CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) คำสาปที่ติดตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Chapter 1
Curse of the apparatus.
ยามเช้าของวันที่สดใส ก้อนเมฆปุยขาว พร้อมทั้งท้องฟ้าสีฟ้าที่สวยงาม ชั่งเป็นยามเช้าที่สดใสที่สุดเท่าที่ตื่นมาแล้วพบเจอ หากแต่ชายคนหนึ่งที่เพราะฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้มาในยามเช้าก็ทำให้เขาไม่สามารถยิ้มหรือร่าเริงในยามเช้าแบบนี้ได้เลย
ชายสองคนเดินออกมาจากหอพักชายล้วน ซึ่งคนหนึ่งยิ้มและยืดเส้นยืดสายไปมา เพื่อบ่งบอกว่า วันนี้อากาศดีสุดๆ เลือนผมสีทองที่ยาวถึงต้นคอแล้วจอนเล็กน้อยคู่กับเรียวหน้าเขาพอดี ทำให้เขาดูหล่อไม่น้อย แต่ที่สำคัญคือรอยยิ้มที่วิเศษของเขา ที่ถ้าใครมองคงรู้สึกสบายกันไปตามๆ กัน
แต่อีกคนก็หล่อและเท่ไม่แพ้กัน ทั้งผมสีดำขลับยาวถึงต้นคอพอดีเรียวหน้า ดวงตาสีเทา และจอนที่ยาว ชั่งดูเหมาะกับชุดนักเรียนที่ผูกเนคไทก็ไม่ปาน แต่เขาทำหน้าไม่ค่อยสบายใจ และยังทำท่าทางเย็นชากับรอบด้าน ไม่ว่าใครจะเดินสวนพวกเขาสักกี่คน เขาก็ไม่สนใจ แล้วหยิบหูฟังกับเครื่อง MP3 สีขาวออกมาเปิดมันผ่านเครื่องไปสายหูฟัง ก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงเรียน
“ โธ่..ฟังเพลงอีกแล้วเหรอ? ”
ยูยะถามเพื่อนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ บ่งบอกว่าอยากให้เพื่อนของตนหันมาสนใจท้องฟ้าและรอบด้านที่สดใสซะบ้าง
“ ฉันว่าฉันสนใจพวกนี้ดีกว่าไปสนใจคนที่ไม่มีตัวต้นบนสนไฟคันนี้ดีกว่านะ ”
เขามีชื่อว่า ริกเตอร์ คลาวน์ แน่นอนว่าที่เขาพูดแบบนั้นเพราะเขาได้เห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นในรถไฟฟ้าคันนี้ สิ่งที่เขาเห็นนั้น เป็นผู้หญิงผมสั้นนั่งก้มหน้า โดยที่ท้องมีรอยโดนแทงกับเลือดที่ไหลออกมามากมายจนเต็มเบาะข้างคนที่ไม่รู้เรื่องเพราะมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ยูยะเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นสิ่งเหล่านี้จึงยิ้มอย่างเจื่อนๆ อีกครั้ง เพื่อบอกว่าอย่าไปสนใจเลย
“ แหม.. ฉันอุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้นายเคลียดแล้วนะ ”
“ ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันมันพูดออกมาหน้าตาเฉยน่ะ ”
“ นายนี่มัน... ”
หลังจากนั้นยูยะก็พูดทุกอย่างที่ดูสร้างสรรค์ และสิ่งสวยงามมากมายอย่างพวกธรรมชาติให้คลาวน์ฟัง เพื่อไม่ให้มานั่งทำหน้าเย็นชาแบบนี้ แต่คลาวน์กับไม่สนใจแล้วหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างรถไฟ เพราะคลาวน์รู้สึกว่าภายในรถไฟไม่ค่อยมีคนก็จริง แต่กลับรู้สึกว่ามันอึดอัดถึงขนาดขยับคอเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวก แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด จนคลาวน์รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่อีกไม่นาน...
ก็จะเกิดขึ้น....
ที่โรงเรียนซากุรามะ
คลาวน์และยูยะเดินเข้ามาในห้องและมุ่งตรงไปที่ที่นั่งของตัวเองที่อยู่ริมหน้าต่าง โดยยูยะนั่งหลังและคลาวน์ที่นั่งข้างหน้า คลาวน์เองก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วฟรุคหรือยังไงที่คนบ้ายูยะในสายตาเพื่อนร่วมห้องถึงได้มานั่งข้างหลังคนเย็นชาอย่างคลาวน์ได้ ซึ่งตอนที่จับฉลากเลือกที่นั่งก็ทำให้เพื่อนในห้องตกใจมากถึงขนาดว่าให้จับที่นั่งใหม่เลยทีเดียว
“ ที่ฉันนั่งกับนายเนี้ย คงเป็นพรมลิขิตก็ได้เนอะ ” ยูยะที่วางกระเป๋าและนั่งลงเท้าคางอย่างน่ารักพูดกับคลาวน์ที่ยังยืนเหม่ออยู่
“ หา? ”
“ ก็นายทำหน้าประมาณว่า ตอนจับฉลากตอนนั้นมันฟรุครึเปล่าหว่า ที่เพื่อนกันตั้งแต่ปีที่แล้วต้องมานั่งติดกันเนี้ย ”
“ เฮ้อ...ก็ประมาณนั้นแหละ ”
ยูยะหัวเราะคิคิ ดูเจ้าเล่ห์ก่อนจะโม้เรื่องธรรมชาติต่อจากในรถไฟอีกครั้ง คลาวน์ที่ไม่ได้ฟังเพลงหลังจากลงจากรถไฟก็หันมานั่งฟังอย่างง่ายดายเพราะไม่มีอะไรทำ ไม่นานนักทั้งสองก็หยุดชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่สันหลังของตนเอง
“ หึหึหึ ขอรวมฟังด้วยคนแล้วกันนะ ” เสียงที่เย็นและเต็มไปด้วยปริศนาพุดขึ้นจากด้านหลังของคลาวน์ ยูยะที่เห็นก่อนจึงยิ้มอย่างยินดีแล้วทำมือประมาณว่าเชิญเลย
“ นายเองเหรอ? เค ” คลาวน์พูด
“ อ่า แค่เบื่อที่จะอยู่ที่ห้องพัก เลยไปลาดตะเวนมา ไหนๆ ก็ออกมาแล้วเลยแว่ะมาหาพวกนายไง ” เคที่พูดอยู่นี้ เป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่งที่ไม่สามารถไปเกิดได้เพราะติดใจ คลาวน์ ด้วยความโชคดีที่รอดออกมาได้ ตั้งแต่ที่ได้เจอกันตอนคลาวน์อยู่โรงเรียนเก่าซึ่งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
“ ถึงว่า ตอนเช้าพวกเราไม่เห็นนายเลย ” ยูยะพูด
“ อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อจะตาย เลยออกมาก่อนไง หึหึหึ ”
ยูยะกับคลาวน์เย็นวาบอีกครั้งเมื่อเคหัวเราะออกมาอย่างสยดสยอง จนน่ากลัว จึงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพวกเพื่อนๆ ในห้องได้ยินแบบนี้จะวิ่งชนกันในสภาพแบบไหน เคค่อยๆหายไปอย่างช้าๆและทิ้งคำพูดไปก่อนไป
“ ช่วงนี้ขอให้พวกนายระวังด้วยล่ะ เหมือนมันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น... ”
เมื่อสิ้นเสียงของเค ยูยะกับคลาวน์ถึงกับมองหน้ากันด้วยความงงก่อนจะมีคนหน้าหล่อหลานดวงตาโตเหมือนผู้หญิง เลือนผมสีเงินดูเงียบสงบและดูขรึมไปอีกแบบ หากแต่เขาคนนี้เป็นผู้ชายนั้นเอง
“ มากันเร็วจัง ทั้งสองคนน่ะ ” ฮินาตะพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาวางกระเป๋าที่โต๊ะข้างๆ ยูยะพลางหันมายิ้มให้พวกเขา
“ อ้าว อรุณสวัสดิ์ / อรุณสวัสดิ์ ” ยูยะกับคลาวน์พูดทักทายยามเช้า เมื่อเห็นเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติเหมือนพวกเขาเดินเข้ามาวางกระเป๋า ก่อนที่เขาจะนั่งลง
“ อื้ม ”
ฮินาตะเป็นคนที่เป็นมิตรและใจเย็นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องน่าสนุกแค่ไหนหรือเรื่องวุ่นวายแค่ไหนเขาก็ยังใจเย็นอยู่ได้ ขนาดลูกบาสโดนหน้าด้วยฝีมือของยูยะจนเลือดกำเดาไหล ก็ยังใจเย็นได้ ด้วยความใจเย็นนี้จึงได้รับเลือกให้เป็น หัวหน้าห้องที่ใช้หลักและเหตุผลนั้นเอง แต่บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นคน แบบว่า..เงียบมากไป บางครั้งก็ยิ้มอย่างน่ากลัวเหมือนกำลังสนุกกับอะไรสักอย่าง จนทำให้คลาวน์ขนลุกไปบ้าง
“ ฉันรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ ” ฮินาตะพูดขึ้น จนทำให้เพื่อนทั้งสองหันมามอง
“ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ” ยูยะถาม
“ เปล่าหรอก แค่คิดว่า ทั้งๆ ที่อากาศสดใสขนาดนี้ แต่กลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกน่ะ มันเลยรู้สึกถึงลางไม่ดีเลย ”
“ ลางไม่ดีเหรอ...? ” ยูยะทวนคำ
แต่คงเพราะยูยะเป็นคนร่าเริงเกินไปเลยไม่รู้สึกแบบคลาวน์ ที่มีความรู้สึกอึดอัดบนรถไฟฟ้าเหมือนกับฮินาตะ และไม่นานทั้งสามคนก็รู้สึกตรงกัน เมื่อมีเสียงร้องของผู้หญิงจำนวนมาก พร้อมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของคนจำนวนหนึ่ง
พวกเขาทั้งสามลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งไปดูตามเสียงซึ่งมีคนยืนมองและชะโงกลงไปตรงราวบรรได จนอดสงสัยไม่ได้จึงวิ่งลงไปดู เพียงแค่ชั้นเดียวก็ถึงชั้นที่เกิดเหตุเพราะชั้นเรียนของพวกคลาวน์อยู่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร และสิ่งที่เห็นนั้น ทำให้พวกเขาสังสัยเมื่อเห็นว่า หน้าห้องเรียนมีนักเรียนหญิงรุ่นน้อง ม.ต้น สามคนนั่งกอดกันร้องไห้ที่เสื้อเปื้อนเลือดเป็นจุดๆ และเลือดที่นองออกมานอกห้องเรียนวิทยาศาตร์
นักเรียนจำนวนไปน้อยมุงกันด้วยสีหน้าตกใจ บางคนก็ร้องไห้ และมันก็ทำให้ พวกคลาวน์ต้องอยากรู้ขึ้น จึงพยายามแหวกทางไปเพื่อดู และเมื่อพวกเขาได้เห้นก็ตกใจขึ้นมา เพราะภาพตรงหน้า เป็นนักเรียนหญิงรุ่นน้องที่โดนตู้วิทยาศาตร์ที่มีบานเป็นกระจกล้มมาทับโดยมีเศษกระจกปักลงตามตัว และมือที่โผล่ออกมาให้เห็นรอยทับ
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เศษกระจกส่วนหนึ่งที่แทงเข้าดวงตาของสาวน้อย และเศษที่ใหญ่แทงเข้าที่แก้มด้านขวาทะลุไปถึงแก้มด้านซ้าย เลือดกระจัดกระจายเต็มหน้าประตูที่เป็นบริเวณที่ตู้ล้นทับ
“ เมกุมิจัง... ” ฮินาตะพึมพำขึ้นมา
“ นายรู้จักเหรอ ฮินาตะ ” คลาวน์ถามเพื่อนที่ยืนนิ่งไป
ถึงจะเป็นเหตุการณ์ที่วุ่นวายขนาดไหน ฮินาตะก็ยังใจเย็นได้ก็จริง แต่เหตุการณ์นี้คงไม่ เพราะมันเป็นสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและดูเหมือนว่า นักเรียนหญิงคนนี้ยังเป็นคนรู้จักของฮินาตะอีกด้วย
“ เธอเป็นรุ่นน้องในชมรมฉัน ” ฮินาตะพูด และมันก็ทำให้คลาวน์และยูยะทำสีน่าดูไม่ดีขึ้นมา
“ เอ้า! เกิดอะไรขึ้น! ถอยสิ! ฮะ..เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นเนี้ย!!! ”
เสียงของอาจารย์ที่เดินแทรกเข้ามาถึงกับผวาเมื่อเห็นนักเรียนหญิงกลายเป็นศพซึ่งดูสยดสยองในการเสียชีวิตครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ฮินาตะรู้สึกไม่ดี คลาวน์กับยูยะจึงพาเขาออกมาจากกลุ่มคนแล้วเดินขึ้นไปชั้นห้าซึ่งเป็นดาดฟ้าและปล่อยให้ฮินาตะสงบใจสักพัก ก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นโดยยูยะ
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย ดันเกิดช่วงที่พวกนายมีลางสังหรณ์อีก ”
“ ฉันก็ไม่รู้ แต่นี่มันมีกลิ่นปริศนาลอยมาเลย ” คลาวน์ว่า
“ ก็เพราะมันเริ่มแล้วไงล่ะ หึหึหึ ”
เสียงพูดอันเย็นยะเยือกดังขึ้นเหนือหัว ซึ่งเป็นเคที่หัวเราะที่มุมปากอย่างสนุกสนาน และกำลังลอยอยู่เหนือหัว
“ หมายความว่าไง? ” คลาวน์ถามออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้นี่ทำให้เขาตกใจไม่น้อย อาจจะเป็นเพราะภาพซ้อนก็เป็นได้
“ หึหึ ก็เพราะคำสาปไงล่ะ คลาวน์... ”
คำพูดของเคทำให้คลาวน์และยูยะชะงักไปเพราะได้ยินคำว่า คำสาป และมันก็ทำให้พวกเขาทั้งสองมีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นพวกไม่มีสัมผัสคงหัวเราะหน้าระรื่นแล้วบอกว่าเรื่องแบบนี้จะมีจริงไปได้ยังไงแล้วล่ะ แต่เพราะพวกเขามีสัมผัสจึงมีสีหน้ากังวลแบบนี้
“ คำสาปงั้นเหรอ? หึ ไม่เลวนี่... ” เสียงที่ดูตื่นเต้นดังขึ้นจากคนที่เงียบไปตั้งแต่ที่พาขึ้นมาบนดาดฟ้าพร้อมกับประโยคที่ดูสนุกนั้น ทำให้คลาวน์คิดว่า อีกแล้วเหรอ? ฮินาตะที่เราไม่รู้จัก
“ ปะ..เป็นอะไรน่ะ ฮินาตะ ” ยูยะถามออกไป
“ หึ แค่คิดว่า เวลามันมาถึงแล้วสินะน่ะ ไม่มีอะไรหรอก คิคิคิ ” ฮินาตะหัวเราะออกมาอย่างเห็นได้ชัดและมันดูจะทำให้เคยิ้มออกมา
“ ที่พวกนายยิ้มกันมันหมายความว่าไง ”
“ ยังไม่รู้อีกเหรอคลาวน์ ว่าตอนนี้พวกนายกำลังเจอพายุลูกใหญ่ที่เรียกว่าคำสาปเข้าให้แล้วไงล่ะ ” เคพูดโดยที่มีฮู้ดปกปิดใบหน้าอย่างปริศนา ภายใต้เสียงที่เย็นยะเยือกเหมือนกำลังแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้ คลาวน์กับยูยะมองหน้ากัน
“ หมายความว่า คำสาปโรงเรียนที่นายเคยเจอ... ”
“ กำลังจะเกิดขึ้น..สินะ...หึหึ ”
ฮินาตะตบท้ายด้วยคำพูดที่ดูข่าขนลุกจนทำให้คลาวน์ก้มหน้าไปเลยทีเดียว ยูยะที่พอจะรู้เรื่องเดินเข้าตบไหล่เพื่อนแล้วทำหน้าจริงจัง แต่ก็ต้องทำหน้ากังวลอีกครั้งเมื่อเจอประโยคของเคที่พูดออกมาพร้อมกับร่างที่กำลังเลือนหาย
“ เฮ้อ...หนีไม่พ้นคำสาปจริง..จริง... ”
.................................................................
จบตอนแรกกันไปแล้ว รออ่านตอนสองได้เลยคับ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ