You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
13) บทที่13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางตำหนักใหญ่คาจิทำให้ทั้งสองคนรีบวิ่งกลับไปทันที มาซารุร่ำร้องในใจ ไม่ใช่ว่าเพราะจุนไม่สามารถทำตามโจทย์ได้ ท่านพ่อของเขาจึงได้คิดจะสังหารเพื่อตัดปัญหาไม่ให้เขาโวยวายทีหลังหรอกนะ!
ภาพที่ปรากฏคือจุนซึ่งโดนคนรับใช้ชายสองคนจับแขนไว้คนละข้างและท่านมารุสึเกะเงื้อดาบขึ้นเตรียมจะฟันลงไป
"หยุดก่อน!"
มาซารุผลักคนรับใช้ชายสองคนนั้นออกและเข้าประคองจุนซึ่งมีร่องรอยการถูกทำร้ายจนสลบไป "นี่มันอะไรกัน ท่านพ่อ ถึงเขาจะไม่สามารถทำตามข้อแม้ของท่านได้ แต่ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเลยนี่"
"ใครว่าล่ะ" ท่านมารุสึเกะดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว "เพราะมันทำได้ต่างหากล่ะ ข้าถึงต้องสังหาร!"
แม้จะอยู่ฝ่ายจุน แต่พอได้ยินมาแบบนั้นก็อดตกใจไปไม่ได้ ข้อแม้ของท่านมารุสึเกะคือการเขียนวิชาดาบลับที่สืบทอดกับมาในตระกูลของมาซารุ นอกจากคนในแล้ว ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้หรอก
ตอนนั้นเอง ใครผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นมา "แทนที่จะสังหาร ลองเปลี่ยนเป็นการคุมไว้ใช้งานไม่ดีกว่าหรือ?"
ท่านหญิงอุทานพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย "ท่านองเมียวจิมิสึกาวะ"
เขาเป็นผู้นี้นางหลงรักมาโดยตลอดและเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่านหญิงไม่อยากจะเข้าพิธีวิวาห์กับมาซารุ
"ข้าฟังเรื่องราวมาจากคนรับใช้ของท่านหมดแล้ว ช่างน่าแปลกใจที่เด็กหนุ่มหนุ่มที่ท่านมาซารุอยากให้มาเป็นโคชูกลายเป็นผู้ที่สามารถเขียนเพลงดาบเหล่านั้นออกมาได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่ทำให้เขาล่วงรู้" มิสึกาวะเหลือบมองมาซารุเป็นนัยแทนคำพูด "และในเมื่อท่านมาซารุอยากจะมีเขาเป็นโคชูอยู่ข้างกายถึงเพียงนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขัดขวางกันอีกต่อไป...ไม่ใช่หรือ?"
ทุกคนเงียบรวมทั้งมารุสึเกะต่างพากันเงียบไปเมื่อได้ฟังคำกล่าวของผู้มาใหม่
ถึงในใจของมาซารุนึกโมโหขึ้นมาที่มิสึกาวะคล้ายจะพูดกล่าวหาว่าเขาตั้งใจนำจุนมาเป็นโคชูถึงขั้นแอบสอนวิชาดาบลับให้ก็ตาม แต่ทว่า...นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ หรือไม่อย่างนั้น ท่านพ่อของมาซารุจะสังหารจุนในฐานะคนนอกที่รู้เรื่องวิชานี้
ด้านมารุสึเกะเอง ตอนที่สั่งทำร้ายเพื่อเค้นให้จุนปริปากว่าใครเป็นคนบอกความลับ เด็กหนุ่มก็เอาแต่พูดว่ามาซารุในอีกหลายร้อยปีเป็นคนสอนให้ สำหรับมารุสึเกะแล้วเหลวไหลสิ้นดี!
ยามที่ได้ฟังด้านองเมียวจิ มารุสึเกะเองก็คิดเห็นด้วย ในเมื่อรู้กันแล้ว หากฆ่าไปก็เป็นการทำลายชีวิตเด็กหนุ่มไปอย่างไร้ค่า สู้จับมาทำงานยังดีกว่า แต่ที่เขายังเงียบก็เพราะอยากรู้ปฏิกริยาของบุตรชายตนเอง ถูกกล่าวหาแบบนั้น จะโต้ตอบบ้างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีหรือเปล่า
คำตอบนั้นก็คือ...ไม่เลยสักนิด
สุดท้าย มารุสึเกะได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่นพลางบอกให้มาซารุนำโคชูคนใหม่ของตนเองไปรักษาอาการบาดเจ็บแทนคำตอบตกลง
จุนลืมตาขึ้นมาอย่างรู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง ตั้งแต่เขาย้อนอดีตมาก็สลบไปกี่รอบแล้วนะ
"เจ้าเป็นโคชูคนแรกในประวัติศาสตร์เลยล่ะมั้ง ที่ต้องให้เจ้านายตัวเองมาคอยประคบยาให้แบบนี้นะ"
มาซารุบ่นอุบแล้วประคองเด็กหนุ่มขึ้นมาทานยารสชาติขม ถึงจุนอยากจะเบือนหน้าหนีก็ตามที แต่ความเจ็บซึ่งมีอยู่ทั่วกายมันมีแรงมากกว่า สุดท้าย ยาสมุนไพรรสชาติลืมไม่ลงนั่นก็หมดถ้วยจนได้
หลังดื่มน้ำไปสามแก้วใหญ่ๆ จุนยิ้มออกมานิดๆ "มาซารุซังจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ทั้งใจดีทั้งอ่อนโยน"
ร่างในชุดกิโมโนยิ้มออกมานิดๆ "ข้าที่เจ้าเคยพบใจดีมากเหรอ แล้วเจ้าชอบข้าที่เป็นแบบนั้นหรือเปล่า"
เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยเพราะยังมีอาการเจ็บอยู่ แต่ก็ยังพอยิ้มได้แล้วเล่าว่ามาซารุที่เขาเคยพบนั้นใจดีเพียงไร ใบหน้านั้นถึงแม้จะยิ้มออกมาน้อยนิดเพราะความเจ็บก็ตาม แต่แววตาช่างแสดงความรู้สึกออกได้ดีเหลือเกิน เป็นแววตาแบบที่ทำให้มาซารุรู้สึกประืัทับใจ มันสื่อถึงความรัก ความอบอุ่น ความปีติยินดี ทุกสิ่งที่เป็นความสุข
"...ผมชอบเธอที่เป็นแบบนั้นมากๆเลยนะ เพราะมาซารุซังที่เป็นแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกลืมเรื่องราวภายนอกภูเขาฟุมิเนเนะได้นะ"
ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองเหมือนทำให้ร่างในชุดกิโมโนรู้สึกบางอย่าง วินาทีนั้น มาซารุสัมผัสได้ถึงจิตใจของตนเองในอีกหลายร้อยปีข้างหน้าที่มีต่อจุน
งั้น...ข้าจะไม่ทำให้เจ้าโกรธ เจ้าจะได้ชอบข้า อยู่กับข้าให้นานที่สุด...
"ท่านช่างใจร้ายที่พูดแบบนั้น" ท่านหญิงอาสึสะแอบตัดพ้อ แม้จะรักแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่กล้าติติงเขา "มาซารุรู้กาลเทศะดีกว่าสิ่งใดควรไม่ควร อีกอย่าง เขาเจอกันไม่ถึงวันจะสอนวิชาดาบกันได้แล้วหรือไร"
ท่านมิสึกาวะรู้ดีว่าท่านหญิงคงจะโมโหที่เขาพูดไปแบบนั้น แต่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงเรื่องราวเป็นไงมาไง อีกอย่าง เขาก็ช่วยไปเต็มความสามารถแล้ว เด็กหนุ่มผู้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ก็เพียงเจ็บตัวไปบ้างเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี เขาไม่นึกว่ามาซารุจะถึงขั้นไม่ปริปากโต้ตอบเขามาสักคำ เห็นทีเขาคงจะต้องระวังมากๆ อย่าไปทำอะไรอันตรายกับจุนจะดีกว่า ความสัมพันธ์ของตระกูลเขาและตระกูลของมาซารุมีความสัมพันธ์อันดีมาตลอด อย่าให้มันต้องมัวหมองเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย
ท่านองเมียวจิหันไปหาท่านหญิงด้วยแววตาแบบที่นางจ้องมองเขามา ไม่ใช่ความโกรธที่ฉาบเพียงเปลือกนอก แต่เป็นความรู้สึกในจิตใจที่รู้สึกกับเขามาตลอดนั่นต่างหาก
เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนและเจือความเศร้า "ข้ามาที่เอโดะครั้งนี้ก็เพื่อทำธุระเพียงเล็กน้อย อีกไม่นานคงต้องกลับ แม้ว่าจะไม่อยากเลยก็ตามที"
"งั้นท่านมา...ค้างที่นี่ น่าจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า"
ท่านหญิงกล่าวอย่างประหม่า สำหรับนางที่ถูกอบรมเลี้ยงมารยาทและกาลเทศะของสตรีมา มันเป็นสิ่งน่าอายที่เป็นหญิงแต่กลับเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มให้มาพักอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
แต่ช่วยไม่ได้จริงๆที่เขาและนางนานๆทีจะได้พบกัน หากได้มาเจอกันก็ย่อมอยากอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด เก็บความทรงจำร่วมกันให้ถึงการพบกันครั้งต่อไป...
ทว่า...ดูเหมือนจะไม่ดั่งใจท่านหญิงเท่าไหร่ เพราะธุระของท่านมิสึกาวะอยู่ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะและที่นั่นก็เป็นศาลเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมา จะไม่ไปพักที่นั่นก็ยังไงอยู่ ส่วนศาลเจ้าที่เขาอาศัยเป็นหลักนั้นอยู่นอกเมืองเอโดะ
"อีกสองสามวันจะมีพิธีกรรมปัดรังควานประจำปีที่นั่น" เขากล่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของนางผู้เป็นที่รัก "ถึงตอนนั้นข้าขอเชิญเจ้าไปร่วมชมด้วยแล้วกัน"
คำตอบนั้นคือรอยยิ้มที่เผยออกมาแทนการตอบรับด้วยความยินดี
แม้ว่าสองสามวันนั้นสำหรับท่านหญิงจะช้าเพียงไร สองสามวันสำหรับจุนช่างเป็นอะไรที่เชื่องช้า กว่าแผลเขาจะหายระบมอย่างตอนนี้ก็กินเวลามากเอาโข พวกคุณลุงคนรับใช้ก็ตั้งใจรุมทำร้ายเขาเหลือเกิน
ท่านมารุสึเกะจำใจเอาหูไปไหนเอาตาไปไร่สักพักเมื่อเห็นบุตรชายเอาแต่คอยประคบยาคอยรักษาเสียจนไม่แน่ใจว่าตกลงมาซารุได้โคชูคนใหม่ หรือกลายเป็นโคชูไปแล้วกันแน่
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้ง่ายๆคือเรื่องสำคัญอย่าง...
เสียงทุบโต๊ะไม้ที่น่าสงสารตัวเดิมจนน้ำจากถ้วยชาใบเดิมแทบจะหก มันประกอบพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่น
"อะไรนะ! เจ้าบอกว่าตัวเองใช้ดาบไม่เป็นงั้นเหรอ!"
ท่านมารุสึเกะโกรธจนตัวสั่น กำมือแน่นเสียจนหลายคนเห็นแล้วยังพานจะรู้สึกเจ็บเอาง่ายๆ แต่สำหรับคนที่โกรธจนลมออกหูแล้ว ความเจ็บแค่นี้มันเล็กน้อยกว่ามดกัดเสียอีก!
เจ้าเด็กบ้า! มาเป็นโคชูไม่เอาไหนของบุตรชายข้าไม่พอ ยังมาบอกว่าใช้ดาบไม่เป็นอีกงั้นเรอะ!
"ผม...ผมไม่ถนัดอาวุธประชิดตัวนี่ครับ" จุนพูดเสียงอ่อย จนปัญญาจะแก้ตัวนอกจากบอกไปตามตรง "แต่ให้ยิงปืนหรือธนูล่ะก็ ผมทำได้แน่นอนครับ!"
ท่านมารุสึเกะทุบโต๊ะสามครั้งติดๆแทนการระบายอารมณ์อยากจะชกเจ้าโคชูบ้าของบุตรชายตนเองแ้ล้วสั่งให้จัดธนูมาเดี๋ยวนี้
"ยิงไป!"
คันธนูถูกง้างด้วยความมั่นใจของจุน ถึงเ้ป้าจะเล็กและห่างออกไปแค่ไหน แต่เขาก็เคยยิงที่ยากกว่านี้มาแล้วตอนที่ดวลกับชมรมธนู
ท่านมารุสึเกะมองภาพความมั่นใจของจุนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ โดยมีมาซารุที่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าประกอบฉากอยู่ด้านหลัง
ท่านหญิงหันรีหันขวาง เมื่อไม่มีใครสนใจและอยู่บริเวณใกล้ๆ นางคลี่พัดกระซิบ
"ท่านมาซารุอย่าเพิ่งกังวลไป คิดเสียว่าท่านมารุสึเกะทดสอบว่าที่เขยสิเจ้าคะ ผู้ที่จะมาเป็นสามีของข้า ถ้าหากไม่ได้มาจากตระกูลสูงแล้ว ก็จะได้รับการทดสอบเช่นกันนะ"
ในใจท่านหญิงพูดให้กำลังใจไปก็นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของท่านมารุึสึเกะไป ยิ่งคิดใบหน้าก็ยิ่งแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมาซารุที่กำลังตกประหม่านักหรอก
"ลูกธนูสามดอก? แต่ผมไม่เคยใช้มากกว่าหนึ่ง..."
ท่านมารุสึเกะที่เพิ่งเพิ่มกติกาได้พูดเสียงดัง ใบหน้าถมึงทึงแฝงแววสะใจ "สามดอก!"
จุนจำใจหยิบลูกธนูสามดอกจากแล่งเพื่อยิงในคราวเดียวกัน คราวนี้แม้แต่ท่านหญิงก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาปลอบ ความจริงนางก็ลุ้นระทึกไปด้วยแล้ว มาซารุลังเลบางอย่าง จนกระทั่งได้รับการพยักหน้าให้ของท่านหญิงอาสึสะ
มือเรียวขาวนวลค่อยๆยกขึ้นมาระดับปากแล้วตะโกนออกไปสุดเสียง "สู้ๆนะ จุน!"
ท่านมารุสึเกะกำพัดแน่นจนแทบหักครึ่งโดยมีสีหน้ากลั้นความขบขันของท่านมิสึกาวะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆประกอบเป็นฉาก
เด็กหนุ่มหันไปหามาซารุแล้วยิ้มให้เขา ก่อนจะหันกลับมาหรี่ตาลงเพื่อเล็งเป้า ถึงมันจะอยู่ไกลเท่าเดิมแต่การยิงที่ยากขึ้นสร้างความกดดันให้จุนได้เช่นเดียวกัน
ยามที่เขาปล่อยให้ลูกธนูวิ่งผ่านสายลม มันกินเวลาไม่กี่วินาทีแต่กลับนานเป็นนาทีสำหรับมาซารุและจุน ท่านมารุสึเกะทำหน้าอำมหิตด้วยความลุ้นเช่นกัน แต่เป็นลุ้นให้ลูกธนูมันพลาดไปซะ
เสียงปลายธนูปักกับเป้าหมายทำให้ผลการตัดสินปรากฏ
"ปักกลางสอง เฉียงไปอีกหนึ่ง ท่านมารุสึเกะ นับว่าไม่เลวสำหรับคนที่เพิ่งยิงธนูสามดอกครั้งแรกนะขอรับ"
ท่านมิสึกาวะพูดอย่างชื่นชมและปรบมือผสานไปกับผู้คนทั้งหลายที่เข้าชมการแข่งขัน
"มาซารุซัง ผมได้แล้ว!"
ภาพที่ทั้งสองคนจับมือกันกระโดดด้วยความดีใจเป็นภาพที่ชวนรื่นรมสำหรับทุกคน แม้แต่กับท่านมารุสึเกะที่คลายใบหน้าที่ดุดันแล้วถอนหายใจเองก็ตาม พัดที่เกือบหักเป็นสองท่อนถูกนำมาพัดโบกตามการใช้งานที่แท้จริง
แต่อย่างไรก็ดี เขาหันไปองเมียวจิที่นั่งอยู่ข้างกาย "ฝากดูแลมาซารุด้วยนะ ท่านมิสึกาวะ ข้าเชื่อมั่นในฝีมือของท่านมากกว่าโคชูอย่างเจ้าเด็กหนุ่มนั่น!"
"...ท่านพ่อพูดมาแบบนี้หรือขอรับ เอ่อ..."
มาซารุเหลือบมองคนที่นั่งม้าตัวดีกับเขาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง แน่นอน จุนอยากสลบไปเลยตรงนั้น ไหนๆตั้งแต่มาที่นี่เขาก็สลบไปบ่อยครั้งอยู่แล้วนี่นะ! แต่อย่างไร ก็ย่อมหนีความจริงไม่พ้นว่าเขาเป็นโคชูที่แย่จริงๆนั่นแหละ ขนาดม้ายังขี่ไม่เป็นเลย!
ท่านหญิงมองภาพเหล่านั้นจากภายในเกี้ยวแล้วอดสงสารเด็กหนุ่มทั้งสองไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อนึกจากด้านผู้ที่หวังดีกับมาซารุแล้ว บางทีนางก็หวังว่าเขาจะแลหญิงนางอื่นได้บ้างก็ได้ เพราะอย่างน้อยหญิงงามนางอื่นยังปรนนิบัติเขาให้มีความสุขโดนที่ยังนั่งอยู่เฉยๆได้เลยนี่นา
แต่ถ้ามองในด้านคนที่เข้าใจมาซารุแล้ว นางรู้ดีว่าเขามีความสุึขกับการที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นมีความสุข ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาอบอุ่นสื่อความสุขที่ส่งมายามที่สบตากัน...
เหมือนแววตาท่านมิสึกาวะ
ท่านหญิงได้แต่อมยิ้มอยู่เพียงลำพังเมื่อนึกถึงชายผู้กำลังขี่ม้าอย่างสง่างามอยู่เบื้องหน้า
ศาลเจ้าฟุมิเนเนะถูกประดับประดาในฐานะที่จัดงานประจำปี ผู้คนที่มาร่วมชมต่างยืนกันอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอเวลา
เพราะเรื่องยิงธนูทำให้กำหนดการล่าช้าออกไปบ้าง แต่ก็ไม่กี่นาที ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนอยู่แล้ว
พิธีปัดรังควานประจำปีมีไว้สำหรับรักษาเขตแดนศักดิ์สิทธิ์และตรวจดูว่ามีปีศาจหรือวิญญาณตนไหนมามุ่งร้ายหรือเปล่า ผู้ชมทั้งหลายที่มาต่างก็พากันแอบหวังในใจว่าจะได้ดูพิธีปราบปีศาจร่วมด้วย
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แน่ล่ะ ถึงจะไม่ได้รับสมญายื่งใหญ่ถึงขั้น 'เป็นหนึ่งในแผ่นดิน' แต่ชื่อมิสึกาวะที่สืบทอดฐานะองเมียวจิต่อมาหลายรุ่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าล่วงเกินนักหรอก
อย่างไรก็ดี รางวัลปลอบใจผู้ที่มาร่วมงานที่อยากชมเหตุการณ์พิเศษแต่ต้องผิดหวังก็มีอยู่แล้ว ขนมหวานอร่อยที่ส่วนหนึ่งได้จากฝีมือท่านหญิงอาสึสะไม่ใช่ของที่หากินได้ง่ายนัก ในหมู่ชนชั้นชาวบ้านแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
"อร่อยมากเลย"
จุนนั่งอยู่กับพวกมาซารุเอ่ยชม "ขนมญี่ปุ่นนี่แหละอร่อยที่สุด!"
มาซารุหันไปถามอย่างกระตือรือร้น "จุนชอบกินโกโบโมจิเหรอ"
"อื้ม!" น่าเสียดายที่จุนไม่ได้สังเกตถึงความกระตือรือร้นนั่นเลย "จะว่าไป มาซารุซังเองก็เคยทำโกโบโมจิอร่อยสุดยอดให้กินนะ ต้มเผือกกับโกโบเองก็เยี่ยมไม่หยอกเลยล่ะ"
มาซารุอึ้งไปพักใหญ่ ก้มหน้าก้มตาทานขนมในมืออย่างเงียบๆ
แต่ข้าทำโกโบโมจิไม่เป็นนี่นา...
ภาพที่ปรากฏคือจุนซึ่งโดนคนรับใช้ชายสองคนจับแขนไว้คนละข้างและท่านมารุสึเกะเงื้อดาบขึ้นเตรียมจะฟันลงไป
"หยุดก่อน!"
มาซารุผลักคนรับใช้ชายสองคนนั้นออกและเข้าประคองจุนซึ่งมีร่องรอยการถูกทำร้ายจนสลบไป "นี่มันอะไรกัน ท่านพ่อ ถึงเขาจะไม่สามารถทำตามข้อแม้ของท่านได้ แต่ไม่จำเป็นต้องฆ่ากันเลยนี่"
"ใครว่าล่ะ" ท่านมารุสึเกะดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว "เพราะมันทำได้ต่างหากล่ะ ข้าถึงต้องสังหาร!"
แม้จะอยู่ฝ่ายจุน แต่พอได้ยินมาแบบนั้นก็อดตกใจไปไม่ได้ ข้อแม้ของท่านมารุสึเกะคือการเขียนวิชาดาบลับที่สืบทอดกับมาในตระกูลของมาซารุ นอกจากคนในแล้ว ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ได้หรอก
ตอนนั้นเอง ใครผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นมา "แทนที่จะสังหาร ลองเปลี่ยนเป็นการคุมไว้ใช้งานไม่ดีกว่าหรือ?"
ท่านหญิงอุทานพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย "ท่านองเมียวจิมิสึกาวะ"
เขาเป็นผู้นี้นางหลงรักมาโดยตลอดและเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่านหญิงไม่อยากจะเข้าพิธีวิวาห์กับมาซารุ
"ข้าฟังเรื่องราวมาจากคนรับใช้ของท่านหมดแล้ว ช่างน่าแปลกใจที่เด็กหนุ่มหนุ่มที่ท่านมาซารุอยากให้มาเป็นโคชูกลายเป็นผู้ที่สามารถเขียนเพลงดาบเหล่านั้นออกมาได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่ทำให้เขาล่วงรู้" มิสึกาวะเหลือบมองมาซารุเป็นนัยแทนคำพูด "และในเมื่อท่านมาซารุอยากจะมีเขาเป็นโคชูอยู่ข้างกายถึงเพียงนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขัดขวางกันอีกต่อไป...ไม่ใช่หรือ?"
ทุกคนเงียบรวมทั้งมารุสึเกะต่างพากันเงียบไปเมื่อได้ฟังคำกล่าวของผู้มาใหม่
ถึงในใจของมาซารุนึกโมโหขึ้นมาที่มิสึกาวะคล้ายจะพูดกล่าวหาว่าเขาตั้งใจนำจุนมาเป็นโคชูถึงขั้นแอบสอนวิชาดาบลับให้ก็ตาม แต่ทว่า...นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ หรือไม่อย่างนั้น ท่านพ่อของมาซารุจะสังหารจุนในฐานะคนนอกที่รู้เรื่องวิชานี้
ด้านมารุสึเกะเอง ตอนที่สั่งทำร้ายเพื่อเค้นให้จุนปริปากว่าใครเป็นคนบอกความลับ เด็กหนุ่มก็เอาแต่พูดว่ามาซารุในอีกหลายร้อยปีเป็นคนสอนให้ สำหรับมารุสึเกะแล้วเหลวไหลสิ้นดี!
ยามที่ได้ฟังด้านองเมียวจิ มารุสึเกะเองก็คิดเห็นด้วย ในเมื่อรู้กันแล้ว หากฆ่าไปก็เป็นการทำลายชีวิตเด็กหนุ่มไปอย่างไร้ค่า สู้จับมาทำงานยังดีกว่า แต่ที่เขายังเงียบก็เพราะอยากรู้ปฏิกริยาของบุตรชายตนเอง ถูกกล่าวหาแบบนั้น จะโต้ตอบบ้างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีหรือเปล่า
คำตอบนั้นก็คือ...ไม่เลยสักนิด
สุดท้าย มารุสึเกะได้แต่หัวเราะเสียงดังลั่นพลางบอกให้มาซารุนำโคชูคนใหม่ของตนเองไปรักษาอาการบาดเจ็บแทนคำตอบตกลง
จุนลืมตาขึ้นมาอย่างรู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง ตั้งแต่เขาย้อนอดีตมาก็สลบไปกี่รอบแล้วนะ
"เจ้าเป็นโคชูคนแรกในประวัติศาสตร์เลยล่ะมั้ง ที่ต้องให้เจ้านายตัวเองมาคอยประคบยาให้แบบนี้นะ"
มาซารุบ่นอุบแล้วประคองเด็กหนุ่มขึ้นมาทานยารสชาติขม ถึงจุนอยากจะเบือนหน้าหนีก็ตามที แต่ความเจ็บซึ่งมีอยู่ทั่วกายมันมีแรงมากกว่า สุดท้าย ยาสมุนไพรรสชาติลืมไม่ลงนั่นก็หมดถ้วยจนได้
หลังดื่มน้ำไปสามแก้วใหญ่ๆ จุนยิ้มออกมานิดๆ "มาซารุซังจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย ทั้งใจดีทั้งอ่อนโยน"
ร่างในชุดกิโมโนยิ้มออกมานิดๆ "ข้าที่เจ้าเคยพบใจดีมากเหรอ แล้วเจ้าชอบข้าที่เป็นแบบนั้นหรือเปล่า"
เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยเพราะยังมีอาการเจ็บอยู่ แต่ก็ยังพอยิ้มได้แล้วเล่าว่ามาซารุที่เขาเคยพบนั้นใจดีเพียงไร ใบหน้านั้นถึงแม้จะยิ้มออกมาน้อยนิดเพราะความเจ็บก็ตาม แต่แววตาช่างแสดงความรู้สึกออกได้ดีเหลือเกิน เป็นแววตาแบบที่ทำให้มาซารุรู้สึกประืัทับใจ มันสื่อถึงความรัก ความอบอุ่น ความปีติยินดี ทุกสิ่งที่เป็นความสุข
"...ผมชอบเธอที่เป็นแบบนั้นมากๆเลยนะ เพราะมาซารุซังที่เป็นแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกลืมเรื่องราวภายนอกภูเขาฟุมิเนเนะได้นะ"
ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองเหมือนทำให้ร่างในชุดกิโมโนรู้สึกบางอย่าง วินาทีนั้น มาซารุสัมผัสได้ถึงจิตใจของตนเองในอีกหลายร้อยปีข้างหน้าที่มีต่อจุน
งั้น...ข้าจะไม่ทำให้เจ้าโกรธ เจ้าจะได้ชอบข้า อยู่กับข้าให้นานที่สุด...
"ท่านช่างใจร้ายที่พูดแบบนั้น" ท่านหญิงอาสึสะแอบตัดพ้อ แม้จะรักแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่กล้าติติงเขา "มาซารุรู้กาลเทศะดีกว่าสิ่งใดควรไม่ควร อีกอย่าง เขาเจอกันไม่ถึงวันจะสอนวิชาดาบกันได้แล้วหรือไร"
ท่านมิสึกาวะรู้ดีว่าท่านหญิงคงจะโมโหที่เขาพูดไปแบบนั้น แต่เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงเรื่องราวเป็นไงมาไง อีกอย่าง เขาก็ช่วยไปเต็มความสามารถแล้ว เด็กหนุ่มผู้รู้ในสิ่งที่ไม่ควรรู้ก็เพียงเจ็บตัวไปบ้างเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี เขาไม่นึกว่ามาซารุจะถึงขั้นไม่ปริปากโต้ตอบเขามาสักคำ เห็นทีเขาคงจะต้องระวังมากๆ อย่าไปทำอะไรอันตรายกับจุนจะดีกว่า ความสัมพันธ์ของตระกูลเขาและตระกูลของมาซารุมีความสัมพันธ์อันดีมาตลอด อย่าให้มันต้องมัวหมองเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆเลย
ท่านองเมียวจิหันไปหาท่านหญิงด้วยแววตาแบบที่นางจ้องมองเขามา ไม่ใช่ความโกรธที่ฉาบเพียงเปลือกนอก แต่เป็นความรู้สึกในจิตใจที่รู้สึกกับเขามาตลอดนั่นต่างหาก
เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนและเจือความเศร้า "ข้ามาที่เอโดะครั้งนี้ก็เพื่อทำธุระเพียงเล็กน้อย อีกไม่นานคงต้องกลับ แม้ว่าจะไม่อยากเลยก็ตามที"
"งั้นท่านมา...ค้างที่นี่ น่าจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า"
ท่านหญิงกล่าวอย่างประหม่า สำหรับนางที่ถูกอบรมเลี้ยงมารยาทและกาลเทศะของสตรีมา มันเป็นสิ่งน่าอายที่เป็นหญิงแต่กลับเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มให้มาพักอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
แต่ช่วยไม่ได้จริงๆที่เขาและนางนานๆทีจะได้พบกัน หากได้มาเจอกันก็ย่อมอยากอยู่ด้วยกันให้มากที่สุด เก็บความทรงจำร่วมกันให้ถึงการพบกันครั้งต่อไป...
ทว่า...ดูเหมือนจะไม่ดั่งใจท่านหญิงเท่าไหร่ เพราะธุระของท่านมิสึกาวะอยู่ที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะและที่นั่นก็เป็นศาลเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมา จะไม่ไปพักที่นั่นก็ยังไงอยู่ ส่วนศาลเจ้าที่เขาอาศัยเป็นหลักนั้นอยู่นอกเมืองเอโดะ
"อีกสองสามวันจะมีพิธีกรรมปัดรังควานประจำปีที่นั่น" เขากล่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของนางผู้เป็นที่รัก "ถึงตอนนั้นข้าขอเชิญเจ้าไปร่วมชมด้วยแล้วกัน"
คำตอบนั้นคือรอยยิ้มที่เผยออกมาแทนการตอบรับด้วยความยินดี
แม้ว่าสองสามวันนั้นสำหรับท่านหญิงจะช้าเพียงไร สองสามวันสำหรับจุนช่างเป็นอะไรที่เชื่องช้า กว่าแผลเขาจะหายระบมอย่างตอนนี้ก็กินเวลามากเอาโข พวกคุณลุงคนรับใช้ก็ตั้งใจรุมทำร้ายเขาเหลือเกิน
ท่านมารุสึเกะจำใจเอาหูไปไหนเอาตาไปไร่สักพักเมื่อเห็นบุตรชายเอาแต่คอยประคบยาคอยรักษาเสียจนไม่แน่ใจว่าตกลงมาซารุได้โคชูคนใหม่ หรือกลายเป็นโคชูไปแล้วกันแน่
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้ง่ายๆคือเรื่องสำคัญอย่าง...
เสียงทุบโต๊ะไม้ที่น่าสงสารตัวเดิมจนน้ำจากถ้วยชาใบเดิมแทบจะหก มันประกอบพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่น
"อะไรนะ! เจ้าบอกว่าตัวเองใช้ดาบไม่เป็นงั้นเหรอ!"
ท่านมารุสึเกะโกรธจนตัวสั่น กำมือแน่นเสียจนหลายคนเห็นแล้วยังพานจะรู้สึกเจ็บเอาง่ายๆ แต่สำหรับคนที่โกรธจนลมออกหูแล้ว ความเจ็บแค่นี้มันเล็กน้อยกว่ามดกัดเสียอีก!
เจ้าเด็กบ้า! มาเป็นโคชูไม่เอาไหนของบุตรชายข้าไม่พอ ยังมาบอกว่าใช้ดาบไม่เป็นอีกงั้นเรอะ!
"ผม...ผมไม่ถนัดอาวุธประชิดตัวนี่ครับ" จุนพูดเสียงอ่อย จนปัญญาจะแก้ตัวนอกจากบอกไปตามตรง "แต่ให้ยิงปืนหรือธนูล่ะก็ ผมทำได้แน่นอนครับ!"
ท่านมารุสึเกะทุบโต๊ะสามครั้งติดๆแทนการระบายอารมณ์อยากจะชกเจ้าโคชูบ้าของบุตรชายตนเองแ้ล้วสั่งให้จัดธนูมาเดี๋ยวนี้
"ยิงไป!"
คันธนูถูกง้างด้วยความมั่นใจของจุน ถึงเ้ป้าจะเล็กและห่างออกไปแค่ไหน แต่เขาก็เคยยิงที่ยากกว่านี้มาแล้วตอนที่ดวลกับชมรมธนู
ท่านมารุสึเกะมองภาพความมั่นใจของจุนด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ โดยมีมาซารุที่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าประกอบฉากอยู่ด้านหลัง
ท่านหญิงหันรีหันขวาง เมื่อไม่มีใครสนใจและอยู่บริเวณใกล้ๆ นางคลี่พัดกระซิบ
"ท่านมาซารุอย่าเพิ่งกังวลไป คิดเสียว่าท่านมารุสึเกะทดสอบว่าที่เขยสิเจ้าคะ ผู้ที่จะมาเป็นสามีของข้า ถ้าหากไม่ได้มาจากตระกูลสูงแล้ว ก็จะได้รับการทดสอบเช่นกันนะ"
ในใจท่านหญิงพูดให้กำลังใจไปก็นึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของท่านมารุึสึเกะไป ยิ่งคิดใบหน้าก็ยิ่งแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมาซารุที่กำลังตกประหม่านักหรอก
"ลูกธนูสามดอก? แต่ผมไม่เคยใช้มากกว่าหนึ่ง..."
ท่านมารุสึเกะที่เพิ่งเพิ่มกติกาได้พูดเสียงดัง ใบหน้าถมึงทึงแฝงแววสะใจ "สามดอก!"
จุนจำใจหยิบลูกธนูสามดอกจากแล่งเพื่อยิงในคราวเดียวกัน คราวนี้แม้แต่ท่านหญิงก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาปลอบ ความจริงนางก็ลุ้นระทึกไปด้วยแล้ว มาซารุลังเลบางอย่าง จนกระทั่งได้รับการพยักหน้าให้ของท่านหญิงอาสึสะ
มือเรียวขาวนวลค่อยๆยกขึ้นมาระดับปากแล้วตะโกนออกไปสุดเสียง "สู้ๆนะ จุน!"
ท่านมารุสึเกะกำพัดแน่นจนแทบหักครึ่งโดยมีสีหน้ากลั้นความขบขันของท่านมิสึกาวะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆประกอบเป็นฉาก
เด็กหนุ่มหันไปหามาซารุแล้วยิ้มให้เขา ก่อนจะหันกลับมาหรี่ตาลงเพื่อเล็งเป้า ถึงมันจะอยู่ไกลเท่าเดิมแต่การยิงที่ยากขึ้นสร้างความกดดันให้จุนได้เช่นเดียวกัน
ยามที่เขาปล่อยให้ลูกธนูวิ่งผ่านสายลม มันกินเวลาไม่กี่วินาทีแต่กลับนานเป็นนาทีสำหรับมาซารุและจุน ท่านมารุสึเกะทำหน้าอำมหิตด้วยความลุ้นเช่นกัน แต่เป็นลุ้นให้ลูกธนูมันพลาดไปซะ
เสียงปลายธนูปักกับเป้าหมายทำให้ผลการตัดสินปรากฏ
"ปักกลางสอง เฉียงไปอีกหนึ่ง ท่านมารุสึเกะ นับว่าไม่เลวสำหรับคนที่เพิ่งยิงธนูสามดอกครั้งแรกนะขอรับ"
ท่านมิสึกาวะพูดอย่างชื่นชมและปรบมือผสานไปกับผู้คนทั้งหลายที่เข้าชมการแข่งขัน
"มาซารุซัง ผมได้แล้ว!"
ภาพที่ทั้งสองคนจับมือกันกระโดดด้วยความดีใจเป็นภาพที่ชวนรื่นรมสำหรับทุกคน แม้แต่กับท่านมารุสึเกะที่คลายใบหน้าที่ดุดันแล้วถอนหายใจเองก็ตาม พัดที่เกือบหักเป็นสองท่อนถูกนำมาพัดโบกตามการใช้งานที่แท้จริง
แต่อย่างไรก็ดี เขาหันไปองเมียวจิที่นั่งอยู่ข้างกาย "ฝากดูแลมาซารุด้วยนะ ท่านมิสึกาวะ ข้าเชื่อมั่นในฝีมือของท่านมากกว่าโคชูอย่างเจ้าเด็กหนุ่มนั่น!"
"...ท่านพ่อพูดมาแบบนี้หรือขอรับ เอ่อ..."
มาซารุเหลือบมองคนที่นั่งม้าตัวดีกับเขาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง แน่นอน จุนอยากสลบไปเลยตรงนั้น ไหนๆตั้งแต่มาที่นี่เขาก็สลบไปบ่อยครั้งอยู่แล้วนี่นะ! แต่อย่างไร ก็ย่อมหนีความจริงไม่พ้นว่าเขาเป็นโคชูที่แย่จริงๆนั่นแหละ ขนาดม้ายังขี่ไม่เป็นเลย!
ท่านหญิงมองภาพเหล่านั้นจากภายในเกี้ยวแล้วอดสงสารเด็กหนุ่มทั้งสองไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อนึกจากด้านผู้ที่หวังดีกับมาซารุแล้ว บางทีนางก็หวังว่าเขาจะแลหญิงนางอื่นได้บ้างก็ได้ เพราะอย่างน้อยหญิงงามนางอื่นยังปรนนิบัติเขาให้มีความสุขโดนที่ยังนั่งอยู่เฉยๆได้เลยนี่นา
แต่ถ้ามองในด้านคนที่เข้าใจมาซารุแล้ว นางรู้ดีว่าเขามีความสุึขกับการที่ทำให้เด็กหนุ่มผู้นั้นมีความสุข ได้เห็นรอยยิ้มและแววตาอบอุ่นสื่อความสุขที่ส่งมายามที่สบตากัน...
เหมือนแววตาท่านมิสึกาวะ
ท่านหญิงได้แต่อมยิ้มอยู่เพียงลำพังเมื่อนึกถึงชายผู้กำลังขี่ม้าอย่างสง่างามอยู่เบื้องหน้า
ศาลเจ้าฟุมิเนเนะถูกประดับประดาในฐานะที่จัดงานประจำปี ผู้คนที่มาร่วมชมต่างยืนกันอยู่มุมหนึ่งเพื่อรอเวลา
เพราะเรื่องยิงธนูทำให้กำหนดการล่าช้าออกไปบ้าง แต่ก็ไม่กี่นาที ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนอยู่แล้ว
พิธีปัดรังควานประจำปีมีไว้สำหรับรักษาเขตแดนศักดิ์สิทธิ์และตรวจดูว่ามีปีศาจหรือวิญญาณตนไหนมามุ่งร้ายหรือเปล่า ผู้ชมทั้งหลายที่มาต่างก็พากันแอบหวังในใจว่าจะได้ดูพิธีปราบปีศาจร่วมด้วย
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แน่ล่ะ ถึงจะไม่ได้รับสมญายื่งใหญ่ถึงขั้น 'เป็นหนึ่งในแผ่นดิน' แต่ชื่อมิสึกาวะที่สืบทอดฐานะองเมียวจิต่อมาหลายรุ่นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าล่วงเกินนักหรอก
อย่างไรก็ดี รางวัลปลอบใจผู้ที่มาร่วมงานที่อยากชมเหตุการณ์พิเศษแต่ต้องผิดหวังก็มีอยู่แล้ว ขนมหวานอร่อยที่ส่วนหนึ่งได้จากฝีมือท่านหญิงอาสึสะไม่ใช่ของที่หากินได้ง่ายนัก ในหมู่ชนชั้นชาวบ้านแบบนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
"อร่อยมากเลย"
จุนนั่งอยู่กับพวกมาซารุเอ่ยชม "ขนมญี่ปุ่นนี่แหละอร่อยที่สุด!"
มาซารุหันไปถามอย่างกระตือรือร้น "จุนชอบกินโกโบโมจิเหรอ"
"อื้ม!" น่าเสียดายที่จุนไม่ได้สังเกตถึงความกระตือรือร้นนั่นเลย "จะว่าไป มาซารุซังเองก็เคยทำโกโบโมจิอร่อยสุดยอดให้กินนะ ต้มเผือกกับโกโบเองก็เยี่ยมไม่หยอกเลยล่ะ"
มาซารุอึ้งไปพักใหญ่ ก้มหน้าก้มตาทานขนมในมืออย่างเงียบๆ
แต่ข้าทำโกโบโมจิไม่เป็นนี่นา...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ