You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
15) บทที่15
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"งานวันเกิดของมาซารุซังหรือครับ" จุนโพล่งออกมาแล้วทำหน้าหนักใจ "แต่ผมไม่รู้ว่ามาซารุซังชอบอะไรเลย ทั้งที่มาซารุซังรู้ว่าผมชอบอะไรตั้งเยอะแท้ๆ"
ท่านมารุสึเกะทำใจอดกลั้นโทสะที่อยากจะชกเจ้าเด็กหนุ่มพูดไม่คิด แล้วปล่อยให้คำพูดที่เหมือนกับบุตรชายไปเป็นโคชูให้จุนเสียเองผ่านไป พลางพูดเสียงขรึมๆ
"ข้าเรียกเจ้ามาเป็นการส่วนตัวนี่ก็เพราะเห็นว่ามาซารุโปรนปรานเจ้ามาก คงเข้าใจนะว่าเขาหวังกับของที่ได้รับมากเช่นกัน แต่โคชูที่ยังไม่ได้รับเงินเดือนอย่างเจ้าจะซื้อของมีค่าอะไรให้ลูกข้าได้กัน...หา!"
จุนสะดุ้งโหยงเมื่อโดนเสียงดังใส่ แต่เขาอยู่มาพักหนึ่งพอจะรู้ว่าถ้าหากท่านมารุสึเกะยังไม่ถึงขั้นลุกขึ้นมาต่อว่าก็แปลว่าอารมณ์ยังปกติคงที่
เด็กหนุ่มหยิบผ้่าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อในสถานการณ์ที่เหมือนเจรจาการค้ากับยักษ์ จะให้ขาดทุนก็ไม่ได้แต่ให้ยักษ์โกรธจนจับกินก็ไม่ได้อีก แม้ในกรณีท่านมารุสึเกะจะเป็นการเตะเด็กหนุ่มไปกระแทกประตูก็เถอะ
"เอ่อ...มาซารุเก่งในเรื่องพิธีชงชา น่าจะชอบถ้วยชาลายสวยๆนะครับ"
แต่ท่านมารุสึเกะส่ายหน้า "ไม่ๆ มีคนอื่นให้ของแบบนั้นมาเยอะจนจะสร้างเป็นคฤหาสถ์ได้อยู่แล้ว แล้วถ้วยชาดีๆก็ราคาแพงเกินโคชูอย่างเจ้าจะซื้อได้ด้วย"
"ถ้วยชาแฮนด์เมดไหมครับ"
จุนปิ๊งไอเดีย แต่เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของท่านมารุสึเกะก็วางมาดอธิบายแบบผู้มีความรู้ นานๆทีจะได้ทำแบบนี้นี่นา และแน่นอนว่านั่นทำให้ท่านมารุสึเกะัรู้สึกหมั่นไส้ตงิดๆ
ถ้าไม่เพราะบุตรชายล่ะก็ เขาจะมาพูดเรื่องนี้กับเจ้าโคชูบ้านี่ไปทำไม อีกอย่าง ของขวัญที่ได้ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของตระกูล ยิ่งได้ของล้ำค่ายิ่งน่าภาคภูมิ เขาไม่เลินเล่อพอจะให้เจ้าหนูนี่ไปทำท่ามึนๆเอ๋อๆกลางงานเลี้ยงหรอกนะ!
"พูดอะไรนะ" ท่านมารุสึเกะโบกพัดไปมาอย่างไม่เข้าใจเมื่อฟังจบ "ปกติใครๆก็ทำถ้วยชาด้วยมือตนเองทั้งนั้น แล้วมันล้ำค่าตรงไหนล่ะ"
จุนเองก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาย้อนมาในสมัยเอโดะ ยุคที่ยังไม่มีใครสร้างโรงงานผลิตถ้วยชาจนมีกันเกลื่อนอย่างในยุคเฮย์เซย์ของเขา
ปัญหาใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่อะไร มันคือการไม่เข้าใจยุคสมัยอย่างถ่องแท้และการไม่มีเงินซื้อของล้ำค่า กรณีที่เขาอยุ่ในโลกยุคปัจจุบันก็คงจะมีของเลือกให้อยู่แล้ว
ท่านมารุสึเกะเหล่ตามองจุนแล้วนึกใจอ่อนกับท่าทางเคร่งเครียด เลียบๆเคียงๆถาม "เจ้าทำอาหารเป็นไหม"
จุนพยักหน้า "ได้เป็นบางอย่สงครับ ทอดไข่ดาวหรือว่าทำซุปอย่างง่ายๆ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเก่งนักหรอกครับ เอ่อ...ความจริงผมก็ตกคหกรรมซะด้วยสิ"
ถึงจะไม่รู้ว่าการตกคหกรรมคืออะไร แต่สำหรับท่านมารุสึเกะก็พอจะรู้ได้ว่ามันคือการทำอาหารไม่เก่ง
"งั้นเจ้าแสดงฟันดาบได้ไหม โอ้ เจ้าถนัดอาวุธระยะไกลสินะ ยิงธนูเพลิงเป็นของขวัญเป็นการแสดงให้มาซารุดีไหม"
"ข้าว่าเลือกอย่างอื่นดีกว่านะเจ้าคะ" ท่านหญิงที่ฟังมานานเอ่ยขึ้น ในห้องนี้มีสามคนเท่านั้น "หากเกิดอุบัติเหตุคงไม่น่าดูเท่าไหร่"
จุนรีบพยักหน้า เขาไม่เอาด้วยหรอกนะ หากมีใครตะโกนขึ้นมาว่าให้ยิงธนูไฟที่ละสามดอกขึ้นมา มันคงเป็นอะไรที่ชวนลุ้นระทึกแน่นอน
"แล้วเจ้าทำอย่างอื่นได้ไหม เล่นละครคาบูกิเป็นไหม"
จุนส่ายหน้าทันที
"งั้นเจ้ามีความสามารถพิเศษอะไร"
เด็กหนุ่มเหงื่อตก "ก็...ถนัดการใช้อาวุธระยะไกลนั่นแหละครับ พอดีว่าผมไม่ค่อยมีความสามารถรอบด้านเท่าน้องสาว... อ๊ะ ผมร้องเพลงได้นะครับ ก่อนที่จินเนะจะไปเป็นไปดอล เธอเคยสอนผมไว้บ้าง"
"เสียงร้องของเจ้าล้ำค่าหรือเปล่าล่ะ" ท่านมารุสึเกะมองอย่างสมเพช "ขนาดพูดอย่างออกเสียงเพี้ยนๆเลย"
จิตใจของจุนห่อเหี่ยวลงในทันใด ทำไมกันนะ จินเนะถึงทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ร้องเพลงยันเล่นละคร แล้วอันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากร้องเพลงผิดคีย์นักหรอก แต่พอร้องเพลินๆที่ไรมันก็เผลอไปทุกที เฮ้อ
ท่านหญิงอาสึสะมองเขาอย่างสงสารแล้วเสนอแนะขึ้นมาว่า
"นั่งอยู่ที่นี่ก็มีเพียงความคิดเดิม ลองให้ทั้งสองคนไปเที่ยวชมตลาด หาของที่ชอบดีไหมเจ้าคะ ความจริงท่านมาซารุก็ไม่ใช่คนยึดติดกับของมีราคาค่างวดอยู่แล้ว แค่เพียงดูดีและเหมาะสม ข้าก็ว่าไม่น่าจะมีปัญหานะเจ้าคะ"
"เจ้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม ได้ยินว่าของใช้ในยุคของเจ้าไม่เหมือนกับที่นี่ คงมีอะไรที่น่าสนใจเยอะแยะเลยล่ะ"
จุนพยักหน้าเกร็งๆแล้วเดินตัวแข็งทื่อ ผิดกับมาซารุที่เดินอย่างสบายอารมณ์โดยมีชาวบ้านบางคนทำความเคารพ สิ่งนั้นทำให้เด็กหนุ่มเริ่มคิดว่าตกลงแล้วตระกูลของมาซารุยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันแน่นะ
แต่ร่างในชุดกิโมโนบอกให้เขาไม่ต้องใส่ใจกริยาของชาวบ้านและชี้ชวนดูข้าวของต่างๆแทน บางสิ่งเป็นอาหารหายากในยุคเฮย์เซย์ของจุน บางสิ่งเป็นข้าวของที่จุนเคยเจอเฉพาะในพิพิธภัณท์
เด็กหนุ่มรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ทำไมช่วงที่มาถึงแหล่งแบบนี้ถึงได้ไม่มีงานเกี่ยวกับยุคเอโดะเลยนะ ทั้งที่ช่วงก่อนต้องไปคลุกอยู่ในห้องสมุดกับจิเสะทั้งวันเพื่อหาข้อมูลให้ได้มากที่สุดแ้ท้ๆ
แต่ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังขึ้นมากระทันหัน "ใครก็ได้ จับเด็กนั่นไว้เร็ว!"
เด็กอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบในชุดกิโมโนเก่าๆเต็มไปด้วยรอยปะวิ่งเท้าเปล่าฝ่าสิ่งต่างๆ ชนผู้คนหรือสิ่งของจนตกหล่นตามรายทาง
เรื่องคนขโมยของนี่ก็เป็นอะไรที่ปกติสุดๆ แต่ทำไมถึงมีกลุ่มคนสวมชุดเหมือนกันไล่ตามมาขนาดนั้นนะ
จุนคว้าแขนไว้ได้โดยบังเอิญแล้วยึดเธอไว้ในสภาพจับแขนทั้งสองข้างรวบเหนือหัว กลุ่มคนถือดาบรายล้อมพวกจุนในทันที เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าของในมือเด็กสาวเป็นสร้อยคอที่ประดับอัญมณีล้ำค่า
มาซารุมองมันแล้วขมวดคิ้ว สร้อยคอของท่านหญิงสึเอะที่หายไป...
"เฮ้! พวกนายเอาของคืนไปซะ แต่ปล่อยเด็กนี่ไปเถอะ"
"เด็กนี่อะไร ข้าเป็นผู้หญิงเฟ้ย!" เด็กสาวตะโกนอย่างไม่สบอารมณ์แล้วบ้วนน้ำลายอย่างหยาบคาย "เฮอะ! พวกมันไม่ปล่อยข้าหรอก ข้ารู้เรื่องพวกมันเกินกว่าจะปล่อยให้หนีแล้ว จริงไหมฟะ!"
พวกกลุ่มไม่ตอบอะไรแต่ก็ยิ้มหยันแทนคำตอบ
"ไม่ได้นะ" มาซารุพูดอย่างอ่อนโยนไปก็ชักดาบที่ถูกขัดเงาอย่างดีด้วยฝีมือจุนไป "เป็นเด็กผู้หญิงต้องสุภาพอ่อนหวาน มิฉะนั้นข้าจะจับเจ้าไปให้ท่านหญิงอาสึสะฝึกสอน ข้าเคยเจอมาแล้ว โหดไม่หยอกเลยนะ"
มิน่าล่ะ มาซารุซังถึงได้ดูมีระเบียบกว่าผู้ชายทั่วไป
จุนนึกในใจแล้วอ้าปากค้างที่เห็นมาซารุพุ่งออกจากแกนกลางวงกลมเพื่อไปประดาบกับพวกนั้นเพียงลำพัง แม้ตอนแรกจะรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะคนทั้งกลุ่มด้วยตัวคนเดียว แต่ท่วงท่าดาบที่รวดเร็วและมีพลังก็พิฆาตศัตรูได้จริง
เด็กสาวที่ถูกรวบมืออยู่กลืนน้ำลายเอื้๊อก นึกดีใจที่เมื่อกี้เธอยังไม่ทันเถียงอะไรไป
"มาซารุซังก้มลงเร็ว!"
ศัตรูที่ตั้งใจโจมตีจากด้านหลังโดนลูกธนูที่ยิงออกมาโดยไม่ต้องเสียเวลาเล็งของจุนยิงใส่จนล้มลงไป ซาคาเมะที่จะเอ่ยปากชมกลับถูกโยนออกไปห่างๆโดยไม่ทันตั้งตัว หนึ่งในพวกกลุ่มโจรเอาดาบจี้คอจุนอย่างฝ่ายที่เป็นต่อและบังคับให้่มาซารุวางดาบลง
ซาคาเมะรีบพูดเสียงดังว่ามาซารุอย่าไปยอมเพราะถ้าวางดาบลงล่ะก็ โอกาสชนะก็เท่ากับศูนย์
แต่จุนมองไปยังคนที่เอาดาบจ่อคอเขาอยู่ เมื่อแน่ใจว่าโจรสนใจอยู่กับมาซารุก็ใช้โอกาสนั้นศอกใส่ท้องของมันและใช้ลูกธนูแทนมีด ตั้งใจจะปักลงไปลงไปที่ตัวของโจร ถ้าหากว่าไม่ชะงักในวินาทีสุดท้าย มือของจุนกำลูกธนูแน่นจนสั่น ความคิดที่แล่นขึ้นมาก็คือ...
ถ้าหากว่าผมฆ่าเขาไปล่ะ...
โจรแสยะยิ้มอย่างนึกเย้ยหยันความกลัวของจุนและกลิ้งตัวหนีไปห่างๆอย่างรวดเร็ว จนได้ระยะที่เหมาะสมก็ขว้างบางอย่างมา มันเป็นควันที่ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรหากว่าพวกจุนไม่สลบเหมือดกันหมด
"ยัยเด็กบ้านั่นไปไหนแล้วนะ"
สมาชิกโจรมองไปไม่เจอซาคาเมะแต่ก็ตัดสินใจปล่อยไป จะสำคัญอะไรในเมื่อสร้อยคอล้ำค่าที่เด็กคนนั้นจิ๊กมาจากพวกเขาก็หล่นอยู่ที่พื้นแล้วนี่ไงเล่า
จุนสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาในที่ซึ่งชื้นและค่อนข้างหนาว แต่ที่ทำให้เขาตกใจคืิอหน้าที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบของมาซารุต่างหาก ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีเล็กน้อย ให้มันได้อย่างนี้สิ จูบก็เคยจูบมาแล้วแท้ๆ จะมามัวเขินอะไรกับแค่หน้าอยู่ใกล้กันแค่นี้นะ! เด็กหนุ่มนึกด่าตัวเองในใจทั้งที่หัวใจยังเต้นตึกตัก
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องเคยจูบกันหรือไม่ สภาพโดยรอบคือห้องเก่าๆที่สร้างขึ้นอย่างลวกๆ บางส่วนยังมีรูบ้างอะไรบ้าง ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยหากจะพังออกไปในสภาพโดยมัดมือแนบลำตัวแบบนี้
มาซารุค่อยๆตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโวยวายในตอนแรกของจุน ร่างในชุดกิโมโนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงและพยามลุกขึ้นยืน แต่กลับเซจนล้มลงไป
"มาซารุซัง!"
จุนอยากเข้าไปช่วยประคอง แต่ในสภาพนี้มันจนปัญญาจริงๆ ทว่า...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะมาซารุนั้นแค่เพียงยังไม่ได้สติเต็มทีจนล้มลงไปเท่านั้น
"ที่นี่คือที่ไหน..." ร่างงามชะงักเมื่อนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ "รังโจรงั้นสินะ"
จุนเองก็ไม่รู้ แต่ว่าคงจะไม่ผิดไปจากนั้นหรอก มาซารุมองไปด้านหลังของตนเองแล้วพยามขยับมือเพื่อคลายปม เพียงแต่ความเป็นมืออาชีพด้านการมัดของพวกโจรก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกนะ ไม่ช้า แขนที่พยามขยับจนเสียดสีกับเชือกก็เจ็บต้องหยุด
เด็กหนุ่มนั่งเงียบๆคิดว่าควรจะทำยังไงดี ตอนนี้แค่ต้องคลายมัดให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที
สงสัยต้องลองทำแบบในหนังแล้วแฮะ
"มาซารุซัง เดี๋ยวผมจะคลายหันหลังคลายเชือกให้เธอเอง ดูจากในหนังมันง่ายดีออก"
เอ่อ ความจริงแล้วมันก็ยากเอาการล่ะนะ
แพขนตายาวงอนกระพริบปริบๆอย่างไม่แน่ใจ แต่วิธีนี้ดูจะได้ผลดีที่สุด มาซารุหันหน้าเข้าผนังดูอีกฝ่ายจากการเคลื่อนไหวของเงา
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เสียงร้องเบาๆของจุนดังขึ้นมาครั้งหนึ่งแต่เขากัดฟันไม่ให้เสียงนั้นลอดออกไปได้อีกเป็นครั้งที่สอง ตามความจริงแล้วเชือกที่เป็นปมใหญ่คลายง่ายกว่าเส้นด้ายเสียอีก แต่ด้วยความแน่นของเงื่อน จุนบอกได้เลยว่าโจรต้องเข้าอบรมหลักสูตรพิเศษแน่นอน!
มาซารุพยามหันไปดูด้านหลังแต่จุนชิงพูดขึ้นก่อนว่าอย่าขยับ จนในที่สุด เชือกก็คลายตัวจากร่างงามนั้น
ในตอนที่เขากำลังจะคลายเชือกให้จุนบ้าง มาซารุก็สังเกตเห็นรอยแดงที่ข้อมือจากการที่ฝืนการมัดของเชือกและนิ้วที่มีแผลจากการโดนเชือกบาด ที่แท้ ตอนที่ร้องออกมาก็เพราะว่าเจ็บมือนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าที่บอกให้ข้าห้ามขยับ เพราะกลัวข้าจะสั่งให้เจ้าหยุดหรอกนะ
"ทำหน้าอะไรอย่างนั้น ผมไม่เจ็บสักหน่อย" จุนยิ้มอย่างไม่สะท้กสะท้าน "เห็นอย่างนี้ผมก็เป็นโคชูของเธอนะ เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ๊อยอยู่แล้วล่ะ"
มาซารุแกะเชือกไปก็พยามจะไม่มองที่แผลของเด็กหนุ่มไป นี่ขนาดมือของเขาเป็นอิืสระ ยามที่แกะเชือกยังรู้สึกเจ็บบ้างเลย
จุนพยามสะบัดมือเพราะความเจ็บโดยแสร้งทำเป็นว่าสะบัดเพราะคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยเพราะการถูกมัด ถึงมันจะไม่เนียนเลยก็ตาม ร่างในชุดกิโมโนได้แต่มองไปอย่างเงียบๆ
"เอาล่ะ!" เด็กหนุ่มทำท่าไฮเปอร์ขึ้นมา ความจริงอาการเจ็บก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากหรอก เพียงแต่แผลถลอกมันมีหลายรอยเลยดูน่ากลัวเกินจริง "เรามาหาทางออกไปจากที่นี่กันเถอะ"
จุนค่อยๆแง้มประตูดูลาดเลา ดูเหมือนว่าพวกโจรจะรอบคอบพอให้มียามเฝ้าหน้าประตูคนหนึ่ง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ตะโกนคุยกันและโชคดีที่เมื่อกี้เขาไม่ไฮเปอร์จนตะโกนลั่น เด็กหนุ่มบอกให้มาซารุรู้แล้วพยามคิดแผน
ลองแบบในหนังอีกรอบ แกล้งทำเป็นปวดท้องหลอกลวงดีไหมนะ?
ระหว่างที่จุนพยามนึกบทในภาพยนต์ มาซารุหยิบเชือกขึ้นมาแล้วคิดแผนได้ในทันที เขาบอกให้จุนทำตามสิ่งที่เขาจะบอก
เด็กหนุ่มค่อยๆเปิดประตูอย่างเบามือที่สุดและย่องไปด้่านหลัง จับเชือกสองปลายและมัดรวบ ช่วงจังหวะนั้นปลายหอกเฉี่ยวใบหน้าของเขาไปไม่กี่เซนติเมตรจนจุนกลืนน้ำลายเอื๊อก
"นี่พวก...อั้ก!"
จุนมองสภาพโจรที่โดนทุบต้นคอจนสลบเหมือดแล้วลูบคอตัวเองไปมาอย่างหวาดเสียว แน่ล่ะ เขาเองก็เคยโดนมาแล้วสองรอบติดๆ
บางทีถ้าหากมีเรื่องทะเลาะกับมาซารุซังขึ้นมาจริงๆ ใช้ผ้าพันคอพันให้หนาๆน่าจะดีกว่า...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ