You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
18) บทที่18
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ชิน...บุ...ซัง"
จุนล้มลงแทบเท้าของช่างทำพู่กันนั้นเอง ทำเอาเขาตกใจรีบพยุงเด็กหนุ่มที่แทบหมดแรงเดินให้ลุกขึ้นมา เพราะเขามาหาจุนจึงได้ถูกสั่งให้รออยู่ในส่วนที่ไม่ได้จัดงาน แต่รออยู่นานก็ยังไม่มีใครมาสักที ดังนั้น การพบกับจุนที่มาล้มฟุบตรงหน้า จึงเป็นอะไรที่ชวนไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มเล่าว่าเขาไปทำอะไรมาบ้าง ทั้งวิ่งไปจากปราสาทขุนนางเพื่อตามหาที่ตลาด ต้องถามหาตัวช่างทำพู่กันจากชิสึเอะและยังต้องวิ่งกลับมาเพื่อพบกับชินบุอีก บทสรุปของเรื่องทั้งหมดจึงได้มาปรากฏที่การหมดแรงนี้เอง
อย่างไรก็ตาม ชินบุส่งกล่องไม้สี่เหลี่ยมอันหนึ่งให้ เมื่อเด็กหนุ่มเลื่อนฝาเปิด ก็เผยให้เห็นพู่กันที่มีลวดลายสวยงามวางอยู่
"ขอบคุณมากเลยนะครับ ชินบุซัง!"
มือไม้ที่หยาบกร้านตามแบบช่างทั่วๆไปโบกไปมา "ไม่หรอก ข้าต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณท่าน ถึงจะเป็นช่างอันดับหนึ่งอย่างที่ต้องการไม่ได้ แต่อย่างน้อยพู่กันของข้าก็เคยเป็นของกำนัลแด่ตระกูลขุนนางล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า"
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างจริงจัง "ชินบุซังเป็นช่างทำพู่กันอันดับหนึ่งจริงๆนะครับ! เชื่อผมสิ ตอนนี้อาจยังไม่ได้เป็นแต่ว่าต่อไปต้องเป็นแน่ๆ!"
คุณลุงช่างได้แต่ลูบศีรษะของจุนไปมาด้วยความเอ็นดูในความจริงจังนั้น แม้ว่าใจจะไม่เชื่อเลยสักนิดก็ตามที แต่ความหวังมันก็ต้องมีบ้างล่ะ
"อ๊าก เจ็บ! นี่ซาคาเมะ เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!"
จุนพยามมองหลังที่แดงเถือกไปหมดของตนเองแล้วร้องโวยวาย แต่เด็กสาวอดีตหัวขโมยที่จิ๊กสมบัติจากกลุ่มโจรอีกทีหนึ่งเอาแปรงพาดไหล่เหมือนเด็กผู้ชายแล้วพูดเสียงห้าวราวกับไม่ใช่เด็กผู้หญิง
"เจ้าสิทำบ้า! จะเริ่มงานอยู่แล้วยังจะไปวิ่งจนเหงื่อไหลไคลย้อยทำบ๊องอะไรฟะ! ท่านหญิงดูสารรูปเจ้าแล้วสั่งให้ข้ามาขัดสีฉวีวรรณให้อยู่เนี่ย แต่เชื่อข้าเถอะ ขัดไปก็น่าเกลียดเท่าเก่านั่นแหละ เหอๆๆ"
จุนไม่อยากต่อปากต่อคำแม้ในใจจะนึกด่าไปหลายคำก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าซาคาเมะที่อยู่ต่อหน้าท่านหญิงคือคุณหนูซาคาเมะที่มารยาทงามหาตัวจับยาก ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมากันนะ
อย่างไรก็ดี เพราะซาคาเมะคนนี้พวกเขาถึงรอดมาได้จากกลุ่มโจรนั่น เธอได้วิ่งไปบอกท่านมารุสึเกะและกับดักทางต่างๆ พูดถึงแล้ว ทางหกทิศจอมหลอกลวงนั่นไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดอย่างที่มาซารุว่า ความจริงในห้องคุมขังมีทางออกที่ซ่อนได้แนบเนียนมาก นั่นคือผนังห้องด้านตรงข้ามกับประตูซึ่งใช้มือเลื่อนเปิดหน่อยเดียวก็ออกแล้ว
เฮ้อ ที่พยามหาทางออกจะทางหกทิศนั่นมันเพื่ออะไรกันนะ
จุนบอกไม่ถูกจริงๆว่าพยามหาคำตอบในตอนเช้ามากี่เรื่องแล้ว ซาคาเมะมองเด็กหนุ่มที่ออกจะเหม่อๆแล้วเกิดอาการแบบเดียวกับท่านมารุสึเกะ นั่นคือหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ...
ซ่า! กะละมังไม้ใส่น้ำแบบญี่ปุ่นถูกครอบมาบนศีรษะของจุนอย่างนึกแกล้ง ซาคาเมะเอาแปลงขัดตัวอันใหญ่ที่สูงครึ่งหนึ่งของเธอพาดไหล่แล้วเดินขากางๆแบบพวกชอบหาเรื่องคนอื่น "ข้าไปล่ะ ที่เหลือจัดการเองล่ะกัน"
เหอๆๆ สะใจเฟ้ย
เรื่องที่มาซารุได้โคชูคนใหม่และเรื่องที่เสียสละตัวเองช่วยเจ้านายเป็นอะไรที่โด่งดังมาก เพราะตัวจุนเองก็ยังอายุไม่เท่าไหร่ ซ้ำยังอยู่กับมาซารุได้ไม่นาน ประวัติที่ไม่มีการเปิดเผยยิ่งเป็นเครื่องเร้าใจ สุดท้าย สายตาของผู้ที่มาร่วมงานก็จับจ้องไปที่เขาเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะแกล้งทำเป็นว่ามองมาซารุที่อยู่ข้า่งหน้าก็เถอะ เล่นเอาเด็กหนุ่มนั่งเกร็งเหมือนกับกำลังถูกวาดรูปเหมือนก็ไม่ปาน
ผู้ที่มอบของขวัญให้กับมาซารุมีตำแหน่งเริ่มจากใหญ่ก่อน ฉะนั้น จุนจึงมีโอกาสได้มองว่าเขามีวิธีรับวิธีให้ยังไง
ท่านมิสึกาวะได้มอบกล่องไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามให้มาซารุพลางสบตากับท่านหญิงอาสึสะเล็กน้อย ทั้งสองคนต่างนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่นางพยามถามของขวัญที่จะให้กับมาซารุ
"ได้ยินว่าใกล้ๆนี้เคยเกิดเหตุเกี่ยวกับปีศาจมาแล้ว ไอชั่วร้ายของมันยังจางๆ อาจล่อให้มีพวกปีศาจมาใหม่ ฉะนั้น ข้าจึงมอบของเหล่านี้ให้ ภายในได้บรรจุยันต์ที่แฝงไปด้วยพลังอาคมของข้า จะเป็นปีศาจระดับสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะพลังของยันต์เหล่านี้ได้แน่นอน ...แบบนี้!"
ท่านองเมียวจิขมวดคิ้ว รีบหันหลังไปพลางดึงยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ เหวี่ยงไปแปะที่หน้าผากผู้มาร่วมงานคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร ผู้ร่วมงานคนนั้นส่งเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดและมีหมอกดำลอยออกจากร่าง หายลับไปบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนได้พอสมควรเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าความแตกตื่นนั้นมาพร้อมกับเสียงชื่นชมในตัวท่านมิสึกาวะ
ท่านหญิงอาสึสะสบตากับเขาแล้วส่งยิ้มชื่นชมแทนคำพูดต่างๆที่อยากกล่าวกับคนที่นางรัก อย่างไรก็ดี ความคิดหนึ่งที่นางไม่ได้สื่อออกไปแต่ทั้งสองคนก็รู้อยู่เต็มอกก็คือ...
บุรุษผู้เป็นที่รักของข้า ท่านนี่ช่างเจ้าเล่ห์ซะจริง ทำเช่นนี้ของขวัญที่ท่านมอบให้ก็ยิ่งเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีนะสิ
ท่านมารุสึเกะปรบมือแล้วยิ้มกว้างเพื่อแสดงความประทับใจพลางเหลือบมองมาซารุที่รับของขวัญมาและแย้มยิ้มดูสนอกสนใจมากพอสมควร
คนแล้วคนเล่าผ่านไป จุนกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้นเมื่อมาซารุหันมาสบตากับเขา เป็นสัญญาณว่าถึงคิวของจุนแล้ว
ผู้คนทั้งหลายจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างสนใจปนอยากรู้ ของที่จุนซึ่งมีข่าวแว่วมาว่าท่านมารุสึเกะแอบเรียกลับหลังอยู่บ่อยๆว่าโคชูบ้าจะเป็นอะไรกันนะ
จุนนั่งคิดคำมาตลอดสามชั่วโมงระหว่างที่ผู้คนเอาของขวัญไปให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆพยามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่สวรรค์ฺ! เขาไม่ชอบอยู่ท่ามกลางความสนใจของผู้คนเหมือนกับน้องสาวจินเนะของเขานี่นา
"พู่กันนี้!..."
จุนเผลอพูดเสียงดังเกินไปจนเรียกเสียงที่กลั้นขำไม่อยู่ของใครบางคน เขาแทบจะอยากร้องไห้หรือวิ่งหนีออกไป ถ้านี่เป็นรายงานหน้าห้องเขาคงจะยอมได้เอฟหรือติดลบไปแล้ว!
แต่เมื่อสบตาที่ราวกับจะร่ำร้องให้เขามีความกล้าที่จะพูดอีกครั้ง จุนก็ตัดเอาความรู้สึกที่ผู้คนทั้งหลายจับจ้องเขาอยู่แล้วมุ่งไปที่มาซารุเพียงคนเดียวเท่านั้น
"พู่กันนี้ถูกสั่งทำเป็นพิเศษโดยช่างฝีมือที่ล้ำเลิศแห่งเอโดะเพื่อนำมามอบให้กับท่านมาซารุขอรับ เนื่องจากผมได้ยินมาว่าท่านมีความสามารถด้านการเขียนโชโดไม่น้อย"
ถึงแม้ว่าในยามปกติจะเรียกกันว่าอย่างไรก็ตาม แต่ต่อหน้าแขกเหรื่อที่มากมาย จุนใช้คำสุภาพแบบที่ท่านมารุสึเกะเคยกำชับไว้นักหนาก่อนหน้านี้พร้อมทั้งส่งโคชูของตนเองไปฝึกสอนเกือบทั้งวันด้วย ทำเอามาซารุที่อยากให้จุนนอนพักผ่อนเพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือนต้องต่อรองเหลือครึ่งหนึ่ง
เมื่อเปิดฝากล่องไม้เนื้อดีที่ถูกขัดเงาก็ปรากฏพู่กันที่ด้ามมีลวดลายสลักไว้อย่างงดงามแสดงถึงฝีมืออันมากล้นของช่างผู้ทำ
ด้านหนึ่งสลักนามของมาซารุ ด้านหนึ่งสลักไว้ว่าพระจันทร์
"พระจันทร์เป็นสิ่งนำโชคดีในความรักหรือเป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักได้ดีที่สุด เมื่อใดที่ท่านมาซารุได้มองที่พู่กันอันนี้ โปรดระลึกถึงความรักที่ท่านได้มอบให้กับ...ใครผู้หนึ่ง เสมือนกับที่ท่านเองก็จะเป็นดั่งพระจันทร์แห่งรักของใครคนนั้นเช่นกัน"
ทุกอย่างเงียบกริบลงในทันที แต่เพียงครู่เดียวทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพึมพำ เป็นที่รู้กันดีว่าท่านหญิงอาสึสะถูกกำหนดตัวอย่างแน่นอนแล้วว่าจะเป็นคู่ครองของมาซารุ แต่คำพูดของโคชูที่บอกราวกับว่าเขามีคนอื่นอยู่ในใจแล้วนี่หมายถึงอะไรและคนผู้นั้นคือใครกัน
มาซารุเอื้อมมือออกไปรับกล่องพู่กันนั้นแล้วยิ้มอย่างประทับใจในความสวยงามของพู่กัน
"หากที่ข้ามีความรักเมื่อไหร่ พู่กันด้ามนี้จะย้ำเตือนใจข้าให้นึกถึงเสมอ ขอบคุณเจ้ามาก"
ร่างในชุดกิโมโนเอ่ยราวกับว่าเขาไม่มีใครในใจทั้งสิ้น แต่หากลองแปลในอีกความหมายแล้ว เขากำลังบอกเป็นนัยว่าพู่กันนี้จะเป็นของแทนใจอันล้ำค่าเพื่อนึกถึงผู้เป็นที่รักอย่างจุน
ท่านมารุสึเกะเองก็กระแอมเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมจากใจเพื่อเปลี่ยนเรื่องให้หันมาที่พู่กันแทน แน่นอนว่ามันก็ได้ผลซะด้วยเนื่องจากความงดงามทั้งลายสลักและเส้นขนที่ใช้ทำพู่กันก็ดูมีราคาค่างวด แม้ว่าชินบุจะไม่ได้คิดค่าทำเลยสักนิดก็ตามที
อย่างไรก็ดี หลายๆคนถามหานามของช่างทำพู่กันด้วยความสนใจและชื่นชมในผลงานที่ถูกนำมาเป็นของขวัญซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความหมายลึกซึ้ง และเหตุนี้เอง ในกาลต่อมาชื่อของช่างทำพู่กันชินบุจึงเป็นที่ลือเลื่องถึงขั้นถูกยกให้เป็นช่างที่มีฝีมือสูงส่งคนหนึ่งในเอโดะ และกลายเป็นตำนานสืบต่อมาในยุคเฮย์เซย์อันเป็นยุคสมัยปัจจุบันของจุน
ในที่สุดก็ผ่านช่วงมอบของขวัญ ผู้มาร่วมงานต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน ด้านท่านหญิงอาสึสะเองก็เช่นเดียวกัน นางกระเซ้าคนที่นางรักยิ้มๆ
"อีกหน่อยคงมีภาษิตว่า 'พู่กันเล่มเดียวพิฆาตมารร้ายทั้งมวล' เป็นแน่"
ท่านองเมียวจิขยิบตา "เรื่องมารร้ายที่ว่านั้นก็ถือว่าเป็นการแสดงอย่างหนึ่งให้ท่านมาซารุไปก็แล้วกัน อีกอย่าง ท่านไม่พูด ข้าไม่พูด ใครจะกล้า จริงไหม?"
คนทั้งสองสบตาแล้วหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ถึงจะเป็นการหัวเราะที่ไม่ถึงขั้นเสียงดังอะไรแต่ก็ดูรื่นเริงพอสมควร
ยามค่ำึคืน ณ ตำหนักคาเสะที่เงียบสงบไม่เต็มไปด้วยเสียงหรือผู้คนอย่างตำหนักคาจิ มาซารุกางกระดาษแผ่นใหญ่อย่างคล่องแคล่ว เขาอยู่ในท่านั่งเรียบร้อย สายลมพัดผ่านมาทางประตูที่เปิดไว้โบกผ้าแขนเสื้อกิโมโนเบาๆ มือจับพู่กันที่สจุ่มวนที่แท่นหมึกแล้วตวัดลงบนแผ่นกระดาษสีขาวจนปรากฏลายเส้นที่สวยงาม
月光 (เก็คโค - แสงจันทร์)
"เป็นไงบ้าง"
มาซารุยิ้มกว้างเมื่อเห็นสายตาทึ่งของจุนที่จ้องมองไปยังแผ่นกระดาษ เด็กหนุ่มปรบมือรัวเร็ว
"ผมชอบมากเลยล่ะ สมกับเป็นมาซารุซัง เก่งแบบหาตัวจับได้ยากจริงๆเลยนะ โดยเฉพาะอักษรตัว 光 นี่นะ"
อันความจริงจุนไม่เคยเจอการเขียนที่มีลายเส้นที่ตื้นลึกเหมาะสมเท่านี้มาก่อน แน่นอนว่ากว่าที่มาซารุจะทำได้ขนาดนี้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนสุดโหดจากท่านหญิงอาสึสะ ถึงตอนนั้นเขาเองอยากจะหนีการฝึกเหลือเกินก็ตาม แต่ถ้าจุนชอบขนาดนี้มันก็คุ้มค่า
แสงจันทร์อันแท้จริงสาดส่องเผยให้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและอบอุ่นของคนรัก มาซารุสบตากับเขาด้วยความรู้สึกรักที่มากล้นและหลงใหลแววตานั้นพลางเลื่อนกายเข้าไปใกล้ ริทฝีปากนั้นประกบเข้าหากันมอบสัมผัสอันนุ่มนวล อ้อมแขนของจุนโอบเอวคนรักอย่างไม่ปฏิเสธในจุมพิตนั้น
เมื่อสัมผัสนั้นหยุดลง จุนดึงร่างในชุดกิโมโนมากอดไว้พลางกล่าวคำรักอย่างแผ่วเบาแต่ชวนวาบหวามในความรู้สึกของมาซา่รุอย่างที่สุด
เรียวนิ้วนั้นลูบไล้ไปตามใบหน้าก่อนจะหยุดลงที่ริมผีฝากซึ่งเพิ่งสัมผัสกัน ดวงตาที่สื่อความนัยช่างเย้ายวน นั่นทำให้จุนรู้สึกประหม่ากับภาพนั้นของมาซารุ
"อยู่กับข้านะ จุน" ร่างในชุดกิโมโนนั้นเอ่ยขอร้องอย่างจริงจัง "เจ้าอย่าเพิ่งกลับไปในกาลเวลาไหน อยู่กับข้าก่อนได้ไหม"
เด็กหนุ่มเริ่มอ้ำอึ้งกล่าวว่าที่นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของเขาและที่นี่ก็ไม่มีครอบครัวซึ่งเขาต้องกลับไปพบด้วย แต่อย่างไรก็ดี จุนเองยังไม่รู้วิธีจะกลับไปในอนาคต เขาไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่ยุคนี้อีกนานแค่ไหน
"อยู่ที่นี้เจ้าก็มีข้า มีท่านพ่อ มีท่านหญิงอาสึสะแล้วก็ท่านมิสึกาวะ ทุกคนล้วนเป็นสหายและครอบครัวใหม่ของเจ้าได้ทั้งนั้น อยู่กับข้าเถอะ!"
การที่จุนนิ่งเป็นเสมือนการยืนยันคำเดิม แววตาของมาซารุเศร้าลงก่อนจะฝืนยิ้มออกมา มันช่างเป็นยิ้มที่อ่อนแรงเหลือเกิน "งั้นถ้าเจ้ากลับไป เจ้าคงจะไม่ลืมข้าหรอกนะ"
จุนพยักหน้าแรงๆ "แน่นอน ทั้งความทรงจำกับมาซารุซัง ทั้งเรื่องราวของผู้คนที่นี่ ผมจะลืมไปได้ยังไงกัน"
แสงจากจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง ทั้งสองแลกจุมพิตอีกครั้งด้วยความรักที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและเจือไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
...โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องภาพนั้นอย่างครุ่นคิด เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปได้หยุดชะงักลงก่อนจะกลับมาที่เดิมพลางถอนหายใจเบาๆ สุดท้าย บุคคลที่ไม่ถูกสังเกตเห็นก็ได้แต่กลับไปด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด
"ความจริงแล้วผมเองคงจะเศร้าไม่น้อยเหมือนกันนะ" จุนลูบไล้ไปตามเส้นผมของมาซารุ "หากต้องไปจากที่นี่ ทุกอย่างล้วนเป็นความทรงจำที่แสนดี แล้วผมเองก็ 'รัก' เธอมากด้วย"
เสียงที่เน้นความรู้สึกอย่างแน่นหนักทำให้จิตใจของมาซารุอบอุ่นขึ้นมา เขาหันมองไปที่ท้องฟ้าแล้วพูดด้วยเสียงที่เป็นปกติ "ข้าว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตเถอะ ยังไงซะ ตอนนี้...แค่ได้ซึมซับช่วงเวลาทั้งหมดที่มีกับเจ้า นั่นก็คือความสุขอย่างที่สุดของข้าแล้ว"
ไม่ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร เพียงตอนนี้ ข้าได้มีความทรงจำที่แสนดีกับเจ้า...เท่านั้นก็พอ
จุนล้มลงแทบเท้าของช่างทำพู่กันนั้นเอง ทำเอาเขาตกใจรีบพยุงเด็กหนุ่มที่แทบหมดแรงเดินให้ลุกขึ้นมา เพราะเขามาหาจุนจึงได้ถูกสั่งให้รออยู่ในส่วนที่ไม่ได้จัดงาน แต่รออยู่นานก็ยังไม่มีใครมาสักที ดังนั้น การพบกับจุนที่มาล้มฟุบตรงหน้า จึงเป็นอะไรที่ชวนไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มเล่าว่าเขาไปทำอะไรมาบ้าง ทั้งวิ่งไปจากปราสาทขุนนางเพื่อตามหาที่ตลาด ต้องถามหาตัวช่างทำพู่กันจากชิสึเอะและยังต้องวิ่งกลับมาเพื่อพบกับชินบุอีก บทสรุปของเรื่องทั้งหมดจึงได้มาปรากฏที่การหมดแรงนี้เอง
อย่างไรก็ตาม ชินบุส่งกล่องไม้สี่เหลี่ยมอันหนึ่งให้ เมื่อเด็กหนุ่มเลื่อนฝาเปิด ก็เผยให้เห็นพู่กันที่มีลวดลายสวยงามวางอยู่
"ขอบคุณมากเลยนะครับ ชินบุซัง!"
มือไม้ที่หยาบกร้านตามแบบช่างทั่วๆไปโบกไปมา "ไม่หรอก ข้าต่างหากที่ต้องเป็นคนขอบคุณท่าน ถึงจะเป็นช่างอันดับหนึ่งอย่างที่ต้องการไม่ได้ แต่อย่างน้อยพู่กันของข้าก็เคยเป็นของกำนัลแด่ตระกูลขุนนางล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า"
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างจริงจัง "ชินบุซังเป็นช่างทำพู่กันอันดับหนึ่งจริงๆนะครับ! เชื่อผมสิ ตอนนี้อาจยังไม่ได้เป็นแต่ว่าต่อไปต้องเป็นแน่ๆ!"
คุณลุงช่างได้แต่ลูบศีรษะของจุนไปมาด้วยความเอ็นดูในความจริงจังนั้น แม้ว่าใจจะไม่เชื่อเลยสักนิดก็ตามที แต่ความหวังมันก็ต้องมีบ้างล่ะ
"อ๊าก เจ็บ! นี่ซาคาเมะ เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!"
จุนพยามมองหลังที่แดงเถือกไปหมดของตนเองแล้วร้องโวยวาย แต่เด็กสาวอดีตหัวขโมยที่จิ๊กสมบัติจากกลุ่มโจรอีกทีหนึ่งเอาแปรงพาดไหล่เหมือนเด็กผู้ชายแล้วพูดเสียงห้าวราวกับไม่ใช่เด็กผู้หญิง
"เจ้าสิทำบ้า! จะเริ่มงานอยู่แล้วยังจะไปวิ่งจนเหงื่อไหลไคลย้อยทำบ๊องอะไรฟะ! ท่านหญิงดูสารรูปเจ้าแล้วสั่งให้ข้ามาขัดสีฉวีวรรณให้อยู่เนี่ย แต่เชื่อข้าเถอะ ขัดไปก็น่าเกลียดเท่าเก่านั่นแหละ เหอๆๆ"
จุนไม่อยากต่อปากต่อคำแม้ในใจจะนึกด่าไปหลายคำก็ตาม ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าซาคาเมะที่อยู่ต่อหน้าท่านหญิงคือคุณหนูซาคาเมะที่มารยาทงามหาตัวจับยาก ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมากันนะ
อย่างไรก็ดี เพราะซาคาเมะคนนี้พวกเขาถึงรอดมาได้จากกลุ่มโจรนั่น เธอได้วิ่งไปบอกท่านมารุสึเกะและกับดักทางต่างๆ พูดถึงแล้ว ทางหกทิศจอมหลอกลวงนั่นไม่ใช่ทางออกเลยสักนิดอย่างที่มาซารุว่า ความจริงในห้องคุมขังมีทางออกที่ซ่อนได้แนบเนียนมาก นั่นคือผนังห้องด้านตรงข้ามกับประตูซึ่งใช้มือเลื่อนเปิดหน่อยเดียวก็ออกแล้ว
เฮ้อ ที่พยามหาทางออกจะทางหกทิศนั่นมันเพื่ออะไรกันนะ
จุนบอกไม่ถูกจริงๆว่าพยามหาคำตอบในตอนเช้ามากี่เรื่องแล้ว ซาคาเมะมองเด็กหนุ่มที่ออกจะเหม่อๆแล้วเกิดอาการแบบเดียวกับท่านมารุสึเกะ นั่นคือหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ...
ซ่า! กะละมังไม้ใส่น้ำแบบญี่ปุ่นถูกครอบมาบนศีรษะของจุนอย่างนึกแกล้ง ซาคาเมะเอาแปลงขัดตัวอันใหญ่ที่สูงครึ่งหนึ่งของเธอพาดไหล่แล้วเดินขากางๆแบบพวกชอบหาเรื่องคนอื่น "ข้าไปล่ะ ที่เหลือจัดการเองล่ะกัน"
เหอๆๆ สะใจเฟ้ย
เรื่องที่มาซารุได้โคชูคนใหม่และเรื่องที่เสียสละตัวเองช่วยเจ้านายเป็นอะไรที่โด่งดังมาก เพราะตัวจุนเองก็ยังอายุไม่เท่าไหร่ ซ้ำยังอยู่กับมาซารุได้ไม่นาน ประวัติที่ไม่มีการเปิดเผยยิ่งเป็นเครื่องเร้าใจ สุดท้าย สายตาของผู้ที่มาร่วมงานก็จับจ้องไปที่เขาเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะแกล้งทำเป็นว่ามองมาซารุที่อยู่ข้า่งหน้าก็เถอะ เล่นเอาเด็กหนุ่มนั่งเกร็งเหมือนกับกำลังถูกวาดรูปเหมือนก็ไม่ปาน
ผู้ที่มอบของขวัญให้กับมาซารุมีตำแหน่งเริ่มจากใหญ่ก่อน ฉะนั้น จุนจึงมีโอกาสได้มองว่าเขามีวิธีรับวิธีให้ยังไง
ท่านมิสึกาวะได้มอบกล่องไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามให้มาซารุพลางสบตากับท่านหญิงอาสึสะเล็กน้อย ทั้งสองคนต่างนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่นางพยามถามของขวัญที่จะให้กับมาซารุ
"ได้ยินว่าใกล้ๆนี้เคยเกิดเหตุเกี่ยวกับปีศาจมาแล้ว ไอชั่วร้ายของมันยังจางๆ อาจล่อให้มีพวกปีศาจมาใหม่ ฉะนั้น ข้าจึงมอบของเหล่านี้ให้ ภายในได้บรรจุยันต์ที่แฝงไปด้วยพลังอาคมของข้า จะเป็นปีศาจระดับสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะพลังของยันต์เหล่านี้ได้แน่นอน ...แบบนี้!"
ท่านองเมียวจิขมวดคิ้ว รีบหันหลังไปพลางดึงยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ เหวี่ยงไปแปะที่หน้าผากผู้มาร่วมงานคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปพอสมควร ผู้ร่วมงานคนนั้นส่งเสียงร้องเหมือนเจ็บปวดและมีหมอกดำลอยออกจากร่าง หายลับไปบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนได้พอสมควรเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าความแตกตื่นนั้นมาพร้อมกับเสียงชื่นชมในตัวท่านมิสึกาวะ
ท่านหญิงอาสึสะสบตากับเขาแล้วส่งยิ้มชื่นชมแทนคำพูดต่างๆที่อยากกล่าวกับคนที่นางรัก อย่างไรก็ดี ความคิดหนึ่งที่นางไม่ได้สื่อออกไปแต่ทั้งสองคนก็รู้อยู่เต็มอกก็คือ...
บุรุษผู้เป็นที่รักของข้า ท่านนี่ช่างเจ้าเล่ห์ซะจริง ทำเช่นนี้ของขวัญที่ท่านมอบให้ก็ยิ่งเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดีนะสิ
ท่านมารุสึเกะปรบมือแล้วยิ้มกว้างเพื่อแสดงความประทับใจพลางเหลือบมองมาซารุที่รับของขวัญมาและแย้มยิ้มดูสนอกสนใจมากพอสมควร
คนแล้วคนเล่าผ่านไป จุนกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้นเมื่อมาซารุหันมาสบตากับเขา เป็นสัญญาณว่าถึงคิวของจุนแล้ว
ผู้คนทั้งหลายจับจ้องมาที่เด็กหนุ่มอย่างสนใจปนอยากรู้ ของที่จุนซึ่งมีข่าวแว่วมาว่าท่านมารุสึเกะแอบเรียกลับหลังอยู่บ่อยๆว่าโคชูบ้าจะเป็นอะไรกันนะ
จุนนั่งคิดคำมาตลอดสามชั่วโมงระหว่างที่ผู้คนเอาของขวัญไปให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆพยามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่สวรรค์ฺ! เขาไม่ชอบอยู่ท่ามกลางความสนใจของผู้คนเหมือนกับน้องสาวจินเนะของเขานี่นา
"พู่กันนี้!..."
จุนเผลอพูดเสียงดังเกินไปจนเรียกเสียงที่กลั้นขำไม่อยู่ของใครบางคน เขาแทบจะอยากร้องไห้หรือวิ่งหนีออกไป ถ้านี่เป็นรายงานหน้าห้องเขาคงจะยอมได้เอฟหรือติดลบไปแล้ว!
แต่เมื่อสบตาที่ราวกับจะร่ำร้องให้เขามีความกล้าที่จะพูดอีกครั้ง จุนก็ตัดเอาความรู้สึกที่ผู้คนทั้งหลายจับจ้องเขาอยู่แล้วมุ่งไปที่มาซารุเพียงคนเดียวเท่านั้น
"พู่กันนี้ถูกสั่งทำเป็นพิเศษโดยช่างฝีมือที่ล้ำเลิศแห่งเอโดะเพื่อนำมามอบให้กับท่านมาซารุขอรับ เนื่องจากผมได้ยินมาว่าท่านมีความสามารถด้านการเขียนโชโดไม่น้อย"
ถึงแม้ว่าในยามปกติจะเรียกกันว่าอย่างไรก็ตาม แต่ต่อหน้าแขกเหรื่อที่มากมาย จุนใช้คำสุภาพแบบที่ท่านมารุสึเกะเคยกำชับไว้นักหนาก่อนหน้านี้พร้อมทั้งส่งโคชูของตนเองไปฝึกสอนเกือบทั้งวันด้วย ทำเอามาซารุที่อยากให้จุนนอนพักผ่อนเพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือนต้องต่อรองเหลือครึ่งหนึ่ง
เมื่อเปิดฝากล่องไม้เนื้อดีที่ถูกขัดเงาก็ปรากฏพู่กันที่ด้ามมีลวดลายสลักไว้อย่างงดงามแสดงถึงฝีมืออันมากล้นของช่างผู้ทำ
ด้านหนึ่งสลักนามของมาซารุ ด้านหนึ่งสลักไว้ว่าพระจันทร์
"พระจันทร์เป็นสิ่งนำโชคดีในความรักหรือเป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักได้ดีที่สุด เมื่อใดที่ท่านมาซารุได้มองที่พู่กันอันนี้ โปรดระลึกถึงความรักที่ท่านได้มอบให้กับ...ใครผู้หนึ่ง เสมือนกับที่ท่านเองก็จะเป็นดั่งพระจันทร์แห่งรักของใครคนนั้นเช่นกัน"
ทุกอย่างเงียบกริบลงในทันที แต่เพียงครู่เดียวทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพึมพำ เป็นที่รู้กันดีว่าท่านหญิงอาสึสะถูกกำหนดตัวอย่างแน่นอนแล้วว่าจะเป็นคู่ครองของมาซารุ แต่คำพูดของโคชูที่บอกราวกับว่าเขามีคนอื่นอยู่ในใจแล้วนี่หมายถึงอะไรและคนผู้นั้นคือใครกัน
มาซารุเอื้อมมือออกไปรับกล่องพู่กันนั้นแล้วยิ้มอย่างประทับใจในความสวยงามของพู่กัน
"หากที่ข้ามีความรักเมื่อไหร่ พู่กันด้ามนี้จะย้ำเตือนใจข้าให้นึกถึงเสมอ ขอบคุณเจ้ามาก"
ร่างในชุดกิโมโนเอ่ยราวกับว่าเขาไม่มีใครในใจทั้งสิ้น แต่หากลองแปลในอีกความหมายแล้ว เขากำลังบอกเป็นนัยว่าพู่กันนี้จะเป็นของแทนใจอันล้ำค่าเพื่อนึกถึงผู้เป็นที่รักอย่างจุน
ท่านมารุสึเกะเองก็กระแอมเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมจากใจเพื่อเปลี่ยนเรื่องให้หันมาที่พู่กันแทน แน่นอนว่ามันก็ได้ผลซะด้วยเนื่องจากความงดงามทั้งลายสลักและเส้นขนที่ใช้ทำพู่กันก็ดูมีราคาค่างวด แม้ว่าชินบุจะไม่ได้คิดค่าทำเลยสักนิดก็ตามที
อย่างไรก็ดี หลายๆคนถามหานามของช่างทำพู่กันด้วยความสนใจและชื่นชมในผลงานที่ถูกนำมาเป็นของขวัญซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณค่าและความหมายลึกซึ้ง และเหตุนี้เอง ในกาลต่อมาชื่อของช่างทำพู่กันชินบุจึงเป็นที่ลือเลื่องถึงขั้นถูกยกให้เป็นช่างที่มีฝีมือสูงส่งคนหนึ่งในเอโดะ และกลายเป็นตำนานสืบต่อมาในยุคเฮย์เซย์อันเป็นยุคสมัยปัจจุบันของจุน
ในที่สุดก็ผ่านช่วงมอบของขวัญ ผู้มาร่วมงานต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน ด้านท่านหญิงอาสึสะเองก็เช่นเดียวกัน นางกระเซ้าคนที่นางรักยิ้มๆ
"อีกหน่อยคงมีภาษิตว่า 'พู่กันเล่มเดียวพิฆาตมารร้ายทั้งมวล' เป็นแน่"
ท่านองเมียวจิขยิบตา "เรื่องมารร้ายที่ว่านั้นก็ถือว่าเป็นการแสดงอย่างหนึ่งให้ท่านมาซารุไปก็แล้วกัน อีกอย่าง ท่านไม่พูด ข้าไม่พูด ใครจะกล้า จริงไหม?"
คนทั้งสองสบตาแล้วหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ถึงจะเป็นการหัวเราะที่ไม่ถึงขั้นเสียงดังอะไรแต่ก็ดูรื่นเริงพอสมควร
ยามค่ำึคืน ณ ตำหนักคาเสะที่เงียบสงบไม่เต็มไปด้วยเสียงหรือผู้คนอย่างตำหนักคาจิ มาซารุกางกระดาษแผ่นใหญ่อย่างคล่องแคล่ว เขาอยู่ในท่านั่งเรียบร้อย สายลมพัดผ่านมาทางประตูที่เปิดไว้โบกผ้าแขนเสื้อกิโมโนเบาๆ มือจับพู่กันที่สจุ่มวนที่แท่นหมึกแล้วตวัดลงบนแผ่นกระดาษสีขาวจนปรากฏลายเส้นที่สวยงาม
月光 (เก็คโค - แสงจันทร์)
"เป็นไงบ้าง"
มาซารุยิ้มกว้างเมื่อเห็นสายตาทึ่งของจุนที่จ้องมองไปยังแผ่นกระดาษ เด็กหนุ่มปรบมือรัวเร็ว
"ผมชอบมากเลยล่ะ สมกับเป็นมาซารุซัง เก่งแบบหาตัวจับได้ยากจริงๆเลยนะ โดยเฉพาะอักษรตัว 光 นี่นะ"
อันความจริงจุนไม่เคยเจอการเขียนที่มีลายเส้นที่ตื้นลึกเหมาะสมเท่านี้มาก่อน แน่นอนว่ากว่าที่มาซารุจะทำได้ขนาดนี้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนสุดโหดจากท่านหญิงอาสึสะ ถึงตอนนั้นเขาเองอยากจะหนีการฝึกเหลือเกินก็ตาม แต่ถ้าจุนชอบขนาดนี้มันก็คุ้มค่า
แสงจันทร์อันแท้จริงสาดส่องเผยให้เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและอบอุ่นของคนรัก มาซารุสบตากับเขาด้วยความรู้สึกรักที่มากล้นและหลงใหลแววตานั้นพลางเลื่อนกายเข้าไปใกล้ ริทฝีปากนั้นประกบเข้าหากันมอบสัมผัสอันนุ่มนวล อ้อมแขนของจุนโอบเอวคนรักอย่างไม่ปฏิเสธในจุมพิตนั้น
เมื่อสัมผัสนั้นหยุดลง จุนดึงร่างในชุดกิโมโนมากอดไว้พลางกล่าวคำรักอย่างแผ่วเบาแต่ชวนวาบหวามในความรู้สึกของมาซา่รุอย่างที่สุด
เรียวนิ้วนั้นลูบไล้ไปตามใบหน้าก่อนจะหยุดลงที่ริมผีฝากซึ่งเพิ่งสัมผัสกัน ดวงตาที่สื่อความนัยช่างเย้ายวน นั่นทำให้จุนรู้สึกประหม่ากับภาพนั้นของมาซารุ
"อยู่กับข้านะ จุน" ร่างในชุดกิโมโนนั้นเอ่ยขอร้องอย่างจริงจัง "เจ้าอย่าเพิ่งกลับไปในกาลเวลาไหน อยู่กับข้าก่อนได้ไหม"
เด็กหนุ่มเริ่มอ้ำอึ้งกล่าวว่าที่นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของเขาและที่นี่ก็ไม่มีครอบครัวซึ่งเขาต้องกลับไปพบด้วย แต่อย่างไรก็ดี จุนเองยังไม่รู้วิธีจะกลับไปในอนาคต เขาไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่ยุคนี้อีกนานแค่ไหน
"อยู่ที่นี้เจ้าก็มีข้า มีท่านพ่อ มีท่านหญิงอาสึสะแล้วก็ท่านมิสึกาวะ ทุกคนล้วนเป็นสหายและครอบครัวใหม่ของเจ้าได้ทั้งนั้น อยู่กับข้าเถอะ!"
การที่จุนนิ่งเป็นเสมือนการยืนยันคำเดิม แววตาของมาซารุเศร้าลงก่อนจะฝืนยิ้มออกมา มันช่างเป็นยิ้มที่อ่อนแรงเหลือเกิน "งั้นถ้าเจ้ากลับไป เจ้าคงจะไม่ลืมข้าหรอกนะ"
จุนพยักหน้าแรงๆ "แน่นอน ทั้งความทรงจำกับมาซารุซัง ทั้งเรื่องราวของผู้คนที่นี่ ผมจะลืมไปได้ยังไงกัน"
แสงจากจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง ทั้งสองแลกจุมพิตอีกครั้งด้วยความรักที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและเจือไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
...โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจับจ้องภาพนั้นอย่างครุ่นคิด เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปได้หยุดชะงักลงก่อนจะกลับมาที่เดิมพลางถอนหายใจเบาๆ สุดท้าย บุคคลที่ไม่ถูกสังเกตเห็นก็ได้แต่กลับไปด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด
"ความจริงแล้วผมเองคงจะเศร้าไม่น้อยเหมือนกันนะ" จุนลูบไล้ไปตามเส้นผมของมาซารุ "หากต้องไปจากที่นี่ ทุกอย่างล้วนเป็นความทรงจำที่แสนดี แล้วผมเองก็ 'รัก' เธอมากด้วย"
เสียงที่เน้นความรู้สึกอย่างแน่นหนักทำให้จิตใจของมาซารุอบอุ่นขึ้นมา เขาหันมองไปที่ท้องฟ้าแล้วพูดด้วยเสียงที่เป็นปกติ "ข้าว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตเถอะ ยังไงซะ ตอนนี้...แค่ได้ซึมซับช่วงเวลาทั้งหมดที่มีกับเจ้า นั่นก็คือความสุขอย่างที่สุดของข้าแล้ว"
ไม่ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร เพียงตอนนี้ ข้าได้มีความทรงจำที่แสนดีกับเจ้า...เท่านั้นก็พอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ