The Kid , No kid.
1) บทที่1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคิโนชิตะ คาโอรุดูจะตกใจพอสมควรที่เห็นเขาเปิดประตูห้องเรียนเข้ามา แต่เซโตะกลับไม่สนใจอะไร ที่ทำไปเมื่อวานใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลสักหน่อย ก็คาโอรุอยากจะเอาชื่อเขาไปเสนอให้ร่วมโครงการ 'คิดดี ทำดี ร่วมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีเพื่อสังคม' ทำไมกันล่ะ เขาไม่อยากเปลี่ยนอะไรเพื่อใครสักหน่อย!
แล้วเผอิญว่าตอนนั้นเสียงของหัวหน้าห้องหญิงดันท่องเจ้าบทกวีเซนทริล่าอะไรนั่นออกมาพอดี อารมณ์พาไปก็เลยเผลอแกล้งไปอย่างนั้น ความจริงเขาก็คิดจะขู่ไว้เฉยๆ แต่เสียงเชียร์จากคนในห้องบางส่วนก็ทำให้เขาถอยไม่ได้ ก็ตัวเขานั้นเ้กลียดการถูกหาว่า 'ดีแต่ปาก' ที่สุดเลยนี่นะ
จะโกรธก็ไปโกรธพวกนั้นแล้วกัน!
อาจารย์สาวคิริเอะเปิดวิชามาด้วยการแบ่งเซลล์พืชที่ไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเซโตะ ทำเอาเขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เตรียมตัวเข้าสู่นิทราผาสุข
"มุราคาอิ เซโตะ!" ชอล์กสีขาวถูกปาสุดแรง "กล้าดียังไงมาหลับในชั่วโมงเรียนต่อหน้าฉัน นั่งตัวตรงเดี๋ยวนี้่!"
เซโตะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วทำตามที่อาจารย์สั่งอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ที่สุดเลย ทำไมถึงต้องเรียนด้วยว่าพืชมันสืบพันธุ์อย่างไรหรือว่าขยายพันธุ์แบบไหน เขาไม่ได้หมกหมุ่นจนอยากรู้เรื่องอีโรติคของพวกพืชนี่
"ยังไม่นั่งตัวตรงๆอีก!"
เธอกอดอกพูดเสียงดัง ให้ความรู้สึกเหมือนหัวหน้าแก๊งยากูซ่าสาวที่ต้องการให้คนอ่อนแอคนหนึ่งส่งกระเป๋าเงินมาซะ
เด็กหนุ่มผมแดงพูดอย่างง่วงๆว่าเขายืดตัวได้ตรงสุดเท่านี้แหละ! เล่นเอาอาจารย์สาวพูดไม่ออก ใช่ว่าเธอต้องการให้เขายืดหลังตรงกว่านี้ แต่วันนี้ทำไมลูกศิษย์เธอ...ตัวเตี้ยลง?
คนในห้องเองก็รู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกัน แต่จะบอกว่าคนเราเตี้ยลงได้นี่มันก็ออกจะเหลือเชื่อไปนิด ความอ้วนยังลดให้ผอมได้ต่อให้มันจะยากก็เถอะ แต่ความสูงนี่มีแต่ยืดเอาๆนะ ไม่มีหดลงๆสักหน่อย
สงสัยจะคิดไปเอง คนในห้องและคิริเอะตัดสินใจสรุปไปแบบนั้น
อย่างไรก็ดี เซโตะเองเริ่มสังเกตอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติได้แล้ว ชุดนักเรียนที่เขาใส่วันนี้ทำไมมันเ้หมือนใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งหรือสองเบอร์กันนะ
ประตูดาดฟ้าถูกเปิดออกตามปกติ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ได้นิยมการกินข้าวที่โรงอาหาร นอกจากจะเสียงดังแล้วยังต้องเดินหาที่นั่งจนเมื่อยไปหมดด้วย ซ้ำผู้คนยังเบียดเสียด มีแต่ข้อแย่ๆทั้งนั้น
แต่การขึ้นมาบนดาดฟ้าตอนนี้กลับทำให้บรรยากาศมันอึดอัดยิ่งกว่า คาโอรุนั่งทานข้าวกล่องเงียบๆ เหม่อมองเมฆที่ลอยล่องไปก็คีบอาหารเข้าปากไป เซโตะวางกล่องข้าวไว้ริมประตูแล้วจับไหล่อีกฝ่ายแน่น
"เรายังไม่ได้เคลียร์กันเลยใช่ไหม หมัดเมื่อวานนี้ึคงไม่คิดว่าจะจบลงง่ายๆนะ"
แต่ถึงเด็กหนุ่มผมแดงจับบีบไหล่ของคาโอรุแรงกว่านี้มันก็ไม่ช่วยให้คนที่ทำหน้าไร้อารมณ์มีปฏิกริยาอะไรขึ้นมาเลย
แต่ทว่า...ทันทีที่ข้าวกล่องถูกจัดการจนเสร็จสิ้น คาโอรุจัดการผลักอีกฝ่ายเต็มแรงจนล้มไม่เป็นท่า หากเขาวิ่งหนีไปเฉยๆอย่างเมื่อวานคงไม่มีปัญหาหรอก แต่การที่หยิบข้าวกล่องของเซโตะที่อยู่ข้างประตูไปด้วยนี่สิ...
สิ่งที่เด็กหนุ่มผมแดงทำได้ทันคือการส่งเสียงตะโกนไล่หลังไปเท่านั้นเอง
สุดท้าย เมื่อขี้เกียจไปโรงอาหารจริงๆ กลางวันนั้น นมรสกาแฟก็กลายเป็นข้าวกลางวันชั่วคราวไปพร้อมกับขนมปังจากร้านค้าใกล้โรงอาหาร ต่อให้โดนชิงข้าวกล่องไปสามครั้งติดๆ เซโตะก็ไม่คิดเข้าไปยืนต่อแถวซื้อข้าวหรอก! ไม่รู้ว่ามีความแค้นอะไรกับโรงอาหารนักหนากันหนอ
ตอนเลิกเรียนที่เริ่มมีหิมะตกลงประปรายทำให้เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจวิ่งกลับบ้านอย่างไวที่สุด แต่อนิจจา เจ้ากางเกงที่เหมือนจะประท้วงให้พับมันให้พอดีกับความยาวของขาก็ทำเซโตะสะดุดล้ม เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นรอบกาย
หนึ่งในเด็กผู้หญิงมัธยมที่หัวเราะเขานั้นปรามเพื่อนทั้งที่ยังขำๆแล้วแสดงน้ำใจเข้าไปช่วยพยุง "เธอไม่เป็นไรนะ จะให้พี่พาไปห้องพยาบาลไหม"
เซโตะค้อนขวับ ใครเป็นพี่กัน ยังไงเด็กมัธยมหญิงคนนี้ก็น่าจะอยู่ม.ต้นแน่นอน มาเรียกตัวเองว่าพี่ได้ยังไง
"โอเคๆ ไม่ไปก็ได้" เด็กสาวคนนั้นเหมือนจะขำท่าทีโกรธๆคงเซโตะ คงเข้าใจว่าเขาโกรธแก้เขิน "ว่าแต่ ขโมยชุดพี่ชายมาใส่ก็ต้องทำให้ถูกระเบียบนะ ไม่งั้นโดนอาจารย์คิริเอะทำโทษไม่รู้ด้วย!"
เด็กสาวพูดจาแปลกๆแล้วมัดเนคไทให้กับเซโตะอย่างคล่องแคล่วแล้วเดินไปกับกลุ่มเพื่อนโดยไม่ลืมบอกไม้โบกมือให้กับเด็กหนุ่มผมแดงอีกครั้ง
ชุดพี่ชาย?
ตอนนี้เซโตะถึงสังเกตว่ากางเกงตัวเก่งได้หลุดลงมากองที่พื้เน แวบแรกในความรู้สึกนั้นคือความอับอาย แต่สิ่งต่อมาคือความช็อกที่เสื้อมันยาวลงคลุมข้อเท้า! อะไรกันนี่ จู่ๆร่างกายเขาลดความสูงลงมารวดเดียวเลยเหรอ!
เขามองมือเล็กๆเหมือนเด็กห้าหกขวบแล้วร้องลั่น หอบเสื้อผ้าทั้งหมดที่หลุดลงไปแล้ววิ่งกลับบ้าน ปล่อยกระเป๋านักเรียนไว้ที่พื้นอย่างไม่สนใจอะไรมันแล้ว
ท่ามกลางหิมะที่ตกลงอย่างเชื่องช้า จดหมายที่ปิดซองเรียบร้อยก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า วางแปะที่กระเป๋าอย่างพอเหมาะพอเจาะ ช่วงเวลาเดียวกับที่คาโอรุเดินออกมาจากโรงเรียนพอดี เขาหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาอย่างประหลาดใจที่เจ้าของทิ้งไว้ ก่อนจะให้ความสนใจกับจดหมายแทน
'ถึงคิโนชิตะ คาโอรุ'
ภาพที่แนบมากับจดหมายคือภาพของเด็กผู้ชายที่ย้อมผมสีแดงเข้มเหมือนเซโตะไม่มีผิด แต่คาโอรุไม่ได้ติดใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
"รบกวนช่วยเลี้ยงเด็กคนนี้สักระยะหนึ่งด้วย เขาชื่อมุราคาอิ เซโตะ ไปเจอตามที่อยู่นี้นะ"
คิ้วของหนุ่มน้อยหน้าสวยกระตุกกึก นึกถึงเรื่องร้ายกาจที่ถูกกระทำเมื่อวานแล้วฉีกกระดาษสีขาวออกเป็นชิ้นๆ ตั้งใจเดินจ้ำกลับบ้านเต็มที่ ทำไมเขาต้องไปเลี้ยงเด็กอะไรที่ไหนซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับอันธพาลที่ดีแต่ใช้กำลังมากกว่าเหตุผลด้วยล่ะ!
"หนาวจังเลย"
หิมะแสนหนาวเหน็บไม่ได้ปรานีปราศัยอะไรเซโตะเลยแม้แต่น้อย รองเท้าคู่โตที่เท้าเล็กๆไม่สามารถสวมให้เดินได้อย่้างง่ายดายถูกถอดทิ้งไป เขาสับสนไปหมดแล้ว ทำไมจู่ๆถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
ประตูบ้านที่มีลูกบิดสูงเกินไปเหมือนเป็นโชคชะตาที่แกล้งเซโตะ แต่คนที่สั่งทำลูกบิดให้อยู่สูงกว่ามาตรฐานก็คือตัวเขาเอง จะโทษใครก็ไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าเขารู้เร็วกว่านี้จะทำไปทำไมกันเล่า
เมื่อเช้ายังมีขนาดตัวปกติอยู่เลยนี่นา ทำไมตอนเย็นถึงได้สูงแค่เด็กประถมกันล่ะเนี่ย!
"อย่ากังวลไปเลย เธอไม่หดลงกว่านี้หรอก"
เสียงของเด็กสาวอันคุ้ยเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง เธอรู้อยู่เต็มอกว่าความหนาวทำให้เซโตะมีสติเลือนรางเต็มที แต่ถึงกระนั้นยังคงยืนอยู่หน้าบ้าน ไม่วิ่งเข้าไปหมุนลูกบิดให้หรืออะไรทำนองนั้น
โรซารี่เอ่ยยิ้มๆ "เด็กผู้ชายตัวขนาดนี้ก็กำลังน่ารักดี ฉันชอบ"
"เธอ...ทำบ้า...อะไร"
เสียงของเด็กน้อยขาดเป็นห้วงๆ ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย ทำไมหิมะไม่หยุดสักทีนะ! เสียงในใจเซโตะดังก้อง
"คิกๆๆ ฉันเป็นคนที่ 'รู้' ว่าเธอเป็นอะไร จะดีเหรอที่ไม่สุภาพนอบน้อมกับฉัน"
ตั้งแต่เด็กน้อยเกิด นี่เป็นผู้หญิงที่น่ากระโดดถีบที่สุดในชีวิตเขาเลย! ถึงเขาจะถือคติไม่ทำร้ายเพศที่อ่อนแอกว่าก็เถอะ!
"อย่ากังวลไปน่า ตัวช่วยมาแล้ว"
โรซารี่ีรีบหมุนกายออกไป พอดิบพอดีกับที่คาโอรุเดินเข้ามา สภาพของเด็กน้อยที่ดูน่าสงสารเป็นที่สุดทำให้เขาต้องรีบวิ่งเข้าไปอุ้ม ใช้ผ้าพันคอผืนหนาห่อตัวเซโตะอย่างไม่รีรออะไรทั้งนั้น
คิโนชิตะ คาโอรุ...นั่นนายเหรอ?
ใบหน้าที่มองมาด้วยความเป็นห่วงและเสียงที่เรียกชื่อเขาซ้ำๆไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาสลบลงไปในอ้อมแขนแสนอุ่นนั้น
เซโตะรู้สึกตัวอีกครั้งในที่ซึ่งอบอุ่นมาก แต่เขาที่ถูกห่มผ้าจนหนาย่อมรู้สึกร้อนเป็นธรรมดา ถึงเมื่อครู่จะเผชิญความหนาวจับจิตจับใจมาก็ตาม แต่ตอนนี้เด็กน้อยผมแดงจัดการสลัดผ้าห่มออกจากตัวจนหมดแล้วกระโดดลงจากเตียง มองยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่นอน แล้วมันที่ไหนกันล่ะ
มือปริศนายกตัวเขาขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง เซโตะพยามขัดขืนสุดฤทธิ์ด้วยความโมโห เขาไม่ง่วงสักหน่อย จะเอาเขาขึ้นไปนอนอีกทำไมกัน
โป๊ก! มือปริศนาของใครอีกคนเขกหัวเด็กน้อยจนน้ำตาเล็ด น้องสาวของคาโอรุที่เป็นคนลงมือกอดอกพูดอย่างไม่แคร์ "หัดใช้วิธีนี้บ้างสิ"
"ทำอะไรของเธอนะ ยัยเพี้ยน!"
สาวผมแดงคล้ายของเซโตะกำหมัดแน่นเมื่อโดนเรียกเช่นนั้น เธอลงมือรัวเขกศีรษะเด็กน้อยอีกสองสามที "ใครเพี้ยนยะ! คาโอรุ นายเอาเด็กนี่ไปปล่อยอย่างเดิมเหอะ ฮึ่ย!"
เซโตะจ้องคาโอรุอย่างลุ้นๆ ตนเองจะโดนเอาไปปล่อยอย่างที่ยัยเพี้ยนคนนั้นพูดจริงๆไหมนะ แต่ความลุ้นนั้นกลับถูกเข้าใจผิด คาโอรุซึ่งนึกว่าถูกไม่ไว้ใจรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดนั่นคือจดหมายที่วางอยู่บนกระเป๋า
เด็กน้อยมั่นใจว่ากระเป๋าที่คาโอรุเจอต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน แต่ว่าเรื่องจดหมายนั่นมันมาจากไหนกันล่ะ? สิ่งเดียวที่เด็กน้อยคิดออกคือทั้งหมดต้องเป็นการกระทำของสาวผมทองที่ทำท่าน่าโมโหสุดๆคนนั้นแน่!
"เฮอะ" เซโตะนั่งขัดสมาธิเอามือเท้าคาง พูดกวนๆ "ในเมื่อจดหมายฉีกไปหมดแล้ว จะให้ฉันเชื่อว่านายไม่ใช่โจรลักพาตัวได้เหรอ ไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย"
"นี่ๆ ฉันช่วยนายไว้นะ"
เซโตะเหวอสุดๆเมื่อโดนลูบศีรษะพร้อมใบหน้าที่เอ็นดูเขา ถึงใบหน้าแบบนี้มันจะดูเป็นมิตรดีก็เถอะ แต่ท่าทีเป็นมิตรแบบนี้มันขัดกับคนที่ขโมยกล่องข้าวเขาไปเมื่อกลางวันสุดๆเลยนะ! เซโตะปัดมือที่คอยยุ่งกับตัวเขาออกอย่างโมโห
คาโอรุยักไหล่เล็กน้อยแล้วตัดสินใจถามเรื่องจริงจังอย่างการที่ทำไมเซโตะที่ตัวโตกว่านี้ถึงทิ้งเด็กน้อยไว้หน้าบ้าน
"เซโตะที่ตัวโตกว่านี้?" เด็กน้อยผมแดงทำหน้างุนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเข้าใจ "นายคิดว่าฉันอยากทิ้งตัวเองไว้หน้าบ้านรึไง ฉันนี่ล่ะ มุราคาอิ เซโตะ อายุสิบเจ็ดปี อยู่โรงเรียนมัธยมไคเซย์ห้องเอ!"
คาโอรุกระพริบตาปริบๆแล้วถอนหายใจ หยิกแก้มเด็กน้อยเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ส่้งผลให้มือเล็กๆคู่นั่นต้องปัดออกอย่างไม่พอใจ ผู้มีผมสีดำสนิทถอนหายใจพลางนั่งกอดเข่้าอยู่กับพื้น
"ฉันรู้ว่านายหมายถึงใคร อย่าไปพูดถึงเลย คนอย่างเจ้านั่น...ฉันเกลียดที่สุด!"
เซโตะสะดุ้งโหยง รีบคิดทันทีว่าตัวเองไปทำอะไรไว้ แต่มันก็ใช้เวลาไม่นานหรอกเพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองนี่นา
เพื่อปกป้องสิทธิและความถูกต้อง เซโตะเบบี้รีบเถียงทันที "ที่จูบไปวันนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ความจริงก็แค่อยากขู่เท่านั้นเองนะ เธอเองก็ร้ายกาจที่ขโมยกล่องข้าวกลางวันคนอื่นเขาไปนี่!"
คาโอรุไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเด็กน้อย ตรงกันข้าม ยังอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ใจดีอีกต่้างหาก
"ตอนเด็กๆฉันโดนน้องสาวหลอกเอานะ มันมีนิทานเรื่องหนึ่งเจ้าหญิงต้องจุมพิตกบเพื่อให้กลับคืนร่างเป็นเจ้าชายใช่ไหมล่ะ คาโอริแกล้งหลอกว่าเป็นเพราะเจ้าชายไปจูบกับคนอื่นนะ"
เซโตะขำกลิ้ง "แล้วเธอก็เชื่อเนี่ยนะ!"
คาโอรุหน้ามุ่ยขึ้นมาเล็กน้อย "ก็คาโอริบอกว่าถ้าโดนจูบก็ต้องแก้ไขด้วยจูบ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องนี่นา แถมท่าทีตอนนั้นยังน่าเชื่อถือด้วย โตขึ้นมาค่อยรู้ว่าโดนแกล้งเอาเต็มเปาเลย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็เป็นอะไรที่ฝังใจสุดๆเลย ฉันถึงเกลียดการโดนจูบมากเลยล่ะ"
เซโตะหัวเราะอยู่กับพื้นอย่างใจร้าย ที่ต้องบอกว่าใจร้ายเพราะเขาตั้งใจหัวเราะเต็มที่จนแม้แต่ปวดท้องไปหมดยังไม่ค่อยจะอยากหยุดเลย! คาโอรุถอนหายใจเบาๆ ถามหากำหนดการที่เซโตะร่างเด็กมัธยมจะกลับ
เด็กน้อยยักไหล่ ดูแล้วแก่้แดดแก่ลม สำหรับผู้มีนัยย์ตาสีราตรีแล้วช่างเป็นบุคลิกที่เหมือนกับคนคนนั้นเหลือเกิน หรือว่านอกจากชื่อแล้วยังมีอะไรเหมือนกันกว่านี้อีกงั้นเหรอ
เซโตะเบบี้ถูมือไปมา "ก็... ฉันไม่รู้จะโตอีกเมื่อไหร่น่ะนะ ยังไงก็ต้องอยู่พักที่นี่สักระยะล่ะ นายคงไม่ใจร้ายทิ้งฉันไว้กับหิมะใช่ไหม? อ้อ ต้องไม่ทำแน่นอนสิ เพราะนายมันเป็นพวกชอบมองโลกและสังคมในแง่ดี แล้วพยามให้คนอื่นทำสิ่งดีในมาตรฐานของตนเองไปด้วย"
คาโอรุอ้าปากค้าง เขาเข้าใจว่าเด็กตัวน้อยนี่คงหมายถึงเรื่องเข้าค่ายปรับพฤติกรรมที่เขาส่งชื่อเซโตะในฐานะ 'บุคคลที่ควรไปที่สุด' แต่เขาก็หวังดีจริงๆนี่นา พฤติกรรมที่อย่างกับสมาชิกแก๊งยากูซ่ามันไม่ช่วยอะไรขึ้นมาหรอก แต่เจ้านั่นกลับตอบแทนความดีของเขาด้วยการทำเรื่องบ้าบอที่สุดในโลก!
ดูจากสีหน้าอีกฝ่ายที่ย่ำแย่ เซโตะเบบี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคาโอรุคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจเบาๆ
"นายจะสร้างมาตรฐานความดีขึ้นมานั่นก็เป็นเรื่องของนาย แต่ว่า...นายจะให้ใครปรับอะไรเพื่อมาตรฐานนั้นทุกครั้งก็เป็นไปไม่ได้หรอกนะ"
คาโอรุกระพริบตาปริบๆ "แม้ว่าฉันจะทำเพื่อตัวของเขาเองงั้นเหรอ"
"ตกลงนายทำไปเพราะเป็นห่วงหรือ" เซโตะขมวดคิ้วแล้วยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาทาบแผ่นอก สัมผัสบริเวณที่หัวใจเต้นตุ้บๆ "งั้นนายต้องยอมรับให้ได้สิว่าตัวตนของฉันเป็นแบบไหน ถ้านายหวังดีก็ต้องเปิดใจรับว่าฉันเองก็มีนิสัยที่ต่างจากคนอื่น แต่ยกเว้นเรื่องที่มันเกินขอบเขตจริงๆล่ะนะ"
เซโตะเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "เพราะสิ่งที่ฉันกลัว...คือการเปลี่ยนนิสัยเป็นใครที่ไม่รู้จัก"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ