You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
7) บทที่7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ จิเสะเดินคอตกกลับบ้านมาพร้อมกลุ่มเพื่อนที่เอาแต่ปลอบโยนเธอ ถึงแม้กระนั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้นัก ทั้งนี้ เรื่องที่ทำให้เด็กสาวต้องซึมไปคือการที่ไม่ได้เจอมาซารุ กลุ่มเพื่อนของเธอถึงแม้จะอยู่ชมรมเดียวกันแต่กลับมีธุระด่วนแทรกเข้ามาจนไม่ได้ไปดูการแข่งขัน ช่างเป็นความบังเอิญอันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่สุดท้ายในวันนี้ยังไม่มีใครได้เจอมาซารุเลยสักคน
แม้ว่าตอนแรกยังมีความหวังกับการที่จะมีใครอัดภาพไว้ แต่ชมรมชงชาเล็กเกินกว่าจะถ่ายภาพในสภาวะคนเยอะขนาดนั้นและถึงจะมีในส่วนของการแข่งขันเคนโด้ก็ตาม แต่จิเสะเห็นเมมโมรี่ของกล้องโดนทำลายต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ความพ่ายแพ้ของชมรมเคนโด้เป็นอะไรที่เกินกว่าคนภายนอกจะเข้าใจจริงๆ
เหตุผลทั้งหมดได้รวมกันกลายเป็นความซึมเศร้ายามเดินกลับบ้านในวันนี้ของเด็กสาวนั่นเอง
เฉกเช่นเดียวกันกับจินเนะ เธอใช้เครือข่ายแฟนคลับที่มีอยู่ในทุกชมรมเพื่อการเจาะหาภาพของมาซารุรวมทั้งตั้งราคาภาพถ่ายในราคาที่สูงมากเกินกว่าความจำเป็นจากสายตาของคนทั่วไป ถ้าหากเธอประกาศไว้ก่อนหน้านี้ คงจะมีใครแอบถ่ายภาพไว้บ้างหรอก
เพราะยกเว้นคนจากชมรมเคนโด้ที่ได้รับอนุญาติพิเศษซึ่งตอนนี้เมมโมรี่การ์ดได้ถูกทำลายแล้ว กฏง่ายๆที่จุนขอไว้คือการห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด ตั้งแต่เขาเห็นจินเนะนั่งรถออกไปกับไซโตะ ผู้จัดการส่วนตัวของเด็กสาวแล้ว เขาก็ได้ตั้งกฏนี้ขึ้นมาทันทีเพื่อกันไม่ให้จินเนะล่วงรู้ว่ามาซารุเป็นใครหรือหน้าตายังไง นี่อาจเป็นชัยชนะในไม่กี่ครั้งก็ย่ิอมได้
ระหว่างที่นั่งรถบัสไปยังฟุมิเนเนะ จุนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั่งเกร็งพอสมควรรวมทั้งยังหน้าซีดลงไปเล็กน้อย
"เอ่อ มาซารุซังเมารถหรือเปล่า" จุนถามด้วยความเป็นห่วง "ทำไมหน้าซีดเซียวเชียวล่ะ"
"ข้าไม่เป็นไร แต่ทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงได้เร็วนักล่ะ น่าจะเร็วกว่าม้าฝีเท้าดีๆซะอีกนะ"
จุนอ้าปากค้าง "มาซารุซังไม่เคยนั่งรถบัสหรือ งั้นเธอไปที่โรงเรียนไคเซย์ได้ยังไงกัน คงไม่ใช่ว่าเดิน...หรอกนะ?"
"ข้า..." มาซารุกระพริบตาสองสามที "ใช่ ข้าเดินไปนะ"
จุนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาน่าจะพาคนคนนี้ไปที่โรงเรียนด้วยกันตั้งแต่ตอนเช้่า
ก็เห็นๆอยู่ในศาลเจ้าฟุมิเนเนะไม่ได้เครื่องอำนวยความสะดวกอะไรที่มันทันสมัยเลยสักนิด และมาซารุคนนี้คงไม่ใช่ประเภทที่จะเดินทางไปไหนต่อไหนหรือเข้าสังคมในเมือง การที่ไม่เคยพบรถบัสก็คงเป็นเพราะเมื่อลงที่ป้ายแล้วยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณห้านาทีถึงจะเจอทางขึ้นศาลเจ้าฟุมิเนเนะ
"งั้นเดี๋ยวผมจะจดตารางรถบัสให้เธอแล้วกันนะ เผื่อว่าจะไปในเมืองจะได้ไม่ต้องเดินไป"
มาซารุรับกระดาษที่มีตัวเลขเขียนไว้แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ แม้ว่าสำหรับเขาแล้วการที่ต้องนั่งรถบัสไม่ใช่เรื่องจำเป็นก็ตาม
"เอ๊ะ รุ่นพี่เองก็ไม่รู้หรือคะว่าคนที่รุ่นพี่จุนเขาซ่อนอยู่เป็นใคร?" ซายากะถูกส่งมาเพื่อสอบถามข้อมูลจากจิเสะถึงที่บ้าน ซึ่งก็ตามที่จุนคาดไว้ไม่ผิด "รู้แค่ว่าเป็นผู้ชายเท่านั้นเองหรือคะ"
"ก็...อะไรประมาณนั้นนะจ้ะ แต่ทำไมต้องปิดกันด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆเลย" เด็กสาวพูดพึมพำก่อนจะโพล่งเสียงดังลั่น "หรือว่าจะเป็นคนไม่ดีกันนะ!"
ซายากะทุบกำปั้นลงกับมืออีกข้าง "ต้องใช่แน่นอนเลยค่ะ รุ่นพี่จิเสะอย่าวางใจเชียวนะคะ ซายากะเป็นห่วงสุดๆเลย แบบนี้รุ่นพี่ต้องตามติดรุ่นพี่จุนให้มากๆนะคะ ถ้ามีอะไรก็ช่วยรายงานซายากะด้วยนะคะ"
ถึงจะรู้สึกว่าประโยคหลังมันแปลกๆก็ตาม เด็กสาวก็พยักหน้ารับด้วยความมุ่งมั่น หลังโดนบิวต์อารมณ์ให้มองเพื่อนปริศนาของจุนว่าต้องเป็นคนร้ายกาจไปแล้ว เธอก็พยามเต็มที่ในการจะสะกดรอยตามจุนไปให้ได้ วันนี้เพราะความผิดพลาดเลยไม่ได้ตาม แต่พรุ่งนี้ไม่พลาดแน่ๆ!
ซายากะขอตัวและเดินออกมาด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่ได้ของรางวัลจากเมยามิ ริกะก็ตามที แต่ว่าถ้ารุ่นพี่หญิงคนนั้นได้ข้อมูลอะไรมาบอก เธอก็ได้ของรางวัลแล้ว!
ฮุๆๆ ขอโทษด้วยนะคะ ถึงความจริงจะอยากบอกว่า 'คิดมากไปไหมคะ' ก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มันจำเป็นนะค่ะ ฮุๆๆ
แต่ใครจะคาดคิดเล่าวว่า หลังจากนั้น จิเสะจะทนอยู่เฉยไม่ไหวจนอยากจะไปสอบถามความจริงถึงที่บ้านของจุน แต่ทว่า...ตอนที่กำลังเดินไปตามทางลัดซึ่งใช้ประจำ เสียงของหญิงมีอายุคนหนึ่งได้ร้องเรียกเธอขึ้นมา
ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณย่าร้านทำนายดวงนั่นเอง เธอเพิ่งมาเปิดซุ้มร้านใหม่ได้วันแีรก น่าเสียดายที่ลูกค้ายังเงียบเหงา แผนการชักชวนลูกค้าจึงได้เริ่มขึ้น
"ดวงความรักดูเหมือนจะมีอะไรแปลกไปนะ!"
เสียงดังโอเวอร์กับท่าทีประหลาดที่ลูบลูกแก้วไปมาทำให้ผู้คนในระยะร้อยเมตรต้องหันมา บางคนทำหน้าไม่สบอารมณ์ด้วยความรำคาญก็จริง แต่บางคนกลับมีท่าทีสนใจขึ้นมาเล็กน้อยและหยุดดู แผนเรียกลูกค้าคงจะได้ผลเป็นแน่แท้และคงได้ผลมาหลายครั้งแล้วด้วย มิฉะนั้น ทั้งจิเสะทั้งจุนคงไม่กลายเป็นพรีเซนเตอร์จำเป็นแบบนี้หรอก
"ฮ่า! คนรักๆ...คนรัก!" จิเสะสะดุ้งเมื่อโดนตะโกนใส่ "ทำไมเธอถึงเกี่ยวข้องกับเจ้าหนูนั่นได้นะ หรือว่าคนที่เป็นตัวเรียกลูกค้าของฉันต้องมีดวงความรักคล้องกับเจ้าหนูนั่นทุกคน เอ้อ...ไม่มีอะไรๆ"
คุณย่าร้านทำนายดวงที่หลุดพูดอะไรแปลกๆออกมารีบทำหน้าจริงจังตึงเครียดกว่าปกติอย่างเดิืม
"คนรักผันแปรเพราะโชคชะตาไม่เป็นใจ บอกข้ามาสิ ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรสักอย่างกันใช่ไหม หนักไหมล่ะ"
จิเสะนึกถึงจุนขึ้นมาแล้วหน้าแดงเรื่อ พยักหน้าหงึกๆ "ก็...พอสมควรค่ะ อ๊ะ ตะ...แต่เขาไม่ใช่คนรัก..."
"ฉันรู้หรอกน่า โชคชะตาไม่เป็นใจขนาดนี้อย่าว่าแต่เป็นแฟนกันเลย แค่สารภาพรักก็มีมารขัดขวางแล้ว อื้ม ระหว่างเจ้าและเจ้าหนูนั่นมีใครบางคนขัดขวางอยู่ ใครบางคนที่อยู่ใกล้ตัวจนคาดไม่ถึงและไกลตัวจนดูไม่ออก"
"ใกล้จนคาดไม่ถึง ไกลจนดูไม่ออก?"
คุณย่าร้านทำนายดวงพยักหน้าหงึกหงัก
"ถูกต้อง บอกข้าสิ ที่ทะเลาะกันหนักเป็นเพราะเขาไม่ดีหรือเป็นเพราะตัวเจ้าเอง ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกระตุ้นบางอย่างกับตัวของเจ้าเพื่อให้เขาไปพบกับคนที่พิเศษอย่างประหลาด พิเศษมากจน...จนน่าจะเรียกว่าแปลกสุดๆเลยล่ะ แถมคนที่ว่านี่ก็อยู่ในดวงความรักของเจ้าหนูด้วยนะ โฮ่โฮ่โฮ่"
"ความจริงเรื่องทะเลาะ...ฉันเองก็โกรธเขาหลายวันเหมือนกัน แต่จุนคุงไม่น่าจะส่งจดหายรักมาแกล้งกันนี่นา! ฮือ...ฉันเป็นคนทำให้จุนคุงพบคนพิเศษคนนั้นเหรอคะ?"
คุณย่าร้านทำนายดวงมีสีหน้าอ่อนขึ้นเมื่อเห็นอารมณ์เศร้าสร้อยและน้ำตาที่ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว เธอได้แต่ถอนหายใจ
"ไม่ใช่เพราะตัวเจ้าหรอก...ไม่ใช่เลย แต่จำที่ฉันบอกได้ไหมล่ะ มารขัดขวางนั่นนะ เป็นฝีมือมารมารคนนั้นแหละ ถ้าเจ้าไม่หวั่นไหวกับการกลั่นแกล้งของใครคนนั้นล่ะก็ เจ้าหนูจะกลายเป็นคู่แท้ของเจ้าโดยทันที เป็นแฟนแต่งงานแล้วก็มีความสุขในชีวิตคู่ เฮ้อ...น่าสงสาร โชคชะตาไม่เป็นใจมันก็อะไรแบบนี้แหละ ทำใจซะนะ เอาล่ะ เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันจะดูดวงให้เจ้าฟรีๆล่ะกัน"
ขอบ...คุณ?
จิเสะร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจที่ด้านหลังมีคนมุงอยู่เต็ม ดูเหมือนพวกเขาจะพยามแย่งกันเพื่อจะได้ไปเป็นลูกค้าคิวต่อไป และเนื่องจากลูกค้าทั้งหมดเป็นหญิงสาว บรรยากาศมันจึงเหมือนกับอยู่ในร้านที่มีแต่ของลดราคาไม่มีผิด จิเสะทำสีหน้าผวาแล้วรีบหลบหนีไป
เนื่องจากเป็นเวลาที่เย็นเกินกว่าจะไปรบกวน จิเสะตัดสินใจเดินกลับบ้านโดยในใจครุ่นคิดถึงคำทำนายเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา
คนพิเศษคนนั้นหรือว่าจะเป็นเพื่อนของจุนคุงคนนั้น? แล้วที่ว่ามีอะไรแปลกๆนั่นหมายความว่าไง เพื่อนของจุนคุงจะมีอะไรแปลกจนพบฉันไม่ได้กันนะ...
...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มันเริ่มขึ้นมา ในศาลเจ้าที่เงียบสงบในภูเขาแห่งนี้ จุนถอนริืมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าโดยที่ยังไม่ลดมือที่โอบเอวอีกฝ่ายอยู่ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงสีส้มเข้ม
จุนท่ามด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร
"เธอต้องการแค่นี้เหรอ"
"ใช่ แค่นี้ก็พอ" สีหน้าของมาซารุหม่นหมองลง "ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่เต็มใจอยู่ที่นี่ สิ่งที่ข้าขอเป็นรางวัลนี้คงจะทำให้เจ้าลำบากใจ อ๊ะ.."
จุนดึงร่างบอบบางของอีกฝ่ายให้เข้าใกล้อีกครั้งและเริ่มต้นจุมพิตอย่างนุ่มนวลที่สุด สัมผัสนั้นชวนหลงใหลมากซะจนมาซารุสมองขาวโพลนไปหมดผิดกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ...
เรื่องนี้เกิดขึ้น...เมื่อยี่สิบนาทีก่อน
มาซารุรับตารางเวลาของรถบัสมา แ้ม้ว่ามันจะไม่จำเป็นกับเขาเลยก็ตามที ร่างในชุดกิโมโนมองใบหน้าที่ครุ่นคิดผสมกับรู้สึกผิดของจุนแล้วยิ้มออกมา
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่ได้เหนื่อยหรืออะไรหรอกนะ อีกอย่าง ที่ได้แข่งในวันนี้ก็สนุกมาก เพราะว่าไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่ได้ประลองดาบกับใคร...หากไม่รวมที่สอนเจ้าไปในวันนั้น"
จุนมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากคิดหนักอยู่นาน เขานึกถึงหลักของความจำเป็นกับการดีใจ อะไรสำหรับผู้รับแล้วมันจำเป็นกว่ากัน?
ถ้าเป็นของที่ได้รับจากเขา ไม่ว่าอะไรมาซารุก็ดีใจทั้งนั้น แต่จุดนี้นี่แหละคือปัญหาล่ะ ต้องเป็นของที่ได้รับแล้วดีใจไม่ใช่เพราะได้รับจากเขาแล้วดีใจสิ! นี่มันรางวัลสำคัญนะ
แต่อะไรที่เป็นของที่มาซารุชอบกันล่ะ ถ้าเป็นพวกคนสมัยนี้ เด็กผู้ชายก็ต้องชอบลูกฟุตบอลล่ะมั้ง แต่ว่ามาซารุไม่น่าจะใช้พวกของชอบเล่นกีฬาเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะมีทักษะด้านเคนโด้ก็ตามที หรือว่าจะเป็นถ้วยชาสวยๆสักใบดีนะ?
เด็กหนุ่มคิดไปคิดมาแล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ "มาซารุซังชอบอะไรที่สุดเหรอ"
คู่สนทนาหันมาตอบอย่างไม่ปิดบัง "ข้าชอบเจ้าที่สุด"
จุนชะงักอย่างรู้สึกประหม่า เขารีบเปลี่ยนคำถาม "งั้นสิ่งของที่ชอบที่สุดคืออะไร คือผมจะได้ซื้อเป็นรางวัลให้นะ"
"ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งของนะ" มาซารุยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นก่อนจะจ้องหน้าจุนอยู่นาน สุดท้ายก็เสมองอย่างอื่นไป ทำเอาเด็กหนุ่มมึนตึ้บ ตกลงสิ่งของที่ชอบคืออะไร?
หรือว่าไม่มีกันนะ จะว่าไปมาซารุซังก็ดูไม่ค่อยวัตถุนิยมซะด้วยสิ แต่คนที่ไม่วัตถุนิยมนี่แหละที่ซื้อของให้ง่ายที่สุดและยากที่สุด
"ข้าอยากได้..."
จู่ๆมาซารุก็กล่าวขึ้นมา แต่รถบัสได้แล่นมาจนถึงที่หมายแล้ว ต่อจากนี้คือการเดินทางต่ออีกห้านาที ทว่า...แต่ตอนนั้นร่างในชุดกิโมโนนี่ก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ปริปากอะไรสักอย่าง นอกจากหันมาจ้องหน้าเขาในบางครั้งและเบือนหนี ช่างเป็นกริยาที่เข้าใจยากจริงๆ หรือว่ามาซารุอยากให้เขามาอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นรางวัลจริงๆ
ในที่สุดการเดินทางด้วยเท้าก็ยุติลงเมื่อถึงศาลเจ้าฟุมิเนเนะ จุนนั่งรับลมพร้อมชมพระอาทิตย์ตกและมองคนข้างกายดื่มชาอย่างเงียบๆ ใบหน้านั้นแดงเรื่อขึ้นมา แต่อาจเป็นเพราะแสงยามเย็นเช่นนี้ก็ได้...
ความคิดทั้งมวลหยุดชะงักเมื่อมาซารุเรียกชื่อเขาเบาๆ จุนหันไปหาอีกฝ่ายเพื่อฟังคำตอบ
"เจ้าก็รู้ว่าข้ารอเจ้ามานานมาก และถึงเจ้าจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ แต่ความรู้สึกของข้าที่มั่นคงมาตลอดหลายร้อยปี มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ"
มาซารุเกิดอาการอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที ซ้ำเขายังดูลังเลในการจะกล่าวไปอีกด้วย เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่ามาซารุต้องการอะไรกันแน่
"ถ้าเจ้ายังไม่อยากมาอยู่กับข้า...งั้นตอนนี้ ช่วย...จุมพิตข้า...ได้ไหม?" ร่างในชุดกิโมโนกล่าวด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ "เอ่อ แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ความจริงสำหรับข้าแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าละอายในการมีกล่าวแบบนี้กับคนที่ไม่ใช่คนรัก..."
คำพูดทั้งหมดทั้งมวลของมาซารุถูกหยุดไว้ด้วย 'รางวัล' แสนหวานจากจุน
กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน มาซารุจ้องมองเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยสายตาที่ตื่นตะลึงเมื่อจุมพิตคำรบสองได้หยุดลง เขาพูดเสียงเบาว่าทำไมซ้ำไปซ้ำมา
"ไม่รู้สินะ" จุนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ "สงสัยผมคงเผลอคิดไปว่าตัวเองคือคนที่มาซารุซังรอคอยอยู่ตลอดเวลา ถึงได้รู้สึกว่าเธอคือคนพิเศษของผมนะ"
แต่ร่างในชุดกิโมโนทวนคำเบาๆ "คนพิเศษเหรอ?"
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อมาซารุก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย มันสับสนปนเปไปหมด ทั้งดีใจทั้งยินดี...มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริงๆ
ทางด้านจุน เขารู้ตัวดีและรู้ตัวตลอดว่ากำลังพูดอะไร 'คำสารภาพรัก' ยังไงล่ะ ทั้งที่ความรู้สึกนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับจิเสะ แต่ในตอนนี้เขากลับพูดได้อย่างไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขามั่นใจ ถึงความรุ้สึกที่มีต่อจิเสะมันจะนานกว่าหรืออะไรก็ตาม แต่ในเวลานี้ ณ ที่นี่ เขามั่นใจว่าความรู้สึกของเขามันได้ตรงกับที่พูดไป
"ข้ารักเจ้า" ร่างในชุดกิโมโนเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความดีใจ โผเข้ากอดจุนด้วยความดีใจ
"จะผ่านไปนานแค่ไหนก็รักเจ้าและรักเจ้านะ จุน!"
แม้ว่าตอนแรกยังมีความหวังกับการที่จะมีใครอัดภาพไว้ แต่ชมรมชงชาเล็กเกินกว่าจะถ่ายภาพในสภาวะคนเยอะขนาดนั้นและถึงจะมีในส่วนของการแข่งขันเคนโด้ก็ตาม แต่จิเสะเห็นเมมโมรี่ของกล้องโดนทำลายต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ความพ่ายแพ้ของชมรมเคนโด้เป็นอะไรที่เกินกว่าคนภายนอกจะเข้าใจจริงๆ
เหตุผลทั้งหมดได้รวมกันกลายเป็นความซึมเศร้ายามเดินกลับบ้านในวันนี้ของเด็กสาวนั่นเอง
เฉกเช่นเดียวกันกับจินเนะ เธอใช้เครือข่ายแฟนคลับที่มีอยู่ในทุกชมรมเพื่อการเจาะหาภาพของมาซารุรวมทั้งตั้งราคาภาพถ่ายในราคาที่สูงมากเกินกว่าความจำเป็นจากสายตาของคนทั่วไป ถ้าหากเธอประกาศไว้ก่อนหน้านี้ คงจะมีใครแอบถ่ายภาพไว้บ้างหรอก
เพราะยกเว้นคนจากชมรมเคนโด้ที่ได้รับอนุญาติพิเศษซึ่งตอนนี้เมมโมรี่การ์ดได้ถูกทำลายแล้ว กฏง่ายๆที่จุนขอไว้คือการห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด ตั้งแต่เขาเห็นจินเนะนั่งรถออกไปกับไซโตะ ผู้จัดการส่วนตัวของเด็กสาวแล้ว เขาก็ได้ตั้งกฏนี้ขึ้นมาทันทีเพื่อกันไม่ให้จินเนะล่วงรู้ว่ามาซารุเป็นใครหรือหน้าตายังไง นี่อาจเป็นชัยชนะในไม่กี่ครั้งก็ย่ิอมได้
ระหว่างที่นั่งรถบัสไปยังฟุมิเนเนะ จุนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั่งเกร็งพอสมควรรวมทั้งยังหน้าซีดลงไปเล็กน้อย
"เอ่อ มาซารุซังเมารถหรือเปล่า" จุนถามด้วยความเป็นห่วง "ทำไมหน้าซีดเซียวเชียวล่ะ"
"ข้าไม่เป็นไร แต่ทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงได้เร็วนักล่ะ น่าจะเร็วกว่าม้าฝีเท้าดีๆซะอีกนะ"
จุนอ้าปากค้าง "มาซารุซังไม่เคยนั่งรถบัสหรือ งั้นเธอไปที่โรงเรียนไคเซย์ได้ยังไงกัน คงไม่ใช่ว่าเดิน...หรอกนะ?"
"ข้า..." มาซารุกระพริบตาสองสามที "ใช่ ข้าเดินไปนะ"
จุนรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาน่าจะพาคนคนนี้ไปที่โรงเรียนด้วยกันตั้งแต่ตอนเช้่า
ก็เห็นๆอยู่ในศาลเจ้าฟุมิเนเนะไม่ได้เครื่องอำนวยความสะดวกอะไรที่มันทันสมัยเลยสักนิด และมาซารุคนนี้คงไม่ใช่ประเภทที่จะเดินทางไปไหนต่อไหนหรือเข้าสังคมในเมือง การที่ไม่เคยพบรถบัสก็คงเป็นเพราะเมื่อลงที่ป้ายแล้วยังต้องเดินต่อไปอีกประมาณห้านาทีถึงจะเจอทางขึ้นศาลเจ้าฟุมิเนเนะ
"งั้นเดี๋ยวผมจะจดตารางรถบัสให้เธอแล้วกันนะ เผื่อว่าจะไปในเมืองจะได้ไม่ต้องเดินไป"
มาซารุรับกระดาษที่มีตัวเลขเขียนไว้แล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ แม้ว่าสำหรับเขาแล้วการที่ต้องนั่งรถบัสไม่ใช่เรื่องจำเป็นก็ตาม
"เอ๊ะ รุ่นพี่เองก็ไม่รู้หรือคะว่าคนที่รุ่นพี่จุนเขาซ่อนอยู่เป็นใคร?" ซายากะถูกส่งมาเพื่อสอบถามข้อมูลจากจิเสะถึงที่บ้าน ซึ่งก็ตามที่จุนคาดไว้ไม่ผิด "รู้แค่ว่าเป็นผู้ชายเท่านั้นเองหรือคะ"
"ก็...อะไรประมาณนั้นนะจ้ะ แต่ทำไมต้องปิดกันด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆเลย" เด็กสาวพูดพึมพำก่อนจะโพล่งเสียงดังลั่น "หรือว่าจะเป็นคนไม่ดีกันนะ!"
ซายากะทุบกำปั้นลงกับมืออีกข้าง "ต้องใช่แน่นอนเลยค่ะ รุ่นพี่จิเสะอย่าวางใจเชียวนะคะ ซายากะเป็นห่วงสุดๆเลย แบบนี้รุ่นพี่ต้องตามติดรุ่นพี่จุนให้มากๆนะคะ ถ้ามีอะไรก็ช่วยรายงานซายากะด้วยนะคะ"
ถึงจะรู้สึกว่าประโยคหลังมันแปลกๆก็ตาม เด็กสาวก็พยักหน้ารับด้วยความมุ่งมั่น หลังโดนบิวต์อารมณ์ให้มองเพื่อนปริศนาของจุนว่าต้องเป็นคนร้ายกาจไปแล้ว เธอก็พยามเต็มที่ในการจะสะกดรอยตามจุนไปให้ได้ วันนี้เพราะความผิดพลาดเลยไม่ได้ตาม แต่พรุ่งนี้ไม่พลาดแน่ๆ!
ซายากะขอตัวและเดินออกมาด้วยสีหน้าสบายอารมณ์ ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่ได้ของรางวัลจากเมยามิ ริกะก็ตามที แต่ว่าถ้ารุ่นพี่หญิงคนนั้นได้ข้อมูลอะไรมาบอก เธอก็ได้ของรางวัลแล้ว!
ฮุๆๆ ขอโทษด้วยนะคะ ถึงความจริงจะอยากบอกว่า 'คิดมากไปไหมคะ' ก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มันจำเป็นนะค่ะ ฮุๆๆ
แต่ใครจะคาดคิดเล่าวว่า หลังจากนั้น จิเสะจะทนอยู่เฉยไม่ไหวจนอยากจะไปสอบถามความจริงถึงที่บ้านของจุน แต่ทว่า...ตอนที่กำลังเดินไปตามทางลัดซึ่งใช้ประจำ เสียงของหญิงมีอายุคนหนึ่งได้ร้องเรียกเธอขึ้นมา
ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณย่าร้านทำนายดวงนั่นเอง เธอเพิ่งมาเปิดซุ้มร้านใหม่ได้วันแีรก น่าเสียดายที่ลูกค้ายังเงียบเหงา แผนการชักชวนลูกค้าจึงได้เริ่มขึ้น
"ดวงความรักดูเหมือนจะมีอะไรแปลกไปนะ!"
เสียงดังโอเวอร์กับท่าทีประหลาดที่ลูบลูกแก้วไปมาทำให้ผู้คนในระยะร้อยเมตรต้องหันมา บางคนทำหน้าไม่สบอารมณ์ด้วยความรำคาญก็จริง แต่บางคนกลับมีท่าทีสนใจขึ้นมาเล็กน้อยและหยุดดู แผนเรียกลูกค้าคงจะได้ผลเป็นแน่แท้และคงได้ผลมาหลายครั้งแล้วด้วย มิฉะนั้น ทั้งจิเสะทั้งจุนคงไม่กลายเป็นพรีเซนเตอร์จำเป็นแบบนี้หรอก
"ฮ่า! คนรักๆ...คนรัก!" จิเสะสะดุ้งเมื่อโดนตะโกนใส่ "ทำไมเธอถึงเกี่ยวข้องกับเจ้าหนูนั่นได้นะ หรือว่าคนที่เป็นตัวเรียกลูกค้าของฉันต้องมีดวงความรักคล้องกับเจ้าหนูนั่นทุกคน เอ้อ...ไม่มีอะไรๆ"
คุณย่าร้านทำนายดวงที่หลุดพูดอะไรแปลกๆออกมารีบทำหน้าจริงจังตึงเครียดกว่าปกติอย่างเดิืม
"คนรักผันแปรเพราะโชคชะตาไม่เป็นใจ บอกข้ามาสิ ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรสักอย่างกันใช่ไหม หนักไหมล่ะ"
จิเสะนึกถึงจุนขึ้นมาแล้วหน้าแดงเรื่อ พยักหน้าหงึกๆ "ก็...พอสมควรค่ะ อ๊ะ ตะ...แต่เขาไม่ใช่คนรัก..."
"ฉันรู้หรอกน่า โชคชะตาไม่เป็นใจขนาดนี้อย่าว่าแต่เป็นแฟนกันเลย แค่สารภาพรักก็มีมารขัดขวางแล้ว อื้ม ระหว่างเจ้าและเจ้าหนูนั่นมีใครบางคนขัดขวางอยู่ ใครบางคนที่อยู่ใกล้ตัวจนคาดไม่ถึงและไกลตัวจนดูไม่ออก"
"ใกล้จนคาดไม่ถึง ไกลจนดูไม่ออก?"
คุณย่าร้านทำนายดวงพยักหน้าหงึกหงัก
"ถูกต้อง บอกข้าสิ ที่ทะเลาะกันหนักเป็นเพราะเขาไม่ดีหรือเป็นเพราะตัวเจ้าเอง ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกระตุ้นบางอย่างกับตัวของเจ้าเพื่อให้เขาไปพบกับคนที่พิเศษอย่างประหลาด พิเศษมากจน...จนน่าจะเรียกว่าแปลกสุดๆเลยล่ะ แถมคนที่ว่านี่ก็อยู่ในดวงความรักของเจ้าหนูด้วยนะ โฮ่โฮ่โฮ่"
"ความจริงเรื่องทะเลาะ...ฉันเองก็โกรธเขาหลายวันเหมือนกัน แต่จุนคุงไม่น่าจะส่งจดหายรักมาแกล้งกันนี่นา! ฮือ...ฉันเป็นคนทำให้จุนคุงพบคนพิเศษคนนั้นเหรอคะ?"
คุณย่าร้านทำนายดวงมีสีหน้าอ่อนขึ้นเมื่อเห็นอารมณ์เศร้าสร้อยและน้ำตาที่ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาว เธอได้แต่ถอนหายใจ
"ไม่ใช่เพราะตัวเจ้าหรอก...ไม่ใช่เลย แต่จำที่ฉันบอกได้ไหมล่ะ มารขัดขวางนั่นนะ เป็นฝีมือมารมารคนนั้นแหละ ถ้าเจ้าไม่หวั่นไหวกับการกลั่นแกล้งของใครคนนั้นล่ะก็ เจ้าหนูจะกลายเป็นคู่แท้ของเจ้าโดยทันที เป็นแฟนแต่งงานแล้วก็มีความสุขในชีวิตคู่ เฮ้อ...น่าสงสาร โชคชะตาไม่เป็นใจมันก็อะไรแบบนี้แหละ ทำใจซะนะ เอาล่ะ เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันจะดูดวงให้เจ้าฟรีๆล่ะกัน"
ขอบ...คุณ?
จิเสะร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจที่ด้านหลังมีคนมุงอยู่เต็ม ดูเหมือนพวกเขาจะพยามแย่งกันเพื่อจะได้ไปเป็นลูกค้าคิวต่อไป และเนื่องจากลูกค้าทั้งหมดเป็นหญิงสาว บรรยากาศมันจึงเหมือนกับอยู่ในร้านที่มีแต่ของลดราคาไม่มีผิด จิเสะทำสีหน้าผวาแล้วรีบหลบหนีไป
เนื่องจากเป็นเวลาที่เย็นเกินกว่าจะไปรบกวน จิเสะตัดสินใจเดินกลับบ้านโดยในใจครุ่นคิดถึงคำทำนายเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา
คนพิเศษคนนั้นหรือว่าจะเป็นเพื่อนของจุนคุงคนนั้น? แล้วที่ว่ามีอะไรแปลกๆนั่นหมายความว่าไง เพื่อนของจุนคุงจะมีอะไรแปลกจนพบฉันไม่ได้กันนะ...
...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มันเริ่มขึ้นมา ในศาลเจ้าที่เงียบสงบในภูเขาแห่งนี้ จุนถอนริืมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าโดยที่ยังไม่ลดมือที่โอบเอวอีกฝ่ายอยู่ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงสีส้มเข้ม
จุนท่ามด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร
"เธอต้องการแค่นี้เหรอ"
"ใช่ แค่นี้ก็พอ" สีหน้าของมาซารุหม่นหมองลง "ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่เต็มใจอยู่ที่นี่ สิ่งที่ข้าขอเป็นรางวัลนี้คงจะทำให้เจ้าลำบากใจ อ๊ะ.."
จุนดึงร่างบอบบางของอีกฝ่ายให้เข้าใกล้อีกครั้งและเริ่มต้นจุมพิตอย่างนุ่มนวลที่สุด สัมผัสนั้นชวนหลงใหลมากซะจนมาซารุสมองขาวโพลนไปหมดผิดกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ...
เรื่องนี้เกิดขึ้น...เมื่อยี่สิบนาทีก่อน
มาซารุรับตารางเวลาของรถบัสมา แ้ม้ว่ามันจะไม่จำเป็นกับเขาเลยก็ตามที ร่างในชุดกิโมโนมองใบหน้าที่ครุ่นคิดผสมกับรู้สึกผิดของจุนแล้วยิ้มออกมา
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าไม่ได้เหนื่อยหรืออะไรหรอกนะ อีกอย่าง ที่ได้แข่งในวันนี้ก็สนุกมาก เพราะว่าไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่ได้ประลองดาบกับใคร...หากไม่รวมที่สอนเจ้าไปในวันนั้น"
จุนมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากคิดหนักอยู่นาน เขานึกถึงหลักของความจำเป็นกับการดีใจ อะไรสำหรับผู้รับแล้วมันจำเป็นกว่ากัน?
ถ้าเป็นของที่ได้รับจากเขา ไม่ว่าอะไรมาซารุก็ดีใจทั้งนั้น แต่จุดนี้นี่แหละคือปัญหาล่ะ ต้องเป็นของที่ได้รับแล้วดีใจไม่ใช่เพราะได้รับจากเขาแล้วดีใจสิ! นี่มันรางวัลสำคัญนะ
แต่อะไรที่เป็นของที่มาซารุชอบกันล่ะ ถ้าเป็นพวกคนสมัยนี้ เด็กผู้ชายก็ต้องชอบลูกฟุตบอลล่ะมั้ง แต่ว่ามาซารุไม่น่าจะใช้พวกของชอบเล่นกีฬาเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะมีทักษะด้านเคนโด้ก็ตามที หรือว่าจะเป็นถ้วยชาสวยๆสักใบดีนะ?
เด็กหนุ่มคิดไปคิดมาแล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ "มาซารุซังชอบอะไรที่สุดเหรอ"
คู่สนทนาหันมาตอบอย่างไม่ปิดบัง "ข้าชอบเจ้าที่สุด"
จุนชะงักอย่างรู้สึกประหม่า เขารีบเปลี่ยนคำถาม "งั้นสิ่งของที่ชอบที่สุดคืออะไร คือผมจะได้ซื้อเป็นรางวัลให้นะ"
"ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งของนะ" มาซารุยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นก่อนจะจ้องหน้าจุนอยู่นาน สุดท้ายก็เสมองอย่างอื่นไป ทำเอาเด็กหนุ่มมึนตึ้บ ตกลงสิ่งของที่ชอบคืออะไร?
หรือว่าไม่มีกันนะ จะว่าไปมาซารุซังก็ดูไม่ค่อยวัตถุนิยมซะด้วยสิ แต่คนที่ไม่วัตถุนิยมนี่แหละที่ซื้อของให้ง่ายที่สุดและยากที่สุด
"ข้าอยากได้..."
จู่ๆมาซารุก็กล่าวขึ้นมา แต่รถบัสได้แล่นมาจนถึงที่หมายแล้ว ต่อจากนี้คือการเดินทางต่ออีกห้านาที ทว่า...แต่ตอนนั้นร่างในชุดกิโมโนนี่ก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ปริปากอะไรสักอย่าง นอกจากหันมาจ้องหน้าเขาในบางครั้งและเบือนหนี ช่างเป็นกริยาที่เข้าใจยากจริงๆ หรือว่ามาซารุอยากให้เขามาอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นรางวัลจริงๆ
ในที่สุดการเดินทางด้วยเท้าก็ยุติลงเมื่อถึงศาลเจ้าฟุมิเนเนะ จุนนั่งรับลมพร้อมชมพระอาทิตย์ตกและมองคนข้างกายดื่มชาอย่างเงียบๆ ใบหน้านั้นแดงเรื่อขึ้นมา แต่อาจเป็นเพราะแสงยามเย็นเช่นนี้ก็ได้...
ความคิดทั้งมวลหยุดชะงักเมื่อมาซารุเรียกชื่อเขาเบาๆ จุนหันไปหาอีกฝ่ายเพื่อฟังคำตอบ
"เจ้าก็รู้ว่าข้ารอเจ้ามานานมาก และถึงเจ้าจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ แต่ความรู้สึกของข้าที่มั่นคงมาตลอดหลายร้อยปี มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ"
มาซารุเกิดอาการอ้ำอึ้งขึ้นมาทันที ซ้ำเขายังดูลังเลในการจะกล่าวไปอีกด้วย เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่ามาซารุต้องการอะไรกันแน่
"ถ้าเจ้ายังไม่อยากมาอยู่กับข้า...งั้นตอนนี้ ช่วย...จุมพิตข้า...ได้ไหม?" ร่างในชุดกิโมโนกล่าวด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ "เอ่อ แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ความจริงสำหรับข้าแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าละอายในการมีกล่าวแบบนี้กับคนที่ไม่ใช่คนรัก..."
คำพูดทั้งหมดทั้งมวลของมาซารุถูกหยุดไว้ด้วย 'รางวัล' แสนหวานจากจุน
กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน มาซารุจ้องมองเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วยสายตาที่ตื่นตะลึงเมื่อจุมพิตคำรบสองได้หยุดลง เขาพูดเสียงเบาว่าทำไมซ้ำไปซ้ำมา
"ไม่รู้สินะ" จุนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ "สงสัยผมคงเผลอคิดไปว่าตัวเองคือคนที่มาซารุซังรอคอยอยู่ตลอดเวลา ถึงได้รู้สึกว่าเธอคือคนพิเศษของผมนะ"
แต่ร่างในชุดกิโมโนทวนคำเบาๆ "คนพิเศษเหรอ?"
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อมาซารุก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย มันสับสนปนเปไปหมด ทั้งดีใจทั้งยินดี...มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูกจริงๆ
ทางด้านจุน เขารู้ตัวดีและรู้ตัวตลอดว่ากำลังพูดอะไร 'คำสารภาพรัก' ยังไงล่ะ ทั้งที่ความรู้สึกนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับจิเสะ แต่ในตอนนี้เขากลับพูดได้อย่างไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขามั่นใจ ถึงความรุ้สึกที่มีต่อจิเสะมันจะนานกว่าหรืออะไรก็ตาม แต่ในเวลานี้ ณ ที่นี่ เขามั่นใจว่าความรู้สึกของเขามันได้ตรงกับที่พูดไป
"ข้ารักเจ้า" ร่างในชุดกิโมโนเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความดีใจ โผเข้ากอดจุนด้วยความดีใจ
"จะผ่านไปนานแค่ไหนก็รักเจ้าและรักเจ้านะ จุน!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ