Chabulanta ตำนานรักเทพมังกร

6.6

เขียนโดย Xian_xi

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.34 น.

  13 ตอน
  20 วิจารณ์
  18.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) คำพิพากษา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                 "  กรณีของเจ้าเป็นเรื่องชู้สาวซึ่งไม่เข้าข้อยกเว้นใดๆ   ฉะนั้น   เจ้าต้องถูก
 
ลงโทษตามกฎของเรา  "
 
                  "  องค์จักรพรรดิ...  "  ชาบูหลั่นตาโอด
 
                  "  ข้าเข้าใจเหตุผลของเจ้า   แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ   แม้ถ้าคนผิดเป็น
 
ข้าเองก็ยังต้องเคารพกฎนั้น  "
 
                  "  แต่ข้าพระองค์ถูกทำร้ายจิตใจและยั่วยุอารมณ์ก่อนนะพะย่ะค่ะ  "
 
                  "  ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ชาวสวรรค์ที่มีจิตใจสูงกว่าเหล่ามนุษย์ต้องพยายามควบคุม
 
ตน  "  พระองค์ตรัส  "  อีกอย่าง  นางยังไม่ใช่คนรักของเจ้า   ดังนั้นผู้ชายคนอื่นก็สามารถ 
 
เข้าหานางได้เช่นกัน   ถ้านางไม่ได้รักเจ้าแล้วเกิดไปพอใจผู้ใดนางก็สามารถเลือกคนที่นางรัก  
 
เจ้าไม่มีสิทธิรั้งนางไว้และไม่มีสิทธิหวงห้ามนาง   ไม่ว่าเจ้าจะคิดอย่างไรกับนางก็ตาม   เพราะ
 
นางไม่ใช่คนรักของเจ้า  "
 
                   "  ข้าไม่ยอม  ข้าไม่ยอม  "  เขาคำรามพร้อมกับสั่นใบหน้าขึ้งเกร็ง
 
                   "  และอีกอย่างที่เจ้าควรจะระลึกไว้เสมอคือนางเป็นมนุษย์  แต่เจ้าเป็นเทพ
 
มังกรฟ้า   พวกเจ้าต่างถูกกั้นกลางด้วยชาติภพ  ถึงนางจะรักเจ้าตอบ   พวกเจ้าก็ครองคู่กันไม่ได้
 
อยู่ดี  "
 
                   "  ข้าพระองค์รู้สึกผิดหวังจริงๆ  "  เทพมังกรกล่าวเสียงพร่าด้วยความผิดหวัง
 
ช้ำใจ  "  ข้าพระองค์ต้องรู้สึกเช่นไร   ไม่ทรงเข้าพระทัย   เพราะถ้าทรงเข้าพระทัยก็คงไม่ทรง
 
ตรัสเช่นนี้ออกมา   ข้าพระองค์ผูกพันกับนางมาก   การต้องตัดใจอย่างไม่ยุติธรรมเท่ากับทรงให้
 
ข้าพระองค์ฉีกทำลายหัวใจตัวเองจนย่อยยับ   ข้าพระองค์ยอมไม่ได้เด็ดขาด  "
 
           ความขมขื่นและทุกข์ร้อนแล่นปลาบจุกอก   เขาพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว   ร่างโปร่งยืน
 
แข็งเกร็งกับที่   แววตาผันเป็นสีแดงจัดวะวาบ   เกรงจะคุมตนไม่ได้อีก   รีบหันหลังจะไปจาก
 
ตรงนั้น   เสียงเหล่าขุนนางตวาดลั่นทันใด
 
                     "  เทพมังกรฟ้า!  ท่านจะหันหลังให้องค์จักรพรรดิผู้เป็นนายสูงสุดทั้งที่ยังไม่
 
ทรงปล่อยกลับได้รึ!?  "
 
           ร่างโปร่งชะงักกึก   หันใบหน้าเพียงครึ่งเดียวกลับมา   เผยให้เห็นนัยน์ตาเริ่มเปลี่ยนสี
 
                      "  ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่ยอมฉีกหัวใจตัวเอง  "
 
                      "  นั่นมันเรื่องของเจ้าแล้ว  "  จักรพรรดิเป่าซินตรัสเสียงขุ่น  "  แต่ข้าขอ
 
เตือนเจ้าไว้ว่าความคิดดึงดันของเจ้าจะนำความทุกข์ร้อนปั่นป่วนให้กับตัวเจ้าเอง   แล้วถ้าวันหน้า
 
เจ้ายังก่อเรื่องเช่นนี้อีก   ข้าจะไม่ผ่อนผันโทษให้เจ้าเหมือนวันนี้   สั่งการลงไป!  เทพมังกรฟ้า
 
ละเมิดกฎไปทำร้ายมนุษย์  สมควรถูกลงโทษขังคุกสวรรค์สามร้อยปี   แต่เนื่องจากเคยก่อ   
 
คุณงามความดีเมื่อครั้งจับศึกกับจอมปีศาจและยังเป็นความผิดครั้งแรก   อีกทั้งมนุษย์ผู้นั้นก็ยัง
 
ไม่ถึงแก่ชีวิต   จึงลดโทษให้ถูกกักบริเวณบนภูเขาเทวะร้อยวัน   เพื่อให้มีเวลาทบทวนความคิด
 
ตนและความผิดที่ก่อไว้   สั่งการลงไปตามนี้  "
 
                      "  น้อมรับพระราชบัญชา  "
 
           พระพักตร์จักรพรรดิเป่าซินดุดันเปี่ยมอำนาจ   ขณะที่ชาบูหลั่นตาแข็งกร้าวเพราะ
 
ความคิดตัวเองไม่แพ้กัน
 
           แม่ทัพใหญ่หันมาทางชาบูหลั่นตา  "  ตามข้ามา   ข้าจะนำทางเจ้าไปที่ภูเขาเทวะ  "
 
           เขาหันหลังเดินตามเซิ่งตู่ไป   พ้นธรณีประตู   บรรดาขุนนางด้านในก็ส่งเสียงวิพากษ์
 
วิจารณ์อย่างหนัก   เขาไม่สนใจ   ก้าวไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ประตูด้านหน้า   บานประตู
 
โอ่อ่าถูกเปิดกว้าง   เขาก้าวออกมา   พบกับภาพเช่นความทรงจำเลวร้ายในอดีต   ชาวสวรรค์มา
 
รวมตัวกันด้านนอก   เพื่อมาดูเขา   เขาที่กำลังเจ็บปวดช้ำใจ   แล้วเสียงซุบซิบวิจารณ์สะพัดไป
 
อย่างรวดเร็ว   เขาแทบตั้งรับความเปลี่ยนแปลงไม่ทันเมื่อนึกถึงตอนที่ชาวสวรค์ยังยกย่องเขา
 
อยู่   แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจอความเจ็บปวดยิ่งกว่ามาแล้ว  หรือเพราะชินชาเสียแล้ว   จึงก้มหน้า
 
เดินต่อไปไม่มองหน้าใคร   พ้นบริเวณชนชุมนุม   แม่ทัพใหญ่ก็ร่ายมนต์   พอวาดมือไปด้านหน้า
 
บังเกิดมวลควันสีนวลหนาแน่นกระจายล้อมร่างเทพทั้งสอง   สักพักก็จางลง   ปากถ้ำขนาด
 
มหึมาปรากฏแก่สายตา   รอบๆเป็นผืนป่าวังเวง   ไม่มีใครอยู่ที่นั่น   มีเพียงเสียงนกป่าร้องแว่ว
 
อยู่ไกลๆ
 
                    "  เอาล่ะ   เจ้าเข้าไปข้างใน   อีกร้อยวันข้างหน้าถึงจะออกมาได้   แล้วก็ขอ
 
ให้จำการลงโทษนี้เป็นบทเรียน   อย่าให้มีครั้งหน้า   จะได้ไม่ต้องรับโทษหนักกว่านี้  "
 
            เทพมังกรจำเข้าไปด้านใน   แม่ทัพใหญ่ร่ายมนต์อีกครา   แสงทองไหลออกจาก   
 
ฝ่ามือแผ่ไปถึงหน้าถ้ำ   ขยายคลี่คลุมปากถ้ำเป็นม่านบางสีทองระยับ   ค่อยๆลดแสงสีจน   
 
กลมกลืนไปกับพื้นที่    ราวกับไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆเลย
 
                       "  อีกร้อยวันเจอกัน   ดูแลตัวเองด้วย  "
 
 
 
             เวลาผ่านไปหลายวัน   ยินที่มาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านฟู่หลาน   บาดแผลทางกายเริ่ม
 
ทุเลา   ก็ขอตัวกลับเพื่อไม่ให้ที่บ้านสงสัย   ลาขอบคุณพ่อแม่นางเเล้วออกมา   ฝ่ายนางตามมา
 
ส่งที่หน้ารั้ว
 
                      "  แน่ใจหรือคะว่าจะกลับเอง   ไม่รอให้ท่านจี๋โป้มารับกลับ  "
 
                      "  ข้าดีขึ้นมากแล้ว   ไม่จำเป็นต้องรบกวนเขาหรอก  "  ยินบอก  "  ฟู่เอ๋อ  
 
ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยดูแลข้าตลอดที่ผ่านมา  "
 
                       "  ท่านดีต่อครอบครัวข้า   บาดเจ็บมาจะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร  "
 
                       "  กลับไปแล้ว   ข้าคงต้องกลับไปสะสางงานที่เมืองหลวงด้วย   กว่าจะได้
 
กลับมาคงอีกสักระยะหนึ่ง   กลับมาครั้งหน้าข้าจะให้ท่านพ่อมาสู่ขอเจ้านะ  "
 
          ยินจ้องตานางด้วยสายตาจริงจังมั่นคง   หากใบหน้าหวานดูกังวล   ย้อนถามเขา
 
                     "  แต่ท่านแม่ของท่านคงจะไม่ชอบใจนัก  "
 
                     "  ไม่ต้องห่วง   แต่งงานที่นี่เสร็จ   ข้าจะพาเจ้าไปอยู่บ้านที่เมืองหลวง  
 
ด้วยกัน  "
 
                     "  แต่ว่าข้าก็ต้องดูแลพ่อที่ไม่ค่อยสบายด้วย   ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น  "
 
                     "  นั่นก็ไม่มีปัญหา   ข้าจะพาพ่อแม่เจ้าไปเมืองหลวงด้วย   ทีนี้เจ้าก็ไม่ต้อง
 
กังวลว่าจะไม่ได้ดูแลพ่อ   ไปอยู่ที่นั่น   ข้าจะเลี้ยงดูครอบครัวเจ้าให้สุขสบาย   และพ่อเจ้าก็ไม่
 
ต้องทำงานหนักให้อาการกำเริบอีกแล้ว  "
 
            นางกระอักกระอ่วนใจ   นึกหาเหตุผลที่จะทำให้มันเลื่อนไปสารพัด   ระหว่างนั้นยินจับ
 
มือนางขึ้นมากุมไว้
 
                     "  เราสองคนจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ  "
 
            นางสะอึกฮึก   วาจาที่คิดไว้โต้   พลันกลับหายเข้าลำคอ   อยากพูดว่าไม่...ไม่...
 
                    แต่...
 
                    แต่...........
 
                    แต่.........................
 
 
 
            ยินก้าวเร็วๆออกจากเรือนพัก   ผ่านสวน   บ่ายหน้าไปทางประตูใหญ่   เวยฮูหยินโผล่
 
มาดักทางไว้
 
                      "  ลูกยินรอสักพักนะ   อย่าเพิ่งรีบไป  "  นางยิ้มเอาใจ  "  แม่นัดหวาง  
 
ฮูหยินกับไฉ่เหลียงไว้   พวกนางจะมาส่งเจ้าด้วย   ใกล้มาถึงแล้วล่ะ  "
 
                      "   ท่านแม่ลูกเคยบอกท่านไปแล้วนี่   ได้โปรดหยุดจับคู่ลูกกับไฉ่เหลียง 
 
สักที  "
 
                      "  แล้วจะปล่อยให้เจ้าไปจับคู่กับแม่สาวชั้นต่ำแทนน่ะรึ  ฮึ!  ไม่มีทาง  "
 
                      "   อุ๊ย...อยู่กันตรงนี้นี่เอง  "
 
           เวยฮูหยินชะงักปาก   หันมายิ้มแย้มให้หวางฮูหยินกับลูกที่เพิ่งเดินเข้ามา   สีหน้าผิด
 
กับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
 
                      "  ข้าขอตัวออกเดินทางก่อน  "  ยินพยายามเลี่ยงไป
 
                      "   เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ  ข้าจะมาคุยเรื่องเจ้ากับไฉ่เหลียงด้วย  "  หวางฮูหยิน
 
กล่าว
 
                      "  ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้าไปนั่งก่อนค่ะ  "  เวยฮูหยินรีบพูด "  ยิน  เจ้าก็ตามไป
 
ด้วย  "
 
                      "  แต่ลูกกำลังจะออกเดินทางกลับเมืองหลวง   มีงานที่ต้องสะสางที่นั่น
 
เยอะแยะ  "
 
                      "  แล้วจะเสียเวลาคุยนิดหนึ่งแล้วค่อยออกเดินทางไม่ได้รึ   หวางฮูหยิน
 
อุตส่าห์มาที่บ้านเราทั้งทีนะ  "
 
          เวยฮูหยินรีบพาพวกหวางฮูหยินเข้าไปด้านใน   คล้อยหลังพวกนาง   ยินถอนหายใจ
 
อย่างสุดรำคาญ
 
                     "  ขออภัยที่ข้าคงอยู่คุยนานไม่ได้  "  ยินบอกเงื่อนไข
 
                     "  คงไม่รบกวนเวลาเจ้านานนักหรอก  "  หวางฮูหยินบอก  "  เกี่ยวกับเรื่อง
 
แต่งงาน  "
 
                     "  อ้อ   เรื่องนั้นจะจัดการหลังยินกลับมาครั้งหน้าเลยก็ได้ค่ะ  "  เวยฮูหยินรีบ
 
ตอบแทน
 
                     "  จะไม่มีงานนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด  "
 
          หวางฮูหยินหุบยิ้มทันที   ขณะที่เวยฮูหยินเบิกตากว้างอย่างตกใจที่เขากล้าโพล่งออก
 
มาตรงๆแบบนี้   
 
                     "  ขออภัยหวางฮูหยินกับไฉ่เหลียง   แต่ข้าไม่อาจปิดบังพวกท่านอีกต่อไป  
 
ข้าไม่สามารถแต่งงานกับไฉ่เหลียงได้  "
 
                     "  ยิน!  "  ผู้เป็นแม่ปรามเสียงเคือง   วางสีหน้าไม่ถูกอีกต่อไป
 
                     "  ข้ามีคนรักอยู่แล้ว   ท่านพ่อข้าก็เห็นดีด้วย   กลับจากเมืองหลวงครั้งหน้า  
 
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น   คืองานของข้ากับนาง   ไม่ใช่กับไฉ่เหลียง  "
 
                     "  เจ้า  เจ้า  "  เวยฮูหยินโกรธจนเสียงสั่น  "  ทำไมทำอะไรพลการแบบนี้  "
 
                     "  แต่ท่านพ่อซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของครอบครัวอนุญาตแล้วนะขอรับ  "
 
          สีหน้าหวางฮูหยินงุนงงและไม่พอใจ   หันจ้องเวยฮูหยินสายตาต่อว่า   ฝ่ายนั้นทำอะไร
 
ไม่ถูก   ไฉ่เหลียงมองยินด้วยแววตาเศร้าสร้อย   เขาก้มหัวเชิงขอโทษแล้วลุกออกไปทันที  
 
นางผวาลุกตามไป
 
                     "  พี่ยิน!  "
 
           ยินหยุดเดิน  ไฉ่เหลียงวิ่งมาขวางหน้า   ดวงตาคู่สวยเริ่มชื้นน้ำตา   เขาถอนหายใจ
 
เบาๆ
 
                     "  ท่าน...  "  นางเสียงเครือ
 
                     "  ขอโทษด้วย   ข้าแต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ  "
 
          เขาเดินต่อ   ทันใดนั้น   เรียวแขนบางก็กระหวัดรัดตัวเขาไว้แน่น   ความชื้นหยดลง
 
แผ่นหลังแกร่ง   มาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้   รู้สึกร่างบางกำลังสั่นน้อยๆเป็นระยะ
 
                    "  ท่านคงยังจำได้   สมัยที่ท่านยังเด็ก   เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เฝ้าหยอกล้อ 
 
ขอเล่นกับท่าน   เป็นภาระให้ท่านต้องแบกนางขึ้นหลังกลับไปส่งที่บ้านทุกวัน   นั่นเป็นเพราะ
 
นางอยากอยู่กับท่านตลอดไป  "
 
          ฝ่ามือหนายกขึ้นสัมผัสมือบางที่เกาะกุมเขาไว้
 
                     "  ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ค่อยสนใจนางนัก   เดี๋ยวอ่านหนังสือ   เดี๋ยวฝึก     
 
การต่อสู้   เดี๋ยวก็ออกไปกับเพื่อน   แต่นางก็ยังรอ   รอด้วยหัวใจที่มีความหวังว่าสักวันเราจะได้
 
อยู่ด้วยกันตลอดไป  "
 
          พลันมือนั้นก็ปลดมือนางออก   แล้วหมุนร่างกลับมาเผชิญหน้ากับนาง
 
                    "  เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้   ผู้ชายคนอื่นที่อาจหมายปองเจ้าอาจนึกรังเกียจเจ้า
 
ได้  "  ยินว่า  "  ที่เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจนางมากกว่านั้น   เพราะเขาคิดกับนางเป็นแค่
 
น้องสาว  "
 
           หยาดน้ำใสกระจ่างรินอาบแก้มต่อหน้า   ยินข่มใจพูดต่อไป
 
                     "  พี่ชายที่เจ้าเคารพรักจะไม่มีทางทำร้ายจิตใจน้องสาว   ดังนั้นจึงจะปล่อย
 
เจ้าไป   ให้เจ้าได้มีโอกาสพบคนใหม่ที่เจ้ารักและเขาก็รักเจ้า   ดีกว่าดึงดันให้เจ้าแต่งงาน    
 
กับผู้ชายอย่างข้าผู้ซึ่งไม่ได้มีใจให้เจ้าแม้แต่น้อย   ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆเช่นนั้นที่มอบ
 
ให้   แต่ขอให้เก็บกลับไปเถอะ  เอาไปให้กับคนที่สมควรได้รับสิ่งดีๆเช่นนี้  "
 
           ร่างสูงแกร่งตัดใจหันหลังกลับ   ก้าวออกไปจากตรงนั้น   ไฉ่เหลียงยังยืนอยู่ที่เดิม  
 
สะอึกสะอื้นจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
 
 
 
            ริมถนนสายเล็กคลาคล่ำไปด้วยแผงขายของนานาชนิด   แม้เป็นยามสายแล้ว   แต่ก็
 
ยังมีหมอกบางเรี่ยระรอบพื้นที่   เหล่าพ่อค้าแม่ขายตะโกนเรียกลูกค้าเสียงจอแจ   เกวียนเทียม
 
วัวแล่นขลุกขลักมาตามผิวถนนคลุ้งฝุ่น   คนขับเกวียนร้องขอทางพร้อมกับหวดแส้เร่งวัวไป  
 
ข้างหน้า   ชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดหลบหลีกชุลมุน   แล้วกลับสู่สภาวะปกติ   ชายกลุ่มหนึ่งเดิน
 
เกาะกลุ่มท่ามกลางความอึกทึกจอแจ   เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป   จุดเดียวที่
 
แตกต่างคือสวมหมวกสานปีกกว้างปิดบังใบหน้า   พวกเขาไม่คุยใดๆต่อกันและสอดส่องดูรอบ
 
ข้างตลอดเวลา   ในที่สุดก็เหมือนจะสะดุดตากับใครสักคนที่อยู่ไกลๆ   ชายคนหน้าสุด    
 
แหงนหน้าขึ้น   เผยเสี้ยวใบหน้าใต้ปีกหมวก   คิ้วเข้มดกโค้งได้รูปรับกับดวงตาคมปลาบดุดัน  
 
สันจมูกโด่ง   รูปหน้าคมสัน   ท่วงท่าองอาจสง่างามปานเสือหนุ่มย่างก้าว
 
                   "  ฝ่าบาท  "  ชายคนหนึ่งวิ่งมาจากอีกทาง   หยุดโค้งคำนับชายคนหน้าสุด
 
           ดวงตาคมไร้แววยิ้มจ้องผู้มาใหม่รอคำตอบ
 
                    "  ถัดจากตลาดนี้ก็ยังมีหมู่บ้านคนยากจนอยู่   เลยไปอีกก็ยังมีอีกสักสี่ถึงห้า
 
หมู่บ้านได้  "
 
                     "  ตลอดทางที่ผ่านมาก็เจอแบบเดียวกันมาตลอด  "  สีพระพักตร์หดหู่และ
 
กลัดกลุ้มพระทัย  "  อยู่ในวังมองไปทางไหนก็เจริญตา   แต่ข้างนอกนี่กลับตรงกันข้าม   ข้า 
 
ไม่ควรใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่แต่ผู้เดียว   ราชสำนักควรทำบางอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเขา  "
 
                     "  พะย่ะค่ะ  "
 
                     "  ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละปีเราต้องส่งเคร่องบรรณาการจำนวนมากให้
 
เฟิงโจว  "
 
                     "   หาได้เป็นเช่นนั้นพะย่ะค่ะ   เฟิงโจวมีคุณธรรมเรียกเก็บตามธรรมเนียมแต่
 
ไม่ได้ขูดรีดจนแคว้นอาณัติไม่เหลือเงินพัฒนา  "
 
                     "  ถ้าเป็นอย่างท่านว่าแล้วเงินมันหายไปไหนเสียหมดล่ะ!   ทำไมไม่ว่าข้าไป
 
ที่ใดก็เห็นแต่ประชาชนยากจนทุกข์ยาก  "
 
                     "  นั่นเป็นเพราะเงินที่จะนำมาพัฒนาแคว้นมักถูกขุนนางผู้มีอิทธิพลทั้งใหญ่
 
เล็กโกงกินตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง   กว่าจะมาถึงประชาชนที่เดือดร้อนก็มีไม่เพียงพอ    
 
ช่วยเหลือแล้วพะย่ะค่ะ  "
 
                     "  ท่านเอาความพวกนี้มาจากไหนกันนี่  "
 
                     "  กระหม่อมเคยเห็นอยู่ทั่วไป   แม้แต่ขุนนางท้องถิ่นเล็กๆก็ยังทำ   คนพวกนี้
 
แม้ตักเตือนแล้วก็จะยังทำต่อไป   ครั้นจะเอาผิดก็จะวิ่งไปหาผู้สนับสนุนที่ใหญ่กว่าช่วยให้ 
 
แคล้วคลาดไปได้แทบทุกครั้ง   หากฝ่าบาททรงได้ลองสืบหาก็อาจจะพบเงื่อนงำได้พะย่ะค่ะ  "
 
                     "  ข้าทำแน่  "  ราชาซู่ซินตรัสอย่างโกรธขึ้ง  "  พวกปลิงสูบเลือดเนื้อ   
 
โกงกินแผ่นดินเกิด   ชั่วช้า  พวกกบฎแผ่นดิน!   จับพวกมันได้เมื่อไร   ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!!!  "
 
            พระองค์กระแทกบาทดำเนินไปอย่างไม่สบพระทัย   เหล่าองครักษ์รีบตามติด      
 
ขุนนางผู้ถวายรายงานถอนหายใจเบาๆ   แล้วรีบตามเสด็จ
 
 
                    
 
 
 
  
 
 
 
 
 
 
 
         
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา