CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) Chapter 12 กระจัดกระจาย [1]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter12
Disrupted [1]
วันต่อมาหลังจากที่พวกเราต้องเสียพวกไปคนหนึ่งเพราะเขาไม่อยากจะเข้ามายุ่งและกลายเป็นวิญญาณที่ถูกกินไปเหมือนวิญญาณที่กำลังถูกกลืนนั้น และตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนและวิญญาณอีกหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่ประตูโรงเรียนไรเซ็นคุที่เขียนว่า ‘ห้ามเข้า เขตนี้อันตราย’ในช่วงเย็น
ที่เขียนแบบนี้ก็ไม่แปลกเลย เพราะได้ข่าวว่าจะทุบทิ้งหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้คนงานเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง จนทิ้งร้างไปไม่มีกำหนดจะทบทิ้งอีก
ทั้งสี่คนปีนข้ามรั้วเข้ามาได้ก็มุ่งตรงไปที่อาคารเรียนที่เกิดเหตุการณ์ตายเป็นจำนวนมากที่สุด คลาวน์ที่มองอาคารเรียนนั้นอย่างหวั่นก็ได้เห็นวิญญาณสองสามตนซึ่งให้ความรู้สึกคุ้นๆอยู่หน่อยๆ ที่กำลังถูกอะไรบางอย่างปกคลุมจนเหลือแค่ส่วนบน โคโมะก็เห็นเช่นนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วตั้งสมาธิเพื่อเรียกวิญญาณหมอกขาวให้ไปช่วยวิญญาณพวกนั้นตามแผน
“ตามแผนเลยนะ ถ้าเจอวิญญาณที่กำลังถูกหมอกดำปกคลุมล่ะก็ ให้บอกฉันทันที” โคโมะพูดทั้งๆ ที่หลับตาเพื่อเรียกวิญญาณหมอกขาวออกมาให้มากๆ จะได้กระจายกันหาเพื่อความรวดเร็วและเป็นระบบ
“เข้าใจแล้ว” ทั้งสามคนตอบพร้อมกับฮิซุย เมื่อทุกคนเข้าใจตรงกันจึงเดินเข้าไปในอาคารเรียนที่เกิดการตายเยอะที่สุด ภายในยังมีเศษกระจกและเศษก้อนหินอยู่ และตู้รองเท้าที่ล้มกระจายมากมาย รอยเลือด และรอยของมีคมอย่างเลื่อยไฟฟ้ายังคงมีอยู่ จนทุกคนมีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมา
“....!”
ทันใดนั้นทุกคนก็สะท้านไปทั่วทั้งตัว เมื่อมีแรงกดดันบางอย่างพร้อมกับอาการเวียนหัว เหมือนจะเป็นลมขึ้นมา สติเริ่มเลือนราง ตาเริ่มมัวเหมือนตอนที่คลาวน์เป็นไข้นั้นไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
“อะ..อะไรเนี้ย เวียนหัวชะมัด” ยูยะพูด และตอนนั้นเองที่ยูยะล้มลงไป
“โอ้ย...ไม่ไหว..แล้ว...” โคโมะล้มลงไปตามด้วยฮินาตะ ฮิซุยเองก็ดูเหมือนจะช่วยแต่ถูกกักด้วยอะไรบางอย่างจนไม่สามารถจะทำอะไรได้
หลังจากนั้นคลาวน์ก็ล้มลงไปอีกคน สติที่เลือนรางค่อยๆ หมดลงและทุกคนก็สลบไปอย่างเงียบๆ และตอนนั้นเองที่มีคนๆ หนึ่ง ค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มและหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อวพวกทั้งหมดสลบลงไปนอนกับพื้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆๆ”
.
.
“อึก..อือ...”
ฮินาตะที่ได้สติตื่นขึ้นมาอย่างงวนๆ หัว แต่ก็ไม่ได้มากอะไรเหมือนก่อนที่จะล้มลงไป เมื่อเขาทรงตัวได้ก็มองไปรอบๆ ที่นี้คือห้องเรียนที่น่าขนลุก ทั้งห้องเป็นห้องที่ไม่มีกระจกจนมองเห็นด้านนอกที่ฟ้ามืดเพราะเมฆฝนในช่วงมืดในตอนนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขามาในตอนเย็นแท้ๆ แปลว่าเขาคงจะหลับมานานพอสมควรเมื่อมองลงไปด้านล่างก็เห็นเป็นสนามกว้างที่ล้อมด้วยตึกสามตึกทั้งซ้าย ขวา และกลาง
ซึ่งฮินาตะคาดว่าตัวเองน่าจะอยู่ที่ตึกซ้ายของสนามโดยหันหน้าเข้าหาตึกสูงคือตึกขวาและซ้ายมือที่เป็นตึกกลาง เขาอยู่ที่ชั้นบนสุดและที่นี้คือตึกไม้ไม่มีโต๊ะแต่มีเก้าอี้ และตู้ที่ล้มกับกระดานดำอยู่หน้าห้อง กลางห้องวางเปล่าแต่มีฝุ่นอยู่หน่อยๆ แสดงให้เห้นว่าที่นี้เคยมีคนใช้เมื่อไม่นานมานี้
“ฮินาตะ” ฮิซุยเอ่ยขึ้นเมื่อโผล่มาข้างหลัง
“ฮิซุยเหรอ? ทุกคนล่ะ” ฮินาตะถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะฉันถูกวิญญาณหมอกดำเล่นงาน แต่มีใครไม่รู้ช่วยไว้เมื่อกี้เนี้ยสิเพราะฉันสำผัสวิญญาณนายได้ก่อน ก็เลยตามมาน่ะ”
“งั้นหมายความว่า คนร้ายอาจจะรู้ตัวแล้วทำอะไรบางอย่างให้พวกเราสลบก่อนจะแบกพวกเราไปเพื่อให้แยกกันสินะ” ฮินาตะพูดเมื่อเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ปัญหาคือใครเป็นคนช่วยฮิซุยเมื่อกี้ต่างหาก
“ขอบคุณที่ช่วยพวกเราไว้นะ พวกลองของ” เสียงชายคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นจากกลางห้องก่อนจะโผล่ให้เห็นทั้งตัว แต่ที่ตกใจคือไม่ใช่ตนเดียวแต่ถึงสามตน มีผู้ชายหน้าตาหล่อใช้ได้และผมที่ยาวถึงต้นคอ อีกตนเป็นผู้หญิงที่ดูอ่อนแอและเรียบร้อยผมสีน้ำตาลยาวรวบมัดไว้ด้านซ้าย และคนสุดท้ายที่ใส่แว่นหนาเป็นผู้ชาย
“พวกฉันไม่ใช่พวกลองของหรอกนะ พวกนายคือวิญญาณของนักเรียนที่เสียชีวิตที่นี้งั้นเหรอ?”ฮิซุยถาม
“อ่อใช่ นายก็เป็นวิญญาณสินะ” ชายแว่นหนาถามกลับ
“อ่า ฉันคือวิญญาณ และตอนนี้พวกเราจะมาช่วยพวกนาย และจะหยุดคำสาปที่เกิดขึ้นด้วยไงล่ะแล้วพวกนายรู้จักคนชื่อ ริกเตอร์ คลาวน์ มั้ย?”
“คะ..คลาวน์!? นายเป็นเพื่อนกับหมอนั้นเหรอ?” วิญญาณหน้าหล่อถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและในตาที่ดูจะดีใจมากๆ
“อะ..อืม ฉันชื่อ ฮินาตะแล้วนี้ฮิซุย”
“ฉันชื่อ ไอคาว่า หมอนี้ชื่อ อากะ และผู้หญิงคนนี้ชื่อ รินะ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหมอนั้นน่ะ แต่ก็ไม่เคยได้คุยกันเลยน่ะนะ พวกเรารู้สึกว่าหมอนั้นเข้าหายากน่ะ” ไอคาว่าพูด
“ดูพวกนายจะไม่โกรธเลยนะ” ฮิซุยพูด
“พวกเราโกรธหมอนั้นไม่ลงหรอกทุกคนนั้นแหละ” อากะพูดด้วยสีหน้าเสียใจ ฮินาตะและฮิซุยมองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะวิญญาณพวกนี้ไม่แค้นที่คลาวน์รอดคนเดียวเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมล่ะ? พวกนายไม่โกรธคลาวน์เลยจริงๆ เหรอ?” ฮินาตะถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“ไม่โกรธหรอกจ้ะ เพราะพวกเราห็ผิดที่ทำได้แค่หนีอย่างเดียว ไม่คิดจะหาทางด้วยกัน แถมยังปล่อยให้คลาวน์เตือนสติพวกเราและให้เขาไปช่วยยูกิจังคนเดียวอีก”รินะตอบ
“อีกอย่างนะ หลังจากวันที่เกิดเหตุได้สองสามอาทิตย์ หมอนั้นก็มายืนที่หน้าโรงเรียนแล้วก็จะพูดว่า ขอโทษที่รอดมาคนเดียว ขอโทษที่ช่วยใครไม่ได้ ถ้าฉันรู้คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ หมอนั้นคงจะรู้สึกผิดจนช๊อคไปเลยน่ะ ทุกคนที่ตายก็ไม่สามารถไปไหนได้เพราะอะไรบางอย่างได้ยินและเห็นคลาวน์ที่มายืนทุกวันน่ะ” ไอคาว่าพูดต่อ
“ทุกวันเลยเหรอ?” ฮินาตะถาม
“อืม ผ่านไปสองสามเดือนหมอนั้นก็ไม่มาน่ะ อาจจะเพราะเปิดเรียนล่ะมั้ง? เออใช่ๆ ทุกครั้งที่มาจะมีวิญญาณที่ใส่เสื้อฮู้ทเปื้อนเลือดตามมาด้วยทุกครั้งเลย พวกเราเลยเป็นห่วงนิดหน่อย”อากะพูด และฮิซุยก็ตอบแทน
“คงเป็นเคนั้นแหละ มีหมอนั้นคนเดียวเท่านั้น”
“แล้วหลังจากที่คลาวน์หายไปมีอะไรเกิดขึ้นมั้ย?” ฮินาตะถาม
“อ่อ มีเรื่องขึ้นน่ะ ตอนนั้นยูกิจังที่จะมารอคลาวน์ที่อาคารฝั่งหน้าโรงเรียนกลับไม่มาน่ะ จนผ่านมาสองปีก็ยังไม่เจอเลยจ้ะ พวกก็ออกไปไม่ได้ แถมยังมีหมอกสีดำที่เป็นวิญญาณพยายามตามล่าพวกเราอย่างที่เห็นนั้นแหละ” รินะพูดขึ้น
“แล้วพวกนายบอกว่าจะมาหยุดคำสาปสินะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ไอคาว่าถามด้วยสีหน้าไม่ดีนักเพราะอาจจะเกี่ยวกับหมอกดำนี้ก็ได้
ฮินาตะพยักหน้าและเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ทั้งเรื่องการตายของนักเรียนที่โรงเรียนเขา ทั้งเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นมากมาย และวิญญาณของยูกิที่โดนควบคุมโดยวิญญาณหมอกดำที่เข้ามาทำร้ายวิญญาณของพวกเขา เมื่อทั้งสามได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำหน้าตกใจนิดหน่อยก่อนจะทำหน้าครุ้นคิดอย่างนัก
“แล้วพวกนายจะช่วยยังไงเหรอ?”
“พวกเราพอจะรู้ตัวการแล้วน่ะ แต่ก็ยังไม่มั่นใจนักหรอก พวกเราคิดว่าน่าจะเป็นคนที่อุตส่าห์ได้เป็น ผอ. แต่ก็ลาออกเพราะเหตุผมบางอย่างน่ะ แถมยังเป็นพ่อของยูกิอีกนี่สิ” ฮิซุยตอบด้วยสีหน้าเครียด
“งั้นเหรอ อาจารย์โยชิโร่จริงๆ ด้วยสินะที่ทำแบบนั้นน่ะ” ไอคาว่าพูดอีก
“พวกนายก็คิดแบบนั้นเหรอ?” ฮินาตะถาม
“อืม ก็ยูกิจังเคยพูดน่ะ ว่าพ่อของตัวเองเคยพูดถึงวิญญาณอะไรเนี้ยแหละ และเห็นไปว่าไปขอพ่อเรื่องอยากมีเพื่อนเป็นวิญญาณเยอะๆ น่ะสิ”
“หา!? คงไม่ใช่ว่า...” ฮินาตะกับฮิซุยมองหน้ากันด้วยความตกใจและทำให้คิดว่าสิ่งที่ยูกิเคยขอจะเป็นสิ่งที่ให้ผู้เป็นพ่อร่ายคำสาปพวกนี้หรอกนะ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นอาจจะไม่ได้ทำคนเดียวก็ได้ เพราะฮินาตะก็สงสัยว่า เขาจะแบกพวกเรามาด้วยตัวคนเดียวนี้มันจะเกินไปสำหรับชายที่อายุมากแล้วคนนั้นแต่ตอนนี้ควรจะออกตามหาพวกคลาวน์ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง
“พวกนายพอจะรู้มั้ยว่าพวกเพื่อนๆ ฉันและคลาวน์ไปอยู่ที่ไหนน่ะ”
“อ่อ ถ้าคลาวน์พวกเราไม่รู้น่ะ แต่ถ้าผู้หญิงที่ช่วยเราไว้น่ะอยู่ที่ตึกขวาน่ะนะ” ไอคาว่าพูด
“พวกนายนำทางเราไปได้มั้ย?” ฮินาตะถาม
“สำหรับคนที่ช่วยเราไว้ ต้องตอบแทนด้วยสิ” ไอคาว่ายิ้มอย่างจริงใจ ก่อนจะลอยนำไปกับเพื่อนอีกสองคน ฮิซุยเรียกแสงเหมือนหิ่งห้อยออกมารอบตัว ฮินาตะเข้าใจว่า ถ้าเดินไปอาจจะเจอวิญญาณที่กำลังถูกหมอกดำกลืนกิน ฮิซุยเลยเตรียมตัวรอ
และก็เป็นอย่างที่คิดเพราะตั้งแต่ที่ด้านมาถึงสนามในตอนนี้มีวิญญาณมากมายที่กำลังถูกกลืนกินแต่ฮินาตะก็เอาแสงพวกนั้นเข้าไปช่วยไว้ทุกตนที่เจอ จนได้รับคำขอบคุณมากมายมาเต็ม เมื่อเดินลัดสนามมาได้ก็มาถึงตึกที่สร้างด้วยปูน แต่ก็มีกระจกที่แตกและช่องว่างมากมายจนรู้เลยว่าร้างเป็นปีๆ
ฮินาตะเลยหน้าขึ้นไปมองอย่างหวั่นๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปอย่างกล้าๆ เพราะตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางดวงวิญญาณที่มาด้วยกันถึงสี่ดวง ถึงหนึ่งในนั้นจะเป็นฮิซุยก็เถอะ แต่ที่ตัวเขามองเห็นวิญญาณนั้นมันก็เป็นเรื่องแปลก หากแต่เขาอยู่กับฮิซุยมาจนชินเลยพอจะปรับตัวได้ทันกับคนอื่นเขาบ้าง
“น่าจะเป็นชั้นห้าไม่ก็หกนะ แต่ฉันว่าค่อยๆ เดินดีกว่า”ไอคาว่าเตือน
“อ้าวทำไมล่ะ ถ้าไม่งั้นจะเสียเวลาไม่ใช่เหรอ?” ฮิซุยถามกลับ
“จริงๆ ฉันก็อยากจะเจอคลาวน์น่ะนะ แต่เจ้าวิญญาณหมอกดำนั้นอาจจะจ้องทำร้ายพวกเราอีกเนี้ยสิ มันจะมีปัญหาได้น่ะนะ” ไอคาว่าตอบ
“นั้นสินะ ดูจากลักษณะมันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆยังไงเราก็ค่อยๆ หาแล้วกันเนอะ” ฮิซุยพูดออกมาแล้วยืนกอดอกอย่างเสียดายนิดหน่อย
“อือ นั้นสินะไปกันเถอะ”
ทุกคนพยักหน้าแล้วตามฮินาตะไป แต่ตอนนี้วิญญาณของยูกิหายไปไหน แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก พวกอินาตะในตอนนี้ไม่สามารถเดาได้เลย ที่ชั้นหกโคโมะก็กำลังพยายามช่วยวิญญาณอย่างเต็มที่โดยมียูยะคอยดูแลข้างหลังให้อย่างลำบาก เพราะมันไม่ใช่แค่ช่วย แต่มีวิญญาณหมอกดำมากมายเข้าเล่นงานโคโมะจนตอนนี้ร่างกายล้าไปหมดแล้ว...
“....”
ความเงียบมาเยือนภายในกลุ่ม และตอนนั้นเองที่ฮินาตะดันเหยียมเข้ากับเศษแก้วแถวนั้นที่ใกล้แตก แต่เพราะแรงเหยียบเพียงน้อยนิด ก็ทำให้เกิดเสียงก้องไปทั่วชั้นสองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ ทั้งสีคนมองหน้ากันอย่างเหงือตกก่อนวิญญาณหมอกดำจะลอยมาอย่างรวดเร็วเพราะเสียงอย่างที่ไอคาว่าพูด
“ว๊ากกก/กรี๊ดดด!!”
ทั้งหมดร้องออกมาอย่างตกใจก่อนจะออกแรงวิ่งไปที่ทางเดินชั้นเรียนชั้นสามที่มีเศษกระจกมากมายเกลื่อนอยู่เต็ม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะทำให้เกิดเสียงไปมากกว่านี้ เพราะอาจจะทำให้หมอกดำพวกนั้นมากันมากกว่านี้ก็ได้
ทั้งสี่คนจึงเลือกที่จะเข้าไปในห้องที่ยังมีประตูอยู่ครบซึ่งอยู่ริมบรรไดที่พวกเขาขึ้นมาในชั้นสามแล้วปิดประตูลง โดยฮิซุยใช้แสงหิ่งห้อยมากมายมาล็อคที่ประตูไว้ไม่ให้ขยับทั้งประตูหน้าและหลัง ก่อนจะถอนหายใจกับเรื่องเมื่อกี้
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เงียบๆ” ไอคาว่าพูดแล้วก็หายใจเพราะความเหนื่อย
“นึกว่าจะตายอีกรอบแล้วนะเนี้ย” รินะกับอากะพูดพร้อมกัน
“ขอโทษนะ...” ฮินาตะพูด
ถึงพวกเขาจะคิดว่ารอดแล้ว แต่วิญญาณหมอกดำที่ได้ยินเสียงของพวกเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้นเพื่อตามล่าคนที่ทำให้เกิดเสียงและดวงวิญญาณที่หลุดมือไปอยู่ดี ฮิซุยมีสีหน้าที่วิตกกังวลเพราะพลังของเขาก็มีขีดจำกัดความเหนื่อยเหมือนโคโมะเช่นกัน ถึงเขาจะมีพลังเหมือนพวกเชมันแต่ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ตอนนี้ก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ....
หายไปนานมากคับ
ผมเลยมาทยอยลงให้ถึงปัจจุบันมากที่สุด
ถ้ายังไงก็ติดตามกันต่อนะคับ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ