เสน่หา มายาลวง
10.0
8) หึง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ศลินญาอายุยี่สิบห้าปีแล้วยังไม่เคยได้จัดเลี้ยงฉลองวันเกิดเลยสักครั้ง หลังจากที่เธอต้องสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อสิบห้าปีก่อน ความเศร้าจึงทำให้เธอไม่มีแก่ใจที่จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แม้คุณชาญอาของเธอจะเคยจัดให้เมื่อเธออายุได้สิบเอ็ดปี แต่จะมีประโยชน์อะไรหากไม่มีอ้อมกอดและรอยยิ้มที่เป็นของขวัญพิเศษจากบิดามารดาของเธออย่างที่เคยได้รับทุกๆ ปีเหมือนเคย วันนั้นเธอได้แต่นั่งร้องไห้ไม่หยุดจนทำให้คุณชาญเลิกล้มงานไปทันทีเพราะไม่อยากให้หลานสาวเสียใจมากกว่าเดิมอีก และต่อจากนั้นมาก็ไม่มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิดอีกเลยตามคำขอร้องของเธอ จนมาปีนี้มีงานวันเกิดของเธอก็ถูกจัดขึ้นจากผู้ชายคนที่เธอรักมากที่สุด หากงานที่เขาจะจัดให้มันจะไม่ได้ใหญ่โต หรือหากเขาจะไม่มีของขวัญใดๆ ให้เลย แค่มีเขาข้างกายก็เป็นของขวัญสุดพิเศษที่เธอพอใจมากที่สุดแล้วได้เหมือนกัน
หลังจากที่เลิกประชุมแล้วบุษบาก็รีบชวนเพื่อนสาวกลับบ้านทันที เพราะจะได้ไปแต่งตัวรอนัดสำคัญวันนี้ แล้วทั้งสองคนก็ได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากคุณชาญแล้ว คุณชาญรู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของหลานสาว เขาดีใจมากที่วันนี้หลานสาวของเขามีความสุขอีกครั้ง พร้อมทั้งฝากคำอวยพรจากใจให้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
“รีบๆ เลยมะนาว แกเดินช้าจัง” ศลินญาแซวเพื่อนที่หอบของพะรุงพะรังกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกประตูบริษัท ทำให้ไม่เห็นทางเลยเดิน ชนใครบางคนเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!” บุษบาล้มลงก้นจ้ำเบ้าทันทีเมื่อชนกับร่างหนานั้นอย่างจัง เมื่อบุษบาเงยหน้ามองตัวต้นเหตุก็เห็นคนที่เธอไม่อยากเจอยืนหัวเราะอย่างขบขันอยู่ตรงหน้า แทนที่จะกล่าวขอโทษกันกลับไม่มีเลยสักนิด หน้าของหล่อนเลยงอง้ำขึ้นทันทีอย่างไม่พอใจ
“มะนาว เป็นไงบ้าง” ศลินญาช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่บุษบากลับสลัดมือเพื่อนสาวออกแล้วลุกขึ้นประจันหน้ากับผู้ชายตรงหน้าทันที
“ขอโทษน่ะเป็นมั้ย หรือว่าคุณไม่ได้เรียนภาษาไทยมาเลยใช้ไม่เป็น” บุษบาเชิดหน้าใส่อย่างถือดีทันที
“ขอโทษก็ได้ครับ” มนัสยังคงหัวเราะไม่หยุดกับท่าทีของผู้หญิงตรงหน้า ไม่รู้เป็นอะไร เจอผู้หญิงสวยๆ มาก็มาก เขาไม่เคยจะสนใจเลยเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาเจอบุษบาเข้าเขากลับถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ก็ใช่ว่าหล่อนจะสวยอะไรมากมาย ก็แค่ดูน่ารักดีสำหรับเขาเท่านั้น อยากจะอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา และคงไม่ยากอะไรถ้าจะหาทางได้ใกล้ชิดอย่างที่หวังเมื่อมี เพราะหล่อนเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวเขานั่นเอง
“ฉันไม่ยกโทษให้” บุษบาแหวขึ้นมาทันที ก็เธอทั้งเจ็บทั้งอาย แล้วยังมาโดนเขาหัวเราะเยาะอีก ให้ตายเธอก็ไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด ผู้ชายอะไรไม่รู้ ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ชนคนอื่นเขาแล้วยังมีหน้ามายืนหัวเราะเยาะกันอยู่ได้ คิดแล้วก็แค้นใจจริงเชียว หล่อนฉุดข้อมือเพื่อนสาวเพื่อจะเดินหนีเขาจากตรงนั้น แต่ข้อเท้าเจ้ากรรมดันไม่เป็นใจ ก้าวขาได้ไม่ถึงไหนก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ข้อเท้าทันที แต่ก่อนที่จะล้มอีกครั้ง มนัสก็คว้าข้อมือของเธอไว้ส่งผลให้ร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาทันที สายตาของคนทั้งสองจ้องมองกันชั่วครู่ จากสายตาที่เขาส่งมาให้นั้นทำให้บุษบาใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก พอรู้สึกตัวก็ผลักอกเขาออกทันทีแต่ก็จะล้มลงเสียให้ได้ มนัสจึงพยุงเธอเหมือนเดิม
“สงสัยข้อเท้าจะแพลงนะ มาพี่ช่วย” ไม่พูดเปล่า มนัสอุ้มบุษบาขึ้นทันที โดยเจ้าหล่อนยังไม่ทันตั้งตัว
“ปล่อยนะคุณ ฉันอายเค้า” บุษบาทุบที่อกหนาอย่างแรงเพื่อหวังให้เขาปล่อยเธอลง แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะชายหนุ่มส่งยิ้มหวานมาให้แล้วก้าวเดินออกประตูไปทันที ไม่สนใจเสียงบ่นและแรงทุบที่อกของเขาด้วยกำปั้นน้อยๆ ของคนที่กำลังอุ้มอยู่ มนัสเดินฝ่าสายตาของหลายๆ คนแถวนั้นที่มองมาหาคนทั้งคู่เป็นตาเดียวจนไปหยุดที่รถของเขาได้โดยใช้เวลาไม่นาน มนัสอุ้มบุษบามาถึงรถเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าออฟฟิศนัก แต่กว่าจะมาถึงได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะร่างบางนั้นดิ้นและทุบอกเขาตลอดทาง นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาคงจะตีก้นลายไปนานแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่นัส” ศลินญาที่หอบของๆ เพื่อนเดินตามมากล่าวขอบคุณพี่ชายต่างสายเลือดทันที
“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ” มนัสหันไปยักคิ้วใส่คนข้างๆ ทันทีอย่างยียวน
“วันนี้วันเกิดเราไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
“ได้ค่ะ/ไม่ได้” ทั้งสองสาวตอบขึ้นพร้อมกัน ศลินญาหันหน้าไปที่เพื่อนทันทีอย่างอยากรู้คำตอบ
“ก็...” บุษบาอึกอักแต่ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็ตาลไม่ได้เชิญ” บุษบาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ความจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขาไปต่างหาก
“ตาลเป็นน้องสาวของผมนะครับ จะไม่เชิญพี่ชายคนนี้ได้ยังไง จริงมั้ยตาล” มนัสตอบอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกันแล้วหันไปถามความเห็นน้องสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอ่อ ค่ะพี่นัส” “ก็ตามใจ” บุษบาเชิดหน้าตอบอย่างยอมแพ้กับเหตุผลนั้นแล้วเงียบหันหลังให้ทันที
“ไปกันเลยมั้ยคะพี่นัส” ศลินญารีบตัดบททันทีเกรงจะเกิดสงครามน้ำลายระหว่างเพื่อนสาวกับพี่ชายตัวเองอีก
“จ๊ะ” มนัสรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปเปิดประตูรถให้สองสาว เพื่อมุ่งหน้าไปบ้านพักของทั้งสองคนเพื่อเตรียมตัวไปฉลองวันเกิดกัน
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย ศลินญากับมนัสก็มานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเล็กๆ ด้านหน้าเพื่อรอบุษบาที่กำลังจัดการธุระส่วนตัวอยู่ด้านบน หากไม่เพราะข้อเท้าที่เจ็บป่านนี้หล่อนก็คงลงมาสมทบกับทุกคนพร้อมกัน ศลินญากับมนัสจึงใช้เวลาว่างระหว่างรอในการสนทนากันเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ต่างไปพบไปเจอมาในช่วงที่แยกย้ายกันอยู่ มนัสถึงจะไม่ได้เป็นพี่ชายจริงๆ ของศลินญา แต่เขาก็ดูแลน้องสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดีเสมอมาตามคำฝากฝังของบิดาเขา จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก
“เรานี่เก่งนะ เรียนจบเอกภาษามาสะด้วย อย่างนี้คงช่วยงานคุณพ่อได้เยอะเลยน่ะสิ” มนัสลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะพี่นัส ใจชอบมากกว่าค่ะ” ศลินญาตอบรับอย่างเชินอายที่โดนชมซึ่งๆ หน้า
“แล้วพี่นัสเป็นไงบ้างคะ ไปอยู่ไกลถึงอเมริกา ได้แหม่มสาวๆ กลับมาด้วยหรือเปล่าคะ” “ที่นั่นหนาวมากเลยนะ กว่าพี่จะปรับตัวให้ชินก็นานพอดู อยู่คนเดียวก็เหงามาก พี่ก็เลย....” มนัสเว้นช่วงไว้เพื่อแกล้งน้องสาวเพราะนิสัยขอบให้เขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังทุกครั้งที่เจอหน้ากันมาแต่ไหนแต่ไรนึกว่าจะหายแล้วหลังจากที่แยกกันไป โตขึ้นหล่อนก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เลยอะไรคะพี่นัส เล่าต่อสิคะ” ศลินญาลุกไปนั่งข้างๆ พี่ชายพร้อมเขย่าแขนอย่างอยากรู้ มนัสจึงโอบไหล่น้องสาวเข้าหาอย่างเอ็นดูในความสดใสน่ารักของน้องสาวคนนี้ ซึ่งการกระทำเหล่านี้อยู่ในสายตาของปฏิพัตรตลอดเวลา เขามาถึงได้สักพักแล้ว แต่กำลังจะก้าวเข้าประตูก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เขาจึงหลบอยู่ที่หน้าประตูเพื่อยืนมองคนทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนมด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาอย่างบอกไม่ถูก ทำไมนะ ทำไมเธอมีคนที่รักอยู่แล้วต้องมาบอกว่ารักเขาอีก ทำไมเธอต้องหลอกลวงเขาด้วย ใช่สิผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมาะสมและหน้าตาดี คงไม่ยากหรอกที่เธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ดูการกระทำของทั้งสองคนแล้วก็รักกันดีเสียด้วย เธไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย เสียงออดอ้อนฉอเลาะ รอยยิ้มหวานๆ แบบเอาใจก็ไม่เคยจะได้เห็น ทั้งๆ ที่เธอพึ่งจะสารภาพว่ารักเขาแต่ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนใจไปมีคนอื่นได้ เห็นแล้วอยากจะเข้าไปชกหน้าหล่อๆ ของผู้ชายคนนั้นสักหมัด โทษฐานมาแย่งคนรักของเขาไปจริงเชียว ปฏิพัตรยืนกำหมัดแน่น นัยต์ตาร้อนผ่าวขึ้นมา และก่อนที่เขาจะทำตามสิ่งที่คิดไปก็มีเสียงเรียกจากบุษบาดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้เขารีบปรับสีหน้าให้ปกติขึ้นมาทันที
“มายืนทำอะไรตรงนี้โอม ทำไมไม่เข้าบ้าน” บุษบาเรียกเพื่อนชายที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูทางเข้าห้องรับแขกทันทีที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบนที่แยกออกจากห้องรับแขกด้านล่าง
“เอ่อ เราจะไปกันหรือยังมะนาว” เขาถามเสียงห้วนทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกนั้นโดยไม่มองหน้าศลินญาเลย
“อ้าวโอม มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ศลินญาร้องทักอย่างดีใจที่เขามารับเธอและเพื่อนตามสัญญา แต่ดูหน้าตาที่บูดบึ้งแล้วทำให้รู้สึกใจหายอย่างไรพิกลก็ไม่รู้
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” ปฏิพัตรตัดบทแล้วเดินหันหลังให้ทันที แต่ศลินญาคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนด้วยความสงสัยในท่าทีที่เขาทำ
“โอม จะรีบไปไหน มารู้จักคนสำคัญของตาลก่อนสิ” ปฏิพัตรหันมาสบตาใสซื่อของหญิงสาวตรงหน้านิ่ง นี่ถึงกับเป็นคนสำคัญกันเลยหรือ ทำไมถึงทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ ไม่ต้องให้เขารู้จักก็ได้นะ เขาไม่ต้องการรู้ว่าแฟนใหม่ของเธอชื่ออะไร ทำอะไร อยู่ที่ไหนสักนิด
“โอม นี่พี่นัส ลูกพี่ลูกน้องกับตาลจ๊ะ”
“นี่โอมเพื่อนของตาลกับมะนาวจ๊ะพี่นัส”ศลินญาแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน แล้วสิ่งที่เขาได้ยินก็แทบไม่เชื่อหู
“อะไรนะตาล”
“พี่นัส พี่ชายของตาลจ๊ะ เป็นลูกของคุณอาชาญ พึ่งกลับมาจากอเมริกาจ๊ะ ทำไมหรือ” ศลินญาย้อนถามอย่างแปลกใจในท่าทียิ้มกว้างอย่างคนดีใจอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หน้าบึ้งบอกบุญไม่รับใส่เธออยู่นาน
“พี่ชาย” ปฏิพัตรพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะถูกศลินญาสะกิดอีกครั้งเพื่อเรียกสติ
“อ๋อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนัส” ปฏิพัตรตั้งสติได้รีบยื่นมือไปจับกับอีกฝ่ายที่รออยู่ทันทีด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาเข้าใจผิดไปเองหรือนี่ ยังไม่ทันไรเลยเขาก็รู้สึกหวงแหนศลินญาขึ้นมามากขนาดนี้เลยหรือนี่ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเคยสูญเสียคนรักไปจึงไม่อยากจะสูญเสียอีก จึงต้องทั้งรักและหวงมากขึ้นกว่าเดิมไปร้อยเท่า เขาต้องเชื่อใจเธอให้มากกว่านี้นี่นา ยิ่งนึกก็ยิ่งอายตัวเอง ที่หึงไปโดยยังไม่ได้ถามเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเลย เขานี่แย่จริงๆ
***ยังไม่ทันไรก็หึงหน้ามืดเสียแล้วคุณพี่โอมนี่เนาะ 55++ ช่วยลุ้นและเป็นกำลังให้กันต่อไปนะคะ อยากให้พระเอกนางเอก หรือพระรองกุ๊กกิ๊กกันแบบไหน แนะนำกันมาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
หลังจากที่เลิกประชุมแล้วบุษบาก็รีบชวนเพื่อนสาวกลับบ้านทันที เพราะจะได้ไปแต่งตัวรอนัดสำคัญวันนี้ แล้วทั้งสองคนก็ได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากคุณชาญแล้ว คุณชาญรู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของหลานสาว เขาดีใจมากที่วันนี้หลานสาวของเขามีความสุขอีกครั้ง พร้อมทั้งฝากคำอวยพรจากใจให้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
“รีบๆ เลยมะนาว แกเดินช้าจัง” ศลินญาแซวเพื่อนที่หอบของพะรุงพะรังกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกประตูบริษัท ทำให้ไม่เห็นทางเลยเดิน ชนใครบางคนเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!” บุษบาล้มลงก้นจ้ำเบ้าทันทีเมื่อชนกับร่างหนานั้นอย่างจัง เมื่อบุษบาเงยหน้ามองตัวต้นเหตุก็เห็นคนที่เธอไม่อยากเจอยืนหัวเราะอย่างขบขันอยู่ตรงหน้า แทนที่จะกล่าวขอโทษกันกลับไม่มีเลยสักนิด หน้าของหล่อนเลยงอง้ำขึ้นทันทีอย่างไม่พอใจ
“มะนาว เป็นไงบ้าง” ศลินญาช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่บุษบากลับสลัดมือเพื่อนสาวออกแล้วลุกขึ้นประจันหน้ากับผู้ชายตรงหน้าทันที
“ขอโทษน่ะเป็นมั้ย หรือว่าคุณไม่ได้เรียนภาษาไทยมาเลยใช้ไม่เป็น” บุษบาเชิดหน้าใส่อย่างถือดีทันที
“ขอโทษก็ได้ครับ” มนัสยังคงหัวเราะไม่หยุดกับท่าทีของผู้หญิงตรงหน้า ไม่รู้เป็นอะไร เจอผู้หญิงสวยๆ มาก็มาก เขาไม่เคยจะสนใจเลยเสียด้วยซ้ำ แต่พอมาเจอบุษบาเข้าเขากลับถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ก็ใช่ว่าหล่อนจะสวยอะไรมากมาย ก็แค่ดูน่ารักดีสำหรับเขาเท่านั้น อยากจะอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา และคงไม่ยากอะไรถ้าจะหาทางได้ใกล้ชิดอย่างที่หวังเมื่อมี เพราะหล่อนเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวเขานั่นเอง
“ฉันไม่ยกโทษให้” บุษบาแหวขึ้นมาทันที ก็เธอทั้งเจ็บทั้งอาย แล้วยังมาโดนเขาหัวเราะเยาะอีก ให้ตายเธอก็ไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด ผู้ชายอะไรไม่รู้ ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ชนคนอื่นเขาแล้วยังมีหน้ามายืนหัวเราะเยาะกันอยู่ได้ คิดแล้วก็แค้นใจจริงเชียว หล่อนฉุดข้อมือเพื่อนสาวเพื่อจะเดินหนีเขาจากตรงนั้น แต่ข้อเท้าเจ้ากรรมดันไม่เป็นใจ ก้าวขาได้ไม่ถึงไหนก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่ข้อเท้าทันที แต่ก่อนที่จะล้มอีกครั้ง มนัสก็คว้าข้อมือของเธอไว้ส่งผลให้ร่างบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาทันที สายตาของคนทั้งสองจ้องมองกันชั่วครู่ จากสายตาที่เขาส่งมาให้นั้นทำให้บุษบาใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก พอรู้สึกตัวก็ผลักอกเขาออกทันทีแต่ก็จะล้มลงเสียให้ได้ มนัสจึงพยุงเธอเหมือนเดิม
“สงสัยข้อเท้าจะแพลงนะ มาพี่ช่วย” ไม่พูดเปล่า มนัสอุ้มบุษบาขึ้นทันที โดยเจ้าหล่อนยังไม่ทันตั้งตัว
“ปล่อยนะคุณ ฉันอายเค้า” บุษบาทุบที่อกหนาอย่างแรงเพื่อหวังให้เขาปล่อยเธอลง แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะชายหนุ่มส่งยิ้มหวานมาให้แล้วก้าวเดินออกประตูไปทันที ไม่สนใจเสียงบ่นและแรงทุบที่อกของเขาด้วยกำปั้นน้อยๆ ของคนที่กำลังอุ้มอยู่ มนัสเดินฝ่าสายตาของหลายๆ คนแถวนั้นที่มองมาหาคนทั้งคู่เป็นตาเดียวจนไปหยุดที่รถของเขาได้โดยใช้เวลาไม่นาน มนัสอุ้มบุษบามาถึงรถเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าออฟฟิศนัก แต่กว่าจะมาถึงได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะร่างบางนั้นดิ้นและทุบอกเขาตลอดทาง นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาคงจะตีก้นลายไปนานแล้ว
“ขอบคุณค่ะพี่นัส” ศลินญาที่หอบของๆ เพื่อนเดินตามมากล่าวขอบคุณพี่ชายต่างสายเลือดทันที
“ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ” มนัสหันไปยักคิ้วใส่คนข้างๆ ทันทีอย่างยียวน
“วันนี้วันเกิดเราไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ”
“ได้ค่ะ/ไม่ได้” ทั้งสองสาวตอบขึ้นพร้อมกัน ศลินญาหันหน้าไปที่เพื่อนทันทีอย่างอยากรู้คำตอบ
“ก็...” บุษบาอึกอักแต่ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็ตาลไม่ได้เชิญ” บุษบาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ความจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขาไปต่างหาก
“ตาลเป็นน้องสาวของผมนะครับ จะไม่เชิญพี่ชายคนนี้ได้ยังไง จริงมั้ยตาล” มนัสตอบอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกันแล้วหันไปถามความเห็นน้องสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอ่อ ค่ะพี่นัส” “ก็ตามใจ” บุษบาเชิดหน้าตอบอย่างยอมแพ้กับเหตุผลนั้นแล้วเงียบหันหลังให้ทันที
“ไปกันเลยมั้ยคะพี่นัส” ศลินญารีบตัดบททันทีเกรงจะเกิดสงครามน้ำลายระหว่างเพื่อนสาวกับพี่ชายตัวเองอีก
“จ๊ะ” มนัสรับคำสั้นๆ แล้วเดินไปเปิดประตูรถให้สองสาว เพื่อมุ่งหน้าไปบ้านพักของทั้งสองคนเพื่อเตรียมตัวไปฉลองวันเกิดกัน
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย ศลินญากับมนัสก็มานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกเล็กๆ ด้านหน้าเพื่อรอบุษบาที่กำลังจัดการธุระส่วนตัวอยู่ด้านบน หากไม่เพราะข้อเท้าที่เจ็บป่านนี้หล่อนก็คงลงมาสมทบกับทุกคนพร้อมกัน ศลินญากับมนัสจึงใช้เวลาว่างระหว่างรอในการสนทนากันเพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ต่างไปพบไปเจอมาในช่วงที่แยกย้ายกันอยู่ มนัสถึงจะไม่ได้เป็นพี่ชายจริงๆ ของศลินญา แต่เขาก็ดูแลน้องสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดีเสมอมาตามคำฝากฝังของบิดาเขา จึงทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก
“เรานี่เก่งนะ เรียนจบเอกภาษามาสะด้วย อย่างนี้คงช่วยงานคุณพ่อได้เยอะเลยน่ะสิ” มนัสลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู
“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะพี่นัส ใจชอบมากกว่าค่ะ” ศลินญาตอบรับอย่างเชินอายที่โดนชมซึ่งๆ หน้า
“แล้วพี่นัสเป็นไงบ้างคะ ไปอยู่ไกลถึงอเมริกา ได้แหม่มสาวๆ กลับมาด้วยหรือเปล่าคะ” “ที่นั่นหนาวมากเลยนะ กว่าพี่จะปรับตัวให้ชินก็นานพอดู อยู่คนเดียวก็เหงามาก พี่ก็เลย....” มนัสเว้นช่วงไว้เพื่อแกล้งน้องสาวเพราะนิสัยขอบให้เขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังทุกครั้งที่เจอหน้ากันมาแต่ไหนแต่ไรนึกว่าจะหายแล้วหลังจากที่แยกกันไป โตขึ้นหล่อนก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“เลยอะไรคะพี่นัส เล่าต่อสิคะ” ศลินญาลุกไปนั่งข้างๆ พี่ชายพร้อมเขย่าแขนอย่างอยากรู้ มนัสจึงโอบไหล่น้องสาวเข้าหาอย่างเอ็นดูในความสดใสน่ารักของน้องสาวคนนี้ ซึ่งการกระทำเหล่านี้อยู่ในสายตาของปฏิพัตรตลอดเวลา เขามาถึงได้สักพักแล้ว แต่กำลังจะก้าวเข้าประตูก็ต้องชะงักกับภาพตรงหน้า เขาจึงหลบอยู่ที่หน้าประตูเพื่อยืนมองคนทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนมด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาอย่างบอกไม่ถูก ทำไมนะ ทำไมเธอมีคนที่รักอยู่แล้วต้องมาบอกว่ารักเขาอีก ทำไมเธอต้องหลอกลวงเขาด้วย ใช่สิผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมาะสมและหน้าตาดี คงไม่ยากหรอกที่เธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่เขา ดูการกระทำของทั้งสองคนแล้วก็รักกันดีเสียด้วย เธไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย เสียงออดอ้อนฉอเลาะ รอยยิ้มหวานๆ แบบเอาใจก็ไม่เคยจะได้เห็น ทั้งๆ ที่เธอพึ่งจะสารภาพว่ารักเขาแต่ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนใจไปมีคนอื่นได้ เห็นแล้วอยากจะเข้าไปชกหน้าหล่อๆ ของผู้ชายคนนั้นสักหมัด โทษฐานมาแย่งคนรักของเขาไปจริงเชียว ปฏิพัตรยืนกำหมัดแน่น นัยต์ตาร้อนผ่าวขึ้นมา และก่อนที่เขาจะทำตามสิ่งที่คิดไปก็มีเสียงเรียกจากบุษบาดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้เขารีบปรับสีหน้าให้ปกติขึ้นมาทันที
“มายืนทำอะไรตรงนี้โอม ทำไมไม่เข้าบ้าน” บุษบาเรียกเพื่อนชายที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูทางเข้าห้องรับแขกทันทีที่เดินลงบันไดมาจากชั้นบนที่แยกออกจากห้องรับแขกด้านล่าง
“เอ่อ เราจะไปกันหรือยังมะนาว” เขาถามเสียงห้วนทันทีเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกนั้นโดยไม่มองหน้าศลินญาเลย
“อ้าวโอม มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ศลินญาร้องทักอย่างดีใจที่เขามารับเธอและเพื่อนตามสัญญา แต่ดูหน้าตาที่บูดบึ้งแล้วทำให้รู้สึกใจหายอย่างไรพิกลก็ไม่รู้
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” ปฏิพัตรตัดบทแล้วเดินหันหลังให้ทันที แต่ศลินญาคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนด้วยความสงสัยในท่าทีที่เขาทำ
“โอม จะรีบไปไหน มารู้จักคนสำคัญของตาลก่อนสิ” ปฏิพัตรหันมาสบตาใสซื่อของหญิงสาวตรงหน้านิ่ง นี่ถึงกับเป็นคนสำคัญกันเลยหรือ ทำไมถึงทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ ไม่ต้องให้เขารู้จักก็ได้นะ เขาไม่ต้องการรู้ว่าแฟนใหม่ของเธอชื่ออะไร ทำอะไร อยู่ที่ไหนสักนิด
“โอม นี่พี่นัส ลูกพี่ลูกน้องกับตาลจ๊ะ”
“นี่โอมเพื่อนของตาลกับมะนาวจ๊ะพี่นัส”ศลินญาแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน แล้วสิ่งที่เขาได้ยินก็แทบไม่เชื่อหู
“อะไรนะตาล”
“พี่นัส พี่ชายของตาลจ๊ะ เป็นลูกของคุณอาชาญ พึ่งกลับมาจากอเมริกาจ๊ะ ทำไมหรือ” ศลินญาย้อนถามอย่างแปลกใจในท่าทียิ้มกว้างอย่างคนดีใจอะไรสักอย่างทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หน้าบึ้งบอกบุญไม่รับใส่เธออยู่นาน
“พี่ชาย” ปฏิพัตรพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะถูกศลินญาสะกิดอีกครั้งเพื่อเรียกสติ
“อ๋อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนัส” ปฏิพัตรตั้งสติได้รีบยื่นมือไปจับกับอีกฝ่ายที่รออยู่ทันทีด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่เขาเข้าใจผิดไปเองหรือนี่ ยังไม่ทันไรเลยเขาก็รู้สึกหวงแหนศลินญาขึ้นมามากขนาดนี้เลยหรือนี่ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเคยสูญเสียคนรักไปจึงไม่อยากจะสูญเสียอีก จึงต้องทั้งรักและหวงมากขึ้นกว่าเดิมไปร้อยเท่า เขาต้องเชื่อใจเธอให้มากกว่านี้นี่นา ยิ่งนึกก็ยิ่งอายตัวเอง ที่หึงไปโดยยังไม่ได้ถามเลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครเลย เขานี่แย่จริงๆ
***ยังไม่ทันไรก็หึงหน้ามืดเสียแล้วคุณพี่โอมนี่เนาะ 55++ ช่วยลุ้นและเป็นกำลังให้กันต่อไปนะคะ อยากให้พระเอกนางเอก หรือพระรองกุ๊กกิ๊กกันแบบไหน แนะนำกันมาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ