Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร
6.6
เขียนโดย Xian_xi
วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.
13 ตอน
20 วิจารณ์
18.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) คำพิพากษา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ " กรณีของเจ้าเป็นเรื่องชู้สาวซึ่งไม่เข้าข้อยกเว้นใดๆ ฉะนั้น เจ้าต้องถูก
ลงโทษตามกฎของเรา "
" องค์จักรพรรดิ... " ชาบูหลั่นตาโอด
" ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้า แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ แม้ถ้าคนผิดเป็น
ข้าเองก็ยังต้องเคารพกฎนั้น "
" แต่ข้าพระองค์ถูกทำร้ายจิตใจและยั่วยุอารมณ์ก่อนนะพะย่ะค่ะ "
" ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ชาวสวรรค์ที่มีจิตใจสูงกว่าเหล่ามนุษย์ต้องพยายามควบคุม
ตน " พระองค์ตรัส " อีกอย่าง นางยังไม่ใช่คนรักของเจ้า ดังนั้นผู้ชายคนอื่นก็สามารถ
เข้าหานางได้เช่นกัน ถ้านางไม่ได้รักเจ้าแล้วเกิดไปพอใจผู้ใดนางก็สามารถเลือกคนที่นางรัก
เจ้าไม่มีสิทธิรั้งนางไว้และไม่มีสิทธิหวงห้ามนาง ไม่ว่าเจ้าจะคิดอย่างไรกับนางก็ตาม เพราะ
นางไม่ใช่คนรักของเจ้า "
" ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม " เขาคำรามพร้อมกับสั่นใบหน้าขึ้งเกร็ง
" และอีกอย่างที่เจ้าควรจะระลึกไว้เสมอคือนางเป็นมนุษย์ แต่เจ้าเป็นเทพ
มังกรฟ้า พวกเจ้าต่างถูกกั้นกลางด้วยชาติภพ ถึงนางจะรักเจ้าตอบ พวกเจ้าก็ครองคู่กันไม่ได้
อยู่ดี "
" ข้าพระองค์รู้สึกผิดหวังจริงๆ " เทพมังกรกล่าวเสียงพร่าด้วยความผิดหวัง
ช้ำใจ " ข้าพระองค์ต้องรู้สึกเช่นไร ไม่ทรงเข้าพระทัย เพราะถ้าทรงเข้าพระทัยก็คงไม่ทรง
ตรัสเช่นนี้ออกมา ข้าพระองค์ผูกพันกับนางมาก การต้องตัดใจอย่างไม่ยุติธรรมเท่ากับทรงให้
ข้าพระองค์ฉีกทำลายหัวใจตัวเองจนย่อยยับ ข้าพระองค์ยอมไม่ได้เด็ดขาด "
ความขมขื่นและทุกข์ร้อนแล่นปลาบจุกอก เขาพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ร่างโปร่งยืน
แข็งเกร็งกับที่ แววตาผันเป็นสีแดงจัดวะวาบ เกรงจะคุมตนไม่ได้อีก รีบหันหลังจะไปจาก
ตรงนั้น เสียงเหล่าขุนนางตวาดลั่นทันใด
" เทพมังกรฟ้า! ท่านจะหันหลังให้องค์จักรพรรดิผู้เป็นนายสูงสุดทั้งที่ยังไม่
ทรงปล่อยกลับได้รึ!? "
ร่างโปร่งชะงักกึก หันใบหน้าเพียงครึ่งเดียวกลับมา เผยให้เห็นนัยน์ตาเริ่มเปลี่ยนสี
" ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่ยอมฉีกหัวใจตัวเอง "
" นั่นมันเรื่องของเจ้าแล้ว " จักรพรรดิเป่าซินตรัสเสียงขุ่น " แต่ข้าขอ
เตือนเจ้าไว้ว่าความคิดดึงดันของเจ้าจะนำความทุกข์ร้อนปั่นป่วนให้กับตัวเจ้าเอง แล้วถ้าวันหน้า
เจ้ายังก่อเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ผ่อนผันโทษให้เจ้าเหมือนวันนี้ สั่งการลงไป! เทพมังกรฟ้า
ละเมิดกฎไปทำร้ายมนุษย์ สมควรถูกลงโทษขังคุกสวรรค์สามร้อยปี แต่เนื่องจากเคยก่อ
คุณงามความดีเมื่อครั้งจับศึกกับจอมปีศาจและยังเป็นความผิดครั้งแรก อีกทั้งมนุษย์ผู้นั้นก็ยัง
ไม่ถึงแก่ชีวิต จึงลดโทษให้ถูกกักบริเวณบนภูเขาเทวะร้อยวัน เพื่อให้มีเวลาทบทวนความคิด
ตนและความผิดที่ก่อไว้ สั่งการลงไปตามนี้ "
" น้อมรับพระราชบัญชา "
พระพักตร์จักรพรรดิเป่าซินดุดันเปี่ยมอำนาจ ขณะที่ชาบูหลั่นตาแข็งกร้าวเพราะ
ความคิดตัวเองไม่แพ้กัน
แม่ทัพใหญ่หันมาทางชาบูหลั่นตา " ตามข้ามา ข้าจะนำทางเจ้าไปที่ภูเขาเทวะ "
เขาหันหลังเดินตามเซิ่งตู่ไป พ้นธรณีประตู บรรดาขุนนางด้านในก็ส่งเสียงวิพากษ์
วิจารณ์อย่างหนัก เขาไม่สนใจ ก้าวไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ประตูด้านหน้า บานประตู
โอ่อ่าถูกเปิดกว้าง เขาก้าวออกมา พบกับภาพเช่นความทรงจำเลวร้ายในอดีต ชาวสวรรค์มา
รวมตัวกันด้านนอก เพื่อมาดูเขา เขาที่กำลังเจ็บปวดช้ำใจ แล้วเสียงซุบซิบวิจารณ์สะพัดไป
อย่างรวดเร็ว เขาแทบตั้งรับความเปลี่ยนแปลงไม่ทันเมื่อนึกถึงตอนที่ชาวสวรค์ยังยกย่องเขา
อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจอความเจ็บปวดยิ่งกว่ามาแล้ว หรือเพราะชินชาเสียแล้ว จึงก้มหน้า
เดินต่อไปไม่มองหน้าใคร พ้นบริเวณชนชุมนุม แม่ทัพใหญ่ก็ร่ายมนต์ พอวาดมือไปด้านหน้า
บังเกิดมวลควันสีนวลหนาแน่นกระจายล้อมร่างเทพทั้งสอง สักพักก็จางลง ปากถ้ำขนาด
มหึมาปรากฏแก่สายตา รอบๆเป็นผืนป่าวังเวง ไม่มีใครอยู่ที่นั่น มีเพียงเสียงนกป่าร้องแว่ว
อยู่ไกลๆ
" เอาล่ะ เจ้าเข้าไปข้างใน อีกร้อยวันข้างหน้าถึงจะออกมาได้ แล้วก็ขอ
ให้จำการลงโทษนี้เป็นบทเรียน อย่าให้มีครั้งหน้า จะได้ไม่ต้องรับโทษหนักกว่านี้ "
เทพมังกรจำเข้าไปด้านใน แม่ทัพใหญ่ร่ายมนต์อีกครา แสงทองไหลออกจาก
ฝ่ามือแผ่ไปถึงหน้าถ้ำ ขยายคลี่คลุมปากถ้ำเป็นม่านบางสีทองระยับ ค่อยๆลดแสงสีจน
กลมกลืนไปกับพื้นที่ ราวกับไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆเลย
" อีกร้อยวันเจอกัน ดูแลตัวเองด้วย "
เวลาผ่านไปหลายวัน ยินที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านฟู่หลาน บาดแผลทางกายเริ่ม
ทุเลา ก็ขอตัวกลับเพื่อไม่ให้ที่บ้านสงสัย ลาขอบคุณพ่อแม่นางเเล้วออกมา ฝ่ายนางตามมา
ส่งที่หน้ารั้ว
" แน่ใจหรือคะว่าจะกลับเอง ไม่รอให้ท่านจี๋โป้มารับกลับ "
" ข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนเขาหรอก " ยินบอก " ฟู่เอ๋อ
ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยดูแลข้าตลอดที่ผ่านมา "
" ท่านดีต่อครอบครัวข้า บาดเจ็บมาจะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร "
" กลับไปแล้ว ข้าคงต้องกลับไปสะสางงานที่เมืองหลวงด้วย กว่าจะได้
กลับมาคงอีกสักระยะหนึ่ง กลับมาครั้งหน้าข้าจะให้ท่านพ่อมาสู่ขอเจ้านะ "
ยินจ้องตานางด้วยสายตาจริงจังมั่นคง หากใบหน้าหวานดูกังวล ย้อนถามเขา
" แต่ท่านแม่ของท่านคงจะไม่ชอบใจนัก "
" ไม่ต้องห่วง แต่งงานที่นี่เสร็จ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่บ้านที่เมืองหลวง
ด้วยกัน "
" แต่ว่าข้าก็ต้องดูแลพ่อที่ไม่ค่อยสบายด้วย ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น "
" นั่นก็ไม่มีปัญหา ข้าจะพาพ่อแม่เจ้าไปเมืองหลวงด้วย ทีนี้เจ้าก็ไม่ต้อง
กังวลว่าจะไม่ได้ดูแลพ่อ ไปอยู่ที่นั่น ข้าจะเลี้ยงดูครอบครัวเจ้าให้สุขสบาย และพ่อเจ้าก็ไม่
ต้องทำงานหนักให้อาการกำเริบอีกแล้ว "
นางกระอักกระอ่วนใจ นึกหาเหตุผลที่จะทำให้มันเลื่อนไปสารพัด ระหว่างนั้นยินจับ
มือนางขึ้นมากุมไว้
" เราสองคนจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ "
นางสะอึกฮึก วาจาที่คิดไว้โต้ พลันกลับหายเข้าลำคอ อยากพูดว่าไม่...ไม่...
แต่...
แต่...........
แต่.........................
ยินก้าวเร็วๆออกจากเรือนพัก ผ่านสวน บ่ายหน้าไปทางประตูใหญ่ เวยฮูหยินโผล่
มาดักทางไว้
" ลูกยินรอสักพักนะ อย่าเพิ่งรีบไป " นางยิ้มเอาใจ " แม่นัดหวาง
ฮูหยินกับไฉ่เหลียงไว้ พวกนางจะมาส่งเจ้าด้วย ใกล้มาถึงแล้วล่ะ "
" ท่านแม่ลูกเคยบอกท่านไปแล้วนี่ ได้โปรดหยุดจับคู่ลูกกับไฉ่เหลียง
สักที "
" แล้วจะปล่อยให้เจ้าไปจับคู่กับแม่สาวชั้นต่ำแทนน่ะรึ ฮึ! ไม่มีทาง "
" อุ๊ย...อยู่กันตรงนี้นี่เอง "
เวยฮูหยินชะงักปาก หันมายิ้มแย้มให้หวางฮูหยินกับลูกที่เพิ่งเดินเข้ามา สีหน้าผิด
กับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
" ข้าขอตัวออกเดินทางก่อน " ยินพยายามเลี่ยงไป
" เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ ข้าจะมาคุยเรื่องเจ้ากับไฉ่เหลียงด้วย " หวางฮูหยิน
กล่าว
" ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปนั่งก่อนค่ะ " เวยฮูหยินรีบพูด " ยิน เจ้าก็ตามไป
ด้วย "
" แต่ลูกกำลังจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง มีงานที่ต้องสะสางที่นั่น
เยอะแยะ "
" แล้วจะเสียเวลาคุยนิดหนึ่งแล้วค่อยออกเดินทางไม่ได้รึ หวางฮูหยิน
อุตส่าห์มาที่บ้านเราทั้งทีนะ "
เวยฮูหยินรีบพาพวกหวางฮูหยินเข้าไปด้านใน คล้อยหลังพวกนาง ยินถอนหายใจ
อย่างสุดรำคาญ
" ขออภัยที่ข้าคงอยู่คุยนานไม่ได้ " ยินบอกเงื่อนไข
" คงไม่รบกวนเวลาเจ้านานนักหรอก " หวางฮูหยินบอก " เกี่ยวกับเรื่อง
แต่งงาน "
" อ้อ เรื่องนั้นจะจัดการหลังยินกลับมาครั้งหน้าเลยก็ได้ค่ะ " เวยฮูหยินรีบ
ตอบแทน
" จะไม่มีงานนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด "
หวางฮูหยินหุบยิ้มทันที ขณะที่เวยฮูหยินเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เขากล้าโพล่งออก
มาตรงๆแบบนี้
" ขออภัยหวางฮูหยินกับไฉ่เหลียง แต่ข้าไม่อาจปิดบังพวกท่านอีกต่อไป
ข้าไม่สามารถแต่งงานกับไฉ่เหลียงได้ "
" ยิน! " ผู้เป็นแม่ปรามเสียงเคือง วางสีหน้าไม่ถูกอีกต่อไป
" ข้ามีคนรักอยู่แล้ว ท่านพ่อข้าก็เห็นดีด้วย กลับจากเมืองหลวงครั้งหน้า
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น คืองานของข้ากับนาง ไม่ใช่กับไฉ่เหลียง "
" เจ้า เจ้า " เวยฮูหยินโกรธจนเสียงสั่น " ทำไมทำอะไรพลการแบบนี้ "
" แต่ท่านพ่อซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของครอบครัวอนุญาตแล้วนะขอรับ "
สีหน้าหวางฮูหยินงุนงงและไม่พอใจ หันจ้องเวยฮูหยินสายตาต่อว่า ฝ่ายนั้นทำอะไร
ไม่ถูก ไฉ่เหลียงมองยินด้วยแววตาเศร้าสร้อย เขาก้มหัวเชิงขอโทษแล้วลุกออกไปทันที
นางผวาลุกตามไป
" พี่ยิน! "
ยินหยุดเดิน ไฉ่เหลียงวิ่งมาขวางหน้า ดวงตาคู่สวยเริ่มชื้นน้ำตา เขาถอนหายใจ
เบาๆ
" ท่าน... " นางเสียงเครือ
" ขอโทษด้วย ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ "
เขาเดินต่อ ทันใดนั้น เรียวแขนบางก็กระหวัดรัดตัวเขาไว้แน่น ความชื้นหยดลง
แผ่นหลังแกร่ง มาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ รู้สึกร่างบางกำลังสั่นน้อยๆเป็นระยะ
" ท่านคงยังจำได้ สมัยที่ท่านยังเด็ก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้าหยอกล้อ
ขอเล่นกับท่าน เป็นภาระให้ท่านต้องแบกนางขึ้นหลังกลับไปส่งที่บ้านทุกวัน นั่นเป็นเพราะ
นางอยากอยู่กับท่านตลอดไป "
ฝ่ามือหนายกขึ้นสัมผัสมือบางที่เกาะกุมเขาไว้
" ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ค่อยสนใจนางนัก เดี๋ยวอ่านหนังสือ เดี๋ยวฝึก
การต่อสู้ เดี๋ยวก็ออกไปกับเพื่อน แต่นางก็ยังรอ รอด้วยหัวใจที่มีความหวังว่าสักวันเราจะได้
อยู่ด้วยกันตลอดไป "
พลันมือนั้นก็ปลดมือนางออก แล้วหมุนร่างกลับมาเผชิญหน้ากับนาง
" เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้ ผู้ชายคนอื่นที่อาจหมายปองเจ้าอาจนึกรังเกียจเจ้า
ได้ " ยินว่า " ที่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจนางมากกว่านั้น เพราะเขาคิดกับนางเป็นแค่
น้องสาว "
หยาดน้ำใสกระจ่างรินอาบแก้มต่อหน้า ยินข่มใจพูดต่อไป
" พี่ชายที่เจ้าเคารพรักจะไม่มีทางทำร้ายจิตใจน้องสาว ดังนั้นจึงจะปล่อย
เจ้าไป ให้เจ้าได้มีโอกาสพบคนใหม่ที่เจ้ารักและเขาก็รักเจ้า ดีกว่าดึงดันให้เจ้าแต่งงาน
กับผู้ชายอย่างข้าผู้ซึ่งไม่ได้มีใจให้เจ้าแม้แต่น้อย ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆเช่นนั้นที่มอบ
ให้ แต่ขอให้เก็บกลับไปเถอะ เอาไปให้กับคนที่สมควรได้รับสิ่งดีๆเช่นนี้ "
ร่างสูงแกร่งตัดใจหันหลังกลับ ก้าวออกไปจากตรงนั้น ไฉ่เหลียงยังยืนอยู่ที่เดิม
สะอึกสะอื้นจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ริมถนนสายเล็กคลาคล่ำไปด้วยแผงขายของนานาชนิด แม้เป็นยามสายแล้ว แต่ก็
ยังมีหมอกบางเรี่ยระรอบพื้นที่ เหล่าพ่อค้าแม่ขายตะโกนเรียกลูกค้าเสียงจอแจ เกวียนเทียม
วัวแล่นขลุกขลักมาตามผิวถนนคลุ้งฝุ่น คนขับเกวียนร้องขอทางพร้อมกับหวดแส้เร่งวัวไป
ข้างหน้า ชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดหลบหลีกชุลมุน แล้วกลับสู่สภาวะปกติ ชายกลุ่มหนึ่งเดิน
เกาะกลุ่มท่ามกลางความอึกทึกจอแจ เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป จุดเดียวที่
แตกต่างคือสวมหมวกสานปีกกว้างปิดบังใบหน้า พวกเขาไม่คุยใดๆต่อกันและสอดส่องดูรอบ
ข้างตลอดเวลา ในที่สุดก็เหมือนจะสะดุดตากับใครสักคนที่อยู่ไกลๆ ชายคนหน้าสุด
แหงนหน้าขึ้น เผยเสี้ยวใบหน้าใต้ปีกหมวก คิ้วเข้มดกโค้งได้รูปรับกับดวงตาคมปลาบดุดัน
สันจมูกโด่ง รูปหน้าคมสัน ท่วงท่าองอาจสง่างามปานเสือหนุ่มย่างก้าว
" ฝ่าบาท " ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากอีกทาง หยุดโค้งคำนับชายคนหน้าสุด
ดวงตาคมไร้แววยิ้มจ้องผู้มาใหม่รอคำตอบ
" ถัดจากตลาดนี้ก็ยังมีหมู่บ้านคนยากจนอยู่ เลยไปอีกก็ยังมีอีกสักสี่ถึงห้า
หมู่บ้านได้ "
" ตลอดทางที่ผ่านมาก็เจอแบบเดียวกันมาตลอด " สีพระพักตร์หดหู่และ
กลัดกลุ้มพระทัย " อยู่ในวังมองไปทางไหนก็เจริญตา แต่ข้างนอกนี่กลับตรงกันข้าม ข้า
ไม่ควรใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่แต่ผู้เดียว ราชสำนักควรทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเขา "
" พะย่ะค่ะ "
" ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละปีเราต้องส่งเคร่องบรรณาการจำนวนมากให้
เฟิงโจว "
" หาได้เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ เฟิงโจวมีคุณธรรมเรียกเก็บตามธรรมเนียมแต่
ไม่ได้ขูดรีดจนแคว้นอาณัติไม่เหลือเงินพัฒนา "
" ถ้าเป็นอย่างท่านว่าแล้วเงินมันหายไปไหนเสียหมดล่ะ! ทำไมไม่ว่าข้าไป
ที่ใดก็เห็นแต่ประชาชนยากจนทุกข์ยาก "
" นั่นเป็นเพราะเงินที่จะนำมาพัฒนาแคว้นมักถูกขุนนางผู้มีอิทธิพลทั้งใหญ่
เล็กโกงกินตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง กว่าจะมาถึงประชาชนที่เดือดร้อนก็มีไม่เพียงพอ
ช่วยเหลือแล้วพะย่ะค่ะ "
" ท่านเอาความพวกนี้มาจากไหนกันนี่ "
" กระหม่อมเคยเห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่ขุนนางท้องถิ่นเล็กๆก็ยังทำ คนพวกนี้
แม้ตักเตือนแล้วก็จะยังทำต่อไป ครั้นจะเอาผิดก็จะวิ่งไปหาผู้สนับสนุนที่ใหญ่กว่าช่วยให้
แคล้วคลาดไปได้แทบทุกครั้ง หากฝ่าบาททรงได้ลองสืบหาก็อาจจะพบเงื่อนงำได้พะย่ะค่ะ "
" ข้าทำแน่ " ราชาซู่ซินตรัสอย่างโกรธขึ้ง " พวกปลิงสูบเลือดเนื้อ
โกงกินแผ่นดินเกิด ชั่วช้า พวกกบฎแผ่นดิน! จับพวกมันได้เมื่อไร ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!!! "
พระองค์กระแทกบาทดำเนินไปอย่างไม่สบพระทัย เหล่าองครักษ์รีบตามติด
ขุนนางผู้ถวายรายงานถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบตามเสด็จ
ลงโทษตามกฎของเรา "
" องค์จักรพรรดิ... " ชาบูหลั่นตาโอด
" ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้า แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ แม้ถ้าคนผิดเป็น
ข้าเองก็ยังต้องเคารพกฎนั้น "
" แต่ข้าพระองค์ถูกทำร้ายจิตใจและยั่วยุอารมณ์ก่อนนะพะย่ะค่ะ "
" ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ชาวสวรรค์ที่มีจิตใจสูงกว่าเหล่ามนุษย์ต้องพยายามควบคุม
ตน " พระองค์ตรัส " อีกอย่าง นางยังไม่ใช่คนรักของเจ้า ดังนั้นผู้ชายคนอื่นก็สามารถ
เข้าหานางได้เช่นกัน ถ้านางไม่ได้รักเจ้าแล้วเกิดไปพอใจผู้ใดนางก็สามารถเลือกคนที่นางรัก
เจ้าไม่มีสิทธิรั้งนางไว้และไม่มีสิทธิหวงห้ามนาง ไม่ว่าเจ้าจะคิดอย่างไรกับนางก็ตาม เพราะ
นางไม่ใช่คนรักของเจ้า "
" ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม " เขาคำรามพร้อมกับสั่นใบหน้าขึ้งเกร็ง
" และอีกอย่างที่เจ้าควรจะระลึกไว้เสมอคือนางเป็นมนุษย์ แต่เจ้าเป็นเทพ
มังกรฟ้า พวกเจ้าต่างถูกกั้นกลางด้วยชาติภพ ถึงนางจะรักเจ้าตอบ พวกเจ้าก็ครองคู่กันไม่ได้
อยู่ดี "
" ข้าพระองค์รู้สึกผิดหวังจริงๆ " เทพมังกรกล่าวเสียงพร่าด้วยความผิดหวัง
ช้ำใจ " ข้าพระองค์ต้องรู้สึกเช่นไร ไม่ทรงเข้าพระทัย เพราะถ้าทรงเข้าพระทัยก็คงไม่ทรง
ตรัสเช่นนี้ออกมา ข้าพระองค์ผูกพันกับนางมาก การต้องตัดใจอย่างไม่ยุติธรรมเท่ากับทรงให้
ข้าพระองค์ฉีกทำลายหัวใจตัวเองจนย่อยยับ ข้าพระองค์ยอมไม่ได้เด็ดขาด "
ความขมขื่นและทุกข์ร้อนแล่นปลาบจุกอก เขาพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ร่างโปร่งยืน
แข็งเกร็งกับที่ แววตาผันเป็นสีแดงจัดวะวาบ เกรงจะคุมตนไม่ได้อีก รีบหันหลังจะไปจาก
ตรงนั้น เสียงเหล่าขุนนางตวาดลั่นทันใด
" เทพมังกรฟ้า! ท่านจะหันหลังให้องค์จักรพรรดิผู้เป็นนายสูงสุดทั้งที่ยังไม่
ทรงปล่อยกลับได้รึ!? "
ร่างโปร่งชะงักกึก หันใบหน้าเพียงครึ่งเดียวกลับมา เผยให้เห็นนัยน์ตาเริ่มเปลี่ยนสี
" ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่ยอมฉีกหัวใจตัวเอง "
" นั่นมันเรื่องของเจ้าแล้ว " จักรพรรดิเป่าซินตรัสเสียงขุ่น " แต่ข้าขอ
เตือนเจ้าไว้ว่าความคิดดึงดันของเจ้าจะนำความทุกข์ร้อนปั่นป่วนให้กับตัวเจ้าเอง แล้วถ้าวันหน้า
เจ้ายังก่อเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะไม่ผ่อนผันโทษให้เจ้าเหมือนวันนี้ สั่งการลงไป! เทพมังกรฟ้า
ละเมิดกฎไปทำร้ายมนุษย์ สมควรถูกลงโทษขังคุกสวรรค์สามร้อยปี แต่เนื่องจากเคยก่อ
คุณงามความดีเมื่อครั้งจับศึกกับจอมปีศาจและยังเป็นความผิดครั้งแรก อีกทั้งมนุษย์ผู้นั้นก็ยัง
ไม่ถึงแก่ชีวิต จึงลดโทษให้ถูกกักบริเวณบนภูเขาเทวะร้อยวัน เพื่อให้มีเวลาทบทวนความคิด
ตนและความผิดที่ก่อไว้ สั่งการลงไปตามนี้ "
" น้อมรับพระราชบัญชา "
พระพักตร์จักรพรรดิเป่าซินดุดันเปี่ยมอำนาจ ขณะที่ชาบูหลั่นตาแข็งกร้าวเพราะ
ความคิดตัวเองไม่แพ้กัน
แม่ทัพใหญ่หันมาทางชาบูหลั่นตา " ตามข้ามา ข้าจะนำทางเจ้าไปที่ภูเขาเทวะ "
เขาหันหลังเดินตามเซิ่งตู่ไป พ้นธรณีประตู บรรดาขุนนางด้านในก็ส่งเสียงวิพากษ์
วิจารณ์อย่างหนัก เขาไม่สนใจ ก้าวไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ประตูด้านหน้า บานประตู
โอ่อ่าถูกเปิดกว้าง เขาก้าวออกมา พบกับภาพเช่นความทรงจำเลวร้ายในอดีต ชาวสวรรค์มา
รวมตัวกันด้านนอก เพื่อมาดูเขา เขาที่กำลังเจ็บปวดช้ำใจ แล้วเสียงซุบซิบวิจารณ์สะพัดไป
อย่างรวดเร็ว เขาแทบตั้งรับความเปลี่ยนแปลงไม่ทันเมื่อนึกถึงตอนที่ชาวสวรค์ยังยกย่องเขา
อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจอความเจ็บปวดยิ่งกว่ามาแล้ว หรือเพราะชินชาเสียแล้ว จึงก้มหน้า
เดินต่อไปไม่มองหน้าใคร พ้นบริเวณชนชุมนุม แม่ทัพใหญ่ก็ร่ายมนต์ พอวาดมือไปด้านหน้า
บังเกิดมวลควันสีนวลหนาแน่นกระจายล้อมร่างเทพทั้งสอง สักพักก็จางลง ปากถ้ำขนาด
มหึมาปรากฏแก่สายตา รอบๆเป็นผืนป่าวังเวง ไม่มีใครอยู่ที่นั่น มีเพียงเสียงนกป่าร้องแว่ว
อยู่ไกลๆ
" เอาล่ะ เจ้าเข้าไปข้างใน อีกร้อยวันข้างหน้าถึงจะออกมาได้ แล้วก็ขอ
ให้จำการลงโทษนี้เป็นบทเรียน อย่าให้มีครั้งหน้า จะได้ไม่ต้องรับโทษหนักกว่านี้ "
เทพมังกรจำเข้าไปด้านใน แม่ทัพใหญ่ร่ายมนต์อีกครา แสงทองไหลออกจาก
ฝ่ามือแผ่ไปถึงหน้าถ้ำ ขยายคลี่คลุมปากถ้ำเป็นม่านบางสีทองระยับ ค่อยๆลดแสงสีจน
กลมกลืนไปกับพื้นที่ ราวกับไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆเลย
" อีกร้อยวันเจอกัน ดูแลตัวเองด้วย "
เวลาผ่านไปหลายวัน ยินที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านฟู่หลาน บาดแผลทางกายเริ่ม
ทุเลา ก็ขอตัวกลับเพื่อไม่ให้ที่บ้านสงสัย ลาขอบคุณพ่อแม่นางเเล้วออกมา ฝ่ายนางตามมา
ส่งที่หน้ารั้ว
" แน่ใจหรือคะว่าจะกลับเอง ไม่รอให้ท่านจี๋โป้มารับกลับ "
" ข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนเขาหรอก " ยินบอก " ฟู่เอ๋อ
ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยดูแลข้าตลอดที่ผ่านมา "
" ท่านดีต่อครอบครัวข้า บาดเจ็บมาจะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร "
" กลับไปแล้ว ข้าคงต้องกลับไปสะสางงานที่เมืองหลวงด้วย กว่าจะได้
กลับมาคงอีกสักระยะหนึ่ง กลับมาครั้งหน้าข้าจะให้ท่านพ่อมาสู่ขอเจ้านะ "
ยินจ้องตานางด้วยสายตาจริงจังมั่นคง หากใบหน้าหวานดูกังวล ย้อนถามเขา
" แต่ท่านแม่ของท่านคงจะไม่ชอบใจนัก "
" ไม่ต้องห่วง แต่งงานที่นี่เสร็จ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่บ้านที่เมืองหลวง
ด้วยกัน "
" แต่ว่าข้าก็ต้องดูแลพ่อที่ไม่ค่อยสบายด้วย ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น "
" นั่นก็ไม่มีปัญหา ข้าจะพาพ่อแม่เจ้าไปเมืองหลวงด้วย ทีนี้เจ้าก็ไม่ต้อง
กังวลว่าจะไม่ได้ดูแลพ่อ ไปอยู่ที่นั่น ข้าจะเลี้ยงดูครอบครัวเจ้าให้สุขสบาย และพ่อเจ้าก็ไม่
ต้องทำงานหนักให้อาการกำเริบอีกแล้ว "
นางกระอักกระอ่วนใจ นึกหาเหตุผลที่จะทำให้มันเลื่อนไปสารพัด ระหว่างนั้นยินจับ
มือนางขึ้นมากุมไว้
" เราสองคนจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ "
นางสะอึกฮึก วาจาที่คิดไว้โต้ พลันกลับหายเข้าลำคอ อยากพูดว่าไม่...ไม่...
แต่...
แต่...........
แต่.........................
ยินก้าวเร็วๆออกจากเรือนพัก ผ่านสวน บ่ายหน้าไปทางประตูใหญ่ เวยฮูหยินโผล่
มาดักทางไว้
" ลูกยินรอสักพักนะ อย่าเพิ่งรีบไป " นางยิ้มเอาใจ " แม่นัดหวาง
ฮูหยินกับไฉ่เหลียงไว้ พวกนางจะมาส่งเจ้าด้วย ใกล้มาถึงแล้วล่ะ "
" ท่านแม่ลูกเคยบอกท่านไปแล้วนี่ ได้โปรดหยุดจับคู่ลูกกับไฉ่เหลียง
สักที "
" แล้วจะปล่อยให้เจ้าไปจับคู่กับแม่สาวชั้นต่ำแทนน่ะรึ ฮึ! ไม่มีทาง "
" อุ๊ย...อยู่กันตรงนี้นี่เอง "
เวยฮูหยินชะงักปาก หันมายิ้มแย้มให้หวางฮูหยินกับลูกที่เพิ่งเดินเข้ามา สีหน้าผิด
กับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
" ข้าขอตัวออกเดินทางก่อน " ยินพยายามเลี่ยงไป
" เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ ข้าจะมาคุยเรื่องเจ้ากับไฉ่เหลียงด้วย " หวางฮูหยิน
กล่าว
" ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปนั่งก่อนค่ะ " เวยฮูหยินรีบพูด " ยิน เจ้าก็ตามไป
ด้วย "
" แต่ลูกกำลังจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง มีงานที่ต้องสะสางที่นั่น
เยอะแยะ "
" แล้วจะเสียเวลาคุยนิดหนึ่งแล้วค่อยออกเดินทางไม่ได้รึ หวางฮูหยิน
อุตส่าห์มาที่บ้านเราทั้งทีนะ "
เวยฮูหยินรีบพาพวกหวางฮูหยินเข้าไปด้านใน คล้อยหลังพวกนาง ยินถอนหายใจ
อย่างสุดรำคาญ
" ขออภัยที่ข้าคงอยู่คุยนานไม่ได้ " ยินบอกเงื่อนไข
" คงไม่รบกวนเวลาเจ้านานนักหรอก " หวางฮูหยินบอก " เกี่ยวกับเรื่อง
แต่งงาน "
" อ้อ เรื่องนั้นจะจัดการหลังยินกลับมาครั้งหน้าเลยก็ได้ค่ะ " เวยฮูหยินรีบ
ตอบแทน
" จะไม่มีงานนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด "
หวางฮูหยินหุบยิ้มทันที ขณะที่เวยฮูหยินเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เขากล้าโพล่งออก
มาตรงๆแบบนี้
" ขออภัยหวางฮูหยินกับไฉ่เหลียง แต่ข้าไม่อาจปิดบังพวกท่านอีกต่อไป
ข้าไม่สามารถแต่งงานกับไฉ่เหลียงได้ "
" ยิน! " ผู้เป็นแม่ปรามเสียงเคือง วางสีหน้าไม่ถูกอีกต่อไป
" ข้ามีคนรักอยู่แล้ว ท่านพ่อข้าก็เห็นดีด้วย กลับจากเมืองหลวงครั้งหน้า
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น คืองานของข้ากับนาง ไม่ใช่กับไฉ่เหลียง "
" เจ้า เจ้า " เวยฮูหยินโกรธจนเสียงสั่น " ทำไมทำอะไรพลการแบบนี้ "
" แต่ท่านพ่อซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของครอบครัวอนุญาตแล้วนะขอรับ "
สีหน้าหวางฮูหยินงุนงงและไม่พอใจ หันจ้องเวยฮูหยินสายตาต่อว่า ฝ่ายนั้นทำอะไร
ไม่ถูก ไฉ่เหลียงมองยินด้วยแววตาเศร้าสร้อย เขาก้มหัวเชิงขอโทษแล้วลุกออกไปทันที
นางผวาลุกตามไป
" พี่ยิน! "
ยินหยุดเดิน ไฉ่เหลียงวิ่งมาขวางหน้า ดวงตาคู่สวยเริ่มชื้นน้ำตา เขาถอนหายใจ
เบาๆ
" ท่าน... " นางเสียงเครือ
" ขอโทษด้วย ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ "
เขาเดินต่อ ทันใดนั้น เรียวแขนบางก็กระหวัดรัดตัวเขาไว้แน่น ความชื้นหยดลง
แผ่นหลังแกร่ง มาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ รู้สึกร่างบางกำลังสั่นน้อยๆเป็นระยะ
" ท่านคงยังจำได้ สมัยที่ท่านยังเด็ก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้าหยอกล้อ
ขอเล่นกับท่าน เป็นภาระให้ท่านต้องแบกนางขึ้นหลังกลับไปส่งที่บ้านทุกวัน นั่นเป็นเพราะ
นางอยากอยู่กับท่านตลอดไป "
ฝ่ามือหนายกขึ้นสัมผัสมือบางที่เกาะกุมเขาไว้
" ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ค่อยสนใจนางนัก เดี๋ยวอ่านหนังสือ เดี๋ยวฝึก
การต่อสู้ เดี๋ยวก็ออกไปกับเพื่อน แต่นางก็ยังรอ รอด้วยหัวใจที่มีความหวังว่าสักวันเราจะได้
อยู่ด้วยกันตลอดไป "
พลันมือนั้นก็ปลดมือนางออก แล้วหมุนร่างกลับมาเผชิญหน้ากับนาง
" เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้ ผู้ชายคนอื่นที่อาจหมายปองเจ้าอาจนึกรังเกียจเจ้า
ได้ " ยินว่า " ที่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจนางมากกว่านั้น เพราะเขาคิดกับนางเป็นแค่
น้องสาว "
หยาดน้ำใสกระจ่างรินอาบแก้มต่อหน้า ยินข่มใจพูดต่อไป
" พี่ชายที่เจ้าเคารพรักจะไม่มีทางทำร้ายจิตใจน้องสาว ดังนั้นจึงจะปล่อย
เจ้าไป ให้เจ้าได้มีโอกาสพบคนใหม่ที่เจ้ารักและเขาก็รักเจ้า ดีกว่าดึงดันให้เจ้าแต่งงาน
กับผู้ชายอย่างข้าผู้ซึ่งไม่ได้มีใจให้เจ้าแม้แต่น้อย ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆเช่นนั้นที่มอบ
ให้ แต่ขอให้เก็บกลับไปเถอะ เอาไปให้กับคนที่สมควรได้รับสิ่งดีๆเช่นนี้ "
ร่างสูงแกร่งตัดใจหันหลังกลับ ก้าวออกไปจากตรงนั้น ไฉ่เหลียงยังยืนอยู่ที่เดิม
สะอึกสะอื้นจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ริมถนนสายเล็กคลาคล่ำไปด้วยแผงขายของนานาชนิด แม้เป็นยามสายแล้ว แต่ก็
ยังมีหมอกบางเรี่ยระรอบพื้นที่ เหล่าพ่อค้าแม่ขายตะโกนเรียกลูกค้าเสียงจอแจ เกวียนเทียม
วัวแล่นขลุกขลักมาตามผิวถนนคลุ้งฝุ่น คนขับเกวียนร้องขอทางพร้อมกับหวดแส้เร่งวัวไป
ข้างหน้า ชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดหลบหลีกชุลมุน แล้วกลับสู่สภาวะปกติ ชายกลุ่มหนึ่งเดิน
เกาะกลุ่มท่ามกลางความอึกทึกจอแจ เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป จุดเดียวที่
แตกต่างคือสวมหมวกสานปีกกว้างปิดบังใบหน้า พวกเขาไม่คุยใดๆต่อกันและสอดส่องดูรอบ
ข้างตลอดเวลา ในที่สุดก็เหมือนจะสะดุดตากับใครสักคนที่อยู่ไกลๆ ชายคนหน้าสุด
แหงนหน้าขึ้น เผยเสี้ยวใบหน้าใต้ปีกหมวก คิ้วเข้มดกโค้งได้รูปรับกับดวงตาคมปลาบดุดัน
สันจมูกโด่ง รูปหน้าคมสัน ท่วงท่าองอาจสง่างามปานเสือหนุ่มย่างก้าว
" ฝ่าบาท " ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากอีกทาง หยุดโค้งคำนับชายคนหน้าสุด
ดวงตาคมไร้แววยิ้มจ้องผู้มาใหม่รอคำตอบ
" ถัดจากตลาดนี้ก็ยังมีหมู่บ้านคนยากจนอยู่ เลยไปอีกก็ยังมีอีกสักสี่ถึงห้า
หมู่บ้านได้ "
" ตลอดทางที่ผ่านมาก็เจอแบบเดียวกันมาตลอด " สีพระพักตร์หดหู่และ
กลัดกลุ้มพระทัย " อยู่ในวังมองไปทางไหนก็เจริญตา แต่ข้างนอกนี่กลับตรงกันข้าม ข้า
ไม่ควรใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่แต่ผู้เดียว ราชสำนักควรทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเขา "
" พะย่ะค่ะ "
" ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละปีเราต้องส่งเคร่องบรรณาการจำนวนมากให้
เฟิงโจว "
" หาได้เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ เฟิงโจวมีคุณธรรมเรียกเก็บตามธรรมเนียมแต่
ไม่ได้ขูดรีดจนแคว้นอาณัติไม่เหลือเงินพัฒนา "
" ถ้าเป็นอย่างท่านว่าแล้วเงินมันหายไปไหนเสียหมดล่ะ! ทำไมไม่ว่าข้าไป
ที่ใดก็เห็นแต่ประชาชนยากจนทุกข์ยาก "
" นั่นเป็นเพราะเงินที่จะนำมาพัฒนาแคว้นมักถูกขุนนางผู้มีอิทธิพลทั้งใหญ่
เล็กโกงกินตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง กว่าจะมาถึงประชาชนที่เดือดร้อนก็มีไม่เพียงพอ
ช่วยเหลือแล้วพะย่ะค่ะ "
" ท่านเอาความพวกนี้มาจากไหนกันนี่ "
" กระหม่อมเคยเห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่ขุนนางท้องถิ่นเล็กๆก็ยังทำ คนพวกนี้
แม้ตักเตือนแล้วก็จะยังทำต่อไป ครั้นจะเอาผิดก็จะวิ่งไปหาผู้สนับสนุนที่ใหญ่กว่าช่วยให้
แคล้วคลาดไปได้แทบทุกครั้ง หากฝ่าบาททรงได้ลองสืบหาก็อาจจะพบเงื่อนงำได้พะย่ะค่ะ "
" ข้าทำแน่ " ราชาซู่ซินตรัสอย่างโกรธขึ้ง " พวกปลิงสูบเลือดเนื้อ
โกงกินแผ่นดินเกิด ชั่วช้า พวกกบฎแผ่นดิน! จับพวกมันได้เมื่อไร ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!!! "
พระองค์กระแทกบาทดำเนินไปอย่างไม่สบพระทัย เหล่าองครักษ์รีบตามติด
ขุนนางผู้ถวายรายงานถอนหายใจเบาๆ แล้วรีบตามเสด็จ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ