Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร

6.6

เขียนโดย Xian_xi

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.

  13 ตอน
  20 วิจารณ์
  19.30K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) วุ่นวาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ราชาจวงหยูตะลึงพรึงเพริศ   ขยับถอยพระองค์ไปตั้งหลักด้านหลัง   พระหัตถ์ควานหา

 

ดาบคู่ใจเปะปะ   พลันนึกขึ้นได้ว่าขณะทำพิธีบวงสรวงจะไม่มีการพกของมีคม  ส่วนเฉิงซู่

 

กับเหล่าทหารอารักขานั้นอยู่ห่างไกลไปมากทีเดียว

                            

                       “ ไม่มีใครเห็นข้านอกจากเจ้า ” ร่างสยองขวัญรู้ทันความระแวง “ ข้ามาดี 

 

ไม่ได้มาร้ายอะไร ”

               

            พระองค์หยุดละล้าละลัง   แล้วข่มความกลัวตรัสถามไป

                            

                      “ เจ้ามันคือตัวอะไรกันแน่ ”

               

            ใบหน้ากะโหลกแย้มเขี้ยวคมปรีดา   ราวกับรอคำถามนี้อยู่แล้ว

                           

                      “ ข้าคือผู้ที่เจ้าต้องการ ”

                           

                      “ อะไรนะ ”

                           

                      “ แคว้นใหญ่ทางตะวันตกที่เจ้าคิดหลุดจากพันธนาการมีกำลังทหาร

 

แสนยานุภาพสูง   และพันธมิตรที่พร้อมร่วมมือร่วมใจกว่ายี่สิบแคว้น   ทั้งยังมีสวรรค์

 

คอยคุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข   ข้อได้เปรียบแค่สามอย่างก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าไม่สมหวัง

 

ง่ายๆ ” เขาบอก “ สวรรค์คุ้มครองเฟิงโจวเหมือนพ่อคุ้มครองลูก   เฟิงโจวมีซู่ซินอยู่ในอาณัติ

 

ได้รับประโยชน์มากมาย   ถ้าซู่ซินปลดแอกสำเร็จจะตัดผลประโยชน์นั้น   เจ้าไปร้องขอสวรรค์

 

ให้ทำลายประโยชน์ของผู้อยู่ในคุ้มกัน   แล้วพวกเขาจะช่วยเจ้าหรือ   ข้าถึงได้หัวเราะเยาะ

 

ความคิดเจ้า ”

                     “ ไม่จริง   สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างใครนอกจากคนดี ” ราชาจวงหยูเถียง

 

เสียงแข็ง “ พวกเฟิงโจวจอมเสแสร้ง  เลวแอบแฝงพวกนั้น   สวรรค์ไม่มีทางเข้าข้างแน่...ดูจาก

 

รูปลักษณ์ของเจ้า   เจ้าเป็นปีศาจผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสวรรค์ใช่ไหม   เจ้าคิดจะมายุยงให้ร้าย

 

สวรรค์ ”

           

          จอมปีศาจกลั้วหัวเราะ   ส่ายหัวช้าๆด้วยรอยยิ้มสมเพช

                               

                    “ เจ้าเป็นเจ้าแคว้น   ใส่ใจดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างดีก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  

 

เจ้าแคว้นเฟิงโจวสำหรับในแคว้นเขาเองก็เช่นกันก็เป็นคนดี   แต่ทำไมสวรรค์จึงเพิกเฉยต่อคำขอ

 

ของเจ้า   ซ้ำยังไปสร้างความรุ่งเรืองให้แก่เฟิงโจวฝ่ายเดียว   เช่นนี้ไม่เรียกว่าเข้าข้างเฟิงโจว

 

แล้วจะเรียกว่าอะไร ”

                 

          เจ้าแคว้นซู่ซินชะงักตรึกตรอง   พยายามหาเหตุผลมาคัดค้านแต่นึกไม่ออก   ทั้งยังเริ่ม

 

สงสัยตาม   แสดงออกทางสีพระพักตร์ที่งุ่นง่าน  ตึงเครียดระคนสับสน

                             

                    “ ซู่ซินบูชาสวรรค์มายาวนานตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น   แต่สวรรค์ตอบแทนพวกเจ้า

 

เพียงเล็กน้อยด้วยการบันดาลตามคำขอบางประการ   เพื่อให้พวกเจ้ารับรู้ความศักดิ์สิทธิ์

 

และนับถือต่อไปเท่านั้น   แต่พอถึงคราวเฟิงโจวจะเข้าครอบงำ   สวรรค์กลับหายไป   ไม่รับรู้  

 

ไม่ช่วยเหลือ   กระทั่งซู่ซินต้องตกเป็นแคว้นขึ้นต่อเฟิงโจว   ผู้กล้าที่อาจหาญอยากเป็นอิสระ

 

ต้องพบจุดจบอย่างน่าสมเพช   ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของเจ้า ”

              

          ดวงพระเนตรคมดุแปรสั่นไหว   ภาพเหตุการณ์ราวฝันร้ายเมื่อกาลก่อนพลันย้อนคืน

                            

                    “ พวกเจ้าบูชาสวรรค์ก่อนก่อการ   มั่นใจและคาดหวังว่าสวรรค์จะเห็นแก่

 

ความตั้งใจ   แต่แล้วพวกเจ้ากลับถูกต้อนจนอับจนหนทาง... ”

                            

                    “ พอที! ” เจ้าแคว้นตะเบ็งเสียงลั่นผสานกรีดร้อง   อีกฝ่ายหยุดพูดฉับพลัน  

 

พระเนตรราชาจวงหยูลุกโชนด้วยไฟกริ้ว

                            

                    “ บูชาสวรรค์ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น   เจ้าจะยังทำต่อไปอีกหรือ ”

                            

                    “ ข้าไม่เชื่อ ”

                            

                    “ เลิกบูชาสวรรค์แล้วมาบูชาข้าแทน   ข้าจะช่วยเจ้าปลดจากพันธนาการ  

 

ลืมทุกสิ่งที่กังวล   พลิกข้อด้อยเป็นได้เปรียบอย่างน่าทึ่ง   เจ้าสนใจไหม ”

                

          ข้อเสนอของเขาฟังดูน่าสนใจ   หากแต่ราชาจวงหยูเกรงว่าจะแฝงการล่อลวงอะไร

                            

                   “ แม้เฟิงโจวจะยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเพียงใด ” แววพระเนตรคมปลาบ

 

เชื่อมั่น “ ข้าจะขอปลดแอกซู่ซินด้วยกำลังของซู่ซินเอง   ดีกว่าต้องพึ่งพาปีศาจเช่นเจ้า ”

                 

          จอมปีศาจหัวเราะก้อง   ขบขันและเย้ยหยันอยู่ในที

                            

                    “ ข้ามาเสนอผิดคนเสียแล้ว   เจ้าแคว้นซู่ซินโง่เง่าและหยิ่งผยองถึงเพียงนี้  

 

ทั้งที่รู้อยู่ว่ากำลังของซู่ซินไม่อาจเฟิงโจวได้ ”

                             

                    “ เจ้าดูถูกเราเกินไปแล้ว ” ราชาจวงหยูไม่พอพระทัย “ กำลังของซู่ซินยังสู้

 

เฟิงโจวไม่ได้   แค่ตอนนี้เท่านั้น! ”

 

           ดวงตาสีอำพันฉายแววรู้สึกขัดใจไม่ใช่น้อยที่ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน   ราชาจวงหยู

 

หันพระองค์จะจากไปอย่างไม่ไยดี

                                

                      “ ตามใจเจ้า   แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา   ในคืนเพ็ญที่ใกล้จะถึงนี้   ให้นำ

 

เลือดสดถ้วยหนึ่งมาบูชาข้าที่ใต้ต้นไม้นี้ด้วยตัวเอง  และมาคนเดียว   ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้  

 

หากไม่มาในวันนั้น   เจ้าจะไม่ได้เจอกับข้าอีกแล้ว ”

                   

          ราชาจวงหยูหันพระพักตร์กลับหมายตอบโต้   แต่ไร้ซึ่งเงาทะมึน   จอมปีศาจจากไปแล้ว

 

อย่างไม่ทันรู้สึกพระองค์สักนิด   เหลือไว้แต่ใบไม้ร่วงโปรยปราย

 

                   

          ใบไม้แห้งร่อนลงกระทบหลังคามุงหญ้าเหนือบ้านขนาดย่อม   เกี่ยวใบหญ้าค้างเติ่ง

 

ไม่ไปไหน   มองไกลๆเหมือนสร้างด้วยมวลใบไม้ลานตา   ลมอ่อนๆพัดมาเพียงวูบเดียว  

 

ใบไม้แห้งที่ติดกับกิ่งอย่างหมิ่นเหม่ก็พลิ้วหลุดโปรยปราย

                                   

                      “ ใบไม้ร่วงลงมาอีกแล้ว   เยอะเลย   เดี๋ยวต้องกวาดกันอีก   ไม่อย่างนั้น

 

จะปลิวเข้าบ้านหมด ”

                     

            สองแม่ลูกออกมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวนอกบ้าน   มองดูใบไม้ร่วงเพลินๆ   ผู้เป็นแม่

 

บรรจงหวีผมยาวสลวยของลูกอย่างเบามือ

                                  

                       “ ดูสิ   ผมของเจ้าดำขลับสวยดีจัง   ยิ่งใกล้แต่งงานเจ้ายิ่งดูสวยขึ้น...

 

แต่ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ตื่นเต้นดีใจเลย   หมู่นี้ก็ไม่ค่อยยิ้มด้วย ”

                                  

                      “ ข้าไม่เป็นไรค่ะ ” ฟู่หลานยิ้มจางจนแทบเลือนหาย

                                  

                     “ เกิดมาเป็นผู้หญิงยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่แล้ว ” ไห่เซินบอก “ ท่านยิน

 

เป็นผู้ชายที่ดี   ไม่ถือตัวและใส่ใจเจ้ามากด้วย   และเขาก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่   คงจะเลี้ยงดูให้เจ้า

 

ไม่ลำบาก   และต่อไปเจ้าจะได้รับการยกย่องในฐานะเป็นเมียเขา ”

                  

           ใบหน้าอ่อนหวานฉาบด้วยความหม่นเศร้าเมื่อได้ยินชื่อนั้น   ไห่เซินไม่ทันสังเกตอาการ

 

ลูกสาวก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากทางหน้าบ้าน

                               

                      “ ใครมาน่ะ ” ฟู่หลานมองตามอย่างใคร่รู้

                               

                      “ เจ้าอยู่ตรงนี้เถอะ   เดี๋ยวแม่ออกไปดูเอง ” ไห่เซินรีบลุกออกไป

                

           คล้อยหลังแม่ไปแล้ว   ฟู่หลานหยิบหวีไม้ที่แม่ทิ้งไว้ข้างตัวมาถือไว้   สายตาเลยไป

 

เห็นกล่องไม้อย่างดี   ข้างในบรรจุเครื่องประดับทองแวววาวหลากชนิดที่ยินเอามาให้เพื่อเอาใจ

 

นาง   นางเลือกเอาปิ่นอันหนึ่งขึ้นมาดู   ปิ่นทองคำประดับอัญมณีสุกสกาวจะพลิกดูรงไหน

 

ก็งดงามสมบูรณ์แบบ

                

                    ...ชาบูหลั่นตา...การแต่งงานครั้งนี้ทำให้นางสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป

                             

                      “ ข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี ” ถ้อยคำพร่ำสัญญาของยินแว่วขึ้นมา

                            

                      “ ท่านยินจะเลี้ยงดูเจ้าไม่ให้ลำบาก ” คำพูดของแม่ยังก้องอยู่ในหู

                

           พลันนิ้วเรียวก็ม้วนกำปิ่นนั้นจนแน่น

                

                 แต่ข้าไม่ต้องการ!   

                

          นางร่ำร้องในใจ   แต่นางก็ไม่รู้จะปฏิเสธยินอย่างไรดี   นางวางปิ่นลงกล่องอย่าง

 

ทอดถอนใจ   ปกติเมื่อใดที่มีปัญหาแก้ไม่ตก   ชาบูหลั่นตาจะคอยอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือ

 

นางเสมอ   แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่   เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว   อยู่ที่ไหนแล้ว...

 

          เสียงเอะอะปึงปังเหมือนของพังถล่มตามด้วยเสียงกรีดร้องตื่นตระหนกของไห่เซิน  

 

ฟู่หลานรีบลุก   วิ่งอ้าวไปหน้าบ้านอย่างเร็วจี๋

                 

          ไม้กวาดและเครื่องครัวหล่นกระจายเกลื่อนพื้น   ถังไม้กลิ้งขลุกๆข้างไห่เซินที่ยืนหน้าซีด

ตัวสั่น

                               

                    “ คิดว่าข้าจะอยู่นิ่งเฉยให้เจ้าแต่งงานกับยินได้ง่ายๆหรือ! ”

                  

          น้ำเสียงเกรี้ยวกราดคุ้นหูจนฟู่หลานสะดุ้งเหลียวไปทางประตู   เวยฮูหยินยืนจังก้า

 

หน้าถมึงทึง   ข้างๆและข้างหลังมีชายร่างใหญ่หลายคนกับสาวใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย  

 

ฟู่หลานเห็นนางพาผู้ชายมาด้วยมากมายเช่นนั้นก็แสดงอาการหวาดผวา

                                

                “ นังคนชั้นต่ำ   ถ้าเจ้ายังดื้อดึงจะแต่งงานกับลูกชายข้าก็อย่าได้อยู่อย่างสงบเลย ”

 

เวยฮูหยินตะโกน “ เข้าไปเลย   พังทุกอย่าง   อย่าให้มันอยู่ได้ ”

                    

          สิ้นคำสั่ง   พวกผู้ชายก็กรูเข้าไปในตัวบ้านโดยที่สองแม่ลูกไม่อาจยับยั้งได้  เสียงทำลาย

 

ของโครมคราม   บางคนโยนของออกมาด้านนอกแล้วตามออกมากระทืบต่อหน้า  สองแม่ลูก

 

ยืนเกาะกันไม่รู้จะทำอย่างไร   ผู้ชายคนหนึ่งนอกบ้านเห็นเครื่องมือเกษตรพิงอยู่ข้างรั้วก็จะไปดึง

 

ออกมา   ไห่เซินตาโต   รี่เข้าไปพยายามจะดึงออกจากมือเขา

                                   

                     “ นี่เครื่องมือทำไร่ของพวกข้า   ขอร้องเถอะ   ถ้าพังมันแล้ว   พวกข้าจะใช้

 

ทำมาหากินอย่างไร ”

                  

          เวยฮูหยินกรีดเสียงหัวเราะสะใจ “ นั่นแหละที่ข้าต้องการ   พังไปเลย!   พังไปอย่าให้

เหลือ ”

 

          ครั้นเห็นไห่เซินยังยื้อยุดขัดขวาง   เวยฮูหยินก็กระชากตัวนางออกมา   ฟู่หลานรีบเข้า

 

ช่วยก็ถูกตบฉาดใหญ่ล้มไปหมอบกับพื้น

                               

                    “ นังตัวดี   คิดจะทำร้ายข้าเรอะ ” เวยฮูหยินโกรธจัด   ตรงเข้าขยุ้มคอนาง  

 

ไห่เซินกรีดร้องสุดเสียงจะเข้าช่วย   แต่บรรดาผู้ชายกันไว้เต็มกำลัง   ฟู่หลานตาเหลือกลาน  

 

พยายามทึ้งมือที่กุมบีบอยู่แต่ไร้ผล   อ้าปากดิ้นรนปริ่มจะขาดใจ

                    

                  ...นายท่าน   นายท่านช่วยด้วย!

                    

         ภายในถ้ำห่างไกลที่มืดมิดไร้แสงสว่าง   ดวงตาสีชาลุกผึงตระหนก

                                 

                  “ ฟู่เอ๋อ! ”

                     

          ม่านมนตร์ปรากฏเปลวเพลิงเวียนวนคล้ายโลหะหลอมเหลวราวจะเตือน  เทพมังกรรุดฝ่า  

 

เปลวเพลิงลุกติดฝ่ามือแล้วลามไปส่วนอื่น   เขากรีดร้องก้อง   ดิ้นเร่าๆ

                                  

                    “ ฟู่เอ๋อ   ฟู่เอ๋อ   อ๊ากกกกกกกกก! ”

                       

          เปลวเพลิงลามไปทั่วร่าง   ผิวเนื้อแยกระอุแทบแหลกสลาย   ได้ยินเสียงนางกรีดร้อง

 

จวนตัวยิ่งคุ้มคลั่ง   ดวงตาแปรเป็นสีแดงก่ำ   แยกเขี้ยวยาวแล้วกัดสุดแรง

                                    

                    “ กรี้ดดดดดดดดดดดด ” เวยฮูหยินดีดตัวออกจากฟู่หลานท่ามกลางความตกใจ

 

งุนงงของทุกคน   นางถอยห่างไปยืนหน้าซีดเผือด   กุมมือที่เลือดอาบ

                                    

                    “ นายหญิงเจ้าคะ ” สาวใช้ตระหนกรีบเข้าดูอาการ   เห็นแผลเป็นรอยคมเขี้ยว

คล้ายสัตว์

                        

          แววตาเวยฮูหยินสับสน   งุนงง  และตกใจ   ไม่แน่ใจว่าเป็นฝีมือฟู่หลานหรือใครกันแน่

 

                    “ เจ้าทำอะไรข้า ” นางถามเสียงปร่า   เพราะเมื่อครู่นี้ฟู่หลานไม่มีทางสู้นาง

 

ได้เลย   อีกฝ่ายตกใจ   นางก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน

                                        

                    “ นายหญิง   อันตรายเจ้าค่ะ   ผู้หญิงคนนี้คงเป็นพวกแม่มดหมอผีเลยใช้

 

เวทมนตร์ทำร้ายท่าน   รอยแผลนี่ก็ดูเหมือนถูกเขี้ยวสัตว์ร้าย ”

                                         

                    “ อะไรนะ ” เวยฮูหยินตกใจ

                                         

                    “ นางคงเป็นแม่มดหมอผี   ใช้เวทมนตร์ร่ายเสน่ห์ใส่คุณชายยิน  คุณชายถึงได้

 

ทั้งรักทั้งหลงนางจนไม่ฟังท่าน ” สาวใช้ว่า “ รีบกลับเถอะเจ้าค่ะ   เดี๋ยวนางจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมา

 

อีก ”

                                          

                   “ ฮึ่ม ” เวยฮูหยินแสดงท่าทีแค้นใจ   ทว่าระแวงอยู่ไม่ใช่น้อย “ กลับ  กลับ 

 

เจ็บใจนักนังตัวดี   อย่าคิดว่าข้าจะรามือง่ายๆ   ข้าจะไปหาหมอผีที่เก่งกว่าเจ้า  แล้วจะกลับมา

 

จัดการกับเจ้าอีกครั้ง   คอยดูสิ ”

                        

           เวยฮูหยินขู่อาฆาตให้ไม่สบายใจแล้วก็พาพวกตนกลับไป   สองแม่ลูกหน้าเศร้า

 

ช่วยกันเก็บซากสิ่งของ   ฟู่หลานเก็บไปก็ครุ่นคิดเหตุการณ์เมื่อครู่   พอคับขันนางนึกถึง

 

ชาบูหลั่นตาก็เกิดแผลประหลาดบนมือเวยฮูหยินคล้ายเขี้ยวสัตว์   แสดงว่าเขาได้ยินนาง

 

ขอความช่วยเหลือและช่วยนางไว้   เช่นนั้นเขาคงอยู่ใกล้ๆและคอยดูแลนางอยู่   แต่ทำไมถึง

 

ไม่ปรากฏตัว

 

                                         

                      “ อืม...เจ้าแคว้นซู่ซินปราบขุนนางชั่วจนราบคาบ ”

 

           ควันขาวจางลอยพลิ้วเหนือน้ำสีน้ำตาลในถ้วยเคลือบหรูหรา  ซึ่งถูกโน้มจรดริมฝีปากบาง

 

ใต้หนวดสีเข้ม

                                    

                      “ เอาขุนนางชั่วออกไปแล้วเอาขุนนางดีมาบริหารการงานในแคว้นแทน  

 

ต่อไปแคว้นซู่ซินคงเจริญและมั่งคั่งกว่านี้อีกหลายเท่าตัวแน่   ราชาจวงหยูทรงปรีชาจริงๆ ”

                    

           ถ้วยเคลือบหรูกระแทกโต๊ะสนั่นลั่นหู

                                  

                    “ พูดอะไรอย่างนั้น! ” น้ำเสียงทุ้มหนักคำรามกรอด “ เวลานี้เราควรกังวลใจ

 

มากกว่า   แคว้นซู่ซินที่เคยอ่อนแอจนต้องอยู่ในความคุ้มกันของเฟิงโจว   ตอนนี้กำลังเริ่มเข้มแข็ง

 

และจะไล่ตามเรามา   ถ้าพวกมันแข็งแกร่งจนสามารถหลุดพ้นจากการเกาะกุมของเฟิงโจวไปได้  

 

ทีนี้ผลประโยชน์ที่เฟิงโจวเคยได้รับก็จะหายไปหมด ”

                                    

                     “ จริงด้วยขอรับ   ท่านเหวิ่นขาน ”

                  

          เหวิ่นขานเป็นเสนาบดีเอกแห่งแคว้นเฟิงโจว   เข้มแข็งและชาญฉลาดจนราชสำนัก

 

เฟิงโจวต้องยอมรับ   และเป็นที่ยกย่องของขุนนางทั้งหลาย   พระราชาจางเฉิงทรงมีพระเมตตา

 

ต่อคนทุกคน   และไม่ทรงโปรดการแย่งดินแดน   แต่เพื่อความอยู่รอดของแคว้น  เหวิ่นขานจึง

 

จำต้องขยายอำนาจของแคว้น   แคว้นใดยอมจำนนสวามิภักดิ์โดยดี   การขยายอำนาจก็เป็นไป

 

อย่างราบรื่น   แต่แคว้นใดดื้อดึงก็จะแต่งกองทัพไปขู่   และหาทางเปลี่ยนผู้นำแคว้นให้เป็นผู้ที่

 

เฟิงโจวควบคุมได้ง่าย   เพื่อครอบงำแคว้นนั้นได้โดยแทบไม่ต้องเสียเลือดเนื้อมาก   ทั้งนี้เพื่อ

 

กระทบกระเทือนพระทัยของราชาจางเฉิงน้อยที่สุด   เขาคอยสร้างความมั่นคงความมั่นคงใต้

 

พระนามราชาแห่งแคว้นเฟิงโจว   ดังนั้น   เขาจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความรุ่งเรืองแข็งแกร่ง

 

ของแคว้นเฟิงโจว

                              

                     “ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว   ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ”

 

                 

          ทหารคนหนึ่งวิ่งเร็วจี๋จนผ้าคลุมไหล่ลู่ลมเห็นเป็นเส้นเดียว   มุ่งไปทางท้องพระโรง

                              

                    “ ทูลฝ่าบาท... ”

                 

          ราชาจวงหยูเบิกพระเนตรกว้างเมื่อเขาทูลจบ

                              

                    “ อะไรนะ   มีคนโจมตีขบวนขุนนางถูกเนรเทศแล้วชิงตัวไป ”

                              

                    “ พะย่ะค่ะ   พวกคนร้ายมากันหลายคนมาก   โจมตีไม่ทันตั้งตัวแล้วก็พา

 

พวกขุนนางหนีไปด้วย ”

                              

                   “ ทูลฝ่าบาท   ขุนนางเหล่านั้นคงยังมีคนบางกลุ่มคอยช่วยเหลืออยู่แน่นอน ”

 

ขุนนางคนหนึ่งทูล “ ไม่รู้คนพวกนั้นหนีไปได้แล้วจะกลับมาทำอะไรหรือเปล่า ”

                  

          เฉิงซู่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง   สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด

                              

                    “ ทูลฝ่าบาท   กระหม่อมเพิ่งได้รับรายงานมาว่าช่วงนี้มีทหารรับจ้างต่างแคว้น

 

เข้าเมืองหลวงจำนวนมากและถี่ผิดปกติพะย่ะค่ะ ” เขารีบทูล “ ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาแล้ว

 

ไปรวมตัวกันที่บ้านของอดีตเสนาบดีที่ถูกปลดไปพะย่ะค่ะ ”

               

          ดวงพระเนตรราชาตะลึงค้าง   แล้วเปลี่ยนเป็นคมกร้าว   ริมพระโอษฐ์เม้มชิด

                             

                    “ ฮึ่ม   พวกขุนนางที่เสียประโยชน์เมื่อคราวกวาดล้างที่แล้ว   ตั้งใจรวมตัวกัน

 

เพื่อคิดการใหญ่แน่ ”

 

                    “ ทูลฝ่าบาท! ” ทหารอีกคนวิ่งหน้าตื่นเข้ามา “ พวกทหารรับจ้างก่อ

 

ความวุ่นวายในเมืองหลวงแล้วพะย่ะค่ะ ”

                              

                    “ ว่าไงนะ ” ราชาจวงหยูลุกพรวด   ขุนนางทั้งห้องเอะอะเซ็งแซ่

                             

                    “ ส่งทหารไปจัดการพวกมันเดี๋ยวนี้!   แล้วตามจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ ”

                  

          บานประตูหนักอึ้งอ้าออก   กองทัพทหารหลั่งไหลทะยานออกไป

                  

                    ……………………………………..

                  

          การต่อสู้ดำเนินไปถึงบ่ายคล้อย   ตามถนนหนทางเกลื่อนด้วยซากหักพัง   เลือด  

 

และซากศพ

                  

          คนกลุ่มหนึ่งวิ่งหลบซ่อนอยู่ในป่า   เหลียวดูทางที่วิ่งมาเป็นระยะ   เร่งรุดไปข้างหน้า

 

อย่างไม่ยั้งฝีเท้าสักนิด   กลุ่มทหารอาวุธครบมือปรากฏตัวแต่ไกล   ไล่ตามมาทางเดียวกัน

                               

                     “ เฮ้ย   หยุดนะ ”

                  

          พวกที่วิ่งนำมาก่อนหน้าตื่น   เร่งกระโจนห่างออกไปอีก

                               

                     “ ช้าก่อน   ท่านนายกอง   ข้างหน้าจะเข้าเขตแดนแคว้นเฟิงโจวแล้ว ”

                  

           ทหารทั้งกองหยุดกึก   รีรอรับคำสั่ง   ฝ่ายนายกองก็ลังเลเพราะตนพาทหารมาด้วย  

 

ถ้ารุกล้ำเข้าเขตอีกแคว้นโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเกิดเรื่องใหญ่ได้   แต่เมื่อมองไปที่กลุ่ม

 

อดีตขุนนางที่กำลังหลบหนี   เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเริ่มอ่อนล้า   ลดความเร็วลงแล้ว   ทั้งก็เพิ่ง

 

ข้ามแดนไปไม่ไกลนัก

                                   

                       “ ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องให้หมด   แถวนี้ไม่มี

 

ป้อมทหาร   พวกนั้นเพิ่งข้ามแดนไปไม่ไกล   ถ้าเรารีบไปลากตัวกลับมา   พวกเฟิงโจวน่าจะยัง

 

ไม่รู้ตัว   รีบตามไปเร็ว! ”

                 

          กองทหารกรูไล่ตามพวกอดีตขุนนางไป

                            

                   “ เร็วเข้า!   ถ้าพวกมันหนีเข้าไปได้ลึกกว่านี้   พวกเฟิงโจวอาจรู้ตัว   เรา

จะลำบาก ”

                 

          พลันทหารหนึ่งคนร้องลั่นแล้วล้มลงไป   ทหารที่เหลือตกใจหันขวับ   เห็นลูกธนูยาว

 

ปักอยู่ตรงหน้าอกทหารคนนั้น   ทหารซู่ซินตื่นตะลึง   ทันใดนั้นลูกธนูมากมายก็พุ่งมาจาก

 

ทุกทิศทาง

                               

                    “ ตายล่ะ! ” นายกองซู่ซินปัดป้องพัลวัน   พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

                

          ห่าธนูขาดช่วงไป   ทหารเฟิงโจวจำนวนมากปรากฏตัวจากที่ซ่อน   ยืนล้อมทหารซู่ซิน

 

จนไม่มีทางออก   นายกองซู่ซินหน้าซีด   ไม่นึกว่าจะกลายเป็นเช่นนี้

                              

                     “ ฆ่ามัน! ”

                              

                     “ ช้าก่อน! ” นายกองซู่ซินแผดเสียงลั่น “ กลุ่มคนที่ยืนเบื้องหลังพวกท่าน

 

คือคนของซู่ซินที่ก่อความวุ่นวายในแคว้นแล้วหลบหนีออกมา   เราน่าจะไปแจ้งพวกท่านก่อน  

 

แต่เกรงคนพวกนั้นจะหนีไปได้ไกลแล้วจะตามจับได้ยาก   จึงจำต้องข้ามแดนมา   เมื่อจับได้แล้ว

 

จะรีบถอยพ้นจากเขตแดนพวกท่านทันที ”

                              

                      “ เจ้าพาทหารมาด้วยเป็นกองทัพเช่นนี้หรือจะให้ยอมเชื่อ ”

                              

                      “ ได้โปรดอย่าโกรธเคืองกัน   ขออภัยจริงๆ   เราจะถอนกำลังออกจาก

 

ดินแดนท่านเดี๋ยวนี้   แต่ขอคนร้ายกลับไปด้วย ”

 

                      “ ข้าไม่ให้! ”

                 

           เหล่าขุนนางหัวเราะเยาะ   นายกองซู่ซินตกตะลึง

                               

                    “ หมายความว่า...เฟิงโจว! ”

                 

          หัวหน้าทหารเฟิงโจวยิ้มเย้ย   นายกองซู่ซินกัดฟันเจ็บใจ

                              

                   “ รีบถอยเดี๋ยวนี้   เฟิงโจวกับคนพวกนั้นร่วมมือกัน   ถอย!   รีบกลับไปทูล

ฝ่าบาท ”

                               

                   “ ทหารซู่ซินจะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่! ”

                               

                   “ ฝ่าออกไป! ”

              

           ทหารซู่ซินเฮปะทะวงล้อม   ทหารเฟิงโจวกลุ้มรุมเข้ามาทันใด   แสงดาบวูบวาบ  

 

เสียงต่อสู้ก้องไปทั่วป่า

 

                             

                      “ เจ้าว่าอะไรนะ! ” สีพระพักตร์ราชาจวงหยูเดือดดาล

                             

                      “ เป็นความจริงพะย่ะค่ะ” นายกองคุกเข่าทูลด้วยสภาพสะบักสะบอม

                             

                      “ แสดงว่าเฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้ ” พระองค์เข่นเคี้ยวพระทนต์

                             

                      “ ทูลฝ่าบาท   หลังการกวาดล้างขุนนางชั่ว   ซู่ซินจะเจริญขึ้นและเป็นภัย

 

ต่อพวกเขา   พวกเขาจึงหาทางสั่นคลอนความมั่นคงของซู่ซิน ”

                             

                      “ ฮึ่ม   ร้ายนัก   ร่วมมือกับคนที่เสียประโยชน์เพราะข้าจะมาล้มล้างข้า ”

                             

                      “ ทูลฝ่าบาท   แต่แผนการของพวกอดีตขุนนางถูกเปิดเผยง่ายเกินไป

 

จนน่าแปลกใจนะพะย่ะค่ะ ” เฉิงซู่ทูล “ ถ้าคิดจะล้มล้างพระองค์จริงๆก็คงจะเลือกใช้วิธี

 

ที่แนบเนียนกว่านี้ ”

                              

                      “ จริงของท่าน   พาทหารรับจ้างจำนวนมากไปรวมตัวที่บ้านคนๆเดียว  

 

แสดงเจตนาชัดเจนให้เราจับได้   ทำไม... ”

                              

                      “ ทูลฝ่าบาท ” ขุนนางคนหนึ่งรีบร้อนมากลางท้องพระโรง “ มีทูตจาก

 

เฟิงโจวขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ ”

                            

                     “ อะไรนะ   ทูตเฟิงโจว ” ราชาจวงหยูตกพระทัย “ พวกเขาคิดจะทำอะไรอีก ”

 

                            

                     “ ฮ่า  ฮ่า  ฮ่า ” เหวิ่นขานหัวเราะร่าอย่างสุขล้น

                            

                     “ เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมขอรับ ”

                            

                     “ พระราชาซู่ซินกำลังลำบากแล้วล่ะ   อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกอื่น   เพียงเท่านี้

 

ซู่ซินก็จะล้าหลังไปอีกหลายปี ”

 

               

           สีหน้าทูตเฟิงโจวไม่สบอารมณ์นัก   ฝ่ายราชาจวงหยูมีสีพระพักตร์เคร่งขรึม  

 

วางพระองค์งามสง่า

                              

                     “ เมื่อตอนบ่ายมีทหารซู่ซินบางกลุ่มรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของเรา ”

                              

                     “ อดีตขุนนางที่ถูกข้าลงโทษคิดแค้นจึงมาต่อต้านข้า   ก่อความวุ่นวาย

 

ไปทั่วเมืองหลวง   พอแพ้จะถูกจับตัวก็หนีข้ามแดนไป   ทหารของข้าเกรงพวกเขาจะหนีไปไกล

 

เลยข้ามแดนไปตามจับ   มันเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น   ซู่ซินไม่ได้มีเจตนาจะไม่เคารพ

 

เฟิงโจวแต่อย่างใด   เกี่ยวกับเรื่องนี้   ข้าจะแต่งหนังสือไปขออภัยพระราชาเฟิงโจวด้วยตนเอง ”

                            

                     “ แต่มีการสู้รบและมีทหารเฟิงโจวถูกฆ่าตาย   เรื่องนี้คงจะไม่ได้จบง่ายๆ

 

ด้วยการแต่งหนังสือขอโทษเสียแล้วกระมัง ”

                

           วาจาคุกคามทำให้ราชาจวงหยูกริ้วเคืองและหวั่นพระทัยอยู่ลึกๆ   แต่ไม่มีพระประสงค์

 

ให้ซู่ซินต้องมีปัญหาร้ายแรงกับเฟิงโจวในตอนนี้   ฉะนั้นจึงวางองค์นิ่งสงบและไม่ตรัสถึงเรื่องที่

 

เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย

                              

                      “ เราไปกระทบกระเทือนจิตใจพวกท่าน   ไม่ทราบว่าซู่ซินควรทำอย่างไร

 

ถึงสามารถลบล้างความผิดครั้งนี้ ”

                               

                      “ ชดใช้ความเสียหายของเรา   ด้วยการเพิ่มเครื่องบรรณาการห้าเท่าจากเดิมนับแต่นี้ไป ”

                                

                      “ อะไรนะ! ” ราชาจวงหยูเหลืออดกลั้นอารมณ์

               

          ขุนนางซู่ซินตกตะลึงฮือฮา   ทูตเฟิงโจวจ้องพระพักตร์ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์  ยิ้มสมใจ

 

ที่มุมปาก

                             

                     “ เครื่องบรรณาการมากมายขนาดนั้น   ข้าจะไม่ส่งเด็ดขาด! ”

                              

                     “ ฝ่าบาททรงมีทางเลือกอยู่สองทางเท่านั้น   คือส่งเครื่องบรรณาการ         หรือสงคราม ”

                

          ราชาจวงหยูกริ้วจนพระวรกายสั่น “ เฟิงโจวอยู่เบื้องหลังการก่อความวุ่นวายครั้งนี้  

 

ข้ายังไม่ได้เอาเรื่องเลยนะ! ”

 

                     “ ฝ่าบาทไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ   นอกจากส่งเครื่องบรรณาการ   หรือสงครามเท่านั้น ”

                

           ในพระกรรณลั่นเปรี๊ยะ   ราชาจวงหยูโถมพระวรกายลงเบื้องล่าง   ฉวยดาบนายกอง  

 

ใบดาบสะท้อนใบหน้าคาดไม่ถึงของทูตวาบเดียว   โลหิตอุ่นก็สาดกระเซ็นเปรอะพื้นท้องพระโรง

                               

                      “ ฝ่าบาท ” ทุกคนตื่นตะลึงทั่วกัน

                               

                      “ เข้าใจกันหรือยัง   เฟิงโจวให้อดีตขุนนางสะสมกำลังโดยเปิดเผยให้

 

พวกเราจับได้   แกล้งก่อความวุ่นวายแล้วล่อให้เราข้ามเขตเฟิงโจว   ทั้งหมดเพื่อเป็นข้ออ้าง

 

ทำลายกำลังพัฒนาของซู่ซิน   ก็เพื่อพวกเขาจะครอบงำพวกเราได้ไปอีกนานแสนนาน! ”

 

พระอัสสุชลเอ่อพระเนตรสองข้างด้วยความคั่งแค้น “ พวกเขาบีบทางเลือกให้ข้า   จะทำลาย

 

กำลังพัฒนาของตัวเอง   หรือจะให้เฟิงโจวยกทัพมาตี   ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ดีว่าซู่ซินไม่พร้อม

 

ทำสงคราม!   สุดท้ายแล้วไม่ว่าเลือกทางไหน   ซู่ซินก็ย่ำแย่ทั้งนั้น ”

                                

                      “ โอ...ฝ่าบาท ” เหล่าขุนนางรู้สึกหดหู่ไม่ต่างกัน

                  

           ราชาจวงหยูหันองค์   โลหิตแดงสดหยดจากปลายดาบเป็นทางไปถึงบัลลังก์ประทับ

                               

                     “ แต่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้   เฟิงโจวจะประกาศสงครามกับเรานะพะย่ะค่ะ ”

                               

                     “ เกิดเหตุการณ์รุกล้ำเขตแดน   ซ้ำยังมีการฆ่าทูต   คราวนี้เฟิงโจวต้อง

 

เอาเรื่องซู่ซินอย่างหนักแน่ ” เฉิงซู่กล่าว

                               

                     “ เราหลีกเลี่ยงสงครามไม่พ้นแล้ว ” ราชาจวงหยูตรัส   พระเนตรยังจับจ้อง

 

ใบดาบอาบเลือดในพระหัตถ์ที่ยังสั่นเทา

 

                     “ แต่ซู่ซินยังไม่พร้อมทำสงครามพะย่ะค่ะ ”

                   

           พระพักตร์ราชาหม่นเครียด   พลันระลึกเรื่องหนึ่งได้   สีพระพักตร์ผ่อนคลายขึ้นทันใด

                                  

                      “ ทุกท่านอย่าเพิ่งกังวล   ข้ายังมีทางออก ”

                  

           สายตาของเหล่าขุนนางสงสัยระคนอยากรู้

                   

                     ...คืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา