบูชาข้าแทน ข้าจะช่วยเจ้าปลดจากพันธนาการ
ลืมทุกสิ่งที่กังวล พลิกข้อด้อยเป็นได้เปรียบอย่างน่าทึ่ง เจ้าสนใจไหม ”
ข้อเสนอของเขาฟังดูน่าสนใจ หากแต่ราชาจวงหยูเกรงว่าจะแฝงการล่อลวงอะไร
“ แม้เฟิงโจวจะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเพียงใด ” แววพระเนตรคมปลาบ
เชื่อมั่น “ ข้าจะขอปลดแอกซู่ซินด้วยกำลังของซู่ซินเอง ดีกว่าต้องพึ่งพาปีศาจเช่นเจ้า ”
จอมปีศาจหัวเราะก้อง ขบขันและเย้ยหยันอยู่ในที
“ ข้ามาเสนอผิดคนเสียแล้ว เจ้าแคว้นซู่ซินโง่เง่าและหยิ่งผยองถึงเพียงนี้
ทั้งที่รู้อยู่ว่ากำลังของซู่ซินไม่อาจเฟิงโจวได้ ”
“ เจ้าดูถูกเราเกินไปแล้ว ” ราชาจวงหยูไม่พอพระทัย “ กำลังของซู่ซินยังสู้
เฟิงโจวไม่ได้ แค่ตอนนี้เท่านั้น! ”
ดวงตาสีอำพันฉายแววรู้สึกขัดใจไม่ใช่น้อยที่ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน ราชาจวงหยู
หันพระองค์จะจากไปอย่างไม่ไยดี
“ ตามใจเจ้า แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ในคืนเพ็ญที่ใกล้จะถึงนี้ ให้นำ
เลือดสดถ้วยหนึ่งมาบูชาข้าที่ใต้ต้นไม้นี้ด้วยตัวเอง และมาคนเดียว ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้
หากไม่มาในวันนั้น เจ้าจะไม่ได้เจอกับข้าอีกแล้ว ”
ราชาจวงหยูหันพระพักตร์กลับหมายตอบโต้ แต่ไร้ซึ่งเงาทะมึน จอมปีศาจจากไปแล้ว
อย่างไม่ทันรู้สึกพระองค์สักนิด เหลือไว้แต่ใบไม้ร่วงโปรยปราย
ใบไม้แห้งร่อนลงกระทบหลังคามุงหญ้าเหนือบ้านขนาดย่อม เกี่ยวใบหญ้าค้างเติ่ง
ไม่ไปไหน มองไกลๆเหมือนสร้างด้วยมวลใบไม้ลานตา ลมอ่อนๆพัดมาเพียงวูบเดียว
ใบไม้แห้งที่ติดกับกิ่งอย่างหมิ่นเหม่ก็พลิ้วหลุดโปรยปราย
“ ใบไม้ร่วงลงมาอีกแล้ว เยอะเลย เดี๋ยวต้องกวาดกันอีก ไม่อย่างนั้น
จะปลิวเข้าบ้านหมด ”
สองแม่ลูกออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวนอกบ้าน มองดูใบไม้ร่วงเพลินๆ ผู้เป็นแม่
บรรจงหวีผมยาวสลวยของลูกอย่างเบามือ
“ ดูสิ ผมของเจ้าดำขลับสวยดีจัง ยิ่งใกล้แต่งงานเจ้ายิ่งดูสวยขึ้น...
แต่ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ตื่นเต้นดีใจเลย หมู่นี้ก็ไม่ค่อยยิ้มด้วย ”
“ ข้าไม่เป็นไรค่ะ ” ฟู่หลานยิ้มจางจนแทบเลือนหาย
“ เกิดมาเป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่แล้ว ” ไห่เซินบอก “ ท่านยิน
เป็นผู้ชายที่ดี ไม่ถือตัวและใส่ใจเจ้ามากด้วย และเขาก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ คงจะเลี้ยงดูให้เจ้า
ไม่ลำบาก และต่อไปเจ้าจะได้รับการยกย่องในฐานะเป็นเมียเขา ”
ใบหน้าอ่อนหวานฉาบด้วยความหม่นเศร้าเมื่อได้ยินชื่อนั้น ไห่เซินไม่ทันสังเกตอาการ
ลูกสาวก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางหน้าบ้าน
“ ใครมาน่ะ ” ฟู่หลานมองตามอย่างใคร่รู้
“ เจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวแม่ออกไปดูเอง ” ไห่เซินรีบลุกออกไป
คล้อยหลังแม่ไปแล้ว ฟู่หลานหยิบหวีไม้ที่แม่ทิ้งไว้ข้างตัวมาถือไว้ สายตาเลยไป
เห็นกล่องไม้อย่างดี ข้างในบรรจุเครื่องประดับทองแวววาวหลากชนิดที่ยินเอามาให้เพื่อเอาใจ
นาง นางเลือกเอาปิ่นอันหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นทองคำประดับอัญมณีสุกสกาวจะพลิกดูรงไหน
ก็งดงามสมบูรณ์แบบ
...ชาบูหลั่นตา...การแต่งงานครั้งนี้ทำให้นางสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป
“ ข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี ” ถ้อยคำพร่ำสัญญาของยินแว่วขึ้นมา
“ ท่านยินจะเลี้ยงดูเจ้าไม่ให้ลำบาก ” คำพูดของแม่ยังก้องอยู่ในหู
พลันนิ้วเรียวก็ม้วนกำปิ่นนั้นจนแน่น
แต่ข้าไม่ต้องการ!
นางร่ำร้องในใจ แต่นางก็ไม่รู้จะปฏิเสธยินอย่างไรดี นางวางปิ่นลงกล่องอย่าง
ทอดถอนใจ ปกติเมื่อใดที่มีปัญหาแก้ไม่ตก ชาบูหลั่นตาจะคอยอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือ
นางเสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว อยู่ที่ไหนแล้ว...
เสียงเอะอะปึงปังเหมือนของพังถล่มตามด้วยเสียงกรีดร้องตื่นตระหนกของไห่เซิน
ฟู่หลานรีบลุก วิ่งอ้าวไปหน้าบ้านอย่างเร็วจี๋
ไม้กวาดและเครื่องครัวหล่นกระจายเกลื่อนพื้น ถังไม้กลิ้งขลุกๆข้างไห่เซินที่ยืนหน้าซีด
ตัวสั่น
“ คิดว่าข้าจะอยู่นิ่งเฉยให้เจ้าแต่งงานกับยินได้ง่ายๆหรือ! ”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคุ้นหูจนฟู่หลานสะดุ้งเหลียวไปทางประตู เวยฮูหยินยืนจังก้า
หน้าถมึงทึง ข้างๆและข้างหลังมีชายร่างใหญ่หลายคนกับสาวใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย
ฟู่หลานเห็นนางพาผู้ชายมาด้วยมากมายเช่นนั้นก็แสดงอาการหวาดผวา
“ นังคนชั้นต่ำ ถ้าเจ้ายังดื้อดึงจะแต่งงานกับลูกชายข้าก็อย่าได้อยู่อย่างสงบเลย ”
เวยฮูหยินตะโกน “ เข้าไปเลย พังทุกอย่าง อย่าให้มันอยู่ได้ ”
สิ้นคำสั่ง พวกผู้ชายก็กรูเข้าไปในตัวบ้านโดยที่สองแม่ลูกไม่อาจยับยั้งได้ เสียงทำลาย
ของโครมคราม บางคนโยนของออกมาด้านนอกแล้วตามออกมากระทืบต่อหน้า สองแม่ลูก
ยืนเกาะกันไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ชายคนหนึ่งนอกบ้านเห็นเครื่องมือเกษตรพิงอยู่ข้างรั้วก็จะไปดึง
ออกมา ไห่เซินตาโต รี่เข้าไปพยายามจะดึงออกจากมือเขา
“ นี่เครื่องมือทำไร่ของพวกข้า ขอร้องเถอะ ถ้าพังมันแล้ว พวกข้าจะใช้
ทำมาหากินอย่างไร ”
เวยฮูหยินกรีดเสียงหัวเราะสะใจ “ นั่นแหละที่ข้าต้องการ พังไปเลย! พังไปอย่าให้
เหลือ ”
ครั้นเห็นไห่เซินยังยื้อยุดขัดขวาง เวยฮูหยินก็กระชากตัวนางออกมา ฟู่หลานรีบเข้า
ช่วยก็ถูกตบฉาดใหญ่ล้มไปหมอบกับพื้น
“ นังตัวดี คิดจะทำร้ายข้าเรอะ ” เวยฮูหยินโกรธจัด ตรงเข้าขยุ้มคอนาง
ไห่เซินกรีดร้องสุดเสียงจะเข้าช่วย แต่บรรดาผู้ชายกันไว้เต็มกำลัง ฟู่หลานตาเหลือกลาน
พยายามทึ้งมือที่กุมบีบอยู่แต่ไร้ผล อ้าปากดิ้นรนปริ่มจะขาดใจ
...นายท่าน นายท่านช่วยด้วย!
ภายในถ้ำห่างไกลที่มืดมิดไร้แสงสว่าง ดวงตาสีชาลุกผึงตระหนก
“ ฟู่เอ๋อ! ”
ม่านมนตร์ปรากฏเปลวเพลิงเวียนวนคล้ายโลหะหลอมเหลวราวจะเตือน เทพมังกรรุดฝ่า
เปลวเพลิงลุกติดฝ่ามือแล้วลามไปส่วนอื่น เขากรีดร้องก้อง ดิ้นเร่าๆ
“ ฟู่เอ๋อ ฟู่เอ๋อ อ๊ากกกกกกกกก! ”
เปลวเพลิงลามไปทั่วร่าง ผิวเนื้อแยกระอุแทบแหลกสลาย ได้ยินเสียงนางกรีดร้อง
จวนตัวยิ่งคุ้มคลั่ง ดวงตาแปรเป็นสีแดงก่ำ แยกเขี้ยวยาวแล้วกัดสุดแรง
“ กรี้ดดดดดดดดดดดด ” เวยฮูหยินดีดตัวออกจากฟู่หลานท่ามกลางความตกใจ
งุนงงของทุกคน นางถอยห่างไปยืนหน้าซีดเผือด กุมมือที่เลือดอาบ
“ นายหญิงเจ้าคะ ” สาวใช้ตระหนกรีบเข้าดูอาการ เห็นแผลเป็นรอยคมเขี้ยว
คล้ายสัตว์
แววตาเวยฮูหยินสับสน งุนงง และตกใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือฟู่หลานหรือใครกันแน่
“ เจ้าทำอะไรข้า ” นางถามเสียงปร่า เพราะเมื่อครู่นี้ฟู่หลานไม่มีทางสู้นาง
ได้เลย อีกฝ่ายตกใจ นางก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน
“ นายหญิง อันตรายเจ้าค่ะ ผู้หญิงคนนี้คงเป็นพวกแม่มดหมอผีเลยใช้
เวทมนตร์ทำร้ายท่าน รอยแผลนี่ก็ดูเหมือนถูกเขี้ยวสัตว์ร้าย ”
“ อะไรนะ ” เวยฮูหยินตกใจ
“ นางคงเป็นแม่มดหมอผี ใช้เวทมนตร์ร่ายเสน่ห์ใส่คุณชายยิน คุณชายถึงได้
ทั้งรักทั้งหลงนางจนไม่ฟังท่าน ” สาวใช้ว่า “ รีบกลับเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวนางจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมา
อีก ”
“ ฮึ่ม ” เวยฮูหยินแสดงท่าทีแค้นใจ ทว่าระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย “ กลับ กลับ
เจ็บใจนักนังตัวดี อย่าคิดว่าข้าจะรามือง่ายๆ ข้าจะไปหาหมอผีที่เก่งกว่าเจ้า แล้วจะกลับมา
จัดการกับเจ้าอีกครั้ง คอยดูสิ ”
เวยฮูหยินขู่อาฆาตให้ไม่สบายใจแล้วก็พาพวกตนกลับไป สองแม่ลูกหน้าเศร้า
ช่วยกันเก็บซากสิ่งของ ฟู่หลานเก็บไปก็ครุ่นคิดเหตุการณ์เมื่อครู่ พอคับขันนางนึกถึง
ชาบูหลั่นตาก็เกิดแผลประหลาดบนมือเวยฮูหยินคล้ายเขี้ยวสัตว์ แสดงว่าเขาได้ยินนาง
ขอความช่วยเหลือและช่วยนางไว้ เช่นนั้นเขาคงอยู่ใกล้ๆและคอยดูแลนางอยู่ แต่ทำไมถึง
ไม่ปรากฏตัว
“ อืม...เจ้าแคว้นซู่ซินปราบขุนนางชั่วจนราบคาบ ”
ควันขาวจางลอยพลิ้วเหนือน้ำสีน้ำตาลในถ้วยเคลือบหรูหรา ซึ่งถูกโน้มจรดริมฝีปากบาง
ใต้หนวดสีเข้ม
“ เอาขุนนางชั่วออกไปแล้วเอาขุนนางดีมาบริหารการงานในแคว้นแทน
ต่อไปแคว้นซู่ซินคงเจริญและมั่งคั่งกว่านี้อีกหลายเท่าตัวแน่ ราชาจวงหยูทรงปรีชาจริงๆ ”
ถ้วยเคลือบหรูกระแทกโต๊ะสนั่นลั่นหู
“ พูดอะไรอย่างนั้น! ” น้ำเสียงทุ้มหนักคำรามกรอด “ เวลานี้เราควรกังวลใจ
มากกว่า แคว้นซู่ซินที่เคยอ่อนแอจนต้องอยู่ในความคุ้มกันของเฟิงโจว ตอนนี้กำลังเริ่มเข้มแข็ง
และจะไล่ตามเรามา ถ้าพวกมันแข็งแกร่งจนสามารถหลุดพ้นจากการเกาะกุมของเฟิงโจวไปได้
ทีนี้ผลประโยชน์ที่เฟิงโจวเคยได้รับก็จะหายไปหมด ”
“ จริงด้วยขอรับ ท่านเหวิ่นขาน ”
เหวิ่นขานเป็นเสนาบดีเอกแห่งแคว้นเฟิงโจว เข้มแข็งและชาญฉลาดจนราชสำนัก
เฟิงโจวต้องยอมรับ และเป็นที่ยกย่องของขุนนางทั้งหลาย พระราชาจางเฉิงทรงมีพระเมตตา
ต่อคนทุกคน และไม่ทรงโปรดการแย่งดินแดน แต่เพื่อความอยู่รอดของแคว้น เหวิ่นขานจึง
จำต้องขยายอำนาจของแคว้น แคว้นใดยอมจำนนสวามิภักดิ์โดยดี การขยายอำนาจก็เป็นไป
อย่างราบรื่น แต่แคว้นใดดื้อดึงก็จะแต่งกองทัพไปขู่ และหาทางเปลี่ยนผู้นำแคว้นให้เป็นผู้ที่
เฟิงโจวควบคุมได้ง่าย เพื่อครอบงำแคว้นนั้นได้โดยแทบไม่ต้องเสียเลือดเนื้อมาก ทั้งนี้เพื่อ
กระทบกระเทือนพระทัยของราชาจางเฉิงน้อยที่สุด เขาคอยสร้างความมั่นคงความมั่นคงใต้
พระนามราชาแห่งแคว้นเฟิงโจว ดังนั้น เขาจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองแข็งแกร่ง
ของแคว้นเฟิงโจว
“ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ”
ทหารคนหนึ่งวิ่งเร็วจี๋จนผ้าคลุมไหล่ลู่ลมเห็นเป็นเส้นเดียว มุ่งไปทางท้องพระโรง
“ ทูลฝ่าบาท... ”
ราชาจวงหยูเบิกพระเนตรกว้างเมื่อเขาทูลจบ
“ อะไรนะ มีคนโจมตีขบวนขุนนางถูกเนรเทศแล้วชิงตัวไป ”
“ พะย่ะค่ะ พวกคนร้ายมากันหลายคนมาก โจมตีไม่ทันตั้งตัวแล้วก็พา
พวกขุนนางหนีไปด้วย ”
“ ทูลฝ่าบาท ขุนนางเหล่านั้นคงยังมีคนบางกลุ่มคอยช่วยเหลืออยู่แน่นอน ”
ขุนนางคนหนึ่งทูล “ ไม่รู้คนพวกนั้นหนีไปได้แล้วจะกลับมาทำอะไรหรือเปล่า ”
เฉิงซู่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด
“ ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพิ่งได้รับรายงานมาว่าช่วงนี้มีทหารรับจ้างต่างแคว้น
เข้าเมืองหลวงจำนวนมากและถี่ผิดปกติพะย่ะค่ะ ” เขารีบทูล “ ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาแล้ว
ไปรวมตัวกันที่บ้านของอดีตเสนาบดีที่ถูกปลดไปพะย่ะค่ะ ”
ดวงพระเนตรราชาตะลึงค้าง แล้วเปลี่ยนเป็นคมกร้าว ริมพระโอษฐ์เม้มชิด
“ ฮึ่ม พวกขุนนางที่เสียประโยชน์เมื่อคราวกวาดล้างที่แล้ว ตั้งใจรวมตัวกัน
เพื่อคิดการใหญ่แน่ ”
“ ทูลฝ่าบาท! ” ทหารอีกคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา “ พวกทหารรับจ้างก่อ
ความวุ่นวายในเมืองหลวงแล้วพะย่ะค่ะ ”
“ ว่าไงนะ ” ราชาจวงหยูลุกพรวด ขุนนางทั้งห้องเอะอะเซ็งแซ่
“ ส่งทหารไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้! แล้วตามจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ ”
บานประตูหนักอึ้งอ้าออก กองทัพทหารหลั่งไหลทะยานออกไป
……………………………………..
การต่อสู้ดำเนินไปถึงบ่ายคล้อย ตามถนนหนทางเกลื่อนด้วยซากหักพัง เลือด
และซากศพ
คนกลุ่มหนึ่งวิ่งหลบซ่อนอยู่ในป่า เหลียวดูทางที่วิ่งมาเป็นระยะ เร่งรุดไปข้างหน้า
อย่างไม่ยั้งฝีเท้าสักนิด กลุ่มทหารอาวุธครบมือปรากฏตัวแต่ไกล ไล่ตามมาทางเดียวกัน
“ เฮ้ย หยุดนะ ”
พวกที่วิ่งนำมาก่อนหน้าตื่น เร่งกระโจนห่างออกไปอีก
“ ช้าก่อน ท่านนายกอง ข้างหน้าจะเข้าเขตแดนแคว้นเฟิงโจวแล้ว ”
ทหารทั้งกองหยุดกึก รีรอรับคำสั่ง ฝ่ายนายกองก็ลังเลเพราะตนพาทหารมาด้วย
ถ้ารุกล้ำเข้าเขตอีกแคว้นโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเกิดเรื่องใหญ่ได้ แต่เมื่อมองไปที่กลุ่ม
อดีตขุนนางที่กำลังหลบหนี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเริ่มอ่อนล้า ลดความเร็วลงแล้ว ทั้งก็เพิ่ง
ข้ามแดนไปไม่ไกลนัก
“ ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องให้หมด แถวนี้ไม่มี
ป้อมทหาร พวกนั้นเพิ่งข้ามแดนไปไม่ไกล ถ้าเรารีบไปลากตัวกลับมา พวกเฟิงโจวน่าจะยัง
ไม่รู้ตัว รีบตามไปเร็ว! ”
กองทหารกรูไล่ตามพวกอดีตขุนนางไป
“ เร็วเข้า! ถ้าพวกมันหนีเข้าไปได้ลึกกว่านี้ พวกเฟิงโจวอาจรู้ตัว เรา
จะลำบาก ”
พลันทหารหนึ่งคนร้องลั่นแล้วล้มลงไป ทหารที่เหลือตกใจหันขวับ เห็นลูกธนูยาว
ปักอยู่ตรงหน้าอกทหารคนนั้น ทหารซู่ซินตื่นตะลึง ทันใดนั้นลูกธนูมากมายก็พุ่งมาจาก
ทุกทิศทาง
“ ตายล่ะ! ” นายกองซู่ซินปัดป้องพัลวัน พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ห่าธนูขาดช่วงไป ทหารเฟิงโจวจำนวนมากปรากฏตัวจากที่ซ่อน ยืนล้อมทหารซู่ซิน
จนไม่มีทางออก นายกองซู่ซินหน้าซีด ไม่นึกว่าจะกลายเป็นเช่นนี้
“ ฆ่ามัน! ”
“ ช้าก่อน! ” นายกองซู่ซินแผดเสียงลั่น “ กลุ่มคนที่ยืนเบื้องหลังพวกท่าน
คือคนของซู่ซินที่ก่อความวุ่นวายในแคว้นแล้วหลบหนีออกมา เราน่าจะไปแจ้งพวกท่านก่อน
แต่เกรงคนพวกนั้นจะหนีไปได้ไกลแล้วจะตามจับได้ยาก จึงจำต้องข้ามแดนมา เมื่อจับได้แล้ว
จะรีบถอยพ้นจากเขตแดนพวกท่านทันที ”
“ เจ้าพาทหารมาด้วยเป็นกองทัพเช่นนี้หรือจะให้ยอมเชื่อ ”
“ ได้โปรดอย่าโกรธเคืองกัน ขออภัยจริงๆ เราจะถอนกำลังออกจาก
ดินแดนท่านเดี๋ยวนี้ แต่ขอคนร้ายกลับไปด้วย ”
“ ข้าไม่ให้! ”
เหล่าขุนนางหัวเราะเยาะ นายกองซู่ซินตกตะลึง
“ หมายความว่า...เฟิงโจว! ”
หัวหน้าทหารเฟิงโจวยิ้มเย้ย นายกองซู่ซินกัดฟันเจ็บใจ
“ รีบถอยเดี๋ยวนี้ เฟิงโจวกับคนพวกนั้นร่วมมือกัน ถอย! รีบกลับไปทูล
ฝ่าบาท ”
“ ทหารซู่ซินจะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่! ”
“ ฝ่าออกไป! ”
ทหารซู่ซินเฮปะทะวงล้อม ทหารเฟิงโจวกลุ้มรุมเข้ามาทันใด แสงดาบวูบวาบ
เสียงต่อสู้ก้องไปทั่วป่า
“ เจ้าว่าอะไรนะ! ” สีพระพักตร์ราชาจวงหยูเดือดดาล
“ เป็นความจริงพะย่ะค่ะ” นายกองคุกเข่าทูลด้วยสภาพสะบักสะบอม
“ แสดงว่าเฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้ ” พระองค์เข่นเคี้ยวพระทนต์
“ ทูลฝ่าบาท หลังการกวาดล้างขุนนางชั่ว ซู่ซินจะเจริญขึ้นและเป็นภัย
ต่อพวกเขา พวกเขาจึงหาทางสั่นคลอนความมั่นคงของซู่ซิน ”
“ ฮึ่ม ร้ายนัก ร่วมมือกับคนที่เสียประโยชน์เพราะข้าจะมาล้มล้างข้า ”
“ ทูลฝ่าบาท แต่แผนการของพวกอดีตขุนนางถูกเปิดเผยง่ายเกินไป
จนน่าแปลกใจนะพะย่ะค่ะ ” เฉิงซู่ทูล “ ถ้าคิดจะล้มล้างพระองค์จริงๆก็คงจะเลือกใช้วิธี
ที่แนบเนียนกว่านี้ ”
“ จริงของท่าน พาทหารรับจ้างจำนวนมากไปรวมตัวที่บ้านคนๆเดียว
แสดงเจตนาชัดเจนให้เราจับได้ ทำไม... ”
“ ทูลฝ่าบาท ” ขุนนางคนหนึ่งรีบร้อนมากลางท้องพระโรง “ มีทูตจาก
เฟิงโจวขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ ”
“ อะไรนะ ทูตเฟิงโจว ” ราชาจวงหยูตกพระทัย “ พวกเขาคิดจะทำอะไรอีก ”
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” เหวิ่นขานหัวเราะร่าอย่างสุขล้น
“ เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมขอรับ ”
“ พระราชาซู่ซินกำลังลำบากแล้วล่ะ อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพียงเท่านี้
ซู่ซินก็จะล้าหลังไปอีกหลายปี ”
สีหน้าทูตเฟิงโจวไม่สบอารมณ์นัก ฝ่ายราชาจวงหยูมีสีพระพักตร์เคร่งขรึม
วางพระองค์งามสง่า
“ เมื่อตอนบ่ายมีทหารซู่ซินบางกลุ่มรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของเรา ”
“ อดีตขุนนางที่ถูกข้าลงโทษคิดแค้นจึงมาต่อต้านข้า ก่อความวุ่นวาย
ไปทั่วเมืองหลวง พอแพ้จะถูกจับตัวก็หนีข้ามแดนไป ทหารของข้าเกรงพวกเขาจะหนีไปไกล
เลยข้ามแดนไปตามจับ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น ซู่ซินไม่ได้มีเจตนาจะไม่เคารพ
เฟิงโจวแต่อย่างใด เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะแต่งหนังสือไปขออภัยพระราชาเฟิงโจวด้วยตนเอง ”
“ แต่มีการสู้รบและมีทหารเฟิงโจวถูกฆ่าตาย เรื่องนี้คงจะไม่ได้จบง่ายๆ
ด้วยการแต่งหนังสือขอโทษเสียแล้วกระมัง ”
วาจาคุกคามทำให้ราชาจวงหยูกริ้วเคืองและหวั่นพระทัยอยู่ลึกๆ แต่ไม่มีพระประสงค์
ให้ซู่ซินต้องมีปัญหาร้ายแรงกับเฟิงโจวในตอนนี้ ฉะนั้นจึงวางองค์นิ่งสงบและไม่ตรัสถึงเรื่องที่
เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย
“ เราไปกระทบกระเทือนจิตใจพวกท่าน ไม่ทราบว่าซู่ซินควรทำอย่างไร
ถึงสามารถลบล้างความผิดครั้งนี้ ”
“ ชดใช้ความเสียหายของเรา ด้วยการเพิ่มเครื่องบรรณาการห้าเท่าจากเดิมนับแต่นี้ไป ”
“ อะไรนะ! ” ราชาจวงหยูเหลืออดกลั้นอารมณ์
ขุนนางซู่ซินตกตะลึงฮือฮา ทูตเฟิงโจวจ้องพระพักตร์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มสมใจ
ที่มุมปาก
“ เครื่องบรรณาการมากมายขนาดนั้น ข้าจะไม่ส่งเด็ดขาด! ”
“ ฝ่าบาททรงมีทางเลือกอยู่สองทางเท่านั้น คือส่งเครื่องบรรณาการ หรือสงคราม ”
ราชาจวงหยูกริ้วจนพระวรกายสั่น “ เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้
ข้ายังไม่ได้เอาเรื่องเลยนะ! ”
“ ฝ่าบาทไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ นอกจากส่งเครื่องบรรณาการ หรือสงครามเท่านั้น ”
ในพระกรรณลั่นเปรี๊ยะ ราชาจวงหยูโถมพระวรกายลงเบื้องล่าง ฉวยดาบนายกอง
ใบดาบสะท้อนใบหน้าคาดไม่ถึงของทูตวาบเดียว โลหิตอุ่นก็สาดกระเซ็นเปรอะพื้นท้องพระโรง
“ ฝ่าบาท ” ทุกคนตื่นตะลึงทั่วกัน
“ เข้าใจกันหรือยัง เฟิงโจวให้อดีตขุนนางสะสมกำลังโดยเปิดเผยให้
พวกเราจับได้ แกล้งก่อความวุ่นวายแล้วล่อให้เราข้ามเขตเฟิงโจว ทั้งหมดเพื่อเป็นข้ออ้าง
ทำลายกำลังพัฒนาของซู่ซิน ก็เพื่อพวกเขาจะครอบงำพวกเราได้ไปอีกนานแสนนาน! ”
พระอัสสุชลเอ่อพระเนตรสองข้างด้วยความคั่งแค้น “ พวกเขาบีบทางเลือกให้ข้า จะทำลาย
กำลังพัฒนาของตัวเอง หรือจะให้เฟิงโจวยกทัพมาตี ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ดีว่าซู่ซินไม่พร้อม
ทำสงคราม! สุดท้ายแล้วไม่ว่าเลือกทางไหน ซู่ซินก็ย่ำแย่ทั้งนั้น ”
“ โอ...ฝ่าบาท ” เหล่าขุนนางรู้สึกหดหู่ไม่ต่างกัน
ราชาจวงหยูหันองค์ โลหิตแดงสดหยดจากปลายดาบเป็นทางไปถึงบัลลังก์ประทับ
“ แต่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ เฟิงโจวจะประกาศสงครามกับเรานะพะย่ะค่ะ ”
“ เกิดเหตุการณ์รุกล้ำเขตแดน ซ้ำยังมีการฆ่าทูต คราวนี้เฟิงโจวต้อง
เอาเรื่องซู่ซินอย่างหนักแน่ ” เฉิงซู่กล่าว
“ เราหลีกเลี่ยงสงครามไม่พ้นแล้ว ” ราชาจวงหยูตรัส พระเนตรยังจับจ้อง
ใบดาบอาบเลือดในพระหัตถ์ที่ยังสั่นเทา
“ แต่ซู่ซินยังไม่พร้อมทำสงครามพะย่ะค่ะ ”
พระพักตร์ราชาหม่นเครียด พลันระลึกเรื่องหนึ่งได้ สีพระพักตร์ผ่อนคลายขึ้นทันใด
“ ทุกท่านอย่าเพิ่งกังวล ข้ายังมีทางออก ”
สายตาของเหล่าขุนนางสงสัยระคนอยากรู้
...คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ