The Kid , No kid.
9.7
11) บทที่11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เสียงทุบประตูที่ดังรัวๆเหมือนมีคนยิงปืนกลปลุกคาโอริขึ้นมา มันอะไรกันนะ เมื่อคืนทดลองมากไปหน่อยจนแทบไม่ได้หลับ ยังต้องตื่นเวลาเช้าตรู่อีก ปกติแล้วคาโอรุจะไม่ค่อยมายุ่งย่ามกับห้องทดลองของเธอ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรระเบิดขึ้นมากระทันหันไหม งั้นเจ้ามือปืน เอ๊ย มือเคาะนี่ต้องเจ้าหนูผมแดงแน่นอน เด็กสาวนึกถึงคำด่ากราดแล้วรู้สึกว่าไม่สะใจ สู้เอาปืนยิงเลยไม่ได้ อันนั้นสะใจกว่าเยอะ
เธอโผล่หน้าง่วงๆออกมาแล้วหาววอด "มีอะไร เจ้าเด็ก...เซโตะ? เอ๊ะ นี่ไปเปลี่ยนสีผมเหรอ ไม่สิ เปลี่ยนไป...ทั้งหน้าเลย"
เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้สีผมสีแดงเข้มเหมือนเซโตะ ใบหน้าคุ้นๆทำให้คาโอริอดพินิจดูไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กผมแดงนั่นเอาเด็กโรงเรียนอนุบาลมาปาร์ตี้ที่บ้านแล้วหลงทางจนมาเคาะซนล่ะก็ นี่ต้องพี่ชายเธอแน่นอน มีไม่กี่คนที่รู้จักทางมาห้องนี้หรอกนะ แถมเอกลักษณ์คือดวงตาสีดำสดใสนั่น ไม่ว่าใครก็ลืมไม่ลงหรอก เธอเจอพี่ชายมาตลอดหลายปี แม้จะไม่ค่อยได้เจอใบหน้าแบบนี้อยู่นาน แต่หากเทียบอัลบั้มรูปแล้วมันต้องเหมือนแน่ๆ
ยังไม่ทันที่คาโอริจะได้สอบถามข้อสงสัย เด็กน้อยนัยย์ตาราตรีคนนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน
"ฉันกลายเป็นเด็กไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันควรทำไงต่อดีล่ะ หรือว่าพวกอัลลิวีนหาญกล้าเอาฉันไปทดลองพึลึกพิลั่น!? ไม่นะ โทรหาพวกนั้นเดี๋ยวนี้เลย แย่แน่แล้ว คาโอริ อ๊าก.... ฯลฯ"
เด็กสาวจับตัวพี่ชายที่มีร่างกายอ่อนเยาว์กว่าเธอสิบเท่าให้อยู่นิ่งๆ ให้เขาค่อยๆเล่าเหตุการณ์มาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ช่วงทานมื้อเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยนี่นา ไม่สิ จะว่าไปตอนมื้อเย็นคาโอรุก็แปลกๆชอบกล เหมือนจะเตี้ยลงเล็กน้อยนะ ตอนนั้นเธอนึกว่าคงคิดมากไปเอง แต่พอเจอแบบนี้ มั่นใจได้เลยว่าคงไม่คิดไปเองแล้ว
คาโอรุสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติตามคำแนะนำของน้องสาวแล้วคิดทบทวน เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนะ รู้สึกว่าจะเป็นการเถียงตามปกติกับเซโตะ การไม่ยอมให้เด็กน้อยผมแดงคนนั้นลอกการบ้าน แล้วก็การเล่นเกมส์ด้วยกัน ไม่นะ แค่เล่นเกมส์ด้วยกันก็ตัวเล็กแล้วเหรอ!
"จะเป็นไปได้ไง เล่าใหม่สิ มันอาจมีผลพวงจากตอนกลางวันก็ได้ คิดเข้าสิ"
คาโอรุนึกย้อนไปตั้งแต่ช่วงเช้า จู่ๆเซโตะก็ประกาศว่าเขารู้วิธีคืนร่างเดิม จากนั้นก็นัดเขาไปเจอที่ดาดฟ้าตอนมื้อเที่ยงเพราะอยากสร้างบรรยากาศอะไรก็ไม่รู้ หลังจากนั้นก็โดนสารภาพรัก แล้วก็โดน...จูบ? ต้องเป็นเรื่องนี้แน่เลย เด็กน้อยนัยย์ตาสีนิลพร่ำรำพันไม่เลิก โดยมีเซโตะซึ่งสวมชุดจากมือถือของเล่นตามหลังมาด้วยความตกใจ ไม่ตกใจได้ไง เขากลายเป็นผู้ใหญ่ตามเดิมก็ดีแล้ว แต่ทำไมคาโอรุจึงจะเป็นฝ่ายตัวเล็กลงล่ะ
เด็กสาวผมแดงบอกพี่ชายให้ใจเย็นๆแล้วแหงนหน้ามองเวลา อีกแป๊ปเดียวก็จะโรงเรียนเข้า นี่สิเรื่องใหญ่ของแท้ ถ้ายังพอหาทางแก้กันได้ แต่เรื่องจะไปโรงเรียนทั้งที่ยังเป็นเด็กมันจะทำได้ไงกัน
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันคุยให้ อาจารย์คาโอริเข้าใจเรื่องนี้ ฉันเองก็ไปเรียนตามปกตินะ ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง นี่เธอเพิ่งรู้งั้นเหรอ!"
เด็กสาวผมแดงสารภาพเสียงอ่อยว่าตนเองคิดว่าเซโตะไปโรงเรียนเด็กมาโดยตลอด ช่วยไม่ได้นี่นา คนที่ยุ่งแต่การทดลองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างคาโอริจะไปรู้และใส่ใจรายละเอียดคนอื่นได้ไงกัน ต่อให้ในบ้านจะจัดปาร์ตี้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี เธออาจจะยังไม่ได้รู้เรื่องก็เป็นได้
"เพราะนายคนเดียว" คาโอรุพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันเบาหวิวจนเด็กหนุ่มผมแดงต้องย่อตัวลงมาฟัง "ถ้านายไม่คิดวิธีบ้าๆนั่นล่ะก็... ฉันคงไม่กลายเป็นเด็กหรอก!"
เด็กน้อยนัยย์ตานิลเขย่าคอเสื้อคู่กรณีไปมาจนเวียนหัวแทบอาเจียน คาโอริรีบยกตัวพี่ชายขึ้นก่อนจะทำการฆาตรกรรมคนอื่นด้วยวิธีการสุดพิลึกพิลั่น เซโตะลุกขึ้นยืนอย่างเซๆ ตัวก็เด็กแท้ๆทำไมแรงเยอะแบบนี้เนี่ย! น้องสาวของเด็กน้อยตัวดียักไหล่ อธิบายว่าพี่ชายเธอเป็นคนมีแรงเยอะผิดรูปร่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"เอาเถอะ จะเด็กจะผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก็ไม่สำคัญ ตอนนี้กองทัพเดินด้วยท้องนะ"
เธอเดินฉับๆไปที่ห้องครัวด้วยใบหน้าอันมุ่งมั่นแรงกล้า โดยไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรไปกับพี่ชายสักนิด ว่าไงดีล่ะ ก็มีคนกลายเป็นเด็กไปแล้วคนหนึ่ง ตอนนี้ก็แค่สลับกัน เดี๋ยวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ถ้าไม่กลายเป็นเด็กทั้งคู่ก็กลับสู่สภาพเดิมได้เอง อีกอย่าง คนที่โตขึ้นมาแบบไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขาเท่าไหร่อย่างคาโอริ เรื่องแบบนี้มันปกติออกนี่นะ คาโอริเคยเจอเพื่อนเกือบจะถูกทำให้กลายเป็นเอเลี่ยนด้วยฝีมือขององค์กรอัลลิวีนด้วยซ้ำ ยังดีที่ไปช่วยทัน
เซโตะยืนมองคนที่นั่งกอดเข่าเศร้าสร้อยอยู่กับพื้นอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้ายกตัวขึ้นมาโยกปลอบแบบที่เห็นในทีวีมันก็ตลกแย่น่ะสิ อีกอย่าง ครั้งหนึ่งในร่างเด็กตอนที่กลายเป็นเด็กใหม่ๆ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่คาโอรุจะรู้ความจริง เขาเคยถูกปลอบแบบนั้นเหมือนกัน มันน่าอายออก เอ่อ ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยก็เถอะ แต่ให้ทำท่าน่าอายแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจนั่งลงข้างๆอย่างเงียบๆ ถ้าหากคาโอรุอยากให้เขาปลอบอยู่ล่ะก็ ต้องขอโทษทีที่ทำให้ผิดหวัง เขาซึ่งโตขึ้นมาด้วยกำปั้นกับวิถีแห่งการต่อสู้และความโดดเดี่ยว จะทำเรื่องอย่างการปลอบใจเป็นได้ยังไง แต่ถ้าต้องการแค่คนนั่งข้างๆล่ะก็ อันนี้ของกล้วยๆ และเขาว่ามันก็ไม่เลวนักหรอก ในเวลาที่รู้สึกแย่แต่มีคนนั่งอยู่ข้างกาย แม้จะไม่ได้พูดปลอบแต่ก็สัมผัสได้ว่าเรามีใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับเราน่ะ
แต่นี่...มันนานไปหรือเปล่า? เซโตะมองคนที่นั่งกอดเข่าเหม่ออยู่นานสองนานอย่างเป็นห่วง ทว่า ทันทีที่แตะตัว คาโอรุจับข้อมือเขาบิดทันที แน่นอนว่าตอนนี้เเซโตะไม่ใช่เด็กน้อย และต่อให้อีกฝ่ายแรงเยอะแค่ไหน คาโอรุก็ถูกจำกัดกำลังเอาไว้เพระขนาดของตัว
"เป็น...เป็นอะไรไปน่ะ โกรธกันมากเลยรึไง ฉันไม่ได้อยากจะให้นายกลายเป็นเด็กสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุนะ!"
ดูจากสายตาอันเฉยเมยของคาโอรุแล้ว รับรองได้ว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้หลุดเข้าไปในสมองแน่ๆ ความรู้สึกตอนที่จ้องตาแบบนี้มันช่างคุ้นเคยในความรู้สึก แต่ไม่ต้องใช้เวลานาน เซโตะก็นึกออกว่ามันเป็นตอนที่เขาไปจุดสวิสช์อาละวาดของคาโอรุครั้งแรก ตอนนั้นคาโอริทำยังไงนะ? ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นการฟาดต้นคอให้สลบสินะ เด้กหนุ่มผมแดงตัดสินใจวิ่งไปหาเด็กสาวในครัวแทน เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังขนาดไหนเหมาะกับเด็กนะ!
คาโอริเปิดประตูห้องครัวออกมาอย่างนึกรู้ แล้วใช้ฝ่ามือพิฆาตทำพี่ชายร่างเด็กน้อยของตนเองสลบไปทันที แน่นอนว่าด้วยแรงที่พอเหมาะพร้อมกำชับวิธีการยั้งมือที่ถูกต้องให้ฟัง
เซโตะเงียบไปสักพักแล้วได้ยินเสียงเหมือนเครื่องครัวที่กำลังสั่นรัว เด็กสาวเหลือบมองเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่ลืมกดล็อกเพื่อกันคนนอกเข้ามาเห็นสภาพภายใน ไม่ช้า อาหารที่หน้าตาน่ากินก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟ
การทำอาหารนานๆทีครั้งจะปล่อยให้พี่ชายพลาดได้ไง คาโอริบัญชาการให้เด็กหนุ่มผมแดงปลุกอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้ ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเซโตะ ถ้าปล่อยให้คาโอรุหลับไปก่อน ให้จิตใจได้พักจะดีกว่าไหม ถ้าตื่นขึ้นมาในสภาพตัวเล็กๆแบบนี้คงได้เข้าโหมดอาละวาดอีกรอบ
"วางใจเถอะน่า เขาไม่ฟื้นขึ้นมาไล่ฆ่านายหรอก" เด็กสาวกล่าวขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจ แต่ก็เสริมลงไปนิดหน่อย "หมายถึงว่าฉันยังไม่เคยเจอกรณีอย่างนั้นน่ะนะ แต่ถ้านายเป็นคนแรกก็ช่วยไม่ได้ล่ะ"
เด็กหนุ่มแทบจะหยุดมือที่กำลังปลุกทันที เอาเถอะ ถ้าคาโอรุตื่นขึ้นมาอะละวาดจริงๆ เขาคงจะยอมโดนหมัดเล็กๆรัวใส่ให้หนำใจ เอาให้อารมณ์หายโกรธจริงๆไปเลยก็ได้ ไหนๆคนผิดก็คือเขานี่นะ ดันไปคิดวิธีพิเรนท์ขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าแค่จุมพิตมันจะสร้างเรื่องราวได้ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้ารู้เขาคงจะไม่ทำ...มั้ง?
แต่เป็นโชคดีของเซโตะที่เด็กน้อยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปกติ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยคือการซึมอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเขี่ยอาหารในจานไปมาไม่ยอมกินสักคำ แม้ว่าคาโอริจะบังคับให้รีบชิมเพราะนานๆทีจะลงมือทำครัวเองก็ตาม
"กินหน่อยสิ" เซโตะคว้าช้อนในมือของเด็กน้อยมาตักป้อนเอง "อาหารน่ากินทั้งนั้นเลยนะ"
ไม่ทันขาดคิด เด็กหนุ่มถูกบิดข้อมือจนร้องลั่น ปลายช้อนหันไปทางตัวคนป้อน เด็กน้อยออกแรงไม่มากก็สามารถทำให้คนที่ต้องการให้เขา 'กินสักคำ' ได้ลอง 'ชิมอาหารที่น่าอร่อย' สีหน้าของเซโตะเปลี่ยนทันที เขาสำลักแล้วพยามกลืนมันลงคออย่างยากเย็น เป็นห่วงกะเพาะที่ต้องรับอาหารนั้นต่อ
เขาสบตากับคาโอรุ หากถามจากความรู้สึกล่ะก็ สาเหตุที่ไม่ยอมกินคงไม่ใช่แค่ซึมจากการกลายร่างเป็นเด็กซะแล้ว นี่มันอาหารอะไรกัน หน้าตาก็น่ากินท่าทางก็ปกติ แต่รสชาติของมันสามารถฆ่าคนได้เลยนะ หรือว่ามันไม่ใช่อาหาร แต่เป็นอาวุธอย่างหนึ่งหรือเปล่า นั่นสิ คาโอริเป็นนักพัฒนาอาวุธตัวยงนี่!
เด็กสาวออกอาการไม่พอใจเมื่อไม่มีใครแตะอาหารของเธออีก ทั้งที่แต่ละอย่างก็น่ารับประทานทั้งนั้น เธอตักชิมแต่ละอย่างก็ 'ปกติ' ทั้งนั้นเลยนี่ ไม่เห็นมีอะไรที่กินแล้วไม่อร่อยสักหน่อย!
"ฉันยังไม่หิว ขอตัวนะ"
เซโตะมองคาโอรุที่ใช้วิชามาร แกล้งทำเป็นซึมเดินไปโรงเรียนแล้วอ้าปากค้าง ในสมองคิดวุ่นวายไปหมด ต่อให้มีคนต่อยเขาสักสิบครั้ง เขาก็ไม่มีวันลิ้มลองเจ้าอาวุธชีวภาพที่มีภายนอกสวยงามดั่งอาหารทิพย์หรอก
สุดท้าย ในเมื่ออีกคนใช้วิชามารแกล้งซึมได้ ทำไมเขาจะใช้วิชามารแกล้งเป็นห่วงคนซึมไม่ได้ สีหน้าของคาโอริ
ดูเหมือนจะเดือดจัดที่เห็นทั้งโต๊ะมีเธอกินอยู่คนเดียว
ปั๊ดโธ่เอ๊ย! แล้วฉันทำไม่อร่อยตรงไหนกันยะ!
“นึกว่านายซึมจนกินไม่ลงซะอีก” เซโตะแหย่ระหว่างทาง “เฮ้อ งั้นฉันก็ซึมจนกินไม่ลงด้วยแล้วกัน น้องสาวนายนี่มีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นรึไง? รสชาติจัดแบบนั้นใครจะไปกินลง”
คาโอรุอดแก้ให้น้องสาวไม่ได้ “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่เพราะคาโอริเคยคิดโปรแกรมฝึกทักษะด้านร่างกายด้วยการอยู่ในป่า ซึ่งสถานที่แบบนั้นแทบจะกินของ ‘ที่มีรสชาติ’ ไม่ได้เลย รู้สึกว่าจะไปฝึกนานพอสมควร พอกลับมาก็ติดนิสัยกินรสชาติแบบนั้นไปเลย”
เซโตะนึกถึงสภาพของเด็กสาวผมแดงแล้วอดคล้อยตามเหตุผลนั้นไม่ได้ มันก็จริงที่ว่าในป่าไม่ค่อยได้กินของที่มีรสชาติอร่อยมากมายนัก แต่ไม่ถึงขั้นต้องบ้ารสจัดไปเลยสักหน่อย ในข้อนี้ต้องเตือนบ้างซะแล้ว ตามหลักโภชนาการคนเราไม่ควรกินอะไรที่จัดจ้านมากเกินไป เพราะมันจะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกายในภายภาคหน้า
แต่พูดก็พูดเถอะ คาโอรุทำใจยอมรับได้ไวดีเหมือนกัน หลังอาการสวิทช์ก็สดใสขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าคงจะนั่งร้องไห้ตัวโยนเพราะทำใจกับสภาพร่างกายที่กลายเป็นเด็กไม่ได้ซะอีก ไม่นึกว่าจะโต้ตอบด้วยอาการปกติสุขขนาดนี้ ในข้อนั้น ผู้ถูกถามตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก ว่าแต่เซโตะ นายยังรักฉันอยู่ไหม”
เด็กหนุ่มนิ่งงันไปเมื่อถูกถามแบบนี้ แต่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้กันนะ! คาโอรุมองอาการของเขาแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ “งั้นนายก็ต้องอยาก ‘จุมพิต’ ฉันน่ะสิ?”
ดวงตาของเซโตะเบิกกว้างก่อนจะส่ายหน้า เรื่องรักก็รักอยู่ แต่เรื่องจูบน่ะ ไม่ต้องบ่อยมากก็ได้ เห็นแบบนี้เขาก็เริ่มรู้คุณค่าของการกระทำสื่อรักแบบนี้แล้วนะ และในความรู้สึกของเขา ของบางอย่างไม่ต้องทำก็สื่อได้ว่ารัก เอ๊ะ แต่ถ้าคาโอรุถามเขาแบบนี้ก็แปลว่า...?
จุ๊บ...
คาโอรุสัมผัสปากกับเขาเบาๆแล้ววิ่งหนีหายไป โดยบทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดที่เซโตะอาจลืมไม่ลงไปอีกนาน
“ถ้าจูบกันแล้วสลับเล็กใหญ่ได้จริงๆล่ะก็ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”
ซึ่งก็เป็นคำพูดที่ทำเขาพูดไม่ออกอีกเช่นกัน และอีกฝ่ายก็ไม่ได้พบกับเขา แม้ว่าจะล่วงเลยมาถึงเวลานอนก็ตาม...
เป็นเช้าที่แสนจะสดชื่อของคาโอริ หลังจากที่ได้นอนหลับสบายทั้งคืนร่วมเตียงกับคาโอรุ พี่ชายของเธอยังไม่ตื่นก็ช่าง วันนี้เธอจะเป็นคนเตรียมมื้อเช้าเอง รับรองว่าทุกคนจะต้องอึ้งกับความอร่อย แต่ถ้ายังไม่อร่อยจริงๆเธอจะเติมส่วนผสมให้หนักลงไปอีก คราวนี้ต้องติดใจกันแน่นอน เด็กสาวลัลล้าไปทำครัวโดยไม่รับรู้ถึงสาเหตุอันแท้จริงที่ผู้คนไม่ยอมกินอาหารของตัวเอง
เสียงโวยวายของเซโตะดังลอดลงมาจากชั้นบนยังไม่ทำให้คาโอริอารมณ์เสียได้เลยด้วยซ้ำ ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องทะเลาะ ฉะนั้น เด็กสาวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องร้องโวยวายด้วย แต่ในใจก็สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าคงเป็นทะเลาะประจำวันกับคาโอรุแน่ๆ
และคาโอริก็คิดถูกเมื่อเซโตะลงบันไดมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่ยิ่งบึ้งขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเจออาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่บนโต๊ะอาหาร “นี่เธอปรุงอาวุธชีวภาพออกมาอีกแล้วเหรอ!”
“อาวุธชีวภาพอะไรยะ คราวนี้ปรับสูตรแล้ว ไม่แย่อย่างคราวก่อนแน่นอนย่ะ” เธอค้อนขวับแล้วจ้วงข้าวเช้ากินอย่างมีความสุข “เฮอะ ไม่กินจะเสียใจ อาหารของฉันอร่อยที่สุดในสามโลก ไม่แย่อย่างนายหรอก ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็น”
เซโตะเถียงทันทีว่าเขาทำอาหารเป็นแถมได้คะแนนเต็มด้วย ช่วยไม่ได้ที่คหกรรมดันเป็นวิชาที่มีอาจารย์ป้าสุดโหดพร้อมจะลงโทษพวกที่ไม่ตั้งใจทุกเวลานี่นา คาโอรุตัดสินใจเลือกขนมปังปิ้งที่หน้าตาน่ากินแต่แข็งโป๊กคู่กับแยม เพราะอย่างน้อยแยมก็เป็นสิ่งที่เขาทำแช่เย็นไว้ ทาแยมไปเยอะๆให้มันอ่อนนุ่มลดความแข็งแล้วกัน
ส่วนเซโตะนั้นเลือกกินเป็นนมสดกับไส้กรอกที่ทำด้วยกรรมวิธีพิลึกอะไรไม่รู้ ภายนอกก็ปกติดี แต่ชีสภายในไหม้หมดแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้เลย เด็กหนุ่มกัดมิ้อเช้าทีละคำๆด้วยความขมขื่นใจ “เธออาจมีฝีมือในการทำอาหารมากก็ได้นะเนี่ย”
“ชัวร์!” คาโอริยักคิ้วแล้วชี้ไปที่พี่ชาย “จริงสิ เมื่อคืนทะเลาะกันหนักหรือไง ปกติต่อให้หนักแค่ไหนก็ไม่เคยย้ายไปห้องฉันนะ”
พูดถึงเรื่องนี้เซโตะยังฉุนไม่หาย ถ้าคิดว่าเขาจะทำเป็นลืมแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายฮูลาฮูล่าอยู่คนเดียวล่ะก็ ผิดถนัด! เจ้านั่นมองข้ามความรักของเขาแล้วหลอกใช้ความรู้สึกกันไม่ใช่หรือไง หากแต่คาโอรุดูเหมือนจะโกรธกว่า เขาชี้ไปที่ตัวเซโตะแล้วตะโกนว่าอีกฝ่ายมีทริคอะไรในการคืนร่างระหว่างใช้ ‘จุมพิตแห่งรักแท้’ หรือไง ทำไมตัวเขายังเป็นเด็กเหมือนเดิมล่ะ
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่มีทริคอะไรทั้งนั้น แต่ก็อดคิดไม่ได้ หรือว่าระหว่างดำเนินพิธีการต้องทำอะไรด้วยหรือเปล่า รึก่อนหน้านั้นต้องเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ไหม เพราะวิชาก่อนพักเที่ยงขิงวันนั้นเป็นวิชาคอมพ์ โชคดีที่เขาทำเสร็จไวจึงได้เล่นเกมส์ เอ คงไม่เกี่ยวกันหรอกมั้ง
ในที่ไกลๆ สาวผมทองโรซารี่ยืนมองอยู่บนยอดเสาไฟฟ้าอีกเช่นเคย เธอพูดกับโซราซี่ที่อยู่ด้านหลังว่าทำไมเขาถึงมองข้ามไปได้นะ ทั้งที่เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แท้ๆ
“อาจต้องใช้ตัวช่วยมั้ง?”
“ไม่ เราช่วยมามากพอแล้ว” โรซารี่ยืนกราน “ช่วยมากเกินความจำเป็นด้วย ซ้ำยังเร่งปฏิกริยาของความรู้สึกอีกต่างหาก ตอนนี้ต้องไปให้มันได้พัก จึงจะกลับเป็นเหมือนเดิม”
โซราซี่เหม่อมองไปไกล แล้วพูดพึมพำออกมาแผ่วเบาว่า “บางทีตัวช่วยบางอย่างก็ไม่ได้ต้องมาจากร้านสายฝนและลูกเห็บเสมอไปนะ” แต่ท่าทางสาวผมแกละสีทองจะยังคงยืนกรานเจตนาจะไม่ช่วยเฉกเช่นเดิม เพราะเธออยากรู้อยู่เหมือนกัน ถ้าลองไม่ช่วยสักครั้ง พวกเขาจะหาทางแก้จากไหน?
เธอโผล่หน้าง่วงๆออกมาแล้วหาววอด "มีอะไร เจ้าเด็ก...เซโตะ? เอ๊ะ นี่ไปเปลี่ยนสีผมเหรอ ไม่สิ เปลี่ยนไป...ทั้งหน้าเลย"
เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้สีผมสีแดงเข้มเหมือนเซโตะ ใบหน้าคุ้นๆทำให้คาโอริอดพินิจดูไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กผมแดงนั่นเอาเด็กโรงเรียนอนุบาลมาปาร์ตี้ที่บ้านแล้วหลงทางจนมาเคาะซนล่ะก็ นี่ต้องพี่ชายเธอแน่นอน มีไม่กี่คนที่รู้จักทางมาห้องนี้หรอกนะ แถมเอกลักษณ์คือดวงตาสีดำสดใสนั่น ไม่ว่าใครก็ลืมไม่ลงหรอก เธอเจอพี่ชายมาตลอดหลายปี แม้จะไม่ค่อยได้เจอใบหน้าแบบนี้อยู่นาน แต่หากเทียบอัลบั้มรูปแล้วมันต้องเหมือนแน่ๆ
ยังไม่ทันที่คาโอริจะได้สอบถามข้อสงสัย เด็กน้อยนัยย์ตาราตรีคนนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน
"ฉันกลายเป็นเด็กไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ฉันควรทำไงต่อดีล่ะ หรือว่าพวกอัลลิวีนหาญกล้าเอาฉันไปทดลองพึลึกพิลั่น!? ไม่นะ โทรหาพวกนั้นเดี๋ยวนี้เลย แย่แน่แล้ว คาโอริ อ๊าก.... ฯลฯ"
เด็กสาวจับตัวพี่ชายที่มีร่างกายอ่อนเยาว์กว่าเธอสิบเท่าให้อยู่นิ่งๆ ให้เขาค่อยๆเล่าเหตุการณ์มาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ช่วงทานมื้อเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยนี่นา ไม่สิ จะว่าไปตอนมื้อเย็นคาโอรุก็แปลกๆชอบกล เหมือนจะเตี้ยลงเล็กน้อยนะ ตอนนั้นเธอนึกว่าคงคิดมากไปเอง แต่พอเจอแบบนี้ มั่นใจได้เลยว่าคงไม่คิดไปเองแล้ว
คาโอรุสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติตามคำแนะนำของน้องสาวแล้วคิดทบทวน เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนะ รู้สึกว่าจะเป็นการเถียงตามปกติกับเซโตะ การไม่ยอมให้เด็กน้อยผมแดงคนนั้นลอกการบ้าน แล้วก็การเล่นเกมส์ด้วยกัน ไม่นะ แค่เล่นเกมส์ด้วยกันก็ตัวเล็กแล้วเหรอ!
"จะเป็นไปได้ไง เล่าใหม่สิ มันอาจมีผลพวงจากตอนกลางวันก็ได้ คิดเข้าสิ"
คาโอรุนึกย้อนไปตั้งแต่ช่วงเช้า จู่ๆเซโตะก็ประกาศว่าเขารู้วิธีคืนร่างเดิม จากนั้นก็นัดเขาไปเจอที่ดาดฟ้าตอนมื้อเที่ยงเพราะอยากสร้างบรรยากาศอะไรก็ไม่รู้ หลังจากนั้นก็โดนสารภาพรัก แล้วก็โดน...จูบ? ต้องเป็นเรื่องนี้แน่เลย เด็กน้อยนัยย์ตาสีนิลพร่ำรำพันไม่เลิก โดยมีเซโตะซึ่งสวมชุดจากมือถือของเล่นตามหลังมาด้วยความตกใจ ไม่ตกใจได้ไง เขากลายเป็นผู้ใหญ่ตามเดิมก็ดีแล้ว แต่ทำไมคาโอรุจึงจะเป็นฝ่ายตัวเล็กลงล่ะ
เด็กสาวผมแดงบอกพี่ชายให้ใจเย็นๆแล้วแหงนหน้ามองเวลา อีกแป๊ปเดียวก็จะโรงเรียนเข้า นี่สิเรื่องใหญ่ของแท้ ถ้ายังพอหาทางแก้กันได้ แต่เรื่องจะไปโรงเรียนทั้งที่ยังเป็นเด็กมันจะทำได้ไงกัน
"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันคุยให้ อาจารย์คาโอริเข้าใจเรื่องนี้ ฉันเองก็ไปเรียนตามปกตินะ ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง นี่เธอเพิ่งรู้งั้นเหรอ!"
เด็กสาวผมแดงสารภาพเสียงอ่อยว่าตนเองคิดว่าเซโตะไปโรงเรียนเด็กมาโดยตลอด ช่วยไม่ได้นี่นา คนที่ยุ่งแต่การทดลองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างคาโอริจะไปรู้และใส่ใจรายละเอียดคนอื่นได้ไงกัน ต่อให้ในบ้านจะจัดปาร์ตี้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี เธออาจจะยังไม่ได้รู้เรื่องก็เป็นได้
"เพราะนายคนเดียว" คาโอรุพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันเบาหวิวจนเด็กหนุ่มผมแดงต้องย่อตัวลงมาฟัง "ถ้านายไม่คิดวิธีบ้าๆนั่นล่ะก็... ฉันคงไม่กลายเป็นเด็กหรอก!"
เด็กน้อยนัยย์ตานิลเขย่าคอเสื้อคู่กรณีไปมาจนเวียนหัวแทบอาเจียน คาโอริรีบยกตัวพี่ชายขึ้นก่อนจะทำการฆาตรกรรมคนอื่นด้วยวิธีการสุดพิลึกพิลั่น เซโตะลุกขึ้นยืนอย่างเซๆ ตัวก็เด็กแท้ๆทำไมแรงเยอะแบบนี้เนี่ย! น้องสาวของเด็กน้อยตัวดียักไหล่ อธิบายว่าพี่ชายเธอเป็นคนมีแรงเยอะผิดรูปร่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"เอาเถอะ จะเด็กจะผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก็ไม่สำคัญ ตอนนี้กองทัพเดินด้วยท้องนะ"
เธอเดินฉับๆไปที่ห้องครัวด้วยใบหน้าอันมุ่งมั่นแรงกล้า โดยไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรไปกับพี่ชายสักนิด ว่าไงดีล่ะ ก็มีคนกลายเป็นเด็กไปแล้วคนหนึ่ง ตอนนี้ก็แค่สลับกัน เดี๋ยวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ถ้าไม่กลายเป็นเด็กทั้งคู่ก็กลับสู่สภาพเดิมได้เอง อีกอย่าง คนที่โตขึ้นมาแบบไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขาเท่าไหร่อย่างคาโอริ เรื่องแบบนี้มันปกติออกนี่นะ คาโอริเคยเจอเพื่อนเกือบจะถูกทำให้กลายเป็นเอเลี่ยนด้วยฝีมือขององค์กรอัลลิวีนด้วยซ้ำ ยังดีที่ไปช่วยทัน
เซโตะยืนมองคนที่นั่งกอดเข่าเศร้าสร้อยอยู่กับพื้นอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้ายกตัวขึ้นมาโยกปลอบแบบที่เห็นในทีวีมันก็ตลกแย่น่ะสิ อีกอย่าง ครั้งหนึ่งในร่างเด็กตอนที่กลายเป็นเด็กใหม่ๆ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่คาโอรุจะรู้ความจริง เขาเคยถูกปลอบแบบนั้นเหมือนกัน มันน่าอายออก เอ่อ ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยก็เถอะ แต่ให้ทำท่าน่าอายแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก
เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจนั่งลงข้างๆอย่างเงียบๆ ถ้าหากคาโอรุอยากให้เขาปลอบอยู่ล่ะก็ ต้องขอโทษทีที่ทำให้ผิดหวัง เขาซึ่งโตขึ้นมาด้วยกำปั้นกับวิถีแห่งการต่อสู้และความโดดเดี่ยว จะทำเรื่องอย่างการปลอบใจเป็นได้ยังไง แต่ถ้าต้องการแค่คนนั่งข้างๆล่ะก็ อันนี้ของกล้วยๆ และเขาว่ามันก็ไม่เลวนักหรอก ในเวลาที่รู้สึกแย่แต่มีคนนั่งอยู่ข้างกาย แม้จะไม่ได้พูดปลอบแต่ก็สัมผัสได้ว่าเรามีใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับเราน่ะ
แต่นี่...มันนานไปหรือเปล่า? เซโตะมองคนที่นั่งกอดเข่าเหม่ออยู่นานสองนานอย่างเป็นห่วง ทว่า ทันทีที่แตะตัว คาโอรุจับข้อมือเขาบิดทันที แน่นอนว่าตอนนี้เเซโตะไม่ใช่เด็กน้อย และต่อให้อีกฝ่ายแรงเยอะแค่ไหน คาโอรุก็ถูกจำกัดกำลังเอาไว้เพระขนาดของตัว
"เป็น...เป็นอะไรไปน่ะ โกรธกันมากเลยรึไง ฉันไม่ได้อยากจะให้นายกลายเป็นเด็กสักหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุนะ!"
ดูจากสายตาอันเฉยเมยของคาโอรุแล้ว รับรองได้ว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้หลุดเข้าไปในสมองแน่ๆ ความรู้สึกตอนที่จ้องตาแบบนี้มันช่างคุ้นเคยในความรู้สึก แต่ไม่ต้องใช้เวลานาน เซโตะก็นึกออกว่ามันเป็นตอนที่เขาไปจุดสวิสช์อาละวาดของคาโอรุครั้งแรก ตอนนั้นคาโอริทำยังไงนะ? ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นการฟาดต้นคอให้สลบสินะ เด้กหนุ่มผมแดงตัดสินใจวิ่งไปหาเด็กสาวในครัวแทน เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังขนาดไหนเหมาะกับเด็กนะ!
คาโอริเปิดประตูห้องครัวออกมาอย่างนึกรู้ แล้วใช้ฝ่ามือพิฆาตทำพี่ชายร่างเด็กน้อยของตนเองสลบไปทันที แน่นอนว่าด้วยแรงที่พอเหมาะพร้อมกำชับวิธีการยั้งมือที่ถูกต้องให้ฟัง
เซโตะเงียบไปสักพักแล้วได้ยินเสียงเหมือนเครื่องครัวที่กำลังสั่นรัว เด็กสาวเหลือบมองเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่ลืมกดล็อกเพื่อกันคนนอกเข้ามาเห็นสภาพภายใน ไม่ช้า อาหารที่หน้าตาน่ากินก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟ
การทำอาหารนานๆทีครั้งจะปล่อยให้พี่ชายพลาดได้ไง คาโอริบัญชาการให้เด็กหนุ่มผมแดงปลุกอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้ ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเซโตะ ถ้าปล่อยให้คาโอรุหลับไปก่อน ให้จิตใจได้พักจะดีกว่าไหม ถ้าตื่นขึ้นมาในสภาพตัวเล็กๆแบบนี้คงได้เข้าโหมดอาละวาดอีกรอบ
"วางใจเถอะน่า เขาไม่ฟื้นขึ้นมาไล่ฆ่านายหรอก" เด็กสาวกล่าวขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจ แต่ก็เสริมลงไปนิดหน่อย "หมายถึงว่าฉันยังไม่เคยเจอกรณีอย่างนั้นน่ะนะ แต่ถ้านายเป็นคนแรกก็ช่วยไม่ได้ล่ะ"
เด็กหนุ่มแทบจะหยุดมือที่กำลังปลุกทันที เอาเถอะ ถ้าคาโอรุตื่นขึ้นมาอะละวาดจริงๆ เขาคงจะยอมโดนหมัดเล็กๆรัวใส่ให้หนำใจ เอาให้อารมณ์หายโกรธจริงๆไปเลยก็ได้ ไหนๆคนผิดก็คือเขานี่นะ ดันไปคิดวิธีพิเรนท์ขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าแค่จุมพิตมันจะสร้างเรื่องราวได้ใหญ่โตขนาดนี้ ถ้ารู้เขาคงจะไม่ทำ...มั้ง?
แต่เป็นโชคดีของเซโตะที่เด็กน้อยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปกติ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยคือการซึมอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเขี่ยอาหารในจานไปมาไม่ยอมกินสักคำ แม้ว่าคาโอริจะบังคับให้รีบชิมเพราะนานๆทีจะลงมือทำครัวเองก็ตาม
"กินหน่อยสิ" เซโตะคว้าช้อนในมือของเด็กน้อยมาตักป้อนเอง "อาหารน่ากินทั้งนั้นเลยนะ"
ไม่ทันขาดคิด เด็กหนุ่มถูกบิดข้อมือจนร้องลั่น ปลายช้อนหันไปทางตัวคนป้อน เด็กน้อยออกแรงไม่มากก็สามารถทำให้คนที่ต้องการให้เขา 'กินสักคำ' ได้ลอง 'ชิมอาหารที่น่าอร่อย' สีหน้าของเซโตะเปลี่ยนทันที เขาสำลักแล้วพยามกลืนมันลงคออย่างยากเย็น เป็นห่วงกะเพาะที่ต้องรับอาหารนั้นต่อ
เขาสบตากับคาโอรุ หากถามจากความรู้สึกล่ะก็ สาเหตุที่ไม่ยอมกินคงไม่ใช่แค่ซึมจากการกลายร่างเป็นเด็กซะแล้ว นี่มันอาหารอะไรกัน หน้าตาก็น่ากินท่าทางก็ปกติ แต่รสชาติของมันสามารถฆ่าคนได้เลยนะ หรือว่ามันไม่ใช่อาหาร แต่เป็นอาวุธอย่างหนึ่งหรือเปล่า นั่นสิ คาโอริเป็นนักพัฒนาอาวุธตัวยงนี่!
เด็กสาวออกอาการไม่พอใจเมื่อไม่มีใครแตะอาหารของเธออีก ทั้งที่แต่ละอย่างก็น่ารับประทานทั้งนั้น เธอตักชิมแต่ละอย่างก็ 'ปกติ' ทั้งนั้นเลยนี่ ไม่เห็นมีอะไรที่กินแล้วไม่อร่อยสักหน่อย!
"ฉันยังไม่หิว ขอตัวนะ"
เซโตะมองคาโอรุที่ใช้วิชามาร แกล้งทำเป็นซึมเดินไปโรงเรียนแล้วอ้าปากค้าง ในสมองคิดวุ่นวายไปหมด ต่อให้มีคนต่อยเขาสักสิบครั้ง เขาก็ไม่มีวันลิ้มลองเจ้าอาวุธชีวภาพที่มีภายนอกสวยงามดั่งอาหารทิพย์หรอก
สุดท้าย ในเมื่ออีกคนใช้วิชามารแกล้งซึมได้ ทำไมเขาจะใช้วิชามารแกล้งเป็นห่วงคนซึมไม่ได้ สีหน้าของคาโอริ
ดูเหมือนจะเดือดจัดที่เห็นทั้งโต๊ะมีเธอกินอยู่คนเดียว
ปั๊ดโธ่เอ๊ย! แล้วฉันทำไม่อร่อยตรงไหนกันยะ!
“นึกว่านายซึมจนกินไม่ลงซะอีก” เซโตะแหย่ระหว่างทาง “เฮ้อ งั้นฉันก็ซึมจนกินไม่ลงด้วยแล้วกัน น้องสาวนายนี่มีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นรึไง? รสชาติจัดแบบนั้นใครจะไปกินลง”
คาโอรุอดแก้ให้น้องสาวไม่ได้ “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แต่เพราะคาโอริเคยคิดโปรแกรมฝึกทักษะด้านร่างกายด้วยการอยู่ในป่า ซึ่งสถานที่แบบนั้นแทบจะกินของ ‘ที่มีรสชาติ’ ไม่ได้เลย รู้สึกว่าจะไปฝึกนานพอสมควร พอกลับมาก็ติดนิสัยกินรสชาติแบบนั้นไปเลย”
เซโตะนึกถึงสภาพของเด็กสาวผมแดงแล้วอดคล้อยตามเหตุผลนั้นไม่ได้ มันก็จริงที่ว่าในป่าไม่ค่อยได้กินของที่มีรสชาติอร่อยมากมายนัก แต่ไม่ถึงขั้นต้องบ้ารสจัดไปเลยสักหน่อย ในข้อนี้ต้องเตือนบ้างซะแล้ว ตามหลักโภชนาการคนเราไม่ควรกินอะไรที่จัดจ้านมากเกินไป เพราะมันจะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกายในภายภาคหน้า
แต่พูดก็พูดเถอะ คาโอรุทำใจยอมรับได้ไวดีเหมือนกัน หลังอาการสวิทช์ก็สดใสขึ้น ตอนแรกเขานึกว่าคงจะนั่งร้องไห้ตัวโยนเพราะทำใจกับสภาพร่างกายที่กลายเป็นเด็กไม่ได้ซะอีก ไม่นึกว่าจะโต้ตอบด้วยอาการปกติสุขขนาดนี้ ในข้อนั้น ผู้ถูกถามตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก ว่าแต่เซโตะ นายยังรักฉันอยู่ไหม”
เด็กหนุ่มนิ่งงันไปเมื่อถูกถามแบบนี้ แต่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้กันนะ! คาโอรุมองอาการของเขาแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ “งั้นนายก็ต้องอยาก ‘จุมพิต’ ฉันน่ะสิ?”
ดวงตาของเซโตะเบิกกว้างก่อนจะส่ายหน้า เรื่องรักก็รักอยู่ แต่เรื่องจูบน่ะ ไม่ต้องบ่อยมากก็ได้ เห็นแบบนี้เขาก็เริ่มรู้คุณค่าของการกระทำสื่อรักแบบนี้แล้วนะ และในความรู้สึกของเขา ของบางอย่างไม่ต้องทำก็สื่อได้ว่ารัก เอ๊ะ แต่ถ้าคาโอรุถามเขาแบบนี้ก็แปลว่า...?
จุ๊บ...
คาโอรุสัมผัสปากกับเขาเบาๆแล้ววิ่งหนีหายไป โดยบทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดที่เซโตะอาจลืมไม่ลงไปอีกนาน
“ถ้าจูบกันแล้วสลับเล็กใหญ่ได้จริงๆล่ะก็ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”
ซึ่งก็เป็นคำพูดที่ทำเขาพูดไม่ออกอีกเช่นกัน และอีกฝ่ายก็ไม่ได้พบกับเขา แม้ว่าจะล่วงเลยมาถึงเวลานอนก็ตาม...
เป็นเช้าที่แสนจะสดชื่อของคาโอริ หลังจากที่ได้นอนหลับสบายทั้งคืนร่วมเตียงกับคาโอรุ พี่ชายของเธอยังไม่ตื่นก็ช่าง วันนี้เธอจะเป็นคนเตรียมมื้อเช้าเอง รับรองว่าทุกคนจะต้องอึ้งกับความอร่อย แต่ถ้ายังไม่อร่อยจริงๆเธอจะเติมส่วนผสมให้หนักลงไปอีก คราวนี้ต้องติดใจกันแน่นอน เด็กสาวลัลล้าไปทำครัวโดยไม่รับรู้ถึงสาเหตุอันแท้จริงที่ผู้คนไม่ยอมกินอาหารของตัวเอง
เสียงโวยวายของเซโตะดังลอดลงมาจากชั้นบนยังไม่ทำให้คาโอริอารมณ์เสียได้เลยด้วยซ้ำ ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องทะเลาะ ฉะนั้น เด็กสาวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องร้องโวยวายด้วย แต่ในใจก็สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าคงเป็นทะเลาะประจำวันกับคาโอรุแน่ๆ
และคาโอริก็คิดถูกเมื่อเซโตะลงบันไดมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่ยิ่งบึ้งขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเจออาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่บนโต๊ะอาหาร “นี่เธอปรุงอาวุธชีวภาพออกมาอีกแล้วเหรอ!”
“อาวุธชีวภาพอะไรยะ คราวนี้ปรับสูตรแล้ว ไม่แย่อย่างคราวก่อนแน่นอนย่ะ” เธอค้อนขวับแล้วจ้วงข้าวเช้ากินอย่างมีความสุข “เฮอะ ไม่กินจะเสียใจ อาหารของฉันอร่อยที่สุดในสามโลก ไม่แย่อย่างนายหรอก ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็น”
เซโตะเถียงทันทีว่าเขาทำอาหารเป็นแถมได้คะแนนเต็มด้วย ช่วยไม่ได้ที่คหกรรมดันเป็นวิชาที่มีอาจารย์ป้าสุดโหดพร้อมจะลงโทษพวกที่ไม่ตั้งใจทุกเวลานี่นา คาโอรุตัดสินใจเลือกขนมปังปิ้งที่หน้าตาน่ากินแต่แข็งโป๊กคู่กับแยม เพราะอย่างน้อยแยมก็เป็นสิ่งที่เขาทำแช่เย็นไว้ ทาแยมไปเยอะๆให้มันอ่อนนุ่มลดความแข็งแล้วกัน
ส่วนเซโตะนั้นเลือกกินเป็นนมสดกับไส้กรอกที่ทำด้วยกรรมวิธีพิลึกอะไรไม่รู้ ภายนอกก็ปกติดี แต่ชีสภายในไหม้หมดแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้เลย เด็กหนุ่มกัดมิ้อเช้าทีละคำๆด้วยความขมขื่นใจ “เธออาจมีฝีมือในการทำอาหารมากก็ได้นะเนี่ย”
“ชัวร์!” คาโอริยักคิ้วแล้วชี้ไปที่พี่ชาย “จริงสิ เมื่อคืนทะเลาะกันหนักหรือไง ปกติต่อให้หนักแค่ไหนก็ไม่เคยย้ายไปห้องฉันนะ”
พูดถึงเรื่องนี้เซโตะยังฉุนไม่หาย ถ้าคิดว่าเขาจะทำเป็นลืมแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายฮูลาฮูล่าอยู่คนเดียวล่ะก็ ผิดถนัด! เจ้านั่นมองข้ามความรักของเขาแล้วหลอกใช้ความรู้สึกกันไม่ใช่หรือไง หากแต่คาโอรุดูเหมือนจะโกรธกว่า เขาชี้ไปที่ตัวเซโตะแล้วตะโกนว่าอีกฝ่ายมีทริคอะไรในการคืนร่างระหว่างใช้ ‘จุมพิตแห่งรักแท้’ หรือไง ทำไมตัวเขายังเป็นเด็กเหมือนเดิมล่ะ
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่มีทริคอะไรทั้งนั้น แต่ก็อดคิดไม่ได้ หรือว่าระหว่างดำเนินพิธีการต้องทำอะไรด้วยหรือเปล่า รึก่อนหน้านั้นต้องเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ไหม เพราะวิชาก่อนพักเที่ยงขิงวันนั้นเป็นวิชาคอมพ์ โชคดีที่เขาทำเสร็จไวจึงได้เล่นเกมส์ เอ คงไม่เกี่ยวกันหรอกมั้ง
ในที่ไกลๆ สาวผมทองโรซารี่ยืนมองอยู่บนยอดเสาไฟฟ้าอีกเช่นเคย เธอพูดกับโซราซี่ที่อยู่ด้านหลังว่าทำไมเขาถึงมองข้ามไปได้นะ ทั้งที่เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แท้ๆ
“อาจต้องใช้ตัวช่วยมั้ง?”
“ไม่ เราช่วยมามากพอแล้ว” โรซารี่ยืนกราน “ช่วยมากเกินความจำเป็นด้วย ซ้ำยังเร่งปฏิกริยาของความรู้สึกอีกต่างหาก ตอนนี้ต้องไปให้มันได้พัก จึงจะกลับเป็นเหมือนเดิม”
โซราซี่เหม่อมองไปไกล แล้วพูดพึมพำออกมาแผ่วเบาว่า “บางทีตัวช่วยบางอย่างก็ไม่ได้ต้องมาจากร้านสายฝนและลูกเห็บเสมอไปนะ” แต่ท่าทางสาวผมแกละสีทองจะยังคงยืนกรานเจตนาจะไม่ช่วยเฉกเช่นเดิม เพราะเธออยากรู้อยู่เหมือนกัน ถ้าลองไม่ช่วยสักครั้ง พวกเขาจะหาทางแก้จากไหน?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ