Love Innovation ถึงนายจะร้ายสุดท้ายก็รัก

6.0

เขียนโดย Kumo

วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 03.48 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  10.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 03.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 ห้อง 604

~~~อืมมมม~~~    เรนค่ะ เสียงครางเบาๆของหญิงสาวดังระงมไปทั่วห้อง

 

 

 

 

 

 

 “เรนค่ะ” หญิงสาวทำเสียงออดอ้อน ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังซุกไซร้ซอกคอขาวๆของเธอ

“ อืม ไม่เอานะเรนใจเย็นๆนะจีจี้ว่าเดี๋ยวเราค่อยไปต่อกันไหมที่นี้มันโรงเรียนเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”พอได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มถึงกับแจะปากอย่างไม่พอใจ

“ นี้คุณจะปฏิเสธผมงั้นเหรอ ”

“ คือจี้….เอ่อจี้กลัวว่าจะมีคนมาเห็นนะค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นตอบอย่างกล้าๆกลัวพลางหลบตาต่ำเพื่อหนีสายตาอันดุดันตรงหน้าที่กำลังจ้องด้วยอาการไม่พอใจนัก

“ ตกลงคุณจะขัดใจผมให้ได้ใช่ไหม ” เรนเอ่ยพร้อมกับตีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักจนทำเอาสาวเจ้ากลัวจนไม่กล้าที่จะขัดใจเขา

“ จีจี้ไม่กล้าขัดใจเรนหรอกค่ะ ” เธอตอบก่อนที่เรนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์

“ ดีงั้นในเมื่อคุณทำผมหงุดหงิดงานนี้คุณต้องรับผิดชอบ” ว่าแล้วเรนก็จัดปากปิดปากของเธอด้วยจุมพิตที่เร้าร้อนและรุนแรงทำเอาสาวเจ้าส่งเสียงครางเบาๆออกมาด้วยความพอใจ

“~~อืมมมม~~” เรนผละริมฝีปากออกจากอีกฝ่ายก่อนที่เลื่อนใบหน้าของเขาไล่สัมผัสไปตามผิวกายของเธอก่อนจะซุกไซร้ลิมฝีปากลงบนลำคอขาวๆของเธอด้วยสัมผัสที่ดุดันและร้อนแรงจึงทำให้เธอส่งเสียงความปราถนาออกมาอย่างต่อเนื่องพลางเลื่อนมือของเธอไปโอบรัดชายหนุ่มเอาไว้

“ เรน ค่ะ อืมมม เรนนน ” เธอพยายามเรียกชื่อของเขาและโอบรัดเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆชายหนุ่มละสัมผัสก่อนจะหันมาจูบเธออีกครั้งพลางเลื่อนมือของเข้าเข้าไปในชุดเดรสของเธออย่างรวดเร็ว ทำให้บรรยากาศภายในห้องที่ร้อนระอุและอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงที่ดังไม่เป็นศัพท์

ติ๊ง

เสียงลิฟท์หยุดยังชั้น6เมื่อเห็นประตูลิฟท์เปิดออกร่างบางก็เดินออกมาพร้อมถาดที่ใส่กาแฟและบัตเตอร์เค้กออกมาก่อนจะเดินตรงมายังห้อง604 พลางเอื้อมไปที่ลูกบิดประตูก่อนจะบิดเพื่อเปิดเข้าไปด้านในจนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะเจอต่อจากนี้กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

“ผมขออนุญาตเอาของว่างเข้าไปนะฮ่ะ” เมื่อเอ่ยขอแล้วเขาจึงปิดประตูก่อนจะเดินก้มหน้าเข้าไปภายใน

“ อืม เรนค่ะ อ๊ะ เรนนน”

พีฟิวก้าวเดินเข้าไปภายในโซนรับแขกอย่างแผ่วเบาโดยไม่ทันมองว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร

“ ผมเอากาแฟกับของว่างตามที่สั่งมาให้ฮ่ะ” ว่าแล้วพีฟิวก็เงยหน้าขึ้นภาพที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่ตั้งใจทำเอาถึงกับช็อกด้วยอาการตกใจจนทำให้ถาดที่ถือมาหล่นลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ

เคร้งงงงงงงง  เสียงแก้วน้ำหล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆจนไม่เหลือเค้าโรงเดิมเลยแม้แต่น้อยหญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกก็ทำเอาถึงประสะดุ้งด้วยอาการตกใจทำให้กรี๊ดร้องออกมาอย่างดัง

“กรี๊ดดดดดดดด” เธอกรีดร้องด้วยอาการตกใจที่พบว่ามีเด็กหนุ่มอีกคนยืนอยู่ด้วยอาการช็อกที่เข้ามาเห็นเธอกำลังเล่นบทรักอันเร้าร้อนอย่างดุเดือดกับเรนเข้าพอดีและด้วยเสียงกรี๊ดร้องทำให้เรนหยุดชะงักไปในทันที

เมื่อเห็นดังนั้นจีจี้จึงลุกขึ้นจากตัวของเรนแล้วรีบดึงเสื้อขึ้นมาปิดร่างกายท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้ส่วนพีฟิวหลังจากช็อกและอึ้งอยู่นานก็รู้สึกตัวได้สติจึงกล่าวขอโทษในทันที

“เอ่อ ขอโทษฮ่ะคือผมไม่ได้ เอ่อ ผมขอโทษฮ่ะ” พีฟิวกล่าวขอโทษพลางโค้งตัวเพื่อแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จีจี้หลังจากที่เธออยู่ในสภาพปกติก็หันมาเผชิญหน้าพลางระเบิดอาการวีนแตกใส่พีฟิวทันที

“ ขอโทษเหรอ เหอะ ให้มันได้อย่างงี้สิเด็กโรงเรียนนี้ไม่รู้จักคำว่ามารยาทบ้างหรือไงกันถึงไม่ทะเล่อทะล่าเข้าห้องคนอื่นตามใจชอบแบบนี้ เรนต้องจัดการให้ผู้อำนวยการไล่เด็กไร้มารยาทคนนี้ออกนะค่ะไม่งั้นจีจี้ไม่ยอมจริงๆด้วย ”

“ผมขอโทษจริงๆฮ่ะ ขอโทษฮ่ะ ขอโทษ”

“เอาน่าจี้คุณออกไปก่อนไป”

“ แต่ว่าเรนค่ะ”

“หนวกหูนะ บอกให้ออกไปก็ออกไปสิ ”

“แต่เรนไอ้เด็กนี้มัน” ยังไม่ทันที่จีจี้จะพูดจบประโยคเรนก็จ้องมองจีจี้ด้วยสายตาที่ดุดันพลางบอกเป็นในๆว่าตอนนี้เขาไม่สบอารมณ์เธอจึงต้องยอมออกไปจากห้องแต่โดยดีหลังจากที่จีจี้เดินออกจากห้องไปเรนจึงก้มหยิบเสื้อของเขาขึ้นมาใส่ก่อนที่จะเอื้อมหยิบบุหรี่ที่วางอยู่ขึ้นมาก่อนจะจุดไฟแชกสูบแล้วพ่นควันขาวๆลอยออกมาเรนจ้องไปยังร่างบางตรงหน้าพลางมองไปด้วยความคุ้นตาร่างที่กำลังปรากฏตรงหน้าของเขา

“นี้นายเก็บกวาดเศษแก้วนั้นแล้วออกไปซะ”

“ฮ่ะ” พีฟิวรับคำก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วที่เมื่อครู่เขาเป็นคนทำแตก

เรนยังคงจ้องมองร่างบางอย่างไม่ละสายตาพลางนึกว่าร่างที่เห็นตรงหน้าคือใครจนพีฟิวเงยหน้าขึ้นมาทำให้เขารู้แล้วว่าร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วนั้นคือใครเรนแอบดีใจเล็กน้อยที่ได้เห็นแต่ก็ทำเป็นไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้พีฟิวเห็น

ส่วนทางด้านพีฟิวด้วยความรีบร้อนไม่ทันระวังจึงเผลอทำเศษแก้วบาดฝ่ามือด้านซ้ายของตัวเองเป็นทางยาว

“โอ๊ย”พีฟิวรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ฝ่ามือจึงหงายฝ่ามือตัวเองดูก็พบว่าแผลที่โดนเศษแก้วบาดมีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาครั้งจะทิ้งเศษแก้วที่เป็นคนทำแต่ไว้ก็กะไรอยู่จึงก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วถึงแม้จะเจ็บแผลก็ตามที

“ อย่ามาทำสำออยน่า” เรนเอ่ยพลางปายหางตามองที่พีฟิวถึงแม้เขาจะเห็นว่ามือของพีฟิวเต็มไปด้วยเลือดแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจเหมือนกับว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้น

พีฟิวข่มใจตั้งหน้าตั้งตาเก็บเศษแก้วจนเสร็จแล้วพยายามที่จะยันตัวเองลุกขึ้นพีฟิวโค้งตัวให้กับเรนเตรียมที่จะเดินออกจากห้องไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักกับคำพูดที่ได้ยิน

“มารยาเหมือนแม่ไม่มีผิด คงจะสบายแล้วสินะทั้งแม่ทั้งลูกที่หลอกตาแก่หน้าโง่นั้นจนโงหัวไม่ขึ้นคงอยู่ดีกินดีสินะ หึ ” เรนเอ่ยพลางแค่นเสียงหัวเราะใส่พีฟิว

พีฟิวกำหมัดแน่นด้วยความโมโหแต่ก็ไม่อาจหันไปเผชิญหน้ากับเรนได้เพราะตอนนี้เลือดที่ฝ่ามือดันไหลไม่ยอมหยุด

 “ ยืนบื้อทำซากอะไรเล่า เก็บกวาดผลงานเสร็จก็ไสหัวออกไปซะ ” เรนตะหวาดเขาอีกครั้ง

ส่วนทางด้านพีฟิวที่รู้สึกว่าตัวเองจะยืนไม่ไหวก็พยายามข่มใจเอาไว้ถึงจะเจ็บแค่ไหนแต่ก็ต้องพยายามอดทน

“ ฮ่ะ” พีฟิวตอบและพยายามที่จะเดินประคองตัวเองให้ถึงประตูห้องเรนที่กำลังนั่งมองก็เห็นอาการผิดปกติเพราะร่างบางเดินสะเปะสะไปมาเหมือนคนจะล้มแต่ก็ยังฝืนเดินออกไปจากห้องถึงเขาจะสงสารแต่ก็ยังทำเย็นชาไม่ใส่ใจหรือยอมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะด้วยเหตุผลหลายอย่าง

( ถ้านายไม่ใช่ลูกของนังนั้นฉันก็คงไม่ปล่อยให้นายต้องเจ็บตัวแบบนี้หรอก )

ส่วนพีฟิวหลังจากเดินประคองตัวเองออกจากห้องนั้นได้ก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดขึ้นมาในทันที พลางรู้สึกได้ว่าตัวเองจะเดินไม่ไหวจึงหยุดและนั่งลงบริเวณหน้าห้อง บาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด พีฟิวก้มมองฝ่ามือตัวเองด้วยความเจ็บปวดบาดแผลที่ฝ่ามือของเขาถึงมันจะเจ็บปวดค่าไหนก็คงไม่เท่าคำพูดของเรนที่มันทิ่มแทงและบาดลึกลงไปในจิตใจ

พีฟิวพยายามที่จะยันตัวเพื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้งแต่ครั้งนี้ทำไมหัวมันรู้สึกหนักอึ้งมองดูพื้นก็เริ่มเอียงไปมาหมุนมันเริ่มที่จะมองไม่เห็นทางเดินที่เดินมารู้สึกว่าม่านตาจะค่อยๆปิดลง

“ แม่ฮ่ะ ผมจะเป็นอะไรหรือเปล่าฮ่ะ ทำไมมันถึงมองไม่เห็น” สิ้นเสียงอันแผ่วเบาร่างบางก็ร่วง ตุบ ลงไปกองกับพื้นพร้อมทั้งถาดเศษแก้วที่ถือออกมา หล่นพื้น เคร้ง!!!!! กระจัดกระจายไปตามพื้น พร้อมกับร่างที่นอนแน่นิ่งหมดสติ

~~~~กรี๊ด~~~~

เสียงกรีดร้องของหนึ่งในคณะกรรมการที่เพิ่งเดินผ่านมาด้วยอาการตกใจที่เห็นร่างบางที่นอนหมดสติและเลือดที่ไหลออกมาจากฝ่ามือด้านซ้ายกองอยู่เต็มพื้น เธอจึงรีบวิ่งมาประคองร่างมือหนึ่งก็ควานหาโทรศัพท์มือถือกดหาเบอร์เพื่อนให้เรียกรถพยาบาล แต่ก็ไม่ทันที่จะได้กดเบอร์โทรออกก็เห็นร่างใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบร่างของชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดีเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือไซเรนนักร้องหนุ่มที่สาวๆคลั่งไคล้

“ ไม่ต้องโทรหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” เรนเอ่ยเสียงเรียบกับหญิงสาว

“ ตะ แต่ว่า ”

“ ยิ่งปล่อยไว้แบบนี้อาการจะยิ่งแย่นะ เธอไปเถอะเดี๋ยวฉันจัดการเองไม่ต้องห่วง ” ^-^เรนยิ้มบางๆให้กับเธอ หญิงสาวพอได้เห็นรอยยิ้มนั้นถึงกับอ่อนระทวยและยอมวางพีฟิวลงบนพื้นลุกขึ้นยืนก่อนจะโค้งตัวแล้วเดินจากไป

เรนมองร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติก่อนจะช้อนเอาร่างบางขึ้นมาถึงพีฟิวจะเป็นผู้ชายแต่ร่างนี้ก็ตัวเบาราวกับผู้หญิงเรนเอามือข้างหนึ่งโอบพีฟิวเอาไว้ไม่ให้ร่างบางร่วงก่อนจะกดโทรศัพท์ดทรหาผู้จัดการของเขา

“ นี้ ซัทจิ ขับรถฉันมาจอดด้านหลังตึก6นะแล้วก็บอกทีมงานยกกองไปก่อนวันนี้ฉันมีธุระ ” ว่ายังไม่ทันที่ปลายสายจะอ้าปากพูดก็กดวางสายทันที ถึงแม้ ซัทจิจะมีคำถามแต่ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้

เรนอุ้มร่างบางมายังลิฟต์เพื่อลงมายังชั้นล่างสุด ในขณะที่ซัทจิขับรถมาจอดพอดี

“ เฮ้ย เรนเป็นอะไรของนายเนี้ย ” ซัทจิท่าทางจะหัวเสียอยู่ไม่น้อยกับการกระทำอันเอาแต่ใจของเรน

“ เถอะน่าอย่าถามมากเปิดประตูรถให้ที ” เรนออกคำสั่งพลางให้ซัทจิเปิดประตูรถให้ก่อนจะวางร่างของพีฟิวที่หมดสติลง

“ ตกลงว่าไงว่ะเนี้ย ”

“เอ่อน่า ไว้อธิบายทีหลังเอ่อนายอย่าลืม บอกยกเลิกกองไปก่อนนะฉันไปล่ะ ” ว่าแล้วเรนก็ขับรถออกไปทันที

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

“ อ้าว  เฮ้ยๆๆ ให้ตายสิว่ะหมอนี้ ” ซัทจิบ่นพลางถอนหายใจส่ายหน้าไปมาด้วยอาการเอือมระอา

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา