ม่านลวง
เขียนโดย asamon
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.33 น.
แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 21.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ" เป็นอะไรละแม่แก้ว" คุณนวลจันทร์ถามเด็กสาวรับใช้ในบ้านเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
" คุณวินนะซิคะ โทรมาบอกให้พี่หนานเมืองขับรถไปรับที่บ้านพักลุงต๋ำท้ายไร่ แต่พี่หนานเมืองเพิ่งเข้าไปล่าสัตว์กับคำปันเมื่อสักครู่ใหญ่เอง แก้วเลยไม่ทราบว่าจะทำยังไงดี" เด็กสาวรายงาน
" แล้วไม่มีใครแล้วหรือ" มินตราเอ่ยถามขณะประคองผู้สูงวัยลงนั่งบนเก้าอี้โยกตัวโปรด
" คงมีอยู่คะแต่แก้วต้องไปดูที่เรือนพักคนงานโน่น"
" รถพ่อเลี้ยงคงไปเสียอยู่ท้ายไร่ละซิ มันจริงๆเลยนะหลานคนนี้ บอกให้เปลี่ยนๆก็ยังดื้อจริงๆ" ผู้สูงวัยบ่นเรื่อยๆขณะรับยาจากหญิงสาว
" ฉันรบกวนหนูมินไปรับนายตัวแสบของฉันหน่อยได้ไหม" คุณนวลจันทร์หันไปพูดกับหญิงสาวที่นั่งพับเพียบเงียบๆข้างๆ
" มินหรือคะท่าน! เอ่อจะดีหรือคะ" หญิงสาวลดเสียงลงในตอนท้ายเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเสียงดังเกินเหตุ
" ทำไมละ ไปรับหลานฉันเป็นเรื่องเสียหายนักหรือ"
" ไม่ใช่คะท่าน มินไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น" แต่หลานท่านนะแหละจะไม่ชอบใจ หญิงสาวคิดในใจ
" ไปเถอะ ยาฉันก็ทานแล้ว นั่งรับลมสักพักจะให้แม่แก้วเขาประคองเข้าไปนอน หนูมินไปรับพ่อวินเถอะ" เมื่อคุณนวลจันทร์เอ่ยตัดบทเธอจึงต้องไปรับอีกฝ่าอย่างเสียไม่ได้
***************************************
" อ้าวคุณมิน เชิญครับเชิญ" ลุงต๋ำเอ่ยเสียงดังเมื่่อเห็นว่าใครลงจากรถ หญิงสาวยิ้มรับ
" ไม่ไหวมั้งจ๊ะลุง เรื่องนี้มินไม่ค่อยถนัดเลย มินแค่มารับคุณนาวินทร์นะจ๊ะ" หญิงสาวส่ายหัวเมื่ออีกฝ่ายตั้งท่ารินเครื่องดื่มใสแจ๋วลงแก้วใบเล็กจิ๋วให้เธอ
" แหม จะรีบไปไหนละครับพ่อเลี้ยงกับผมยังดวลกันไม่ถึงไหนเลย" ชายสูงวัยพูดกลั้วหัวเราะ
" เค้าก็คงมีอะไรๆต้องทำที่เรือนใหญ่ คงไม่มีกะจิตกะใจนั่งกับเราที่นี่หรอกลุง"
คนที่นั่งนิ่งหันหลังให้เธอแต่ต้นเอ่ยเสียงแค่นหัวเราะ หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบด้วยความโกรธเพราะทราบดีว่าเขาหมายถึงอะไร เธอไม่เข้าใจเลยทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเกลียดเธอนัก ทำไมเขาถึงคอยแต่จะหาเรื่องเธอและทำให้เธอเจ็บช้ำ เขารู้เรื่องเธอทุกอย่างและก็ยังทำในสิ่งที่เขารู้ว่าจะทำให้เฉอเจ็บปวดแม้แต่การพาคู่รักเก่าของเธอมาฮันนีมูลที่ไร่ของเขา
" คะ คงเป็นเช่นนั้นถ้าเราทราบว่ามีใครคอยอยู่" หญิงสาวตอบเสียงหวานอีกฝ่ายจึงหันขวับสบกับนัยย์ตาหวานฉายประกายท้าทายอย่างเปิดเผย
" รู้สึกว่าตั้งแต่มีแขกมาพักที่ไร่ของเราเด็กดีของคุณย่าดูจะ"กล้า" ขึ้นเยอะนะครับลุง" ชายหนุ่มทำทีเป็นพุดกับผู้สูงวัยแต่สายเหยียดๆยังมองเธอไม่วางตา
" ความอดทนของคนเรานั้นก็มีขีดจำกัด ถ้าการอยู่นิ่งๆมันไม่ช่วยอะไรลุกขึ้นมาสู้บ้างก็ดีนะคะ ไหนคะคุณลุงเมื่อกี้จะรินเหล้าให้มินไม่ใช่หรือคะ ได้ยินมาว่าเหล้าลุงต๋ำรสชาติเยี่ยม ขอมินชิมสักนิดนะคะ"
หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามกับคนตัวโตอย่างไม่หวั่นเกรงพลางหันไปอ้อนผู้สูงวัยที่ยืนยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี
" แหม วันนี้วันดีจริงๆนะครับที่มีคุณมินมาร่วมวง นี่ถ้าคุณภพอยู่ด้วยคงสนุกกันใหญ่ เสียดายที่ต้องพาคุณๆกับแขกไปในเมือง แม่เอื้อนไปทำกับแกล้มมาเพิ่มอีกสักสองสามอย่างซิ"
ลุงต๋ำหันไปพูดกับภรรยาจึงไม่ทันเห็นสีหน้าที่เจื่อนไปของคนนั่งข้างๆ แต่ยังไงเสียกลับไม่พ้นสายตาของคนที่นั่งดื่มเงียบๆตรงหน้า เธอจึงได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของอีกฝ่ายแต่ทำเมินคว้าเครื่องดื่มใสแจ๋วเข้าปากแล้วต้องนิ่วหน้าพยายามกลืนลงไปอย่างยากเย็น เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนและแรงของแอลกฮอลล์ที่เข้าปากไหลผ่านลำคอลงสู่กระเพาะอาหารได้อย่างชัดเจน ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีแดงปลั่งแทบจะทันที ผู้สูงวัยหัวเราะร่วนอย่างพอใจ
" เก่งจริงคุณมิน ยกรวดเดียวเกลี้ยงเลย ฮ่าๆ" แม่นิ่มลูกสาวลุงต๋ำที่ยกกับแกล้มมาเสริฟร่วมหัวเราะอีกคน
" แก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกเชียวคะคุณมิน ไหวไหมคะนั่น" หญิงสาวยิ้มแหย ยกมือขึ้นมากุมแก้มรู้สึกได้ถึงใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเอง เธอจึงยิ้มแหยเข้าไปอีกแต่เมื่อสบกับนัยย์ตาวาวของคนตรงข้ามเธอกลับหุบยิ้มให้อย่างจงใจ
" มินคงได้แค่นี้แหละคะ มากกว่านี้เห็นจะไม่ไหว" มินตราพูดเสียงอ่อย
" ขอชาร้อนให้คุณมินสักแก้วซินิ่ม"ลุงต่ำหันไปพูดกับลูกสาว หญิงสาวจึงเอ่ยคำขอบคุณเบาๆ เธอดื่มไม่เป็นแต่เพราะนัยย์ตาวาวของคนตรงหน้านี่แท้เธอจึงทำอะไรบ้าๆแบบนี้ มินตรารู้สึกตัวลอยๆแม้แต่เสียงพูดคุยรอบข้างก็ฟังดูห่างไกลออกไป เธอยิ้มบางๆเมื่อรู้สึกว่าทุกคนกำลังพูดถึงเธอ รู้สึกเหมือนหนังตาเริ่มหนักเต็มที
'เมาแน่แล้วเรา' เธอคิดในใจและพยามยามนั่งให้นิ่งที่สุด ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเธอเคยมีอาการแบบนี้แต่ในตอนนั้นเธอมีไหล่ใครคนหนึ่งให้ซบ มีมือใครคนหนึ่งกุมมือเธอไว้มั่น คนที่เธอรู้ว่าไว้ใจเขาได้และเขาจะปกป้องเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วใครคนนั้น เขาต้องไปทำหน้าที่สามีที่ดีให้คนอื่น คนที่เหมาะสมและคู่ควรกับเขา ไม่ใช่เธอที่เป็นเพียงคนทำงานธรรมดา ไม่มีค่าไม่มีเกียรติสำหรับครอบครัวของเขา นึกถึงตรงนี้น้ำตาเจ้ากรรมหยดแหมะด้วยความน้อยใจในโชคชะตา หญิงสาวลุกพรวดหันหลังให้กับคนอื่นๆ
" พอตกดึกบ้านท้ายสวนของลุงต๋ำเย็นกว่าเรือนใหญ่เยอะเลยนะคะ" มินตราแสร้งพูดเรื่องอื่นพลางรีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนคนอื่นจะสังเกตเห็นความผิดปกติ
" คุณมินเค้าคงอยากกลับแล้วเพราะมันใกล้เวลาเต็มที" เสียงห้าวดังแทรกขึ้นเธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียงเห็นเพียงนัยย์ตาวาวๆกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายเท่านั้น เอาเถอะกับคนนี้ให้เถียงกันยังไงเธอก็ไม่มีวันชนะ คนดื้อและมั่นใจในตัวเองอย่างร้ายกาจแบบเขาลองปักใจเชื่อว่าเธอไม่ดีพูดยังไงก็คงไม่ฟัง นิ่งเสียจะดีกว่า
" งั้นเดี๋ยวผมต้องขอตัวแล้วนะครับ ไว้วันหลังค่อยมาดวลกันใหม่แล้วพรุ่งนี้จะให้เจ้าคำปันมาสากรถไป" เสียงห้าวพูดกลั้วหัวเราะพร้อมทั้งเดินนำหน้าหญิงสาวลงบันไดไปก่อน มินคราเอ่ยขอบคุณผู้เป็นเจ้าของบ้านก่อนจะตามอีกฝ่ายลงไปอย่างระมัดระวัง
" เอากุญแจรถมาซิ คุณคิดว่าผมจะนั่งรถที่มีคนขับเมาแบบคุณหรือไง" เสียงห้วนตะคอกเมื่อเห็นเธอยังยืนงง หญิงสาวจึงยื่นกุญแจรถให้อีกฝ่าย เขาถือโอดาสฉวยข้อมือเล็กจูงไปยังที่นั่งข้างคนขับเปิดประตูรถจัดแจงให้เธอนั่งเรียบร้อยแล้วจึงโบกมือให้กับเจ้าของบ้ายอีดครั้งก่อนนั่งประจำที่คนขับแล้วออกรถไป
" ทีหน้าทีหลังอย่ามาทำเก่งต่อหน้าผมอีก แล้วอย่ามาทำสำออยให้มาก เห็นแล้วน่ารำคาญ" ชายหนุ่มพูดแทรกขึ้นมาในความเงียบหญิงสาวได้แต่ขบริมฝีปากอย่างข่มใจ แน่แล้ว ไอ้รอยยิ้มเจ้าเลห์เมื่อกี้นั่น เขาคงเห็นเธอร้องไห้แน่
" รักเขามากเหรอนายพริมอะไรนั่น สะกิดนิดสะกิดหน่อยถึงได้ทำเป็นบ่อน้ำตาแตก" ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ
" ไม่ต้องจ้องผมขนาดนั้นหรอกคุณคิดหรือว่าผมไม่รู้ไม่เห็นว่าคุณแอบทำอะไรลับหลังคนอื่นบ้าง แอบมองสามีคนอื่นจนตาจะถลน แล้วยังมีหน้ามาสำออยทำน้ำตาร่วงปรอยต่อหน้าคนอื่นอีก ทุเรศที่สุด" ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้สังเกต์ว่าร่างอีกฝ่ายสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ
" กรุณาจอดรถด้วยคะ ฉันจะลง" มินตราคิดว่าเธอตะคอกใส่อีกฝ่าย หากเสียงที่ออกมาเป็นเพียงเสียงกระซิบผ่านริมฝีปากเธอเท่านั้นเอง
" อะไรกันคุณแค่นี้ถึงกับพูดไม่ออกเชียว ทีตอนคุยกับนายพริมผมเห็นคุณคุยได้ตั่งนานสองนาน" น้ำเสียงเยาะหยันยังคงออกมาจากปากอีกฝ่าย
" หยุด พอเสียที ฉันไม่อยากฟัง" หญิงสาวรวบรวมกำลังทั้งหมดที่เธอมีกรีดเสียงใส่อีกฝ่าย ชายหนุ่มหยุดรถหันมาจ้องหน้าเธอทันที
" ทำไม แค่นี้ทำเป็นยอมรับความจริงไม่ได้หรือไง ผู้หญิงอย่างคุณนะมันน่ารังเกียจที่สุด คุณใช้อาชีพอันมีเกีรยติของคุณทำเรื่องเลวๆ พอเขารู้ทันก็ต้องมาหลบหนีหน้าผู้คนที่ไร่ของผม สร้างเรื่องโกหกหลอกลวงให้ย่าผมสงสาร แล้วตอนนี้พอน้องนีพาสามีเขามาฮันนีมูนคุณก็ยังไม่ทิ้งนิสัยจับผู้ชายรวยๆ ตอนนี้ถึงขนาดกล้าจะปีนต้นงิ้วเชียวหรือ" ชายหนุ่มยังตะคอกใส่อีกฝ่ายโดยไม่สนใจท่าทีสั่นเทานัยย์ตาตื่นตระหนกของอีกฟัง
" ไม่จริง ฉันไม่ได้เป็นแบบที่คุณว่า คุณมันคนโหดร้าย ไม่มีหัวใจ คุณมันคนเลือดเย็น ฉันต้องหนีให้ไกลจากคุณฉันต้องไป" หญิงสาวพึมพำกับตัวเองพลางควานหาที่เปิดเปิดประตูเพื่อลงจากรถ
" นั่นคุณจะทำอะไร" ชายหนุ่มตะคอกแต่เธอเปิดประตูลงจากรถอย่างคนหวาดผวาก้าวเซไปมาอย่างคนไร้สติ
" กลับมาเดี๋ยวนี้นะมินตรา นี่มันดึกเกินกว่าที่ผมจะมาเล่นไล่จับกับคุณแล้ว" นาวินทร์ตะคอกอย่างหัวเสียแต่อีกฝ่ายยังคงเอามือป้องหูเดินจ้ำอ้าวไม่สนใจเสียงข้างหลัง จนเมื่อร่างบางถูกกระชากปะทะเข้ากับแผ่นอกหนาของคนตัวโตเธอจึงหวีดร้องด้วยความตกใจ
" เลิกทำสำออยเรียกร้องความสนใจได้แล้ว คุณคิดว่าผมจะยอมให้คุณเดินกลับดึกๆดื่นๆเพื่อที่คุณจะไปฟ้องคุณย่าว่าผมไม่ดูแลคุณงั้นซิ ฝันไปเถอะ ผมรู้ทันคุณหรอก" ชายหนุ่มตะคอกบีบไหล่อีกฝ่ายแน่น หญิงสาวสะบัดออกด้วยความรังเกียจ
" ปล่อยฉัน ฉันไม่มีแผนอะไรในใจทั้งนั้น ฉันรู้แต่ทนอยู่กับคุณไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว" เธอกรีดเสียงพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
" ทำไม ฉันรักคุณพริมแล้วมันผิดมากหรือไง ฉันเลวมากหรือที่เกิดมาเป็นคนธรรมดานามสกุลไม่ได้ใหญ่โต ฉันก็เจียมตัวแล้วไง ฉันก็หลีกทางไปแล้วไง ฉันขอแค่เวลาหลบมาทำใจ แต่คุณ เป็นคุณ คุณรู้เรื่องราวระหว่างเราทุกอย่าง แต่คุณก็ยังใจร้าย พาเขาทั้งสองคนมาที่นี่ คุณมันคนเลือดเย็น ใช้มีดเล่มเดิมแทงฉันซ้ำๆ ฉันเกลียดคุณ ฉันเกลียดคุณ"มินตราแผดเสียงกรีดร้องจนชายหนุ่มรู้สึกตกใจเพราะไม่เคยเห็นเธอร้องไห้ฟูมฟายอย่างบ้าคลั่งแบานี้มาก่อน
" มินตรา ผมไม่ใด้ตั้งใจทำร้ายคุณ ผมแค่อยากให้คุณยอมรับความจริงแล้วลบเขาออกจากใจเสียที" ชายหนุ่มทอดเสียงหมดแรงเมื่อได้ยินคำ'เกลียด'จากอีกฝ่าย
" คุณอย่ามาทำใจดีกับฉันตอนนี้เลย ยังไงฉันก็เกลียด เกลียด ฉันเกลียดคุณ" เสียงกรีดร้องเงียบไปเมื่อริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยริมฝีปากอีกฝ่าย หญิงสาวพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนแข็งแรงของเขาแต่ดูเหมืือนอีกฝ่ายกลับยิ่งกระชับออ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกฮอลหรือเพราะเพราะเธอกำลังฝัน เธอจึงสัมผัสถึงความอ่อนโยน อ่อนหวานและความอบอุ่นจากวงแขนของผู้ชายตรงหน้า
" ผมขอโทษ" ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนโยนขณะเชยคางอีกฝ่ายมองอย่างรักใคร่ ปนนึกขันกับดวงตาเบิกกว้างที่มองหน้าเขาอย่างตกใจ
" ฉันต้องฝันไปแน่ๆ" เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ เขาฉวยโอกาสนั้นจูงมือเธอกลับไปนั่งที่รถ
" คุณจะคิดว่าฝันไปก็แล้วแต่คุณเถอะ ผมหวังว่านี่จะเป็นฝันดีของคุณ เพราะคนโหดร้ายอย่างผม สำหรับคุณผมคงเป็นได้แค่นั้น"
ชายหนูพูดเสียงเบาหางเสียงคล้ายมีริ้วรอยความตัดพ้อปนอยู่หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนักแต่เขาไม่ได้หันมายืนยันอะไรเอาแต่สนใจกับถนนตรงหน้าไม่หันมามองเธออีกเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ