CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) Chapter 14 โดนหักหลัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter14
คลาวน์ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เขาลุกขึ้นมองไปรอบๆ สิ่งที่เขาเห็นคือโต๊ะเรียนที่ล้มมากมาย และรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนตามกำแพงและพื้นที่สาดกระเซ็น คลาวน์ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นรู้ได้ทันทีว่ารอยเลือกพวกนี้เกิดจากอะไร ก่อนจะทำสีหน้าเครียดและรู้สึกสมเพชตัวเองที่รอดมาคนเดียว
เปรี้ยง!!
เสียงฟ้าผ่าดดังอย่างรุนแรงจนคลาวน์ถึงกับสะดุ้ง แต่ที่สะดุ้งนั้นมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่อง เพราะคลาวน์ที่หันออกไปมองด้านหลงนั้นก็เจอกับเคที่ยืนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแสยะพลางหัวเราะในลำคอ
“หึหึหึ”
“เค!นี่นาย..ไหนบอกว่าไม่เอาด้วยแล้วไง!”
“ก็เปล่านี่..แค่แว่ะมาดูซะหน่อย แถมไม่เสียเที่ยวที่จะมาด้วยหึหึ”
“นี่นายหัวเราะอะไรของนาย”
คลาวน์ถามด้วยความสงสัย เมื่อเคที่ยืนอยู่ตอบเขาด้วยความสนุกสนานเหมือนกำลังเย้ยอะไรสักอย่าง แล้วทำไมเคถึงดูแปลกๆ
“ฉันมาที่นี้เพราะมีคนยื่นข้อเสนอมาให้” เคเริ่มเดินไปรอบๆ ห้องเหมือนสำรวจอะไรสักอย่าง
“ข้อเสนอ?”
“ใช่.. คนๆ นั้นบอกว่าถ้าฉันฆ่าแล้วเอาร่างขางนายมาได้ เขาจะจ่ายค่ารักษาแม่ฉันและจะช่วยให้ฉันได้ไปพบแม่ได้ตลอดด้วย”
“นี่นาย..จะฆ่าฉันเหรอไง?”
เคที่เดินไปรอบห้องหยุดลงตรงหน้าคลาวน์แล้วยิ้มแสยะอีกครั้งพลางหัวเราะในลำคอ คลาวน์ที่ยืนรอคำตอบก็เหงื่อตกพร้อมกับความกังวล และความแปลกใจที่ไม่คิดว่าเคจะขัดขวางและหักหลังเขาแบบนี้
“นี่คลาวน์..นายเคยโดนแทงที่ท้องมาแล้วสินะ” นิ้วของเคสำผัสที่ท้องของคลาวน์อย่างช้าๆ
“แล้วนายจะทำไม?” คลาวน์ถามกลับ
“ความเจ็บนั้นเป็นไงเหรอ?ฉันที่ตายทันทีน่ะ ไม่รู้สึกถึงความเจ็บหรอกนะ”
“หึ ฉันถึงได้ถามไง?ว่านายจะ-”
ฉึก!
เอ๊ะ?
ความเจ็บแพร่ไปทั่วทั้งตัว จนไม่รู้สึกอะไรอีกนอกจากความตกใจที่โดนวิญญาณตรงหน้าแทงเข้าที่ท้องซึ่งซ้ำรอยกับที่เดิมเมื่อตอนนั้น เลือดไหลออกมาจากบาดแผลและไหลออกมาจากมุมปากเพราะสำลักความเจ็บนั้น
“หึหึหึ”
เคหัวเราะในลำคอพร้อมกับร่างของคลาวน์ที่เอนมาพิงไหล่เขาเพราะความเจ็บจนยืนไม่ไหว เคที่เป็นวิญญาณรับร่างคลาวน์อย่างสนุกสนานก่อนจะดึงมีดออกแล้วผลักร่างคลาวน์ออกไป จนล้มลงไปนอนหงายกับพื้นที่มีรอยเลือด และตอนนี้ก็มีเลือดของคลาวน์นองอีกครั้ง
“อั่ก..นะ..นี่นาย...!”
“หึ นายคิดว่าฉันไม่กล้าทำเหรอไง?ฉันสนใจร่างของนายมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ พอมาเจอกับข้อเสนอเลยดีใจจนทนไม่ได้ที่จะได้ร่างของแกไงล่ะ”
“ฮา..ฮา..” เสียงของคลาวน์เริ่มหายใจแบบแหบๆ เพราะพิษบาดแผลที่โดนแทง เคนั่งลงมองร่างของคลาวน์อย่างดีใจ ก่อนจะขึ้นค่อมร่างนั้นเพื่อเย้ยจริงๆ
“เอาล่ะ ฉันจะใช้ร่างของนายล่ะนะ”
“เค..นี่แก!”
เปรี้ยง!!
ทางด้านของพวกฮินาตะที่กำลังวิ่งมาถึงอาคารกลางซึ่งอาจจะเป็นที่เดียวที่คลาวน์อยู่ พวกเขาวิ่งอย่างรวดเร็วเพราะฝนที่ตกหนักจนฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง รวมทั้งวิญญาณอีกสาสตนที่ขอตามมาด้วย เพื่อที่จะได้พบคลาวน์นั้นเองทุกคนวิ่งมาจนถึงภายในตัวตึก ก่อนจะพักกันสักพักด้วยความที่วิ่งหนีฝนมา
“หมอนั้นจะปลอดภัยรึเปล่าเนี้ย” ฮินาตะพูด
“ฉันหวังแค่ให้คลาวน์ปลอดภัยเท่านั้น เพราะดูจากการให้วิญญาณยูกิมาฆ่าคนรอบข้างที่โรงเรียนน่ะ มันอาจจะเป็นการล่อให้คลาวน์มาที่นี้ก็ได้” โคโมะพูด ด้วยความที่เธอรู้สึกมาตั้งแต่ตอนที่ก้าวเข้ามาภายในโรงเรียนคำสาปนี้
“งั้นตอนนี้คลาวน์อาจจะตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?”ยูยะถาม
“ถ้ามีเคอยู่ด้วยอาจจะไม่ต้องเป็นห่วงอะไร แต่เคกลับไม่อยู่นี่สิ” โคโมะตอบไป ยูยะหน้าเปลี่ยนและวิ่งขึ้นอาคารไปอย่างรวดเร็วก่อนทุกคนจะเรียกตามหลังมา
“ยูยะ!”
ยูยะวิ่งขึ้นไปตามชั้นเรียนที่ร้างและมืดนั้นอย่างกังวล เขาเปิดดูทุกห้องที่เห็น และดูทุกห้อง แต่ไม่ว่าจะดูสักกี่ห้องก็ไม่เห็นตัวของคลาวน์ฝนตกลงลงมาอย่างหนักนั้นดังไปทั่วโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อนๆ ที่วิ่งตามยูยะขึ้นมาก็ช่วยกันหา จนในที่สุดก็มาถึงชั้นบนซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย และมีเพียงห้องริมสุดเท่านั้นที่มีประตู
“นี่ห้องสุดท้ายแล้วนะ” ยูยะพูดซ้ำเติมเพื่อพบว่าห้องนี้เป็นห้องสุดท้ายที่คลาวน์จะอยู่จริงๆ ทุกคนพยักหน้าและทำใจนิดหน่อย ก่อนจะเปิดออกอย่างแรง
ปัง! เปรี้ยง!!
ฟ้าที่ผ้าลงมาพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออกนั้นสร้างความตกใจให้กับคนที่ก้าวเข้ามาเป็นอย่างมาก แสงกระพริบภายในห้องที่มืดสะท้อนเงาทุกอย่างที่อยู่ในห้องเพียงไม่กี่วินาที หากแต่มีอีกอย่างที่ทำให้ตกใจ นั้นคือภาพของเพื่อนที่นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น
“คลาวน์!” ยูยะวิ่งเข้าไปพยุงร่างของเพื่อนที่นอนอยู่ด้วยสีหน้าที่ตกใจและกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย?” ไอคาว่าที่ตามมาด้วยถามอย่างตกใจ
“ทำไม?คลาวน์..ทำไมถึง...” ฮินาตะขาล้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและนั่งคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความท้อที่เห็นนอนจมกองเลือดอยู่
“ไม่จริง...” โคโมะพึมพำออกมา
ยูยะที่เข้าไปพยุงร่างของคลาวน์ก็เรียกชื่อของเพื่อนที่หลับอยู่อย่างไม่มีสติ ด้วยความที่หวังจะให้เพื่อนลืมตาตื้นขึ้นมา เลือดอยู่ที่บริเวณท้องมาก นั้นอาจหมายถึงโดนแทงด้วยมีดหรือของมีคม ทุกคนช็อกกับสิ่งที่เห็นอย่างที่ไม่คาดคิด
“คลาวน์!คลาวน์! นี่! คลาวน์!”
“หึหึหึ”
“เอ๋!?”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสยดสยองและเยือกเย็นของคนที่คุ้นเคย นั้นคือเสียงของคนที่บอกว่าจะไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ และเป็นวิญญาณที่ชอบโผล่มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเสมอ และตอนนี้ก็เกิดเสียงทำให้ตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมาจากร่างของคลาวน์!
“คลาวน์...” ยูยะเรียกด้วยความสงสัย
“หึหึหึ ไม่ต้องเรียกหรอก กำลังจะลุกเดี๋ยวนี้ล่ะ” ร่างของคลาวน์ลุกขึ้นจากตักของยูยะ จนทุกคนตกใจเพราะนั้นเป็นเสียงของเคจริงๆ ไม่ผิดแน่นอน
“เค..นั้นนายเคใช่มั้ย!?” ฮินาตะถามออกไปพลางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่..ฉันเองหึ ในที่สุดก็ได้ร่างของหมอนี้มาจนได้”เคว่าพลางยกมือขึ้นมามองร่างเนื้อของตัวเองซึ่งนั้นคือคลาวน์อย่างภาคภูมิที่ทำสำเร็จตามแผน
“นี่นาย!ทำอะไรกับคลาวน์น่ะ” ยูยะพูดด้วยความรู้สึกโมโห เคในร่างคลาวน์หันมามองหน้ายูยะ ก่อนจะแสยะยิ้มให้
“ก็แค่แทงหมอนี้ไปรอบหนึ่ง จนขัดขืนไม่ได้ไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เมื่อเคพูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของทุกคนในที่นี้ รวมทั้งดวงวิญญาณสามตนซึ่งเป็นเพื่อนของคลาวน์ด้วย
“ทำไมนายถึงทำแบบนี้ล่ะเค?” ฮิซุยถามด้วยสีหน้าเย็นชาและเดินหน้าออกมายืนอย่างท้าทายซึ่งสร้างความพอใจให้กับคนตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“นั้นสินะ..ก็แค่อยากได้ร่างของหมอนี้..ไปทำตามที่ตัวเองคิดเท่านั้นเอง และแน่นอนว่านี่เป็นข้อเสนอของคนๆ หนึ่งที่ฉันอยากจะร่วมมือด้วยมากกว่านะ หึหึหึ” เคพูดและเดินเข้าไปใกล้ฮิซุยพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“นี่นาย..หักหลังพวกเรางั้นเหรอ?” ฮิซุยที่โกรธจนได้ที่มองเคอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเกิดแสงหิ่งห้อยมากมายโผล่ออกมาจนเยอะเต็มรอบตัว พวกยูยะมองอย่างตกใจ เพราะไม่เคยเห็นฮิซุยโกรธจนเกิดแสงออกมามากขนาดนี้
“หึ จะพูดแบบนั้นก็ได้” เคแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะหัวเราะในลำคอ ตอนนั้นเองที่ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง และเกิดแสงสีดำเล็กๆ ลอยขึ้นมาจากใต้เท้าของเคจนเต็มไปหมด ไม่แพ้ฮิซุยเลย แต่ฮิซุยยังคงทำหน้านิ่งเย็นชาไม่ทุกข์ร้อนอะไร จนฮินาตะห้ามปรามอย่างเป็นห่วงและอดไม่ได้
“ฮิซุย!พอเถอะ! ถ้านายสู้กับเคล่ะก็..วิญญาณนายจะแตกสลายเอานะ!”
“ขอโทษนะฮินาตะ ฉันคงทำตามที่นายห้ามไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันโกรธจริงๆ แล้ว!”ฮิซุยพูดแล้วชี้นิ้วไปทางเค แสงหิ่งห้อยมากมายพุ่งเข้าหาเคจนมองเกือบไม่ทัน แรงพวกนั้นล้อมเคอย่างรวดเร็วจนเคก็แอบตกใจไปเหมือนกัน
“แหมๆ ไม่คิดว่าเอาจริงจะทำได้แซบขนาดนี้นะเนี้ย”
“หุบปาก!คนแบบแกน่ะ ฉันจะทำลายเอง!” แสงหิ่งห้อยที่เพิ่มเข้ามาตามแรงความโกรธพุ่งเข้าหาเคอย่างไม่ลดละ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เพราะแสงสีดำของเคกลับทวีความหน้ากลัวขึ้นและกลายเป็นแรงกดดันให้คนรอบข้างไปในทันที ยูยะที่ทำได้แค่ยืนอยู่ดูก็เริ่มกัดฟันเพราะเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับพลังพวกนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
“เอาละ ฉันต้องไปแล้วนะ หึหึหึ” เมื่อเคพูดจบแสงสีดำก็พุ่งเข้าทำร้ายฮิซุยจนลงไม่ดิ้นทุรนทุรายกับพื้นเพราะความทรมาณที่แสงสีดำนี้เริ่มคลุมวิญญาณของเขา เคหัวเราะในลำคอก่อนจะใช้ร่างของคลาวน์วิ่งหนีออกไปจากห้องโดยใช้จังหวะที่ทุกคนตกใจ และแสงกระพริบของฟ้าที่ผ่าลงมาอีกครั้ง
“อ้า!!”
“ฮิซุย!” ฮินาตะรีบวิ่งเข้ามาจับร่างวิญญาณของฮิซุยไว้ ก่อนโคโมะจะทำให้แสงพวกนั้นหายไปด้วยวิญญาณหมอกขาว ฮิซุยเริ่มหายทรมาณและหายใจเข้าปอดอย่างติดขัด ฮินาตะเห็นเช่นนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้าง?ฮิซุย”
“อ่า ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ”
ฮิซุยยิ้มให้ฮินาตะก่อนจะดันตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก โคโมะเดินไปทางยูยะด้วยท่าทีที่นิ่งก่อนจะถามออกไป
“นายโอเคมั้ย?”
“อืม ฉันโอเค แต่คลาวน์เนี้ยสิ..ฉันว่าเรารีบตามเขาไปเถอะนะ! ฉันคิดว่าหมอนั้นยังไม่ตายหรอก” ยูยะพูดอย่างมีหวัง ก่อนโคโมะจะยิ้มแล้วพยักหน้าให้
“มันต้องแน่นอนอยู่แล้วล่ะ ฉันยังสำผัสได้ถึงวิญญาณของคลาวน์นะ”
“งั้น..ที่โรงเรียนนี้มีที่ๆ ที่ไม่มีหน้าต่างมั้ย?” ฮิซุยที่ลุกขึ้นมาได้ ถามดวงวิญญาณที่เป็นเพื่อนของคลาวน์อย่างจริงจัง ฮินาตะกับยูยะและโคโมะมองฮิซุยที่ถามออกมาด้วยความสงสัย ดวงวิญญาณทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะนึก และรินะก็นึกขึ้นได้ว่ามีที่หนึ่ง
“รู้สึกว่าจะเป็นโรงเก็บอุปกรณ์กีฬานะ ที่นั้นทั้งเก่าทั้งไม่ค่อยมีคนผ่าน แถมได้ข่าวว่าจะเปลี่ยนเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อของนักเรียนด้วยจ้ะ” วิญญาณเด็กสาวว่า
“งั้นเหรอ?จะพาพวกเราไปได้มั้ย?”
“ได้จ้ะ” เด็กสาวว่าพลางพยักหน้า เพื่อนที่สองตนก็พยักหน้าด้วยความร่วมมือเช่นกัน
“นี่ฮิซุย ทำไมถึงเป็นที่ๆ ที่ไม่มีหน้าต่างล่ะ?”ยูยะถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะวิญญาณพวกนี้เป็นวิญญาณหมอกดำ และที่ฉันสังเกตก็คือวิญญาณพวกนั้นจะไม่อยู่ใกล้แสง เพราะตอนนี้ฝนตกเลยเข้าทางของมันที่จะออกมาเล่นงานวิญญาณดวงอื่น และพวกเราก็ใช้พลังแสงขาวซะส่วนใหญ่มันเลยสลายไปไง ดังนั้นคนที่จะอัญเชิญหรือเรียกดวงวิญญาณหมอกดำออกมานั้น ต้องอยู่ในที่ๆ ไม่ค่อยมีแสงสิ” ฮิซุยตอบยูยะ ก่อนทุกคนจะทำหน้าเข้าใจ
“นั้นสินะ แบบนี้ก็มีแต่ที่ๆ ที่ไม่มีหน้าต่างเท่านั้น” โคโมะย้ำ
“อืมงั้นเราไปกันเถอะ เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาที่จะได้เผชิญกับตัวการแล้วล่ะ” ฮิซุยพูดแล้วหันไปมองหน้าทุกคนเพื่อเป็นเชิงว่าเรื่องทุกอย่างใกล้จะจบลงแล้ว
พวกเราทุกคนไม่รู้สึกเลยว่า...
มีวิญญาณเด็กสาวหมอกดำกำลังจ้องมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ