My Love ปฏิบัติการรักพิชิตใจยัยจอมจุ้นและนายแบดบอย
8.4
5) เกือบตกบันได
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ5
ผ่านมาสองวันแล้วที่ฉันสักเกตพฤติกรรมของเขา ขอบอกตามตรงนะ ผู้ชายอะไรหลายอารมภ์ นิสัยของเขาไม่ตรงกับข้อมูลที่ฉันได้มาเลยสักนิด และวันนี้ก็อีกวันที่ฉันสังเกตเขาอยู่
“นี้ คารุเธอเป็นอะไรเหรอมองเรียวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ยูมิพูดพร้อมมองตาฉันและหันไปมองเรียวที่โดนผู้หญิงทั้งโรงอาหารกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
“หุบปากซะ!!!” และเหมือนเคย เพียงเขาตะโกนแค่ครั้งเดียวผู้หญิงทั้งหมดก็หุบปากทันที
ฉันมองภาพเรียวที่กำลังอารมภ์เสียอยู่ดีๆฉันเลยต้องหายใจออกมาแรง
“เฮ้อ” ฉันถอดหายใจอย่างหนัก ยูมิเองก็น่าจะได้ยินเพราะเธอเลิกมองเรียวกลับหันมาทางฉัน
“เป็นอะไร ทำไมถอดหายใจอย่างนั้นละ” ยูมิถามก่อนจะกินน้ำส้มไปอึกหนึ่งและก้มกินข้าวของตัวเองไปคำหนึ่ง
“จะปรับนิสัยเขายังไงดีนะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆและคิดว่าคนข้างๆคงไม่ได้ยิน แต่ฉันคิดผิดเพราะยูมิถึงกับชะงักช้อนข้าวไว้กลางอากาศและมองฉันตาโต
“เมื้อกี้เธอว่าไงนะ ปรับนิสัยใคร”
อ๊ากกก!!! หูเธอดีจังนะยูมิฉันว่าฉันพูดเสียงเบาแล้วนะ
“ใครบอกสิ!!!” ยูมิถามซ้ำอีกเมื่อฉันไม่บอก ฉันหันไปมองยูมิที่ตอนนี้ถลึงตาใส่ฉัน
ง่า อย่าทำตาแบบนั้นสิมันดูน่ากลัว
“ก็...” ฉันไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงแต่ฉันหันไปมองคนที่ตอนนี้ตบหัวเพื่อนไปทีหนึ่ง ยูมิไม่ถามอะไรฉันแต่หันไปมองตามฉันก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มแฝงอะไรซะอย่าง
เอ๋ รอยยิ้มนั้นแปลกแหะ
“อะไร ทำไมยิ้มแบบนั้น หยุดนะไม่สยอง” ฉันพูดพร้อมลูบตัวเองไปด้วย
“คุโรสากิ เรียว ใช่มั๊ย” ยูมิถามพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ฉันทำให้ฉันตามเอนหลังตาม
“อะไร ใคร เรียวเหรอ ไม่ใช่” ฉันพูดไม่ได้ศัพท์และไม่รู้เรื่องไปตามๆกันฉันเองก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ไม่ใช่ได้ไง ก็เรียวเป็นคนที่เธอต้องปรับนิสัยให้ ไม่ใช่เหรอ”
“เธอรู้...” ฉันพูดยังไม่จบประโยคยูมิก็พูดขึ้นมาก่อน
“เธอคิดว่าฉันเป็นใคร ฉัน อิเชเกะ คารุ เพื่อซี้เธอไง”
“ใช่ ฉันรู้ แต่เอาเถอะเธอรู้แล้วฉันคงไม่ต้องอธิบาย ออกไปได้แล้ว กินข้าวต่อเถอะ” ฉันบอก ยูมิจึงขยับออกและไปนั่งกินข้าวของตัวเองตามเดิมอย่างว่าง่าย และฉันก็เอนตัวกลับมากินข้าวของตัวเอง
เมื่อฉันและยูมิทานข้าวเสร็จก็เดินไปที่ใต้ร่มไม้หลังอาคารเรียนที่ฉันเรียนเป็นที่ประจำของพวกฉัน ฉันและยูมิพูดหยอกล้อกันจนไม่รู้ว่าใครยื่นข้างหน้าพวกเรา
“ไง” เสียงใครบางคนดังใกล้ๆ แต่ฉันรู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้ ฉันและยูมิหันไปตามเสียงพร้อมกันและเห็นชายร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำเงินเข้มยืนยิ้มระรื่นอยู่
“ของนั่งด้วยคนได้ไหม” เรียวถามขึ้นเมื่อไม่มีใครพูด ยูมิพยักหน้ารับอย่างยินดีแต่ฉันนี้สิต้องจับแขนยัยเพื่อนซี้และกระซิบทางสายตา และยูมิก็เหมือนจะรู้เรื่องเธอยิ้มกลับก่อนจะลุกขึ้น
“ได้สิ เชิญนั่งเลย” ยูมิหันไปพูดกับเรียวและยื่นมือมาทางฉัน
เอ๊ะ!! หรือว่าจะ
“ขอบใจ” เรียวพูดก่อนมานั่งข้างฉัน ฉันหันไปมองคนที่มานั่งอย่างสบายอารมภ์ข้างฉันก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนตอนแสบ แต่ตอนนี้ฉันเห็นเพียงแค่หลังยูมิหายที่วิ่งลับหายไป
ฉันหันไปหาเรียวที่นอนพิงต้นไม้อย่างสบายอารมภ์อยู่คนเดียว
“นี้ ยูมิจะไปไหนเหรอ” ฉันถลาเขาไปถามคนที่นอนสบายใจอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อฉันเห็นว่าเขาไม่ตอบฉันจึงตัดสินใจเดินออกมาเพื่อไปตามยูมิ แต่ฉันยังเดินพอก้าวหนึ่งเลย ฉันก็ถูกแรงกระชากไปนั่งใต้ร่มไม้ข้างเรียวซะแล้ว
ฉันหันไปมองตาเขียวใส่คนที่กระชากฉันที่ตอนนี้ยังอยู่ในถ้าเดิม ฉันก้มลงมองมือฉันที่ตอนนี้มือเรียวประกบมือฉันอยู่
ตึก
เอ๊ะ อะไรความรู้สึกเมื้อกี้อะไรน่ะ
“นี้ปล่อยฉันนะ” ฉันหันไปตวาดใส่เรียวและดึงมือตัวเองออก แต่เรียวกลับยึดไว้
เรียวลืมตาขึ้นมาและมองฉัน ฉันเองก็กะว่าจะด่าเขาอยู่หรอกนะ แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นมาฉันและเขาจมูกชนกันแล้ว ฉันและเรียวต่างคนต่างไม่กล้าขยับดวงตาสองเราเปิดกว้างจนฉันเห็นเงาของฉันอยู่ในดวงตาดำสนิทของเขา ฉันมองดวงตานั้นไม่รู้นานเท่าไรแต่ที่รู้ดวงตาของเรียวนี้สวยชะมัด และนั้นทำให้ฉันเผลอพูดว่า...
“สวยจัง”
ผลัก!!!
“นี้!!! เธอว่าใครสวย ห๊ะ” ว่าแล้วเรียวก็ผลักฉันไปจมกองอยู่กับพื้น
อ๊าก อีตาบ้าผลักมาได้ก้นฉันบวมแหง
ฉันเอามือลูบสะโพกตัวเองและมองเรียวตาขวาง
“จะบอกให้นะ ฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายทั้งแท่ง” แล้วเรียวก็สบถมาอีกจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
“นี้!!! พอได้แล้วที่ฉันว่าสวยนะตานายต่างหาดละที่สวย” ฉันตะโกนอย่างเหลืออด แต่เอ๋ทำไมเงียบไปละ เขาน่าจะว่าฉันนี้ ฉันลืมตาขึ้นมาและได้เห็นไปหน้าที่เมื่อกี้ยังเขียวแต่ตอนนี้มันเป็นสีลูกมะเขือเทศยังแพ้เลย
เอ๋ อย่าบอกว่าคนที่โหด ที่ชอบอละวาดกลับเขินเป็นกับเขาด้วยเหรอ
“นี้อย่าบอกว่านายเขินน่ะ” พอฉันพูดหน้าเรียวแดงขึ้นอีก
ผู้ชายอะไรเวลาเขินเนี่ยน่ารักชะมัด ยิ่งเป็นผู้ชายที่ชอบอละวาดด้วยแล้วน่ารักเป็นบ้า
“ยะ ยัยบ้า คะ ใครเขิน” เรียวพูดตะกุกตะกะฟังไม่รู้เรื่องเลย และเดินหนีไป แน่เหรอว่าคนอย่างฉันจะไม่ยอม(แกล้ง)ให้หนีละนางเอกของเรื่องเหรอเนี่ย
และฉันก็แกล้งเขาไปตลอดทางจนถึงทางขึ้นห้องเรียน และ
ตุ้บ!!!
“อ๊ะ!!!”
อ๊าก!!! อีตาบ้าหยุดก็ไมบอกกัน
แย่ละ ตกแน่ เพราะฉันเดินชนเขาอย่างแรงเลยนี้ แต่ฉันไม่รู้อะไรเลยตอนนี้ฉันหลับตาปี๋เลยและนึกถึงสภาพที่ฉันจะนอนกองอยู่ข้างล่าง
หมับ
ผ่านมาสองวันแล้วที่ฉันสักเกตพฤติกรรมของเขา ขอบอกตามตรงนะ ผู้ชายอะไรหลายอารมภ์ นิสัยของเขาไม่ตรงกับข้อมูลที่ฉันได้มาเลยสักนิด และวันนี้ก็อีกวันที่ฉันสังเกตเขาอยู่
“นี้ คารุเธอเป็นอะไรเหรอมองเรียวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ยูมิพูดพร้อมมองตาฉันและหันไปมองเรียวที่โดนผู้หญิงทั้งโรงอาหารกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
“หุบปากซะ!!!” และเหมือนเคย เพียงเขาตะโกนแค่ครั้งเดียวผู้หญิงทั้งหมดก็หุบปากทันที
ฉันมองภาพเรียวที่กำลังอารมภ์เสียอยู่ดีๆฉันเลยต้องหายใจออกมาแรง
“เฮ้อ” ฉันถอดหายใจอย่างหนัก ยูมิเองก็น่าจะได้ยินเพราะเธอเลิกมองเรียวกลับหันมาทางฉัน
“เป็นอะไร ทำไมถอดหายใจอย่างนั้นละ” ยูมิถามก่อนจะกินน้ำส้มไปอึกหนึ่งและก้มกินข้าวของตัวเองไปคำหนึ่ง
“จะปรับนิสัยเขายังไงดีนะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆและคิดว่าคนข้างๆคงไม่ได้ยิน แต่ฉันคิดผิดเพราะยูมิถึงกับชะงักช้อนข้าวไว้กลางอากาศและมองฉันตาโต
“เมื้อกี้เธอว่าไงนะ ปรับนิสัยใคร”
อ๊ากกก!!! หูเธอดีจังนะยูมิฉันว่าฉันพูดเสียงเบาแล้วนะ
“ใครบอกสิ!!!” ยูมิถามซ้ำอีกเมื่อฉันไม่บอก ฉันหันไปมองยูมิที่ตอนนี้ถลึงตาใส่ฉัน
ง่า อย่าทำตาแบบนั้นสิมันดูน่ากลัว
“ก็...” ฉันไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงแต่ฉันหันไปมองคนที่ตอนนี้ตบหัวเพื่อนไปทีหนึ่ง ยูมิไม่ถามอะไรฉันแต่หันไปมองตามฉันก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มแฝงอะไรซะอย่าง
เอ๋ รอยยิ้มนั้นแปลกแหะ
“อะไร ทำไมยิ้มแบบนั้น หยุดนะไม่สยอง” ฉันพูดพร้อมลูบตัวเองไปด้วย
“คุโรสากิ เรียว ใช่มั๊ย” ยูมิถามพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ฉันทำให้ฉันตามเอนหลังตาม
“อะไร ใคร เรียวเหรอ ไม่ใช่” ฉันพูดไม่ได้ศัพท์และไม่รู้เรื่องไปตามๆกันฉันเองก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
“ไม่ใช่ได้ไง ก็เรียวเป็นคนที่เธอต้องปรับนิสัยให้ ไม่ใช่เหรอ”
“เธอรู้...” ฉันพูดยังไม่จบประโยคยูมิก็พูดขึ้นมาก่อน
“เธอคิดว่าฉันเป็นใคร ฉัน อิเชเกะ คารุ เพื่อซี้เธอไง”
“ใช่ ฉันรู้ แต่เอาเถอะเธอรู้แล้วฉันคงไม่ต้องอธิบาย ออกไปได้แล้ว กินข้าวต่อเถอะ” ฉันบอก ยูมิจึงขยับออกและไปนั่งกินข้าวของตัวเองตามเดิมอย่างว่าง่าย และฉันก็เอนตัวกลับมากินข้าวของตัวเอง
เมื่อฉันและยูมิทานข้าวเสร็จก็เดินไปที่ใต้ร่มไม้หลังอาคารเรียนที่ฉันเรียนเป็นที่ประจำของพวกฉัน ฉันและยูมิพูดหยอกล้อกันจนไม่รู้ว่าใครยื่นข้างหน้าพวกเรา
“ไง” เสียงใครบางคนดังใกล้ๆ แต่ฉันรู้สึกคุ้นๆยังไงไม่รู้ ฉันและยูมิหันไปตามเสียงพร้อมกันและเห็นชายร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำเงินเข้มยืนยิ้มระรื่นอยู่
“ของนั่งด้วยคนได้ไหม” เรียวถามขึ้นเมื่อไม่มีใครพูด ยูมิพยักหน้ารับอย่างยินดีแต่ฉันนี้สิต้องจับแขนยัยเพื่อนซี้และกระซิบทางสายตา และยูมิก็เหมือนจะรู้เรื่องเธอยิ้มกลับก่อนจะลุกขึ้น
“ได้สิ เชิญนั่งเลย” ยูมิหันไปพูดกับเรียวและยื่นมือมาทางฉัน
เอ๊ะ!! หรือว่าจะ
“ขอบใจ” เรียวพูดก่อนมานั่งข้างฉัน ฉันหันไปมองคนที่มานั่งอย่างสบายอารมภ์ข้างฉันก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนตอนแสบ แต่ตอนนี้ฉันเห็นเพียงแค่หลังยูมิหายที่วิ่งลับหายไป
ฉันหันไปหาเรียวที่นอนพิงต้นไม้อย่างสบายอารมภ์อยู่คนเดียว
“นี้ ยูมิจะไปไหนเหรอ” ฉันถลาเขาไปถามคนที่นอนสบายใจอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อฉันเห็นว่าเขาไม่ตอบฉันจึงตัดสินใจเดินออกมาเพื่อไปตามยูมิ แต่ฉันยังเดินพอก้าวหนึ่งเลย ฉันก็ถูกแรงกระชากไปนั่งใต้ร่มไม้ข้างเรียวซะแล้ว
ฉันหันไปมองตาเขียวใส่คนที่กระชากฉันที่ตอนนี้ยังอยู่ในถ้าเดิม ฉันก้มลงมองมือฉันที่ตอนนี้มือเรียวประกบมือฉันอยู่
ตึก
เอ๊ะ อะไรความรู้สึกเมื้อกี้อะไรน่ะ
“นี้ปล่อยฉันนะ” ฉันหันไปตวาดใส่เรียวและดึงมือตัวเองออก แต่เรียวกลับยึดไว้
เรียวลืมตาขึ้นมาและมองฉัน ฉันเองก็กะว่าจะด่าเขาอยู่หรอกนะ แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นมาฉันและเขาจมูกชนกันแล้ว ฉันและเรียวต่างคนต่างไม่กล้าขยับดวงตาสองเราเปิดกว้างจนฉันเห็นเงาของฉันอยู่ในดวงตาดำสนิทของเขา ฉันมองดวงตานั้นไม่รู้นานเท่าไรแต่ที่รู้ดวงตาของเรียวนี้สวยชะมัด และนั้นทำให้ฉันเผลอพูดว่า...
“สวยจัง”
ผลัก!!!
“นี้!!! เธอว่าใครสวย ห๊ะ” ว่าแล้วเรียวก็ผลักฉันไปจมกองอยู่กับพื้น
อ๊าก อีตาบ้าผลักมาได้ก้นฉันบวมแหง
ฉันเอามือลูบสะโพกตัวเองและมองเรียวตาขวาง
“จะบอกให้นะ ฉันเป็นผู้ชาย ผู้ชายทั้งแท่ง” แล้วเรียวก็สบถมาอีกจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
“นี้!!! พอได้แล้วที่ฉันว่าสวยนะตานายต่างหาดละที่สวย” ฉันตะโกนอย่างเหลืออด แต่เอ๋ทำไมเงียบไปละ เขาน่าจะว่าฉันนี้ ฉันลืมตาขึ้นมาและได้เห็นไปหน้าที่เมื่อกี้ยังเขียวแต่ตอนนี้มันเป็นสีลูกมะเขือเทศยังแพ้เลย
เอ๋ อย่าบอกว่าคนที่โหด ที่ชอบอละวาดกลับเขินเป็นกับเขาด้วยเหรอ
“นี้อย่าบอกว่านายเขินน่ะ” พอฉันพูดหน้าเรียวแดงขึ้นอีก
ผู้ชายอะไรเวลาเขินเนี่ยน่ารักชะมัด ยิ่งเป็นผู้ชายที่ชอบอละวาดด้วยแล้วน่ารักเป็นบ้า
“ยะ ยัยบ้า คะ ใครเขิน” เรียวพูดตะกุกตะกะฟังไม่รู้เรื่องเลย และเดินหนีไป แน่เหรอว่าคนอย่างฉันจะไม่ยอม(แกล้ง)ให้หนีละนางเอกของเรื่องเหรอเนี่ย
และฉันก็แกล้งเขาไปตลอดทางจนถึงทางขึ้นห้องเรียน และ
ตุ้บ!!!
“อ๊ะ!!!”
อ๊าก!!! อีตาบ้าหยุดก็ไมบอกกัน
แย่ละ ตกแน่ เพราะฉันเดินชนเขาอย่างแรงเลยนี้ แต่ฉันไม่รู้อะไรเลยตอนนี้ฉันหลับตาปี๋เลยและนึกถึงสภาพที่ฉันจะนอนกองอยู่ข้างล่าง
หมับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ