วิกฤตร้าย...ใจกรุ่นรัก
8.3
เขียนโดย นางสาวสุข
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.01 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
5,063 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 07.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1
เข็มนาฬิกากระดิกไปเรื่อยๆ บอกเวลาเที่ยงคืน สโรชานั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ความฝันเมื่อกี้ทำให้เธอตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่สิมันไม่ใช่ความฝันแต่มันเป็นความทรงจำในวันวานที่เธอกับเขามีร่วมกันก่อนที่มันจะจางหายไปกับกาลเวลา เธอลุกจากเตียงเดินไปที่ระเบียงห้องนอน สโรชาค่อยๆเปิดประตูบานเลื่อน ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเข้ามา
“พระจันทร์เต็มดวง... สวยจัง” หญิงสาวทอดมองพระจันทร์บนฟ้าอย่างเหม่อลอย ปล่อยให้สายลมพัดเส้นผมดำยาวถึงบั่นท้ายของตัวเองปลิวสยาย เธอฝันเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว เรื่องราวของแฟนคนแรก คำสัญญาไร้สาระของเด็กๆ ...ใช่! มันก็เป็นแค่คำสัญญาของเด็กๆ... หลังจากที่ทัตเทพเลิกกับเธอวันนั้น ผ่านไปไม่กี่เดือน ทัตเทพก็มีแฟนใหม่ แถมยังเป็นถึงดาว สายชั้นมัธยมต้น ที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนอีกต่างหาก และเมื่อพวกเราขึ้นชั้นมัธยมปลายนั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทัตเทพจากเด็กหนุ่มก็ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาโตขึ้นกลายเป็น หนุ่มแถม เขาผอมสูง หุ่นดี โดดเด่น ดูดี หน้าใสกิ๊กแถมยังมีนามสกุลดัง เขากลายเป็นคนดังของโรงเรียน ใครๆก็รู้จัก ใครๆก็ชอบเขา ส่วนเธอหลังจากที่เลิกกันไปร่างกายเธอก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีสิว แถมยังดีอยู่ดีจนเป็นสาวอวบที่เพื่อนผู้ชายในห้องต่างล้อเลียนกันว่า ‘โอ่งบัว’ และนี้แหละที่เปลี่ยนแปรงทั้งเขาและเธอจนกลายเป็นเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบกันได้ ถึงแม้จะพูดคุย ยิ้มให้กัน มันก็เป็นเพียงแค่เส้นขนานที่อยู่ใกล้กัน แต่ไม่มีทางบรรจบกันได้อีก มันเหมือนมีเส้นคั้นบางๆ ที่มองไม่เห็นขวางอยู่ เส้นบางๆที่เรียกว่า...ความแตกต่าง เมื่อเวลาผ่านไป จากที่ยิ้มให้กัน พูดคุยกัน ก็กลายเป็นธาตุอากาศ พวกเราทำเหมือนกับต่างคนต่างไม่มีตัวตน รู้ถึงการมีอยู่แต่ก็ไม่ให้ความสนใจ และเมื่อเราจบมัธยม เธอก็เข้าเรียนต่อคณะศึกษาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ยังได้ข่าวทัตเทพจากเพื่อนๆ ของเธอ ว่าทัตเทพบินไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว และไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็มีข่าวของเขาออกมา ทั้งข่าวสังคมบ้างละ สัมภาษณ์นิตยสารบันเทิงบ้างละ สัมภาษณ์นิตยสารธุรกิจบ้างละ ตามประสาหนุ่มไฮโซนักธุรกิจคนดังแห่งปี และเมื่อปีที่แล้วนิตยสาร Iron Lady โหวตให้เป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆทั้งประเทศอยากเดทด้วยอีกต่างหาก
“เฮ้อ...” สโรชาถอนหายใจ ...ความฝัน ไม่สิ! ความทรงจำนั้น มันผ่านมาตั้งสิบสองปีแล้วนะ แต่ทำไมยังฝันถึงอยู่ละ ทำไมเรายังไม่ลืมซะที... สโรชาปิดประตูระเบียงแล้วเดินมาล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยใจ ร่างบางบนเตียงจัดท่านอนอย่างสบายและพยายามหลับอีกครั้ง แต่พยายามเท่าไหร่ก็ข่มตาหลับไม่ลง ...ทัตเทพ รู้สึกว่าตอนนี้เขาคบกับสาวแพรวา นางงามรองชนะเลิศอันดับสาม จากเวทีการประกวดมิสไทยเมื่อปีที่แล้วอยู่นี่นา ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ ถึงจะสู้คนที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งไม่ได้ แต่เธอก็สวยและเหมาะสมกับทัตเทพมากจริงๆ... สโรชาลุกจากเตียงอีกครั้ง เธอเดินมาหยุดตรงโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวมองเข้าไปในกระจก มองดูตัวเองอย่างปลงๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะผอมบางหุ่นดี หน้าใส ไม่ใช่สาวเจ้าเนื้อสิวเขรอะอย่าในอดีต และเธอก็ยอมรับว่าเธอเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง โครงหน้ายาวเรียวรูปไข่ คิ้วโก่งยาวรับกับตาชั้นเดียวกลมโต จมูกโด่งรั้นรับกับปากอิ่มเล็ก ผิวของเธอก็ขาวอมชมพู ทำให้เธอดูสวยน่ารัก แต่เธอก็คงสวยได้ไม่ถึงครึ่งของแฟนสาวทัตเทพแน่นอน ...เอ๊ะ! แล้วนี่ฉันจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับแฟนอีตาทัตเทพทำไมกันละเนี่ย บ้าจริง! ฉันเอาเวลามาคิดบ้าบออะไรอยู่เนี่ย เอาเวลามานอนดีกว่า! พรุ่งนี้มีนัดแต่เช้าด้วย! นอนๆ... หญิงสาวล้มตัวลงนอนพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมตัว พร่ำบอกตัวเธอเองให้นอน
“ไอ้บัว! แกมาถึงคนสุดท้าย ดังนั้นแกเป็นเจ้ามือ นะจ๊ะ!”
“รู้แล้วจ๊ะแม่คุณ! ย้ำซะจริง! แล้วสั่งขนมเผื่อฉันแล้วใช่มั้ย” สโรชานั่งลงข้างนิดดาแล้วมองค้อนปรียาที่นั่งข้างอัปสรพูดตอกย้ำเธอ ...โอ้ย!! เพราะความฝันบ้าๆนั่นแท้ๆเลย ที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ ตื่นมาอีกทีก็สายโด่งแล้ว...
“เรียบร้อยจ๊ะคุณเพื่อน!” นิดดาตอบรับ นิดดา ปรียาและอัปสร เป็นเพื่อนของเธอตั่งแต่เรียนชั้นมัธยมปลาย สมัยที่ใครๆ ในห้องต่างก็เรียกเธอว่า ‘โอ่งบัว’
“บัว... มีหนุ่มฝากมาให้หล่อน” อัปสรพูดหลังจากที่พนักงานเอาน้ำและขนมมาเสริฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว อัปสรยื่นซองจดหมายสีชมพูมาให้สโรชา
“ใครฝากมาให้ฉันกัน” หญิงสาวรับจดหมายมาพิจารณา
“ไอ้หมอเต๋อ หัวหน้าห้องเราตอน ม.6 ไง” นิดดาพูดพร้อมยัดเค้กเข้าปาก
“อ๋อ... ตรัณเหรอ จดหมายงานเลี้ยงรุ่นใช่มั้ย”
หากตรัณ หรือหมอเต๋อที่ใครๆเรียกส่งจดหมายมา ก็หมายความว่าเร็วๆนี้จะมีงานเลี้ยงรุ่น ประธานรุ่นจะมอบหมายงานให้หัวหน้าห้องแต่ละห้องส่งจดหมายเชิญสมาชิกในห้องของตัวเองทุกคน ให้มาร่วมงานที่จัดขึ้น
“ฉลาดมาก! รู้ชื่อคนส่ง ก็รู้เนื้อความในจดหมายได้” ปรียาเอ่ยปากชมพร้อมปรบมือให้สโรชา “บัว แล้วแกจะไปรึเปล่า แกไม่ไปสามครั้งแล้วนะ คนในห้องเราก็ถามหาแกทุกปี”
งานเลี้ยงรุ่นจะจัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี รุ่นของเธอจัดขึ้นหลังเรียนจบมัธยมมาได้หนึ่งปี ตอนนั้นทุกคนพึ่งอยู่ปีหนึ่งกันอยู่เลย แต่ทุกคนก็สละเวลาไปร่วมงาน เธอด้วยก็เช่นกันไม่ว่าจะรับน้องหนักแค่ไหนก็เจียดเวลาไปให้ได้ เธอไปร่วมงานทุกปี แต่พอเรียนจบทำงานผ่านมาสองปีแล้ว สโรชาพยายามบ่ายเบี่ยงตลอด และปีนี้ก็เช่นกัน เหตุผลนั่นก็เพราะ ...เขากลับมาแล้ว...
“งานจัดวันเสาร์นี้เหรอ ฉัน...”
“ไอ้บัว สองปีที่ผ่านมานี้แกอ้างว่าลดหุ่น รักษาหน้า และผลมันก็ทำให้พวกฉันทึ่งมากที่แกผอมได้บางขนาดนี้ หน้าใสขนาดนี้ แต่ปีนี้แกจะอ้างเรื่องพวกนี้กับพวกฉันอีกไม่ได้แล้วนะ” นิดดาขัดขึ้นอยากมีอารมณ์
“ฉันไม่ว่างอ่ะ ฉันยังตรวจการบ้านนักเรียนยังไม่เสร็จเลย”
“การบ้านอะไรของหล่อน ได้ข่าวว่ายังไม่เปิดเทอมเลยนะยะ! อย่ามาอ้าง เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นที่สุด!” อัปสรท้าวคางส่งสายตาคาดคั้น “บัว ที่หล่อนไม่ไปเพราะไม่อยากเจอใครบางคนใช่มั้ย” คำถามนี้จุดประเด็นความสนใจนิดดากับปรียาขึ้นทันใด
“ปะ เปล่านะ! โอเคๆ ไปก็ได้!!”
“ถามแค่นี้เอง ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย มีพิรุธ อ่ะ!” นิดดามองอย่างสงสัย
“พิรุธ อะไรไม่มี๊” สโรชาปฎิเสธเสียงสูง
“นั่นไง! เสียงสูงอีกตะหาก” ปรียาเสริมนิดดา ทั้งสองคนหันไปตบมือกันอย่างพอใจ
“พอๆ พวกหล่อนหยุดแกล้งบัวกันได้แล้ว” อัปสรเอ่ยปามปรียาและนิดดา ก่อนจะหันมาคะยั้นคะยอเธอต่อ “เอ่อนี่ บัว ทำไมแกไม่เปิดอ่านบัตรเชิญล่ะ แล้วแกจะได้อึ่ง!”
“อึ่งงั้นเหรอ”
“ใช่! เพราะงานเลี้ยงรุ่นปีนี้จัดหรูเลิศอลังการเลยละ” ปรียาทำหน้าเคลิ้มฝัน
“ใครคิดคอนเซ็ปงานในปีนี้เนี้ย! เลิศมาก! รำลึกพรอมในวันวาน! เก๋สุดๆ” สโรชาอดร้องไม่ได้ หลังจากดึงบัตรเชิญออกมาอ่าน งานเลี้ยงรุ่นปีนี้จัดเป็นงานพรอม เพื่อให้ย้อนกลับไปในวันที่พึ่งจบการศึกษากันหมาดๆ จะมีการค้นหา คิง ควีน ประจำงานปีนี้อีกด้วย สถานที่จัดงานคือ โรงแรม พิบูรณ์ แกรนด์ งานเลี้ยงเริ่มหกโมงเย็น
...โรงแรม พิบรูณ์ แกรนด์ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก...
“ก็อีตาหมอไท ประทานรุ่นไงแก ที่คิดคอนเซ็ปงานปีนี้อ่ะ เก๋กู้ดใช่มั้ย! เพราะปีนี้ทั้งห้องสายศิลป์และห้องสายวิทย์เป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดงานนะ งานเลิศยังไม่พอนะแก โรงแรมก็เลิศหรูอลังการ โรงแรมนี้น่ะนะติดหนึ่งในห้าโรงแรมหรูน่าพัก เอกลักษณ์เด่นของประเทศอีกด้วยนะ ผู้บริหารก็ หล้อหล่อ! แฟน...โอ๊ย!! นิด แกยิกฉันทำไมกันล่ะเนี่ย!!!” ปรียาพูดไม่ทันจบเพราะถูกนิดดายิกเข้าให้ที่ต้นขา จึงหันไปโวยกับนิดดา แต่ก็ถูกมองคาดโทษกับมาจากเพื่อน
“อยากยิกคนพูดมาก! บัว! เป็นอันว่าแกตกลงไปงานแล้วนะ!!” นิดดาสรุป และหันหน้าไปสบตากับปรียาอย่างคาดโทษ ส่วนอัปสรก็ได้แต่ยิ้มให้กับความปากมาของปรียาอย่างปลงๆ
“จ้า! รับรองว่าพวกแกเจอฉันหน้างาน แน่นอน!!” หญิงสาวตอบรับ ก่อนก้มหน้าจิ้มขนมเค้กเข้าปากอย่างหนักใจ ...เอาน่ะ!! ยังไงก็ไม่เจออีตานั่นหรอก ถึงเจอกันกับอีตานั่น ยังไงเขาก็ไม่สนใจเราหรอก อ๊าย! แล้วทำไมฉันต้องคิดเรื่องตานั่นอีกละเนี่ย บ้าบอที่สุด!!...
หลังจากที่ทานเค้ก จิบชากันเรียบร้อย ทั้งสี่สาวก็เลือกมาเดินห้างดังใกล้ๆ ร้านเค้ก เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าสำหรับไปงานเลี้ยงรุ่น แวะร้านนู้น ร้านนี้หิ้วของเต็มไปหมด ยกเว้นเธอ หญิงสาวไปร้านไหนก็ไม่เจอชุดที่ถูกใจเลยแม้แต่ชุดเดียว แตกต่างจากเพื่อนของเธอ ที่ตอนนี้มือแทบจะไม่มีที่วางกันแล้วทั้งชุด ทั้งรองเท้า ทั้งเครื่องประดับเต็มไปหมด
“บัว! แกยังไม่เจอชุดที่ถูกใจอีกเหรอ พวกฉันได้ครบกันหมดแล้วนะ” นิดดาพูดพร้อมชูถุงให้ดู
“ก็ฉันเลือกไม่ถูกนี่นา พวกแกเลือกให้หน่อยสิ” หญิงสาวหันไปส่งสายตาอ้อนเพื่อนสาวของเธอแต่ละคน นิดดาลากแขนเธอกลับไปเข้าร้านที่พึ่งเดินออกมา
“บัว แกอยากจะหวาน หรือ อยากจะเปรี้ยว หรือว่า อยากจะดีดูมีเสน่ห์” ปรียาที่กำลังเลือกชุดถาม
“เอ่อ...อะไรก็ได้ ไม่เอาเปรี้ยวนะ ขอแบบมิดชิดๆ หน่อยก็ดี”
“งั้นแกก็ไปลองชุดนี้ดู” อัปสรยื่น เดรสยาวซีฟองเกาะอกสีขาวลายดอกสีน้ำเงินยาวเลยเขา รอบอกติดระบายสีขาว ที่เอวมัดโบว์น้ำเงินผ้ามันเงาเรียบหรู กระโปรงฟูเนื่องจากมีซับในหลายชั้น ตรงชายกระโปรงมีระบายลูกไม้ส่งมาให้สโรชา เธอรับชุดแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องลองชุด หญิงสาวมองตัวเองในกระจกอย่างลังเล ว่าควรจะออกไปให้เพื่อนสาวเธอดูดีมั้ย เธอเม้นปากสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินออกมาจากห้องลองชุด
“ว้าว! น่ารักดีนะแก” นิดดาพูดออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะเดินเข้ามาหมุนตัวเธอ
“มันจะดูดีมากกว่านี้ ถ้าแกไม่ยืนห่อไหล่นะบัว เสียบุคลิกหมด!” ปรียาพูดเสียงเขียวอย่างตำหนิ ก่อนจะเดินมาจัดท่าทางเธอ
“ก็ชุดมันเป็นเกาะอกนี่! ฉันก็เลยรู้สึกโล่งๆ หวิวๆ น่ะสิ” เธอแย้งเพื่อนสาวอย่างอายๆ
“แล้วไอ้ชุดสายเดี่ยวโบฮีเมียนที่แกใส่มาวันนี้ละ ไม่หวิวรึไง มันก็เหมือนกันนั่นแหละน่า...” อัปสรพูด
“สายเดี่ยวโบฮีเมียนของฉันไม่หวิวจ๊ะ! เพราะอย่างน้อยมันก็มีสายดูปลอดภัยกว่าชุดเกาะอกที่ใส่อยู่นี้เป็นไหนๆ”
“งานรำลึกพรอมในวันวาน ฉันว่าถ้าแกแต่งโบฮีเมียนบ้าๆ เซอร์ๆ ของแกมางานอ่ะนะ รับรองยามไม่ให้ผ่านประตูโรงแรมห้าดาวแน่ๆ เขานึกว่าคนบ้า” นิดดาพูดออกรส
“เดี๋ยวนะๆ พวกแก ฉันมีความคิดดีๆล่ะ” ปรียาแทรก
“ความคิดอะไร” อัปสรถาม
“ความคิดดีๆ ก็แล้วกันน่า... แล้วยังไม่ต้องแย้งฉันด้วยนะ! ดูอยู่เฉยๆไปก่อนสักแปบนึง! ไอ้บัวมันชอบแต่งโบฮีเมียน ก็ให้มันแต่งโบฮีเมียนไป โฮะๆ” พูดเสร็จแล้วปรียาก็เดินหัวเราะไปเลือกชุดสไตล์โบฮีเมียนที่อยู่อีกโซนของร้าน เลือกซักพักก็เดินกลับมาพร้อมชุดโบฮีเมียนสายเดี่ยวสีฟ้า คอวี กระโปรงยาวถึงข้อเท้า ส่วนลายชุดเป็นลายดอกสีส้มแซมสีม่วง ก้านสีเขียวเข้ม เขียวอ่อน ดูแล้วสดใสสดชื่นมาหนึ่งตัวส่งมาให้สโรชาไปลองสวมดู พร้อมกับหันไปยิ้มให้ทุกคนแล้วพูดจีบปากว่า “แล้วคอยดูนะจ๊ะ ว่าเจ้จะทำอะไรต่อไป โฮะๆ”
“ก็ได้ค่ะ!! แต่ต้องแต่งออกมาแล้วสวยนะ ถ้าเซอร์ เดี้ยนไม่ให้ผ่านนะคะ โฮะๆ” นิดดาพูดจีบปากล้อเลียนปรียา
สโรชรีบไปเปลี่ยนชุดโบฮีเมียนใหม่อย่างไม่อิดออด แค่เห็นสีสันของชุดนี้ก็ทำให้เธอสดชื้นหน้าบานแล้ว ดีกว่าชุดเดรสเมื่อกี้เป็นไหนๆ เธอฮั้มเพลงเบาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหมุนตัวไปมา แล้วมองดูตัวเองในกระจกมองดูความเรียบร้อยก่อนออกจะห้องลองชุด
“หน้าบานเลยนะแก” อัปสรและนิดดาแขวะเธอเข้าให้คนละหนึ่งดอก
“อืม... ชุดนี้ สีนี้ ลายนี้ ช่วยขับผิวแกให้ดูสว่างจริงๆด้วย โฮะๆ ฉันนี้ตาถึงจริงๆ” ปรียาชมตัวเอง
“โอเค!! ตกลงเอาชุดนี้นะ รอแป๊บ! ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวมา” สโรชาพูดก่อนจะหันหลังไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของปรียา “บัวๆ ไม่ต้องเปลี่ยน ไปจ่ายเลย เดี๋ยวฉันจะพาแกไปซื้อกระเป๋า รองเท้าที่เข้าชุดกัน”
หลังจากที่จ่ายค่าชุดเสร็จปรียาก็ลากเธอ ไปเลือกกระเป๋าถือหนังยาวแทบสีนั้นสีนี้อยู่นาน สุดท้ายก็มาลงตัวที่สีขาว และปรียาก็ลากเธอไปซื้อร้องเท้าที่เข้าชุด เลือกอยู่นานปรียาก็เลือกได้รองเท้าส้นสูงสีส้มสุดจี๊ดมันวาวคู่หนึ่งมีสายรัดข้อเท้าสองเส้นรับประกันว่า รัดแน่น มั่นใจ ไม่หลุด มาให้เธอสวม นิดดา ปรียา อัปสร ทั้งสามคนยืนล้อมเธออย่างพิจารณา ปรียายิบกระเป๋าถือสีขาวที่พึ่งซื้อออกจากถุงส่งมาให้เธอถือ แล้วยืนโพสท่าเป็นนางแบบอยู่กลางร้านรองเท้า
“ฉันว่าที่คอดูโล่งไป ผมก็ปล่อยลงมาดูลกๆ ไม่โปร่งตาเลย แกคิดเหมือนฉันมั้ยนิด ฟ้า” นิดดาและอัปสรพยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันว่าเครื่องประดับน่าจะเป็นมุกนะ หรือพวกแกว่าไง ยา ฟ้า” นิดดาเสนอความคิด หันไปถามปรียาและอัปสร
“บัว! ฉันจำได้ว่า แกมีชุดเครื่องมุกอยู่ใช่มั้ย ที่แกใส่ไปงานแต่งยัยหน่อยเมื่อปีที่แล้วอ่ะ” อัปสรหันมาถามเธอที่ยืนโพสท่าค้างอยู่
“มีๆ อยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”
“งั้นก็เอาชุดมุกนั่นแหละใส่ไป ส่วนผมแก...” อัปสรขมวดคิ้ว เม้มปากอย่างใช้ความคิดพลางมองเธอ
“ฉันว่าเกล้าขึ้นดีกว่ามั้ย แล้วก็คาดเชือกดอกสีขาวสไตล์โบฮีเมียนไง” ปรียาที่ยืนคิดอยู่ก่อนหน้าแล้วเสนอขึ้น นิดดาและอัปสรก็พยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง
“โอเค! ตกลงตามนี้ ฉันยืนโพสท่าจนเมื่อยไปหมดแล้ว” นางแบบจำเป็นท้วง
“โพสท่าแค่นี้ทำเป็นบ่น นี้ฉันทำเพื่อแกเยอะมากเลยนะ ไอ้บัว” ปรียาพูดทวงบุญคุณ
“ขอบคุณมากค่ะ! ป๋าขา!!” เธอกราบงามลงบนไหล่ปรียาประชดเล่นๆ
“ฮ้าๆ แล้วหนูบัวจะขอบคุณป๋าอีก ในวันงาน ฮ้าๆ” ปรียาก็เล่นตาม เก๊กเสียงหล่อพูดตอบเธออย่างอารมณ์ดี
“แล้วบัวจะต้องขอบคุณอะไรป๋าอีกล่ะคะ” เธอถามอย่างสงสัยในคำพูดของปรียา
“ก็ขอบคุณป๋า ที่ดันให้หนูบัว ได้ตำแหน่งควีนในงานเลี้ยงรุ่นน่ะสิจ๊ะ โฮ๊ะๆ เอ้ย! วะฮ้าๆ” ปรียาเก๊กเสียงหล่อพูดอย่างภูมิใจ เธอมองปรียาก่อนจะหันไปมองหน้านิดดา กับ อัปสรที่กำลังมองปรียาอย่างไม่ไว้วางใจ
“แกแน่ใจเหรอ ไอ้ยา” นิดดาถาม
“แน่ใจสินิด! เชื่อตาฉันสิ กรีดตาคมๆ ปัดแก้มหน่อยๆ ทาปากแดงๆ รับรองจี๊ด! กระแทกใจกรรมการ จนได้ตำแหน่งควีนมาครอง แน่นอน!!” ปรียายกนนิ้วโป้งการันตี
“เฮ้อ...” เธอ นิดดา และ อัปสร หันมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ
“อ้อ! นิด แกเรียกฉันยาได้ไง บอกให้เรียก ญาญ่าๆ”
“จ้าๆ ญาญ่า ก็ ญาญ่า” นิดดารับคำ
“พวกเธอไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป โฮะๆ” เธอมองปรียาที่หัวเราะสาสมใจอย่าง ปลงๆ ...ยาบ้าชัดๆ ไม่ใช่ ญาญ่าหรอก... เธอ นิดดา และ อัปสร หันมองหน้ากันอีกครั้งและถอนหายใจ
“เฮ้อออ......”
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า จุ๊บๆ
-----------------------------------------------------------------------------
นามปากกา : สุข.
เข็มนาฬิกากระดิกไปเรื่อยๆ บอกเวลาเที่ยงคืน สโรชานั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ความฝันเมื่อกี้ทำให้เธอตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่สิมันไม่ใช่ความฝันแต่มันเป็นความทรงจำในวันวานที่เธอกับเขามีร่วมกันก่อนที่มันจะจางหายไปกับกาลเวลา เธอลุกจากเตียงเดินไปที่ระเบียงห้องนอน สโรชาค่อยๆเปิดประตูบานเลื่อน ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเข้ามา
“พระจันทร์เต็มดวง... สวยจัง” หญิงสาวทอดมองพระจันทร์บนฟ้าอย่างเหม่อลอย ปล่อยให้สายลมพัดเส้นผมดำยาวถึงบั่นท้ายของตัวเองปลิวสยาย เธอฝันเรื่องเก่าๆ อีกแล้ว เรื่องราวของแฟนคนแรก คำสัญญาไร้สาระของเด็กๆ ...ใช่! มันก็เป็นแค่คำสัญญาของเด็กๆ... หลังจากที่ทัตเทพเลิกกับเธอวันนั้น ผ่านไปไม่กี่เดือน ทัตเทพก็มีแฟนใหม่ แถมยังเป็นถึงดาว สายชั้นมัธยมต้น ที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนอีกต่างหาก และเมื่อพวกเราขึ้นชั้นมัธยมปลายนั่นคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทัตเทพจากเด็กหนุ่มก็ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาโตขึ้นกลายเป็น หนุ่มแถม เขาผอมสูง หุ่นดี โดดเด่น ดูดี หน้าใสกิ๊กแถมยังมีนามสกุลดัง เขากลายเป็นคนดังของโรงเรียน ใครๆก็รู้จัก ใครๆก็ชอบเขา ส่วนเธอหลังจากที่เลิกกันไปร่างกายเธอก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีสิว แถมยังดีอยู่ดีจนเป็นสาวอวบที่เพื่อนผู้ชายในห้องต่างล้อเลียนกันว่า ‘โอ่งบัว’ และนี้แหละที่เปลี่ยนแปรงทั้งเขาและเธอจนกลายเป็นเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบกันได้ ถึงแม้จะพูดคุย ยิ้มให้กัน มันก็เป็นเพียงแค่เส้นขนานที่อยู่ใกล้กัน แต่ไม่มีทางบรรจบกันได้อีก มันเหมือนมีเส้นคั้นบางๆ ที่มองไม่เห็นขวางอยู่ เส้นบางๆที่เรียกว่า...ความแตกต่าง เมื่อเวลาผ่านไป จากที่ยิ้มให้กัน พูดคุยกัน ก็กลายเป็นธาตุอากาศ พวกเราทำเหมือนกับต่างคนต่างไม่มีตัวตน รู้ถึงการมีอยู่แต่ก็ไม่ให้ความสนใจ และเมื่อเราจบมัธยม เธอก็เข้าเรียนต่อคณะศึกษาศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ยังได้ข่าวทัตเทพจากเพื่อนๆ ของเธอ ว่าทัตเทพบินไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว และไม่กี่ปีหลังจากนั้น ก็มีข่าวของเขาออกมา ทั้งข่าวสังคมบ้างละ สัมภาษณ์นิตยสารบันเทิงบ้างละ สัมภาษณ์นิตยสารธุรกิจบ้างละ ตามประสาหนุ่มไฮโซนักธุรกิจคนดังแห่งปี และเมื่อปีที่แล้วนิตยสาร Iron Lady โหวตให้เป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆทั้งประเทศอยากเดทด้วยอีกต่างหาก
“เฮ้อ...” สโรชาถอนหายใจ ...ความฝัน ไม่สิ! ความทรงจำนั้น มันผ่านมาตั้งสิบสองปีแล้วนะ แต่ทำไมยังฝันถึงอยู่ละ ทำไมเรายังไม่ลืมซะที... สโรชาปิดประตูระเบียงแล้วเดินมาล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยใจ ร่างบางบนเตียงจัดท่านอนอย่างสบายและพยายามหลับอีกครั้ง แต่พยายามเท่าไหร่ก็ข่มตาหลับไม่ลง ...ทัตเทพ รู้สึกว่าตอนนี้เขาคบกับสาวแพรวา นางงามรองชนะเลิศอันดับสาม จากเวทีการประกวดมิสไทยเมื่อปีที่แล้วอยู่นี่นา ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ ถึงจะสู้คนที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งไม่ได้ แต่เธอก็สวยและเหมาะสมกับทัตเทพมากจริงๆ... สโรชาลุกจากเตียงอีกครั้ง เธอเดินมาหยุดตรงโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวมองเข้าไปในกระจก มองดูตัวเองอย่างปลงๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะผอมบางหุ่นดี หน้าใส ไม่ใช่สาวเจ้าเนื้อสิวเขรอะอย่าในอดีต และเธอก็ยอมรับว่าเธอเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง โครงหน้ายาวเรียวรูปไข่ คิ้วโก่งยาวรับกับตาชั้นเดียวกลมโต จมูกโด่งรั้นรับกับปากอิ่มเล็ก ผิวของเธอก็ขาวอมชมพู ทำให้เธอดูสวยน่ารัก แต่เธอก็คงสวยได้ไม่ถึงครึ่งของแฟนสาวทัตเทพแน่นอน ...เอ๊ะ! แล้วนี่ฉันจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับแฟนอีตาทัตเทพทำไมกันละเนี่ย บ้าจริง! ฉันเอาเวลามาคิดบ้าบออะไรอยู่เนี่ย เอาเวลามานอนดีกว่า! พรุ่งนี้มีนัดแต่เช้าด้วย! นอนๆ... หญิงสาวล้มตัวลงนอนพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมตัว พร่ำบอกตัวเธอเองให้นอน
“ไอ้บัว! แกมาถึงคนสุดท้าย ดังนั้นแกเป็นเจ้ามือ นะจ๊ะ!”
“รู้แล้วจ๊ะแม่คุณ! ย้ำซะจริง! แล้วสั่งขนมเผื่อฉันแล้วใช่มั้ย” สโรชานั่งลงข้างนิดดาแล้วมองค้อนปรียาที่นั่งข้างอัปสรพูดตอกย้ำเธอ ...โอ้ย!! เพราะความฝันบ้าๆนั่นแท้ๆเลย ที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ ตื่นมาอีกทีก็สายโด่งแล้ว...
“เรียบร้อยจ๊ะคุณเพื่อน!” นิดดาตอบรับ นิดดา ปรียาและอัปสร เป็นเพื่อนของเธอตั่งแต่เรียนชั้นมัธยมปลาย สมัยที่ใครๆ ในห้องต่างก็เรียกเธอว่า ‘โอ่งบัว’
“บัว... มีหนุ่มฝากมาให้หล่อน” อัปสรพูดหลังจากที่พนักงานเอาน้ำและขนมมาเสริฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว อัปสรยื่นซองจดหมายสีชมพูมาให้สโรชา
“ใครฝากมาให้ฉันกัน” หญิงสาวรับจดหมายมาพิจารณา
“ไอ้หมอเต๋อ หัวหน้าห้องเราตอน ม.6 ไง” นิดดาพูดพร้อมยัดเค้กเข้าปาก
“อ๋อ... ตรัณเหรอ จดหมายงานเลี้ยงรุ่นใช่มั้ย”
หากตรัณ หรือหมอเต๋อที่ใครๆเรียกส่งจดหมายมา ก็หมายความว่าเร็วๆนี้จะมีงานเลี้ยงรุ่น ประธานรุ่นจะมอบหมายงานให้หัวหน้าห้องแต่ละห้องส่งจดหมายเชิญสมาชิกในห้องของตัวเองทุกคน ให้มาร่วมงานที่จัดขึ้น
“ฉลาดมาก! รู้ชื่อคนส่ง ก็รู้เนื้อความในจดหมายได้” ปรียาเอ่ยปากชมพร้อมปรบมือให้สโรชา “บัว แล้วแกจะไปรึเปล่า แกไม่ไปสามครั้งแล้วนะ คนในห้องเราก็ถามหาแกทุกปี”
งานเลี้ยงรุ่นจะจัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี รุ่นของเธอจัดขึ้นหลังเรียนจบมัธยมมาได้หนึ่งปี ตอนนั้นทุกคนพึ่งอยู่ปีหนึ่งกันอยู่เลย แต่ทุกคนก็สละเวลาไปร่วมงาน เธอด้วยก็เช่นกันไม่ว่าจะรับน้องหนักแค่ไหนก็เจียดเวลาไปให้ได้ เธอไปร่วมงานทุกปี แต่พอเรียนจบทำงานผ่านมาสองปีแล้ว สโรชาพยายามบ่ายเบี่ยงตลอด และปีนี้ก็เช่นกัน เหตุผลนั่นก็เพราะ ...เขากลับมาแล้ว...
“งานจัดวันเสาร์นี้เหรอ ฉัน...”
“ไอ้บัว สองปีที่ผ่านมานี้แกอ้างว่าลดหุ่น รักษาหน้า และผลมันก็ทำให้พวกฉันทึ่งมากที่แกผอมได้บางขนาดนี้ หน้าใสขนาดนี้ แต่ปีนี้แกจะอ้างเรื่องพวกนี้กับพวกฉันอีกไม่ได้แล้วนะ” นิดดาขัดขึ้นอยากมีอารมณ์
“ฉันไม่ว่างอ่ะ ฉันยังตรวจการบ้านนักเรียนยังไม่เสร็จเลย”
“การบ้านอะไรของหล่อน ได้ข่าวว่ายังไม่เปิดเทอมเลยนะยะ! อย่ามาอ้าง เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นที่สุด!” อัปสรท้าวคางส่งสายตาคาดคั้น “บัว ที่หล่อนไม่ไปเพราะไม่อยากเจอใครบางคนใช่มั้ย” คำถามนี้จุดประเด็นความสนใจนิดดากับปรียาขึ้นทันใด
“ปะ เปล่านะ! โอเคๆ ไปก็ได้!!”
“ถามแค่นี้เอง ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย มีพิรุธ อ่ะ!” นิดดามองอย่างสงสัย
“พิรุธ อะไรไม่มี๊” สโรชาปฎิเสธเสียงสูง
“นั่นไง! เสียงสูงอีกตะหาก” ปรียาเสริมนิดดา ทั้งสองคนหันไปตบมือกันอย่างพอใจ
“พอๆ พวกหล่อนหยุดแกล้งบัวกันได้แล้ว” อัปสรเอ่ยปามปรียาและนิดดา ก่อนจะหันมาคะยั้นคะยอเธอต่อ “เอ่อนี่ บัว ทำไมแกไม่เปิดอ่านบัตรเชิญล่ะ แล้วแกจะได้อึ่ง!”
“อึ่งงั้นเหรอ”
“ใช่! เพราะงานเลี้ยงรุ่นปีนี้จัดหรูเลิศอลังการเลยละ” ปรียาทำหน้าเคลิ้มฝัน
“ใครคิดคอนเซ็ปงานในปีนี้เนี้ย! เลิศมาก! รำลึกพรอมในวันวาน! เก๋สุดๆ” สโรชาอดร้องไม่ได้ หลังจากดึงบัตรเชิญออกมาอ่าน งานเลี้ยงรุ่นปีนี้จัดเป็นงานพรอม เพื่อให้ย้อนกลับไปในวันที่พึ่งจบการศึกษากันหมาดๆ จะมีการค้นหา คิง ควีน ประจำงานปีนี้อีกด้วย สถานที่จัดงานคือ โรงแรม พิบูรณ์ แกรนด์ งานเลี้ยงเริ่มหกโมงเย็น
...โรงแรม พิบรูณ์ แกรนด์ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก...
“ก็อีตาหมอไท ประทานรุ่นไงแก ที่คิดคอนเซ็ปงานปีนี้อ่ะ เก๋กู้ดใช่มั้ย! เพราะปีนี้ทั้งห้องสายศิลป์และห้องสายวิทย์เป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดงานนะ งานเลิศยังไม่พอนะแก โรงแรมก็เลิศหรูอลังการ โรงแรมนี้น่ะนะติดหนึ่งในห้าโรงแรมหรูน่าพัก เอกลักษณ์เด่นของประเทศอีกด้วยนะ ผู้บริหารก็ หล้อหล่อ! แฟน...โอ๊ย!! นิด แกยิกฉันทำไมกันล่ะเนี่ย!!!” ปรียาพูดไม่ทันจบเพราะถูกนิดดายิกเข้าให้ที่ต้นขา จึงหันไปโวยกับนิดดา แต่ก็ถูกมองคาดโทษกับมาจากเพื่อน
“อยากยิกคนพูดมาก! บัว! เป็นอันว่าแกตกลงไปงานแล้วนะ!!” นิดดาสรุป และหันหน้าไปสบตากับปรียาอย่างคาดโทษ ส่วนอัปสรก็ได้แต่ยิ้มให้กับความปากมาของปรียาอย่างปลงๆ
“จ้า! รับรองว่าพวกแกเจอฉันหน้างาน แน่นอน!!” หญิงสาวตอบรับ ก่อนก้มหน้าจิ้มขนมเค้กเข้าปากอย่างหนักใจ ...เอาน่ะ!! ยังไงก็ไม่เจออีตานั่นหรอก ถึงเจอกันกับอีตานั่น ยังไงเขาก็ไม่สนใจเราหรอก อ๊าย! แล้วทำไมฉันต้องคิดเรื่องตานั่นอีกละเนี่ย บ้าบอที่สุด!!...
หลังจากที่ทานเค้ก จิบชากันเรียบร้อย ทั้งสี่สาวก็เลือกมาเดินห้างดังใกล้ๆ ร้านเค้ก เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าสำหรับไปงานเลี้ยงรุ่น แวะร้านนู้น ร้านนี้หิ้วของเต็มไปหมด ยกเว้นเธอ หญิงสาวไปร้านไหนก็ไม่เจอชุดที่ถูกใจเลยแม้แต่ชุดเดียว แตกต่างจากเพื่อนของเธอ ที่ตอนนี้มือแทบจะไม่มีที่วางกันแล้วทั้งชุด ทั้งรองเท้า ทั้งเครื่องประดับเต็มไปหมด
“บัว! แกยังไม่เจอชุดที่ถูกใจอีกเหรอ พวกฉันได้ครบกันหมดแล้วนะ” นิดดาพูดพร้อมชูถุงให้ดู
“ก็ฉันเลือกไม่ถูกนี่นา พวกแกเลือกให้หน่อยสิ” หญิงสาวหันไปส่งสายตาอ้อนเพื่อนสาวของเธอแต่ละคน นิดดาลากแขนเธอกลับไปเข้าร้านที่พึ่งเดินออกมา
“บัว แกอยากจะหวาน หรือ อยากจะเปรี้ยว หรือว่า อยากจะดีดูมีเสน่ห์” ปรียาที่กำลังเลือกชุดถาม
“เอ่อ...อะไรก็ได้ ไม่เอาเปรี้ยวนะ ขอแบบมิดชิดๆ หน่อยก็ดี”
“งั้นแกก็ไปลองชุดนี้ดู” อัปสรยื่น เดรสยาวซีฟองเกาะอกสีขาวลายดอกสีน้ำเงินยาวเลยเขา รอบอกติดระบายสีขาว ที่เอวมัดโบว์น้ำเงินผ้ามันเงาเรียบหรู กระโปรงฟูเนื่องจากมีซับในหลายชั้น ตรงชายกระโปรงมีระบายลูกไม้ส่งมาให้สโรชา เธอรับชุดแล้วเดินไปเปลี่ยนในห้องลองชุด หญิงสาวมองตัวเองในกระจกอย่างลังเล ว่าควรจะออกไปให้เพื่อนสาวเธอดูดีมั้ย เธอเม้นปากสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินออกมาจากห้องลองชุด
“ว้าว! น่ารักดีนะแก” นิดดาพูดออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะเดินเข้ามาหมุนตัวเธอ
“มันจะดูดีมากกว่านี้ ถ้าแกไม่ยืนห่อไหล่นะบัว เสียบุคลิกหมด!” ปรียาพูดเสียงเขียวอย่างตำหนิ ก่อนจะเดินมาจัดท่าทางเธอ
“ก็ชุดมันเป็นเกาะอกนี่! ฉันก็เลยรู้สึกโล่งๆ หวิวๆ น่ะสิ” เธอแย้งเพื่อนสาวอย่างอายๆ
“แล้วไอ้ชุดสายเดี่ยวโบฮีเมียนที่แกใส่มาวันนี้ละ ไม่หวิวรึไง มันก็เหมือนกันนั่นแหละน่า...” อัปสรพูด
“สายเดี่ยวโบฮีเมียนของฉันไม่หวิวจ๊ะ! เพราะอย่างน้อยมันก็มีสายดูปลอดภัยกว่าชุดเกาะอกที่ใส่อยู่นี้เป็นไหนๆ”
“งานรำลึกพรอมในวันวาน ฉันว่าถ้าแกแต่งโบฮีเมียนบ้าๆ เซอร์ๆ ของแกมางานอ่ะนะ รับรองยามไม่ให้ผ่านประตูโรงแรมห้าดาวแน่ๆ เขานึกว่าคนบ้า” นิดดาพูดออกรส
“เดี๋ยวนะๆ พวกแก ฉันมีความคิดดีๆล่ะ” ปรียาแทรก
“ความคิดอะไร” อัปสรถาม
“ความคิดดีๆ ก็แล้วกันน่า... แล้วยังไม่ต้องแย้งฉันด้วยนะ! ดูอยู่เฉยๆไปก่อนสักแปบนึง! ไอ้บัวมันชอบแต่งโบฮีเมียน ก็ให้มันแต่งโบฮีเมียนไป โฮะๆ” พูดเสร็จแล้วปรียาก็เดินหัวเราะไปเลือกชุดสไตล์โบฮีเมียนที่อยู่อีกโซนของร้าน เลือกซักพักก็เดินกลับมาพร้อมชุดโบฮีเมียนสายเดี่ยวสีฟ้า คอวี กระโปรงยาวถึงข้อเท้า ส่วนลายชุดเป็นลายดอกสีส้มแซมสีม่วง ก้านสีเขียวเข้ม เขียวอ่อน ดูแล้วสดใสสดชื่นมาหนึ่งตัวส่งมาให้สโรชาไปลองสวมดู พร้อมกับหันไปยิ้มให้ทุกคนแล้วพูดจีบปากว่า “แล้วคอยดูนะจ๊ะ ว่าเจ้จะทำอะไรต่อไป โฮะๆ”
“ก็ได้ค่ะ!! แต่ต้องแต่งออกมาแล้วสวยนะ ถ้าเซอร์ เดี้ยนไม่ให้ผ่านนะคะ โฮะๆ” นิดดาพูดจีบปากล้อเลียนปรียา
สโรชรีบไปเปลี่ยนชุดโบฮีเมียนใหม่อย่างไม่อิดออด แค่เห็นสีสันของชุดนี้ก็ทำให้เธอสดชื้นหน้าบานแล้ว ดีกว่าชุดเดรสเมื่อกี้เป็นไหนๆ เธอฮั้มเพลงเบาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหมุนตัวไปมา แล้วมองดูตัวเองในกระจกมองดูความเรียบร้อยก่อนออกจะห้องลองชุด
“หน้าบานเลยนะแก” อัปสรและนิดดาแขวะเธอเข้าให้คนละหนึ่งดอก
“อืม... ชุดนี้ สีนี้ ลายนี้ ช่วยขับผิวแกให้ดูสว่างจริงๆด้วย โฮะๆ ฉันนี้ตาถึงจริงๆ” ปรียาชมตัวเอง
“โอเค!! ตกลงเอาชุดนี้นะ รอแป๊บ! ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวมา” สโรชาพูดก่อนจะหันหลังไป แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียกของปรียา “บัวๆ ไม่ต้องเปลี่ยน ไปจ่ายเลย เดี๋ยวฉันจะพาแกไปซื้อกระเป๋า รองเท้าที่เข้าชุดกัน”
หลังจากที่จ่ายค่าชุดเสร็จปรียาก็ลากเธอ ไปเลือกกระเป๋าถือหนังยาวแทบสีนั้นสีนี้อยู่นาน สุดท้ายก็มาลงตัวที่สีขาว และปรียาก็ลากเธอไปซื้อร้องเท้าที่เข้าชุด เลือกอยู่นานปรียาก็เลือกได้รองเท้าส้นสูงสีส้มสุดจี๊ดมันวาวคู่หนึ่งมีสายรัดข้อเท้าสองเส้นรับประกันว่า รัดแน่น มั่นใจ ไม่หลุด มาให้เธอสวม นิดดา ปรียา อัปสร ทั้งสามคนยืนล้อมเธออย่างพิจารณา ปรียายิบกระเป๋าถือสีขาวที่พึ่งซื้อออกจากถุงส่งมาให้เธอถือ แล้วยืนโพสท่าเป็นนางแบบอยู่กลางร้านรองเท้า
“ฉันว่าที่คอดูโล่งไป ผมก็ปล่อยลงมาดูลกๆ ไม่โปร่งตาเลย แกคิดเหมือนฉันมั้ยนิด ฟ้า” นิดดาและอัปสรพยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันว่าเครื่องประดับน่าจะเป็นมุกนะ หรือพวกแกว่าไง ยา ฟ้า” นิดดาเสนอความคิด หันไปถามปรียาและอัปสร
“บัว! ฉันจำได้ว่า แกมีชุดเครื่องมุกอยู่ใช่มั้ย ที่แกใส่ไปงานแต่งยัยหน่อยเมื่อปีที่แล้วอ่ะ” อัปสรหันมาถามเธอที่ยืนโพสท่าค้างอยู่
“มีๆ อยู่ที่คอนโดนั่นแหละ”
“งั้นก็เอาชุดมุกนั่นแหละใส่ไป ส่วนผมแก...” อัปสรขมวดคิ้ว เม้มปากอย่างใช้ความคิดพลางมองเธอ
“ฉันว่าเกล้าขึ้นดีกว่ามั้ย แล้วก็คาดเชือกดอกสีขาวสไตล์โบฮีเมียนไง” ปรียาที่ยืนคิดอยู่ก่อนหน้าแล้วเสนอขึ้น นิดดาและอัปสรก็พยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง
“โอเค! ตกลงตามนี้ ฉันยืนโพสท่าจนเมื่อยไปหมดแล้ว” นางแบบจำเป็นท้วง
“โพสท่าแค่นี้ทำเป็นบ่น นี้ฉันทำเพื่อแกเยอะมากเลยนะ ไอ้บัว” ปรียาพูดทวงบุญคุณ
“ขอบคุณมากค่ะ! ป๋าขา!!” เธอกราบงามลงบนไหล่ปรียาประชดเล่นๆ
“ฮ้าๆ แล้วหนูบัวจะขอบคุณป๋าอีก ในวันงาน ฮ้าๆ” ปรียาก็เล่นตาม เก๊กเสียงหล่อพูดตอบเธออย่างอารมณ์ดี
“แล้วบัวจะต้องขอบคุณอะไรป๋าอีกล่ะคะ” เธอถามอย่างสงสัยในคำพูดของปรียา
“ก็ขอบคุณป๋า ที่ดันให้หนูบัว ได้ตำแหน่งควีนในงานเลี้ยงรุ่นน่ะสิจ๊ะ โฮ๊ะๆ เอ้ย! วะฮ้าๆ” ปรียาเก๊กเสียงหล่อพูดอย่างภูมิใจ เธอมองปรียาก่อนจะหันไปมองหน้านิดดา กับ อัปสรที่กำลังมองปรียาอย่างไม่ไว้วางใจ
“แกแน่ใจเหรอ ไอ้ยา” นิดดาถาม
“แน่ใจสินิด! เชื่อตาฉันสิ กรีดตาคมๆ ปัดแก้มหน่อยๆ ทาปากแดงๆ รับรองจี๊ด! กระแทกใจกรรมการ จนได้ตำแหน่งควีนมาครอง แน่นอน!!” ปรียายกนนิ้วโป้งการันตี
“เฮ้อ...” เธอ นิดดา และ อัปสร หันมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ
“อ้อ! นิด แกเรียกฉันยาได้ไง บอกให้เรียก ญาญ่าๆ”
“จ้าๆ ญาญ่า ก็ ญาญ่า” นิดดารับคำ
“พวกเธอไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป โฮะๆ” เธอมองปรียาที่หัวเราะสาสมใจอย่าง ปลงๆ ...ยาบ้าชัดๆ ไม่ใช่ ญาญ่าหรอก... เธอ นิดดา และ อัปสร หันมองหน้ากันอีกครั้งและถอนหายใจ
“เฮ้อออ......”
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า จุ๊บๆ
-----------------------------------------------------------------------------
นามปากกา : สุข.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ