ดุจรักดั่งฝัน
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.30 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) +++ แรกพบ 1 +++ ขออนุญาตแบ่งออกเป็น 2 ตอนตามที่ทางประกวดแนะนำค่ะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ดุจรักดั่งฝัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 1 แรกพบ
ลมหนาวพัดผ่านไปกับราตรีอันแสนยาวนานที่พรั่งพราวไปด้วยเหล่าหมู่ดาวนับร้อยนับพัน ดวงจันทราที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าสาดส่องแสงให้คืนที่มืดมิดกลับสุกสว่าง บางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านแบบไทยผสมยุโรปหลังใหญ่แสนสวย และตรงไปยังห้องนอนสีหวานที่อยู่ในส่วนด้านหน้าของชั้นบนที่มีร่างระหงสองร่างนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนุ่ม ไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงความผิดปกติภายในห้องเลยสักนิด
กายสาวที่นอนในฝั่งด้านขวาของเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่งสงบไป ส่วนคนที่นอนอยู่ด้านซ้ายก็ไม่มีวี่แววที่จะตื่นมาจากฝันเลยแม้แต่น้อย เงามืดคลืบคลานไปหาร่างสองร่างนั้นอย่างช้าๆ จนสัมผัสกับแขนเรียวที่ยื่นพ้นผ้าห่มออกมาเสียครึ่งแขน หากแต่นั่นทำให้คนที่กำลังหลับใหลต้องตื่นจากฝันอันแสนหวานในทันใด
ดวงตากลมปรือตามองไปข้างหน้าอย่างงัวเงีย ภาพที่เห็นลางๆทำให้หญิงสาวต้องหลับตาแน่นและกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้มองเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นสีขาวเนียนสะอาด ลำตัวยาวพาดอยู่ช่วงหน้าท้องของเธอทำให้มองไม่เห็นส่วนหน้าและส่วนท้าย ก่อนที่เธอจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆส่วนที่เลยตัวของเธอไปก็ชูขึ้นเป็นหัวงูใหญ่ที่กำลังหันหัวมาหาเธอ!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียงพร้อมกับรีบลุกขึ้นและผลักงูขาวตัวใหญ่นั้นให้พ้นไปจากตัวเธอ หากแต่มันกลับเลื้อยเข้าหาเธอและเริ่มพันไปลอบกายสาวอย่างรวดเร็ว แถมยังขู่ฟ่อๆดั่งอยากให้เธอกลัวเกรงมันไปมากกว่าที่เป็นอยู่ก็มิปาน หากแต่หางของมันที่ตกอยู่ขอบเตียงกลับตวัดขึ้นลงดั่งเหมือนมันกำลังมีความสุขที่ได้รัดรึงร่างระหงอย่างไงอย่างงั้น
“อ๊าย!!! ไอ้งูบ้า! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ สา! สาช่วยพี่ที!”
เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรมือเรียวก็พยายามทั้งแกะทั้งดึงลำตัวของงูใหญ่นั้นให้หลุดพ้นไปจากตัวเธอ หากแต่มันกลับรัดเธอแน่นขึ้นจนเธอรู้สึกอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก แล้วพอมันพันเธอได้ครบรอบหัวขนาดใหญ่ก็เอี้ยวมาชูคอประชันหน้ากับเธอทันที!
“สา! สา….ช่วยพี่ด้วย….สา!!!”
ดวงตากลมเบิกตากว้างด้วยความตกใจเข้าไปอีกเมื่อหันไปเห็นร่างของผู้เป็นน้องสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างกายถูกงูสีขาวตัวใหญ่ยักษ์อีกตัวพันขดไว้เช่นกัน หากแต่น้องสาวของเธอกลับนอนนิ่งเหมือนดั่งไม่รู้รู้สา ส่วนงูตัวนั้นก็เอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติงเพียงแต่นำลำตัวพันรอบกายสาวไว้อย่างนั้น ผิดกับเธอที่ถูกงูตัวยักษ์อีกตัวรัดจนตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออก แถมมันยังคงขู่เธอฟ่อๆและมองเธอด้วยแววตาดุกร้าวอีกด้วย และก่อนที่เธอจะต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจสุดขีดเมื่องูตัวนั้นพุ่งหน้าเข้ามาใส่เธอ!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
‘ก๊อกๆๆๆ!!!!’
“พี่หญิง! เป็นอะไรคะ! เปิดประตูให้สาหน่อยค่ะพี่หญิง”
‘วริศรา เตชทัศ’ สะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและสีหน้าที่ตกใจระคนหวาดกลัว หญิงสาวรีบมองไปทั่วหน้าท้องของตัวเองพลางหอบหายใจรัวแรงก่อนที่เธอจะมองเลิกลักไปรอบห้อง เสียงเคาะประตูรัวดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงเล็กนุ่มที่ตะโกนเรียกเธออยู่นอกห้องทำให้ร่างเพรียวต้องรีบลุกออกจากเตียงและรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ผู้เป็นน้องสาวอย่าง ‘รสิกา เตชทัศ’ เข้ามาในห้องทันที
“เป็นอะไรคะพี่หญิง สาได้ยินเสียงพี่หญิงกรี๊ดตั้งหลายครั้ง ฝันร้ายหรอคะ” เสียงเล็กนุ่มถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงอย่างจับหัวใจ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องตามร่างบางของผู้เป็นพี่ที่เดินมานั่งลงตรงขอบเตียงนุ่มด้วยความอ่อนแรง
“เมื่อกี้พี่ฝันน่ะสา ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นความฝัน….มันเหมือนจริงจนพี่ยังรู้สึกกลัวอยู่เลย” เสียงหวานตอบพลางหายใจรัวเร็วเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆและผ่อนออกช้าๆเป็นการทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลง
“ฝันว่าอะไรหรือคะ” ผู้เป็นน้องถามต่อด้วยความสงสัย
“พี่ฝันเห็นงูสา งูสีขาวตัวใหญ่มากแถมยังยาวมากด้วย มันเลื้อยมารัดพี่เสียจนพี่หายใจไม่ออก แถมยังชูคอมาขู่ฟ่อๆใส่พี่ แล้วก่อนพี่จะตื่นมันยังกระโจนใส่พี่เหมือนจะกัดพี่อีก น่ากลัวเหลือเกินน้องสา” ผู้เป็นพี่เล่าให้คนเป็นน้องฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกกลัวงูตัวนั้นอยู่เลย “แล้วยังมีอีกตัวที่รัดน้องอยู่ด้วยนะสา แต่น้องไม่ตื่น แล้วตัวนั้นก็แค่พันตัวรอบตัวน้องไว้เฉยๆเท่านั้น”
“พี่หญิง….” คนเป็นน้องเรียกคนเป็นพี่พลางก้มหน้า ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยแววตาวิตกกังวล “สาก็ฝันเหมือนกันค่ะ สาฝันว่ามีงูตัวใหญ่มารัดสากับพี่หญิง แต่สาไม่สู้แล้วงูตัวนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรสา แต่กับพี่หญิง….สาฝันว่าพี่หญิงสู้กับงูที่รัดพี่หญิงจนหมดเรี่ยวหมดแรงแต่สากลับตื่นขึ้นมาซะก่อน”
“จริงหรือสา” วริศราถามด้วยน้ำเสียงตกใจและไม่อยากจะเชื่อ
“ค่ะ….เอ่อ….พี่หญิง….โบราณเค้าว่าถ้าเกิดเราฝันว่าโดนงูรัด….แสดงว่าเราจะเจอเนื้อคู่ไม่ใช่หรอคะ” รสิกาเอ่ยพลางมองหน้าพี่สาวของตัวเองอย่างขอความคิดเห็น
“ไม่ใช่หรอกหน่าสา ไร้สาระ….เนื้อเคิงเนื้อคู่อะไรพี่ว่าเราอาจจะแค่ฝันไปอย่างนั้นเองก็ได้” เสียงหวานกล่าวพลางส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความคิดผู้เป็นน้องสาว
“แต่เราฝันเหมือนกันเลยนะคะพี่หญิง”
“ก็เพราะว่าเราเป็นพี่น้องกันไง….งั้นคืนนี้สานอนกับพี่ที่ห้องนี้ก็แล้วกันนะ ดูซิว่าจะฝันถึงไอ้งูบ้านั่นอีกหรือเปล่า ถ้าฝันอีกล่ะก็พี่จะค่อยเชื่อว่าสิ่งที่น้องพูดเป็นเรื่องจริง” คนไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพูดพลางฉีกยิ้มให้กับผู้เป็นน้องสาวที่นั่งทำหน้าหงอยนิดๆเพราะผู้เป็นพี่ไม่ยอมเชื่อในความคิดของตน
“โถ่พี่หญิงอ่ะ….สาพูดเรื่องจริงนะคะไม่เชื่อไปถามคุณแม่ก็ได้” เสียงนุ่มเล็กเอ่ยพร้อมกับทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“เอาเถอะหน่า นอนๆได้แล้ว พรุ่งนี้ไปตื่นไปใส่บาตรแต่เช้านะ ตื่นสายโดนคุณแม่ดุเอาไม่รู้ด้วยนะน้องรัก”
ว่าแล้วร่างระหงของผู้เป็นพี่สาวก็คลานขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่งก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวและหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้ผู้เป็นน้องนั่งคิดไม่ตกว่าเหตุใดตนและพี่สาวแสนดีของตนถึงได้ฝันเห็นงูสีขาวตัวใหญ่ยักษ์เหมือนกันเช่นนี้ คิดแล้วมันก็ยิ่งน่าสงสัยจนหัวใจเกิดหวั่นไหวขึ้นมาเมื่อนึกว่าหากเป็นเช่นดั่งคนโบราณว่าไว้จริง เธอและพี่สาวแสนดีของเธอคงได้ประสบพบเนื้อคู่ที่รอคอยมานานแสนนานเป็นแน่
ถ้าเป็นเช่นนั้น….เขาจะมีหน้าตาเป็นเช่นไรกันหนอ เขาจะมีนิสัยเป็นอย่างไรกันนะ จะอ่อนโยนกับเธอหรือเปล่า จะเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ แล้วจะพบเจอกันอย่างไร ยิ่งคิดหัวใจก็เต้นโครมครามจนแทบออกมานกอกอยู่แล้ว!
************************************************************
“คุณหญิงคะคุณหญิง….คุณสา….อยู่ไหนกันคะ….เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่า”
วันรุ่งขึ้นเสียงโหวกเหวกก็ดังไปทั่วบ้านหลังใหญ่แสนจะอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักของตระกูล ‘เตชทัศ’ ตระกูลเศรษฐีผู้ดีเก่าอันเลื่องชื่อ เด็กสาวสองคนวิ่งกันให้วุ่นเพื่อตามหาเจ้านายสาวอันเป็นที่รักยิ่งของพวกหล่อน หากแต่ตามหาในบ้านเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจนทั้งสองเหนื่อยหอบไปตามๆกันเพราะบ้านหลังนี้มโหฬารจนเรียกว่าคฤหาสน์ได้เลยทีเดียว พวกเธอจึงตัดสินใจวิ่งไปตามหาผู้เป็นนายสาวทั้งสองที่สวนสวยหลังบ้านแทน
สองพี่น้องตระกูลเตชทัศนั่งจัดแจกันดอกไม้อยู่ในศาลาไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ในสวนพฤกษชาติอันงดงาม สองสาวหัวเราะต่อกระซิกและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเมื่อได้ยินเสียงเรียกของคนรับใช้ทั้งสองที่ดังลั่นไปทั่วสวนสวยจึงทำให้พวกเธอต้องหันไปมองด้วยความสงสัย
“คุณหญิง คุณสาคะ….” สาวรับใช้นามว่านิดตะโกนเรียกผู้เป็นนายพลางหันซ้ายแลขวา
“มีอะไรหรือคะพี่นิด พี่หน่อย” รสิกาตะโกนถามคนรับใช้ประจำบ้านที่อยู่ห่างจากศาลาไม้ไม่ไกลนัก
“โอ้ะ! คุณหญิง….คุณสา อยู่นี่กันเองหรือคะ หน่อยกับนิดหากันแทบแย่แหนะ” สาวรับใช้นามว่าหน่อยเอ่ยพลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหานายสาวทั้งสองทันที
“ไม่อะไรหรือจ๊ะถึงได้ทำหน้าตาตื่นกันอย่างนี้” วริศราถามอย่างอารมณ์ดีเมื่อสาวรับใช้คนสนิทมาถึงที่ศาลาแล้ว
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะคุณหญิง” นิดเอ่ยเสียงตื่นเต้น ทำเอาเจ้านายสาวต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“เรื่องใหญ่อะไรหรือจ๊ะนิด” ผู้เป็นนายถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็คุณและคุณนายตระกูลอัครพนธ์มาหาคุณพ่อและคุณแม่ของพวกคุณทั้งสองเมื่อสักครู่นี้น่ะสิคะ” หน่อยตอบขึ้นมาแทนด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“อ้าว….แล้วมันเรื่องใหญ่ตรงไหนล่ะจ๊ะ เพื่อนคุณพ่อกับคุณแม่ท่านมาเยี่ยม ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนหนิจ๊ะ” รสิกากล่าวก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยและเริ่มจัดแจกันดอกไม้ต่อ
“มันไม่ใช่แค่นั้นสิคะคุณสา พอดีหน่อยมันเอาน้ำไปเสิร์ฟแขกของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง แล้วมันได้ยินว่าที่พวกตระกูลโน้นมาในครั้งนี้ ก็เพื่อจะมาคุยเกี่ยวกับเรื่องของคุณหญิงน่ะค่ะ”
“เกี่ยวกับฉัน….เรื่องอะไรหรอจ๊ะ” วริศราถามอีกครั้งพลางมองหน้าสาวรับใช้ด้วยความสงสัย
“ก็เรื่องการแต่งงานระหว่างคุณหญิงกับลูกชายคนโตของตระกูลอัครพนธ์น่ะสิคะ” หน่อยตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมากเข้าไปใหญ่
“อะไรนะ!” สองพี่น้องพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียว
“หน่อยก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะหน่อยเดินออกมาก่อน แต่ก็น่าจะประมาณนั้นนะคะคุณหญิง”
วริศรามองหน้าสาวรับใช้คนสนิทอย่างไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของพวกหล่อน รู้สึกตกใจและสับสนจนพูดอะไรออกมาไม่ออก มือเรียววางดอกกุหลาบและกรรไกรลงดั่งคนเลื่อนลอย แต่ก่อนที่คนรับใช้สาวทั้งสองจะพูดอะไรออกมาอีกร่างระหงของลูกสาวคนโตแห่งตระกูลเตชทัศก็ลุกพรวดพราดและกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังบ้านหลังใหญ่ทันที
“อ้าว! พี่หญิง! รอสาด้วยสิคะ” รสิกาเรียกพี่สาวของตัวเองพลางรีบวิ่งตามเธอไปด้วย ทำให้สองสาวรับใช้ต้องรีบลุกขึ้นและวิ่งตามไปด้วยเช่นกัน
ร่างเพรียวบางรีบตรงไปยังห้องรับแขกทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน ก่อนจะหยุดชะงักและรีบซ่อนตัวหลังกำแพงตรงทางเข้าห้องนั้นโดยมีผู้เป็นน้องสาวและคนรับใช้ทั้งสองยืนแอบอยู่ด้านหลัง เสียงสนทนาที่ไม่ค่อยเบานักดังออกมาจากห้องนั่งเล่นให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินอย่างชัดเจนอย่างไม่ต้องแอบฟังเลยสักนิด
“คุณวราลักษณ์ไปเที่ยวอังกฤษมาเป็นอย่างไรบ้างคะ ที่นั่นอากาศหนาวไหม” คุณผู้หญิงแห่งตระกูลเตชทัศน์ถามภรรยาเพื่อนของสามีพร้อมกับรอยยิ้ม
“ก็หนาวอยู่พอควรค่ะคุณเฉิดโฉม” วราลักษณ์ตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เจ้าของบ้านอย่างเป็นมิตร
“แล้วนี่มีแผนจะไปเที่ยวที่ไหนต่ออีกหรือเปล่าคะ”
“ยังเลยค่ะ แต่เพื่อนๆของดิฉันเขามาเปรยๆว่าจะไปอิตาลีเดือนหน้ากัน คุณเฉิดโฉมสนใจไหมคะ”
“ว้า….ดิฉันว่าจะชวนคุณวราลักษณ์ไปเที่ยวที่ฝรั่งเศสเลยเชียว” เฉิดโฉมเอ่ยอย่างเสียดายก่อนจะจิบน้ำส้มคั้นให้ชุ่มคอเล็กน้อย
“ถ้าคุณเฉิดโฉมอยากให้ดิฉันไปเที่ยวด้วย ดิฉันก็จะไปกับคุณค่ะ” วราลักษณ์บอกพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะมือนุ่มของผู้เป็นเจ้าของบ้านเล็กน้อยดั่งเป็นการปลอบใจ “ว่าแต่คุณเฉิดโฉมจะไปฝรั่งเศสเดือนไหนหรอคะ”
“ดิฉันก่ะจะไปเที่ยวหลังงานแต่งของลูกพวกเราน่ะค่ะ เอ….ให้พวกเขาสองคนไปฮันนิมูนกันที่ฝรั่งเศสก็ดีเหมือนกันนะคะ บรรยากาศโรแมนติกอย่างนั้นคงทำให้พวกเขารักกันได้เร็วขึ้น….เผื่อว่าเราจะได้อุ้มหลานกันเร็วๆว่าไหมคะคุณวราลักษณ์” เฉิดโฉมกล่าวอย่างมีความสุขที่ลูกสาวของนางจะเป็นฝั่งเป็นฝา หากแต่นางไม่รู้หรอกว่าคำพูดของนางทำให้คนที่ยืนฟังอยู่ข้างนอกต้องอกสั่นขวัญหายแค่ไหน
“จริงด้วยค่ะคุณเฉิดโฉม….ดีเหมือนกันนะคะคุณพิเชษฐ์ ให้คู่ข้าวใหม่ปลามันไปฮันนิมูนที่ที่โรแมนติกอย่างนั้น เราคงจะได้ยินข่าวดีเร็วๆแน่เลยค่ะ” วราลักษณ์เอ่ยก่อนจะหันไปพูดกับสามีสุดที่รักที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
“นั่นสินะ….แต่ก่อนอื่นต้องถามหนูหญิงลูกสาวของแกก่อนนะโกวิท ว่าเธอจะยอมแต่งงานกับตาใหญ่ลูกชายคนโตของฉันหรือเปล่า” พิเชษฐ์บอกอย่างอารมณ์ดี พลางมองเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเด็กอย่างขอคำตอบที่แน่ชัด
“ไม่ต้องห่วงเลยพิเชษฐ์ ฉันรับรองว่ายัยหญิงลูกสาวคนโตของฉัน ต้องยอมแต่งงานกับพ่อใหญ่ลูกชายคนโตของแกแน่นอน เอาหัวฉันเป็นประกันได้เลย!” โกวิทตอบก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “แกก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนไม่ชอบผิดคำพูด แล้วก็ไม่ชอบผิดสัญญากับใครด้วย ในเมื่อฉันสัญญาว่าจะยกลูกสาวให้กับลูกชายของแก แล้วแกเล่นมาทวงสัญญาคืนซะขนาดนี้แล้วฉันจะผิดคำสัญญาได้ยังไงล่ะจริงไหม”
คำพูดของผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าทำเอาวริศราต้องนิ่งงันไปในทันใด ดวงตากลมใสทำตาโตจนแทบจะเท่าไข่ห่าน ปากอิ่มสวยอ้าค้างไว้เล็กน้อยด้วยความตกใจ สมองหยักหยุดสั่งการอย่างฉับพลันจนกระทั่งมือนุ่มของผู้เป็นน้องสาวอย่างรสิกาแตะเข้าที่ต้นแขนของเธอจึงทำให้เธอรู้สึกตัวและกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“พี่หญิง….เรื่องที่คุณพ่อพูด….” รสิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกถึงความตกใจไม่แพ้กัน
ผู้เป็นพี่หันมามองหน้าน้องสาวแสนดีด้วยแววตาสับสน ใบหน้าสวยซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดจนคนเห็นต้องรู้สึกเป็นห่วงเธอไปตามๆกัน การได้รู้ว่าตนกำลังจะถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งมันช่างเหมือนโดนน้ำเย็นเจี๊ยบสาดใส่หน้าแบบเต็มๆยิ่งนัก กายสาวก็เหมือนกับมีใครเอาโซ่เหล็กมาล่ามตรวนขาเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ หน้าอกหน้าใจก็รู้สึกอึดอัดและหนักอึ้งเหมือนมีคนเอาภูเขาแสนใหญ่มาวางทับอกไว้ก็มิปาน คำพูดของบิดาที่บอกว่ามันคือคำสัญญามั่นที่เขาให้ไว้กับเพื่อนมันช่างเป็นเหมือนประตูกั้นที่ปิดขังตัวเธอให้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมืดๆ อย่างไม่มีวันจะได้ทักท้วงหรือร้องขออิสรภาพใดๆทั้งสิ้น
แล้วเธอจะทำอย่างไร….ทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากบ่วงโซ่ที่ตรวนเธออยู่นี้ดี เธอไม่คิดเลยว่าชาตินี้….เธอจะต้องมาเจอะเจอกับเรื่องที่เธอเกลียดมากที่สุด
นั่นก็คือการถูกบีบบังคับอย่างไม่มีทางขัดขืน ถูกกักขังอิสรภาพอย่างไม่รู้วันไหนจะได้คืน และต้องกล่ำกลืนฝืนทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก….
เพราะถูกบิดาและมารดาอันเป็นที่รักยิ่งจับคลุมถุงชน!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอฝากเรื่องในไว้ในดวงใจของนักอ่านทุกๆคนด้วยนะคะ ^^\
โปรดติดตาม ตอนต่อไป..........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ