คิดถึง...

9.2

เขียนโดย TTkeanniyayf

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.48 น.

  9 session
  24 วิจารณ์
  15.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 20.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) หน้าที่ที่เต็มใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            เมื่อการประกวดสิ้นสุดลงปีเตอร์กับนับดาวและกลุ่มเพื่อนของเขามานั่งทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารประจำใกล้กับมหาวิทยาลัย ร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นการตกแต่งเน้นการใช้งานได้จริงเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเข้ากันอย่างลงตัว เจ้าของร้านใส่ใจทุกรายละเอียดแม้แต่การให้บริการห้องสุขา สะอาดและสะดวกสบายมีของใช้จำเป็นครบพร้อมทุกอย่างเปรียบเสมือนบ้านของตัวเองเมื่อเข้าไปใช้บริการ ไม่เพียงเท่านั้นวัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารทั้งส่วนประกอบหลักและส่วนประกอบย่อยล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี

 

            “ซูชิได้แล้วค่ะ” พนักงานยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะเป็นเมนูแรก

 

            เมนูข้าวปั้นหน้าต่างๆ หรือที่เรียกว่าซูชิเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ของพวกเขาไม่ว่ามาเมื่อใดก็ต้องสั่ง และที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งเมนูก็คือ...โทโกะยากิหรือขนมครกญี่ปุ่น ซึ่งคำในภาษาญี่ปุ่น ทาโกะ แปลว่า ปลาหมึกยักษ์ และคำว่า ยากิ แปลว่า ย่าง ทอดหรือผัดในน้ำมันเล็กน้อย ดังนั้นทาโกะยากิ จึงหมายถึง อาหารที่ทำจากปลาหมึกยักษ์ด้วยวิธีการทำให้สุกในน้ำมันเล็กน้อย เป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่น

 

            “ดาวเธออยากกินอะไรอีกสั่งเพิ่มได้เลยนะมื้อนี้เราเลี้ยงเอง” ปีเตอร์บอกกับนับดาวคนเดียวแต่เพื่อนคนอื่นๆ กล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่ที่จะได้ทานของฟรี

 

            “ไม่ต้องหรอก เราบอกเธอแล้วว่าเราจะเลี้ยงเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อเช้านี้ไง” นับดาวเตือนความจำให้เพื่อนหนุ่ม

 

            “แต่ว่าเราเป็นผู้ชายนะจะให้ผู้หญิงเลี้ยงได้ไงมันน่าเกลียด” ปีเตอร์เถียงกับด้วยเหตุผลที่เขาเชื่อมาแบบนั้น

 

            “น่าเกลียดอะไรล่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะอย่าคิดแบบนั้นสิ ให้เราเลี้ยงเถอะเราจะได้สบายใจ” นับดาวตอบกลับและยิ้มให้แต่อีกฝ่ายยิ้มไม่ออกกับประโยคหนึ่งที่เธอบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกัน

 

            “ไม่ต้องเถียงกันเลี้ยงสองคนเลยก็ได้พวกเราไม่ถือ อิอิ” เจตต์หนุ่มหน้ามนคนหนึ่งในกลุ่มพูดแทรกขึ้นระหว่างบทสนทนาของปีเตอร์กับนับดาว

 

            “เห็นไหมว่าเจตต์ยังเห็นด้วยเลย เนอะเจตต์” นับดาวหันไปเออออกับเจตต์และเพื่อนๆ คนอื่นๆ

 

            “ใช่ ใครเลี้ยงก็เหมือนกันแหละ วันนี้ดาวเลี้ยงพรุ่งนี้ปีเตอร์นายจะเลี้ยงอีกก็ยังได้จริงไหมพวกเรา” นุ่นเพื่อนสาวในกลุ่มอีกคนหนึ่งพูด

 

            “จริง” เสียงของทุกคนยกเว้นปีเตอร์ลงความเห็นพร้อมกัน

 

            “เจ็ดต่อหนึ่งเธอแพ้แล้ว มื้อนี้เราเลี้ยง” นับดาวพูดอย่างผู้ชนะและแฝงไปด้วยความน่ารักตามประสาของเธอ ทำให้ปีเตอร์ต้องยอมใจอ่อนให้กับเธอ

 

            “โอเคครับ” เขาไม่เคยปฏิเสธคำพูดหนักแน่นของเธอได้เลย เมื่อเพื่อนสาวพูดอะไรไว้แล้วเธอก็ต้องทำให้ได้ถึงแม้เขาจะคัดค้านหัวชนฝาหรือเอาอะไรมาฉุดก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเธอได้อย่างแน่นอน

 

            และเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยว่าอาหารมื้อนี้นับดาวเป็นคนเลี้ยงทุกคนก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าโดยไม่พูดคุยกันอะไรมากมาย ในขณะเดียวกันเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของนับดาวทำใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกด้านของร้านอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันควัน นั่งจ้องมองเธอแบบไม่ละสายตาอยู่นานหลายนาที

 

            “ดาวมองอะไรหรอ” ปีเตอร์ถามเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าเธอหันมองไปทางอื่นอยู่หลายรอบ

 

            “เปล่าจ้ะ” เธอตอบปฏิเสธแต่จริงๆ แล้วนับดาวเหมือนรู้สึกว่ามีคนมองมายังเธอ แต่พอหันไปกลับไม่มีใคร

 

            คิดถึงเค้าขนาดนี้เลยหรอเนี่ย นับดาวเห็นชายคนหนึ่งลักษณะท่าทางคล้ายกับมาวินมากแต่เธอไม่เห็นหน้าจึงไม่มั่นใจเท่าใดนัก ด้วยความอยากรู้เธอจึงพยายามหันไปมองบ่อยๆ เผื่อจะมีโอกาสเห็นหน้าชัดๆ

 

            ทางด้านของชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของร้านคอยแอบมองหญิงสาวโต๊ะตรงข้ามอยู่ตลอดเวลาจนลืมไปว่าอาจจะทำให้เธอจับพิรุธเขาได้ สายตาคมของเขาพยายามมองรอดผ่านเมนูอาหารที่ยกขึ้นปิดบังใบหน้าเวลาที่เธอหันมาสบตา และหลายครั้งที่เขาเกือบยกมันขึ้นมาปิดแทบไม่ทัน

 

            ~ติ๊ด ติ๊ด~ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องสวยของมาวินดังขึ้นขณะกำลังแอบมองน้องสาวคนสวยอยู่

 

            “นับดาว” พอหยิบมาดูเบอร์พอเห็นว่าเป็นของสาวเจ้าก็แทบจะนั่งไม่ติด

 

            “อะแฮ่ม ว่าไงครับน้องสาว” มาวินช่างใจอยู่นานกว่าจะกดรับสาย เขาพยายามทำเสียงให้ไม่เป็นพิรุธแต่ยิ่งทำก็ยิ่งผิดสังเกต บวกกับท่าทางรุกรี้รุกรนของเขาทำให้นับดาวมั่นใจจนอยากจะเดินเข้าไปทักเข้าให้รู้แล้วรู้รอดเสีย

 

            (พี่วินแอบมองดาวทำไมค่ะ)

 

            “แอบมองอะไรจ้ะ พี่...พี่อยู่...” เขาอึกอักไม่รู้จะบอกเธอว่าอย่างไร

 

            (พูดโกหกเป็นบาปนะค่ะ) นับดาวพูดดักคอเขาไว้ก่อน

 

            “เอ่อ...เฮ้อออ” เขาถอนหายใจยาวยืด

 

            (ลุกออกมาได้แล้วค่ะดาวอยากกลับบ้าน)

 

            เอ๊ะ..ไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย -_-? เขาลดเมนูอาหารที่เอาปิดหน้าไว้ลงเพื่อมองดูไปยังโต๊ะที่เธอนั่งอีกครั้งให้แน่ใจ แล้วก็พบว่าเธอไม่อยู่เสียแล้ว

 

           

            มาวินเดินคอตกออมายังรถที่จอดอยู่หน้าร้าน ด้วยความที่กลัวว่านับดาวจะโกรธที่เขาแอบมานั่งมองเธอจึงทำใบหน้าหล่อให้น่าสงสารเข้าไว้จะได้ไม่โดนเธอดุเอา แต่ก็เท่านั้นเมื่อน้องสาวสุดที่รักของเขาตีหน้ายักษ์ใส่แสดงอาการว่าไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก

 

            “พี่ขอโทษครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอและเอ่ยคำแสดงการรับผิดทุกอย่าง

 

            “พี่วินมาทำที่นี่ค่ะ” นับดาวกอดอกถามพี่ชายสุดที่รักของเธอ

 

            “พี่..มารับดาวน่ะ” เขาตอบและยิ้มให้และต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อสาวเจ้าเท้าเอวใส่

 

            “แล้วทำไมไม่โทรบอกดาวล่ะค่ะ เข้ามาทักดาวก็ได้ไม่เห็นต้องทำตัวด่อมๆ มองๆ เหมือนคนโรคจิตแบบนั้นเลยหนิค่ะ” เธอแอบว่าเขาไปในที ใบหน้าสวยง้ำงอนึกอยากจะตีเขาเสียจริงที่ทำตัวเหมือนเด็กแบบนั้น

 

            “พี่เห็นว่าเรากำลังสนุกอยู่กับเพื่อนก็เลยไม่อยากเข้าไปขัด อาหารอร่อยไหมล่ะครับ” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงติดจะประชดเธอสักเล็กน้อย ก็ภาพที่เห็นเธอยิ้มหัวเราะร่าเริงอยู่กับหนุ่มน้อยน่ามนคนนั้นยังติดตาเขาอยู่จนตอนนี้

 

            “ไม่ต้องทำเสียงแบบนั้นเลยค่ะพี่วินอยากมาไม่บอกดาวก่อนเอง มารับดาวไม่ใช่หรอค่ะ ขึ้นรถสิค่ะดาวเมื่อยจะแย่แล้ว” นับดาวพูดจบก็หันหน้าหนีเขาทันทีและส่งสายตาให้เขาเปิดล็อกรถให้

 

            “เชิญคร้าบบบ” มาวินเอาใจโดยการเปิดประตูให้หญิงสาวและรอปิดประตูให้เธอก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ

 

 

            ตั้งแต่นับดาวกับมาวินยืนคุยกันจนทั้งคู่ไปไกลจนลับตาพร้อมกับรถคันหรูนั้น สายตาคู่หนึ่งที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอดมีแววตาเศร้าดูผิดหวังเป็นอย่างมาก ปีเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบรวมสติแล้วสตาร์ทรถขับกลับบ้านเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้บ้าง ตลอดทางเขาคิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันระวังจนชนเข้ากับรถคันหนึ่งที่จอดเสียอยู่ด้านหน้า

 

            เมื่อขาข้างหนึ่งของเขาก้าวลงแตะพื้นเพียงเท่านั้น เสียงแหลมปรี๊ดก็ดังมาจากด้านหน้าเขาซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของรถคู่กรณี เธอร้องวี๊ดว๊าดและเดินโวยวายมาทางเขาด้วยความเร็ว ใบหน้าที่จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่องนั้นลอยเด่นมาแต่ไกล ก่อนที่จะฟาดมือลงบนฝากระโปรงรถของเขาจนเกิดเสียงดังพอสมควร

 

            “ขับรถประสาอะไรอะไรเนี่ยฮะไม่เห็นหรอว่ารถฉันจอดเสียอยู่อ่ะ” หญิงสาวถอดแว่นตาดำอันใหญ่กว่าใบหน้าเธอออกและตะคอกถามเสียงดัง

 

            “ขอโทษครับผมไม่ทันสังเกต” ปีเตอร์ก้มโค้งให้หญิงสาวเล็กน้อยด้วยความสำนึกผิดพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำสุภาพกับเธอ

 

            “ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้เกิดชนคนเข้าจะว่าไง แล้วนี่ดูสิ” เธอต่อว่าเขาด้วยอารมณ์ที่กำลังร้อนขึ้นทุกอนูของร่างกายพรางหันไปดูท้ายรถของตนที่ถูกชน

 

            “อ๊ายยยรถฉัน!!” เมื่อเธอเห็นสภาพรถของตนเองก็ร้องและเต้นเร้าๆ ออกมา

 

            “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ปีเตอร์คิดว่ารถไหลไปทันเธอเข้าหรือว่าเธอโดนอะไรถึงร้องเสียงดังขนาดคนที่ขับรถผ่านยังหยุดมอง เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ

 

            “เป็น!! มากด้วย นายดูสิรถฉันบุบขนาดนี้อ่ะ ฉันจะเอาเรื่องนายให้ถึงที่สุดเลยคอยดู” หญิงสาวชี้หน้าชายหนุ่มและเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์โทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

            “ฮัลโหลคุณตำรวจค่ะฉันขอแจ้งความค่ะ...ตอนนี้ฉันอยู่...อ้าวฮํลโหล ฮัลโหลคุณตำรวจค่ะ เอ้าแบตหมดอะไรตอนนี้เนี่ย จิ๊” หญิงสาวพูดสิ่งที่ตั้งใจยังไม่ทันจบแต่แบตเจ้ากรรมดันหมดซะก่อนที่จะรู้เรื่อง

 

            “ยืมของผมไหมครับ” ปีเตอร์แสดงน้ำใจควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้เธอ เพื่อให้เธอสบายใจและเรื่องจะได้จบๆ ไป

 

            “ฉันไม่จ่ายค่าโทรศัพท์ให้หรอกนะยะ” หญิงสาวดึงโทรศัพท์มาจากมือชายหนุ่มก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจและกดเบอร์โทรออกอีกครั้ง

 

            ไม่นานเกินรอเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดปล่อยไฟตรงสี่แยกด้านหน้าที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโล ขับรถเปิดสัญญาณไฟมาถึงยังจุดเกิดเหตุ เมื่อคุณตำรวจจอดรถสนิทแล้วเดินมาตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่หญิงสาวก็อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที โดยที่ปีเตอร์ไม่คิดจะแย้งหรือแก้ตัวใดๆ ให้กับตนเองถึงแม้ว่าหญิงสาวจะพูดเกินจริงไปบ้าง

 

            ปีเตอร์คิดเพียงแค่ให้คดีนี้จบโดยเร็วเพราะเขาก็ยอมรับว่าเขาผิดและยอมชดใช้ค่าเสียหายให้คู่กรณีทุกอย่าง จึงไม่อยากจะต่อปากต่อคำให้มากความมันจะยิ่งทำให้เขาติดอยู่กับที่ไปไหนไม่ได้เสียที เมื่อคุณตำรวจสรุปคำให้เขาชดใช้ค่าเสียหายให้เธอโดยการเอารถของเธอส่งเข้าอู่ให้ เขาก็รับปากและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่พอใจเรียกร้องสิทธิ์จากเขาเกินกว่าความเป็นจริงจนปีเตอร์ที่เงียบอยู่นานตอบกลับเธอบ้าง

 

            “ผมชนรถคุณก็จริง แต่จะว่าไปแล้วคุณก็มีส่วนผิดที่จอดรถในที่ห้ามจอดแบบนี้จริงไหมครับคุณตำรวจ” ปีเตอร์หันไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนจดอะไรยุกยิกอยู่ในมือเขา ซึ่งคำตอบของตำรวจทำเอาเธอหน้าเจื่อนลงไปต่อไม่เป็น

 

            “...คุณตำรวจค่ะแต่รถฉันเสียมันจะเลือกที่ได้หรอค่ะ คุณตำรวจต้องช่วยฉันนะค่ะ” เธอยังไม่ยอมละความพยายามในการบอกว่าเธอถูกเขาตังหากที่เป็นฝ่ายผิด

 

            “งั้นผมขอดูหน่อยนะครับว่าเสียตรงไหน ผมจะได้บอกช่างว่าไม่ต้องซ่อมเพราะผมไม่ได้เป็นคนทำให้มันเสีย” ปีเตอร์เดินไปสำรวจดูรถของเธอว่าที่เธอบอกว่าเสียมันคือจุดใด แต่ระหว่างที่เขาสตาร์ทรถของเธอนั้นสายตาเหลืบไปเห็นสัญญาณเตือนน้ำมันหมดขึ้นสีแดงอยู่

 

            “ขับรถจนน้ำมันหมดแบบนี้เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อความไม่รอบครอบของตัวคุณเองนะครับ ผมจะรับผิดชอบส่วนที่ผมทำรถคุณเสียหาย แต่คุณต้องขอโทษผมมาก่อนที่กล่าวหาผมเมื่อครู่นี้” ปีเตอร์ยื่นข้อต่อรองกับหญิงสาวเพื่อเป็นการสั่งสอน

 

            “ไม่!!” เธอตอบโดยไม่คิดและยืดกอดอกเชิดหน้าใส่เขา

 

            น้ำมันบ้าก็มาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย ฮึ่ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา