The Tale Of Lilian.

-

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.52 น.

  6 session
  0 วิจารณ์
  9,238 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2556 14.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) SS.3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      “เจ้าว่าพวกนั้นจะค้นหาพวกเราเจอไหม”  เจ้าหญิงมองหน้าพะวงหลังในชุดชาวบ้านธรรมดาสีน้ำตาลมอๆ  แน่นอนว่านางไม่ได้มาด้วยการจ่ายเงินแน่ๆ  นักรบหญิงสั่งให้นางซุ่มในกองฟางตรงเกวียนเก่าคันหนึ่ง  เสียงร้องเอ็ดตะโรของชาวบ้านไล่หลังมาไม่ทันไร  ชุดกระโปรงผู้หญิงที่ดูจากกลิ่นสีและสภาพแล้วคงไม่ใช่มือหนึ่งก็ถูกโยนลงมาตรงหน้า  เสื้อผ้าข้าวของถูกเก็บไว้ขายได้ราคาที่เมืองดีๆ  อาณาจักรนี้อันตรายเกินสำหรับทำอะไรแบบนี้

     เมอไนเลี่ยนไม่รู้ว่านางกำลังหมายถึง ‘ทหารพวกนั้น’ หรือ ‘อัศวินพวกนั้น’  แต่ถ้าเป็นอย่างแรกจริงๆคงดีไม่น้อย  เพราะนางเบื่อการวิ่งไล่จับกึ่งซ่อนแอบเต็มที  หากไม่ติดว่าเจ้าหญิงแดนมนตราป้องกันตัวได้ดีกว่านี้คงบุกฝ่าประตูเมืองไปเสียตั้งนานแล้ว!  ส่วนถ้าเป็นอย่างหลัง  นางคิดว่าเจอไม่เจอก็เหมือนกัน  จำได้ไหม?  ใครเป็นคนช่วยนางออกมาจากคุกคุมขังทาสเผ่านักรบ?  ก็ตัวนางเองไงล่ะ!

     คนห้าวหาญแอบหัวเราะขึ้นจมูกอย่างเย็นชา  “จากเวทตรวจตราครั้งล่าสุด  ดูเหมือนอัศวินผู้แข็งแกร่งของเราจะกำลัง ‘ขอไปเที่ยวค้างพักแรมกับผู้ปกครอง’ อยู่ไม่ใช่เรอะ?”

     “พวก...พวกเขามีสิทธิสับสน”  นางลูบกระโปรงระหว่างเดินออกจากประตูเมือง  พร้อมกันนั้นยังกระชับผ้าคลุมศีรษะให้เรียบร้อย  น้ำเสียงเห็นอกเห็นใจกึ่งกิ่งเกรงนี้ทำให้คู่สนทนาเบื่อเต็มที

     อย่าหวังว่าข้าจะแลกชีวิตกับคนอย่างเจ้าเลยนางคำรามในใจ

     ทหารกลุ่มหนึ่งเฉียดกรายเข้ามาใกล้เจ้าหญิงลิเดเรียจนได้กลิ่นหอมที่ผ้าเหม็นเก่าปิดไม่มิด  ส่วนนางก็พยายามเบียดเสียดจนแทบจะหลอมกายเป็นหนึ่งกับนักรบหญิงข้างกายได้อยู่แล้ว  แม้ในมือจะมีดาบแอบไว้ในชุดคลุมที่ฝ่ายนั้นบอกว่ายกขึ้นมาฟันได้ทุกเมื่อ  เจ้าหญิงยังคงตั้งปณิธานว่าจนกว่าจะถึงเวลาจวนตัวเท่านั้น  ทว่า...ดาบยิ่งถูกบีบแน่นขึ้นทุกๆที...  ทุกที...  โอ้...อย่าให้นางยกขึ้นมาเลย  ได้โปรด

     เมอไนเลี่ยนกัดริมฝีปากแน่นระหว่างกระชับผ้าคลุมศีรษะแบบเดียวให้แน่นขึ้น  นางเบี่ยงตัวไปทางพวกทหารอย่างไม่สมอารมณ์  “ขออภัย  แต่พวกท่านช่วยถอยไปหน่อยได้หรือไม่  น้องสาวข้าเป็นโรคแพ้เหงื่อคนแปลกหน้า”

     พวกทหารอ้าปากค้างพลางหันมามองหน้ากัน  แพ้เหงื่อคนแปลกหน้า!?

     สีหน้าน่าสงสารของลิเดเรียทำให้พวกทหารเข้าใจว่านางอึดอัดใจกับตนอยู่  จึงพากันโค้งขออภัยอย่างรวดเร็วแล้วถอยฉากออกไป  คนริมสุดอดพึมพำไม่ได้ว่าน่าเสียดาย  หากนางไม่แพ้เหงื่อคนแปลกหน้าเสียก่อน  ไม่แน่ว่า...พวกเขาอาจได้สาวน้อยคู่ใจมามองตามองดาวกันก็ได้

     เจ้าหญิงแห่งโชคชะตาไม่ทราบเลยว่า...คำพูดตัดรอนเหล่านั้น  ทำให้ทหารทั้งกองร้อยถอนหายใจปลงตกกับโลกนี้ได้อย่างพร้อมเพรียง

 

     “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะหนีไป”  พระราชากล่าวแผ่วเบากับตัวเอง  โดยมีผู้ที่เป็นราชเลขานุการตัวอ้วนกลม  ซึ่งสวมผมลอนสีขาวอยู่ตลอดเวลา  “ทางแดนมนตราว่าอย่างไรบ้าง?”

     ชายร่างกลมก้มหน้านบน้อม  เนื้อหาโดยมากกล่าวถึงความกระอักกระอ่วนใจของแดนมนตราไม่น้อย  หากแต่พวกเขายินดีจะส่งหญิงงามร้อยคนมาแทน  ทั้งที่หญิงสาวร้อยคนไม่อาจเทียบค่ากับเจ้าหญิงซึ่งเป็นว่าที่พระสนมได้เลย  สีหน้าของพระราชาแลดูเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ครั้นจะปฏิเสธสาวงามเหล่านั้นก็ใช่ที่  พระองค์กล่าวปรารภว่าพวกเขาคงส่งหญิงงามชั้นสูงมาให้บ้างในขบวน

     ส่วนม้วนเอกสารที่กองสุมไว้ในกระบอกทรงกลมคือหนึ่งในรายงานการยกเลิกพิธีแต่งตั้งพระสนม  แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใจร้อนไป  แต่ถ้าพวกทหารยังจับไม่ได้  งานนี้การ์ดเชิญคงมีน้อยกว่าการ์ดยกเลิกแน่นอน

     ชายอีกผู้หนึ่งก้าวเข้ามาตามรับสั่ง  โดยเขาผู้นั้นสวมชุดคลุมสีขาวปักด้วยดิ้นทองเป็นรูปตราศาสนาเต็มพื้นที่ด้านหลัง  ส่วนด้านหน้าขลิบด้วยสีสันกลางๆไม่ฉูดฉาด  ท้ายสุดคือเคราสีดำรอบริมฝีปากที่ได้รับการดูแลอย่างดี  กับศีรษะล้านเลี่ยนแบบนักบวช  “องค์เทพจงอวยพระพรแด่ท่าน  ฝ่าบาท  ชีวิตนี้จะได้รับการเรียกขานจากท่านอีกครั้ง  นับเป็นความเมตตาขององค์เทพโดยแท้”

     คำพูดของนักบวชแห่งลัทธิเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง  หลังจากอดีตเคยยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียวในราชอาณาจักร  จนกระทั่งราชินีแสนสวยได้ก้าวเข้ามาพร้อมศาสนาที่นางนับถือ  ศาสนานั้นได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้ด้วยคำขอร้องของนาง  แม้จะมีจำนวนน้อย  นักบวชแห่งคาลุมยังไม่สบอารมณ์อยู่ดี

     ทว่า...การพึ่งพาถ้อยทีถ้อยอาศัยทำให้วาจาหยุดลงเท่านั้น  พระราชาซึ่งเข้าใจในความคิดของเขาก็เช่นกัน  พระองค์มุ่งเข้าสู่ประเด็นที่ต้องการจากเขาในวันนี้  ทิศไหนคือสถานที่ที่พระสนมของพระองค์มุ่งหน้าไป  ทิศไหนจึงไม่ควรย่างกราย  ทิศไหนจึงสามารถกระทำการได้สมดั่งใจ  แต่ไหนแต่ไร...การศึกการสงครามล้วนผ่านการทำนายของนักบวชแห่งคาลุมด้วยกันทั้งนั้น

     นักบวชในชุดคลุมสีครีมถึงกับชะงักงัน  นัยน์ตาเหมือนมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่  ก่อนจะโค้งสู้องค์ราชาของตนด้วยน้ำเสียงนอบน้อมยิ่ง  “ขออภัย  ข้าพระองค์เคยวิงวอนแลใช้อำนาจแห่งองค์เทพในการค้นหาเช่นกัน  แต่เกรงว่า...ว่าอำนาจแห่งองค์เทพคงต้องใช้เวลาสะท้อนสู่สถานที่นั้นบ้าง”

     “...ข้าได้ยินว่าสานุศิษย์จำนวนหนึ่งของคาลุมกำลังค้นหานางอยู่เช่นกันนี่?”  เสียงของเด็กหนุ่มร่างเล็กผู้หนึ่งก้าวเข้ามา  เขามีผิวสีคล้ำและเส้นผมสีน้ำตาลไหม้  สวมชุดคลุมสีครีมแบบเดียวกันแต่ต่างตรงสัญลักษณ์ประจำลัทธิ  เมื่อเขาเห็นฝ่ายคาลุมอ้าปากจะโต้ตอบ  จึงชิงลงมือก่อนโดยไว  “...ทางข้าเองก็เช่นกัน...เพื่อฝ่าบาท”

     องค์ราชาคล้ายจะไม่สนใจในประโยคหลังของนักบวชลัทธิอัลโก้  เพราะจ้องมองไปยังนักบวชคาลุมอย่างพินิจพิเคราะห์ชัดเจน  ไฉน...นักบวชแห่งลัทธิหลักในราชอาณาจักรของพระองค์จึงค้นหาตัวพระสนมโดยปิดเป็นความลับกัน?  หลายครั้งที่พระองค์อดคิดถึงสิ่งที่อยู่ภายในดั่งวงกตแห่งใจของคนตรงหน้าไม่ได้  ความแค้นเคืองในเรื่องอำนาจมีมากมายฉันใด  ความโหดร้ายและต้องการล้มล้างอาจจะมีมากเท่านั้น  แม้จะกล่าวอ้างได้ว่าเป็นฝีมือองค์ราชินี  พระองค์คงไม่ยินยอมโดยง่าย  หากไม่ต้องทอนอำนาจของคาลุมลงบ้าง

     “ข้าพระองค์ไม่กล้าอวดอ้าง  หากว่ากระทำการไม่สำเร็จ”  เขาโต้ตอบกับประโยคนั้นที่คล้ายจะเป็นภัยกับตน  “เหนืออื่นใด  หากมีความคืบหน้ามากน้อยเพียงใด  ข้าพระองค์จะนำความมากราบทูลแน่นอน”

 

     คล้อยหลังจากการเข้าเฝ้า  ฝีเท้าของนักบวชแห่งคาลุมเดินย่ำว่องไวและหนักหน่วงสู่ห้องของผู้นำโดยพลัน  แม้ตนจะเป็นผู้ใกล้ชิดองค์ราชาที่สุด  ก็ใช่ว่าจะมีอำนาจสูงสุดหรือเก่งกาจที่สุด  ควอนเต้ในอดีตเคยถือเป็นมิตรสำคัญระหว่างลัทธิและราชวงศ์  จนกระทั่ง...ฝ่ายอัลโก้ได้กำเนิดขึ้น

     เขาโค้งแก่หญิงชราซึ่งนั่งคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว  “ข่าวลับรั่วไหลแล้วขอรับ!”

     “รั่วไหลรึ?  ถ้าเช่นนั้นก็ดี  จะได้เผยแพร่อำนาจแห่งลัทธิเรา”  นางยิ้มกว้างอย่างผู้มีอำนาจจนใบหน้าที่มีแต่รอยยับย่นเพิ่มมากขึ้น  “ถ้ามีสานุศิษย์มากมายก็สามารถตามหา ‘เจ้าหญิงแห่งการเยียวยา’ ได้ว่องไว  ทั้งยังขยายอำนาจเราสู่ดินแดนอื่นเพิ่มขึ้น”  นางกล่าวคล้ายจะพอใจ  แต่กลับจะเจือความโมโหเข้าร่วมด้วยเมื่อกล่าวต่อ  “เจ้ารู้ไหม!  ที่เป็นอยู่นี้นับว่ายังไม่พอหรอก  ถ้าเพียงพอคงสามารถค้นหาตัวพวกนางได้ตั้งนานแล้ว!” 

     “ข้าจะส่งคนไปเพิ่มขอรับ”

     ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี  ยิ่งไวเท่าไรยิ่งดี...

 

     “ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะอยู่ในป่า  ไม่สิ...’ข้า’ อยู่ในป่าต่างหาก  หันไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียวกับกลิ่นเหม็นสาบ  ต้นไม้!  ออกลูกเป็นผู้หญิงสักคนให้ข้าที!

     เซอนาร์ร่ำร้องทั้งที่เพิ่งออกเดินทางไม่นานนัก  ตัวเขาสะพายแล่งธนูที่บรรจุลูกศรเต็มแน่น  ดาบเหน็บเอวถูกขัดสีอย่างดีจนคมกริบมันวาว  เสื้อเกราะที่สวมมาดูก็รู้ว่ามีราคา  ต่างจากนักรบข้างกายที่สวมเกราะพอให้ป้องกันภัยได้เท่านั้น  ดาบที่ใช้ก็เป็นดาบประจำตัว  แม้จะได้รับการสนับสนุนจากท่านเสนาบดีบ้าง  การเลื่อนขั้นขึ้นมาก็ใช่ว่าจะสูงส่งอะไรนัก

     นักรบหนุ่มไม่แม้แต่จะเหลือบมองคนขี้บ่น  ในสมองพยายามคำนวณดูว่าพวกนางจะไปทางไหนได้บ้าง  ที่นี่เป็นป่าที่เข้ามาได้ใกล้ที่สุดจากอาณาจักร  ตามความคิดของเขา  พวกนางต้องลัดเลาะที่นี่เพื่อเข้าสู่สถานที่ใดสักแห่งแน่  ขึ้นชื่อว่าป่าย่อมมีต้นไม้สูงบังไว้เยอะ  ไม่มีพวกชาวบ้านมาจับผิดหรือเป็นสายบอกแก่ทหารที่ติดตามอีกต่างหาก  วูบหนึ่งที่เขาอดคิดไม่ได้ว่ามันถูกต้องแล้วหรือ  ในการยื่นเรื่องขอพักด่วน  ทั้งที่เพิ่งได้รับภารกิจมาแท้ๆ

     แต่ว่า...

     “นี่!  เห็นผู้หญิงสวยๆสองคนเดินทางมาแถวนี้ๆไหม  คนหนึ่งผมดำ  ตาสีม่วง  อีกคนผมทอง  ตาสีฟ้า  หนึ่งในอาจสวมชุดหรูหราหรือว่าถือดาบท่าทางทะมัดทะแมงน่ะ  อ๊ะ...ไม่เหรอ?  ขอบใจนะท่านพ่อค้า”  เซอนาร์โยนของตอบแทนให้อีกฝ่ายไปสามเหรียญเพราะอยู่ห่างกันพอสมควร  แน่นอนว่ายังไม่ลืมขยิบตาให้สาวน้อยที่น่าจะเป็นลูกสาวอีก  เล่นเอานางขวบเขินไปพักหนึ่งทีเดียว

     ถูกต้อง  แม้จะกล่าวได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นผืนป่าอันกว้างขวาง  แต่ก็เป็นผืนป่าที่พวกพ่อค้าหรือคณะเร่ใช้สัญจรบ่อยเช่นกัน  จึงมีทางที่ถางไว้เป็นพิเศษสำพหรับการนี้  ร่องรอยเกวียนกับรอยเท้าเต็มไปหมด  ทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็ก  แบบนี้จะแยกได้อย่างไรว่าใครเป็นใคร  อย่างหนึ่งที่เฮอลิออสทราบแก่ใจ  นั่นคือเขาไม่มีวันก้มลงไปสังเกตขนาดรอยเท้าสตรีหรอก  มันดูโรคจิตพิลึกด้วยซ้ำ

     “ถ้าวัดตามขนาดเท้าของเจ้าหญิงลิเดเรียตามมาตรฐานของอาณาจักรเราล่ะก็  น่าจะประมาณขนาดที่สี่  แต่ถ้าเป็นเมอไนเลี่ยนจะใหญ่กว่าหน่อย  ประมาณขนาดที่ห้าน่ะ”  บุตรชายขุนนางแอบกระซิบกระซาบคล้ายจะได้ยินความในใจของสหายร่วมชะตา  อนึ่ง...เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้  จึงกล้ากระซิบกึ่งนินทา  “ดูเท้าของสาวน้อยเมื่อครู่นี่สิ  ขนาดสี่จุดห้าแน่ะ  ตัวใหญ่กว่าเจ้าหญิงนิดเดียวเอง  เอาเถอะ...เจ้าก็หารอยคนที่เท้าเล็กกว่านั้นหน่อยนะ”

     เขาไม่ได้สังเกตว่านางสวมรองเท้าอะไรด้วยซ้ำ...

     เฮอลิออสแอบสะดุ้งพลางเหลือบมองเท้าตัวเองกับอีกฝ่ายแล้วนำมาวัดกับขนาดตัว  แน่ล่ะ...ต้องเป็นตอนที่ยังไม่สวมชุดเกราะด้วย  เพราะความหนาของเกราะทำให้ร่างนั้นดูบึกขึ้นมาเล็กน้อย  คงไม่มีปัญหรอกนะ?  ในเมื่อคนพิลึกนี่ก็ตัวเล็กกว่าเขาพอสมควร  เท้าที่เล็กกว่าคงไม่ได้แปลว่าเท้าเขาใหญ่เทอะทะเหมือนพวกโทรลหรอกนะ  ถึงจะไม่เคยเจอโทรลตัวจริง  แต่คาดว่าเท้าของมันคงใหญ่น่าดู

     เซอนาร์ยังคงพูดไปเรื่อยๆสลับกับนินทารูปร่างของต้นไม้  นินทาจริง!  ทั้งยังเป็นนินทาต่อหน้าต่อตาในระยะเผาขนด้วย  เช่นว่าต้นไม้ด้านขวาควรจะยืดกิ่งออกไปอีกนิด  หรือต้นไม้ด้านซ้ายควรออกดอกเพิ่มอีกหน่อย  ต้นเยื้องขวาสีเขียวแก่ไปนิด  ผิดกับเยื้องซ้ายที่เขียวน้อยไปหน่อย  นักรบหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่ามันถูกแล้วหรือ?  ในการวิจารณ์สิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์  การชื่นชอบในความไม่สมบูรณ์แบบนั่นต่างหาก  จึงจะเรียกว่าชมความงามแท้จริง!

     กระนั้น...เขาควรจะเผลอตัวโต้ตอบอีกฝ่ายไปหรือ?  ในเมื่อตอนนี้เขาถือว่าตนเป็นผู้บังคัญชาของทีม  แน่นอนว่าไม่มีทางที่เซอนาร์จะได้รับเกียรติเป็นหัวหน้าแน่ๆ  ลำพังเขาต้องโค้งศีรษะเป็นการทักทายเมื่ออยู่ต่อหน้ามวลประชาหมู่มากก็เกินพอแล้ว  ใจคอยังต้องให้คนนินทาต้นไม้เป็นหัวหน้าอีกหรือ  โอ๊ะ!...อย่าวิจารณ์ต้นนั้นสิ  ดอกไม้สีชมพูอ่อนนั่นออกจะสวยแท้ๆ...

     ณ เวลานี้...เฮอลิออสรู้สึกโมโหตัวเองอย่างที่สุด

 

     “เนื้อสัตว์ทะเลที่นี่หวานดีนะคะ”  เจ้าหญิงหยิบก้ามปูยักษ์ขึ้นมาอันหนึ่ง  แล้วบรรจงใช้เทคนิคในการกินดันเนื้อออกมามากที่สุด  ผิดกับเมอไนเลี่ยนที่ไม่เสียเวลาทุบให้แหลกเพื่อกินเอาๆ  ในห้องพักเตียงคู่หรูหราซึ่งมีไว้ต้อนรับนักเดินทางร่ำรวยทั้งหลายคลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหารเต็มไปหมด

     เครื่องประดับที่เจ้าหญิงลิเดเรียหยิบมาอย่างรอบคอบถูกขายให้กับขบวนพ่อค้าเร่ที่พวกนางขออาศัยมาด้วย  แน่ล่ะ  ถ้าขายไปทั้งเส้นหรืออันคงถูกตามรอยในเวลาอันรวดเร็ว  แม้สิ่งนี้นจะสร้างขึ้นมาและประกอบกันอย่างงดงามเพียงใด  นักรบหญิงก็สามารถกระชากให้ขาดภายในคราวเดียว  แงะเอาอัญมณีออกมาและขายแยกชิ้นต่างหาก  อันไหนทีเละจนจำสภาพไม่ได้ก็ราคาต่ำหน่อย  แต่พวกอัญมณีมีราคางามทั้งนั้น  สมกับที่ทำเพื่อราชวงศ์และว่าที่พระสนม

     เสื้อผ้ามือสองเหม็นอู้ถูกขายไปเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งสีหน้าคนรับซื้อดูจะไม่ยินดีเท่าไหร่  ทั้งที่ของด้านในก็เหม็นอู้เหมือนกันแท้ๆ  แม้จะอยู่เป็นทาสหญิงเผ่านักรบในป่า  เมอไนเลี่ยนรู้ดีว่าราคาโดนกดไปตั้งครึ่ง  เอาเถอะ...ดึงราคาอีกนิดหน่อยก็ดีแล้ว  เพราะที่นางได้มามันไม่มีต้นทุน

     เงินที่ได้จากการขายเสื้อผ้าถูกนำไปเปลี่ยนเป็นชุดใหม่  ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย  ส่วนหนึ่งกลายเป็นเสบียงของแห้ง  อีกส่วนได้จากการหาซื้อพวกเม็ดระเบิดจิ๋ว  อย่างหลังก็เป็นของต้นทุนต่ำที่ขู่กรรโชกพ่อค้าอาวุธในตลาดมืดเคลื่อนที่  ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นพวกเร่ร่อนที่เรียกตัวเองให้โก้เก๋เท่านั้น  นักรบหญิงส่งเสียงหึไล่หลังด้วยซ้ำ  เพราะราคาสมควรโดนกดมากกว่านี้  นางเคยทำอาวุธในเผ่า  นางรู้ดี!

     จากสิบเม็ด  เมอไนเลี่ยนให้เจ้าหญิงแห่งชะตากรรมอีกคนไปเจ็ดเม็ด  นัยว่าฝ่ายนั้นต้องการความปลอดภัยที่สูงกว่า  ซึ่งนางไม่สนใจการใช้ของเด็กเล่นพวกนี้อยู่แล้ว  ที่ซื้อก็เพราะเผื่อกรณีโดยรุมเยอะๆหรอกน่า  ถ้าศัตรูมีแค่หยิบมือ  ใช้ดาบกระซวกเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

     หลังทานเสร็จและเรียกให้พวกแม่บ้านประจำห้องมาจัดการเรื่องกลิ่นแล้ว  นักรบหญิงพบว่าตัวเองต้องมาฟังคำบ่นพร่ำของสหายร่วมการเดินทางอีกครั้ง  ใจความหลักๆคงจะเป็น...พวกอัศวินจะตามมาทันหรือไม่  พวกเขารู้หรือเปล่าว่านางอยู่ที่ไหน  สิ่งที่เรียกว่าเวทตรวจตราต้องใช้น้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงเป็นตัวช่วย  คราวที่แล้วมีน้ำค้างเป็นสื่อได้บ้าง  ตอนนี้เล่า?  น้ำสะอาดใช้กินดื่มยังพอว่า  แต่นางว่า...มันยังไม่บริสุทธิ์พอ  ต้องเป็นน้ำที่อยู่ในแหล่งธรรมชาติด้วย

     “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าต้องการอะไรจากพวกนั้น!”  นักรบหญิงเริ่มสติแตกขึ้นมาอีกรอบ  “ไม่มีพวกนั้น  ภารกิจเราก็ใช่ว่าจะล้มเหลวสักหน่อย  นี่มันตำนานการเดินทางของเจ้าหญิงผู้เยียวยาโลกนะ!  ไม่ใช่ตำนานรักอัศวินผู้กล้าที่ต้องค้นหาเจ้าหญิง!  หรือเจ้าจะกลัวขึ้นคานและอดรักกับอัศวิน?  เจ้าจะกลัวมันไปทำไม  ในเมื่อเจ้าต้องขึ้นคานเพื่อความปลอดภัยของโลกเชียวนะ  หัดรู้จักมองในแง่ดีของคานตัวเองเสียบ้างเถอะ”

     “เราไม่ได้กลัวเรื่องนั้นเลย  แต่เฮอลิออสควรมาปกป้องเราสิ  มันเป็นหน้าที่และชะตากรรมของเขา”  นางประสานมือเข้าหากันอย่างสาวน้อยแสนฝัน  “เราทุกคนจะปลอดภัยจากการเดินทางเพราะอัศวิน  เหมือนในนิทานที่แม่นมเคยสอนไว้”

     “โอ๊ะ...พอดีตาลุงขี้เมาหัวหน้าฝึกทาสไม่ได้สอนข้าแบบนั้น”  เมอไนเลี่ยนถูจมูกไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว  “เขาบอกว่าถ้าเจออัศวินเมื่อไหร่  บี้มันเสีย...แล้วเอาดาบกับเงินมาถลุงเล่นให้หนำใจ!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา