เสน่หา มายาลวง

10.0

เขียนโดย wanwich

วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17.44 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.81K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ของขวัญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียงเคาะประตูรัวขึ้นกว่าเดิมเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้องเหมือนเช่นทุกวัน หากแต่ไม่ได้เพราะความโมโหที่เพื่อนรักไม่ขานรับเหมือนเช่นเคยที่เธอมาเรียกทุกๆ เช้า แต่บุษบารู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมากกว่า กลัวจะไม่สบาย หรือเป็นอะไรไป ยิ่งมีกันอยู่แค่สองคนแบบนี้ และบุษบาก็เคยได้รับปากกับคุณชาญอาของเพื่อนสาวแล้วว่าจะดูแลกันและกันอย่างดี แบบนี้แล้วก็ยิ่งต้องดูแลกันให้มากขั้นอีกหลายๆ เท่า

            “ตาล เป็นไรหรือเปล่า” บุษบาร้องถามด้วยความเป็นห่วง

            “เปล่าจ้า รอแป๊บนึงนะ” ศลินญากุลีกุจอใส่เสื้อผ้า แล้วรีบผลักให้ปฏิพัตรไปหลบในห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ในห้องถัดไปทันที ก่อนที่จะรีบมาเปิดประตูให้เพื่อนรัก

            “ขอโทษจ๊ะ พอดีเมื่อคืนนอนดึก เลยตื่นสาย” ศลินญายิ้มเจื่อนๆ ให้กับเพื่อนเมื่อเยี่ยมหน้าออกมาจากประตู

            “รีบๆ แต่งตัวนะ วันนี้วันเกิดแก จะได้รีบไปถวายข้าวที่วัดกัน เดี๋ยวจะไม่ทันเพลเสียก่อน” ถึงจะแปลกใจในพฤติกรรมของเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่เอ็ดเพื่อนทีเล่นทีจริง แล้วรีบเดินลงไปเพื่อจัดเตรียมของที่จะเอาไปทำบุญวันเกิดให้เพื่อนรักตามที่เคยทำมาทุกๆ ปีให้ทันที

            ศลินญารีบปิดห้องและล็อกกลอนทันทีเมื่อคล้อยหลังเพื่อนรักไปแล้ว และรีบหันมาหาตัวต้นเหตุที่ทำให้ตื่นสายทันที แววตาดุแต่ไม่จริงจังนักถูกส่งไปให้กับปฏิพัตรที่ออกมายืนอยู่ที่เตียงทันที แต่เขากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยืนส่งยิ้มให้เธออย่างกวนประสาทแทนเสียอย่างนั้น ยิ่งมองก็ยิ่งหมันไส้ขึ้นมา

            “วันนี้วันเกิดตาลเหรอ โอมขอไปวัดด้วยคนนะ” ปฏิพัตรสวมกอดเธอไว้หลวมๆ

            “แล้วจะบอกมะนาวยังไงถ้าเห็นโอมเดืนลงมาจากห้องตาลล่ะ”

            “ไม่เห็นจะยากเลย เมื่อคืนโอมมายังไงก็จะกลับอย่างนั้น แล้วค่อยเดืนเข้าประตูหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้ก็ได้นี่นา” เขาส่งสายตาเจ้าเล่ห์ทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาใช้วิธีปีนหน้าต่างระเบียงห้องที่อยู่ทางด้านหลังบ้านของเธอเข้ามา

            “โอมนี่บ้าจริงเชียว” ศลินญาตบที่มือของเขาเบาๆ อย่างขวยเขิน พร้อมยืนมองเขาปีนหน้าต่างห้องออกไปอย่างเป็นห่วงไม่น้อย กลัวเพื่อนรักจะจับได้เสียก่อน ถ้าเป็นอย่างนั้น บุษบาคงเอาเขาตายแน่ๆ เพราะบุษบาห่วง และหวงเธอยิ่งกว่าไข่ในหิน ไม่ใช่ว่าเป็นรักเพศเดียวกันแต่หากเพื่อนรักคนนี้อยู่ดูแลเธอมานานหลายปี จนเป็นที่รู้ใจซึ่งกันและกัน คงไม่แปลกถ้าเกิดเรื่องแบบนี้จะทำให้เพื่อนรักไม่สบายใจและอาละวาดขึ้นมาจริงๆ

            ปฏิพัตรขับรถย้อนกลับมารับเพื่อนสาวทั้งสองหลังจากปีนออกหลังบ้านได้สิบนาทีตามแผนที่วางเอาไว้เพื่อไม่ให้บุษบาเพื่อนสาวสงสัย ทั้งสองสาวกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมตัวจะไปวัดพอดี เขาเปิดประตูเข้ามาในบ้านอย่างถือวิสาสะแล้วเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยใบหน้าแช่มชื่นมากกว่าทุกครั้งที่เจอกัน หลังจากต่อรองขอบุษบาตามไปวัดด้วยอยู่นานจนเพื่อนสาวใจอ่อน เขาก็ขับรถพาทั้งสองไปวัดที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก เป็นวัดที่ดูเงียบสงบ ก่อสร้างด้วยศิลปะแบบล้านนาด้วยช่างฝีมือดีจากในตำบลที่มีจิตศรัทธามาร่วมสร้างให้โดยไม่ได้คิดค่าแรงใดๆ เลย ฝีมือช่างแบบบ้านๆ นี้ทำให้ผลงานออกมานั้นกลับสวยงามไม่แพ้วัดในตัวอำเภอเมืองเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันอาทิตย์มีคนเข้าวัดกันมากกว่าทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนสูงอายุมากกว่า เนื่องจากคนหนุ่มๆ สาวๆ จะไปทำงานกันในตัวอำเภอเมืองที่มีความเจริญมากกว่ากันเสียหมด หากแต่วัดก็ไม่ได้เงียบเหงาเลยแม้แต่น้อย เพราะจะมีคนเข้ามาปฏิบัติธรรมกันบ่อยๆ เพื่อสร้างความสบายใจและเป็นการทำบุญให้กับตัวเองด้วย

            รถยนต์คันงามมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถของทางวัดที่มีการจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนให้กับญาติโยมได้มาจอดรถเพื่อขึ้นไปทำบุญกัน ด้วยความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ทำให้รถที่มาจอดไว้ไม่ต้องตากแดดเลย เมื่อทำบุญเสร็จก็จะได้เย็นทั้งกายและใจไปตามๆ กัน

สองสาวและหนึ่งหนุ่มลงจากรถคันงามแล้วเดินตรงขึ้นศาลาเพื่อไปกราบเจ้าอาวาสวัดทันทีตามที่ได้รับกิจนิมนต์ไว้ล่วงหน้าจากบุษบา เพื่อจะได้ถวายภัตราหารและสังฆทาน เนื่องในวันเกิดของศลินญา ปีนี้เธอมีอายุครบ 25 ปีพอดี เลยอยากให้เพื่อนได้ทำบุญจะได้โชคดีตลอดปี เมื่อถวายภัตราหารและสังฆทานพร้อมรับศิลพรกันเรียบร้อยถ้วนหน้า บุษบาเลยถามทันทีด้วยความสงสัยว่าเหตุใดปฏิพัตรถึงรู้ว่าวันนี้เธอและศลินญาจะมาทำบุญวันเกิดกัน

            “ก็....” ปฏิพัตรอึ้งกับคำถามทันที

            “ก็ตาลโทรไปบอก” เขาโยนให้ศลินญาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ส่งผลให้ศลินญาเหวอไปทันทีที่เขาเล่นไม้นี้

            “จ๊ะ” หล่อนตอบรับอ้อมแอ้มไป

            “งั้น เดี๋ยวคืนนี้โอมจะมารับทั้งสองคนไปทานข้าวนะ ห้ามปฏิเสธล่ะ” ปฏิพัตรเปลี่ยนเรื่องทันที

            “ดีจัง ไม่ได้เลี้ยงวันเกิดยัยตาลนานแล้วด้วย”  นานแล้วที่ศลินญาไมได้จัดงานวันเกิด หลังจากที่พ่อ และแม่ของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 15 ปีก่อน การจัดเลี้ยงต่างๆ ก็ถูกงดทันทีเพราะเธอไม่อยากจัดงานสังสรรค์โดยไม่มีพ่อกับแม่อยู่ร่วมยินดีด้วย

            “งั้นตอนเย็นโอมจะมารับทุกคนนะ ตกลงตามนี้”

            “เมื่อวานคุณอาโทรมาบอกว่า บ่ายโมงจะมีประชุมด่วน ฉันลืมบอกตาลไป โทษทีนะ” บุษบาบอกเพื่อนหลังจากนึกขึ้นได้

            “ได้สิ” ศลินญาตอบรับหลังจากก้าวขาขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว

            การประชุมเป็นไปอย่างลำบากใจสำหรับบุษบา เธอนั่งหน้าเครียดใส่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที เหตุเพราะเขากวนประสาทเธอตั้งแต่ก่อนเข้าห้องประชุมทั้งๆ ที่ก็ยังไม่รู้จักกัน และเธอก็ไม่อยากจะรู้จักผู้ชายกวนประสาทคนนี้ด้วย และหลังเลิกประชุมแล้วคุณชาญก็ได้แนะนำพนักงานใหม่ให้กับทุกคนได้รู้จัก และยิ่งทำให้บุษบาต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร ชายแปลกหน้าคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นเลยเพราะเป็นลูกชายคนเดียวของคุณชาญที่พึ่งเรียนจบโทสาขาบริหารมาจากอเมริกามาหมาดๆ คุณชาญจึงได้ให้เขาเข้ามาช่วยดูแลกิจการในตำแหน่งผู้จัดการแทนคุณดำรงคนเก่าที่พึ่งจะลาออกไปด้วยสาเหตุภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุเมื่อหลานเดือนก่อนทำให้กลายเป็นอัมพาตไม่มีใครดูแลนั่นเอง

            “ผมขอแนะนำผู้จัดการคนใหม่ให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ” คุณชาญผายมือไปทางลูกชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน

            “นี่มนัส ลูกชายผมเอง พนักงานบางท่านอาจจะเคยเห็นหรือรู้จักบ้างแล้วเพราะเคยเข้ามาที่นี่บ่อยๆ เมื่อหลายปีก่อน ส่วนพนักงานใหม่ผมก็อยากให้รู้จักกันไว้เพื่อที่จะได้มีเพื่อนร่วมงานกันมากขึ้น ไม่ต้องเกรงใจว่าเขาเป็นลูกชายผมนะ ผมขอฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแล และสอนงานให้เขาด้วยละกัน โดยเฉพาะหนูมะนาว อาขอช่วยเทรนงานให้ด้วยละกันนะ” สุดท้ายคุณชาญก็หันมาทางบุษบาเลขาหน้าห้องเพื่อฝากฝังเจ้าลูกชายให้เธอช่วยสอนงานให้ทันที เหตุเพราะเธอเป็นเลขานั่นเอง

            “ค่ะ คุณอา” บุษบาตอบรับด้วยรอยยิ้มเจื่อยๆ เธอไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้เลย เพราะเขากวนประสาทตั้งแต่ก่อนเข้าห้องประชุมและแม้แต่เข้าห้องประชุมมาเขาก็ส่งสายตาและรอยยิ้มยียวนกวนประสาทให้ตลอดเวลา แถมยังใช้เท้าของเขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันเขี่ยเท้าเธอเล่นอย่างกับสนิทชิดเชื้อกันมานานเสียอย่างนั้น นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกชายเจ้านาย มีหวังเธอได้ถวายฝ่ามือพิฆาตใส่หน้าเขาแล้วแน่ๆ แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น และก็ต้องจำยอมรับหน้าที่เทรนงานให้เขาอย่างหลีกหนีไม่ได้นั่นเอง

 

            อากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าวด้วยอุณภูมิสูงถึงสามสิบห้าองศาในวันนี้ทำให้ใครหลายๆ คนแทบไม่อยากออกจากบ้านเรือน หรืออาคารสำนักงานเลยแม้แต่น้อย แต่สำหรับปฏิพัตรเขากลับอยากจะรีบออกไปข้างนอกบริษัทเต็มที่เพื่อไปหาของขวัญให้กับคนพิเศษของเขา ปฏิพัตรก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องให้ศลินญาเป็นคนพิเศษได้รวดเร็วขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างพึ่งจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ แต่หัวใจเขากลับสั่นไหวทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ และคอยเรียกร้องว่าต้องการจะทำทุกอย่างที่พิเศษสุดให้กับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เขาหยุดคิดเพ้อฝันได้แล้วรีบเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะทันทีเพื่อจะได้ออกไปทำตามที่ตั้งใจไว้

            รถราที่นี่ไม่เยอะมากมายจนทำให้การจราจรติดขัดมากนักเหมือนกับในเมืองหลวง จึงทำให้ปฏิพัตรใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์คู่ใจในเวลาไม่นานสู่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่เป็นแหล่งรวมของร้านค้าชื่อดังหลากหลายยี่ห้อ รวมถึงร้านอาหาร และโรงหนังที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับคนทุกเพศทุกวัยได้มาพักผ่อน ปฏิพัตรใช้เวลาเดินเลือกของขวัญอยู่นาน หากแต่ก็ไม่เจอของที่ถูกใจเสียที จนเริ่มจะถอดใจเดินออกจากห้างแล้วหากสายตาของเขาไม่ไปสะดุดกับหุ่นตัวหนึ่งในร้านจิวเวอรี่เล็กๆ ใกล้ทางออกของห้างเสียก่อน  ร้านนี้ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีสินค้าจำพวกเครื่องประดับให้เลือกมากมายหลายชนิด แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขามากที่สุดเป็นสร้อยข้อมือทองคำขาวรูปหัวใจ ฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับพอสวยงาม แต่ก่อนที่จะได้เดินเข้าไปในร้านเขาก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่ง เดินเคียงคู่กันออกมาจากร้านดังกล่าวเขาจึงหยุดชะงักอยู่หลังเสาที่อยู่ห่างจากร้านนั้นไม่มากนักทันที ถึงผู้หญิงคนนั้นจะสวมแว่นตาดำ สวมหมวกใบใหญ่เพื่ออำพรางใบหน้า แต่เขาก็ยังคงจำได้ดีว่าเป็นใคร มายานั่นเอง ทำไมนะ ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ ยิ่งเห็นเขาเดินคลอเคลียร์กันออกจากร้านจิวเวอรี่แบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงมาเลือกซื้อแหวนแต่งงานกันแน่ๆ ก่อนที่ความเจ็บปวดจะเข้ามาทำร้ายหัวใจของชายหนุ่มมากกว่าเดิม ใบหน้าของใครอีกคนก็ซ้อนขึ้นมาในห้วงความคิดของเขาทันที ศลินญานั่นเอง ใช่เขาจะเริ่มต้นใหม่กับเพื่อนสาวคนนี้ เขาจะรักเธอให้มากที่สุด ให้มากกว่ามายาที่หักหลังความรักของเขา ได้สติแล้วเขาก็รีบสาวเท้าเข้าร้านจิวเวอรี่นั้นทันทีเมื่อคล้อยหลังของสองหนุ่มสาวคู่นั้น

            ชายหนุ่มเข้าไปในร้านได้ไม่นานเพราะไม่ต้องตัดสินใจเลือกอะไรมากนัก เขาก็กลับออกมาพร้อมกับถุงกระดาษใบเล็กๆ ที่ภายในบรรจุกล่องกัมหยี่สีน้ำตาลข้างในมีสร้อยข้อมือที่เขาเล็งเอาไว้ครั้งแรก และก็เป็นโชคดีเหลือเกินที่สร้อยชิ้นนี้เป็นสินค้านำเข้าชิ้นเดียวในไทย ไม่มีจำหน่ายที่ไหนอีกแล้ว เพราะเป็นการสั่งทำพิเศษเพื่อฉลองวันครบรอบวันเกิดของเจ้าของร้านนั่นเอง ชายหนุ่มเดินออกมาด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจไม่น้อยกับของขวัญชิ้นนี้ที่เขาจะนำไปให้คนพิเศษของเขา

            “ตาลต้องชอบแน่ๆ “ ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองเมื่อออกมายืนอยู่หน้าร้านแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา