RAUSANNE แทนใจรักในใจเธอ
9.3
เขียนโดย signorina
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.37 น.
25 ตอน
0 วิจารณ์
29.20K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556 12.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บ้านเล็ก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ9
~ บ้านเล็ก ~
ที่บ้านเล็ก คฤหาสน์วินด์เซอร์
เลยเวลาเที่ยงมาครู่ใหญ่แล้ว โรวว์แซนยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงร่างของเขาที่ขยับเล็กน้อยตามจังหวะการหายใจเข้าออก บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ เงียบเหลือเกิน จนกระทั่ง…
กริ๊งง งงงงง งงงงง กริ๊งงงงงง งงงงง
โรวว์แซนสะดุ้งสุดตัว ลืมตาพรวดขึ้นมา เขาหันไปมองรอบๆ ใช้เวลาเสี้ยววินาที จึงตระหนักว่าเป็น แมคซ์ นั่นเอง
แมคซ์ยืนอยู่ที่ปลายเตียงของเขา มือซ้ายกำลังถือนาฬิกาปลุกตัวจิ๋วแต่มีเสียงปลุกที่ดังกังวาลราวกับฟ้าจะถล่มทลาย มือขวากำลังอุดหูของตัวเองอยู่ เขายิ้มที่ทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จ นั่นหละ แมคซ์
“โอ้ย พอแล้วๆ แสบหูชะมัด” โรวว์แซนบ่นขณะที่เอาหมอนมาปิดหูทั้งสองข้าง
“ฮ่าๆๆ คุณท่านให้มาปลุกนายหว่ะพวก บอกให้ไปบ้านใหญ่”
“อืม รู้แล้วน่า”
“เอ้า ลุกขึ้นสิว๊ะ หรือจะให้ฉันเปิดเสียงนาฬิ…”
ยังไม่ทันที่แมคซ์จะพูดจบ โรวว์แซนก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำ เขากำลังจะปิดประตู พลันหันมาถามแมคซ์ว่า
“แคทมาด้วยหรอ”
“ก็แหงละ อ้อ รีบๆ หน่อยหล่ะ วันนี้มีข่าวดีจะแจ้ง” แมคซ์ตอบ ยักคิ้วซ้ายหนึ่งที แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อตอนที่แคทธรินขับรถเข้ามาจอดยังลานหน้าคฤหาสน์แห่งนี้ แอลลิเซ่นรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เธอนึกสงสัยว่า คฤหาสน์หลังใหญ่โตขนาดนี้จะมีคนอาศัยอยู่สักกี่คนกัน เธอคิด
ระหว่างทางที่นั่งรถมา แคทธรินเล่าว่า ครอบครัวของเธอกับตระกูลนี้รู้จักและคบหากันมานานแล้ว เธอเองก็คบหากับสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวินด์เซอร์ เธอเสริมว่า ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า เคยคบ หรือ ยังคบอยู่ เมื่อเข้าไปถึงยังตัวคฤหาสน์ มีสาวใช้ออกมายืนเรียงแถวต้อนรับแขกทั้งสี่คน
แอลลิเซ่นไม่ได้ตกตะลึงกับความหรูหราใหญ่โตภายในคฤหาสน์เลยแม้แต่น้อย แต่ที่ทำให้เธอชะงักกลางอากาศก็คือ รูปถ่ายขนาดมหึมาที่ติดอยู่บนผนังตรงบันไดวนขึ้นชั้นบน เป็นรูปถ่ายของสมาชิกตระกูลวินด์เซอร์
โรวว์แซน นั่นเอง มีเขาอยู่ในรูปนั้น
โคล แอนนา และแคทธริน เดินขึ้นไปแล้ว แอลลิเซ่นยังคงยืนพิจารณาดูรูปนั้น โรวว์แซนยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ข้างซ้ายมือเขาคือชายวัยกลางคนหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขา อืม พ่อของเขานั่นเอง ส่วนด้านขวามือคือชายชรานั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักสวดลายสวยงามดูน่าเกรงขามยิ่งนัก คุณปู่ของเขา ที่เหลือก็เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสี่คน
แอลลิเซ่นสังเกตว่า ในรูปนี้มีเพียงโรวว์แซนคนเดียวเท่านั้นที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่น เพราะผมสีบลอนด์ของเขา และนัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าแบบนั้น… น่าแปลก เธอคิด แล้วแอลลิเซ่นก็รีบก้าวเท้าเดินตามทุกคนไป
ทันทีที่แอลลิเซ่นเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ก็พบว่าชายชราซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืนและทักทายทุกคน จากนั้นโคลก็แนะนำแอนนากับแอลลิเซ่น หลังจากนี้ ก็เป็นการพูดคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ โคลเริ่มลงมือปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ครู่ต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ทุกอย่างปกติดีครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าท่านงดออกรอบกลางแดดจัดๆ เสียบ้าง”
โคลกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่กำลังเก็บอุปกรณ์การแพทย์และเอกสารแสดงผลตรวจด้านต่างๆ
“ฮ่ะๆ ไม่ต้องห่วงน่า โคล ฉันพกครีมกันแดดติดตัวเสมอ”
ชายชราเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี โคลหันมายิ้มให้ และส่ายหน้าเบาๆ แอลลิเซ่นสังเกตว่า สำเนียงที่ชายชราพูดเป็นสำเนียงเดียวกับโรวว์แซนไม่มีผิดเพี้ยน อืม สำเนียงแบบวินด์เซอร์สินะ เธอคิด
แมคซ์เข้ามายืนอยู่ข้างประตูแล้วตอนนี้
“อ้าว แมคซ์ เป็นไง เรียบร้อยมั้ย” ชายชราถาม
“ครับ กำลังแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวก็มาครับ”
แอลลิเซ่น มองแมคซ์แวบหนึ่ง เขายิ้มให้เธอ เธอยิ้มตอบ
โรวว์แซนแต่งตัวเสร็จแล้ว ในระหว่างที่อาบน้ำ เขาก็มีแผนการหนึ่งขึ้นมาในใจ เขาเดินลงไปข้างล่าง ไม่มีวี่แววของแมคซ์อยู่เลย เยี่ยมมาก เขาคิด
เขาเดินไปยังโรงจอดรถด้วยความเร่งรีบ เข้าไปนั่งอยู่ในรถ เพียงชั่วพริบตา ปอร์เช่สีดำแวววับก็ทะยานออกมาด้วยความเร็ว อืม แผนการสำเร็จ !
โรวว์แซนคิดว่า เขาแค่ไม่ต้องการไปพบใครบางคนที่นั่น เท่านั้นเอง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แมคซ์กลับมาที่บ้านเล็ก ทันทีที่เขาเดินผ่านโรงจอดรถแล้วไม่เห็นปอร์เช่จอดอยู่ เขาก็รู้ในทันทีว่าโรวว์แซนไม่อยู่ในบ้านแล้วตอนนี้ เขาจึงเดินกลับไปยังคฤหาสน์ เพื่อไปรายงานให้ชายชราทราบ ชายชราทำสีหน้าปกติ ราวกับว่าเขารู้ดีอยู่แล้ว โรวว์แซนมักจะหลบหน้าไปแบบนี้ เวลาที่เขาไม่เต็มใจทำอะไรๆ ที่คนอื่นสั่งให้ทำ
แคทธรินมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็กลับมาร่าเริงในทันทีที่แมคซ์อาสาจะพาไปที่คอกม้า ทั้งสามคนนั่งรถไปด้วยกัน แคทธรินเดินไปทำกิจกรรมแต่ละอย่างเป็นการ บ่งบอกว่าเธอคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี แมคซ์กลายเป็นเพียงคนที่ขับรถมาส่งเท่านั้น
แมคซ์เดินมาหาแอลลิเซ่นที่นั่งอยู่ในรถเปิดประทุนสีแดง
“เฮ้ เป็นไง ไม่ขี่ม้าหน่อยเหรอ”
แอลลิเซ่นส่ายหน้า แล้วหันไปมองแคทธรินที่กำลังควบม้าออกไปด้วยความเร็ว
“ผมชื่อแมคซ์ เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันแบบจริงจังเลย” เขาว่า
“แอลลิเซ่น” เธอแนะนำชื่อตัวเองบ้าง
“แอลลี่ นะ” เธอแก้เป็นชื่อเล่น เขาพยักหน้า
“นี่ โรวว์ยังไม่รู้ว่าเธอมาด้วย ไม่งั้นเขาไม่หายไปไหนแน่ๆ ”
แอลลิเซ่นทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ยิ้ม
“เขาไปไหนหรอ” เธอถาม
“ไม่รู้สิ ฮ่ะๆ ” เขาว่าพลางส่ายหน้าเซ็งๆ
แมคซ์เสริม “อากาศที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว ฉันพาเธอไปที่บ้านเล็กดีกว่ามั้ย แคทธรินไม่เคยใช้เวลาขี่ม้าน้อยกว่าสามชั่วโมงเลยนะ”
“บ้านเล็กหรอ” เธอสงสัย
แมคซ์พยักหน้าแล้วเดินอ้อมเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ
เมื่อไปถึงยังบ้านเล็ก คำถามแรกที่แอลลิเซ่นถามแมคซ์คือ
“ทำไมที่นี่ถึงเรียกว่า บ้านเล็ก หล่ะ”
แมคซ์หัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆๆ ก็ไม่รู้สิ คุณเจมส์ พ่อของโรวว์เรียกอย่างนั้น”
“แล้วที่นี่มีคนอยู่กี่คนกัน”
“ก็มี โรวว์แซน โรวว์แซน แล้วก็โรวว์แซน” แมคซ์หัวเราะร่วนกับความพยายามที่จะแกล้งเธอ
แอลลิเซ่นหันไปทำตาเขียวใส่เขา เขาตอบอีกครั้ง
“เขาอยู่คนเดียวที่นี่ เขารักสงบนะ” เขายิ้มนิดๆ มือก็ขยี้ผมไปด้วย
แอลลิเซ่นเดินสำรวจรอบๆ บ้านนี้เป็นบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ของตกแต่งภายในล้วนเป็นของธรรมดาสามัญ ไม่หรูหราเกินความจำเป็น ดูน่าอยู่เหลือเกิน เธอเดินไปจนถึงส่วนท้ายสุด ผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก ปรากฏว่า เบื้องหน้าของเธอเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ น้ำในสระใสแจ๋ว ตรงขอบสระนั้นออกแบบให้ดูเหมือนว่า น้ำกำลังล้นออกไปเรื่อยๆ ไปยังรอบๆ สระที่ตกแต่งด้วยหินสีขาวดูสะอาดตา เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเงางาม
ใกล้ค่ำแล้ว แมคซ์กับแอลลิเซ่นกลับมายังคอกม้า แคทธรินควบม้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ เธอลงจากหลังม้า ถอดชุดสำหรับขี่ม้าแล้วเดินมายังรถ
หลังจากที่ทุกคนกลับกันหมดแล้ว แมคซ์เข้ามายังบ้านเล็กเพื่อรอพบโรวว์แซน เขาเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่ผนังเป็นระยะๆ เกือบเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินเสียงรถปอร์เช่กลับเข้ามาเลย เขามองนาฬิกาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เดินกลับไปทางบ้านใหญ่
~ บ้านเล็ก ~
ที่บ้านเล็ก คฤหาสน์วินด์เซอร์
เลยเวลาเที่ยงมาครู่ใหญ่แล้ว โรวว์แซนยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงร่างของเขาที่ขยับเล็กน้อยตามจังหวะการหายใจเข้าออก บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ เงียบเหลือเกิน จนกระทั่ง…
กริ๊งง งงงงง งงงงง กริ๊งงงงงง งงงงง
โรวว์แซนสะดุ้งสุดตัว ลืมตาพรวดขึ้นมา เขาหันไปมองรอบๆ ใช้เวลาเสี้ยววินาที จึงตระหนักว่าเป็น แมคซ์ นั่นเอง
แมคซ์ยืนอยู่ที่ปลายเตียงของเขา มือซ้ายกำลังถือนาฬิกาปลุกตัวจิ๋วแต่มีเสียงปลุกที่ดังกังวาลราวกับฟ้าจะถล่มทลาย มือขวากำลังอุดหูของตัวเองอยู่ เขายิ้มที่ทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จ นั่นหละ แมคซ์
“โอ้ย พอแล้วๆ แสบหูชะมัด” โรวว์แซนบ่นขณะที่เอาหมอนมาปิดหูทั้งสองข้าง
“ฮ่าๆๆ คุณท่านให้มาปลุกนายหว่ะพวก บอกให้ไปบ้านใหญ่”
“อืม รู้แล้วน่า”
“เอ้า ลุกขึ้นสิว๊ะ หรือจะให้ฉันเปิดเสียงนาฬิ…”
ยังไม่ทันที่แมคซ์จะพูดจบ โรวว์แซนก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำ เขากำลังจะปิดประตู พลันหันมาถามแมคซ์ว่า
“แคทมาด้วยหรอ”
“ก็แหงละ อ้อ รีบๆ หน่อยหล่ะ วันนี้มีข่าวดีจะแจ้ง” แมคซ์ตอบ ยักคิ้วซ้ายหนึ่งที แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อตอนที่แคทธรินขับรถเข้ามาจอดยังลานหน้าคฤหาสน์แห่งนี้ แอลลิเซ่นรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เธอนึกสงสัยว่า คฤหาสน์หลังใหญ่โตขนาดนี้จะมีคนอาศัยอยู่สักกี่คนกัน เธอคิด
ระหว่างทางที่นั่งรถมา แคทธรินเล่าว่า ครอบครัวของเธอกับตระกูลนี้รู้จักและคบหากันมานานแล้ว เธอเองก็คบหากับสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวินด์เซอร์ เธอเสริมว่า ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่า เคยคบ หรือ ยังคบอยู่ เมื่อเข้าไปถึงยังตัวคฤหาสน์ มีสาวใช้ออกมายืนเรียงแถวต้อนรับแขกทั้งสี่คน
แอลลิเซ่นไม่ได้ตกตะลึงกับความหรูหราใหญ่โตภายในคฤหาสน์เลยแม้แต่น้อย แต่ที่ทำให้เธอชะงักกลางอากาศก็คือ รูปถ่ายขนาดมหึมาที่ติดอยู่บนผนังตรงบันไดวนขึ้นชั้นบน เป็นรูปถ่ายของสมาชิกตระกูลวินด์เซอร์
โรวว์แซน นั่นเอง มีเขาอยู่ในรูปนั้น
โคล แอนนา และแคทธริน เดินขึ้นไปแล้ว แอลลิเซ่นยังคงยืนพิจารณาดูรูปนั้น โรวว์แซนยืนด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ข้างซ้ายมือเขาคือชายวัยกลางคนหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเขา อืม พ่อของเขานั่นเอง ส่วนด้านขวามือคือชายชรานั่งอยู่บนเก้าอี้แกะสลักสวดลายสวยงามดูน่าเกรงขามยิ่งนัก คุณปู่ของเขา ที่เหลือก็เป็นชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสี่คน
แอลลิเซ่นสังเกตว่า ในรูปนี้มีเพียงโรวว์แซนคนเดียวเท่านั้นที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่น เพราะผมสีบลอนด์ของเขา และนัยน์ตาสีเขียวอมฟ้าแบบนั้น… น่าแปลก เธอคิด แล้วแอลลิเซ่นก็รีบก้าวเท้าเดินตามทุกคนไป
ทันทีที่แอลลิเซ่นเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ก็พบว่าชายชราซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืนและทักทายทุกคน จากนั้นโคลก็แนะนำแอนนากับแอลลิเซ่น หลังจากนี้ ก็เป็นการพูดคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ โคลเริ่มลงมือปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ครู่ต่อมาเขาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ทุกอย่างปกติดีครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าท่านงดออกรอบกลางแดดจัดๆ เสียบ้าง”
โคลกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่กำลังเก็บอุปกรณ์การแพทย์และเอกสารแสดงผลตรวจด้านต่างๆ
“ฮ่ะๆ ไม่ต้องห่วงน่า โคล ฉันพกครีมกันแดดติดตัวเสมอ”
ชายชราเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี โคลหันมายิ้มให้ และส่ายหน้าเบาๆ แอลลิเซ่นสังเกตว่า สำเนียงที่ชายชราพูดเป็นสำเนียงเดียวกับโรวว์แซนไม่มีผิดเพี้ยน อืม สำเนียงแบบวินด์เซอร์สินะ เธอคิด
แมคซ์เข้ามายืนอยู่ข้างประตูแล้วตอนนี้
“อ้าว แมคซ์ เป็นไง เรียบร้อยมั้ย” ชายชราถาม
“ครับ กำลังแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวก็มาครับ”
แอลลิเซ่น มองแมคซ์แวบหนึ่ง เขายิ้มให้เธอ เธอยิ้มตอบ
โรวว์แซนแต่งตัวเสร็จแล้ว ในระหว่างที่อาบน้ำ เขาก็มีแผนการหนึ่งขึ้นมาในใจ เขาเดินลงไปข้างล่าง ไม่มีวี่แววของแมคซ์อยู่เลย เยี่ยมมาก เขาคิด
เขาเดินไปยังโรงจอดรถด้วยความเร่งรีบ เข้าไปนั่งอยู่ในรถ เพียงชั่วพริบตา ปอร์เช่สีดำแวววับก็ทะยานออกมาด้วยความเร็ว อืม แผนการสำเร็จ !
โรวว์แซนคิดว่า เขาแค่ไม่ต้องการไปพบใครบางคนที่นั่น เท่านั้นเอง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แมคซ์กลับมาที่บ้านเล็ก ทันทีที่เขาเดินผ่านโรงจอดรถแล้วไม่เห็นปอร์เช่จอดอยู่ เขาก็รู้ในทันทีว่าโรวว์แซนไม่อยู่ในบ้านแล้วตอนนี้ เขาจึงเดินกลับไปยังคฤหาสน์ เพื่อไปรายงานให้ชายชราทราบ ชายชราทำสีหน้าปกติ ราวกับว่าเขารู้ดีอยู่แล้ว โรวว์แซนมักจะหลบหน้าไปแบบนี้ เวลาที่เขาไม่เต็มใจทำอะไรๆ ที่คนอื่นสั่งให้ทำ
แคทธรินมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็กลับมาร่าเริงในทันทีที่แมคซ์อาสาจะพาไปที่คอกม้า ทั้งสามคนนั่งรถไปด้วยกัน แคทธรินเดินไปทำกิจกรรมแต่ละอย่างเป็นการ บ่งบอกว่าเธอคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี แมคซ์กลายเป็นเพียงคนที่ขับรถมาส่งเท่านั้น
แมคซ์เดินมาหาแอลลิเซ่นที่นั่งอยู่ในรถเปิดประทุนสีแดง
“เฮ้ เป็นไง ไม่ขี่ม้าหน่อยเหรอ”
แอลลิเซ่นส่ายหน้า แล้วหันไปมองแคทธรินที่กำลังควบม้าออกไปด้วยความเร็ว
“ผมชื่อแมคซ์ เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันแบบจริงจังเลย” เขาว่า
“แอลลิเซ่น” เธอแนะนำชื่อตัวเองบ้าง
“แอลลี่ นะ” เธอแก้เป็นชื่อเล่น เขาพยักหน้า
“นี่ โรวว์ยังไม่รู้ว่าเธอมาด้วย ไม่งั้นเขาไม่หายไปไหนแน่ๆ ”
แอลลิเซ่นทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ยิ้ม
“เขาไปไหนหรอ” เธอถาม
“ไม่รู้สิ ฮ่ะๆ ” เขาว่าพลางส่ายหน้าเซ็งๆ
แมคซ์เสริม “อากาศที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว ฉันพาเธอไปที่บ้านเล็กดีกว่ามั้ย แคทธรินไม่เคยใช้เวลาขี่ม้าน้อยกว่าสามชั่วโมงเลยนะ”
“บ้านเล็กหรอ” เธอสงสัย
แมคซ์พยักหน้าแล้วเดินอ้อมเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ
เมื่อไปถึงยังบ้านเล็ก คำถามแรกที่แอลลิเซ่นถามแมคซ์คือ
“ทำไมที่นี่ถึงเรียกว่า บ้านเล็ก หล่ะ”
แมคซ์หัวเราะออกมา
“ฮ่ะๆๆ ก็ไม่รู้สิ คุณเจมส์ พ่อของโรวว์เรียกอย่างนั้น”
“แล้วที่นี่มีคนอยู่กี่คนกัน”
“ก็มี โรวว์แซน โรวว์แซน แล้วก็โรวว์แซน” แมคซ์หัวเราะร่วนกับความพยายามที่จะแกล้งเธอ
แอลลิเซ่นหันไปทำตาเขียวใส่เขา เขาตอบอีกครั้ง
“เขาอยู่คนเดียวที่นี่ เขารักสงบนะ” เขายิ้มนิดๆ มือก็ขยี้ผมไปด้วย
แอลลิเซ่นเดินสำรวจรอบๆ บ้านนี้เป็นบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ของตกแต่งภายในล้วนเป็นของธรรมดาสามัญ ไม่หรูหราเกินความจำเป็น ดูน่าอยู่เหลือเกิน เธอเดินไปจนถึงส่วนท้ายสุด ผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก ปรากฏว่า เบื้องหน้าของเธอเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ น้ำในสระใสแจ๋ว ตรงขอบสระนั้นออกแบบให้ดูเหมือนว่า น้ำกำลังล้นออกไปเรื่อยๆ ไปยังรอบๆ สระที่ตกแต่งด้วยหินสีขาวดูสะอาดตา เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันเงางาม
ใกล้ค่ำแล้ว แมคซ์กับแอลลิเซ่นกลับมายังคอกม้า แคทธรินควบม้ามาด้วยความเหนื่อยหอบ เธอลงจากหลังม้า ถอดชุดสำหรับขี่ม้าแล้วเดินมายังรถ
หลังจากที่ทุกคนกลับกันหมดแล้ว แมคซ์เข้ามายังบ้านเล็กเพื่อรอพบโรวว์แซน เขาเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่ผนังเป็นระยะๆ เกือบเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินเสียงรถปอร์เช่กลับเข้ามาเลย เขามองนาฬิกาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เดินกลับไปทางบ้านใหญ่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ