ดุจรักดั่งฝัน

8.8

วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.30 น.

  3 ตอน
  14 วิจารณ์
  16.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) +++ แรกพบ 2 +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“พี่หญิง! ไปไหนคะรอสาด้วย!” รสิการีบวิ่งตามพี่สาวของเธอที่จู่ๆก็เดินดุ่มๆไปทางหน้าบ้านโดยไม่พูดไม่จาสักคำ และตอนนี้สีหน้าของผู้เป็นพี่ก็ดูจะหงุดหงิดเป็นอย่างมากเสียด้วย

 

“พี่หญิงเดี๋ยวค่ะ! พี่หญิงจะไปไหนคะ” ผู้เป็นน้องรีบคว้าแขนเรียวเอาไว้เมื่อร่างเล็กวิ่งตามทันเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้าน

 

“พี่จะไปฟ้องคุณย่า! พี่จะบอกคุณย่าว่าคุณพ่อกับคุณแม่จับพี่คลุมถุงชน” วริศราหันไปบอกน้องสาวแสนรัก ก่อนจะหันไปพูดกับคนรับใช้หนุ่มที่เดินผ่านมาพอดี “เชิด! ไปบอกแดงให้เอารถออกเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปหาคุณย่า”

 

“เอ่อ….ขออภัยขอรับคุณหญิง ตอนนี้แดงกำลังล้างรถอยู่ขอรับ” นายเชิดก้มหน้าตอบก่อนจะเหลือบมองนายสาวอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“โอ๊ย! มาล้างอะไรตอนนี้นะนายแดง”

 

                วริศราบ่นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับตีหน้ายุ่งจนคนรับใช้ที่อยู่บริเวณนั้นได้แต่ทำหน้าเจื่อนไปตามๆกัน เพราะนานทีปีหนจะเห็นคุณหนูคนโตของบ้านโมโหโทโสได้ถึงขนาดนี้ ปกติแล้วนายสาวผู้นี้ออกจะอารมณ์ดี ยิ้มง่าย แถมยังใจดีเป็นที่หนึ่งอีกด้วย แต่ถ้าหากเธอโกรธขึ้นมาแล้วเมื่อไหร่ล่ะก็ อย่าได้เอาเรือไปขวางทางน้ำเชี่ยวเชียว มิเช่นนั้นอาจจะถูกไล่ออกโดยไม่รู้ตัว!

 

“อ้าว! พี่หญิงจะไปไหนอีกคะ” ผู้เป็นน้องเอ่ยขึ้นพลางเดินตามผู้เป็นพี่ไปติดๆ

 

“รถไม่อยู่งั้นก็ขี่จักรยานไปก็ได้” เสียงหวานตอบพลางเดินดุ่มๆไปหาจักรยานที่จอดไว้อยู่ข้างๆทางขึ้นบ้าน

 

“แต่มันไกลนะคะพี่หญิง” รสิกากล่าวพลางทำหน้าดั่งคนจะร้องไห้ “สาว่าพี่หญิงใจเย็นๆก่อนเถอะนะคะ เราเข้าไปคุยกับคุณพ่อและคุณแม่ให้รู้เรื่องก่อน อย่าพึ่งไปฟ้องคุณย่าเลยนะคะ”

 

“คุยไปก็เท่านั้นแหละ เราก็รู้หนิว่าคุณพ่อมีนิสัยเป็นยังไงยัยสา คุณพ่อเป็นคนพูดแล้วไม่คืนคำ มีหรือที่คุณพ่อจะผิดคำพูดหรือผิดสัญญากับเพื่อนของท่าน….แล้วมีหรือพี่จะผิดคำสั่งของคุณพ่อได้ เพราะฉะนั้นทางที่พี่จะไม่ถูกคุณพ่อและคุณแม่จับแต่งงานก็คือการไปฟ้องคุณย่าเพียงเท่านั้นแหละ” กล่าวเสร็จร่างเพรียวก็ขึ้นค่อมจักรยานทันที ก่อนจะหันไปมองน้องสาวแสนดีที่ยืนทำตัวเงอะๆงะๆอยู่ด้านหลัง “เอ้า! จะไปกับพี่ไหมยัยสา ถ้าไปก็รีบขึ้นมาสิ”

 

                ด้วยความไม่อยากให้พี่สาวต้องขี่จักรยานไปคนเดียวผู้เป็นน้องจึงรีบกระโดดซ้อนท้ายทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก่อนที่เท้าเรียวจะออกแรงปั่นจักรยานออกไปจากบ้านเตชทัศน์อย่างเร็วรี่ จนคนซ้อนท้ายต้องรีบกอดเอวคอดของคนปั่นไว้มั่น

 

“ปั่นช้าๆหน่อยสิคะพี่หญิง สากลัวตกค่ะ” รสิกากล่าวขึ้นเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อพวกเธอปั่นจักรยานมาถึงถนนใหญ่แล้ว

 

“ไม่รีบเดี๋ยวจะไม่ทันการเอาน่ะสิ ถ้ากลัวก็กอดเอวพี่ไว้แน่นๆจะได้ไม่ตก”

 

                ผู้เป็นพี่บอกพร้อมกับปั่นจักรยานด้วยความเร็วต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย จนผู้เป็นน้องได้แต่กอดเอวคอดของพี่สาวไว้แน่นและพิงศีรษะแนบแผ่นหลังนุ่มไว้เพราะกลัวตก ระยะทางจากบ้านเตชทัศน์ไปยังบ้านอีกหลังที่ผู้เป็นย่าอันแสนรักพักอาศัยอยู่ไกลกันพอสมควร จนคนปั่นเริ่มจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะความเหนื่อยเมื่อปั่นจักรยานมาได้เสียครึ่งทางแล้ว อากาศในยามบ่ายนี้ค่อนข้างที่จะมีแดดแรงเพราะฤดูหนาวพึ่งจะผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน โชคยังดีที่ข้างทางมีคูน้ำและต้นไม้ที่สูงใหญ่พอที่จะบังเป็นร่มเงาได้บ้าง หากแต่คนปั่นกลับปั่นจักรยานเสียกลางเลนถนนด้านหนึ่งอย่างไม่กลัวว่าจะมีรถมาเฉี่ยวชนเลยสักนิด

 

‘ปรี้น! ปรี้น!!!!’

 

                เสียงบีบแตรดังขึ้นทำเอาสองพี่น้องสะดุ้งโหยงในทันใดแต่ดีที่ผู้เป็นพี่ยังคงครองสติไว้ได้จึงทำให้ไม่เสียหลักล้มร่วงไปข้างทาง และด้วยความเร็วของการปั่นทำให้หญิงสาวไม่สามารถหลบเลี่ยงรถคันหลังได้เธอจึงปั่นเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงทางแยกเข้าซอยให้เร็วที่สุด จนคนนั่งซ้อนท้ายต้องเกร็งตัวแข็งเพราะกลัวตกเลยทีเดียว

 

‘ปรี้น!!!!’

 

                รถยนต์ด้านหลังบีบแตรไล่พวกเธออีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น ทำเอาวริศราต้องตีหน้ายุ่งด้วยความหงุดหงิด พลางคิดอยู่ในใจว่าพวกเขาจะรีบไปไหนกันไม่เห็นใจคนปั่นจักรยานบ้างเลยหรือไร ถนนหนทางก็ออกจะโล่งโจ้งแล้วทำไมถึงไม่ขับแซงพวกเธอไปล่ะ คิดแล้วมันก็น่าหันไปว่ากล่าวจริงเชียว!

 

‘ปรี้นๆๆ ปรี้น!!!!’

 

คราวนี้เสียงบีบแตรดังรัวและลากยาวด้วยความดังลั่นจนคนที่เป็นคนปั่นจักรยานอดรนทนไม่ไหวต้องหันขวับไปมองรถยนต์คันนั้นด้วยความโมโห หากแต่นั่นกลับทำให้รถจักรยานเสียการทรงตัวในทันใด ทำให้มันไถลไปข้างทางในทันที!

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!”

 

                สองสาวแห่งตระกูลเตชทัศน์กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงพร้อมกับรถจักรยานที่พุ่งชนต้นไม้ใหญ่ ดีที่มีต้นไม้มาขวางกั้นไว้มิเช่นนั้นพวกเธอคงได้ตกคูน้ำไปแน่ๆ ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุก็รีบจอดรถตามคำสั่งของผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนที่ร่างสูงสง่าจะเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย หากแต่ร่างสูงโปร่งอีกร่างหนึ่งกลับรีบถลาไปช่วยคนเจ็บในทันใด ก่อนจะช่วยพยุงกายสาวให้ลุกขึ้นและขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความเป็นห่วงคนแปลกหน้าอย่างท่วมท้น

 

“เป็นไรหรือเปล่าครับคุณ….”

 

                ชายหนุ่มหยุดนิ่งอย่างฉับพลันเมื่อดวงหน้าหวานใสเงยหน้ามาสบตากับใบหน้าคมเข้มโดยบังเอิญ ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของกันและกัน ดวงตาหวานจ้องสบกับดวงตาเรียวยาวดั่งกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างต่อกันและกัน แก้มสีชมพูระเรื่อที่เข้มขึ้นเพราะความชิดใกล้ทำให้คนเห็นถึงกับรู้สึกตัวร้อนผ่าวขึ้นมาในทันใด ปากอุ่นหยักและปากอิ่มสวยที่อยู่ห่างกันไปไม่เท่าไหร่ทำเอาทั้งสองต้องผละออกจากกันในทันที

 

เพราะขืนให้อยู่ใกล้กันนานไปกว่านี้คงได้มีเหตุการณ์หวานๆเกิดขึ้นเป็นแน่!

 

“เอ่อ….ขอโทษนะครับ/ขอบคุณนะคะ” ทั้งสองพูดพร้อมกันด้วยความบังเอิญ ทำเอาใบหน้าคมต้องระบายยิ้มออกมาส่วนดวงหน้าหวานใสก็ได้แต่ก้มหน้างุดและอมยิ้มด้วยความเขินอาย

 

“ไม่เป็นไรครับ/ไม่เป็นไรค่ะ” ทั้งคู่พูดพร้อมกันอีกครั้งทำให้ต่างต้องขวยเขินกันไปใหญ่

 

“คือ….ผมผิดเองครับ” คราวนี้ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นมาก่อนทำให้หญิงสาวได้แต่ยิ้มเก้อเขินให้กับเขา

 

                ส่วนอีกด้านร่างสูงสง่าของคนต้นเหตุก็เดินเอื่อยไปหาร่างเพรียวบางที่ยังนั่งทำหน้ามุ่ยตรวจดูตัวเองว่ามีแผลตรงไหนบ้าง มือแกร่งยื่นไปดั่งเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่ช่วยพยุงตัวเธอขึ้นมาหากแต่เมื่อดวงตากลมหันไปเห็นมือนั้นเธอก็สะบัดหน้าใส่ทันที แถมยังลุกขึ้นด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องง้อให้เขาช่วยเลยสักนิด มือเรียวปัดเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัวก่อนที่เธอจะเงยหน้าหันมามองชายหนุ่มพร้อมกับตั้งต้นเปิดปากว่าทันที

 

“นี่คุณ/นี่เธอ….”

 

                เสียงหวานและเสียงทุ้มประสานเสียงกันก่อนจะขาดหายไปเมื่อใบหน้าสวยหันมาหาใบหน้าหล่อเหลาที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเหมือนกับหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วครู่เมื่อตาสองตาจ้องสบกันอย่างตกอยู่ในภวังค์ ดวงหน้าอันหล่อคมช่างสะดุดตาในความคิดของหญิงสาวจนเธอไม่อาจจะละสายตาไปจากเขาได้ คิ้วหนาดำที่ได้รูปดูรับกับใบหน้าและทำให้เขาดูมีอำนาจน่าเกรงขามขึ้นมาเสียดื้อๆ ดวงตาเรียวคมที่เขาใช้มองมามันช่างทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวและเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

 

ดั่งเหมือนกับคนที่กำลังตกหลุมรักใครอีกคนตั้งแต่แรกเห็นไม่มีผิด!   

 

                ส่วนชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งก็ได้แต่กระตุกยิ้มน้อยๆอย่างลืมตัว ใจก็คอยแต่ชื่นชมในความงามของคนตรงหน้า เธอช่างสวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน ใบหน้ารูปไข่ช่างหวานจับใจเขาเสียจริง ดวงตากลมโตที่เธอใช้มองมาเหมือนมีมนตราสะกดให้เขาหยุดนิ่งอย่างไงอย่างงั้น ริมฝีปากอิ่มสวยช่างทำให้เขาอยากจะลองสัมผัสมันด้วยริมฝีปากอุ่นหยักของเขาเสียเหลือเกิน แก้มพวงนวลนิ่มที่เป็นสีชมพูระเรื่อช่างเหมือนกับกำลังเชิญชวนให้เขาเชยชมความนุ่มอยู่ก็มิปาน จนเขาไม่สามารถจะละสายตาไปจากใบหน้าสวยหวานที่เริ่มตีหน้ายุ่งนี้ไปได้เลย….

 

“นะ….นี่! ขับรถภาษาอะไรของคุณฮะถึงได้บีบแตรไล่ชาวบ้านเขาอยู่ได้ ถนนหนทางก็ออกจะโล่งโจ้งไม่เห็นจะต้องบีบแตรไล่กันเลยหนิ แล้วนี่ถ้าฉันกับน้องสาวของฉันตกน้ำตกท่าไปจะทำยังไง ใครจะรับผิดชอบฮะ” เสียงหวานที่ว่าออกมาอย่างเอาเรื่องกับท่าทีที่ไม่แสดงถึงความเป็นมิตร ทำให้อีกฝ่ายถึงกับต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อหลุดออกมาจากภวังค์แห่งความรัก

 

“เธอนั่นแหละที่เป็นคนผิด เธอมาขี่จักรยานในเลนรถยนต์เองแทนที่จะขี่หลบๆริมทางบ้าง นี่อะไร….ขนาดบีบแตรไล่แล้วยังไม่ยอมหลบอีก ถ้าเป็นรถคันอื่นเขาคงไม่มานั่งบีบแตรอย่างฉันหรอกเขาคงได้เร่งเครื่องชนพวกเธอไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เธอมาพูดป้อยๆได้อย่างนี้หรอก” เสียงทุ้มตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พลางคิดในใจว่าเขาคงจะตาถั่วไปที่เผลอไปคิดชื่นชมความงามของคนตรงหน้า….ที่มีแต่เพียงภายนอกเท่านั้น!

 

“ฉันไม่ผิด! คุณนั่นแหละที่เป็นคนผิด เป็นผู้ชายประสาอะไรไม่มีน้ำใจให้ผู้หญิงซะบ้างเลย คุณเห็นไหมว่าข้างทางมันเป็นคูน้ำ แล้วฉันก็ปั่นจักรยานมาด้วยความเร็วถ้าจะให้หักหลบฉันก็พุ่งลงคูน้ำน่ะสิ” หญิงสาวว่าต่อพร้อมกับตีหน้ายุ่ง ในใจก็คิดไปว่าเธอคงจะเสียสติไปกระมังถึงได้เผลอคิดว่าเขาคือชายในฝันที่เธอปรารถนา หากแต่ความจริงแล้วเขากลับเป็นซาตานที่เธอจะไม่มีวันเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นอันขาด ก็ผู้ชายอะไร๊ปากคอเราะร้ายไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย แถมยังทำตัววางอำนาจดั่งกับพวกเผด็จการไม่มีผิด!

 

“แล้วถ้าเธอไม่ปั่นเร็วและปั่นมาริมทางตั้งแต่แรกเรื่องมันจะเกิดขึ้นไหม” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบจะจับเป็นปมแน่น

 

“ก็แล้วทำไมคุณไม่แซงฉันไปล่ะ ทางก็ไม่มีรถคันอื่นแล่นสวนเสียหน่อยถ้ารีบมากนักก็ขับแซงไปสิไม่ใช่มาบีบแตรไล่ให้คนอื่นเขารำคาญเล่นอย่างนี้” คนไม่ชอบยอมแพ้เถียงกลับอย่างไม่ลดละ ดวงหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นดั่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยสักนิด

 

“ฮึ….ทางข้างหน้ามันเป็นทางหักมุมเข้าซอย ถ้าเกิดฉันแซงเธอไปแล้วมีรถออกมาจากซอยพอดีแล้วฉันจะทำยังไงถ้ารถมันชนกันเข้า”

 

“นั่นมันเรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน ยังไงคุณก็เป็นคนผิดไม่ใช่ฉัน!”

 

“เธอนั่นแหละที่เป็นคนผิด”

 

“เอ๊ะ! ฉันบอกว่าคุณ….”

 

“พอเถอะค่ะๆ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ พี่หญิง….ใจเย็นๆก่อนสิคะอย่าไปว่าเค้าเลยค่ะ” รสิกากล่าวขัดขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้ว พร้อมกับเดินไปเกาะแขนเรียวของผู้เป็นพี่และเอ่ยกระซิบขอร้องให้พี่สาวแสนดีใจเย็นลงบ้าง

 

“พี่ใหญ่ใจเย็นๆก่อนสิพี่ เธอก็แค่หลบรถเราไม่ทันเท่านั้นเอง อย่าไปถือสาเธอเลยนะ” ส่วนผู้เป็นน้องของอีกฝ่ายก็รีบเข้าไปห้ามพี่ชายคนเดียวของตนไว้ก่อนจะมองไปทางหญิงสาวทั้งสองและยิ้มแหยๆให้กับพวกเธอ

 

“นี่คุณ! ฉันจะบอกอะไรให้นะ….ทีหลังก็หัดใจเย็นๆซะบ้างรอน่ะสะกดเป็นไหม” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งทำเอาคู่กรณีถึงกับต้องกรอกตาไปมาด้วยความเหลืออดเลยทีเดียว

 

“พอเถอะค่ะพี่หญิง” เสียงเล็กนุ่มรีบห้ามพี่สาวของตนพลางทำหน้าดั่งคนจะร้องไห้อยู่รำไร

 

“ฉันจะบอกอะไรเธอให้เหมือนกัน….หัดรู้จักมารยาทในการใช้ถนนเสียบ้างนะ ไม่ใช่นึกอยากจะปั่นจักรยานตรงไหนก็ปั่น อยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ ถนนนี้มันเป็นของสาธารณะนะไม่ใช่ของของเพียงเธอคนเดียว!” เสียงทุ้มเข้มตอกกลับอย่างเชือดเฉือนทำเอาดวงตากลมต้องทำตาโตด้วยความโมโหมากเข้าไปใหญ่

 

“อ๊าย! นี่….”

 

“พอ….พอเถอะครับพี่ใหญ่….ผมขอโทษแทนพี่ชายของผมด้วยนะครับคุณ พวกเราขอโทษจริงๆครับที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” ผู้เป็นน้องชายของอีกฝ่ายรีบห้ามไม่ให้ศึกรบเกิดขึ้นอีกพลางรีบขอโทษขอโพยฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้สงครามสิ้นสุดลงเสียที “รีบขอโทษเธอสิพี่ใหญ่”

 

“ไม่! ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษด้วย” คนที่ไม่ชอบยอมก้มหัวให้ใครหากตัวเองไม่ผิดจริงเอ่ยออกมาเสียเข้มพร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาดุแข็งแฝงไปด้วยความท้าทาย

 

“โถ่….พี่….” ทำเอาคนเป็นน้องที่พยายามไกล่เกลี่ยความให้ต้องโอดครวญออกมาเพราะความแข็งกระด้างของผู้เป็นพี่ชาย

 

“เอ่อ ฉันก็ต้องขอโทษแทนพี่สาวของฉันด้วยนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะ” ฝ่ายผู้เป็นน้องของหญิงสาวก็ทำการขอโทษขอโพยแทนพี่สาวของตนบ้างตามมารยาท ก่อนจะหันไปอ้อนวอนคนข้างกายให้ยอมขอโทษอีกฝ่ายบ้าง “พี่หญิงขาขอโทษคุณๆเขาเถอะนะคะ เราผิดเองที่ไม่ยอมอยู่ริมทางตั้งแต่แรก นะคะพี่หญิง….สาขอร้อง”

 

“ไม่! พี่ไม่ยอมขอโทษผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเด็ดขาด!” คนหัวแข็งเอ่ยด้วยความรั้นสุดชีวิต พร้อมกับเชิดหน้าใส่คู่กรณีจนคนเห็นรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาในทันใด

 

“เธอนั่นแหละที่เห็นแก่ตัวไม่ใช่ฉัน” ชายหนุ่มกล่าวอีกครั้งด้วยความเหลืออด

 

“คุณนั้นแหละ!” หญิงสาวโต้กลับไปพลางจ้องสบตากับดวงตาคมเรียวอย่างเอาเรื่อง

 

“เธอ….”

 

“พอครับพอๆ ผมขอเถอะนะครับทั้งสองฝ่ายเลย เลิกทะเลาะกันเถอะนะครับได้โปรด”

 

“ใช่ค่ะ เลิกทะเลาะกันเถอะนะคะ นะคะพี่หญิง”

 

                ผู้เป็นน้องของทั้งสองฝ่ายรีบเข้าห้ามเมื่อสงครามระหว่างผู้เป็นพี่เริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่กว่าที่ศึกจะสงบลงได้ก็เล่นคนเป็นน้องเหนื่อยไปตามๆกันเลยทีเดียว

 

“ชิ๊!....” ในที่สุดวริศราก็เป็นฝ่ายยอมสงบศึกก่อนเพราะไม่อยากให้น้องสาวของเธอต้องรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้ ก่อนที่เธอจะก้มไปจับจักรยานขั้นมาและขึ้นค่อมทันที

 

“เอ้า! ขึ้นมาสิยัยสา หรือจะให้พี่อยู่ทะเลาะกับเขาต่อหรือไง” เธอหันไปกล่าวกับผู้เป็นน้องสาวคนเดียวทำให้รสิกาต้องรีบขึ้นซ้อนท้ายตามคำสั่งของผู้เป็นพี่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ใบหน้าหวานใสจะหันไปมองชายหนุ่มผู้น้องที่โบกมือลาเธอปล้อยๆด้วยสายตาละห้อย

 

                ‘ราชศักดิ์ อัครพนธ์’ มองตามร่างบางที่เริ่มปั่นจักรยานไปก่อนที่เขาจะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความดื้อรั้นไม่ยอมคนของหญิงสาว ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะเดินกลับไปยังรถยนต์เปิดประทุนคันโก้ของตัวเองบ้างด้วยความเซ็งสุดขีดที่ต้องมาเจอะเจอเรื่องวุ่นๆให้ปวดหัวปวดประสาทอย่างนี้

 

“รีบๆขึ้นมาสิเจ้าเล็ก หรือจะให้ฉันทิ้งแกไว้ที่นี่”

 

                เสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นอย่างหงุดหงิดทำให้ ‘ตุลยวัต อัครพนธ์’ ต้องรีบขึ้นไปนั่งทางด้านฝั่งคนขับในทันใด ใบหน้าคมเข้มก็ยังคงมองหญิงสาวแสนสวยที่เขาเจอะเจออย่างไม่อยากให้เธอคลาดจากสายตา และเมื่อเธอหายวับเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างหน้าแล้ว กายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาทันที

 

‘จะได้เจอกันอีกไหมนะ….ขอให้เราได้เจอกันอีกนะครับ นางฟ้าของผม’ ตุลยวัตคิดในใจก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพี่ชายที่ยังคงนั่งตีหน้ายุ่งด้วยความหงุดหงิดไม่ยอมออกรถเสียที

 

“ไม่ไปหรอพี่ ป่านนี้คุณพ่อคุณแม่บ่นแย่แล้วมั้ง” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกับพี่ชายที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แล้วดูเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ผู้เป็นพี่ไม่ชอบใจเสียด้วย

 

‘ผู้หญิงอะไร น่าตาก็สะสวยดีหรอก แต่นิสัยกลับดื้อรั้นไม่อ่อนหวานดั่งกุลสตรีบ้างเลย ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งหน่อยล่ะจะจับตีซะให้เข็ด’

 

ราชศักดิ์คิดอยู่ในใจก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและขับรถแล่นไปตามทางเพื่อหาบ้านของใครบางคนที่ผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาบอกให้เขาและน้องชายของเขามาพบพวกท่านที่นั่นโดยเร็ว….

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา