Love Innovation ถึงนายจะร้ายสุดท้ายก็รัก
เขียนโดย Kumo
วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 03.48 น.
แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 03.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคอนโดย่าน Tower in Tower
~~บรืน~~ เสียงรถขับมาถึงลานจอดรถพลางดับเครื่องยนต์จอดยังล็อบบี้ประจำของเขา เรนถอดแว่นกันแดดออกพร้อมเปิดประตูเดินมาอีกฝั่งของรถเพื่อช้อนเอาร่างบางก่อนจะปิดประตูลงแล้วตรงไปยังลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น14ของคอนโด
ติ้ง!!!!!!
เสียงลิฟท์เปิดออกเรนจึงใช้คีย์การ์ดแตะเพื่อทำการเปิดประตูห้องพักของเขาก่อนที่ประตูห้องหมายเลข714จะถูกเปิดออก เรนอุ้มร่างบางที่หมดสติลงบนเตียงนอนนุ่มๆของเขา ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้านั้นด้วยสีหน้าที่ต่างจากเมื่อตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิงดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเป็นใยอยู่ไม่น้อยเขาเดินเข้าใกล้ร่างบางที่นอนหมดสติปากและหน้าที่ขาวซีดจากการเสียเลือดเรนใช้มือของเขาเสยผมที่มันตกลงมาปิดหน้าของพีฟิวอย่างอ่อนโยน
“ ทำไมนายต้องเกิดมาเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ” เรนเสยผมที่ปกปิดใบหน้าของพีฟิวออกไปก่อนที่จะประทับรอยจูบลงบนหน้าผากของร่างบางอย่างแผ่วเบา
~ติ๊ง~ต๊อง~ติ๊ง~ต๊อง~
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น เขาจึงผละจากร่างบางแล้วเดินตรงไปยังประตูเพื่อเปิดรับผู้มาเยือน
“ เชิญครับ”
“ คนไข้เป็นไงบ้างครับ ”
“ คนไข้หมดสติไปหลังเสียเลือดยังไม่ฟื้นเลยครับ ”
ทั้งสองจึงเดินมายังห้องนอนที่ร่างบางนอนอยู่ไม่ได้สติ หมอเดินเข้าไปพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่เตรียมมาทำแผลให้พีฟิวทันที
หลังจากทำแผลเสร็จหมอจึงทำการตรวจดูอาการอีกครั้ง
“ อาการเป็นไงบ้างครับ ” เรนเอ่ยถาม
“ เนื่องจากคนไข้เสียเลือดมากจึงทำให้หมดสติไปแต่ไม่ต้องห่วงนะครับหมอได้ทำแผลและฉัดยาให้แล้วอีกสักพักก็คงจะรู้สึกตัว อีกอย่างที่ต้องระวังคือระวังจะแผลจะติดเชื้อนะครับเพราะถ้าแผลเกิดการติดเชื้ออาจจะมีอาการแทรกซ้อนคนไข้อาจจะมีไข้สูงได้ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ ” หมอตอบพลางยัดอุปกรณ์ใส่ประเป๋าก่อนจะขอตัวเดินออกไป
หลังจากที่หมอออกไปเรนก็นั่งลงข้างๆเตียงมองร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติด้วยความเป็นห่วงเรนเอื้อมมือของเขาสัมผัสใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างแผ่วเบานานแค่ไหนกันนะที่เราสองคนไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ชิดใกล้แล้วเพราะอะไรกันเขาถึงตัดใจจากเด็กคนนี้ไม่ได้สักทีเรนนั่งจ้องร่างบางนานสองนาน
จนกระทั้งเสียงมือถือของเขาดังขึ้น
“ ว่าไง ”
(ตกลงมันเรื่องบ้าอะไรของแกฮ่ะเรนไหนลองบอกฉันมาสิ)
“ เปล่า”
(เปล่าบ้านป้าแกสิเล่นเอากองถ่ายป่วนขนาดนี้แถมฉันต้องมาบอกยกเลิกกองถ่ายทำนี้อีกฮ่ะ) ซัทจิใส่อารมณ์อย่างไม่ค่อยจะพอใจนักกับการกระทำของเรน
“ ใจเย็นน้าไว้ฉันจะบอกเรื่องนี้กับนายทีหลัง ”
( ไม่ต้องมาเฉไฉเลยนะแก ไอ้เด็กนั้นใครบอกฉันมานะเว้ย )
“………..”
(ตอบฉันมาสิเว้ย ไอ้เรน )ซัทจิเน้นเสียง
คงไม่ต้องบอหว่าผู้จัดการขาโหดคนนี้เวลาโมโหแล้วจะเป็นยังไง
“ เฮ้ย!!! ”
( ถอนหายใจทำบ้าอะไรของแกฮ่ะ ฉันถามก็ตอบมาสิเว้ย ) กำลังเดือด
( ไอ้เด็กที่แกแบกขึ้นรถนั้น เป็นใคร ไอ้เรน!!!!! )
ซัทจิเน้นเสียงต่ำและหนักแฝงไปด้วยความน่ากลัวถึงจะไม่ได้พูดคุยต่อหน้าแต่เรนก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ส่งผ่านมาทางโทรศัพท์นี้
“ น้องชายฉันเอง ”
( ไหนแกเคยบอกฉันว่าแกเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอว่ะแกหลอกฉันเหรอ )
“ เปล่าสักหน่อย น้องชายต่างสายเลือดนะ ”
( ฉันไม่เชื่อแกหรอก ไอ้เรน นั้นกิ๊กแกใช่ไหม )
หมอนั้นยังคงไม่เชื่อผมหาว่าผมพากิ๊กมากกที่บ้านซะงั้น
“ นี้ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ”
( เน่!!!! ฉันถามก็ตอบมาสิเว้ยไม่งั้นฉันจะบุกคอนโดแกเดี๋ยวนี้ )
“ เฮ้ย ไม่มีอะไรน่า ”
( ฉันไปแน่แกระวังตัวไว้ดีๆแล้วกัน )
ติ๊ด!!!!!!!
ว่าแล้วซัทจิก็วางสายไป เรนมองมือถือแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ ให้มันได้อย่างงี้สินะคุณผู้จัดการ ” เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จเรนก็เดินกลับมายังห้องนอนอีกครั้งก่อนจะนั่งลงข้างๆเตียงมองร่างบางที่นอนอยู่พลางคิดว่าถ้าหากร่างบางนี้ตื่นขึ้นมาเขาจะต้องทำอย่างไรถึงแม้เขาจะยังรักพีฟิวมากแค่ไหนแต่ก็คงพอๆกับความแค้นที่มันฝังแน่นภายในใจของเข้าเรนรู้สึกสับสนว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรดีระหว่างใจหนึ่งก็แค้นที่แม่ของพีฟิวทำกับเขาและแม่ของเขาแต่อีกใจก็เจ็บมากพอๆกันที่ดันมารักเด็กคนนี้เข้าเขาควรจะต้องทำอย่างไร
“ นายช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่าฉันจะต้องทำยังไงกับนายดีฟิว ”
เรนเอ่ยบอกกับร่างที่นอนหมดสติอยู่อย่างเจ็บปวดถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของพีฟิวไม่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ถ้าหากแม้เราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกันมันคงจะดีและตัดสินใจอะไรๆได้ง่ายกว่านี้แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ยังไงซะเขาก็ต้องตัดสินใจเลือกแล้วสินะว่าระหว่างความรักและความแค้นเขาควรจะเลือกอะไร?????
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ