CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี

9.8

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.

  14 chapter
  23 วิจารณ์
  20.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) Chapter 13 กระจัดกระจาย [2]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Chapter13
Disrupted [2]
           
 
            ทางด้านของโคโมะและยูยะที่ตอนนี้กำลังหนีวิญญาณหมอกดำจำนวนมากอยู่ ถึงโคโมะจะใช้วิธีเรียกวิญญาณหมอกขาวออกมา แต่พลังก็เริ่มถึงขีดจำกัดเพราะเริ่มสู้และหนีมาได้สักพักใหญ่แล้ว ทางยูยะที่พยายามกันโคโมะให้ก็ลำบากเช่นกัน
            “ฉันว่าพวกเราไปหลบอยู่ในห้องก่อนดีกว่านะ”
            “อืม พลังฉันถึงขีดจำกัดแล้วด้วย เองห้องที่มีประตูหน้าและหลังนะ”
            ยูยะพยักหน้าก่อนจะดึงมือโคโมะให้ลงบันไดไปอีกชั้นซึ่งยังมีสองสามห้องที่มีประตูอยู่ครบ พวกเขาทั้งสองเข้าไปในห้องเรียนที่อยู่เกือบริมสุด ก่อนวิญญาณหมอกขาวจะเป็นตัวทำให้ประตูล๊อคและเกิดเป็นภาพลวงว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในห้องให้กับพวกวิญญาณหมอกดำที่ไล่ตามมา
            “นั่งพักกันก่อนแล้วค่อยไปหาพวกฮินาตะคุงกับคลาวน์คุงก็แล้วกันนะ” โคโมะพูดพลางเดินไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างริมหน้าต่าง ยูยะเองก็พยักหน้าแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ
            “ไม่เป็นอะไรรึเปล่า เหนื่อยน่าดูเลยนะ” ยูยะพูด
            “จริงๆ ตอนฝึกก็ไม่เคยที่จะเหนื่อยเร็วขนาดนี้หรอกนะ แต่คงเพราะที่นี้มีบรรยากาศกดดันล่ะมั้ง ตั้งแต่เข้ามาก็รู้สึกเหมือนกำลังดิ่งเหวยังไงก็ไม่รู้” โคโมะพูด
            “แต่แบบนี้ก็อาจจะแย่แห่ะ เพราะพวกเราไม่รู้นี่นาว่าพวกฮินาตะอยู่ไหนน่ะ”
            “นั้นสินะ...”
            หลังจากนั้นความเงียบก็มาเยือน ทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อในสภาพแบบนี้ แถมยังบรรยากาศที่กดดันและเงียบสงบขนาดนี้ พอมองออกไปด้านนอกก็เห็นกลุ่มเมฆสีเทาที่ก่อตัวขึ้นเหมือนฝนจะตก พอมองลงไปก็เห็นเพียงแค่สนามที่ว่างเปล่า ถึงจะมีดวงวิญญาณบ้าก็เถอะ แต่พวกเขากำลังเหนื่อยกันจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
            “ที่โรงเรียนเก่าเป็นยังไงบ้างล่ะ” ยูยะถามโคโมะที่นั่งก้มหน้าอยู่
            “นั้นสินะ ก็เหมือนเดิม ถึงฉันไม่ทำอะไรก็จะมีคำใส่ร้ายป้ายสีลอยมาโดนอยู่ดี”
            “โรงเรียนสตรีล้วนก็แบบนี้อยู่แล้วล่ะนะ”
            “งั้นเหรอ? แต่ไม่ว่าที่ไหนหรือใคร ก็จะใส่หน้ากากเข้าหากันในสังคม กว่าจะรู้ตัวตนที่แท้จริงมันก็สายไปแล้ว เหมือนกับพ่อฉันที่ล้มละลายเพราะการโกงไงล่ะ” โคโมะพูดด้วยสีหน้าที่ยังยิ้มออกมา แต่ในตากลับแฝงไปด้วยความเศร้า เช่นเดียวกับยูยะที่ตอนนี้ทำหน้าเศร้าเพราะคิดว่าไม่น่าพูดเรื่องนี้เลย
            “ขอโทษนะ ที่ทำให้นึกถึงน่ะ” ยูยะพูดขอโทษ
            “ไม่เป็นไรหรอก แต่เพราะนายที่ทำให้ฉันหัวเราะได้ทั้งๆ ที่กำลังเครียดเรื่องเพื่อนๆ ที่โรงเรียนนี่นา เพราะฉะนั้นฉันไม่คิดมากหรอกนะ”
            “เรื่องเพื่อน...?”
            “ใช่ พวกเพื่อนที่โรงเรียนน่ะ ตั้งแต่วันที่ฉันย้ายมาก็โนคำกล่าวหาและใส่ร้ายมากมายจนเกือบโดนไล่ออกหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับมีอาจารย์สองสามคนที่คิดว่าฉันต้องไม่ได้ทำแน่ๆ เลยยังสามารถเรียนอยู่ที่นั้นได้ อย่างที่ฉันบอกนั้นแหละตอนแรกทำเป็นดีกับคนอื่นแต่ก็มาลับหลังโดยการทำผิดอย่างแรงแล้วโทษฉันที่อยู่เฉยๆตอนอยู่โรงเรียนประถมก็โดนด่าว่า ว่าโกหกบ้างล่ะ ตัวประหลาดบ้างล่ะ จนฉันถึงขนาดต้องหยุดเรียนเป็นอาทิตย์ก็มี”
            “โคโมะ...”
            “แต่ก็นะ..ฉันมันก็แค่ผู้หญิงอ่อนแอที่ทำได้แค่หนีนั้นแหละ แต่เพราะความรู้สึกที่อยากจะเข้มแข็งเลยไปเรียนการเป็นเชมันจากคุณปู่ เลยกลายเป็นคนมองเห็นวิญญาณและภูตผีไปในช่วงที่เริ่มไปโรงเรียนมัธยมต้น ฉันก็ได้เห็นวิญญาณมากมายจนเผลอร้องออกมา เลยกลายเป็นจุดสนใจของภายในห้อง มีคนเข้ามาถามนะ แต่ฉันก็แค่ตอบไปว่าเห็นวิญญาณ หลังจากนั้นก็มีคนเอาเรื่องที่ฉันเห็นไปพูดต่อๆ กัน จนกลายเป็นว่าฉันต้องไปพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างที่น่ากลัว”
            “พอแล้วล่ะ..” ยูยะพูดห้ามเมื่อเห็นว่าในตาของเด็กสาวว่างเปล่า และแขนที่เลื่อนขึ้นมากอดตัวเองด้วยความที่ตัวสั่นเหมือนกำลังกลัว
            “จนได้แผลมาเยอะเลย บางครั้งก็ตกบันไดจนขาหัก บางครั้งก็หัวแตกเพราะพวกวิญญาณเห็นฉันเป็นคนลบหลู่ แต่เรื่องพวกนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าฉันไม่พูดออกไป การกลั่นแกล้งเริ่มเกิดขึ้น คำด่ามากมายเริ่มออกมา และหน้ากากของแต่ละคนเริ่มจะเห็นเด่นชัด ฉันกลัว..ฉะ..ฉันกลัว...กลัวคนรอบข้างที่เข้ามาคุยด้วยฉันกลั-”
            “พอได้แล้ว!!”
            ยูยะพูดแล้วลุกขึ้นไปกอดโคโมะที่ตอนนี้อึ้งไปกับการที่ยูยะวิ่งเข้ามาหาแบบนี้ แต่นั้นก็ทำให้น้ำตาของเด็กสาวไหลรินออกมานองหน้าอย่างรู้สึกเศร้าแปลกๆ ก่อนยูยะจะพูดออกมาเหมือนรู้ทุกอย่าง
            “เพราะเกิดเรื่องแบบนั้น เธอเลยใส่ฮู้ดมาโรงเรียนทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือข้างนอก หรือแม้แต่จะร้อนขนาดไหนเนี้ยนะ”
            “อืม ฮึก..ถ้าฉันทำแบบนี้ ฮึก ฉันจะได้..ไม่ต้องเห็นอะไรรอบข้างไง ฮือ..”
            “หึหึ”
            ยูยะหัวเราะในลำคอจนโคโมะตกใจแล้วเงยหน้ามองยูยะที่กำลังมีใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนกำลังเย้ยยั่นอะไรสักอย่างต่อหน้าเด็กสาวที่กำลังร้องไห้ในอ้อมกอด
            “นี่นายหัวเราะอะไรน่ะ อ๊ะ?”เด็กสาวตกใจเมื่อมือของยูยะถอดฮู้ดออกจากหัวเธอจนผมที่มัดไว้หลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่น่ารักและสวยจนไม่มีที่ติ ดวงตาที่คมแต่ตอนนี้โตเพราะร้องไห้ ผมสีออกเขียวที่ยาวจนเลยเอวนั้น ทำให้ยูยะอดยิ้มไม่ได้
            “เห็นไม่ล่ะ แบบนี้สวยกว่าเยอะ น่ารักด้วยนะ”
            “อะ..เอ๋...?” โคโมะน่าแดง ยูยะหัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิมแล้วมองมาทางโคโมะแล้วยกนิ้วโป้งให้เป็นเชิงว่าแบบนี้แหละดีแล้ว และพูดประโยคที่ทำให้โคโมะรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
            “ไม่ว่าจะเกิดปัญหาหรือความทุกข์อะไร ฉันจะมาช่วยเธอเอง เพราะฉะนั้นห้ามหนีโดยการใส่ฮู้ดเด็ดขาดนะ ให้หนีมาหาฉันทันทีเลยนะ!” สิ่งที่ยูยะพูดนั้น ทำให้โคโมะหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูกและท่าทีที่ลนลานก่อนจะคงสภาพความนิ่งไว้ได้แล้วหันไปพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้ม อย่างที่ไม่ได้ทำมานานให้กับยูยะ
            “ขอบคุณนะ สบายใจขึ้นแล้วล่ะ”
            “อะจึ่ย! อะ..อืม” ยูยะที่เห็นโคโมะยิ้มเช่นนั้นก็หน้าแดงไปอีกคน
            “เอาล่ะ! งั้นไปลุยกันเลยดีกว่า จะได้หารีบๆ ไปหยุดคำสาปสักที!” โคโมะยิ้มและปาดน้ำตาที่นองหน้าออก ก่อนจะลุกขึ้นมัดผมขึ้นสูงเป็นทรงหางม้า และนั้นก็ทำให้น่ารักเข้าไปอีก เธอรีบเปิดประตูและพุ่งออกไป จนวิญญาณหมอกดำห้าตนที่อยู่แถวนั้นถึงกับหันมาและตรงมาทางเธอเหมือนเสือจะขย้ำกระต่าย แต่เมื่อเธอเอามือขึ้นมาเหมือนจะทำโล่ก็มีวิญญาณหมอกขาวจำนวนมากออกมากันแล้วพุ่งเข้าไปล้อมวิญญาณหมอกดำห้าตนเมื่อกี้จนสลายไปเหมือนอากาศ
            “สะ..สุดยอด...”
            ยูยะที่บังเอิญเดินตามออกมาเห็นฉากที่วิญญาณหมอกขาวล้อมเมื่อกี้ก็ตกใจเพราะความแข็งแกร่งของเด็กสาวตรงหน้าที่เมื่อกี้ยังร้องไห้และเหนื่อยอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้เธอเหมือนกลายเป็นสาวแกร่งไปโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด
            “ไปกันเถอะ ยูยะ”
            “อะ..อืม”
 
            ทางด้านพวกฮินาตะที่กำลังหลบอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่งซึ่งมีประตูอยู่ครบ และกำลังใช้พลังวิญญาณของฮิซุยในการทำภาพล่วงว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในนี้ต่อวิญญาณหมอกดำ พวกเขากำลังนั่งคิดแผนว่าจะทำยังไงถึงฝ่าดงหมอกดำไปได้ ถ้าไม่รอบคอบอาจจะโดนเล่นจากข้างหลังเอาได้
            “งั้นแบบนี้ต้องใช้ตัวล่อสินะ” ฮิซุยพูดขึ้น
            “ก็คงจะเป็นอย่างงั้นแหละ ไม่งั้นก็ ซี้แหง” ไอคาว่าตอบทั้งๆ ที่ทำหน้าเหงื่อตก เพราะกำลังกลัวว่าตัวเองจะได้เป็นตัวล่อ
            “แล้วหลังจากนั้นจะทำยังไงเหรอ?” รินะที่นั่งอยู่ข้างพูด
            “นั้นสินะ จริงๆ แผนที่ว่าจะกระโดดลงไปทางหน้าต่างจะง่ายกว่ามั้ย?” อากะออกความคิดเห็น
            “จะบ้าเหรอไงล่ะนั้นน่ะ ขาหักแน่ๆ” ฮินาตะพูดด้วยความที่ตัวเองยังมีชีวิต ต่างจากทั้งสี่ตนที่อยู่ด้วยนี่เป็นวิญญาณนั้นเอง
            “ทางเดียวคือให้ใครเป็นตัวล่อก็ได้ แล้วค่อยวิ่งหนีออกไป และไปสมทบที่ด้านบนสินะ” ฮิซุยพูดแผนที่คุยกันก่อนหน้านี้
            “นั้นแหละ” ฮินาตะตอบด้วยเหงื่อยที่ไหล ก่อนจะมีเสียงบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านนอกซึ่งเหมือนเสียงอะไรบางอย่างที่กำลังไหม้และสลายไป ก่อนประตูจะถูกเปิดพร้อมความตกใจของทั้งห้า เพราะพลังของฮิซุยไม่น่าจะถูกมองออกได้ง่ายๆ ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่มนุษย์ และเสียงร้องตกใจของทั้งสองฝ่ายก็ดังขึ้น!
            “ว๊ากกก!!”
            “เฮ้ยยย/กรี๊ดดด!!”
            เสียงร้องตกใจขอยูยะที่เปิดก่อนและตามด้วยพวกฮินาตะก็เกิดกลายเป็นเรื่องตลกขึ้นมาเมื่อรู้ตัวแล้วว่าคนที่เห็นเป็นเพื่อนที่แยกกันไปนั้นเอง
            “จะร้องกันทำไมเนี้ย” โคโมะที่เดินตามหลังยูยะมาพลางอุดหูกับเสียงร้องเมื่อกี้ และนั้นก็ทำให้ฮินาตะถึงกับตกใจเมื่อเด็กสาวที่เคยใส่เสื้อฮู้ดแปลเปลี่ยนเป็นสาวน้อยน่ารักที่มีดวงตาคอมกริบเหมือยใบมีดนั้นอย่างดูงดงามเหลือเกิน
            “นี่ใช่ยัยโคโมะจริงดิ” ฮิซุยถามอย่างตกใจและไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
            “ก็ใช่น่ะสิ แล้ววิญญาณสามตนที่อยู่ด้วยนี่ใครน่ะ”โคโมะถามอย่างสงสัย และดวงตาคมกริบที่มองไปทางฮิซุยเหมือนทำร้ายทางอ้อม
            “พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของคลาวน์ตอนมีชีวิตอยู่น่ะ” ฮินาคะตอบ และพวกเขาทั้งสามก็พยักหน้ายืนยันเช่นกัน
            “แล้วพวกนายเจอคลาวน์บ้างมั้ย?” โคโมะถาม
            “ยังเลย พวกเขาก็ไม่เห็นด้วย”
            “งั้นหมายความว่าคลาวน์ต้องอยู่คนเดียวสินะ แบบนี้ก็แค่อ่าดิ!” ยูยะพูดพลางเหงื่อตกด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนอย่างคลาวน์ที่ตอนนี้อาจจะโดนจับไปขังก็ได้
            “แบบนี้คงต้องรีบตามหาแล้ว” ฮิซุยพูดอย่างรีบร้อน
            ก่อนทั้งหมดจะพยัคหน้าเห็นด้วย ถ้าที่ตึกนี้ไม่คลาวน์ก็ต้องเป็นตึกกลางที่เกิดเหตุการณ์ตายเยอะที่สุด พวกเขาทั้งหมดจึงวิ่งตรงไปยังอาคารกลางซึ่งเป็นอาหารที่ใหญ่และสูงกว่าอาคารอื่น มีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้นล่ะ 7 ห้อง แบบนี้คงต้องใช้เวลาหากัหน่อย
            ในตอนนั้นเองที่มีวิญญาณของใครบางคนกำลังแสยะยิ้มและเดินไปทางอาคารกลางอย่างน่ากลัว ชายผมดำ เสื้อฮู้ดเปื้อนเลือด และแววตาประสงค์ร้ายนั้น กำลังตรงไปที่ที่คลาวน์อยู่อย่างรวดเร็ว...
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา