ดุจรักดั่งฝัน
เขียนโดย ปลายปากกาสีน้ำเงิน
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.30 น.
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2556 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) +++ บุพเพ....อาละวาด +++
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 2 บุพเพ....อาละวาด
รถจักรยานคันสวยแล่นไปยังบ้านไม้ทรงขนมปังขิงหลังงามที่อยู่ท้ายสุดของตรอกซอยเล็กๆ ไม้ผลและไม้ประดับถูกปลูกไว้รอบๆบ้านสร้างร่มเงาให้บ้านเย็นสบายได้เป็นอย่างดี พืชผักสวนครัวก็ถูกปลูกไว้บริเวณสวนหลังบ้านให้คนที่พักอาศัยได้นำมาทำอาหารเพื่อเป็นการประหยัดเงินทางหนึ่ง ร่างอิ่มค่อนไปทางผอมของหญิงสูงวัยนั่งร้อยมาลัยอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจโดยมีคนรับใช้วัยเดียวกันนั่งร้อยเป็นเพื่อนด้วย ‘จันทร์ฉาย เตชทัศ’ ผู้เป็นอาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลผู้ดีเก่ามองออกไปยังนอกหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงกุกกักมาจากหน้าบ้านแล้วก็พบว่าหลานสาวทั้งสองมาหานั่นเอง
“ยัยหญิงกับยัยสามาหนิ” จันทร์ฉายพึมพำก่อนจะหันไปหาคนรับใช้ของตน “ออกไปรับหลานๆซิเอิบ”
“ได้เจ้าค่ะคุณท่าน” แม่บ้านสูงวัยรับคำก่อนจะรีบลุกขึ้นและเดินไปต้อนรับหลานสาวทั้งสองของผู้เป็นนายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะคุณหญิงคุณสา วันนี้ทำไมขี่จักรยานมากันล่ะคะ”
“ป้าเอิบจ๋า คุณย่าจันทร์อยู่ไหมจ๊ะ” วริศราถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเธอจอดรถจักรยานเป็นที่เป็นทางเรียบร้อยแล้ว
“อยู่ด้านในค่ะคุณหญิง ท่านกำลังร้อยมาลัยอยู่พอดีเลยค่ะ” เอิบตอบพลางโน้มตัวมาช่วยประคองคุณหนูคนเล็กของตระกูลที่เดินขึ้นมาตรงระเบียงทางเข้าบ้านแล้ว
“คุณย่าขา….” ร่างระหงของผู้เป็นพี่รีบถลาเข้าไปกอดผู้เป็นย่าสุดที่รักของตนทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว
“ไปยังไงมายังไงกันจ๊ะหลานรักถึงได้มาที่นี่กันได้ แถมยังขี่จักรยานกันมาอีก ทางก็ออกจะไกล๊ไกล” จันทร์ฉายกล่าวพลางโอบกอดหลานสาวคนโตตอบ
“คุณย่าขา….คุณย่าต้องช่วยหญิงนะคะ ไม่มีใครช่วยหญิงได้อีกแล้วนอกจากคุณย่า คุณย่าคือความหวังของหญิงนะคะ” วริศราเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและทำหน้าดั่งคนจะร้องไห้ก็มิปาน ทำให้ผู้เป็นย่าและแม่บ้านสูงวัยต้องมาหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย
“อะไรกันยัยหญิง ใครทำอะไรหลานไหนบอกย่ามาซิ” คนเป็นย่าถามพร้อมกับดันตัวหลานสาวให้มาจ้องตอบกับนางโดยตรง
“คุณย่าต้องรับปากก่อนว่าจะช่วยหญิง นะคะคุณย่า” เสียงหวานใสบอกกับผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“จ้ะๆย่ารับปาก ทีนี้บอกย่ามาซิว่าเป็นอะไร หรือว่ามีใครมาขู่อะไรหลานงั้นหรือ” จันทร์ฉายตกปากรับคำก่อนจะถามต่อด้วยความเป็นห่วงหลานสาวสุดที่รักจนหมดหัวใจ
“คุณพ่อกับคุณแม่ค่ะคุณย่า….คุณพ่อกับคุณแม่จะให้หญิงแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ค่ะ” วริศรากล่าวออกมาและทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อีกครั้งพลางสวมกอดร่างอิ่มแบบแนบแน่นอีกครั้ง
“อะไรนะ! นี่พ่อกับแม่ของเราจะจับพี่เราคลุมถุงชนงั้นหรือยัยสา” ผู้เป็นย่าหันไปถามหลานสาวสุดที่รักคนเล็กด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พลางนำมือนุ่มลูบหลังนวลของหลานสาวคนโตเบาๆเป็นการปลอบใจ
“ก็ประมาณนั้นแหละค่ะคุณย่า คือพอดีว่าเพื่อนของคุณพ่อและคุณแม่ท่านมาที่บ้าน แล้วพอดีสากับพี่หญิงดันไปได้ยินเรื่องที่คุณพ่อสัญญากับเพื่อนของคุณพ่อเอาไว้น่ะค่ะ ว่าจะให้พี่หญิงแต่งงานกับลูกชายคนโตของท่าน” รสิกาตอบพลางส่งยิ้มบางๆให้กับผู้เป็นย่า ก่อนจะเมียงมองพี่สาวสุดที่รักด้วยความเห็นใจ “พี่หญิงก็เลยพาสามาหาคุณย่านี่แหละค่ะ”
“คุณย่าต้องช่วยหญิงนะคะ หญิงไม่อยากแต่งงานกับเขา….เขาเป็นใคร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรหญิงก็ไม่รู้ เขาอาจจะเป็นคนที่ใจร้ายใจดำ ชอบกดขี่ข่มเหงผู้หญิงก็ได้นะคะคุณย่า” เสียงหวานโอดครวญออกมาให้คนเป็นย่าได้ฟัง
“ใจเย็นๆนะจ๊ะหลานรัก เดี๋ยวย่าจะไปคุยกับพ่อและแม่เราให้เอง” จันทร์ฉายกล่าวปลอบผู้เป็นหลานสาวคนโตก่อนจะหันไปหาคนรับใช้สูงวัยคนสนิท “เอิบ….ไปบอกให้ตาบุญมาเอารถออกทีซิ ฉันจะไปบ้านใหญ่”
“เจ้าค่ะคุณท่าน” แม่บ้านสูงวัยรับคำก่อนจะรีบปลีกตัวไปตามสามีของตนตามคำสั่ง
ส่วนทางด้านบ้านหลังใหญ่แห่งตระกูลเตชทัศก็กำลังครึกครื้น เมื่อว่าที่ลูกเขยของตระกูลเดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราชศักดิ์และตุลยวัตได้แต่นั่งเงียบและส่งยิ้มเจื่อนๆให้กับผู้เป็นเพื่อนของบิดาและมารดา ในใจก็คิดว่านี่พวกเขามาที่นี่เพื่ออะไรกัน ทำไมผู้เป็นพ่อและแม่ของพวกเขาต้องสั่งให้เขามาพบเพื่อนของพวกท่านด้วย ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิดแล้วงานของพวกเขามันก็ออกจะมีมากล้นจนแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวอยู่แล้ว
“พี่ใหญ่….สงสัยจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ” ตุลยวัตกระซิบบอกพี่ชายของตนก่อนจะหันมายิ้มแหยๆให้กับผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“นี่พ่อใหญ่กับพ่อเล็กทำงานอยู่ในกรมใช่ไหม เป็นอย่างไรงานเยอะไหมฮึ” โกวิทถามขึ้นเมื่อเห็นว่าว่าที่ลูกเขยเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจาเลยสักนิด
“เยอะอยู่พอควรครับ” ราชศักดิ์ตอบสั้นๆพลางส่งยิ้มบางๆให้กับเขา
“เป็นถึงหัวหน้ากองบัญชาการยังงานเยอะอีกหรือจ๊ะ” เฉิดโฉมถามขึ้นมาบ้างพลางส่งยิ้มนุ่มให้กับว่าที่ลูกเขยทั้งสอง
“ตำแหน่งยิ่งสูงงานก็ยิ่งเยอะเป็นธรรมดาน่ะครับ”
“ตาใหญ่กับตาเล็กไม่ค่อยได้กลับบ้านหรอกค่ะคุณโฉม ส่วนมากจะนอนกันที่บ้านพักของทหารเสียมากกว่าเพราะมีงานเยอะ กว่าจะกลับมาบ้านแต่ละครั้งก็สามสี่วันนั่นแหละค่ะ” วราลักษ์เอ่ยก่อนจะหันไปทำหน้างอนใส่ผู้เป็นลูกชายทั้งสองเล็กน้อย “เอาแต่ทำงานจนหน้ามืดตามัว ไม่รู้ว่าจะเป็นห่วงพ่อกับแม่กันบ้างหรือเปล่า”
“โถคุณแม่ครับ ผมกับพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นห่วงคุณพ่อและคุณแม่อยู่แล้วล่ะครับ แต่งานมันเยอะจริงๆจะให้ทำอย่างไรได้ล่ะครับ” ตุลยวัตพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางโอบกอดมารดาสุดที่รักเพื่อให้ท่านหายงอน ทำให้ผู้ใหญ่ในบ้างต่างพากันหัวเราะด้วยความชอบใจ
“แล้วนี่ทำไมลูกหญิงกับลูกสายังไม่มาอีกนะ….นิด….หน่อย….คุณหญิงกับคุณสากลับมาหรือยัง” เฉิดโฉมกล่าวก่อนจะตะโกนถามคนรับใช้สาวทั้งสองที่ยืนมองแขกหนุ่มด้วยความตื่นเต้นระคนอยากรู้อยากเห็น
“ยังเลยค่ะคุณนาย” หน่อยตอบกลับมาพลางส่งยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นนายของตน
“เอ….นึกอะไรของเขากันนะถึงได้ไปหาคุณย่ากันตอนนี้ได้” ผู้เป็นมารดาของหญิงสาวทั้งสองคนเอ่ย ก่อนที่นางจะหันไปหาว่าที่ลูกเขยที่นั่งหน้าหงอยเพราะอยากจะกลับไปทำงานเต็มแก่แล้ว “เอ่อ….รอกันอีกหน่อยนะจ๊ะอีกเดี๋ยวพวกเธอก็กลับมาแล้วล่ะจ้ะ”
ราชศักดิ์และตุลยวัตได้แต่นั่งยิ้มรับคำพูดของนางเพียงเท่านั้น ทั้งสองเหล่มองกันไปมาด้วยความรู้สึกตะขิดตะข่วนใจที่ต้องมานั่งรอผู้เป็นลูกสาวของตระกูลผู้ดีเก่านี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมวันนี้งานการของพวกเขาก็มีเยอะจนแทบจะล้นมือแต่ผู้เป็นบิดาและมารดากลับบังคับขู่เข็ญให้พวกเขามาเยี่ยมเพื่อนของพวกท่านให้ได้เสียอย่างนั้น ถ้าหากไม่มาล่ะถึงขั้นตัดขาดกันเลยทีเดียว
อย่างนี้จะไม่ให้พวกเขาสงสัยได้อย่างไร ว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลที่เกี่ยวกับพวกเขาโดยตรงเป็นแน่!
ผ่านไปพักใหญ่รถยนต์คันเก่าโก้ก็แล่นมาจอดยังหน้าคฤหาสน์เตชทัศในที่สุด ร่างเพรียวบางรีบลงจากรถและช่วยประคองร่างอิ่มของผู้เป็นย่าอย่างระมัดระวัง ก่อนจะส่งยิ้มให้กับสาวใช้ทั้งสองที่รีบกุรีกุจอวิ่งมารับผู้เป็นนายทั้งสามด้วยอาการตื่นเต้นในทันที
“คุณหญิงขาเกิดเรื่องใหญ่แล้วคะ! อุ่ย….สวัสดีค่ะคุณท่าน” หน่อยเอ่ยกับนายสาวด้วยน้ำเสียงตื่นก่อนจะรีบยกมือไหว้นายใหญ่ของตระกูลอย่างเร็วรี่
“มีเรื่องอะไรใหญ่ไปกว่าเรื่องของฉันอีกหรือหน่อย” วริศราถามคนรับใช้สาวด้วยความสงสัยระคนหวั่นใจ
“ก็ลูกชายของเพื่อนคุณผู้ชายน่ะสิคะ เขามาหาคุณหญิงถึงที่เลยค่า” สาวรับใช้นามว่านิดตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาผู้เป็นนายสาวต้องทำตาโตขึ้นมาในทันที
“อะไรนะนิด!” เสียงหวานอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่ใบหน้าสวยจะหันไปหาผู้เป็นย่าที่ทำสีหน้ายุ่งด้วยเหมือนกัน “คุณย่า….”
“ใจเย็นๆนะลูกหญิง เดี๋ยวย่าจะจัดการให้เอง” จันทร์ฉายกล่าวปลอบผู้เป็นหลายสุดที่รักพลางจับมือเรียวของเธอไว้มั่น และพาร่างระหงเดินเข้าไปในคฤหาสน์เตชทัศกับตน
“มากันแล้วหรอยัยหนู….อ้าว! คุณแม่ก็มาด้วยหรอครับ” โกวิทเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างอ้อนแอ้นของลูกสาวสุดที่รักเดินเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนจะรีบลุกขึ้นและกล่าวทักผู้เป็นมารดาของตนด้วยความประหลาดใจ
สองสาวที่ก้มหน้าก้มตาเดินประคองร่างอิ่มเข้ามาในห้องรับแขกรีบพาผู้เป็นย่าไปนั่งใกล้ๆกับบิดาบังเกิดเกล้า ก่อนที่เธอทั้งสองจะหันมาประนมมือไหว้ทักทายแขกคนสำคัญตามมารยาทและเงยหน้ามาแย้มยิ้มหวานพิมพ์ใจให้กับพวกเขา
“คุณ/เธอ!!!”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมๆกันจนเกือบจะเป็นเสียงเดียวเมื่อใบหน้าสวยของผู้เป็นลูกสาวคนโตเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นลูกชายคนโตของแขกคนสำคัญ ดวงตากลมทำตาโตจนแทบจะเท่ากับไข่ห่านด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่ลุกขึ้นยืนทำตาโตโดยอัตโนมัติด้วยเหมือนกัน การอุทานและชี้นิ้วไปทางกันและกันของทั้งสองทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องมองพวกเขาอย่างงุนงง หากแต่เขาและเธอกลับยืนนิ่งมองหน้ากันอยู่อย่างนั้นดั่งกับกำลังตกอยู่ในภวังค์ของกันและกันก็มิปาน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาอัพลงไว้ก่อนแล้วเดี๋ยวจะเอามาเพิ่มให้นะคะ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเลยต้องขอโทษด้วยนะคะ
แต่ยังไงก็.........
โปรดติดตาม ตอนต่อไป.............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ