CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ความเข้มแข็ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter 9
Militancy
ผ่านไปสองวันหลังจากวันที่ผมออกจากโรงพยาบาลเพราะค่อยยังชั่วแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่อนุญาติเท่าไร ผมจึงบอกเหตุผลไปว่า วันนี้ต้องมาไหว้หลุมศพของเพื่อนๆ ที่ตาย ยังไงก็ต้องมาให้ได้ คุณหมอที่เห็นว่าผมยังดูไม่ดีนักเลยจะอนุญาตก็ต่อเมื่อมีเพื่อนไปด้วย ซึ่งผมก็ได้โทรเรียก ยูยะกับฮินาตะมาสองคน และก็ได้ออกมานั้นเอง
สายลมที่พัดผ่านอย่างสบาย โรยด้วยใบหน้าสีเขียนที่พัดมาตามลมนั้น ช่างเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยเหมาะสมกับสุสานเท่าไรนัก แต่เพราะแบบนี้เลยทำให้จิตใจหม่นหม่องที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไปมากมายของคลาวน์นั้น ค่อยๆ มลายหายไปอย่างช้าๆ จนสดชื่นขึ้นมามาก
ในมือของเด็กหนุ่มถือดอกไม้ช่อหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปที่สุสานของคนเด็กสาวคนสำคัญซึ่งตายเพราะโศกนาฏกรรมที่ไม่มีสาเหตุ แต่พอเด็กหนุ่มได้ว่างดอกไม้ลง ก็ทำให้ตอกย้ำสิ่งที่ไม่สามารถปกป้องได้ ไม่ใช่แค่เด็กสาวเท่านั้น แต่ทั้งเพื่อนในห้องด้วยเช่นกัน เพื่อนทั้งสองที่มาด้วยกันเดินเข้ามาตบบ่าของเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าที่แสดงความเสียใจ
“อย่าคิดมากนะเพื่อน” ยูยะพูดพลางยิ้ม
“อืม จะพยายามแล้วกัน” คลาวน์ลุกขึ้นจากป้ายหลุมศพตรงหน้า ก่อนจะหันเดินตามเพื่อนไปด้วยสีหน้าที่เศร้านิดหน่อย
“อ้าว! ริกเตอร์คุง” ชายวัยกลางคนตัวใหญ่นิดหน่อย และใส่แว่นเดินสวนกับพวกเขาสามคนและทักเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเศร้า จนตอนนี้เปลี่ยนเป็นตกใจก่อนจะขานชื่อของฝ่ายตรงข้าม
“อะ..อาจารย์” คลาวน์ตกใจเมื่อเห็นอาจารย์ที่เคยสอนเขาเมื่อสี่ปี่ก่อนในตอนที่เขายังอยู่มัธยมหนึ่งนั้นเอง แต่เพราะปีต่อมาเขาลาออกเลย เลยรอดออกมาจากโศกนาฏกรรมนั้น แต่ที่เขามาอยู่ที่นี้นั้นเพราะ เด็กสาวที่คลาวน์มาเยี่ยมนั้นคือลูกสาวของอาจารย์คนนี้นั้นเอง
“ไม่เอาน่า ตอนนี้ฉันไม่ใช่อาจารย์แล้วนะ เป็นแค่คุณลุงแก่ๆ เท่านั้นแหละ เรียกว่าโยจิโร่ดีกว่านะ ริกเตอร์คุง”
“นั้นสิ..นะครับ” คลาวน์พูดชาลงนิดหน่อย เพราะเคโผล่ออกมาตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะยิ้มอย่างปลื้มใจเหมือนคนบุคคลสำคัญ
“งั้นฉันขอไปเยี่ยมลูกสาวก่อนนะ เพราะปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายแล้วล่ะ”
“ปีสุดท้าย?”
“ก็ฉันต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นน่ะ เพราะลูกสาวอีกคนก็อยู่ที่นั้นด้วย ทางพวกเราเป็นห่วงเลยจะขอย้ายไปดูแลเขาน่ะ”
ชายวัยกลางคนนั่งลงและวางดอกไม้ไว้หน้าหลุมศพ เคเองยังคงยิ้มต่อไป คลาวน์รู้เลยว่า คุณโยชิโร่คืออาจารย์ที่เคเคยเล่าให้ฟังเมื่อสองวันก่อนแน่ๆ แต่นั้นก็ทำให้คลาวน์รู้สึกสงสารเคอยู่บ้าง ที่ตายไปเพราะแค่ความอิจฉาของเพื่อน จนไม่ได้ทำตามความฝันของตัว
เด็กหนุ่มทั้งสามเดินต่อไป เมื่อมาถึงทางเข้าสุสาน คลาวน์ก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นวิญญาณหมอกดำของเด็กสาว ใบหน้าที่ยังมองไม่ค่อยชัดนั้นจำได้อย่างดีว่า คือวิญญาณที่กำลังจะก่อโศกนาฏกรรมในโรงเรียนของพวกเขานั้นเอง แต่เธอกลับแปลกไปกว่าเดิม เพราะตอนนี้เธอยืนร้องไห้อยู่ แถมยังร้องออกมามากมายซะด้วย แต่แลดูทรมาณแปลกๆ ก่อนจะหายไปอย่างกับอากาศ
“คลาวน์ ไม่รีบตามมาเดี๋ยวก็ทิ้งไว้นี้หรอก ยิ่งเห็นเยอะๆ อยู่นะ” ยูยะเรียกเพื่อนที่ยืนเหม่ออยู่ด้านหลังให้รีบเดิม เพราะที่นี้คือสุสาน ถ้าพูดสุสานนั้นหมายความว่ามีศพและสิ่งที่มองไม่เห็นมากมาย และนั้นเพราะยูยะและฮินาตะเห็นวิญญาณพวกนั้นกำลังร้องไห้บ้าง นั่งเฉยๆ บ้าง และเดินผ่านไปมาบ้าง เลยทำให้พวกเขารู้สึกว่าอย่าอยู่นานดีกว่า
“อ่า โทษที”
“แล้วไข้ลดลงแล้วเหรอ เมื่อวันก่อนยังสลบเลยนี่นา” ฮินาตะถามเมื่อคลาวน์เดินตามมาแล้ว
“อ่า ดีขึ้นแล้วล่ะ ตอนนี้เลยอยากจะแว่ะไปที่หนึ่ง”
“ที่? ที่ไหนล่ะ”
“ที่คอนโดแถวสถานณีน่ะ มีเรื่องจะเข้าไปหาอะไรนิดหน่อย”
ยูยะกับฮินาตะมองคลาวน์ด้วยความงง เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะแว่ะไปบ้านใครต่อใครเป็นด้วย แต่ที่สงสัยคือ คอนโดนั้นมีอะไรงั้นเหรอ?
ทั้งสามคนนั่งรถไฟกลับมาที่สถานณีเดิมตอนที่จะไปสุสาน เดินย้อนไปตามทางนิดหน่อยก็มาถึงคอนโดสีขาวสามชั้นที่ตั้งอยู่สองสามตึก คลาวน์เดินนำเพื่อนเข้าไปที่ประตูยามที่เฝ้า ก่อนจะให้เหตุผลว่ามาหาเพื่อนเก่า ก่อนจะบอกเลขห้องไป และคลาวน์ก็ได้รู้ว่าห้องนั้นตั้งอยู่ที่ตึกไหน
พวกเขาเดินขึ้นบันไดของตึกสามที่อยู่ริมน้ำเพื่อไปชั้นสามของตึก จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเลขที่ 353 คลาวน์ที่ดูจะเงียบไปนิดหน่อยก็กดออดหน้าห้องเพื่อเรียกคนภายในบ้านมาเปิดประตู ไม่นานหนักก็มีเสียงปลดล๊อคดังขึ้น ก่อนจะเปิดอย่างรวดเร็ว
“คร้าบ มาหาใครครับ?”
ชายผมตั้งคนหนึ่งเปิดประตูออกมาและกล่าวถามด้วยคำสุภาพแต่ดุไม่ค่อยจริงใจ ที่หูของชายคนนี้มีรูมากมายเพราะการเจาะแบบพวกนักเลง ผมสีดำที่ตั้งเพราะเยล ตรงข้ามกับหน้าตาที่แลดูเรียบร้อย
“ผมจะขอคุยกับคุณนิดหน่อย ถ้าไม่ว่าอะไรจะขอเข้าไปได้มั้ยครับ”
“อ้าว แล้วพวกน้องเป็นใครน่ะ พี่กำลังอ่านหนังสืออยู่ไม่ค่อยว่างน่ะ”
“งั้นถ้าผมบอกว่า ผมอยากจะคุยเรื่องโรงเรียนไรเซ็นคุที่เกิดโศกนาฏกรรมนั้น และยังมีเรื่องของผู้ชายที่โดนเพื่อนผลักตกบันไดจนตายนั้น พี่จะคุยกับผมมั้ยครับ”
ฮินาตะกับยูยะทำสีหน้าเข้าใจในทันทีเมื่อคลาวน์พูดแบบนั้น หสกแต่ชายผมตั้งกลับทำหน้าซีดและกลัวอย่างเห็นได้ชัด และนั้นก็ทำให้เขามั่นใจแล้วว่า พี่ชายคนนี้อาจจะรู้อะไรมาก็ได้ ในเรื่องของคำสาปที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
“ขอโทษนะน้อง พะ..พี่ไม่อยากพูดถึงมันหรอก กลับไปเถอะ” ชายผมตั้งถามและเตรียมจะปิดประตู
“แต่ถ้าพี่ไม่ให้ความร่วมมือกับผม โรงเรียนที่ผมไปเรียนอยู่ตอนนี้ก็จะตกอยู่ในอันตราย เพราะคำสาปจากโศกนาฏกรรมนั้นนะครับ พี่อยากให้ใครต้องตายเพราะคำสาปจากโรงเรียนที่พี่จบมาเหรอ?” คลาวน์พูดจนชายผมตั้งชะงักไป
“งะ..งั้นก็เข้ามาสิ”
พี่ชายผมตั้งเปิดประตูต้อนรับพวกคลาวน์เข้ามาจนได้ แต่สีหน้าดูหม่นหมองขึ้นมาทันที บอกให้รู้เลยว่า ไม่อยากพูดถึงเท่าไรนัก แต่วิธีหยุดคำสาปนั้นมีเพียงแค่ต้องหาข่าวคราวที่พอจะชี้ตัวคนทำเท่านั้น เพราะตอนนี้คลาวน์พอจะรู้แล้วว่า ต้องเป็นพวกคนที่จบมาจากไรเซ็นคุแน่นอน ที่รู้นั้นเพราะ คนที่รู้เรื่องโศกนาฏกรรมส่วนใหญ่นั้นเป็นเด็กนักเรียนจากรุ่นของเคทั้งนั้น ที่รู้เรื่องข่าวลือคำสาป เขาจึงมาถามหนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่เคยรุมแกล้งเคมาแล้วครั้งหนึ่งนั้นเอง
“แล้วจะถามอะไรพี่ล่ะ”
ทั้งหมดนั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าที่จริงจัง แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่กำลังมองมาทางชายผมตั้งด้วยสีหน้าเย็นชาและแฝงไปด้วยความแค้น นั้นคือเคที่ยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มนั้นเอง แต่พวกคลาวน์ยังคงทำหน้าจริงจังเหมือนไม้เห็นตัวเคต่อไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่รู้จักคนชื่อ โคเสกุ เค รึเปล่า?” ฮินาตะที่น้ำเสียงดูจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยถามชายผมตั้งด้วยใบหน้าเย็นชา นั้นคงเพราะฮิซุยเริ่มเข้าสิงร่างอีกแล้วแน่ๆ แต่คำถามนั้นก็ทำชายหนุ่มหน้าซีดเผือดและตัวสั่นขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อของคนที่เขาเคยร่วมด้วยช่วยฆ่าเค
“ที่พี่ตัวสั่นแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะพี่คงกลัวที่จะโดนเคจ้องแก้แค้นพี่ใช่มั้ย?” คลาวน์พูดออกมา
“จะ..จริงๆ พี่ก็กลัวนะ แต่พี่น่ะอยากจะขอโทษหมอนั้นมากกว่าที่พรากความฝันของหมอนั้นไป แต่พี่ไม่ได้อยากทำหรอกนะ! แค่จะให้ตกบันไดจนเข้าโรงพยาบาลเท่านั้นเอง!” เคเริ่มมีสีหน้าที่ผ่อนคลายเพราะชายคนนี้สำนึกผิดแล้ว
“งั้นผมขอถามหน่อยนะ ว่าพี่ชายพอจะรู้เรื่องหลังจากที่พี่จบออกไปบ้างรึเปล่า ว่ามีอาจารย์คนไหนที่ออกไปบ้าง หรือนักเรียนที่ตายในช่วงเวลานั้น”
“เอ๋? ถ้ามีก็มีอาจารย์ห้องสมุดที่ลาออกแล้วไปเป็นครูที่โรงเรียนพี่น่ะ แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดซะด้วยสิ พี่เลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก แต่พวกน้องดูแปลกๆ นะ หรือว่าพวกน้อง...”
“พวกผมก็แค่มองเห็นวิญญาณเท่านั้นแหละครับ แล้วพี่ชายอยากจะคุยกับวิญญาณของเคบ้างรึเปล่าล่ะ?” ยูยะพูดบ้างหลังจากที่นั่งฟังมานาน
“ทะ..ทำได้เหรอ!? พี่อยากจะพูดกับหมอนั้น พี่อยากจะ..พูด...”
เมื่อฮินาตะได้ยินแบบนั้นก็บอกให้เคมาเข้าร่างเขาเพื่อสื่อสารกับชายหนุ่มคนนี้อย่างตรงไปตรงมา เคเข้าสิงร่างฮินาตะทันทีหลังจากฮิซุยที่ออกมารอเรียบร้อย และนั้นก็ทำให้ฮินาตะมีสีหน้าที่นิ่งและมุมปากที่ยิ้มอย่างดีใจนิดหน่อย ชายหนุ่มตรงหน้าที่เห็นแบบนั้น ก็เลยร้องไห้ออกมา เพราะรู้สึกได้ถึงคนที่ตามไปแล้วอย่างเค ที่ตอนนี้คงกำลังแค้นเขาอยู่
“ไม่ได้พบกันนานนี่ ธีระ...” เคที่อยู่ในร่างของฮินาตะพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกเหมือนทุกทีจนชายหนุ่มซึ่งเคยร่วมฆ่าเขาถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียง
“นะ..นายคงกำลังโกรธฉันสินะ แต่ว่าฉันอยากจะพูดกับนายมานานแล้วว่า ไม่ได้ตั้งใจฆ่าเลยแม้แต่น้อย แต่แค่อยากจะทำให้นายมาโรงเรียนไม่ได้เท่านั้น แต่ถึงจะพูดยังไงนายก็คงจะโกรธฉันอยู่ดีสินะ เพราะฉันมันก็กลายเป็นฆาตกรฆ่าเพื่อนร่วมห้องไปแล้วนี่นา!” เขาพูดออกมาทั้งน้ำตา แต่เคกลับยิ้มอย่างเย็นชากับภาพตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างดังแล้วพูดออกมาอย่างทนไม่ได้
“พวกนายมันก็แค่พวกชอบอิจฉาคนอื่นเท่านั้นแหละ! พวกนายคงไม่คิดว่าฉันจะแก้แค้นสินะ แต่ฉันน่ะก็อยากจะฆ่าแกเหมือนกัน ถึงแค่จะพูดว่าไม่อยากตายก็เถอะนะ!!” เคที่อยู่ในร่างฮินาตะพูดพลางลุก ก่อนจะพุ่งเข้าหาร่างของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าของฮินาตะ ก่อนจะเงื้อมมือจนสุด
“ยะ..อย่า...ฉันขอโทษ...” ธีระพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่ไหลออกมา คลาวน์กับยูยะเองก็ตกใจกับภาพตรงหน้าอยู่หรอก เพราะนั้นมันร่างของฮินาตะ ถ้าเคโกรธจนเผลอฆ่าชายหนุ่มคนนี้ล่ะก็ มีหวังฮินาตะได้กลายเป็นฆาตกรแน่
“ตายซะ!!”
“เค!” คลาวน์และยูยะพูดพร้อมกัน
แต่เรียกไปก็เท่านั้นเมื่อปากกาแท่งนั้นถูกหยุดตรงหน้าดวงตาของธีระที่ลืมตาอย่างตกใจและหน้าที่นองน้ำตา แต่นั้นก็เป็นสัญญาณว่าเคยังไม่ได้ทำอะไร แต่แค่เอาปากกาด้ามนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มเพียงเพราะจะเตือนเท่านั้น
“หึ คิดดูดีๆ ฉันไม่ฆ่านายดีกว่า” เคพูดก่อนร่างของฮินาตะจะลุกออกจากร่างของชายหนุ่มและนั้นก็ทำให้ธีระถึงกับอึ้งและเงียบไป ทั้งๆ ที่หน้ายังซีดอยู่
“เพราะตอนนี้ฉันแค้นพวกนายไม่ลงแล้วล่ะ แถมนายก็รู้คนเดียวด้วยสิอาจารย์ที่พอจะมีเบาะแสเพื่อตามเรื่องคำสาปน่ะอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นจะยกโทษให้นายแล้วกัน” เมื่อพูดจบเคก็ออกจากร่างฮินาตะทันที จนเจ้าของร่างตกใจกับเหตุการณ์เลยล้มลงไปนั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนวิญญาณฮิซุยจะเข้ามายิ้มเย้ยนิดหน่อย
“ฮึก..ฮือ..ฮือ...ขอบคุณมากๆ เค ฮือ...”
ชายหนุ่มร้องไห้ออกมาท่ามกลางเสียงถอนหายใจโล่งอกของคลาวน์และยูยะ เคก็ยืนยิ้มอย่างพอใจที่สามารถสะกดความแค้นที่มีต่อเจ้าพวกบ้าที่ฆ่าเขาได้ลง ไม่นานหลังจากที่ชายหนุ่มหยุดร้องไห้ก็บอกที่อยู่ของอาจารย์คนนั้นให้ว่าตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่ไหน
ทั้งสามคนเดินออกมาจากรั้วคอนโดแล้วไปนั่งรถไฟที่สถานณีเดิมเพื่อไปแถวๆ บ้านของคลาวน์ที่ตอนนี้มีความรู้สึกเศร้าเข้ามาภายในใจของคลาวน์มากๆ แถมอาจารย์คนนั้นยังอยู่ห่างจากบ้านของคลาวน์แค่หลังเดียวเอง เพื่อนที่ตามมาด้วยกันอย่างยูยะที่รู้เรื่องที่บ้านของคลาวน์เป็นอย่างดีก็เป็นห่วงสภาพจิตใจของคลาวน์ขึ้นมา เคเองก็เช่นกัน
“แล้วนี่นายจะไปแน่เหรอคลาวน์” ยูยะถามอย่างเป็นห่วง
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นก็ไม่รู้วิธีช่วยโรงเรียนในตอนนี้น่ะสิ” คลาวน์ตอบอย่างมั่นใจซึ่งตรงข้ามกับสีหน้าที่หวาดระแวงกับเรื่องที่บ้านอย่างเห็นได้ชัด ฮินาตะได้แต่มองคลาวน์อย่างเป็นห่วงเช่นกัน นั้นเพราะเขาพอจะรู้ว่าคลาวน์อยู่บ้านคนเดียวมาสามปี จนทนไม่ไหวย้ายมาอยู่หอกับยูยะเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งการอยู่คนเดียวในช่วงเวลาขนาดนั้นคงทำให้สภาพจิตใจที่ไร้ความอบอุ่นนั้นแย่ยิ่งกว่าเดิม
เดินเข้าซอยไปได้ไม่ไกลนักก็มาถึงบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ จนน่าตกใจ แต่เมื่อมองเข้าไปกลับดูน่าขนลุก และพอไปทางด้านซ้ายของตัวบ้านก็ทำให้คลาวน์แน่นหน้าอกขึ้นมา เพราะถัดไปแค่หลังเดียวก็เป็นบ้านของคลาวน์ เพื่อนทั้งสองที่เห็นเพื่อนตนเองกำลังยืนกุมหน้าอกนั้นถึงกลับถามด้วยความเป็นห่วง
“คลาวน์ ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ” ยูยะพูด
“ฉันว่ามันทำให้นายกดดันนะ” ฮินาตะเสริม เพราะดูจะทำให้คลาวน์ทรมาณน่าดู
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร รีบๆ คุยกับเขาให้เสร็จดีกว่า” ระหว่างที่คลาวน์ก้าวเท้านั้น ก็เกิดเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยจนทำให้คลาวน์หายใจติดขัดเหมือนจะขาดสติ
“คลาวน์ ลูกมาแล้วเหรอ?” ผู้เป็นพ่อยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไรนัก และพูดด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเห็นลูกชายของตน ก่อนจะยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาด้วยความคิดถึง แต่นั้นกลับทำให้คลาวน์เดินถอยหลังหนี จนเพื่อนทั้งสองมองตามไปเพราะไม่รู้จะทำยังไง
ตอนนี้ในหัวของเด็กหนุ่มนึกถึงภาพตอนที่พ่อกับแม่ขับรถออกไปจากบ้าน แม่บอกเขาว่าจะไปต่างประเทศเพื่อเยี่ยมญาติ พ่อบอกเขาว่าจะไปทำงานนอกสถานที่ อาจจะไม่มีกำหนดจะกลับเมื่อไร แต่พอผ่านมาได้เพียง 3 วัน ก็ทำให้คลาวน์รู้ว่าพวกท่านทั้งสองไปต่างประเทศด้วยกันเพราะแค่จะไปสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ด้วยกัน โดยไม่มีตัวเกะกะ ที่เขารู้ก็เพราะเขาโทรไปที่ทำงานแล้วก็ได้รู้ว่าพ่อเขาลางานเพราะหนีลูกก็เท่านั้น
เมื่อคลาวน์ถึงแบบนั้นก็กุมหน้าอกตัวเองแน่น เหงื่อมากมายผุดออกมาเพราะแรงกดดันที่ชายผู้เป็นพ่อกำลังเดินเข้ามาแตะตัวเขา แต่ทำไมคลาวน์ถึงได้เป็นขนาดนี้ล่ะ...
“คลาวน์เป็นอะไร เดินหนีพ่อทำไมลูก” ผู้เป็นพ่อพูดเพราะเห็นลูกชายของตนกำลังเดินหนีด้วยสีหน้าเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง แต่ที่เขาเป็นห่วงเพราะลูกชายของเขากุมหน้าอกอยู่
“แฮ่ก..แฮ่ก...” คลาวน์หายใจติดขัดมาก เพราะเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นมา และยังเพราะไข้ยังหายไม่ดีด้วย ยูยะที่เห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปห้ามผู้เป็นพ่อย่างรวดเร็ว
“ฮินาตะ! พาคลาวน์หนีไปก่อนที!” ฮินาตะที่รู้สถานการณ์ตรงหน้ารับทำตามที่ยูยะสั่งแล้วจับมือของคลาวน์วิ่งออกนอกซอยไปอย่างรวดเร็ว ผู้เป็นพ่อเห็นเช่นนั้นจึงออกตัวจะวิ่ง แต่ทว่ายูยะกับขึ้นขว้างไม่ให้ไป
“นี่เธอเป็นใครน่ะ ฉันจะไปหาลูกชายฉันนะ จะขว้างทำไม?”
“แล้วคุณไม่เห็นคลาวน์ในสภาพเมื่อกี้เหรอไง!?” ยูยะตกคอกออกมาอย่างทนไม่ไหว
“สภาพเมื่อกี้?” ผู้เป็นพ่อทวนคำพูดที่สงสัยออกมา เพราะคลาวน์ไม่ได้มีโรคสวนตัวแต่อย่างใด ยูยะจึงพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ผมรู้หมดแล้วล่ะ ว่าคุณเห็นคลาวน์เป็นตัวเกะกะในชีวิตเท่านั้น! และยังคิดว่าคลาวน์เป็นเด็กที่ชอบโกหกอีกด้วย แถมยังทิ้งเขาไปเพื่อแค่ว่าไม่อยากอยู่กับเด็กที่เห็นวิญญาณเพราะกลัว จนทำให้คลาวน์ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดสามปี คุณคงไม่คิดว่าการที่เขาอยู่คนเดียวในช่วงเวลานั้น จะเป็นได้ถึงขนาดกลัวบ้านของตัวเองสินะ!” คำพูดของยูยะที่โพล่งออกมานั้น ทำให้ชายผู้เป็นพ่อตาโตเพราะไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นอย่างที่พูด และคำพูดนั้นยังแทงใจดำเขาอีกด้วย
“เพราะพวกคุณ...ทิ้งคลาวน์ไว้ เลยทำให้หมอนั้นกลายเป็นเด็กที่ถูกทิ้ง และยังทำให้เขาเป็นคนขาดความอบอุ่น จนกลายเป็นอย่างที่เห็น เขาเริ่มตีตัวออกห่างสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว เขาเริ่มกลัวคำนั้น และเริ่มที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนั้น จนกลายเป็นแรงกดดันภายในจิตใจ จนตอนนี้หมอนั้นไม่สามารถจะเชื่อใจคำว่าครอบครัวได้อีกแล้ว!!” ยูยะพูดออกมา ก่อนน้ำตาจะไหลออกมาด้วยความรู้สึกสงสารเพื่อนคนนี้อย่างจริงใจ
สำหรับยูยะนั้น คลาวน์เป็นเพื่อนคนสำคัญอีกคนที่อยากจะช่วยให้ยิ้มออกมาอ่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นคนที่เย็นชาหรือทำหน้านิ่งตลอดเหมือนพวกหม่นหมอง ยูยะแค่อยากจะช่วยทุกคนที่มีความหลังที่ไม่ดีเกี่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนเพียงเท่านั้น เพราะตัวยูยะเองก็เคยเสียพี่ชายของตัวเองไป เพราะแรงกดดันจากครอบครัวจนทำให้เขาไม่มีความสุขเหมือนกัน แต่เพราะเขาเจอกับคลาวน์ที่มีสีหน้าไม่ดี เขาเลยตัดสินใจเข้าไปคุยเพราะคิดว่าจะเข้ากันได้
ตัวเขาที่มีสัมผัสที่หกเหมือนกันเริ่มคุยกันมากขึ้น จนลืมไปว่าเขาเคยเสียใจเพราะครอบครัวมาแล้วและมันไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่มีเพียงคำขอโทษมากมายจากปากของครอบครัวที่มอบให้กับร่างไร้วิญญาณของพี่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ยูยะจึงไม่อยากจะเศร้าอีกและก็ได้เห็นวิญญาณของพี่ชายที่กำลังยืนยิ้มทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ก็เท่านั้น
“นี่เธอ คือเพื่อนของคลาวน์สินะ”
“..ใช่! ผมจะเป็นเพื่อนกับหมอนั้นอย่างจริงใจ จะไม่หักหลังหรือทำให้คลาวน์ต้องเสียใจเหมือนกับครอบครัวอย่างพวกคณเด็ดขาด!!” ยูยะพูดจบก็ปาดน้ำตาแล้ววิ่งตามพวกฮินาตะไปทีหลัง เพราะทนไม่ไหวที่จะอยู่กับคนเป็นพ่อที่แย่ขนาดนี้
ทางด้านคลาวน์
ฮินาตะพาคลาวน์วิ่งมาจนถึงถนนใหญ่ที่มีคนเดินสวนไปมาอย่างปกติ ทั้งสองหอบเหนื่อยกับการวิ่งอย่างรวดเร็ว ฮินาตะมองคลาวน์ยังคงกุมหน้าอกตัวเองแน่น ก่อนจะเขย่าตัวเพื่อนที่ตอนนี้หายใจอย่างติดขัด และกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา
ในหัวของคลาวน์ตอนนี้ว่างเปล่า มีเพียงความรู้แน่นๆ ที่น่าอก และเรื่องในอดีตที่โดนทิ้ง โดนเพื่อนภายในห้องเมิน ภาพที่เด็กสาวโดนฆ่าต่อหน้าต่อตาเพราะช่วยเอาไว้ไม่ได้ ภาพของโศกนาฏกรรมกำลังวนเวียนภายในหัวจนคลาวน์หน้าซีดไปหมด
“คลาวน์ ตั้งสติหน่อยสิ”
“ฉันมันตัวเกะกะ..ฉันมันต่ำต่อย..ฉันมันพวกโกหก..โกหก..”
“คลาวน์..”
“ฉันมันแค่คนอ่อนแอ”
เพี๊ยะ!
เสียงจากฝ่ามือของฮินาตะที่ตบเข้าที่แก้มของคลาวน์อย่างแรงเพื่อเตือนสติ ทำให้คนที่อยู่รอบข้างหันมามองด้วยความสงสัย ฮิซุยกับเคโผล่ออกมาพร้อมกับตาโตและสะดุ้ง คลาวน์หันมามองหน้าฮินาตะอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนคนนี้จะกล้าทำแบบนี้เลยสักนิด ฮินาตะลดมือลงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนที่ตอนนี้พอจะมีสติบ้างแล้ว
“ตัวเกะกะงั้นเหรอ? ต่ำต่อย? โกหกงั้นเหรอ? ถ้าอ่อนแอมันผิดตรงไหนกัน นายแค่พยายามมีชีวิตและช่วยคนรอบข้างอย่างสุดกำลังก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฮินาตะ...”
“ทำไมนายไม่ใช่เชื่อในตัวเอง! แล้วทำให้คนอื่นเขาชื่นชบซะล่ะ อย่างน้อยๆ นายก็ไม่ได้อ่อนแอยังที่พูด ไม่เหมือนกับฉันที่อ่อนแอจนโดนกลั่นแกล้งและเลือกที่จะฆ่าตัวตาย”
“แต่ฉันมันก็แค่พวกเมินเฉยเท่านั้น ฉันมันอ่อนแอ!”
“แล้วที่นายทนมาได้ตลอดสามปีน่ะ ไม่เรียกว่าเข้มแข็งเหรอไง!?”
“....!”
“ที่นายทนกับคำนินทามากมาย ทนกับการเห็นวิญญาณ ทนกับการอยู่คนเดียว ทนกับการสูญเสียทีมากมาย ทนกับเรื่องการตายที่เกิดขึ้นได้น่ะ มันก็เรียกว่าความเข้มแข็งแล้ว ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่เหมือนกับฉันที่เลือกจะฆ่าตัวตาย ถ้าตอนนั้นไม่ได้ฮิซุยฉันก็คงจะไม่ได้มาเริ่มใหม่ และปรับตัวให้ดีกว่าเดิม ถึงนายจะช่วยคนสำคัญไว้ไม่ได้ แต่นายก็ยังทนต่อความเจ็บปวดได้ แค่นั้นนายก็ไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่คนอื่นว่าแล้ว!”
คลาวน์เงียบไป แต่ก็ตกใจกับคำพูดของฮินาตะที่เตือนสติเขาอย่างตรงไปตรงมา จนฮิซุยกับเคยิ้มออกมาอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่ฮินาตะพูด ก่อนเคจะพูดเสริม
“แล้วที่ว่านายเป็นตัวเกะกะน่ะ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ เพราะนายเองก็ยังช่วยพวกเราขนาดนี้เลย ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของพ่อหรอก”
“เค...”
เมื่อคลาวน์มองทั้งสามคนที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ก็ทำให้เขาสงบลงได้เยอะเลย ตอนนี้เขาไม่รู้สึกทรมาณหรือคิดมากเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีกำลังใจเต็มที่ ที่จะไปลุยกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
ฮินาตะมองคลาวน์อย่างดีใจที่ดูเหมือนว่าเพื่อนคนนี้จะได้สติและจะลุยอีกครั้ง จนฮิซุยอดหัวเราะไม่ได้ว่าเจ้าฮินาตะจะพูดได้ขนาดนี้ ถึงเคจะพุดแบบนั้นแต่ก็ยังตกใจกับการที่คลาวน์โดนฮินาตะตบอยู่ดี เขาคิดเหมือนกับคลาวน์ว่า ฮินาตะไม่น่าจะใช้กำลังได้ขนาดนี้ เพราะฮินาตะเป็นคนใจเย็นที่จนาดยูยะปาลูกบาสอัดหน้ายังไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย แต่คงเพราะเขาทนเห็นเพื่อนต้องทนทรมาณแบบเมื่อกี้ไม่ได้เลยต้องทำเพื่อนเตือนสติ
“เฮ้! คลาวน์ ฮินาตะ!” ยูยะวิ่งออกมาจากซอยด้วยความเหนื่อย ก่อนจะหยุดตรงหน้าฮินาตะที่เบรกไม่อยู่ เพราะเป็นห่วงเพื่อนทั้งสอง
“คลาวน์ แฮ่ก..ไม่เป็นไร..นะ” ยูยะพูดทั้งเหนื่อยแต่ก็กึ่งยืนกึ่งล้มด้วยเช่นกัน
“อืม ต้องขอบคุณฮินาตะ ฮิซุยและเคเลยล่ะ”
“หา!? นี่พวกนายทำอะไรกันน่ะ คงไม่ใช่ว่าแย่งซีนฉันให้ทำเท่ไปหมดหรอกนะ!”
“ก็นิดหน่อยน่ะ” ฮินาตะพูดแล้วแลบลิ้นให้ยูยะรอบหนึ่ง
“แง..ทำไมทำเงี้ย!?”
“หึ..หึ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เพื่อนทั้งสองกับวิญญาณอีกสองตกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวจากปากของคลาวน์และหันไปมองเพื่อนที่ไม่เคยหัวเราะให้เห็นแบบนี้เลยสักครั้ง ก่อนพวกเขาทั้งหมดจะหัวเราะออกมาตามกันไป และนั้นก็ทำให้วิญญาณตนหนึ่งที่เฝ้ามองมาด้วยสายตาที่ห่วงใยและเศร้าหม่องอยู่ด้านหลังตนไม้ เธอเป็นดวงวิญญาณที่ก่อคำสาปภายในโรงเรียนของพวกเขา แต่ตอนนี้เธอกลับร้องไห้ออกมาอย่างทรมาณ แต่ก็ห่วงใยและยิ้มให้ผู้ที่ยิ้มและหัวเราะออกมาครั้งแรกอย่าง
“คลาวน์...ดีใจด้วยนะ...”
-----------------------------------------
ใครอยากอ่านไกลกว่านี้ และอ่านวายอีกเรื่อง ไปหาอ่านกันได้ที่เด็กดีนะคับ
พิมพ์หาชื่อเรื่องนี้ได้เลยคับ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ