The Director ผู้กำกับรัก
เขียนโดย Mauvais
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.14 น.
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2556 18.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ป่วยงั้นเหรอ ? {Sick ?}
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความป่วยงั้นเหรอ ? {Sick ?}
วันนี้เป็นวันแห่งความรัก ทั่วทั้งเมืองเชียงใหม่เต็มไปด้วยดอกไม้ต่างๆ นานา แต่ส่วนมากจะเป็นกุหลาบซะมากกว่า และแน่นอนวันนี้จะเห็นแต่คนมีคู่เดินกันขวักไขว่ คนโสดก็นั่งเหงาอยู่ที่บ้าน ร้านขายดอกไม้ที่เงียบมาเกือบทั้งปีก็มาได้กำไรกันวันนี้ ช๊อกโกแลตก็ขายดีสุดๆ
ใช่ว่าที่ห้างสรรพสินค้า จะมีคนเยอะอย่างเดียว ที่สวนสาธารณะก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย แตงโมมาตรงเวลาเด๊ะๆ ก็คือเก้าโมงตามที่กันนัดไว้ แต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของเขาสักที จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปจะเก้าโมงครึ่งแล้ว
“แตงโม” เสียงห้าวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ ทันทีที่เธอหันไปมองหน้าของเธอและเขาก็แทบจะชนกัน แตงโมสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนในละครหลายๆ เรื่อง ก่อนจะหันหน้าไปคนละทาง
“เอ่อ..พี่กันนัดโมไว้มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามตรงประเด็น
“คือว่าพี่..” แตงโมเพิ่งจะสังเกตว่าในมือของกันมีดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ “พี่คิดว่าวันนี้แหละ เหมาะสมที่สุดที่พี่จะบอกความในใจกับโม..พี่รักโม” ความเงียบเข้าครอบคลุมไปเกือบหนึ่งนาที หน้าของกันแดงซ่านไปถึงโคนผม แต่แตงโมคิดว่านี่เป็นแผนแกล้งของเพื่อนๆ ในกลุ่มแน่นอน จึงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“เล่นได้เนียนมากพี่กัน” เธอพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ คนตรงหน้าทำหน้างง “ออกมาได้แล้วนะ ใครที่ซ่อนอยู่แถวนี้น่ะ” เธอมองไปบริเวณต่างๆ ที่มีพุ่มไม้
“ไม่มีใครซ่อนอยู่ทั้งนั้นแหละโม พี่พูดจริงๆ นะ พี่แอบชอบโมมานานแล้ว ตั้งแต่โมอยู่ปีหนึ่ง และตอนที่พี่อยู่ปีสี่เมื่อปีที่แล้ว พี่ยังคิดอยู่เลยว่าพี่จะหาโอกาสไหนบอกโม .. ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ที่พี่เกิดอุบัติเหตุจนต้องด๊อบแล้วมาเรียนปีสี่ใหม่กับโม” เขาหยุดหายใจพักใหญ่ และพูดต่อ “เมื่อวานนี้ นัดมันพูดถึงวันวาเลนไทน์พี่ก็เลยนึกขึ้นมาได้...พี่ก็เลยนัดโมมาหาพี่วันนี้ ที่นี่ เวลานี้ เพื่อบอกสิ่งที่พี่เก็บไว้มาเกือบสี่ปี ว่าพี่รักโม” หญิงสาวฟังคำพูดนั้นจนจบ เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อครู่
“ขอบคุณนะที่พี่รักโม แต่ว่าโม..ไม่ได้รักพี่ มีคนที่ดีกว่าโมเยอะแยะ คนดีๆ อย่างพี่อย่ามาสนโมเลยดีกว่า”
“พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าคำตอบจะเป็นแบบนี้” กันฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่น้ำตาจะไหล แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่ได้พูดออกไป แม้มันจะทำให้เจ็บก็ตาม “พี่ไปส่งมั้ย”
“นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว” แตงโมพูดและยิ้มให้ ถึงเธอจะไม่ได้รักกันแบบนั้น แต่เธอก็รักกันแบบพี่ชาย และมันไม่มีทางจะมากกว่านั้นแน่นอน
เย็นวันนั้นคนทั้งสิบสามคนก็ไปรวมตัวที่บ้านเค้กกันตามเคย โดมเอาบทมาให้อ่านหนึ่งฉาก ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่ยาวพอควร เป็นฉากที่นางเอกกำลังทะเลาะกับพระเอก ปันปันกับเค้กจึงซ้อมฉากนี้กันจนดึกดื่นแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านทั้งสิบสามคน
พอเลิกเรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ ทั้งหมดก็ต้องไปรวมตัวบ้านเค้กทุกวัน โดมก็เขียนบทเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด กันก็ทำปกติกับแตงโมเหมือนเมื่อวันวาเลนไทน์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันสุดท้ายของการเรียนภาคแรกก็จบลงไป แตงโมตัดสินใจว่าจะไปกันคืนนี้เลย รถตู้ของบ้านเค้กก็ยืมมาง่ายๆ เหลือก็แต่ที่พักซึ่งไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนกัน ในเวลาเดือนครึ่งนี้ นัดจึงเสนอว่ามีบ้านเช่าถูกๆ อยู่ที่นั่นเพราะเขาเคยไปพักมาเมื่อสองปีที่แล้ว กันขับรถตู้ไปที่มหาลัยและทุกคนก็ช่วยยกของขึ้นรถ อ๊อฟได้แต่ยืนมองดูสิบสองคนเยี่ยงทาส แถมยังขวางทางด้วย จนป๊อปอดด่าไม่ได้
“อีตุ๊ด ! ถ้าไม่ช่วยยกของเนี่ย ก็ออกไปให้พ้นทางซะ” อ๊อฟหน้าเสีย และรีบวิ่งไปนั่งในรถ
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทุกคนก็มาอยู่บนรถกันครบ กันมีหน้าที่ขับรถ แตงโมนั่งกับป๊อบ โดมนั่งข้างคนขับ เค้กนั่งกับฟอง อ๊อฟนั่งกับป๊อบอาย นัดนั่งคนเดียว (“ไม่มีใครคิดจะนั่งกับกูจริงๆ หรอ” นัดถาม) หยง หมวย วุฒิ ปันปัน นั่งเบาะหลังกัน
การเดินทางจากเชียงใหม่ถึงแม่ฮ่องสอนใช้เวลาไม่นานนัก แค่สามร้อยกว่ากิโลเมตร ใช้เวลาสี่ชั่วโมงก็ถึง กันจอดรถเพื่อเติมน้ำมัน ทุกคนลงจากรถเพื่อทำธุระส่วนตัว บางคนก็เดินเข้าเซเว่น สิบนาทีหลังจากนั้นทุกคนก็มารวมตัวกันข้างรถตู้
“นัดบอกทางดีๆ นะเว้ย เดี๋ยวก็หลงกันยกคันหรอก” โดมบอก
“ฉันไปหาแผนที่มาแล้วโว้ย” นัดตะคอก และยื่นแผนที่ ที่ปริ๊นมาจากเน็ตให้กัน
“ฉันว่าพวกเราต้องมีชื่อแก๊ง เรามาช่วยกันคิดกันดีกว่า” ป๊อบอายพูดทีเล่นทีจริง
“ปัญญาอ่อน” แตงโมตอบ
“โอเค แก๊งปัญญาอ่อน” ป๊อบอายประชด
“แต่ถ้าจะตั้งชื่อแก๊งจริงๆ นะ ฉันขอเสนอชื่อนี้ ‘มูเวส’ ” ฟองพูด ทุกคนเงียบไปพักนึง สงสัยอยู่ว่ามูเวสแปลว่าอะไร “มูเวส เอ็มเอยู วีเอไอเอส” เธอสะกด “ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เลว”
“เลวงั้นหรอ” ทุกคนประสานเสียงถาม
“อืม ! แต่คนที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส ก็จะไม่รู้ว่าแปลว่าเลวไง มูเวส ชื่อเท่จะตาย” ฟองอธิบาย
“อ่า..มูเวส ก็มูเวส” แตงโมพูด แล้วหลังจากนั้นก็สั่งให้ทุกคนขึ้นรถ และเดินทางต่อ ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถตู้สีขาวสะอาดก็มาจอดตรงบ้านพักหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้นานาพรรณ มันสวยมากๆ เป็นบ้านที่ทำด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่ต้องพูดถึงบรรยากาศรอบๆ เลย มันเหมาะสมกับหนังสั้นเรื่องที่กำลังจะทำที่สุด
คืนนั้นทุกคนไม่ได้ทำอะไรกันเลย ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนอน บ้านนี้มีสี่ห้องนอน สองห้องน้ำ เค้กนอนกับโดมป๊อบนัด กันนอนกับวุฒิอ๊อฟหยง ส่วน หมวย แตงโม ปันปัน ป๊อบอาย ฟอง นอนด้วยกัน
เช้าวันต่อมา เวลาแปดโมง คนที่ตื่นแล้วมายืนอยู่หน้าบ้านกันครบ สูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นทุกคนก็ลงมาเกือบหมดยกเว้นคนเดียว ..
“ไอ้เค้กไม่สบาย ดูท่าจะเป็นหนักซะด้วย” นัดพูดทันที ที่เจอหน้าแตงโม
“เมื่อวานมันยังสบายดีอยู่เลย” แตงโมบอก
“ป่วยการเมืองเปล่าวะ” โดมพูดขำ ๆ แต่แตงโมกำลังคิดหนัก ถ้าเค้กมันป่วยหนักจริงๆ คนที่ต้องรับกรรมก็คือทุกคน หนังเรื่องนี้ไม่มีพระเอก และถ้าจะรอมัน คงถ่ายไม่เสร็จแน่นอน
“ทำไงดีวะ เราไม่มีพระเอก ไอ้เค้กมันก็เลือกวันป่วยได้บรรลัยจริงๆ” แตงโมสบถ
“ลูกพี่ลูกน้องฉันอยู่ที่นี่ เดี๋ยวลองไปถามเขาดีมั้ยละ ว่าจะช่วยเราได้มั้ย” เป็นอีกครั้งที่นัดเสนอทางเลือกดีๆ แต่ทว่า ...
“มึงมีญาติด้วยหรอวะ” ป๊อปพูด และหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่คนอื่นเงียบ ... เจ้าตัวจึงทำหน้าสำนึกผิดทันที “ฉันล้อเล่นหรอกวะ แล้วลูกพี่ลูกน้องแกอยู่ไหนล่ะ พาไปเลยสิ”
“ฉันได้ข่าวว่าเปิดร้านอาหารอยู่แถวๆ นี้แหละ จำได้ว่าชื่อร้าน แคทนิป ถามคนแถวนี้น่าจะรู้จักกัน”
ทุกคนไม่รอช้ารีบขึ้นรถและขี่ออกไปทันที โดยทิ้งเค้กที่นอนหลับตัวร้อนจี๋อยู่คนเดียวไว้ที่บ้าน กันจอดรถถามคนแถวๆ นั้นว่าร้านแคทนิปไปทางไหน ไม่กี่นาทีรถก็มาจอดตรงข้างร้านเล็กๆ ที่มีชื่อว่าแคทนิป นัดพาพวกมูเวสเดินเข้าร้าน ร้านนี้ตกแต่งสไตส์ชิวๆ ต้นไม้เล็ก ๆ วางอยู่ข้างหน้าต่างทุกบาน แสงไฟสีเหลืองจากหลอดไฟทำให้ร้านนี้น่านอนเป็นที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างในร้านนี้เรียงร้องความสนใจแตงโมได้หมดแต่ก็ไม่เท่าผู้ชาย ผิวขาว คิ้มเข้ม จมูกโด่ง ผมดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้
“อ้าวนัด มาไงเนี่ย” เขาพูดทันทีที่เห็นนัด และดูแปลกใจไม่น้อยที่มีคนสิบกว่าคนยืนอยู่ในร้าน
“มาถ่ายหนังสั้นอะพี่บิ๊ก แก้ศูนย์ มีเรื่องอะไรจะให้ช่วยหน่อย” บิ๊กทำสีหน้าฉงน
“อะไร” เขาถามอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะกำลังเก็บจานและแก้วบนโต๊ะตัวนึงอยู่ “ก่อนจะขออะไร พาเพื่อนแกไปนั่งก่อนดีกว่า ยืนกันเมื่อยหมดแล้ว” บิ๊กพูดยิ้มๆ “นั่งโต๊ะไหนก็ได้นะครับ เชิญเลย” แล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปหลังร้าน คนอื่นนั่งเก้าอี้ที่ว่างกันครบ แต่นัดเดินตามบิ๊กไป
ห้านาทีหลังจากนั้น นัดก็เดินหน้าระรื่นออกมากับบิ๊ก ที่หน้าบูดเป็นตูดลิง ...
“พี่บิ๊กยอมเล่นเป็นพระเอกให้เราแล้ว เย้ ตบมือ !” นัดพูดขำ ๆ แต่เพื่อนทั้งสิบเอ็ดคนตบมือดังลั่น เล่นด้วย
“ขอบคุณมากนะคะพี่” เสียงใสๆ ดังมาจากหลังร้าน แตงโมนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียวมุมหน้าต่าง แดดอ่อนๆ ส่องมาทางเธอพอดี ทำให้ผมสีน้ำตาล ทอประกายสวยงาม ปากเล็ก จมูกหน่อย สวมเสื้อยืดและเอี๊ยมกางเกง นั่นคือภาพแรกที่บิ๊กเห็นเธอ . .
“ที่จริงพี่บิ๊กเนี่ยไม่อยากเล่นให้เราหรอกนะแต่ว่า--” นัดพูดไม่ทันจบ บิ๊กก็แทรกขึ้น
“พี่อยากเล่นมาก ลำบากแค่ไหนก็ไม่หวั่น” บิ๊กทำสายตามุ่งมั่น นัดมองงงๆ ก็เมื่อคู่หลังร้านยังบ่นโอดโอยอยู่เลยว่ายังไงก็ไม่เล่น เขาเลยต้องเอาเรื่องหุ้น ห้าสิบเปอร์เซ็นของพี่เขามาขู่ว่าจะขอร้องให้ถอนออก บิ๊กจึงตกลงทันทีทันใด แต่ก็ไม่เต็มใจนัก
“แล้วแบบนี้ใครจะดูแลร้านล่ะคะ ถ่ายกันตั้งเดือนครึ่ง” ปันปันถาม ตาเป็นประกายวิ้งๆ ป๊อปอายมองแวบเดียวก็รู้ว่าเธอต้องหลงเสน่ห์พี่บิ๊กอะไรนี่แน่ๆ แต่คนอื่นไม่ทันสังเกต ..
“อ๋อ เพื่อนพี่มันเป็นหุ้นส่วนน่ะ” บิ๊กชำเลืองมองนัดแบบอาฆาตแวบนึง และหันมาพูดต่อ “เดี๋ยวให้มันมาดูแลก็ได้ พี่อยากช่วยน้องๆ ให้เต็มที่” ทีนี้แตงโมเห็นจริงๆ แล้ว ว่าหางตาเขามองมาทางเธอ ..
_________________________ เป็นไงบ้างคะสำหรับตอนสอง >< ลุ้นสิว่าพระเอกในเรื่องจะคือใคร คิคิ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ