Two blood สายเลือดลูกครึ่งราชัน
เขียนโดย frostfrozelหมึกลมหนาว
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 00.43 น.
2) รุ่งเช้าแรกสู่ความเปลี่ยนแปลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ย๊ากก!!” เด็กน้อยผมดำคนหนึ่งร้องลั่นขณะที่ใช้ดาบไม้ในมือฟาดใส่คนเบื้องหน้าของขา
ชายวัยกลางคนที่ยืนตรงข้ามเขาหลบการโจมตีเขาอย่างง่ายดายเพียงเอี้ยวตัวเท่านั้น ส่วนเด็กหนุ่มตัวน้อยยังคงไล่ฟาดฟันต่อไปไม่ลดละ
“แฮ่กๆ” เด็กหนุ่มหอบเสียงดังอย่างเหนื่อยล้าและปักดาบไม้ลงยังพื้นไม้ด้านล่างเพื่อค้ำกายที่แรงแทบไม่เหลือ
“นี่หนะเหรอ การโจมตี…… ไม่มีความมุ่งมั่น ไม่หนักแน่น แถมยังมั่วซั่วยังกับพวกสวะ แบบนี้มันจะสู้ใครได้ อย่าว่าแต่สู้เลยแค่สร้างบาดแผลก็ยังทำไม่ได้” ชายเบื้องหน้าเด็กตัวน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด และฟาดดาบไปที่ร่างของ เด็กชายอย่างรุนแรง จนเขาร้องดังลั่น
“ทำไมต้องแข็งแกร่งด้วย ข้าไม่ได้อยากสู้กับใครสักหน่อย” เสียงเด็กหนุ่มดังแผ่วเบาจากใบหน้าและร่างกายที่บอบช้ำ
“ว่ายังไงนะ! ไม่อยากสู้งั้นเหรอ เจ้าไม่มีทางเปลี่ยนชตาที่ถูกกำหนดมาเนิ่นนานได้หรอก แม้แต่พ่อของแกก็ยังมิอาจทำ” ชายเบื้องหน้าเขากล่าวขึ้นด้วยเสียงกร้าวแต่ลงท้ายแผ่วเบาและหันหน้าหนีราวกับเขากำลังคิดเรื่องเศร้าอยู่ในใจ
“หากเจ้าไม่ยอมรับมัน คนที่อยู่รอบกายเจ้านั่นแหละที่จะเดือดร้อน” ชายคนเดิมกล่าวด้วยแววตาที่จริงจังและกดดันเด็กน้อยที่ยืนกำดาบไม้แน่นพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
“ย๊ากก!!”
----------------------------------------------------
แปดปีต่อมา…..
ยามค่ำคืนขณะที่แสงจันทราโปรยส่องแผ่วเบาไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางความเงียบสงัดกำลังจะถูกรบกวนด้วยการต่อสู้ที่จะตัดสินชตาของสองตระกูลใหญ่
“ได้เวลาแล้วสินะ ” เสียงชายหนุ่มผมดำตัดสั้นในชุดอำพรางนินจาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาคมกริบพร้อมกับตั้งดาบสั้นไว้เตรียมต่อสู้
“ใช่…ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะของพวกเราแล้ว สงครามที่ยาวนานกว่ายี่สิบปีจะต้องจบลงในคืนนี้” ชายร่างใหญ่ฝั่งตรงข้ามชักดาบซามูไรยาวออกจากฝักพร้อมตั้งท่าเตรียมต่อสู้
ทั้งสองยืนจ้องตากันอย่างเชือดเฉือนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรังศีแห่งการฆ่าฟันเสียงลมพัดเบาๆผ่านไปทันทีที่ใบไม้ร่วงหล่นจนถึงผิวน้ำเกิดเสียงเพียงเล็กน้อย ร่างของทั้งสองก็พุ่งตรงเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
“พรึ่บ! อ๊า!! พี่ฟรอสท์ปิดทีวีทำไมเนี่ย!!”หญิงสาวคนหนึ่งผมสีทองปล่อยยาว ดวงตากลมโตนัยตาสีแดงสวยสด ส่งเสียงดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เลิกดูหนังแบบนี้สักทีเถอะน่าเฟิร์ส พี่ดูหนังพวกนี้ทีไรท้องมันปั่นป่วนทุกที” ชายหนุ่มผมดำกล่าวขึ้นทำหน้าเหมือนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร
“งั้นพี่ชายก็ไปนอนก่อนสิเนอะ” หญิงสาวหันมายิ้มพร้อมกับยื่นมือกระดิกขอรีโมท ทีวีจากฟรอสท์ที่นั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
เขามองน้องสาวอยู่สักครู่ก่อนจะยื่นรีโมทในมือให้ไป “งั้นก็อย่านอนดึกมากหละ นี่ก็สามทุ่มแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนสาย พี่ขี้เกียจเข้าไปปลุกถึงข้างในห้องเรียกข้างนอกก็ไม่ยอมตื่นด้วยสิ หลับลึกสุดๆ”
หญิงสาวยิ้มเขินๆแล้วก็ตอบปากรับคำ ฟรอสท์ก็เดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อไปยังห้องนอนของตนส่วนเฟิร์สก็ยังคงนังดูหนังของเธอต่อไป
ทั้งสองคนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันซึ่งอายุต่างกันเพียงปีนิดๆเท่านั้น ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองขนาดเล็กด้วยการอุปถัมภ์ของญาติห่างๆของแม่ หรือเรียกว่าน้าก็ได้คงไม่ผิดอะไร แต่ช่วงหลังๆนี้น้าพวกเขาไม่ค่อยได้กลับบ้านซักเท่าไรเนื่องจากเขาทำงานอยู่ต่างจังหวัดแต่ยังคงเหลือบ้านพักที่นี่อยู่จึงให้ทั้งสองอาศัยและส่งเงินค่าใช้จ่ายต่างๆมาเป็นระยะ พวกเขาถือว่ามีฐานะพอสมควรเลยทีเดียว
คำถามที่ว่าทำไมทั้งสองถึงต้องมาอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวนั่นก็คือ พ่อและแม่ของพวกเขาได้หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาราวสิบปีที่แล้วตำรวจไม่อาจสรุปและปิดคดีได้เพียงลงแค่ว่าเป็นบุคคลสูญหายเท่านั้น สิ่งนั้นยังคงคาใจทั้งสองอยู่ตลอด แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะ แต่บนใบหน้าของพวกเขาที่แสดงออกต่อคนอื่นก็ไม่มีเค้าโครงของคนที่มีประวัติอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“เฟิร์ส….เฟิร์ส!.....เฟิร์ส!!” เสียงเรียกของฟรอสท์ดังขึ้นข้างๆหญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่พร้อมกับใช้มือเขย่าร่างเธอเบาๆ
หญิงสาวงัวเงียค่อยๆขยี้ตาด้วยแขนเสื้อที่ยาวเกินแขนของเธอนิดหน่อย “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ฟรอสท์ขอโทษที่ต้องให้มาปลุกถึงในห้องอีกแล้ว”
“ - - นี่เธอยังไม่ตื่นดีใช่ไหมนี่มันห้องรับแขกต่างหาก แสดงว่าเมื่อคืนนอนดึกมากสินี่ ทีวียังเปิดไว้อยู่เลย ให้ตายสิ….. ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไปเดี๋ยวพี่จะทำขนมปังให้”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆแล้วก็เดินตรงไปยังห้องน้ำทั้งๆที่ยังตื่นไม่เต็มที่ ฟรอสท์มองตามไปพร้อมกับส่ายหน้าแสดงอาการเหนื่อยใจเล็กน้อย
“อ้า….อิ่มจังเลย พี่ฟรอสท์ ขนมปังของพี่นี่อร่อยจริงๆเลย แต่วันหลังอยากเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างจัง” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มหันไปทางฟรอสท์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“- - เหอะๆ ไม่ต้องมาทำพูดดี ที่เราต้องมาทานขนมแบบกันบ่อยๆก็เพราะเธอตื่นสายไม่ใช่หรือยังไง” ฟรอสท์กล่าวตอบฉับพลัน
หญิงสาวเมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆและกล่าวต่อไป “ขอโทษทีนะพี่ฟรอสท์ ไว้วันหลังจะทำข้าวอร่อยๆให้ทานเป็นมื้อเช้าเอง”
“เธอพูดแบบนี้มากี่รอบแล้วหละเนี่ย”
“อึก!.....”
“ปึ้ง! แกร๊กๆ” เสียงประตูหน้าบ้านปิดและลงกลอนประตูเรียบร้อย ฟรอสท์เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าสีดำติดหลังและเดินไปโรงเรียนพร้อมน้องสาว
ในแยกใกล้ๆมีเงาดำตะคุ่มๆซุ่มอยู่แววตามองจ้องไปที่ฟรอสท์และเฟิร์สตาไม่กระพริบ “เจอแล้ว….ตามที่ท่านพี่บอกมาก็คือที่นี้ งั้นก็….คงจะเป็นหมอนั่น ต้องรีบจัดการก่อนที่ท่านพี่จะมาถึง”
เพียงชั่วพริบตาที่เสียงพึมพำหายไปร่างที่ซุ่มมองก็สลายหายไปพร้อมกับไปราวกับลมที่พัดผ่านไป
สองพี่น้องเดินไปตามทางเพื่อที่จะไปโรงเรียนเหมือนอย่างเคย และหยุดตรงป้ายรถเพื่อรอรถประจำทางเข้าไปในเมืองที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านของเขาที่อยู่บริเวณรอบนอก
“พี่ฟรอสท์ วันนี้ตอนเย็นหนูมีกิจกรรมที่ชมรมนะ กลับมาก่อนเลยก็ได้เห็นว่าต้องฝึกซ้อมหนักขึ้นเพราะใกล้จะถึงวันข่างขันเข้ามาทุกที” หญิงสาวกล่าวระหว่างที่ยืนรอรถมารับ
ฟรอสท์พยักหน้าเข้าใจ “อ่อเกือบลืมไปวันนี้พี่เองก็กลับช้ากะจะบอกให้กลับก่อนพอดี วันนี้พี่มีเรื่องต้องไปทำที่ห้องสมุดกับดาร์ฟหน่อย”
หญิงสาวหันหน้าควับมามองฟรอสท์ด้วยสายตาแข็งกร้าว “พี่จะไปทำบ้าอะไรกับไอโรคจิตนั่นอีก!! คราวก่อนพวกพี่แทบจะเผาโรงเรียนเพราะแค่หาเชื้อเพลิงไปใช้ในการทดลองของหมอนั่นแล้วนะ”
“น่า….น่า…. ก็แค่เกือบจริงไหม ถ้าไหม้ป่านนี้เราก็คงได้เรียนโรงเรียนใหม่กันไปแล้ว”
“พูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆเลยนะพี่ ถ้าไหม้จริงๆหนูว่าพี่ได้ไปรับใบจบในคุกมากกว่า - - ”
ทั้งสองนั่งรถจากป้ายไปยังโรงเรียนโดยใช้เวลาราวๆ 25 นาที
ทุกคนในรถค่อยๆทยอยลงจากรถเรื่อยๆ ฟรอสท์และเฟิร์สก็เดินติดหลังปิดท้ายไปติด แต่ก่อนที่เขาจะออกเขาหันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งฟุบตัวหลับอยู่บนเก้าอี้นั่งในรถ
“นั่นมันเข็มกลัดของโรงเรียนเรานี่” ฟรอสท์มองแล้วก็เดินตรงเข้าไปหา
ฟรอสเขย่าตัวหญิงสาวผมสีเงินสะดุดตามัดแกละซ้ายขวา “คุณ..คุณครับ คุณ….
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาวที่นั่งอยู่
“นี่พวกเธอรีบลงกันได้แล้วรถฉันวิ่งทำเวลานะ” คนขับรถเห็นทังสองคนเดินกลับไปข้างหลังจึงตะโกนไปข้างหลังด้วยอารมณ์บูดนิดๆ
“พี่ฟรอสท์รีบไปเถอะ ถ้ามัวอยู่แบบนี้พวกเราก็จะสายเหมือนกันนะ” เฟิร์สพูดพร้อมกับดึงแขนของฟรอสท์เบาๆ
ฟรอสท์มองหญิงสาวที่ก้มหน้าอยู่อย่างหมดหวังที่จะปลุก เขาถอนหายใจและค่อยๆขยับมือออกจากหลังของเธอ ในจังหวะนั้นเองมือของเขาก็ไปขูดกับเหล็กแหลมๆเล็กๆของที่นั่งด้านหน้าซึ่งทำให้เกิดแผลถลอกเล็กน้อยและมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย
“โอยย…เหล็กแหลมเหรอเนี่ยอันตรายชะมัดเลย” ฟรอสท์ร้องขึ้นเบาๆและยกแขนของตนขึ้นมาดู
“เป็นอะไรเหรอพี่ฟรอสท์” เฟิร์สกล่าวถามเมื่อเห็นทีท่าของฟรอสท์
“ไม่เป็นไรหรอกแค่โดนเหล็กนี่ข่วนเอาเป็นรอยแผลเล็กๆหนะ”
“ฟึด ฟัด ฟึด ฟัด” เสียงสูดหายใจดังเบาๆจากจมูกหญิงสาวที่หลับไหลเบื้องหน้าเขา
“แผลเลือดออกแบบนี้มันไม่น้อยนะพี่ มานี่ไปห้องพยาบาลก่อนเลยไม่ต้องไปเข้าแถวแล้ว”
หญิงสาวมัดแกละค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงของเฟิร์สเธอค่อยๆลืมตามองไปยังฟรอสท์และเฟิร์สที่ยืนมองเธออยู่เช่นกัน
“เลือด…..” หญิงสาวผมสีเงินนัยน์ตาสีแดงสดกล่าวขึ้นเบาๆ ก่อนจะกระโจนตัวเข้าหาฟรอสท์สุดกำลัง “หม่ำหล่ะค่า!!”
“ปั่ก! อั่ก…!!” ทันทีที่หญิงสาวผมแกละพุ่งตัวเข้าหาฟรอสท์ เฟิร์สที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ใช้กระเป๋าในมือฟาดขวาตรงเข้าหน้าของหญิงสาวคนนั้น จนสลบไปอย่างหมดสภาพ
“เห้ย! นี่เธอทำอะไรของเธอเนี่ยฟาดเขาซะสลบเลยแบบนี้ได้ยังไง” ฟรอสท์กล่าวอย่างตกใจ
“แฮ่ แฮ่โทษทีค่ะมือมันไปเอง”
‘คิดผิดหรือเปล่านะที่ปล่อยให้เธอเขาชมรมฟันดาบ - - หวังว่าเราคงจะไม่โดนแบบนี้นะ'
ณ หน้าห้องพยาบาล
“- - ตอนแรกแค่ว่าจะมาทำแผล แต่นี่ให้คนมาทำแผลอุ้มคนสลบมารักษาอีกที นี่มันยังไงกันแน่นะ”
“สวัสดีค่ะคุณครู” เฟิร์สเปิดประตูเข้าไป พร้อมกับกล่าวทักทาย
“วันนี้เป็นอะไรมาอีกหละ หือ?” ครูพยาบาลพูดขึ้นถามเหมือนกับจะคุ้นเคยกับเฟิร์สมาก เธอเหลือบมองไปเห็นฟรอสท์ที่กำลังแบกหญิงสาวผมสีเงินซึ่งกำลังสลบอยู่บนหลังของเขา “คราวนี้ไม่ใช่เธอสินะ เอาหละเอาเข้ามานอนตรงนี้ก่อนแล้วกัน”
ฟรอสท์ออกอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัดและค่อยๆหันไปมองหญิงสาวที่กำลังหลับอยู่อย่างสงบ
‘ยัยนี่ตัวนิดเดียวทำไมถึงได้หนักขนาดนี้กันนะ เล่นทำเอาหอบเลย’
ฝากเนื้อฝากตัว ฝากวิจารณ์ ด้วยนะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ