CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี

9.8

เขียนโดย WinnerShadow

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.

  14 chapter
  23 วิจารณ์
  20.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) คำสาปที่ติดตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Chapter 1
Curse of the apparatus.
 
            ยามเช้าของวันที่สดใส ก้อนเมฆปุยขาว พร้อมทั้งท้องฟ้าสีฟ้าที่สวยงาม ชั่งเป็นยามเช้าที่สดใสที่สุดเท่าที่ตื่นมาแล้วพบเจอ หากแต่ชายคนหนึ่งที่เพราะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้มาในยามเช้าก็ทำให้เขาไม่สามารถยิ้มหรือร่าเริงในยามเช้าแบบนี้ได้เลย
 
            ชายสองคนเดินออกมาจากหอพักชายล้วน ซึ่งคนหนึ่งยิ้มและยืดเส้นยืดสายไปมา เพื่อบ่งบอกว่า วันนี้อากาศดีสุดๆ เลือนผมสีทองที่ยาวถึงต้นคอแล้วจอนเล็กน้อยคู่กับเรียวหน้าเขาพอดี ทำให้เขาดูหล่อไม่น้อย แต่ที่สำคัญคือรอยยิ้มที่วิเศษของเขา ที่ถ้าใครมองคงรู้สึกสบายกันไปตามๆ กัน
 
            แต่อีกคนก็หล่อและเท่ไม่แพ้กัน ทั้งผมสีดำขลับยาวถึงต้นคอพอดีเรียวหน้า ดวงตาสีเทา และจอนที่ยาว ชั่งดูเหมาะกับชุดนักเรียนที่ผูกเนคไทก็ไม่ปาน แต่เขาทำหน้าไม่ค่อยสบายใจ และยังทำท่าทางเย็นชากับรอบด้าน ไม่ว่าใครจะเดินสวนพวกเขาสักกี่คน เขาก็ไม่สนใจ แล้วหยิบหูฟังกับเครื่อง MP3 สีขาวออกมาเปิดมันผ่านเครื่องไปสายหูฟัง ก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงเรียน
 
            “ โธ่..ฟังเพลงอีกแล้วเหรอ? ”
 
            ยูยะถามเพื่อนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ บ่งบอกว่าอยากให้เพื่อนของตนหันมาสนใจท้องฟ้าและรอบด้านที่สดใสซะบ้าง
 
            “ ฉันว่าฉันสนใจพวกนี้ดีกว่าไปสนใจคนที่ไม่มีตัวต้นบนสนไฟคันนี้ดีกว่านะ ”
 
            เขามีชื่อว่า ริกเตอร์ คลาวน์ แน่นอนว่าที่เขาพูดแบบนั้นเพราะเขาได้เห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นในรถไฟฟ้าคันนี้ สิ่งที่เขาเห็นนั้น เป็นผู้หญิงผมสั้นนั่งก้มหน้า โดยที่ท้องมีรอยโดนแทงกับเลือดที่ไหลออกมามากมายจนเต็มเบาะข้างคนที่ไม่รู้เรื่องเพราะมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ยูยะเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นสิ่งเหล่านี้จึงยิ้มอย่างเจื่อนๆ อีกครั้ง เพื่อบอกว่าอย่าไปสนใจเลย
 
            “ แหม.. ฉันอุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้นายเคลียดแล้วนะ ”
            “ ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันมันพูดออกมาหน้าตาเฉยน่ะ ”
            “ นายนี่มัน... ”
 
            หลังจากนั้นยูยะก็พูดทุกอย่างที่ดูสร้างสรรค์ และสิ่งสวยงามมากมายอย่างพวกธรรมชาติให้คลาวน์ฟัง เพื่อไม่ให้มานั่งทำหน้าเย็นชาแบบนี้ แต่คลาวน์กับไม่สนใจแล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถไฟ เพราะคลาวน์รู้สึกว่าภายในรถไฟไม่ค่อยมีคนก็จริง แต่กลับรู้สึกว่ามันอึดอัดถึงขนาดขยับคอเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวก แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด จนคลาวน์รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่อีกไม่นาน...
ก็จะเกิดขึ้น....
 
 
ที่โรงเรียนซากุรามะ
 
            คลาวน์และยูยะเดินเข้ามาในห้องและมุ่งตรงไปที่ที่นั่งของตัวเองที่อยู่ริมหน้าต่าง โดยยูยะนั่งหลังและคลาวน์ที่นั่งข้างหน้า คลาวน์เองก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วฟรุคหรือยังไงที่คนบ้ายูยะในสายตาเพื่อนร่วมห้องถึงได้มานั่งข้างหลังคนเย็นชาอย่างคลาวน์ได้ ซึ่งตอนที่จับฉลากเลือกที่นั่งก็ทำให้เพื่อนในห้องตกใจมากถึงขนาดว่าให้จับที่นั่งใหม่เลยทีเดียว
 
            “ ที่ฉันนั่งกับนายเนี้ย คงเป็นพรมลิขิตก็ได้เนอะ ” ยูยะที่วางกระเป๋าและนั่งลงเท้าคางอย่างน่ารักพูดกับคลาวน์ที่ยังยืนเหม่ออยู่
            “ หา? ”
            “ ก็นายทำหน้าประมาณว่า ตอนจับฉลากตอนนั้นมันฟรุครึเปล่าหว่า ที่เพื่อนกันตั้งแต่ปีที่แล้วต้องมานั่งติดกันเนี้ย ”
            “ เฮ้อ...ก็ประมาณนั้นแหละ ”
 
            ยูยะหัวเราะคิคิ ดูเจ้าเล่ห์ก่อนจะโม้เรื่องธรรมชาติต่อจากในรถไฟอีกครั้ง คลาวน์ที่ไม่ได้ฟังเพลงหลังจากลงจากรถไฟก็หันมานั่งฟังอย่างง่ายดายเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่นานนักทั้งสองก็หยุดชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่สันหลังของตนเอง
 
            “ หึหึหึ ขอรวมฟังด้วยคนแล้วกันนะ ” เสียงที่เย็นและเต็มไปด้วยปริศนาพุดขึ้นจากด้านหลังของคลาวน์ ยูยะที่เห็นก่อนจึงยิ้มอย่างยินดีแล้วทำมือประมาณว่าเชิญเลย
            “ นายเองเหรอ? เค ” คลาวน์พูด
            “ อ่า แค่เบื่อที่จะอยู่ที่ห้องพัก เลยไปลาดตะเวนมา ไหนๆ ก็ออกมาแล้วเลยแว่ะมาหาพวกนายไง ” เคที่พูดอยู่นี้ เป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่งที่ไม่สามารถไปเกิดได้เพราะติดใจ คลาวน์ ด้วยความโชคดีที่รอดออกมาได้ ตั้งแต่ที่ได้เจอกันตอนคลาวน์อยู่โรงเรียนเก่าซึ่งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
            “ ถึงว่า ตอนเช้าพวกเราไม่เห็นนายเลย ” ยูยะพูด
            “ อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อจะตาย เลยออกมาก่อนไง หึหึหึ ”
 
            ยูยะกับคลาวน์เย็นวาบอีกครั้งเมื่อเคหัวเราะออกมาอย่างสยดสยอง จนน่ากลัว จึงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพวกเพื่อนๆ ในห้องได้ยินแบบนี้จะวิ่งชนกันในสภาพแบบไหน เคค่อยๆหายไปอย่างช้าๆและทิ้งคำพูดไปก่อนไป
 
            “ ช่วงนี้ขอให้พวกนายระวังด้วยล่ะ เหมือนมันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น... ”
 
            เมื่อสิ้นเสียงของเค ยูยะกับคลาวน์ถึงกับมองหน้ากันด้วยความงงก่อนจะมีคนหน้าหล่อหลานดวงตาโตเหมือนผู้หญิง เลือนผมสีเงินดูเงียบสงบและดูขรึมไปอีกแบบ หากแต่เขาคนนี้เป็นผู้ชายนั้นเอง
 
            “ มากันเร็วจัง ทั้งสองคนน่ะ ” ฮินาตะพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาวางกระเป๋าที่โต๊ะข้างๆ ยูยะพลางหันมายิ้มให้พวกเขา
            “ อ้าว อรุณสวัสดิ์ / อรุณสวัสดิ์ ” ยูยะกับคลาวน์พูดทักทายยามเช้า เมื่อเห็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติเหมือนพวกเขาเดินเข้ามาวางกระเป๋า ก่อนที่เขาจะนั่งลง
            “ อื้ม ”
 
            ฮินาตะเป็นคนที่เป็นมิตรและใจเย็นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องน่าสนุกแค่ไหนหรือเรื่องวุ่นวายแค่ไหนเขาก็ยังใจเย็นอยู่ได้ ขนาดลูกบาสโดนหน้าด้วยฝีมือของยูยะจนเลือดกำเดาไหล ก็ยังใจเย็นได้ ด้วยความใจเย็นนี้จึงได้รับเลือกให้เป็น หัวหน้าห้องที่ใช้หลักและเหตุผลนั้นเอง แต่บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นคน แบบว่า..เงียบมากไป บางครั้งก็ยิ้มอย่างน่ากลัวเหมือนกำลังสนุกกับอะไรสักอย่าง จนทำให้คลาวน์ขนลุกไปบ้าง
 
            “ ฉันรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ ” ฮินาตะพูดขึ้น จนทำให้เพื่อนทั้งสองหันมามอง
            “ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ” ยูยะถาม
            “ เปล่าหรอก แค่คิดว่า ทั้งๆ ที่อากาศสดใสขนาดนี้ แต่กลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกน่ะ มันเลยรู้สึกถึงลางไม่ดีเลย ”
            “ ลางไม่ดีเหรอ...? ” ยูยะทวนคำ
 
            แต่คงเพราะยูยะเป็นคนร่าเริงเกินไปเลยไม่รู้สึกแบบคลาวน์ ที่มีความรู้สึกอึดอัดบนรถไฟฟ้าเหมือนกับฮินาตะ และไม่นานทั้งสามคนก็รู้สึกตรงกัน เมื่อมีเสียงร้องของผู้หญิงจำนวนมาก พร้อมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของคนจำนวนหนึ่ง
 
            พวกเขาทั้งสามลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งไปดูตามเสียงซึ่งมีคนยืนมองและชะโงกลงไปตรงราวบรรได จนอดสงสัยไม่ได้จึงวิ่งลงไปดู เพียงแค่ชั้นเดียวก็ถึงชั้นที่เกิดเหตุเพราะชั้นเรียนของพวกคลาวน์อยู่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร และสิ่งที่เห็นนั้น ทำให้พวกเขาสังสัยเมื่อเห็นว่า หน้าห้องเรียนมีนักเรียนหญิงรุ่นน้อง ม.ต้น สามคนนั่งกอดกันร้องไห้ที่เสื้อเปื้อนเลือดเป็นจุดๆ และเลือดที่นองออกมานอกห้องเรียนวิทยาศาตร์
 
            นักเรียนจำนวนไปน้อยมุงกันด้วยสีหน้าตกใจ บางคนก็ร้องไห้ และมันก็ทำให้ พวกคลาวน์ต้องอยากรู้ขึ้น จึงพยายามแหวกทางไปเพื่อดู และเมื่อพวกเขาได้เห้นก็ตกใจขึ้นมา เพราะภาพตรงหน้า เป็นนักเรียนหญิงรุ่นน้องที่โดนตู้วิทยาศาตร์ที่มีบานเป็นกระจกล้มมาทับโดยมีเศษกระจกปักลงตามตัว และมือที่โผล่ออกมาให้เห็นรอยทับ
 
            แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เศษกระจกส่วนหนึ่งที่แทงเข้าดวงตาของสาวน้อย และเศษที่ใหญ่แทงเข้าที่แก้มด้านขวาทะลุไปถึงแก้มด้านซ้าย เลือดกระจัดกระจายเต็มหน้าประตูที่เป็นบริเวณที่ตู้ล้นทับ
 
            “ เมกุมิจัง... ” ฮินาตะพึมพำขึ้นมา
            “ นายรู้จักเหรอ ฮินาตะ ” คลาวน์ถามเพื่อนที่ยืนนิ่งไป
 
            ถึงจะเป็นเหตุการณ์ที่วุ่นวายขนาดไหน ฮินาตะก็ยังใจเย็นได้ก็จริง แต่เหตุการณ์นี้คงไม่ เพราะมันเป็นสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและดูเหมือนว่า นักเรียนหญิงคนนี้ยังเป็นคนรู้จักของฮินาตะอีกด้วย
 
            “ เธอเป็นรุ่นน้องในชมรมฉัน ” ฮินาตะพูด และมันก็ทำให้คลาวน์และยูยะทำสีน่าดูไม่ดีขึ้นมา
            “ เอ้า! เกิดอะไรขึ้น! ถอยสิ! ฮะ..เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นเนี้ย!!! ”
 
            เสียงของอาจารย์ที่เดินแทรกเข้ามาถึงกับผวาเมื่อเห็นนักเรียนหญิงกลายเป็นศพซึ่งดูสยดสยองในการเสียชีวิตครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ฮินาตะรู้สึกไม่ดี คลาวน์กับยูยะจึงพาเขาออกมาจากกลุ่มคนแล้วเดินขึ้นไปชั้นห้าซึ่งเป็นดาดฟ้าและปล่อยให้ฮินาตะสงบใจสักพัก ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นโดยยูยะ
 
            “ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย ดันเกิดช่วงที่พวกนายมีลางสังหรณ์อีก ”
            “ ฉันก็ไม่รู้ แต่นี่มันมีกลิ่นปริศนาลอยมาเลย ” คลาวน์ว่า
            “ ก็เพราะมันเริ่มแล้วไงล่ะ หึหึหึ ”
 
            เสียงพูดอันเย็นยะเยือกดังขึ้นเหนือหัว ซึ่งเป็นเคที่หัวเราะที่มุมปากอย่างสนุกสนาน และกำลังลอยอยู่เหนือหัว
 
            “ หมายความว่าไง? ” คลาวน์ถามออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้นี่ทำให้เขาตกใจไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะภาพซ้อนก็เป็นได้
            “ หึหึ ก็เพราะคำสาปไงล่ะ คลาวน์... ”
 
            คำพูดของเคทำให้คลาวน์และยูยะชะงักไปเพราะได้ยินคำว่า คำสาป และมันก็ทำให้พวกเขาทั้งสองมีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นพวกไม่มีสัมผัสคงหัวเราะหน้าระรื่นแล้วบอกว่าเรื่องแบบนี้จะมีจริงไปได้ยังไงแล้วล่ะ แต่เพราะพวกเขามีสัมผัสจึงมีสีหน้ากังวลแบบนี้
 
            “ คำสาปงั้นเหรอ? หึ ไม่เลวนี่... ” เสียงที่ดูตื่นเต้นดังขึ้นจากคนที่เงียบไปตั้งแต่ที่พาขึ้นมาบนดาดฟ้าพร้อมกับประโยคที่ดูสนุกนั้น ทำให้คลาวน์คิดว่า อีกแล้วเหรอ? ฮินาตะที่เราไม่รู้จัก
            “ ปะ..เป็นอะไรน่ะ ฮินาตะ ” ยูยะถามออกไป
            “ หึ แค่คิดว่า เวลามันมาถึงแล้วสินะน่ะ ไม่มีอะไรหรอก คิคิคิ ” ฮินาตะหัวเราะออกมาอย่างเห็นได้ชัดและมันดูจะทำให้เคยิ้มออกมา
            “ ที่พวกนายยิ้มกันมันหมายความว่าไง ”
            “ ยังไม่รู้อีกเหรอคลาวน์ ว่าตอนนี้พวกนายกำลังเจอพายุลูกใหญ่ที่เรียกว่าคำสาปเข้าให้แล้วไงล่ะ ” เคพูดโดยที่มีฮู้ดปกปิดใบหน้าอย่างปริศนา ภายใต้เสียงที่เย็นยะเยือกเหมือนกำลังแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ คลาวน์กับยูยะมองหน้ากัน
            “ หมายความว่า คำสาปโรงเรียนที่นายเคยเจอ... ”
            “ กำลังจะเกิดขึ้น..สินะ...หึหึ ”
 
            ฮินาตะตบท้ายด้วยคำพูดที่ดูข่าขนลุกจนทำให้คลาวน์ก้มหน้าไปเลยทีเดียว ยูยะที่พอจะรู้เรื่องเดินเข้าตบไหล่เพื่อนแล้วทำหน้าจริงจัง แต่ก็ต้องทำหน้ากังวลอีกครั้งเมื่อเจอประโยคของเคที่พูดออกมาพร้อมกับร่างที่กำลังเลือนหาย
 
            “ เฮ้อ...หนีไม่พ้นคำสาปจริง..จริง... ”
 
 
.................................................................
 
 
จบตอนแรกกันไปแล้ว รออ่านตอนสองได้เลยคับ ^^
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา