You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
14) บทที่14
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รุ่งขึ้น หลังงานพิธีผ่านไป
จุนนั่งขัดถูดาบประจำกายของมาซารุอย่างเอาใจใส่ ระหว่างที่เจ้าของดาบกำลังทำธุระบางอย่างกับท่านหญิงอาสึสะ เขาจำได้ว่าเป็นเล่มนี้ที่แขวนอยู่ที่ผนังศาลเจ้าฟุมิเนเนะแน่ๆ
อย่างไรก็ดี สายตาของท่านหญิงที่มองเขามาด้วยความค้อนอยู่หลายรอบกับอาการร้อนรนของมาซารุนั่นแปลว่าอะไรกันนะ หรือเขาไปทำอะไรผิดมาอีกแล้ว
"นึกว่าเจ้าจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้มาซารุขัดดาบเองแล้วซะอีก"
ท่านมารุสึเกะส่งเสียงทักก่อน ในเมื่อยืนตั้งนาน เด็กหนุ่มก็เอาแต่หันหลังขัดดาบพลางรำลึกอดีตอย่างไม่รู้ว่ามีใครมา
"อ๊ะ ขออภัยครับ ท่านมารุสึเกะ" จุนรีบทำความเคารพทันที "ผม ผมจะไปเตรียมน้ำชามาให้..."
ท่านมารุสึเกะโบกไม้ไปมาอย่างรำคาญ "พอๆ เลิกทำท่าลนลานได้แล้ว วันนี้ข้าแวะมาหามาซารุ เจ้านายเจ้าอยู่ไหน ไปเรียกมาสิ"
จุนทำหน้าหนักใจ "มาซารุซังไปทำธุระกับท่านหญิงอาสึสะครับ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจะไปไหน แต่ดูรีบร้อนกันพอสมควร"
ท่านมารุสึเกะเลิกคิ้วแล้วใช้พัดโบกตัวเองไปมา ไหนๆบุตรชายไม่อยู่ เขาก็ถือโอกาสพูดเปิดอกกับเจ้าโคชูไม่ได้ดั่งใจผู้นี้สักที
"รู้ไหมว่ามาซารุมีฝีมือดาบที่ล้ำเลิศ"
จุนพยักหน้าและตอบรับ แน่นอนล่ะ เขารู้เรื่องนั้นดีจากงานแข่งขันเคนโด้ แต่ท่านมารุสึเกะต้องการสื่ออะไรกันล่ะ?
เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดต่อ "แล้วรู้ไหมว่ามาซารุจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป"
จุนกระพริบตาปริบๆ "ครับ"
"เฮ้อ" สุดท้ายท่านมารุสึเกะก็ต้องถอนหายใจออกมา ท่าทางดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่ "แต่ถึงเขาจะเป็นอย่างไรหรือเก่งแค่ไหน เขาก็เป็นบุตรชายคนสำคัญของข้านะ"
ท่านมารุสึเกะเอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วตบแรงๆด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"ตำแหน่งโคชูนี้คือความไว้วางใจให้เจ้าได้ดูแลมาซารุ การที่เขามีความสุขเป็นสิ่งสำคัญของเจ้า แต่ถ้าเจ้าคิดทำบ้าหรือหลอกใช้อะไรลูกข้าล่้ะก็ จะเป็นมาซารุ เป็นท่านหญิง เป็นท่านมิสึกาวะ หรือจะทั้งตระกูลขอร้องก็ตาม ข้าจะเอาดาบวิ่งไล่เจ้าไปรอบเมืองเอโดะจนกว่าเจ้าจะกลับมาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตากับมาซารุเลย คอยดู!"
ไม่สังหาร? จุนทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจในความคิดของท่านมารุสึเกะ
"มองอะไรแบบนั้น" ท่านมารุสึเกะจ้องโคชูของบุตรชายอย่างไม่สบอารมณ์ "มาซารุทั้งหวงทั้งห่วงเจ้าขนาดนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าลงได้ยังไงกัน!"
เด็กหนุ่มมองไล่หลังท่านมารุสึเกะไปจนลับตา แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มาซารุเป็นพวกประเภทโดนครอบครัวหวงน่าดูเลยอย่างนั้นสินะ แต่จุนเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดอะไร เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองดาบในมือ
นี่เราก็ทำได้แค่ขัดดาบเนี่ยนะ
จุนนึกแล้วสลด หันหลังให้ประตูเพื่อขัดดาบต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงจะทำอะไรไม่ได้นักแต่ว่าได้ช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆก็ดี!
"ข้าล่ะเชื่อจริงๆ" ท่านหญิงอาสึสะปาดเหงื่อแล้วมองขนมโกโบโมจิหน้าตาน่ารับประทานที่จัดวางอย่างสวยงามอยู่บนจานพลางนึกต่อว่าจุนอยู่ในใจ จนผู้ถูกคิดถึงจามไปหลายที "เท่านี้ก็คงจะใช้ได้แล้วล่ะ ที่เหลือแค่รอให้คนรักร้อยปีของเจ้ามากิน"
มาซารุหัวเราะเบาๆ ดวงตาประกายขึ้นมาเล็กน้อย "อะไรกัน ข้ายังไม่ได้พูดสักหน่อยว่ามีความสัมพันธ์กับเขาแบบนั้นนะ ท่านพี่หญิง เรื่องในอีกหลายร้อยปีใช่ว่าข้าจะต้องเกี่ยวข้องเสมอไป"
นางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะต่อปากต่อคำ เรื่องในอีกร้อยปีไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเล่า หากไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นพูดขึ้นมาว่าชอบกินสิ่งนี้ เขาจะมาขอให้นางสอนวิธีทำไปเพื่ออะไรกัน
อย่างไรก็ตาม นางไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจุนมีดีอะไรนัก ทำไมมาซารุถึงต้องไปหลงรักใคร่เขาถึงขนาดนี้
"เขาเป็นคนดีนะ จะเรียกว่ามีน้ำใจร่วมด้วยก็ได้ ที่สำคัญ ข้าชอบตอนที่เขามองข้า สายตานั้นอบอุ่นทั้งอ่อนโยน" มาซารุยกมือขึ้นทาบหัวใจ ระบายยิ้มบางๆ "สิ่งเหล่านั้นมันมากเสียจนข้ารู้สึกว่าอยากถูกจ้องมองไปตลอด ทุกเวลา...ทุกนาที"
ท่านหญิงมองค้อนผู้ที่อยู่ในภวังค์รักแล้วนึกถึงบุรุษผู้อยู่ในใจนางบ้าง ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ นางเองก็รู้สึกดีเหมือนกันยามที่ท่านมิสึกาวะจ้องมองนาง...
"เอ๋ มาซารุซังหัดทำครั้งแีรกเหรอ"
จุนมองขนมที่ถูกจัดมาด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้นึกถึงเลยว่าตนพูดอะไรไว้เมื่อวานอันเป็นต้นเหตุของการหัดทำขนมครั้งนี้ ว่าแล้วหยิบกินทีละชิ้นๆ
ท่านหญิงมองจุนด้วยความขึ้งโกรธปนเอ็นดู ขึ้งโกรธที่เด็กหนุ่มไม่รู้ที่มาคนนี้ทำให้มาซารุต้องวุ่นวายหลายเรื่องและเอ็นดูเพราะเขาเป็นคนที่ร่างงดงามในชุดกิโมโนรักที่สุด
อย่างไรก็ดีั นางสนับสนุนความรักครั้งนี้มากกว่าใคร ต่อให้ทุกคนในตระกูลจะอยู่ฝ่ายขัดขวางก็เถอะ ถึงแม้หากพลาดวิวาห์จากมาซารุก็ใช่ว่าจะทำให้ได้แต่งงานกับท่านองเมียวจิก็ตาม แต่ถึงกระนั้นมันก็ดีกว่าแต่งงานไปกับมาซารุจริงๆ
อีกอย่าง แม้แค่เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ข้าก็อยากจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าความหวังที่จะได้ครองคู่กับท่านมิสึกาวะ...
"อร่อยเหมือนที่เคยกิน มาซารุซังยังไงก็ฝีมือไม่ตกสินะ" จุนแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ "สมแล้วที่เป็น..."
ท่านหญิงอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินคำพูดที่ราวกับกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน แต่นางก็เดาออก คำพูดนั้นจะเป็นอะไรไปได้นอกจากคำว่า 'คนรักของผม' หรืออย่างน้อยก็คงทำนองนั้น
และท่านหญิงอาสึสะคิดว่าคงเดาไม่ผิดเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยของมาซารุ
ทีข้าพูดกลับเถียง ทีเขาพูดไม่เอ่ยปากว่าสักคำ
นางคิดในใจอย่างขำๆพลางขอตัวกลับไปก่้อน ถึงจะไม่มีธุระอะไรให้ต้องไปจากวงสนทนา แต่ว่าอยู่เป็นก้างขวางคอคู่รักไปจะดีตรงไหนกัน
หลังมื้ออาหารเย็น มาซารุมองดาบที่ถูกขัดจนขึ้นเงาวับแล้วส่งเสียงชื่นชม ตัวดาบสะท้อนเงาของดวงจันทร์ได้อย่างงดงาม ร่างในชุดกิโมโนไม่มีทางรู้เลยว่ายามที่ถือดาบช่างดูงดงามในความคิดของจุน
เหมือนกับดอกไม้ล้ำค่าที่มีหนามช่วยขับความงามให้ปรากฏชัดเจน...
ดอกไม้ที่จุนใช้เปรียบคงจะเป็นดอกกุหลาบไม่ผิดแน่ ดอกไม้ที่แสนสวยส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทั้งล่อหลอกให้ลุ่มหลงด้วยความงามและท้าทายผู้ที่ต้องการสัมผัสด้วยหนามอันแหลมคม
หากมาซารุรู้ความคิดของจุนได้ เขาคงจะเปรียบเด็กหนุ่มเป็นต้นกุหลาบ ไม่มีหนามใดของกุหลาบจะอยากทิ่มแทงต้นไม้ของตนเองหรอกนะ
สายลมเย็นๆพัดผ่านให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปแต่มันก็ดูเหมือนจะหนาวนิดๆ มาซารุตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกโอบเอวให้เข้าไปใกล้ แต่เขาก็ซบไหล่อีกฝ่ายอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกลัวใครมาเห็น ใช่ว่าที่ตำหนักคาเสะไม่มียามเฝ้าอยู่ แต่พวกนั้นอยู่ไกลออกไปเกินกว่าจะมองแล้วรู้ได้ต่างหาก
ดวงจันทร์สว่างไสวใช้แทนโคมไฟได้เป็นอย่างดี จุนเหลือบมองคนข้างกายแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"เห็นพระจันทร์แล้วนึกถึงโรมิโอกับจูเลียต ฉากที่บอกรักกับดวงจันทร์นะ ฉากนั้นเป็นที่ประทับใจคนมากมายเลย ผมก็ชอบ" จุนลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยของอีกฝ่ายอย่างเบามือ "เพียงแต่...ผมไม่ยอมให้เรามีตอนจบแบบนั้นแน่นอน"
มาซารุกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจว่าตอนจบนั้นคืออะไร เด็กหนุ่มจึงเล่าวรรณกรรมรักชั้นเลิศของอังกฤษให้ร่างในชุดกิโมโนฟัง ยิ่งมาซารุได้ฟังมากเท่าไหร่ ความหนาวเหน็บภายนอกยิ่งซึมลึกไปถึงจิตใจ...
จุนมองมาซารุที่เหม่อลอยมองไปยังดวงจันทร์ด้วยแล้วจับมือแน่นหนัก "อย่าห่วงไปเลย ผมไม่มีทางให้เราต้องได้พบกับความรักอันแสนเศร้าแบบนั้นแน่!"
ความอบอุ่นที่กอบกุมมือทั้งสองราวกับจะสลายความหนาวเหน็บทั้งนอกกายและในใจได้ อย่างไรก็ดี มาซารุเอ่ยเศร้าๆ "แต่เจ้าเล่าว่าข้ารอเจ้าที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะในสภาพของ...วิญญาณ ไม่ใช่หรือ?"
ร่างในชุดกิโมโนผละออกไปโดยอ้างว่าได้เวลาเข้านอน ทั้งที่นี่ก็เพิ่งหัวค่ำแท้ๆ จุนนึกโทษตัวเองที่ทำบรรยากาศเสียหมด
ถึงจะดับแสงจากตะเกียงแล้ว จุนก็รับรู้ได้ว่าคนข้างกายยังคงไม่หลับ จากตอนนั้นก็ผ่านมาหลายชั่วโมง อาจจะเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ได้
ในที่สุด เขาสะกิดให้มาซารุที่นอนไม่หลับให้ออกไปเดินเล่นด้วยกัน แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ง่วงสักนิดย่อมไม่ปฏิเสธ
เลียบแม่น้ำมีแสงจากดวงจันทร์ฉายชัดจนเห็นระลอกคลื่นเหนือผิวน้ำ สายลมพัดมาทีละวูบใหญ่ๆ แต่ล่ะครั้งนำความหนาวมาสัมผัสกายไม่น้อยเลย ถึงกระนั้น ไม่คงไม่ได้หนาวไปกว่าจิตใจของมาซารุตอนนี้หรอก
เขากลัว...กลัวเหลือเกิน ภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร
หากจุนได้กลับไปในอนาคต แล้วข้าจะอยู่ได้อย่างไร...
เด็กหนุ่มมองออกไปทางแม่น้ำที่มีเงาจันทร์ทอดผ่าน "จุดนี้เห็นพระจันทร์ชัดที่สุดสินะ"
มาซารุกระพริบตาปริบๆ กอดอกด้วยความหนาว ยูคาตะไม่ได้กันลมได้มากนักหรอกนะ
แต่มาซารุเริ่มตื่นตระหนกเมื่อถูกรวบเอวมาประชิดติดกายกับเด็กหนุ่ม เลือดที่ใบหน้าปรากฏสีขึ้นทีละน้อย
"นี่เจ้าจะทำอะไร"
จุนยิ้มกว้าง "เขาว่ากันว่าพระจันทร์เป็นสิ่งนำโชคให้ความรักล่ะ"
ริมฝีปากของจุนประกบกับมาซารุอย่างรวดเร็วเพื่อกั้นคำถามต่างๆ ความอบอุ่นเร่าร้อนวาบไปทั่วกายมาซารุผ่านทางสัมผัสนั้น เป็นความรู้สึกวาบหวามแปลกใหม่อย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
ราวกับเวลาได้หยุดไปเมื่อตอนที่มาซารุถูกจุมพิต แต่เมื่อสิ่งนั้นได้หยุดลงไป เขากลับรู้สึกว่ามันช่างเร็วเหลือเกิน...
"ผมรักเธอนะ มาซารุ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต คนที่ผมจะรักก็มีเพียงเธอเท่านั้น!"
ฟูกนอนสำหรับคนเดียวกับมีสองร่างกำลังโอบกอดกันอยู่ มาซารุซบกับแผ่นอกแสนอุ่นที่มีเสียงหัวใจเต้นตึกตักของจุนแล้วรู้สึกประหม่าไม่ต่างกับคนที่กำลังกอดเขาเท่าไหร่นัก
ถึงพวกเขาจะเคยจุมพิตหรือเคยโอบกอดกันมาแล้ว แต่ในเวลานอนแบบนี้มันเป็นครั้งแรก ฉะนั้น แม้ว่าอากาศตามความเป็นจริงจะค่อนข้างหนาว แต่คนทั้งสองกลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนช่างร้อนวูบวาบเพราะต่างเขินกันและกัน
"ข้า...ข้ายิ่งนอนไม่หลับเข้าไปอีก" มาซารุพูดเสียงอ้อมแอ้มอย่างประหม่า "ข้ารบกวนเจ้ารึเปล่า"
"ไม่หรอก" จุนบังคับให้ตัวเองดูไม่ตื่นเต้นเกินไป "ผมเองก็นอนไม่หลับ"
ทุกอย่างเงียบไปชั่วครู่ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดกัน ถึงเป็นอย่างนั้นแต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดจนอยากจะผลักไส ตรงกันข้าม กลับรู้สึกอยากกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นไปอีก แน่นพอที่จะไม่้ให้ใครมาพรากความรักนี้ไปได้ แน่นพอที่จะซึมซับความรู้สึกทั้งมวลในห้วงเวลานี้
มาซารุครุ่นคิดถึงเวลาหลายวันที่ผ่านมาแล้วนึกแปลกใจ ทำไมตนถึงได้รักเด็กหนุ่มผู้นี้ได้มากมายนัก ทำไมกัน ความจริงเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าจุนไม่ใช่คนที่พิเศษไปกว่าใคร แต่มันขาดไปไม่ได้ เขาก็แค่รู้สึกอยากจะอยู่ด้วยเท่านั้นเอง
แล้วมาซารุก็สะดุดใจกับบางอย่างเ้มื่อนึกย้อนอดีตไปมา เขาถามจุนด้วยเสียงที่จริงจังว่า "ทำไมตอนนั้นเจ้าถึงได้รู้วิชาดาบลับได้ล่ะ ข้าในอนาคตเป็นคนบอกเจ้าหรือ"
เมื่อบรรยากาศเหมือนเปลี่ยนกระทันหัน เด็กหนุ่มได้แต่ตอบรับสั้นๆอย่างตั้งตัวไม่ทัน
"ข้าในตอนนั้นบอกเจ้าหรือเปล่าว่าทำไมถึงให้ไป"
สำหรับมาซารุแล้ว เขารู้สึกดีมากๆกับจุนก็จริง แต่เขาก็รู้อีกว่าแค่ความรู้สึกดีไม่น่าจะทำให้ตัวเองมอบสิ่งสำคัญขนาดนี้ไปให้กับจุนได้เลย
ผ่านไปสักพักกับความเงียบงัน มาซารุสะกิดอีกฝ่ายเพื่อถามหาคำตอบ
"จุน... อ้าว หลับไปแล้วหรอกหรือ"
พอบรรยายกาศตื่นเต้นนั้นคลาย ร่างกายก็เริ่มทำตามเวลา จุนผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ใบหน้าที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการหลับนี่มันช่างเป็นสิ่งที่มาซารุนึกชอบขึ้นมาจริงๆ
ร่างในชุดยูกาตะลังเลอยู่เล็กน้อยแล้วตัดสินใจประทับจุมพิตเบาๆกับคนข้างกาย "ฝันดีนะ จุน ในความฝันของเจ้าหวังว่าจะมีข้าอยู่กับเจ้าท่ามกลางความสุขอย่างที่สุด ความสุขแบบที่เจ้าอยากให้มีระหว่างข้าและเจ้าเท่านั้น"
จุนนั่งขัดถูดาบประจำกายของมาซารุอย่างเอาใจใส่ ระหว่างที่เจ้าของดาบกำลังทำธุระบางอย่างกับท่านหญิงอาสึสะ เขาจำได้ว่าเป็นเล่มนี้ที่แขวนอยู่ที่ผนังศาลเจ้าฟุมิเนเนะแน่ๆ
อย่างไรก็ดี สายตาของท่านหญิงที่มองเขามาด้วยความค้อนอยู่หลายรอบกับอาการร้อนรนของมาซารุนั่นแปลว่าอะไรกันนะ หรือเขาไปทำอะไรผิดมาอีกแล้ว
"นึกว่าเจ้าจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้มาซารุขัดดาบเองแล้วซะอีก"
ท่านมารุสึเกะส่งเสียงทักก่อน ในเมื่อยืนตั้งนาน เด็กหนุ่มก็เอาแต่หันหลังขัดดาบพลางรำลึกอดีตอย่างไม่รู้ว่ามีใครมา
"อ๊ะ ขออภัยครับ ท่านมารุสึเกะ" จุนรีบทำความเคารพทันที "ผม ผมจะไปเตรียมน้ำชามาให้..."
ท่านมารุสึเกะโบกไม้ไปมาอย่างรำคาญ "พอๆ เลิกทำท่าลนลานได้แล้ว วันนี้ข้าแวะมาหามาซารุ เจ้านายเจ้าอยู่ไหน ไปเรียกมาสิ"
จุนทำหน้าหนักใจ "มาซารุซังไปทำธุระกับท่านหญิงอาสึสะครับ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจะไปไหน แต่ดูรีบร้อนกันพอสมควร"
ท่านมารุสึเกะเลิกคิ้วแล้วใช้พัดโบกตัวเองไปมา ไหนๆบุตรชายไม่อยู่ เขาก็ถือโอกาสพูดเปิดอกกับเจ้าโคชูไม่ได้ดั่งใจผู้นี้สักที
"รู้ไหมว่ามาซารุมีฝีมือดาบที่ล้ำเลิศ"
จุนพยักหน้าและตอบรับ แน่นอนล่ะ เขารู้เรื่องนั้นดีจากงานแข่งขันเคนโด้ แต่ท่านมารุสึเกะต้องการสื่ออะไรกันล่ะ?
เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดต่อ "แล้วรู้ไหมว่ามาซารุจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป"
จุนกระพริบตาปริบๆ "ครับ"
"เฮ้อ" สุดท้ายท่านมารุสึเกะก็ต้องถอนหายใจออกมา ท่าทางดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่ "แต่ถึงเขาจะเป็นอย่างไรหรือเก่งแค่ไหน เขาก็เป็นบุตรชายคนสำคัญของข้านะ"
ท่านมารุสึเกะเอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ของเด็กหนุ่มแล้วตบแรงๆด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"ตำแหน่งโคชูนี้คือความไว้วางใจให้เจ้าได้ดูแลมาซารุ การที่เขามีความสุขเป็นสิ่งสำคัญของเจ้า แต่ถ้าเจ้าคิดทำบ้าหรือหลอกใช้อะไรลูกข้าล่้ะก็ จะเป็นมาซารุ เป็นท่านหญิง เป็นท่านมิสึกาวะ หรือจะทั้งตระกูลขอร้องก็ตาม ข้าจะเอาดาบวิ่งไล่เจ้าไปรอบเมืองเอโดะจนกว่าเจ้าจะกลับมาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตากับมาซารุเลย คอยดู!"
ไม่สังหาร? จุนทำหน้างุนงง ไม่เข้าใจในความคิดของท่านมารุสึเกะ
"มองอะไรแบบนั้น" ท่านมารุสึเกะจ้องโคชูของบุตรชายอย่างไม่สบอารมณ์ "มาซารุทั้งหวงทั้งห่วงเจ้าขนาดนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าลงได้ยังไงกัน!"
เด็กหนุ่มมองไล่หลังท่านมารุสึเกะไปจนลับตา แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มาซารุเป็นพวกประเภทโดนครอบครัวหวงน่าดูเลยอย่างนั้นสินะ แต่จุนเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดอะไร เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางมองดาบในมือ
นี่เราก็ทำได้แค่ขัดดาบเนี่ยนะ
จุนนึกแล้วสลด หันหลังให้ประตูเพื่อขัดดาบต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ ถึงจะทำอะไรไม่ได้นักแต่ว่าได้ช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆก็ดี!
"ข้าล่ะเชื่อจริงๆ" ท่านหญิงอาสึสะปาดเหงื่อแล้วมองขนมโกโบโมจิหน้าตาน่ารับประทานที่จัดวางอย่างสวยงามอยู่บนจานพลางนึกต่อว่าจุนอยู่ในใจ จนผู้ถูกคิดถึงจามไปหลายที "เท่านี้ก็คงจะใช้ได้แล้วล่ะ ที่เหลือแค่รอให้คนรักร้อยปีของเจ้ามากิน"
มาซารุหัวเราะเบาๆ ดวงตาประกายขึ้นมาเล็กน้อย "อะไรกัน ข้ายังไม่ได้พูดสักหน่อยว่ามีความสัมพันธ์กับเขาแบบนั้นนะ ท่านพี่หญิง เรื่องในอีกหลายร้อยปีใช่ว่าข้าจะต้องเกี่ยวข้องเสมอไป"
นางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะต่อปากต่อคำ เรื่องในอีกร้อยปีไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเล่า หากไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นพูดขึ้นมาว่าชอบกินสิ่งนี้ เขาจะมาขอให้นางสอนวิธีทำไปเพื่ออะไรกัน
อย่างไรก็ตาม นางไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจุนมีดีอะไรนัก ทำไมมาซารุถึงต้องไปหลงรักใคร่เขาถึงขนาดนี้
"เขาเป็นคนดีนะ จะเรียกว่ามีน้ำใจร่วมด้วยก็ได้ ที่สำคัญ ข้าชอบตอนที่เขามองข้า สายตานั้นอบอุ่นทั้งอ่อนโยน" มาซารุยกมือขึ้นทาบหัวใจ ระบายยิ้มบางๆ "สิ่งเหล่านั้นมันมากเสียจนข้ารู้สึกว่าอยากถูกจ้องมองไปตลอด ทุกเวลา...ทุกนาที"
ท่านหญิงมองค้อนผู้ที่อยู่ในภวังค์รักแล้วนึกถึงบุรุษผู้อยู่ในใจนางบ้าง ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ นางเองก็รู้สึกดีเหมือนกันยามที่ท่านมิสึกาวะจ้องมองนาง...
"เอ๋ มาซารุซังหัดทำครั้งแีรกเหรอ"
จุนมองขนมที่ถูกจัดมาด้วยความตื่นเต้น ไม่ได้นึกถึงเลยว่าตนพูดอะไรไว้เมื่อวานอันเป็นต้นเหตุของการหัดทำขนมครั้งนี้ ว่าแล้วหยิบกินทีละชิ้นๆ
ท่านหญิงมองจุนด้วยความขึ้งโกรธปนเอ็นดู ขึ้งโกรธที่เด็กหนุ่มไม่รู้ที่มาคนนี้ทำให้มาซารุต้องวุ่นวายหลายเรื่องและเอ็นดูเพราะเขาเป็นคนที่ร่างงดงามในชุดกิโมโนรักที่สุด
อย่างไรก็ดีั นางสนับสนุนความรักครั้งนี้มากกว่าใคร ต่อให้ทุกคนในตระกูลจะอยู่ฝ่ายขัดขวางก็เถอะ ถึงแม้หากพลาดวิวาห์จากมาซารุก็ใช่ว่าจะทำให้ได้แต่งงานกับท่านองเมียวจิก็ตาม แต่ถึงกระนั้นมันก็ดีกว่าแต่งงานไปกับมาซารุจริงๆ
อีกอย่าง แม้แค่เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ข้าก็อยากจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าความหวังที่จะได้ครองคู่กับท่านมิสึกาวะ...
"อร่อยเหมือนที่เคยกิน มาซารุซังยังไงก็ฝีมือไม่ตกสินะ" จุนแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ "สมแล้วที่เป็น..."
ท่านหญิงอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินคำพูดที่ราวกับกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน แต่นางก็เดาออก คำพูดนั้นจะเป็นอะไรไปได้นอกจากคำว่า 'คนรักของผม' หรืออย่างน้อยก็คงทำนองนั้น
และท่านหญิงอาสึสะคิดว่าคงเดาไม่ผิดเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยของมาซารุ
ทีข้าพูดกลับเถียง ทีเขาพูดไม่เอ่ยปากว่าสักคำ
นางคิดในใจอย่างขำๆพลางขอตัวกลับไปก่้อน ถึงจะไม่มีธุระอะไรให้ต้องไปจากวงสนทนา แต่ว่าอยู่เป็นก้างขวางคอคู่รักไปจะดีตรงไหนกัน
หลังมื้ออาหารเย็น มาซารุมองดาบที่ถูกขัดจนขึ้นเงาวับแล้วส่งเสียงชื่นชม ตัวดาบสะท้อนเงาของดวงจันทร์ได้อย่างงดงาม ร่างในชุดกิโมโนไม่มีทางรู้เลยว่ายามที่ถือดาบช่างดูงดงามในความคิดของจุน
เหมือนกับดอกไม้ล้ำค่าที่มีหนามช่วยขับความงามให้ปรากฏชัดเจน...
ดอกไม้ที่จุนใช้เปรียบคงจะเป็นดอกกุหลาบไม่ผิดแน่ ดอกไม้ที่แสนสวยส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทั้งล่อหลอกให้ลุ่มหลงด้วยความงามและท้าทายผู้ที่ต้องการสัมผัสด้วยหนามอันแหลมคม
หากมาซารุรู้ความคิดของจุนได้ เขาคงจะเปรียบเด็กหนุ่มเป็นต้นกุหลาบ ไม่มีหนามใดของกุหลาบจะอยากทิ่มแทงต้นไม้ของตนเองหรอกนะ
สายลมเย็นๆพัดผ่านให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปแต่มันก็ดูเหมือนจะหนาวนิดๆ มาซารุตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกโอบเอวให้เข้าไปใกล้ แต่เขาก็ซบไหล่อีกฝ่ายอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกลัวใครมาเห็น ใช่ว่าที่ตำหนักคาเสะไม่มียามเฝ้าอยู่ แต่พวกนั้นอยู่ไกลออกไปเกินกว่าจะมองแล้วรู้ได้ต่างหาก
ดวงจันทร์สว่างไสวใช้แทนโคมไฟได้เป็นอย่างดี จุนเหลือบมองคนข้างกายแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"เห็นพระจันทร์แล้วนึกถึงโรมิโอกับจูเลียต ฉากที่บอกรักกับดวงจันทร์นะ ฉากนั้นเป็นที่ประทับใจคนมากมายเลย ผมก็ชอบ" จุนลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยของอีกฝ่ายอย่างเบามือ "เพียงแต่...ผมไม่ยอมให้เรามีตอนจบแบบนั้นแน่นอน"
มาซารุกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจว่าตอนจบนั้นคืออะไร เด็กหนุ่มจึงเล่าวรรณกรรมรักชั้นเลิศของอังกฤษให้ร่างในชุดกิโมโนฟัง ยิ่งมาซารุได้ฟังมากเท่าไหร่ ความหนาวเหน็บภายนอกยิ่งซึมลึกไปถึงจิตใจ...
จุนมองมาซารุที่เหม่อลอยมองไปยังดวงจันทร์ด้วยแล้วจับมือแน่นหนัก "อย่าห่วงไปเลย ผมไม่มีทางให้เราต้องได้พบกับความรักอันแสนเศร้าแบบนั้นแน่!"
ความอบอุ่นที่กอบกุมมือทั้งสองราวกับจะสลายความหนาวเหน็บทั้งนอกกายและในใจได้ อย่างไรก็ดี มาซารุเอ่ยเศร้าๆ "แต่เจ้าเล่าว่าข้ารอเจ้าที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะในสภาพของ...วิญญาณ ไม่ใช่หรือ?"
ร่างในชุดกิโมโนผละออกไปโดยอ้างว่าได้เวลาเข้านอน ทั้งที่นี่ก็เพิ่งหัวค่ำแท้ๆ จุนนึกโทษตัวเองที่ทำบรรยากาศเสียหมด
ถึงจะดับแสงจากตะเกียงแล้ว จุนก็รับรู้ได้ว่าคนข้างกายยังคงไม่หลับ จากตอนนั้นก็ผ่านมาหลายชั่วโมง อาจจะเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ได้
ในที่สุด เขาสะกิดให้มาซารุที่นอนไม่หลับให้ออกไปเดินเล่นด้วยกัน แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ง่วงสักนิดย่อมไม่ปฏิเสธ
เลียบแม่น้ำมีแสงจากดวงจันทร์ฉายชัดจนเห็นระลอกคลื่นเหนือผิวน้ำ สายลมพัดมาทีละวูบใหญ่ๆ แต่ล่ะครั้งนำความหนาวมาสัมผัสกายไม่น้อยเลย ถึงกระนั้น ไม่คงไม่ได้หนาวไปกว่าจิตใจของมาซารุตอนนี้หรอก
เขากลัว...กลัวเหลือเกิน ภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร
หากจุนได้กลับไปในอนาคต แล้วข้าจะอยู่ได้อย่างไร...
เด็กหนุ่มมองออกไปทางแม่น้ำที่มีเงาจันทร์ทอดผ่าน "จุดนี้เห็นพระจันทร์ชัดที่สุดสินะ"
มาซารุกระพริบตาปริบๆ กอดอกด้วยความหนาว ยูคาตะไม่ได้กันลมได้มากนักหรอกนะ
แต่มาซารุเริ่มตื่นตระหนกเมื่อถูกรวบเอวมาประชิดติดกายกับเด็กหนุ่ม เลือดที่ใบหน้าปรากฏสีขึ้นทีละน้อย
"นี่เจ้าจะทำอะไร"
จุนยิ้มกว้าง "เขาว่ากันว่าพระจันทร์เป็นสิ่งนำโชคให้ความรักล่ะ"
ริมฝีปากของจุนประกบกับมาซารุอย่างรวดเร็วเพื่อกั้นคำถามต่างๆ ความอบอุ่นเร่าร้อนวาบไปทั่วกายมาซารุผ่านทางสัมผัสนั้น เป็นความรู้สึกวาบหวามแปลกใหม่อย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
ราวกับเวลาได้หยุดไปเมื่อตอนที่มาซารุถูกจุมพิต แต่เมื่อสิ่งนั้นได้หยุดลงไป เขากลับรู้สึกว่ามันช่างเร็วเหลือเกิน...
"ผมรักเธอนะ มาซารุ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต คนที่ผมจะรักก็มีเพียงเธอเท่านั้น!"
ฟูกนอนสำหรับคนเดียวกับมีสองร่างกำลังโอบกอดกันอยู่ มาซารุซบกับแผ่นอกแสนอุ่นที่มีเสียงหัวใจเต้นตึกตักของจุนแล้วรู้สึกประหม่าไม่ต่างกับคนที่กำลังกอดเขาเท่าไหร่นัก
ถึงพวกเขาจะเคยจุมพิตหรือเคยโอบกอดกันมาแล้ว แต่ในเวลานอนแบบนี้มันเป็นครั้งแรก ฉะนั้น แม้ว่าอากาศตามความเป็นจริงจะค่อนข้างหนาว แต่คนทั้งสองกลับรู้สึกว่าใบหน้าของตนช่างร้อนวูบวาบเพราะต่างเขินกันและกัน
"ข้า...ข้ายิ่งนอนไม่หลับเข้าไปอีก" มาซารุพูดเสียงอ้อมแอ้มอย่างประหม่า "ข้ารบกวนเจ้ารึเปล่า"
"ไม่หรอก" จุนบังคับให้ตัวเองดูไม่ตื่นเต้นเกินไป "ผมเองก็นอนไม่หลับ"
ทุกอย่างเงียบไปชั่วครู่ ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดกัน ถึงเป็นอย่างนั้นแต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดจนอยากจะผลักไส ตรงกันข้าม กลับรู้สึกอยากกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นไปอีก แน่นพอที่จะไม่้ให้ใครมาพรากความรักนี้ไปได้ แน่นพอที่จะซึมซับความรู้สึกทั้งมวลในห้วงเวลานี้
มาซารุครุ่นคิดถึงเวลาหลายวันที่ผ่านมาแล้วนึกแปลกใจ ทำไมตนถึงได้รักเด็กหนุ่มผู้นี้ได้มากมายนัก ทำไมกัน ความจริงเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าจุนไม่ใช่คนที่พิเศษไปกว่าใคร แต่มันขาดไปไม่ได้ เขาก็แค่รู้สึกอยากจะอยู่ด้วยเท่านั้นเอง
แล้วมาซารุก็สะดุดใจกับบางอย่างเ้มื่อนึกย้อนอดีตไปมา เขาถามจุนด้วยเสียงที่จริงจังว่า "ทำไมตอนนั้นเจ้าถึงได้รู้วิชาดาบลับได้ล่ะ ข้าในอนาคตเป็นคนบอกเจ้าหรือ"
เมื่อบรรยากาศเหมือนเปลี่ยนกระทันหัน เด็กหนุ่มได้แต่ตอบรับสั้นๆอย่างตั้งตัวไม่ทัน
"ข้าในตอนนั้นบอกเจ้าหรือเปล่าว่าทำไมถึงให้ไป"
สำหรับมาซารุแล้ว เขารู้สึกดีมากๆกับจุนก็จริง แต่เขาก็รู้อีกว่าแค่ความรู้สึกดีไม่น่าจะทำให้ตัวเองมอบสิ่งสำคัญขนาดนี้ไปให้กับจุนได้เลย
ผ่านไปสักพักกับความเงียบงัน มาซารุสะกิดอีกฝ่ายเพื่อถามหาคำตอบ
"จุน... อ้าว หลับไปแล้วหรอกหรือ"
พอบรรยายกาศตื่นเต้นนั้นคลาย ร่างกายก็เริ่มทำตามเวลา จุนผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ใบหน้าที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการหลับนี่มันช่างเป็นสิ่งที่มาซารุนึกชอบขึ้นมาจริงๆ
ร่างในชุดยูกาตะลังเลอยู่เล็กน้อยแล้วตัดสินใจประทับจุมพิตเบาๆกับคนข้างกาย "ฝันดีนะ จุน ในความฝันของเจ้าหวังว่าจะมีข้าอยู่กับเจ้าท่ามกลางความสุขอย่างที่สุด ความสุขแบบที่เจ้าอยากให้มีระหว่างข้าและเจ้าเท่านั้น"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ