The Kid , No kid.

9.7

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 13.01 น.

  11 chapter
  3 วิจารณ์
  15.58K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        คิโนชิตะ คาโอรุดูจะตกใจพอสมควรที่เห็นเขาเปิดประตูห้องเรียนเข้ามา  แต่เซโตะกลับไม่สนใจอะไร  ที่ทำไปเมื่อวานใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลสักหน่อย  ก็คาโอรุอยากจะเอาชื่อเขาไปเสนอให้ร่วมโครงการ 'คิดดี ทำดี ร่วมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีเพื่อสังคม' ทำไมกันล่ะ  เขาไม่อยากเปลี่ยนอะไรเพื่อใครสักหน่อย!
        แล้วเผอิญว่าตอนนั้นเสียงของหัวหน้าห้องหญิงดันท่องเจ้าบทกวีเซนทริล่าอะไรนั่นออกมาพอดี  อารมณ์พาไปก็เลยเผลอแกล้งไปอย่างนั้น  ความจริงเขาก็คิดจะขู่ไว้เฉยๆ  แต่เสียงเชียร์จากคนในห้องบางส่วนก็ทำให้เขาถอยไม่ได้  ก็ตัวเขานั้นเ้กลียดการถูกหาว่า 'ดีแต่ปาก' ที่สุดเลยนี่นะ
        จะโกรธก็ไปโกรธพวกนั้นแล้วกัน!
        อาจารย์สาวคิริเอะเปิดวิชามาด้วยการแบ่งเซลล์พืชที่ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเซโตะ  ทำเอาเขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ  เตรียมตัวเข้าสู่นิทราผาสุข
        "มุราคาอิ เซโตะ!"  ชอล์กสีขาวถูกปาสุดแรง  "กล้าดียังไงมาหลับในชั่วโมงเรียนต่อหน้าฉัน  นั่งตัวตรงเดี๋ยวนี้่!"
        เซโตะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วทำตามที่อาจารย์สั่งอย่างเบื่อหน่าย  เขาไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ที่สุดเลย  ทำไมถึงต้องเรียนด้วยว่าพืชมันสืบพันธุ์อย่างไรหรือว่าขยายพันธุ์แบบไหน  เขาไม่ได้หมกหมุ่นจนอยากรู้เรื่องอีโรติคของพวกพืชนี่
        "ยังไม่นั่งตัวตรงๆอีก!"  
        เธอกอดอกพูดเสียงดัง  ให้ความรู้สึกเหมือนหัวหน้าแก๊งยากูซ่าสาวที่ต้องการให้คนอ่อนแอคนหนึ่งส่งกระเป๋าเงินมาซะ
        เด็กหนุ่มผมแดงพูดอย่างง่วงๆว่าเขายืดตัวได้ตรงสุดเท่านี้แหละ!  เล่นเอาอาจารย์สาวพูดไม่ออก  ใช่ว่าเธอต้องการให้เขายืดหลังตรงกว่านี้  แต่วันนี้ทำไมลูกศิษย์เธอ...ตัวเตี้ยลง?
        คนในห้องเองก็รู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกัน  แต่จะบอกว่าคนเราเตี้ยลงได้นี่มันก็ออกจะเหลือเชื่อไปนิด  ความอ้วนยังลดให้ผอมได้ต่อให้มันจะยากก็เถอะ  แต่ความสูงนี่มีแต่ยืดเอาๆนะ  ไม่มีหดลงๆสักหน่อย
        สงสัยจะคิดไปเอง  คนในห้องและคิริเอะตัดสินใจสรุปไปแบบนั้น
 
        อย่างไรก็ดี เซโตะเองเริ่มสังเกตอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติได้แล้ว  ชุดนักเรียนที่เขาใส่วันนี้ทำไมมันเ้หมือนใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งหรือสองเบอร์กันนะ
        ประตูดาดฟ้าถูกเปิดออกตามปกติ  แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ได้นิยมการกินข้าวที่โรงอาหาร  นอกจากจะเสียงดังแล้วยังต้องเดินหาที่นั่งจนเมื่อยไปหมดด้วย  ซ้ำผู้คนยังเบียดเสียด มีแต่ข้อแย่ๆทั้งนั้น
        แต่การขึ้นมาบนดาดฟ้าตอนนี้กลับทำให้บรรยากาศมันอึดอัดยิ่งกว่า  คาโอรุนั่งทานข้าวกล่องเงียบๆ  เหม่อมองเมฆที่ลอยล่องไปก็คีบอาหารเข้าปากไป  เซโตะวางกล่องข้าวไว้ริมประตูแล้วจับไหล่อีกฝ่ายแน่น
        "เรายังไม่ได้เคลียร์กันเลยใช่ไหม  หมัดเมื่อวานนี้ึคงไม่คิดว่าจะจบลงง่ายๆนะ"
        แต่ถึงเด็กหนุ่มผมแดงจับบีบไหล่ของคาโอรุแรงกว่านี้มันก็ไม่ช่วยให้คนที่ทำหน้าไร้อารมณ์มีปฏิกริยาอะไรขึ้นมาเลย  
        แต่ทว่า...ทันทีที่ข้าวกล่องถูกจัดการจนเสร็จสิ้น  คาโอรุจัดการผลักอีกฝ่ายเต็มแรงจนล้มไม่เป็นท่า  หากเขาวิ่งหนีไปเฉยๆอย่างเมื่อวานคงไม่มีปัญหาหรอก  แต่การที่หยิบข้าวกล่องของเซโตะที่อยู่ข้างประตูไปด้วยนี่สิ...
        สิ่งที่เด็กหนุ่มผมแดงทำได้ทันคือการส่งเสียงตะโกนไล่หลังไปเท่านั้นเอง
        สุดท้าย เมื่อขี้เกียจไปโรงอาหารจริงๆ  กลางวันนั้น นมรสกาแฟก็กลายเป็นข้าวกลางวันชั่วคราวไปพร้อมกับขนมปังจากร้านค้าใกล้โรงอาหาร  ต่อให้โดนชิงข้าวกล่องไปสามครั้งติดๆ  เซโตะก็ไม่คิดเข้าไปยืนต่อแถวซื้อข้าวหรอก!  ไม่รู้ว่ามีความแค้นอะไรกับโรงอาหารนักหนากันหนอ
 
        ตอนเลิกเรียนที่เริ่มมีหิมะตกลงประปรายทำให้เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจวิ่งกลับบ้านอย่างไวที่สุด  แต่อนิจจา เจ้ากางเกงที่เหมือนจะประท้วงให้พับมันให้พอดีกับความยาวของขาก็ทำเซโตะสะดุดล้ม  เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นรอบกาย
        หนึ่งในเด็กผู้หญิงมัธยมที่หัวเราะเขานั้นปรามเพื่อนทั้งที่ยังขำๆแล้วแสดงน้ำใจเข้าไปช่วยพยุง  "เธอไม่เป็นไรนะ  จะให้พี่พาไปห้องพยาบาลไหม"
        เซโตะค้อนขวับ  ใครเป็นพี่กัน  ยังไงเด็กมัธยมหญิงคนนี้ก็น่าจะอยู่ม.ต้นแน่นอน  มาเรียกตัวเองว่าพี่ได้ยังไง
        "โอเคๆ  ไม่ไปก็ได้"  เด็กสาวคนนั้นเหมือนจะขำท่าทีโกรธๆคงเซโตะ  คงเข้าใจว่าเขาโกรธแก้เขิน  "ว่าแต่ ขโมยชุดพี่ชายมาใส่ก็ต้องทำให้ถูกระเบียบนะ  ไม่งั้นโดนอาจารย์คิริเอะทำโทษไม่รู้ด้วย!"
        เด็กสาวพูดจาแปลกๆแล้วมัดเนคไทให้กับเซโตะอย่างคล่องแคล่วแล้วเดินไปกับกลุ่มเพื่อนโดยไม่ลืมบอกไม้โบกมือให้กับเด็กหนุ่มผมแดงอีกครั้ง
        ชุดพี่ชาย?
        ตอนนี้เซโตะถึงสังเกตว่ากางเกงตัวเก่งได้หลุดลงมากองที่พื้เน  แวบแรกในความรู้สึกนั้นคือความอับอาย  แต่สิ่งต่อมาคือความช็อกที่เสื้อมันยาวลงคลุมข้อเท้า!  อะไรกันนี่  จู่ๆร่างกายเขาลดความสูงลงมารวดเดียวเลยเหรอ!
        เขามองมือเล็กๆเหมือนเด็กห้าหกขวบแล้วร้องลั่น  หอบเสื้อผ้าทั้งหมดที่หลุดลงไปแล้ววิ่งกลับบ้าน  ปล่อยกระเป๋านักเรียนไว้ที่พื้นอย่างไม่สนใจอะไรมันแล้ว
        ท่ามกลางหิมะที่ตกลงอย่างเชื่องช้า  จดหมายที่ปิดซองเรียบร้อยก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า  วางแปะที่กระเป๋าอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ช่วงเวลาเดียวกับที่คาโอรุเดินออกมาจากโรงเรียนพอดี  เขาหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาอย่างประหลาดใจที่เจ้าของทิ้งไว้  ก่อนจะให้ความสนใจกับจดหมายแทน
        'ถึงคิโนชิตะ คาโอรุ'
        ภาพที่แนบมากับจดหมายคือภาพของเด็กผู้ชายที่ย้อมผมสีแดงเข้มเหมือนเซโตะไม่มีผิด  แต่คาโอรุไม่ได้ติดใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
        "รบกวนช่วยเลี้ยงเด็กคนนี้สักระยะหนึ่งด้วย  เขาชื่อมุราคาอิ เซโตะ  ไปเจอตามที่อยู่นี้นะ"
        คิ้วของหนุ่มน้อยหน้าสวยกระตุกกึก  นึกถึงเรื่องร้ายกาจที่ถูกกระทำเมื่อวานแล้วฉีกกระดาษสีขาวออกเป็นชิ้นๆ  ตั้งใจเดินจ้ำกลับบ้านเต็มที่  ทำไมเขาต้องไปเลี้ยงเด็กอะไรที่ไหนซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอันธพาลที่ดีแต่ใช้กำลังมากกว่าเหตุผลด้วยล่ะ!
 
        "หนาวจังเลย"
        หิมะแสนหนาวเหน็บไม่ได้ปรานีปราศัยอะไรเซโตะเลยแม้แต่น้อย  รองเท้าคู่โตที่เท้าเล็กๆไม่สามารถสวมให้เดินได้อย่้างง่ายดายถูกถอดทิ้งไป  เขาสับสนไปหมดแล้ว  ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
        ประตูบ้านที่มีลูกบิดสูงเกินไปเหมือนเป็นโชคชะตาที่แกล้งเซโตะ  แต่คนที่สั่งทำลูกบิดให้อยู่สูงกว่ามาตรฐานก็คือตัวเขาเอง  จะโทษใครก็ไม่ได้หรอกนะ  แต่ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้จะทำไปทำไมกันเล่า  
        เมื่อเช้ายังมีขนาดตัวปกติอยู่เลยนี่นา  ทำไมตอนเย็นถึงได้สูงแค่เด็กประถมกันล่ะเนี่ย!
        "อย่ากังวลไปเลย  เธอไม่หดลงกว่านี้หรอก"  
        เสียงของเด็กสาวอันคุ้ยเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง  เธอรู้อยู่เต็มอกว่าความหนาวทำให้เซโตะมีสติเลือนรางเต็มที  แต่ถึงกระนั้นยังคงยืนอยู่หน้าบ้าน  ไม่วิ่งเข้าไปหมุนลูกบิดให้หรืออะไรทำนองนั้น
        โรซารี่เอ่ยยิ้มๆ  "เด็กผู้ชายตัวขนาดนี้ก็กำลังน่ารักดี  ฉันชอบ"
        "เธอ...ทำบ้า...อะไร"  
        เสียงของเด็กน้อยขาดเป็นห้วงๆ  ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย  ทำไมหิมะไม่หยุดสักทีนะ!  เสียงในใจเซโตะดังก้อง
        "คิกๆๆ  ฉันเป็นคนที่ 'รู้' ว่าเธอเป็นอะไร  จะดีเหรอที่ไม่สุภาพนอบน้อมกับฉัน"
        ตั้งแต่เด็กน้อยเกิด  นี่เป็นผู้หญิงที่น่ากระโดดถีบที่สุดในชีวิตเขาเลย!  ถึงเขาจะถือคติไม่ทำร้ายเพศที่อ่อนแอกว่าก็เถอะ!
        "อย่ากังวลไปน่า  ตัวช่วยมาแล้ว"  
        โรซารี่ีรีบหมุนกายออกไป  พอดิบพอดีกับที่คาโอรุเดินเข้ามา  สภาพของเด็กน้อยที่ดูน่าสงสารเป็นที่สุดทำให้เขาต้องรีบวิ่งเข้าไปอุ้ม  ใช้ผ้าพันคอผืนหนาห่อตัวเซโตะอย่างไม่รีรออะไรทั้งนั้น
        คิโนชิตะ คาโอรุ...นั่นนายเหรอ?
        ใบหน้าที่มองมาด้วยความเป็นห่วงและเสียงที่เรียกชื่อเขาซ้ำๆไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เขาสลบลงไปในอ้อมแขนแสนอุ่นนั้น
 
        เซโตะรู้สึกตัวอีกครั้งในที่ซึ่งอบอุ่นมาก  แต่เขาที่ถูกห่มผ้าจนหนาย่อมรู้สึกร้อนเป็นธรรมดา  ถึงเมื่อครู่จะเผชิญความหนาวจับจิตจับใจมาก็ตาม  แต่ตอนนี้เด็กน้อยผมแดงจัดการสลัดผ้าห่มออกจากตัวจนหมดแล้วกระโดดลงจากเตียง  มองยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอน  แล้วมันที่ไหนกันล่ะ
        มือปริศนายกตัวเขาขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง  เซโตะพยามขัดขืนสุดฤทธิ์ด้วยความโมโห  เขาไม่ง่วงสักหน่อย  จะเอาเขาขึ้นไปนอนอีกทำไมกัน
        โป๊ก! มือปริศนาของใครอีกคนเขกหัวเด็กน้อยจนน้ำตาเล็ด  น้องสาวของคาโอรุที่เป็นคนลงมือกอดอกพูดอย่างไม่แคร์  "หัดใช้วิธีนี้บ้างสิ"
        "ทำอะไรของเธอนะ ยัยเพี้ยน!"
        สาวผมแดงคล้ายของเซโตะกำหมัดแน่นเมื่อโดนเรียกเช่นนั้น  เธอลงมือรัวเขกศีรษะเด็กน้อยอีกสองสามที  "ใครเพี้ยนยะ!  คาโอรุ นายเอาเด็กนี่ไปปล่อยอย่างเดิมเหอะ  ฮึ่ย!"
        เซโตะจ้องคาโอรุอย่างลุ้นๆ  ตนเองจะโดนเอาไปปล่อยอย่างที่ยัยเพี้ยนคนนั้นพูดจริงๆไหมนะ  แต่ความลุ้นนั้นกลับถูกเข้าใจผิด  คาโอรุซึ่งนึกว่าถูกไม่ไว้ใจรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดนั่นคือจดหมายที่วางอยู่บนกระเป๋า
        เด็กน้อยมั่นใจว่ากระเป๋าที่คาโอรุเจอต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน  แต่ว่าเรื่องจดหมายนั่นมันมาจากไหนกันล่ะ?  สิ่งเดียวที่เด็กน้อยคิดออกคือทั้งหมดต้องเป็นการกระทำของสาวผมทองที่ทำท่าน่าโมโหสุดๆคนนั้นแน่!
        "เฮอะ"  เซโตะนั่งขัดสมาธิเอามือเท้าคาง  พูดกวนๆ  "ในเมื่อจดหมายฉีกไปหมดแล้ว  จะให้ฉันเชื่อว่านายไม่ใช่โจรลักพาตัวได้เหรอ  ไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย"
        "นี่ๆ  ฉันช่วยนายไว้นะ"  
        เซโตะเหวอสุดๆเมื่อโดนลูบศีรษะพร้อมใบหน้าที่เอ็นดูเขา  ถึงใบหน้าแบบนี้มันจะดูเป็นมิตรดีก็เถอะ  แต่ท่าทีเป็นมิตรแบบนี้มันขัดกับคนที่ขโมยกล่องข้าวเขาไปเมื่อกลางวันสุดๆเลยนะ!  เซโตะปัดมือที่คอยยุ่งกับตัวเขาออกอย่างโมโห
        คาโอรุยักไหล่เล็กน้อยแล้วตัดสินใจถามเรื่องจริงจังอย่างการที่ทำไมเซโตะที่ตัวโตกว่านี้ถึงทิ้งเด็กน้อยไว้หน้าบ้าน
        "เซโตะที่ตัวโตกว่านี้?"  เด็กน้อยผมแดงทำหน้างุนงงอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะเข้าใจ  "นายคิดว่าฉันอยากทิ้งตัวเองไว้หน้าบ้านรึไง  ฉันนี่ล่ะ มุราคาอิ เซโตะ อายุสิบเจ็ดปี  อยู่โรงเรียนมัธยมไคเซย์ห้องเอ!"
        คาโอรุกระพริบตาปริบๆแล้วถอนหายใจ  หยิกแก้มเด็กน้อยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว  ส่้งผลให้มือเล็กๆคู่นั่นต้องปัดออกอย่างไม่พอใจ  ผู้มีผมสีดำสนิทถอนหายใจพลางนั่งกอดเข่้าอยู่กับพื้น
        "ฉันรู้ว่านายหมายถึงใคร  อย่าไปพูดถึงเลย  คนอย่างเจ้านั่น...ฉันเกลียดที่สุด!"
        เซโตะสะดุ้งโหยง  รีบคิดทันทีว่าตัวเองไปทำอะไรไว้  แต่มันก็ใช้เวลาไม่นานหรอกเพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองนี่นา
        เพื่อปกป้องสิทธิและความถูกต้อง  เซโตะเบบี้รีบเถียงทันที  "ที่จูบไปวันนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย  ความจริงก็แค่อยากขู่เท่านั้นเองนะ  เธอเองก็ร้ายกาจที่ขโมยกล่องข้าวกลางวันคนอื่นเขาไปนี่!"
        คาโอรุไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเด็กน้อย  ตรงกันข้าม ยังอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ใจดีอีกต่้างหาก
        "ตอนเด็กๆฉันโดนน้องสาวหลอกเอานะ  มันมีนิทานเรื่องหนึ่งเจ้าหญิงต้องจุมพิตกบเพื่อให้กลับคืนร่างเป็นเจ้าชายใช่ไหมล่ะ  คาโอริแกล้งหลอกว่าเป็นเพราะเจ้าชายไปจูบกับคนอื่นนะ"
        เซโตะขำกลิ้ง  "แล้วเธอก็เชื่อเนี่ยนะ!"
        คาโอรุหน้ามุ่ยขึ้นมาเล็กน้อย  "ก็คาโอริบอกว่าถ้าโดนจูบก็ต้องแก้ไขด้วยจูบ  มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องนี่นา  แถมท่าทีตอนนั้นยังน่าเชื่อถือด้วย  โตขึ้นมาค่อยรู้ว่าโดนแกล้งเอาเต็มเปาเลย  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็เป็นอะไรที่ฝังใจสุดๆเลย  ฉันถึงเกลียดการโดนจูบมากเลยล่ะ"
        เซโตะหัวเราะอยู่กับพื้นอย่างใจร้าย  ที่ต้องบอกว่าใจร้ายเพราะเขาตั้งใจหัวเราะเต็มที่จนแม้แต่ปวดท้องไปหมดยังไม่ค่อยจะอยากหยุดเลย!  คาโอรุถอนหายใจเบาๆ  ถามหากำหนดการที่เซโตะร่างเด็กมัธยมจะกลับ
        เด็กน้อยยักไหล่  ดูแล้วแก่้แดดแก่ลม  สำหรับผู้มีนัยย์ตาสีราตรีแล้วช่างเป็นบุคลิกที่เหมือนกับคนคนนั้นเหลือเกิน  หรือว่านอกจากชื่อแล้วยังมีอะไรเหมือนกันกว่านี้อีกงั้นเหรอ
        เซโตะเบบี้ถูมือไปมา  "ก็...  ฉันไม่รู้จะโตอีกเมื่อไหร่น่ะนะ  ยังไงก็ต้องอยู่พักที่นี่สักระยะล่ะ  นายคงไม่ใจร้ายทิ้งฉันไว้กับหิมะใช่ไหม?  อ้อ ต้องไม่ทำแน่นอนสิ  เพราะนายมันเป็นพวกชอบมองโลกและสังคมในแง่ดี  แล้วพยามให้คนอื่นทำสิ่งดีในมาตรฐานของตนเองไปด้วย"
        คาโอรุอ้าปากค้าง  เขาเข้าใจว่าเด็กตัวน้อยนี่คงหมายถึงเรื่องเข้าค่ายปรับพฤติกรรมที่เขาส่งชื่อเซโตะในฐานะ 'บุคคลที่ควรไปที่สุด'  แต่เขาก็หวังดีจริงๆนี่นา  พฤติกรรมที่อย่างกับสมาชิกแก๊งยากูซ่ามันไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก  แต่เจ้านั่นกลับตอบแทนความดีของเขาด้วยการทำเรื่องบ้าบอที่สุดในโลก!
        ดูจากสีหน้าอีกฝ่ายที่ย่ำแย่  เซโตะเบบี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคาโอรุคิดอะไรอยู่  เขาถอนหายใจเบาๆ
        "นายจะสร้างมาตรฐานความดีขึ้นมานั่นก็เป็นเรื่องของนาย  แต่ว่า...นายจะให้ใครปรับอะไรเพื่อมาตรฐานนั้นทุกครั้งก็เป็นไปไม่ได้หรอกนะ"
        คาโอรุกระพริบตาปริบๆ  "แม้ว่าฉันจะทำเพื่อตัวของเขาเองงั้นเหรอ"
        "ตกลงนายทำไปเพราะเป็นห่วงหรือ"  เซโตะขมวดคิ้วแล้วยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาทาบแผ่นอก  สัมผัสบริเวณที่หัวใจเต้นตุ้บๆ  "งั้นนายต้องยอมรับให้ได้สิว่าตัวตนของฉันเป็นแบบไหน  ถ้านายหวังดีก็ต้องเปิดใจรับว่าฉันเองก็มีนิสัยที่ต่างจากคนอื่น  แต่ยกเว้นเรื่องที่มันเกินขอบเขตจริงๆล่ะนะ"
        เซโตะเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา  "เพราะสิ่งที่ฉันกลัว...คือการเปลี่ยนนิสัยเป็นใครที่ไม่รู้จัก"
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา