7 - eleven "สาวกะบ่าย นายกะดึก"
-
1) แรกเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ช้าจังเลยหลิว พี่รอตั้งนาน เดี๋ยวเขาปิดรับสมัครก่อนจะซวย” ‘โบรุ้ง’ หญิงสาวนัยน์ตากลมอยู่ในชุดเสื้อยืดดำกระโปรงยาวผ้าเนื้อดี ผมบ๊อบทรงงามมีที่คาดผมสีขาวประดับเพื่อความเรียบร้อยเข้าทรง แว่นกรอบหนาแต่ระดับสายตาเพียงสองร้อยเศษบดบังความโตน่ารักของดวงตา เริ่มบทสนทนาเชิงท้วงติงกับ ‘หลิวลู่’นักศึกษาสาวรุ่นน้องหน้าหมวยร่างบางซึ่งยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งมาจากการเข้าฟังบรรยายมาหมาดๆและรีบตรงดิ่งมาหารุ่นพี่สาวอย่างรีบร้อน ณ ร้านเซเว่นอิเลฟเว่น จุดนัดหมายด้วยใบหน้าที่แต้มด้วยรอยยิ้มแบบเก้อเขิน
“โถ่...เจ้ โทษที พอดีออกจากห้องบรรยายมาก็โดนไอ้มุกมันดึงตัวสาธยายเรื่องมันมีปัญหากับแฟนตั้งยืดยาว หนูรำคาญแทบตาย กว่าจะเลี่ยงมาได้ ต้องบอกไม่รู้ตั้งกี่หนว่า นัดพี่ไว้ๆ”
“อ้าว แล้วมุกมันทะเลาะกับแฟนเรื่องอะไรอีกล่ะ” โบรุ้งเลิกคิ้วอย่างแปลกใจพร้อมกับยิงคำถาม
“เรื่องขี้ซากน่ะพี่ มีนังสก๊อยอุทัยทิพย์จากไหนก้ไม่รู้มาจีบแฟนมันในเฟสบุ๊ค ทั้งเม้นทั้งไลท์อะไรต่อมิอะไรในเฟสบุ๊คแฟนมันซะเยอะแยะ น้องเราก็ไปเปิดศึกผัวฆ่าใครอย่าแตะกับเขา เขาก็เลยสาดอุทัยทิพย์กลับมาทางเฟสฯซะ นี่ได้ยินว่ามันจะแวะร้านเน็ตก่อนเข้าหออีกนะ เห็นว่าจะไปฉะกับเขาต่อให้จบ แถมมันยังบอกอีกว่า ถ้าแฟนมันยังไม่ลบมันออกจากเพื่อนซะ มันจะเลิก”หลิวลู่เล่าอย่างรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เกิด เพราะใช่ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับมุกดารัตน์ รุ่นน้องคนสนิทอีกคนของหลิวลู่และโบรุ้งซึ่งเคยเป็นเมทร่วมบ้านเช่ากับทั้งสอง ก่อนที่จะขอแยกไปอยู่กับเพื่อนของตนเมื่อไม่กี่เดือน ทำให้บ้านเช่านั้นเหลือเพียงโบรุ้งและหลิวลู่เท่านั้น รวมทั้ง ‘วิปครีม’ลูกสุนัขพันธ์ชิสุผสมพุดเดิ้ลสีขาวทั้งตัววัยเดือนเศษของทั้งสองที่หาญเงินกันซื้อมาเลี้ยงหลังจากที่มุกดารัตน์ย้ายออกไป
“ปัญญาอ่อนกันถ้วนหน้าจริงๆ ตามาร์คเขาสร้างเฟสบุ๊คให้เพื่อให้โลกเปิดกว้างทางสังคมนะ ไม่ใช่เอามาเปิดกว้างกันเรื่องทางเพศ น้องเราก็อีกคน ไปทะเลาะกับผู้หญิงในเฟสบุ๊ค ก็เหมือนทะเลาะกับหมาในกรง มันทำได้ก็แค่ขู่เขาแค่นั้นแหละ ออกมากัดเราได้จริงๆซะที่ไหน”โบรุ้งออกความเห็นอย่างอ่อนใจไม่แพ้กัน
“เอาน่า ก็คอยดูคนของเราอย่าให้ไปกัดกับเขาในกรงเองแล้วกัน”หลิวลู่ปิดหัวข้อสนทนาอย่างใจคิด
“แล้วเอกสารเอามาครบไหม จะได้เอาไปยื่นให้เขาซักที”โบรุ้งเปลี่ยนเรื่องพลางมองที่ซองเอกสารที่รุ่นน้องเธอถือติดมือมาเหมือนกับเธอ
“โห...ถ้าไม่เรียบร้อยวันนี้ก็ไม่รู้จะไปเรียบร้อยวันไหนแล้วพี่ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่นาที่เขาจะรับสมัคร เออ...พี่ หนูถามไรหน่อยดิ”ประโยคหลังหลิวลู่ถามอย่างนึกชั่งใจ
“ถามอะไร”
“ถ้าวันนี้เราพลาดงานนี้ พี่จะทำยังไง”หลิวลู่ถามอย่างรอคำตอบ
โบรุ้งถอนหายใจเฮือก ก่อนที่จะสาวเท้าเดินทอดน่องจากลานจอดรถหน้าร้านตรงจะเข้าร้านโดยมีหลิวลู่ตามมาติดๆ
“ก็คงต้องหางานใหม่ ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ต่อให้เป็นงานร้านเหล้า ร้านก๋วยเตี๋ยวหรือร้านลาบก้อยพี่ก็ทำหมด ขอให้ได้เงินเป็นพอ อย่างน้อยก็ขอให้พี่มีเงินเก็บช่วยแม่จ่ายค่าเทอมเทอมหน้าสักเกินครึ่งก็ยังดี แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ลองไม่รู้ เผื่อฟลุ๊คได้ก็โชคดีไป”
บริเวณหน้าร้านเซเว่นอิเลฟเว่น เฉพาะช่วยสองสามวันนี้เท่านั้นที่มีการตั้งโต๊ะรับสมัครพนักงานใหม่ มีผู้ให้การสนใจอย่างมาก ยิ่งที่ตั้งร้านอยู่หน้ามหาวิทยาลัยของทั้งสอง ทำให้มีนักศึกษาคนอื่นๆให้ความสนใจด้วยเช่นกัน
“พี่คะ ตอนนี้เต็มยังคะ”โบรุ้งเป็นคนเปิดฉากถามกับฝ่ายบุคคลที่รับสมัคร หลังจากที่เห็นว่าเขาไม่ได้ติดการสนทนากับผู้สมัครคนอื่นอยู่
“ยังหรอก มาสมัครพาร์ททามเหรอ เรียนในม.นี้หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะพี่”โบรุ้งรีบตอบ ทั้งใบหน้าและแววตาแสดงให้เห็นว่ายังมีหวัง
“น้องสองคนเอาใบสมัครไปกรอก ถ้ามั่นใจว่าจะทำจริงๆ ขอย้ำแบบตำข้าวเลยนะว่า จะทำจริงๆ”ฝ่ายบุคคลหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นมิตรก่อนที่จะยื่นใบสมัครสองใบให้พวกเธอ “แนบเอกสารหลักฐานที่พี่เขียนไว้มาให้ครบด้วย แล้วพี่จะโทรไปนัดสัมภาษณ์วันสองวันนี้แหละ”
ในสัปดาห์นั้นหลังจากวันสัมภาษณ์ผ่านไปราวกับฝัน ทั้งโบรุ้งกับหลิวลู่นอกจากจะวุ่นวายกับเรื่องการเรียนของตัวเองแล้ว ยังจะต้องวิ่งเตรียมเอกสารเพิ่มเติมที่จะต้องใช้ในการสมัครส่งไปให้ฝ่ายบุคคลในวันที่กำหนด ทั้งใบรับรองแพทย์ สมุดบัญชีธนาคารที่เปิดเพื่อไว้ใช้ในการรับโอนเงินเดือน และต้องเข้ารับการอบรมพนักงานก่อนเข้าทำงานเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
“ตื่นเต้นนะพี่ อีกไม่กี่วันก็จะได้เริ่มทำงานแล้ว ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง แถมได้เริ่มงานที่สาขาเปิดใหม่ด้วย”หลิวลู่เปิดประเด็นขึ้นบนโต๊ะอาหารในร้านอาหารตามสั่งใกล้บ้านเช่าของทั้งสองหลังจากที่พวกเธอกลับมาจากการอบรม
“แล้วนี่ไอ้ฮั่งแฟนแกมันได้เล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า ว่าเริ่มทำงานแล้วเป็นไงบ้าง”โบรุ้งถามถึงวาทิต แฟนหนุ่มรุ่นเดียวกับหลิวลู่และเป็นรุ่นน้องในสาขาของโบรุ้งที่เริ่มเข้าไปทำงานในเซเว่นก่อนหน้าพวกเธอได้ไม่กี่วันอยู่อีกสาขาหนึ่ง
“ไอ้นั่นน่ะเหรอพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก มันทำงานกะเช้า ต้องตื่นตั้งแต่เช้าไปเข้ากะแล้วค่ำมาก็ยังต้องรีบนอนอีก มันเลยไม่ทันได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ก็นั่นแหละ เดี๋ยวต่อไปเราก็จะเป็นเหมือนมันเหมือนกัน”หลิวลู่พูดอย่างนึกเบื่อหน่ายพลางเขี่ยอาหารในจาน
โบรุ้งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะก้มหน้าจัดการกับอาหารบนจานของตัวเองจนเรียบร้อยพร้อมกับหลิวลู่
วันฝึกงานของทั้งสองก็มาถึง ทั้งสองได้เริ่มฝึกงานอยู่ในผลัดบ่ายตามที่ผู้จัดการของร้านฝึกงานนั้นพิจารณา หลังจากที่เอาสัมภาระไปเก็บหลังร้านเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินตาม”กานิน”ผู้จัดการร้านหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ และ”อำภา”ผู้ช่วยผู้จัดการร้านหญิงวัยเดียวกันเพื่อฟังการแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์และการใช้งานต่างๆให้เข้าใจ เพราะทั้งสองคนจะต้องไปลงที่ร้านเปิดใหม่ในสัปดาห์หน้า การฝึกต่างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั้งสองต้องตั้งใจอย่างมากในการฟังและจดจำ
“ความจริงแล้วเด็กพาร์ททามเขาก็ยังไม่สอนอะไรมากมายหรอก ถ้ามาลงร้านปกติ เพราะหน้าที่หลักๆของพาร์ททามก็คือต้องช่วยพนักงานประจำและผู้ช่วยเขาดูแลเรื่องอื่นๆ แล้วยังไม่ต้องเข้าแคชเชียร์ แต่นี่พวกน้องจะต้องไปลงสาขาใหม่อีกไม่กี่วัน เรื่องเข้าแคชเชียร์เลยเป็นอีกเรื่องที่น้องจะต้องเรียนรู้และทำได้อย่าให้ผิดพลาด หรือไม่ก็ผิดพลาดให้น้อยที่สุด เรื่องนี้น้องก็พอจะรู้ใช่ไหมว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ถ้าผิดพลาดทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เราก็มีความผิด แต่จะว่าไป มือใหม่ทุกคน ก็ต้องมีผิดพลาดกันเป็นธรรมดา ก็ให้น้องจำเอาข้อผิดพลาดของตัวเองนั่นแหละมาเป็นบทเรียนในเวลาทำงาน เข้าใจนะ”กานินอธิบายหลังจากที่พาทั้งสองเดินดูรอบๆร้านจนเรียบร้อยและหยุดอยู่ที่บริเวณสต๊อกสินค้า
ทั้งสองสาวรับคำอย่างเข้าใจ ก่อนที่อำภาจะเอ่ยถามบ้าง “มีอะไรสงสัยไหม”
“มีค่ะ หนูอยากรู้ว่ามีแค่หนูสองคนเหรอคะที่จะได้ไปร้านใหม่ แล้วคนอื่นๆล่ะคะ”
“เปล่า พนักงานที่มาสมัครใหม่คนอื่นๆก็กระจายไปฝึกงานตามร้านอื่นๆกันหมด แล้วก็จะมีผู้ช่วยจากบางร้าน ถูกย้ายไปประจำที่นั่น อ้อ แล้วนอกจากพวกน้องสองคน ยังมีผู้ชายอีกคนนะที่เป็นเด็กพาร์ททามที่จะไปอยู่ที่สาขาใหม่ด้วย แต่เขาจะมาช่วงผลัดดึก”กานินอธิบายอีก
“เดี๋ยวยังไงตอนนี้พวกน้องก็ช่วยดูแลความเรียบร้อยเรื่องความสะอาดชั้นวางสินค้าในสต๊อกก่อนนะ จัดเรียงให้เรียบร้อย ตรงไหนมีฝุ่นก็จัดการซะ ถ้าหิวก็พักกินข้าวกันได้ไม่เกินคนละหนึ่งชั่วโมง”อำภาสั่งงานต่อหลังจากที่กานินพูดจบ ทั้งสองรับคำ ก่อนที่ทั้งกานินและอำภาจะเดินจากไป ปล่อยให้ทั้งสองเริ่มทำงานกัน
“วันแรกก็เจองานแจ๋วซะงั้นพี่โบ”หลิวลู่แอบบ่นก่อนที่จะลากบันไดลิงโครงเหล็กไปที่ชั้นวางของมุมหนึ่งของสต๊อก
“บ่นไปเหอะหลิว ใครๆเขาก็เจองานแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ตั้งใจทำไปเหอะ เดี๋ยวฝึกงานไม่ผ่านขึ้นมาจะบรรลัยจักรกันหมด” โบรุ้งท้วงก่อนที่จะเริ่มทำงานของตัวไปอย่างเงียบๆ
เวลาล่วงไปจนเกือบจะสี่ทุ่ม โบรุ้งกับหลิวลู่ก็เริ่มทำความสะอาดบริเวณห้องขายตามที่ได้รับมอบหมาย ขณะนั้นเอง สายตาของหลิวลู่ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวเข้มหน้าคมในชุดพนักงานเซเว่น มีแจ๊คเก็ตมียี่ห้อสีแดงหม่นสวมทับ มีกระเป๋าสะพายพาดตัวสีดำใบขนาดกลางๆ มือของชายหนุ่มถือหมวกกันน็อคอย่างดีสีดำ แสดงให้เห็นว่าขับรถอะไรเข้ามาทำงาน มายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียและยกมือไหว้กานินซึ่งยืนทำเอกสารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ข้างแคชเชียร์ แล้วสนทนากันเบาๆ
“พี่โบๆ ดูนั่นดิ สงสัยจะเด็กพาร์ททามที่มาอีกคน”หลิวลู่พูดเบาๆพลางชี้ชวนโบรุ้งซึ่งกวาดพื้นอยู่ใกล้ๆให้ดูผู้มาใหม่ โบรุ้งจึงเงยหน้ามองตามที่รุ่นน้องบอก แต่ก็ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างถนัดตานักเพราะเขายังยืนหันหลังให้เธออยู่ จนกระทั่งกานินเดินออกจากแคชเชียร์และนำผู้มาใหม่เข้าไปทางหลังร้านหายไป
โบรุ้งไม่ได้เอ่ยอะไร ก้มหน้ากวาดพื้นต่อไปเพราะเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของตนแล้ว และยังมีอะไรหลายอย่างที่เธอยังต้องทำอีกด้วย
สักพัก โบรุ้งต้องลากถังน้ำถูพื้นเข้ามาเปลี่ยนน้ำที่หลังร้านก่อนจะไปถูอีกจุด ส่วนหลิวลู่ถูกกานินใช้ให้ไปเติมสินค้าส่งผลัด ในห้องน้ำหลังร้าน ร่างสูงโปร่งนั้นที่หลิวลู่สันนิษฐานว่าจะเป็นเด็กพาร์ททามอีกคน ยืนอยู่ในห้องน้ำซึ่งยังคนเปิดประตูไว้พลางส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเอง โบรุ้งเองก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อไปดูหน้าเพื่อนร่วมงานอีกคนอย่างใคร่รู้ แต่ก็แอบผิดหวังเพราะชายหนุ่มยังยืนบังเงาตัวเองอยู่ เธอจึงถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะยกถังน้ำขึ้นเทลงในอ่างสแตนเลสล้างอุปกรณ์แล้วคว้าสายฝักบัวล้างอุปกรณ์ซึ่งแขวนอยู่ใกล้ๆกดฉีดหมายใจจะล้างถัง
แต่เหมือนเจ้าที่จะกลั่นแกล้ง วาวน้ำเกิดหลุดเพราะชำรุดอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว น้ำประปาที่ส่งมาด้วยแรงดันจึงไม่ได้มาตามทางท่อน้ำ แต่กลับพุ่งใส่เจ้าหล่อนเต็มๆจนเธอเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว้าย!!!”
คนในห้องน้ำพอได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวก็รีบผลุดผลันออกมาด้วยความตกใจ คิดว่าคงมีใครเป็นอะไร ตั้งใจจะเข้ามาช่วย แต่ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มถึงกับเกือบหลุดก๊ากออกมา ภาพที่หญิงสาวในชุดพนักงานกำลังปลุกปล้ำรบราฆ่าฟันกับวาวน้ำที่ยังไม่ยอมหยุดไหลอย่างยิบตา ปากก็สบถโวยวายออกมาอย่างหงุดหงิด เพราะเธอทั้งเอาผ้ามาอุดมัดไว้ก็ไม่อยู่ จนพื้นบริเวณนั้นพลอยเปียกไปด้วย เมื่อเห็นแบบนั้น ถ้ายืนเฉยก็ไม่ใช่เรื่อง จึงต้องรีบเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวตั้งใจจะให้เธอถอยห่างเพื่อให้เขาจัดการกับปัญหาเอง
ดวงตาโตหันมาประสานกับดวงตาคมของชายหนุ่ม ทำให้ร่างสูงโปร่งถึงกับชะงัก หัวใจเหมือนหยุดเต้น ลืมไปเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ ถึงเม็ดน้ำจะกระจายผ่านหน้าทั้งเขาและเธอแต่ก็ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นมีลักษณะอย่างไร ริมฝีปากไม่หนาไม่บางจนเกินไป ดวงตาโตที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ผมทรงบ๊อบเทที่ตอนนี้เปียกโชกไปหมด
“จะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ เปียกกันไปหมดแล้ว” หญิงสาวโผล่งออกมาอย่างกังวล ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอตื่นจากภวังค์ รีบมองหาตัววาวน้ำแล้วจัดการติดตั้งใหม่โดยต้องสู้กับแรงดันน้ำที่แรงพอควร แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางหมด ทั้งสองจึงหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะพี่”โบรุ้งเอ่ยพลางยิ้มแหยๆ เพราะสภาพของเธอและเขาตอนนี้นั้นเปียกโชกราวกับเพิ่งฝ่าถนนข้าวสารในวันสงกรานต์มาหมาดๆ จะขาดก็แต่แป้งประบนใบหน้าแค่นั้นเอง
ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร โบรุ้งจึงเปิดประเด็นต่อ “พี่เป็นพาร์ททามที่จะมาทำกะดึกใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่เขาดูหน้าเด็กเหมือนนักศึกษาขนาดนั้นเลยหรือไง เธอถึงมองว่าเขาเป็นเด็กพาร์ททามไปได้ ถึงอย่างนั้นมันก็น่าภูมิใจจะตายที่ยังมีคนมองว่าเขาหน้ายังดูอ่อนเยาว์อยู่ เขาจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ
“หนูก็ลืมไปค่ะว่าถึงจะอายุเท่าไร มาสมัครใหม่ก็เป็นพาร์ททามเหมือนกันหมด ต้องรอสามเดือนถึงจะได้เป็นประจำ ดูหน้าพี่ไม่เหมือนนักศึกษาเลย เหมือนคนทำงานมานานแล้วมากกว่า”โบรุ้งพูดตามความคิดพลางยิ้ม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหุบยิ้มทันทีพอได้ยินว่า หน้าดูไม่เหมือนนักศึกษา
“โทษทีน้องที่หน้าพี่ดูแก่ พี่นอนน้อยมาทั้งชีวิตแค่นั้นแหละ”คนเงียบฟังมานานเริ่มเปิดปากพูดอย่างนึกฉุน
“อ้าว พี่พูดได้ด้วยเหรอคะ”โบรุ้งเผลออุทานอย่างเหลือเชื่อ
“เซเว่นเขาไม่รับคนใบ้เข้าทำงานหรอกน้อง” ชายหนุ่มพูดอย่างนึกฉุน ทำให้คนถามยิ้มเก้อๆ แต่ในใจนั้นนึกฉุนคนตรงหน้าไม่แพ้กัน ปากจัดเหมือนกันนะผู้ชายคนนี้ เธอคิด
ชายหนุ่มซึ่งเสมองไปทางอื่นอยู่ กะว่าจะหันมาทำความรู้จักกับเธอดีๆ แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาทั้งตะลึงและอ้าปากตาค้าง เพราะความเปียกปอนของเสื้อพนักงานและเนื้อผ้าที่ไม่หนาพอ ทำให้รอยของบราเซียเผยให้เห็นซะจนชัดเจน โบรุ้งพอเห็นอาการของชายหนุ่มก็งุนงง แต่พอก้มมองตัวเองก็ถึงกับร้องกรี๊ด รีบเอามือปิดบังส่วนบนของร่างกาย พลางส่งสายตาที่เหมือนด่าได้ถึงบรรพบุรุษให้คนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปคว้าเสื้อแจ๊ตเกตของตนซึ่งแขวนอยู่ข้างห้องน้ำรวมกับคนอื่นมาคลุมร่างกายอย่างรวดเร็ว
“นี่พี่กะจะยืนอ่านกินหนูอีกนานไหมพี่”
ชายหนุ่มพอรู้ตัวว่าถูกด่าก็รีบตอบปัดทันทีอย่างเสียไม่ได้ “โถ่น้อง...คิดว่าน้องอึ๋มมากเลยหรือไง พี่มองไปนึกว่าใครเอาซาลาเปาโดนนั่งทับไปแปะไว้ซะอีก”
“จะมากไปแล้วนะพี่ นี่เห็นว่าช่วยซ่อมก๊อกหรอก ไม่งั้นพี่โดนหนูจิ้มตาแตกแน่ๆ”โบรุ้งขู่ทั้งยกสองนิ้วทำท่าจะจิ้มใส่เขา แต่กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวแต่กลับรู้สึกตลกมากกว่า ได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกขำ ก่อนที่จะหันไปถามเธอที่ยังยืนอยู่ห่างจากเขา
“อ้าว...ก๊อกน้ำก็ซ่อมให้แล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะครับคุณหนู ประเดี๋ยวกระผมจะต้องออกไปทำราชการงานเมืองข้างนอกแล้วล่ะขอรับ”
น้ำเสียงแดกดันของชายหนุ่มยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดไม่หาย ก่อนที่จะเดินเท้าหนักกุมเสื้อตัวเองกลับมาที่อ่างล้างอุปกรณ์เพื่อเอาน้ำไปถูพื้นต่อ ส่วนเขาก็เดินไปที่มุมแขวนเสื้อแทนเธอแล้วค่อยๆจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกโดยไม่สนว่าโบรุ้งยังคงยืนรองน้ำอยู่แถวนั้นและเห็นภาพที่เขาเปลือยท่อนบนพอดี
“เฮ้ย!! จะทำอะไรน่ะ ทำไมต้องถอดเสื้อด้วย”หญิงสาวโวยทั้งหันหนีพยายามไม่มองเพราะเธอไม่ชินกับภาพแบบนี้เท่าไรนัก
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างนึกเซ็งก่อนที่จะตอบ “ขอประทานโทษนะขอรับ กระผมต้องเข้ากะดึก ต้องอยู่แช่ในห้องแอร์อีกเกือบสิบชั่วโมง ใจคอจะให้กระผมใส่เสื้อเปียกๆทำงานทั้งคืนเลยหรือขอรับ โรคปอดบวมจะไม่รับประทานหรือยังไง”
“แต่ก็นั่นแหละ ยังไงพี่กานินเขาก็ไม่อนุญาตให้ถอดเสื้อทำงานหรอก”โบรุ้งท้วงติงอย่างเสียไม่ได้ โดยที่หน้าก็ยังไม่ยอมหันไปมองชายหนุ่มอยู่ดี
“โถ...คุณหนูขอรับ นอกจากจะแบนแล้วยังมิฉลาดอีกนะขอรับ”ชายหนุ่มแขวะ โดยไม่รู้ทำเอาเธอโกรธจนหน้าแดง “ใครจะไปถอดเสื้อทำงานทั้งคืนล่ะขอรับบบบบบบ”
เขาลากเสียงอย่างยียวนก่อนที่จะหยิบแจ๊ตเกตที่แขวนอยู่มาใส่แทนจนเรียบร้อย “หันมาได้แล้วขอรับ”
หญิงสาวค่อยๆหันไปตามคำเชิญ ก็พบว่าเขาแต่งกายมิดชิดเหมือนเดิม จะต่างก็แค่เขาเอาแจ๊ตเกตรูดซิบหน้าเรียบร้อยทำให้พอรอดไป
“แล้วไป...”เธอพ่นลมออกจากปาก “แต่เลิกเรียกหนูว่าคุณหนูคุณเหนอได้แล้ว เอียนหูจริงๆ”เธอพูดอย่างนึกฉุน ก่อนที่จะเข็นถังน้ำจะออกไปข้างนอกในสภาพที่ยังคงเปียกอยู่ แต่ชายหนุ่มก็เรียกเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนขอรับ รบกวนคุณหนูถูพื้นในนี้ก่อนนะขอรับ”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินกลับมาเอาไม้ถูพื้นมาถูๆบริเวณนั้นจนแห้งดี โดยมีชายหนุ่มยืนมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ห่างๆ ก่อนที่เธอจะเก็บไม้ถูแล้วเดินออกไป โดยที่ชายหนุ่มก็เดินตามเธอออกไปติดๆพลางอมยิ้มไม่เลิก
กานินและหลิวลู่ พอเห็นสภาพของทั้งสองคนก็แปลกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลิวลู่นั้นไวกว่าจึงชิงถาม
“อ้าว...พี่โบ ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะพี่”
โบรุ้งไม่ทันได้ตอบอะไร ก็มีฝีเท้าหนักๆของชายหนุ่มอีกคนในชุดพนักงานวิ่งเข้ามาในเซเว่น ตรงมาที่แคชเชีย ไม่นานก็วิ่งตาลีตาลานตรงมาหากานิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระหอบกระหืด
“พะ...พี่ครับ หวัดดี...คระ...ครับ ผมมานิช ที่จะมาทำพาร์ททามผลัดดึกครับ”
พาร์ททาม...โบรุ้งทวนสิ่งที่ได้ยินอยู่ในใจอย่างนึกฉงน แล้วนายคนนี้ที่ช่วยเธอปิดก๊อกน้ำล่ะ เขาก็เป็นพาร์ททามไม่ใช่หรือ...
“พี่นึกว่าน้องจะไม่มาซะแล้ว คราวหลังอย่ามาเกินสี่ทุ่มครึ่งนะ คราวนี้พี่จะให้อภัย...ต่วน...เอาแฟ้มลงเงินเข้างานมาลงเงินให้น้องซะ”ประโยคหลังกานินหันมาสั่งชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังโบรุ้ง ทำให้โบรุ้งต้องหันมองตามพร้อมกับส่งสายตาไปถามว่า ตกลงนายเป็นใครกันแน่!!
“น้องๆ... นี่ต่วน เป็นผู้ช่วยของร้านนี้ แล้วก็คุมผลัดดึก รู้จักกันไว้นะ”
ทั้งหลิวลู่และมานิชยกมือไหว้บุคคลที่ถูกเอ่ยถึง เว้นแต่โบรุ้งซึ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกนั้นได้แต่หันมามองอย่างนิ่งอึ้ง นี่คนที่เธอต่อปากต่อคำไปแหมบๆ คือผู้ช่วยผู้จัดการอีกคนหรือนี่!!
อย่าลืมเม้นๆๆๆ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ ^^
“โถ่...เจ้ โทษที พอดีออกจากห้องบรรยายมาก็โดนไอ้มุกมันดึงตัวสาธยายเรื่องมันมีปัญหากับแฟนตั้งยืดยาว หนูรำคาญแทบตาย กว่าจะเลี่ยงมาได้ ต้องบอกไม่รู้ตั้งกี่หนว่า นัดพี่ไว้ๆ”
“อ้าว แล้วมุกมันทะเลาะกับแฟนเรื่องอะไรอีกล่ะ” โบรุ้งเลิกคิ้วอย่างแปลกใจพร้อมกับยิงคำถาม
“เรื่องขี้ซากน่ะพี่ มีนังสก๊อยอุทัยทิพย์จากไหนก้ไม่รู้มาจีบแฟนมันในเฟสบุ๊ค ทั้งเม้นทั้งไลท์อะไรต่อมิอะไรในเฟสบุ๊คแฟนมันซะเยอะแยะ น้องเราก็ไปเปิดศึกผัวฆ่าใครอย่าแตะกับเขา เขาก็เลยสาดอุทัยทิพย์กลับมาทางเฟสฯซะ นี่ได้ยินว่ามันจะแวะร้านเน็ตก่อนเข้าหออีกนะ เห็นว่าจะไปฉะกับเขาต่อให้จบ แถมมันยังบอกอีกว่า ถ้าแฟนมันยังไม่ลบมันออกจากเพื่อนซะ มันจะเลิก”หลิวลู่เล่าอย่างรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เกิด เพราะใช่ว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับมุกดารัตน์ รุ่นน้องคนสนิทอีกคนของหลิวลู่และโบรุ้งซึ่งเคยเป็นเมทร่วมบ้านเช่ากับทั้งสอง ก่อนที่จะขอแยกไปอยู่กับเพื่อนของตนเมื่อไม่กี่เดือน ทำให้บ้านเช่านั้นเหลือเพียงโบรุ้งและหลิวลู่เท่านั้น รวมทั้ง ‘วิปครีม’ลูกสุนัขพันธ์ชิสุผสมพุดเดิ้ลสีขาวทั้งตัววัยเดือนเศษของทั้งสองที่หาญเงินกันซื้อมาเลี้ยงหลังจากที่มุกดารัตน์ย้ายออกไป
“ปัญญาอ่อนกันถ้วนหน้าจริงๆ ตามาร์คเขาสร้างเฟสบุ๊คให้เพื่อให้โลกเปิดกว้างทางสังคมนะ ไม่ใช่เอามาเปิดกว้างกันเรื่องทางเพศ น้องเราก็อีกคน ไปทะเลาะกับผู้หญิงในเฟสบุ๊ค ก็เหมือนทะเลาะกับหมาในกรง มันทำได้ก็แค่ขู่เขาแค่นั้นแหละ ออกมากัดเราได้จริงๆซะที่ไหน”โบรุ้งออกความเห็นอย่างอ่อนใจไม่แพ้กัน
“เอาน่า ก็คอยดูคนของเราอย่าให้ไปกัดกับเขาในกรงเองแล้วกัน”หลิวลู่ปิดหัวข้อสนทนาอย่างใจคิด
“แล้วเอกสารเอามาครบไหม จะได้เอาไปยื่นให้เขาซักที”โบรุ้งเปลี่ยนเรื่องพลางมองที่ซองเอกสารที่รุ่นน้องเธอถือติดมือมาเหมือนกับเธอ
“โห...ถ้าไม่เรียบร้อยวันนี้ก็ไม่รู้จะไปเรียบร้อยวันไหนแล้วพี่ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่นาที่เขาจะรับสมัคร เออ...พี่ หนูถามไรหน่อยดิ”ประโยคหลังหลิวลู่ถามอย่างนึกชั่งใจ
“ถามอะไร”
“ถ้าวันนี้เราพลาดงานนี้ พี่จะทำยังไง”หลิวลู่ถามอย่างรอคำตอบ
โบรุ้งถอนหายใจเฮือก ก่อนที่จะสาวเท้าเดินทอดน่องจากลานจอดรถหน้าร้านตรงจะเข้าร้านโดยมีหลิวลู่ตามมาติดๆ
“ก็คงต้องหางานใหม่ ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ ต่อให้เป็นงานร้านเหล้า ร้านก๋วยเตี๋ยวหรือร้านลาบก้อยพี่ก็ทำหมด ขอให้ได้เงินเป็นพอ อย่างน้อยก็ขอให้พี่มีเงินเก็บช่วยแม่จ่ายค่าเทอมเทอมหน้าสักเกินครึ่งก็ยังดี แต่ก็ช่างเหอะ ไม่ลองไม่รู้ เผื่อฟลุ๊คได้ก็โชคดีไป”
บริเวณหน้าร้านเซเว่นอิเลฟเว่น เฉพาะช่วยสองสามวันนี้เท่านั้นที่มีการตั้งโต๊ะรับสมัครพนักงานใหม่ มีผู้ให้การสนใจอย่างมาก ยิ่งที่ตั้งร้านอยู่หน้ามหาวิทยาลัยของทั้งสอง ทำให้มีนักศึกษาคนอื่นๆให้ความสนใจด้วยเช่นกัน
“พี่คะ ตอนนี้เต็มยังคะ”โบรุ้งเป็นคนเปิดฉากถามกับฝ่ายบุคคลที่รับสมัคร หลังจากที่เห็นว่าเขาไม่ได้ติดการสนทนากับผู้สมัครคนอื่นอยู่
“ยังหรอก มาสมัครพาร์ททามเหรอ เรียนในม.นี้หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะพี่”โบรุ้งรีบตอบ ทั้งใบหน้าและแววตาแสดงให้เห็นว่ายังมีหวัง
“น้องสองคนเอาใบสมัครไปกรอก ถ้ามั่นใจว่าจะทำจริงๆ ขอย้ำแบบตำข้าวเลยนะว่า จะทำจริงๆ”ฝ่ายบุคคลหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นมิตรก่อนที่จะยื่นใบสมัครสองใบให้พวกเธอ “แนบเอกสารหลักฐานที่พี่เขียนไว้มาให้ครบด้วย แล้วพี่จะโทรไปนัดสัมภาษณ์วันสองวันนี้แหละ”
ในสัปดาห์นั้นหลังจากวันสัมภาษณ์ผ่านไปราวกับฝัน ทั้งโบรุ้งกับหลิวลู่นอกจากจะวุ่นวายกับเรื่องการเรียนของตัวเองแล้ว ยังจะต้องวิ่งเตรียมเอกสารเพิ่มเติมที่จะต้องใช้ในการสมัครส่งไปให้ฝ่ายบุคคลในวันที่กำหนด ทั้งใบรับรองแพทย์ สมุดบัญชีธนาคารที่เปิดเพื่อไว้ใช้ในการรับโอนเงินเดือน และต้องเข้ารับการอบรมพนักงานก่อนเข้าทำงานเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ
“ตื่นเต้นนะพี่ อีกไม่กี่วันก็จะได้เริ่มทำงานแล้ว ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง แถมได้เริ่มงานที่สาขาเปิดใหม่ด้วย”หลิวลู่เปิดประเด็นขึ้นบนโต๊ะอาหารในร้านอาหารตามสั่งใกล้บ้านเช่าของทั้งสองหลังจากที่พวกเธอกลับมาจากการอบรม
“แล้วนี่ไอ้ฮั่งแฟนแกมันได้เล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า ว่าเริ่มทำงานแล้วเป็นไงบ้าง”โบรุ้งถามถึงวาทิต แฟนหนุ่มรุ่นเดียวกับหลิวลู่และเป็นรุ่นน้องในสาขาของโบรุ้งที่เริ่มเข้าไปทำงานในเซเว่นก่อนหน้าพวกเธอได้ไม่กี่วันอยู่อีกสาขาหนึ่ง
“ไอ้นั่นน่ะเหรอพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันหรอก มันทำงานกะเช้า ต้องตื่นตั้งแต่เช้าไปเข้ากะแล้วค่ำมาก็ยังต้องรีบนอนอีก มันเลยไม่ทันได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ก็นั่นแหละ เดี๋ยวต่อไปเราก็จะเป็นเหมือนมันเหมือนกัน”หลิวลู่พูดอย่างนึกเบื่อหน่ายพลางเขี่ยอาหารในจาน
โบรุ้งพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะก้มหน้าจัดการกับอาหารบนจานของตัวเองจนเรียบร้อยพร้อมกับหลิวลู่
วันฝึกงานของทั้งสองก็มาถึง ทั้งสองได้เริ่มฝึกงานอยู่ในผลัดบ่ายตามที่ผู้จัดการของร้านฝึกงานนั้นพิจารณา หลังจากที่เอาสัมภาระไปเก็บหลังร้านเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินตาม”กานิน”ผู้จัดการร้านหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ และ”อำภา”ผู้ช่วยผู้จัดการร้านหญิงวัยเดียวกันเพื่อฟังการแนะนำเกี่ยวกับอุปกรณ์และการใช้งานต่างๆให้เข้าใจ เพราะทั้งสองคนจะต้องไปลงที่ร้านเปิดใหม่ในสัปดาห์หน้า การฝึกต่างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั้งสองต้องตั้งใจอย่างมากในการฟังและจดจำ
“ความจริงแล้วเด็กพาร์ททามเขาก็ยังไม่สอนอะไรมากมายหรอก ถ้ามาลงร้านปกติ เพราะหน้าที่หลักๆของพาร์ททามก็คือต้องช่วยพนักงานประจำและผู้ช่วยเขาดูแลเรื่องอื่นๆ แล้วยังไม่ต้องเข้าแคชเชียร์ แต่นี่พวกน้องจะต้องไปลงสาขาใหม่อีกไม่กี่วัน เรื่องเข้าแคชเชียร์เลยเป็นอีกเรื่องที่น้องจะต้องเรียนรู้และทำได้อย่าให้ผิดพลาด หรือไม่ก็ผิดพลาดให้น้อยที่สุด เรื่องนี้น้องก็พอจะรู้ใช่ไหมว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ถ้าผิดพลาดทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เราก็มีความผิด แต่จะว่าไป มือใหม่ทุกคน ก็ต้องมีผิดพลาดกันเป็นธรรมดา ก็ให้น้องจำเอาข้อผิดพลาดของตัวเองนั่นแหละมาเป็นบทเรียนในเวลาทำงาน เข้าใจนะ”กานินอธิบายหลังจากที่พาทั้งสองเดินดูรอบๆร้านจนเรียบร้อยและหยุดอยู่ที่บริเวณสต๊อกสินค้า
ทั้งสองสาวรับคำอย่างเข้าใจ ก่อนที่อำภาจะเอ่ยถามบ้าง “มีอะไรสงสัยไหม”
“มีค่ะ หนูอยากรู้ว่ามีแค่หนูสองคนเหรอคะที่จะได้ไปร้านใหม่ แล้วคนอื่นๆล่ะคะ”
“เปล่า พนักงานที่มาสมัครใหม่คนอื่นๆก็กระจายไปฝึกงานตามร้านอื่นๆกันหมด แล้วก็จะมีผู้ช่วยจากบางร้าน ถูกย้ายไปประจำที่นั่น อ้อ แล้วนอกจากพวกน้องสองคน ยังมีผู้ชายอีกคนนะที่เป็นเด็กพาร์ททามที่จะไปอยู่ที่สาขาใหม่ด้วย แต่เขาจะมาช่วงผลัดดึก”กานินอธิบายอีก
“เดี๋ยวยังไงตอนนี้พวกน้องก็ช่วยดูแลความเรียบร้อยเรื่องความสะอาดชั้นวางสินค้าในสต๊อกก่อนนะ จัดเรียงให้เรียบร้อย ตรงไหนมีฝุ่นก็จัดการซะ ถ้าหิวก็พักกินข้าวกันได้ไม่เกินคนละหนึ่งชั่วโมง”อำภาสั่งงานต่อหลังจากที่กานินพูดจบ ทั้งสองรับคำ ก่อนที่ทั้งกานินและอำภาจะเดินจากไป ปล่อยให้ทั้งสองเริ่มทำงานกัน
“วันแรกก็เจองานแจ๋วซะงั้นพี่โบ”หลิวลู่แอบบ่นก่อนที่จะลากบันไดลิงโครงเหล็กไปที่ชั้นวางของมุมหนึ่งของสต๊อก
“บ่นไปเหอะหลิว ใครๆเขาก็เจองานแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ตั้งใจทำไปเหอะ เดี๋ยวฝึกงานไม่ผ่านขึ้นมาจะบรรลัยจักรกันหมด” โบรุ้งท้วงก่อนที่จะเริ่มทำงานของตัวไปอย่างเงียบๆ
เวลาล่วงไปจนเกือบจะสี่ทุ่ม โบรุ้งกับหลิวลู่ก็เริ่มทำความสะอาดบริเวณห้องขายตามที่ได้รับมอบหมาย ขณะนั้นเอง สายตาของหลิวลู่ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวเข้มหน้าคมในชุดพนักงานเซเว่น มีแจ๊คเก็ตมียี่ห้อสีแดงหม่นสวมทับ มีกระเป๋าสะพายพาดตัวสีดำใบขนาดกลางๆ มือของชายหนุ่มถือหมวกกันน็อคอย่างดีสีดำ แสดงให้เห็นว่าขับรถอะไรเข้ามาทำงาน มายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียและยกมือไหว้กานินซึ่งยืนทำเอกสารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ข้างแคชเชียร์ แล้วสนทนากันเบาๆ
“พี่โบๆ ดูนั่นดิ สงสัยจะเด็กพาร์ททามที่มาอีกคน”หลิวลู่พูดเบาๆพลางชี้ชวนโบรุ้งซึ่งกวาดพื้นอยู่ใกล้ๆให้ดูผู้มาใหม่ โบรุ้งจึงเงยหน้ามองตามที่รุ่นน้องบอก แต่ก็ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างถนัดตานักเพราะเขายังยืนหันหลังให้เธออยู่ จนกระทั่งกานินเดินออกจากแคชเชียร์และนำผู้มาใหม่เข้าไปทางหลังร้านหายไป
โบรุ้งไม่ได้เอ่ยอะไร ก้มหน้ากวาดพื้นต่อไปเพราะเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของตนแล้ว และยังมีอะไรหลายอย่างที่เธอยังต้องทำอีกด้วย
สักพัก โบรุ้งต้องลากถังน้ำถูพื้นเข้ามาเปลี่ยนน้ำที่หลังร้านก่อนจะไปถูอีกจุด ส่วนหลิวลู่ถูกกานินใช้ให้ไปเติมสินค้าส่งผลัด ในห้องน้ำหลังร้าน ร่างสูงโปร่งนั้นที่หลิวลู่สันนิษฐานว่าจะเป็นเด็กพาร์ททามอีกคน ยืนอยู่ในห้องน้ำซึ่งยังคนเปิดประตูไว้พลางส่องกระจกดูความเรียบร้อยของตัวเอง โบรุ้งเองก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อไปดูหน้าเพื่อนร่วมงานอีกคนอย่างใคร่รู้ แต่ก็แอบผิดหวังเพราะชายหนุ่มยังยืนบังเงาตัวเองอยู่ เธอจึงถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะยกถังน้ำขึ้นเทลงในอ่างสแตนเลสล้างอุปกรณ์แล้วคว้าสายฝักบัวล้างอุปกรณ์ซึ่งแขวนอยู่ใกล้ๆกดฉีดหมายใจจะล้างถัง
แต่เหมือนเจ้าที่จะกลั่นแกล้ง วาวน้ำเกิดหลุดเพราะชำรุดอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว น้ำประปาที่ส่งมาด้วยแรงดันจึงไม่ได้มาตามทางท่อน้ำ แต่กลับพุ่งใส่เจ้าหล่อนเต็มๆจนเธอเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ว้าย!!!”
คนในห้องน้ำพอได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวก็รีบผลุดผลันออกมาด้วยความตกใจ คิดว่าคงมีใครเป็นอะไร ตั้งใจจะเข้ามาช่วย แต่ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มถึงกับเกือบหลุดก๊ากออกมา ภาพที่หญิงสาวในชุดพนักงานกำลังปลุกปล้ำรบราฆ่าฟันกับวาวน้ำที่ยังไม่ยอมหยุดไหลอย่างยิบตา ปากก็สบถโวยวายออกมาอย่างหงุดหงิด เพราะเธอทั้งเอาผ้ามาอุดมัดไว้ก็ไม่อยู่ จนพื้นบริเวณนั้นพลอยเปียกไปด้วย เมื่อเห็นแบบนั้น ถ้ายืนเฉยก็ไม่ใช่เรื่อง จึงต้องรีบเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวตั้งใจจะให้เธอถอยห่างเพื่อให้เขาจัดการกับปัญหาเอง
ดวงตาโตหันมาประสานกับดวงตาคมของชายหนุ่ม ทำให้ร่างสูงโปร่งถึงกับชะงัก หัวใจเหมือนหยุดเต้น ลืมไปเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ ถึงเม็ดน้ำจะกระจายผ่านหน้าทั้งเขาและเธอแต่ก็ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นมีลักษณะอย่างไร ริมฝีปากไม่หนาไม่บางจนเกินไป ดวงตาโตที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ผมทรงบ๊อบเทที่ตอนนี้เปียกโชกไปหมด
“จะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ เปียกกันไปหมดแล้ว” หญิงสาวโผล่งออกมาอย่างกังวล ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอตื่นจากภวังค์ รีบมองหาตัววาวน้ำแล้วจัดการติดตั้งใหม่โดยต้องสู้กับแรงดันน้ำที่แรงพอควร แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางหมด ทั้งสองจึงหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะพี่”โบรุ้งเอ่ยพลางยิ้มแหยๆ เพราะสภาพของเธอและเขาตอนนี้นั้นเปียกโชกราวกับเพิ่งฝ่าถนนข้าวสารในวันสงกรานต์มาหมาดๆ จะขาดก็แต่แป้งประบนใบหน้าแค่นั้นเอง
ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร โบรุ้งจึงเปิดประเด็นต่อ “พี่เป็นพาร์ททามที่จะมาทำกะดึกใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่เขาดูหน้าเด็กเหมือนนักศึกษาขนาดนั้นเลยหรือไง เธอถึงมองว่าเขาเป็นเด็กพาร์ททามไปได้ ถึงอย่างนั้นมันก็น่าภูมิใจจะตายที่ยังมีคนมองว่าเขาหน้ายังดูอ่อนเยาว์อยู่ เขาจึงพยักหน้ารับยิ้มๆ
“หนูก็ลืมไปค่ะว่าถึงจะอายุเท่าไร มาสมัครใหม่ก็เป็นพาร์ททามเหมือนกันหมด ต้องรอสามเดือนถึงจะได้เป็นประจำ ดูหน้าพี่ไม่เหมือนนักศึกษาเลย เหมือนคนทำงานมานานแล้วมากกว่า”โบรุ้งพูดตามความคิดพลางยิ้ม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหุบยิ้มทันทีพอได้ยินว่า หน้าดูไม่เหมือนนักศึกษา
“โทษทีน้องที่หน้าพี่ดูแก่ พี่นอนน้อยมาทั้งชีวิตแค่นั้นแหละ”คนเงียบฟังมานานเริ่มเปิดปากพูดอย่างนึกฉุน
“อ้าว พี่พูดได้ด้วยเหรอคะ”โบรุ้งเผลออุทานอย่างเหลือเชื่อ
“เซเว่นเขาไม่รับคนใบ้เข้าทำงานหรอกน้อง” ชายหนุ่มพูดอย่างนึกฉุน ทำให้คนถามยิ้มเก้อๆ แต่ในใจนั้นนึกฉุนคนตรงหน้าไม่แพ้กัน ปากจัดเหมือนกันนะผู้ชายคนนี้ เธอคิด
ชายหนุ่มซึ่งเสมองไปทางอื่นอยู่ กะว่าจะหันมาทำความรู้จักกับเธอดีๆ แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาทั้งตะลึงและอ้าปากตาค้าง เพราะความเปียกปอนของเสื้อพนักงานและเนื้อผ้าที่ไม่หนาพอ ทำให้รอยของบราเซียเผยให้เห็นซะจนชัดเจน โบรุ้งพอเห็นอาการของชายหนุ่มก็งุนงง แต่พอก้มมองตัวเองก็ถึงกับร้องกรี๊ด รีบเอามือปิดบังส่วนบนของร่างกาย พลางส่งสายตาที่เหมือนด่าได้ถึงบรรพบุรุษให้คนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปคว้าเสื้อแจ๊ตเกตของตนซึ่งแขวนอยู่ข้างห้องน้ำรวมกับคนอื่นมาคลุมร่างกายอย่างรวดเร็ว
“นี่พี่กะจะยืนอ่านกินหนูอีกนานไหมพี่”
ชายหนุ่มพอรู้ตัวว่าถูกด่าก็รีบตอบปัดทันทีอย่างเสียไม่ได้ “โถ่น้อง...คิดว่าน้องอึ๋มมากเลยหรือไง พี่มองไปนึกว่าใครเอาซาลาเปาโดนนั่งทับไปแปะไว้ซะอีก”
“จะมากไปแล้วนะพี่ นี่เห็นว่าช่วยซ่อมก๊อกหรอก ไม่งั้นพี่โดนหนูจิ้มตาแตกแน่ๆ”โบรุ้งขู่ทั้งยกสองนิ้วทำท่าจะจิ้มใส่เขา แต่กลับไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวแต่กลับรู้สึกตลกมากกว่า ได้แต่ส่ายหน้าอย่างนึกขำ ก่อนที่จะหันไปถามเธอที่ยังยืนอยู่ห่างจากเขา
“อ้าว...ก๊อกน้ำก็ซ่อมให้แล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะครับคุณหนู ประเดี๋ยวกระผมจะต้องออกไปทำราชการงานเมืองข้างนอกแล้วล่ะขอรับ”
น้ำเสียงแดกดันของชายหนุ่มยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดไม่หาย ก่อนที่จะเดินเท้าหนักกุมเสื้อตัวเองกลับมาที่อ่างล้างอุปกรณ์เพื่อเอาน้ำไปถูพื้นต่อ ส่วนเขาก็เดินไปที่มุมแขวนเสื้อแทนเธอแล้วค่อยๆจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกโดยไม่สนว่าโบรุ้งยังคงยืนรองน้ำอยู่แถวนั้นและเห็นภาพที่เขาเปลือยท่อนบนพอดี
“เฮ้ย!! จะทำอะไรน่ะ ทำไมต้องถอดเสื้อด้วย”หญิงสาวโวยทั้งหันหนีพยายามไม่มองเพราะเธอไม่ชินกับภาพแบบนี้เท่าไรนัก
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างนึกเซ็งก่อนที่จะตอบ “ขอประทานโทษนะขอรับ กระผมต้องเข้ากะดึก ต้องอยู่แช่ในห้องแอร์อีกเกือบสิบชั่วโมง ใจคอจะให้กระผมใส่เสื้อเปียกๆทำงานทั้งคืนเลยหรือขอรับ โรคปอดบวมจะไม่รับประทานหรือยังไง”
“แต่ก็นั่นแหละ ยังไงพี่กานินเขาก็ไม่อนุญาตให้ถอดเสื้อทำงานหรอก”โบรุ้งท้วงติงอย่างเสียไม่ได้ โดยที่หน้าก็ยังไม่ยอมหันไปมองชายหนุ่มอยู่ดี
“โถ...คุณหนูขอรับ นอกจากจะแบนแล้วยังมิฉลาดอีกนะขอรับ”ชายหนุ่มแขวะ โดยไม่รู้ทำเอาเธอโกรธจนหน้าแดง “ใครจะไปถอดเสื้อทำงานทั้งคืนล่ะขอรับบบบบบบ”
เขาลากเสียงอย่างยียวนก่อนที่จะหยิบแจ๊ตเกตที่แขวนอยู่มาใส่แทนจนเรียบร้อย “หันมาได้แล้วขอรับ”
หญิงสาวค่อยๆหันไปตามคำเชิญ ก็พบว่าเขาแต่งกายมิดชิดเหมือนเดิม จะต่างก็แค่เขาเอาแจ๊ตเกตรูดซิบหน้าเรียบร้อยทำให้พอรอดไป
“แล้วไป...”เธอพ่นลมออกจากปาก “แต่เลิกเรียกหนูว่าคุณหนูคุณเหนอได้แล้ว เอียนหูจริงๆ”เธอพูดอย่างนึกฉุน ก่อนที่จะเข็นถังน้ำจะออกไปข้างนอกในสภาพที่ยังคงเปียกอยู่ แต่ชายหนุ่มก็เรียกเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนขอรับ รบกวนคุณหนูถูพื้นในนี้ก่อนนะขอรับ”
หญิงสาวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเดินกลับมาเอาไม้ถูพื้นมาถูๆบริเวณนั้นจนแห้งดี โดยมีชายหนุ่มยืนมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ห่างๆ ก่อนที่เธอจะเก็บไม้ถูแล้วเดินออกไป โดยที่ชายหนุ่มก็เดินตามเธอออกไปติดๆพลางอมยิ้มไม่เลิก
กานินและหลิวลู่ พอเห็นสภาพของทั้งสองคนก็แปลกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลิวลู่นั้นไวกว่าจึงชิงถาม
“อ้าว...พี่โบ ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะพี่”
โบรุ้งไม่ทันได้ตอบอะไร ก็มีฝีเท้าหนักๆของชายหนุ่มอีกคนในชุดพนักงานวิ่งเข้ามาในเซเว่น ตรงมาที่แคชเชีย ไม่นานก็วิ่งตาลีตาลานตรงมาหากานิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระหอบกระหืด
“พะ...พี่ครับ หวัดดี...คระ...ครับ ผมมานิช ที่จะมาทำพาร์ททามผลัดดึกครับ”
พาร์ททาม...โบรุ้งทวนสิ่งที่ได้ยินอยู่ในใจอย่างนึกฉงน แล้วนายคนนี้ที่ช่วยเธอปิดก๊อกน้ำล่ะ เขาก็เป็นพาร์ททามไม่ใช่หรือ...
“พี่นึกว่าน้องจะไม่มาซะแล้ว คราวหลังอย่ามาเกินสี่ทุ่มครึ่งนะ คราวนี้พี่จะให้อภัย...ต่วน...เอาแฟ้มลงเงินเข้างานมาลงเงินให้น้องซะ”ประโยคหลังกานินหันมาสั่งชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังโบรุ้ง ทำให้โบรุ้งต้องหันมองตามพร้อมกับส่งสายตาไปถามว่า ตกลงนายเป็นใครกันแน่!!
“น้องๆ... นี่ต่วน เป็นผู้ช่วยของร้านนี้ แล้วก็คุมผลัดดึก รู้จักกันไว้นะ”
ทั้งหลิวลู่และมานิชยกมือไหว้บุคคลที่ถูกเอ่ยถึง เว้นแต่โบรุ้งซึ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกนั้นได้แต่หันมามองอย่างนิ่งอึ้ง นี่คนที่เธอต่อปากต่อคำไปแหมบๆ คือผู้ช่วยผู้จัดการอีกคนหรือนี่!!
อย่าลืมเม้นๆๆๆ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ