You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
10) บทที่10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ จุนฟังจำนวนปีที่ได้ยินอยู่บ่้อยครั้งแล้วหัวเราะฝืดๆ ท่าทางเขากับใครคนนั้นคงจะหน้าตาเหมือนกันมาก เพราะมาซารุยังคงปักใจเชื่อว่าจุนคือใครคนนั้น หรืือว่าจะเป็นเขาจริงๆ เป็นการพบกันตอนเด็กๆรึเปล่านะ? แต่จำไม่ได้เลยว่าำทำให้ใครต้องรอ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"รู้ไหม มาซารุซังที่พูดเล่นไปแบบนั้นทำให้ผมเริ่มจะเชื่อว่าจิเสะจังพูดถูกเลยนะเนี่ย อ้อ พอดีจิเสะคิดว่าเธอเป็นวิญญาณของบุตรชายของขุนนางในยุคเอโดะนะ อ๊ะ ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้ จิเสะจังไม่มีเจตนาร้ายนะ เดี๋ยวผ่านไปสักพักก็คงจะลืมไปเองนั่นแหละ"
แต่มาซารุยังคงทำสีหน้ากังวลอย่างจริงจัง เขาคลายอ้อมกอดออกจากร่างของคนรักแล้วถามอย่างเคร่งเครียดว่าเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือ? แน่นอนว่าจุนต้องตอบปฏิเสธอยู่แล้ว
ถึงกระนั้น แววตาที่จ้องมองเขามาราวกับมองของล้ำค่ากำลังจะถูกผู้อื่นช่วงชิงไปยังคงอยู่ น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยอย่างมากได้เอ่ยขึ้นมา "แล้วถ้าหากว่า...ข้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้าจะยังรักข้าได้ไหม"
เด็กหนุ่มอึ้งไป
"ถ้าหาก...ร่างกายนี้ ไม่ใช่มนุษย์" มืออันเย็นเฉียบของมาซารุลูบไล้ใบหน้าอีกฝ่าย กล่าวด้วยเสียงที่เบาบางล่องลอย "หากเสียงที่เอ่ยว่าต้องการเจ้าในตอนนี้ เป็นเพียงวิญญาณที่เฝ้ารอเจ้าอยู่เท่านั้นล่ะ..."
"มา...มาซารุซัง"
ราวกับท่าทีตื่นตระหนกของจุนเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา ร่างในชุดกิโมโนหลุบตาลงและถอยห่างมา แต่สักพักก็เริ่มต้นหัวเราะ เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เขาเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง
เด็กหนุ่มมองการกระทำที่ต้องการปิดบังจิตใจแท้จริงแล้วตัดสินใจดึุงมาซารุมากอดไว้ พร่ำกระซิบคำรักเพื่อหวังปลอบโยน ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร ภายใต้ท่าทีหัวเราะรื่นเริง มันช่างมีความเศร้าบางอย่างที่จุนบอกไม่ถูกปะปนอยู่
"ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะรับได้ไหม" จุนกล่าว "แต่เรื่องที่ยังรัก ผมมั่นใจว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้กำหนดว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นมนุษย์แน่นอน"
หลายวันมานี้ จินเนะไม่เจอเด็กสาวที่เอาแต่เดินตามพี่ชายของเธอต้อยๆเลย คงไม่ใช่ว่ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของมาซารุกับจุนแล้วหรอกนะ
เครือข่ายแฟนคลับของเธอไปสืบข้อมูลได้ว่าเห็นจิเสะนั่งรถไฟออกไปนอกเมือง เมื่อสอบถามจากอาจารย์ประจำชั้นของจุน คำตอบที่ได้รับคือจดหมายลาหยุดซึ่งไม่ได้ลงธุระเอาไว้เลย
สำหรับเธอแล้วจิเสะจะเป็นเช่นไรก็ช่าง เพราะยังไงซะ คนที่เธอจะแกล้งก็ไม่ใช่เด็กสาวคนนั้นอยู่ดี
เสียงเมสเสจเข้าดังขึ้นมาระหว่างทานอาหารกลางวันกับโต๊ะซึ่งจัดเป็นพิเศษให้เป็นแถวยาวเหยียด เนื้อหานั้นคือการที่ไซโตะบอกให้เธอรีบไปกับเขาเพื่อเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตในอีกสองวัน แน่นอน เวลามีถมเถไป จะรับเธอหลังเลิกเรียนก็ได้นี่
"ไม่ได้หรอก ชุดที่ลองไว้ตอนแรกกับการวัดเอวครั้งล่าสุดมันมีอะไรผิดพลาด หรือไม่เธอก็อ้วนขึ้น ดูแลหุ่นด้วยล่ะ"
"ช่างฉันสิยะ นี่ก็ไดเอ็ทเต็มที่แล้วไง ขืนกินน้อยกว่านี้ฉันก็ขาดสารอาหารพอดี หรือนายอยากให้ฉันผอมเป็นกุ้งแห้งแบบพวกนางแบบพวกนั้นจริงๆ ฮึ?"
ไซโตะเอื้อมมือมายีผมอีกฝ่ายจนฟู "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แค่เตือนไว้ก่อนเท่านั้นเอง จริงสิ เรื่องนั้นฉันหามาได้แล้วนะ"
จินเนะพยักหน้ารับรู้ระหว่างรับข้าวกล่องมื้อกลางวันที่ไซโตะส่งให้มาทาน ก็ที่โรงอาหารนั่นเธอยังไม่ได้กินเลยสักคำนี่นา
"ไม่มีประวัติของคนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นเลยสักนิดเดียว ตอนแรกก็ทำเอาฉันอึ้งไปเหมือนกัน แต่พอลองหาตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะควบคู่กันไปด้วยแล้ว อะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะ ที่นั่นมีตำนานของวิญญาณที่ชื่อมาซารุอยู่ใช่ไหมล่ะ เธอคงรู้เรื่องมาบ้างสินะถึงได้ให้ฉันลองค้นประวัติ"
ไซโตะบรรยายลักษณะของบุตรชายขุนนางผู้นั้นซึ่งเป็นที่มาของตำนาน แน่นอน มันไม่ผิดไปจากมาซารุที่จินเนะพบเลยแม้แต่น้อย
เด็กสาวเริ่มคิดอีกครั้งว่าจะปล่อยเลยตามเลยหรือว่าจะวางแผนแยกสองคนออกจากกันเพื่อแกล้งพี่ชายของตนเองดี
จริงสิ เรื่องความรักระหว่างสองโลกมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหากว่าจุนหลงอยู่ในความรักที่มอบให้ผู้ที่ชื่อมาซารุนั่นมากเข้า ความเสียใจก็ยิ่งมากขึ้น ฉันคงได้พบกับ 'น้ำตา' ของนายสักทีนะ...จุน
มาซารุที่จุนโอบกอดไว้นั้นเริ่มมีปฏิกริยาขึ้นมา เขาหันไปทางบันได้ขึ้นศาลเจ้าฟุมิเนเนะพร้อมกับพูดว่าจิเสะมาที่นี่ เล่นเอาจุนงงไปไม่น้อย ในเมื่อมาซารุก็โดนเขากอดอยู่ตรงนี้ จะรู้ได้ไงว่าใครมา
แต่เมื่อจุนออกไปดูก็พบเด็กสาวจริงๆตามที่มาซารุว่า เพียงแต่จิเสะที่หายหน้าหายตาไปนานกลับมาด้วยมาดใหม่ สีหน้าที่มุ่งร้ายดูเป็นศัตรูกับมาซารุอย่างเห็นได้ชัด แต่งกายด้วยชุดมิโกะและยังถือยันต์สีเหลืองอักษรแดงที่เขียนลวดลายประหลาดไว้ด้วย
"จิเสะ...จัง?" จุนพูดงงๆ "นี่เธอจะทำอะไรนะ"
"จุนคุงรีบมาตรงนี้เร็วเข้า!"
ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ตาม แต่จุนก้าวเดินไปตามเสียงเรียก ทว่า...มาซารุจับแขนเขาไว้ด้วยสีหน้าที่อ้อนวอนสุดชีวิต
"มาซารุซัง? อ๊ะ..."
ยันต์ที่อยู่ในมือจิเสะเมื่อครู่ถูกเหวี่ยงมาปะทะกับมือของมาซารุจนผิวมีสีไหม้เข้มและควันกรุ่นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตรายใดๆแก่ผิวหนังของจุนเลยแม้แต่น้อย ถึงจะอึ้งอย่างไรก็ตาม แต่สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของมาซารุก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเมินเฉยไปได้!
จิเสะพูดอย่างร้อนรน "มาตรงนี้เถอะค่ะ จุนคุง แล้วฉันจะจัดการต่อเอง เร็วเข้าสิคะ"
เด็กหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่ปฏิเสธปนผิดหวังที่เด็กสาวทำร้ายคนอื่นแบบนี้และยืนกรานจะพามาซารุไปโรงพยาบาล เขาคิดว่าที่ยันต์อาจฉาบน้ำกรดอะไรไว้สักอย่าง ถึงจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เป็นไรเลยก็ตามที
แต่เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมามองบาดแผลที่เกิดขึ้น เขาก็ต้องตะลึงเมื่อผิวหนังของมาซารุค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือแผลใดๆทั้งสิ้น
"แย่แล้ว! มาเร็วสิจุนคุง!"
จิเสะรีบเหวี่ยงยันต์ต่อเนื่องจากกระเป๋าสะพายเพื่อหวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของมาซารุเอาไว้ก่อน
แต่ทว่า...ยันต์ทั้งหมดต้องไร้ประสิทธิภาพหรือให้พูดอีกอย่างคือ มันไม่มีผลกับมนุษย์ปกตินั่นเอง จุนใช้ตัวเองขวางทางยันต์เพื่อปกป้องมาซารุอย่างไม่ลังเล
"พอได้แล้ว! รู้ไหมว่าที่จิเสะจังทำอยู่มันผิดมากนะ!"
เด็กสาวอึ้งไป "แต่นั่นไม่ใช่มนุษย์นะ จุนคุงก็เห็นอยู่ มนุาย์ธรรมดาไม่มีทางมีพลังฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหรอก! อ๊ะ..."
หมอกบางเบาเริ่มปกคลุมพื้นอย่างช้าๆและสะสมจนกลายเป็นหมอกหนา เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ลงไปมันจึงกระจายคล้ายมีอาณาเขตวงกลมรอบแผ่นกระดาษสีเหลืองอักษรแดงทั้งหลาย
มาซารุใช้จังหวะที่เด็กสาวกำลังวุ่นวายอยู่กับสายหมอกที่ปกคลุมจนคล้ายจะปิดบังสถานที่ รีบจับมือจุนวิ่งกลับไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ
"ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม" จุนรีบวิ่งจนหอบแฮก วิ่งขึ้นเขาย่อมเหนื่อยกว่าปกติเป็นธรรมดา "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"นางเหมือนจะมีวิชาบางอย่าง ของพวกนั้นอาจได้มาจากท่านองเมียวจิที่มีพลังแก่กล้าของที่ไหนสักแห่ง"
จุนพยักหน้า "ได้ยินว่าจิเสะจังมีญาติอยู่ที่ศาลเจ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าศาลเจ้ามิสึกาวะ"
มาซารุยิ้มอ่อนแรง พึมพำ "มิน่าล่ะ ที่แท้เป็นเชื้อสายของท่านมิสึกาวะนี่เอง" เขายกมือที่เย็นเฉียบกว่าเดิมขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของคนที่รักที่สุด "จุน เจ้าบอกว่าจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ ฉะนั้น เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเป็นครั้งที่สองเลยนะ"
แต่สีหน้าของจุนไม่ได้โอนอ่อนผ่อนตามอย่างเคย ตอนนี้เขาต้องการคำอธิบายเรื่องทั้งหมด ถึงพอจะเริ่มเดาเรื่องราวบางอย่างได้ แต่เขาต้องการคำยืนยัน แต่ถ้าเพียงมาซารุบอกว่าจิเสะโกหก เขาจะเชื่อคนรักอย่างไม่มีข้อกังขาเลย!
แต่คำตอบที่ได้รับมาพร้อมกับยิ้มที่แสนขมขื่นนั่นคือ...
"ข้าไม่ใช่มนุษย์หรอก ข้าไม่ได้โกหกหรือล้อเล่นเรื่องที่รอเจ้าที่นี่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา...จริงๆนะ"
มือที่ลูบไล้ใบหน้าอยู่เลื่อนขึ้นไปสัมผัสกับหน้าผากของจุน แสงสว่างสีทองก็วาบเข้าไป เหตุการณ์ในคืนทานาบาตะย้อนคืนมาเหมือนกับวิดีโอที่ถูกกรอด้วยความเร็ว จุนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง มองร่างที่มีแสงสีฟ้าอ่อนคล้ายออร่าและมีละอองคล้ายหิ่้งห้อยสีเดียวกันอยู่ล้อมตัวมาซารุ
สภาพในตอนนี้ไม่มีข้อโต้แย้งเลยว่าร่างในชุดกิโมโนไม่ใช่มนุษย์ น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเชื่องช้าผิดธรรมชาติปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นแววตาตื่นกลัวของจุน
"เจ้าโกหกข้านี่นา..." มาซารุมองไปยังดวงจันทร์ที่ขึ้นมาเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นยามราตรี "เจ้าบอกว่าจะไม่ให้ข้าต้องเสียใจ แต่ตอนนี้เจ้าจะทิ้งข้าไปใช่ไหม"
สายลมที่พัดโชยมานั้นหนาวเย็นเยือกเกินปกติ หยาดน้ำตาทั้งหลายค่อยๆไหลลงมาหยดลงบนพื้นไม้ของศาลเจ้า
และในตอนนั้น มือที่แสนอุ่นของจุนได้ปาดมันออกและโอบร่างที่สั่นเทาจากการร้องไห้ของมาซารุไว้
"เธอร้องไห้ทำไมกัน" รอยยิ้มของจุนเผยออกมาอย่างช้าๆ "ในเมื่อผมกับเธอก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนี่ ผมบอกเธอแล้วว่าผมไม่คิดจะเลิกรักเธอเพียงเพราะเธอไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ"
"จุน..."
เสียงคล้ายฟ้าผ่าดังติดต่อกันหลายเปรี้ยง ประตูกระดาษแบบญี่ปุ่นถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็วโดยผู้ที่ปรากฏก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย เด็กสาวพูดเสียงดังให้จุนรีบถอยออกจากมาซารุซะ
"ไม่มีทาง! จิเสะจัง เธอกลับไปเถอะนะ ถือว่าผมขอร้อง"
เด็กสาวกำยันต์แน่น "จุนคุงโดนมันล่อลวงอยู่งั้นใช่ไหม!"
"ไม่ใช่นะ จิเสะจังที่จริงแล้ว..."
เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ของมือซ้ายไปแปะที่ร่างของจุนทันทีเพื่อคลายการสะกดของมาซารุตามที่เธอคิด แต่เด็กหนุ่มไม่เพียงแกะยันต์ออกอย่างง่ายดายโดยไม่มีปฏิกริยาใดๆทั้งสินแล้ว เขายังยืนกรานจะให้เธอกลับไป
เด็กสาวแสดงอาการตกใจไม่น้อยที่เขายังพูดออกมาแบบนั้นได้พร้อมกับพึมพำว่านึกไม่ถึงว่าจุนจะโดนครอบงำหนักขนาดนี้...
"อย่ามาดูถูกความรักของผมนะ!"
จิเสะที่ตั้งใจจะเหวี่ยงยันต์อีกแผ่นเพื่อคลายคาถาที่สะกดของมาซารุซึ่งไม่มีอยู่จริงได้ชะงักไป "รัก...รักเหรอ?"
"ถึงจะเอายันต์อีกกี่แผ่นเหวี่ยงมาก็ไม่ได้ผลหรอก! ผมรักมาซารุด้วยจิตใจของผมเอง!"
"จุึนคุง...รักวิญญาณตนนั้นงั้นเหรอ รัก...จากใจจริงๆนะเหรอ"
เด็กสาวอึ้งแล้วค่อยๆเอามือสัมผัสใบหน้าของตัวเ้อง มันมีน้ำตาติดปลายนิ้วของเธอกลับมา มือที่จับยันต์อยู่สั่นระริกเฉกเช่นร่างที่สั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
"ฉัน...ฉันรักจุนคุงนะ รักมากจริงๆนะ"
แววตาของเด็กสาวรวดร้าว เธอเอื้อมมือออกไป ปล่อยแผ่นยันต์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือนั้นให้ปลิวไปกับสายลม ปราถนาให้มือของเด็กหนุ่มผู้นั้นเอื้อมมือมาหาเธอเช่นเดียวกันด้วยความหวังที่มีทั้งหมดจากใจ
น่าเสียดาย เขาไม่เพียงไม่ก้าวมาหาเธอ จุนจับมือกับมาซารุเพื่อยืนยันความในใจของตนเอง
"เธอไม่รักฉันหรือ ฉันไม่ดีตรงไหน" จิเสะพึมพำแล้วกรีดเสียงร้องไห้ "ทำไมเธอถึงไม่รักฉัน!"
จุนยิ้มให้มาซารุหนึ่งครั้งเพื่อให้เขามั่นใจและเดินไปหาเด็กสาวที่ทรุดลงร้องไห้อยู่กับพื้น เด็กหนุ่มประคองเธอขึ้นมาแล้วกล่าวว่าความจริงเรื่องที่เขาอยากจะบอกเธอนั้นคือความรู้สึกของเขา
จุนกล่าวว่า...ครั้งหนึ่งเขา 'เคย' รักเธอ นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก
"งั้นจุนคุงก็รักฉันงั้นเหรอ"
รอยยิ้มของเด็กสาวตอนนี้มันไม่มีความร่าเริงอย่างที่มอบให้จุนบ่อยๆ มันคือรอยยิ้มที่เหมือนกับได้พบความสุขท่ามกลางความทุกข์ สำหรับจุนแล้ว เขาคิดว่าเธอไม่สมควรจะยิ้มแบบนี้เลยแม้แต่น้อย เธอเป็นคนดีและน่ารักเกินกว่าที่จะต้องยิ้มแบบนี้ให้เขา
แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มพยักหน้ารับกับประโยคที่จิเสะพูดออกมา
"ใช่ ผมรักเธอจิเสะ"
จุนจับมือเธอเอาไว้โดยมีมาซารุที่ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะได้ฟังประโยคถัดมาซึ่งเด็กหนุ่มเอ่ยอย่างจริงจัง
"เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกของผมกับเธอมันได้เปลี่ยนไปแล้วเท่านั้นเอง จิเสะจัง เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมนะ"
ทั้งนี้ทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"รู้ไหม มาซารุซังที่พูดเล่นไปแบบนั้นทำให้ผมเริ่มจะเชื่อว่าจิเสะจังพูดถูกเลยนะเนี่ย อ้อ พอดีจิเสะคิดว่าเธอเป็นวิญญาณของบุตรชายของขุนนางในยุคเอโดะนะ อ๊ะ ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นก็ได้ จิเสะจังไม่มีเจตนาร้ายนะ เดี๋ยวผ่านไปสักพักก็คงจะลืมไปเองนั่นแหละ"
แต่มาซารุยังคงทำสีหน้ากังวลอย่างจริงจัง เขาคลายอ้อมกอดออกจากร่างของคนรักแล้วถามอย่างเคร่งเครียดว่าเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือ? แน่นอนว่าจุนต้องตอบปฏิเสธอยู่แล้ว
ถึงกระนั้น แววตาที่จ้องมองเขามาราวกับมองของล้ำค่ากำลังจะถูกผู้อื่นช่วงชิงไปยังคงอยู่ น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยอย่างมากได้เอ่ยขึ้นมา "แล้วถ้าหากว่า...ข้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้าจะยังรักข้าได้ไหม"
เด็กหนุ่มอึ้งไป
"ถ้าหาก...ร่างกายนี้ ไม่ใช่มนุษย์" มืออันเย็นเฉียบของมาซารุลูบไล้ใบหน้าอีกฝ่าย กล่าวด้วยเสียงที่เบาบางล่องลอย "หากเสียงที่เอ่ยว่าต้องการเจ้าในตอนนี้ เป็นเพียงวิญญาณที่เฝ้ารอเจ้าอยู่เท่านั้นล่ะ..."
"มา...มาซารุซัง"
ราวกับท่าทีตื่นตระหนกของจุนเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา ร่างในชุดกิโมโนหลุบตาลงและถอยห่างมา แต่สักพักก็เริ่มต้นหัวเราะ เหมือนกับเรื่องเมื่อครู่เขาเพียงล้อเล่นเท่านั้นเอง
เด็กหนุ่มมองการกระทำที่ต้องการปิดบังจิตใจแท้จริงแล้วตัดสินใจดึุงมาซารุมากอดไว้ พร่ำกระซิบคำรักเพื่อหวังปลอบโยน ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร ภายใต้ท่าทีหัวเราะรื่นเริง มันช่างมีความเศร้าบางอย่างที่จุนบอกไม่ถูกปะปนอยู่
"ผมไม่แน่ใจหรอกว่าจะรับได้ไหม" จุนกล่าว "แต่เรื่องที่ยังรัก ผมมั่นใจว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้กำหนดว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นมนุษย์แน่นอน"
หลายวันมานี้ จินเนะไม่เจอเด็กสาวที่เอาแต่เดินตามพี่ชายของเธอต้อยๆเลย คงไม่ใช่ว่ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของมาซารุกับจุนแล้วหรอกนะ
เครือข่ายแฟนคลับของเธอไปสืบข้อมูลได้ว่าเห็นจิเสะนั่งรถไฟออกไปนอกเมือง เมื่อสอบถามจากอาจารย์ประจำชั้นของจุน คำตอบที่ได้รับคือจดหมายลาหยุดซึ่งไม่ได้ลงธุระเอาไว้เลย
สำหรับเธอแล้วจิเสะจะเป็นเช่นไรก็ช่าง เพราะยังไงซะ คนที่เธอจะแกล้งก็ไม่ใช่เด็กสาวคนนั้นอยู่ดี
เสียงเมสเสจเข้าดังขึ้นมาระหว่างทานอาหารกลางวันกับโต๊ะซึ่งจัดเป็นพิเศษให้เป็นแถวยาวเหยียด เนื้อหานั้นคือการที่ไซโตะบอกให้เธอรีบไปกับเขาเพื่อเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตในอีกสองวัน แน่นอน เวลามีถมเถไป จะรับเธอหลังเลิกเรียนก็ได้นี่
"ไม่ได้หรอก ชุดที่ลองไว้ตอนแรกกับการวัดเอวครั้งล่าสุดมันมีอะไรผิดพลาด หรือไม่เธอก็อ้วนขึ้น ดูแลหุ่นด้วยล่ะ"
"ช่างฉันสิยะ นี่ก็ไดเอ็ทเต็มที่แล้วไง ขืนกินน้อยกว่านี้ฉันก็ขาดสารอาหารพอดี หรือนายอยากให้ฉันผอมเป็นกุ้งแห้งแบบพวกนางแบบพวกนั้นจริงๆ ฮึ?"
ไซโตะเอื้อมมือมายีผมอีกฝ่ายจนฟู "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แค่เตือนไว้ก่อนเท่านั้นเอง จริงสิ เรื่องนั้นฉันหามาได้แล้วนะ"
จินเนะพยักหน้ารับรู้ระหว่างรับข้าวกล่องมื้อกลางวันที่ไซโตะส่งให้มาทาน ก็ที่โรงอาหารนั่นเธอยังไม่ได้กินเลยสักคำนี่นา
"ไม่มีประวัติของคนที่ชื่อมาซารุอะไรนั่นเลยสักนิดเดียว ตอนแรกก็ทำเอาฉันอึ้งไปเหมือนกัน แต่พอลองหาตำนานของศาลเจ้าฟุมิเนเนะควบคู่กันไปด้วยแล้ว อะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะ ที่นั่นมีตำนานของวิญญาณที่ชื่อมาซารุอยู่ใช่ไหมล่ะ เธอคงรู้เรื่องมาบ้างสินะถึงได้ให้ฉันลองค้นประวัติ"
ไซโตะบรรยายลักษณะของบุตรชายขุนนางผู้นั้นซึ่งเป็นที่มาของตำนาน แน่นอน มันไม่ผิดไปจากมาซารุที่จินเนะพบเลยแม้แต่น้อย
เด็กสาวเริ่มคิดอีกครั้งว่าจะปล่อยเลยตามเลยหรือว่าจะวางแผนแยกสองคนออกจากกันเพื่อแกล้งพี่ชายของตนเองดี
จริงสิ เรื่องความรักระหว่างสองโลกมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าหากว่าจุนหลงอยู่ในความรักที่มอบให้ผู้ที่ชื่อมาซารุนั่นมากเข้า ความเสียใจก็ยิ่งมากขึ้น ฉันคงได้พบกับ 'น้ำตา' ของนายสักทีนะ...จุน
มาซารุที่จุนโอบกอดไว้นั้นเริ่มมีปฏิกริยาขึ้นมา เขาหันไปทางบันได้ขึ้นศาลเจ้าฟุมิเนเนะพร้อมกับพูดว่าจิเสะมาที่นี่ เล่นเอาจุนงงไปไม่น้อย ในเมื่อมาซารุก็โดนเขากอดอยู่ตรงนี้ จะรู้ได้ไงว่าใครมา
แต่เมื่อจุนออกไปดูก็พบเด็กสาวจริงๆตามที่มาซารุว่า เพียงแต่จิเสะที่หายหน้าหายตาไปนานกลับมาด้วยมาดใหม่ สีหน้าที่มุ่งร้ายดูเป็นศัตรูกับมาซารุอย่างเห็นได้ชัด แต่งกายด้วยชุดมิโกะและยังถือยันต์สีเหลืองอักษรแดงที่เขียนลวดลายประหลาดไว้ด้วย
"จิเสะ...จัง?" จุนพูดงงๆ "นี่เธอจะทำอะไรนะ"
"จุนคุงรีบมาตรงนี้เร็วเข้า!"
ถึงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ตาม แต่จุนก้าวเดินไปตามเสียงเรียก ทว่า...มาซารุจับแขนเขาไว้ด้วยสีหน้าที่อ้อนวอนสุดชีวิต
"มาซารุซัง? อ๊ะ..."
ยันต์ที่อยู่ในมือจิเสะเมื่อครู่ถูกเหวี่ยงมาปะทะกับมือของมาซารุจนผิวมีสีไหม้เข้มและควันกรุ่นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรตรายใดๆแก่ผิวหนังของจุนเลยแม้แต่น้อย ถึงจะอึ้งอย่างไรก็ตาม แต่สีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดของมาซารุก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเมินเฉยไปได้!
จิเสะพูดอย่างร้อนรน "มาตรงนี้เถอะค่ะ จุนคุง แล้วฉันจะจัดการต่อเอง เร็วเข้าสิคะ"
เด็กหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่ปฏิเสธปนผิดหวังที่เด็กสาวทำร้ายคนอื่นแบบนี้และยืนกรานจะพามาซารุไปโรงพยาบาล เขาคิดว่าที่ยันต์อาจฉาบน้ำกรดอะไรไว้สักอย่าง ถึงจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่เป็นไรเลยก็ตามที
แต่เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับมามองบาดแผลที่เกิดขึ้น เขาก็ต้องตะลึงเมื่อผิวหนังของมาซารุค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือแผลใดๆทั้งสิ้น
"แย่แล้ว! มาเร็วสิจุนคุง!"
จิเสะรีบเหวี่ยงยันต์ต่อเนื่องจากกระเป๋าสะพายเพื่อหวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของมาซารุเอาไว้ก่อน
แต่ทว่า...ยันต์ทั้งหมดต้องไร้ประสิทธิภาพหรือให้พูดอีกอย่างคือ มันไม่มีผลกับมนุษย์ปกตินั่นเอง จุนใช้ตัวเองขวางทางยันต์เพื่อปกป้องมาซารุอย่างไม่ลังเล
"พอได้แล้ว! รู้ไหมว่าที่จิเสะจังทำอยู่มันผิดมากนะ!"
เด็กสาวอึ้งไป "แต่นั่นไม่ใช่มนุษย์นะ จุนคุงก็เห็นอยู่ มนุาย์ธรรมดาไม่มีทางมีพลังฟื้นตัวเร็วขนาดนั้นหรอก! อ๊ะ..."
หมอกบางเบาเริ่มปกคลุมพื้นอย่างช้าๆและสะสมจนกลายเป็นหมอกหนา เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ลงไปมันจึงกระจายคล้ายมีอาณาเขตวงกลมรอบแผ่นกระดาษสีเหลืองอักษรแดงทั้งหลาย
มาซารุใช้จังหวะที่เด็กสาวกำลังวุ่นวายอยู่กับสายหมอกที่ปกคลุมจนคล้ายจะปิดบังสถานที่ รีบจับมือจุนวิ่งกลับไปที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะ
"ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม" จุนรีบวิ่งจนหอบแฮก วิ่งขึ้นเขาย่อมเหนื่อยกว่าปกติเป็นธรรมดา "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"นางเหมือนจะมีวิชาบางอย่าง ของพวกนั้นอาจได้มาจากท่านองเมียวจิที่มีพลังแก่กล้าของที่ไหนสักแห่ง"
จุนพยักหน้า "ได้ยินว่าจิเสะจังมีญาติอยู่ที่ศาลเจ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าศาลเจ้ามิสึกาวะ"
มาซารุยิ้มอ่อนแรง พึมพำ "มิน่าล่ะ ที่แท้เป็นเชื้อสายของท่านมิสึกาวะนี่เอง" เขายกมือที่เย็นเฉียบกว่าเดิมขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของคนที่รักที่สุด "จุน เจ้าบอกว่าจะไม่ทำให้ข้าเสียใจ ฉะนั้น เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเป็นครั้งที่สองเลยนะ"
แต่สีหน้าของจุนไม่ได้โอนอ่อนผ่อนตามอย่างเคย ตอนนี้เขาต้องการคำอธิบายเรื่องทั้งหมด ถึงพอจะเริ่มเดาเรื่องราวบางอย่างได้ แต่เขาต้องการคำยืนยัน แต่ถ้าเพียงมาซารุบอกว่าจิเสะโกหก เขาจะเชื่อคนรักอย่างไม่มีข้อกังขาเลย!
แต่คำตอบที่ได้รับมาพร้อมกับยิ้มที่แสนขมขื่นนั่นคือ...
"ข้าไม่ใช่มนุษย์หรอก ข้าไม่ได้โกหกหรือล้อเล่นเรื่องที่รอเจ้าที่นี่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา...จริงๆนะ"
มือที่ลูบไล้ใบหน้าอยู่เลื่อนขึ้นไปสัมผัสกับหน้าผากของจุน แสงสว่างสีทองก็วาบเข้าไป เหตุการณ์ในคืนทานาบาตะย้อนคืนมาเหมือนกับวิดีโอที่ถูกกรอด้วยความเร็ว จุนสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง มองร่างที่มีแสงสีฟ้าอ่อนคล้ายออร่าและมีละอองคล้ายหิ่้งห้อยสีเดียวกันอยู่ล้อมตัวมาซารุ
สภาพในตอนนี้ไม่มีข้อโต้แย้งเลยว่าร่างในชุดกิโมโนไม่ใช่มนุษย์ น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเชื่องช้าผิดธรรมชาติปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นแววตาตื่นกลัวของจุน
"เจ้าโกหกข้านี่นา..." มาซารุมองไปยังดวงจันทร์ที่ขึ้นมาเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นยามราตรี "เจ้าบอกว่าจะไม่ให้ข้าต้องเสียใจ แต่ตอนนี้เจ้าจะทิ้งข้าไปใช่ไหม"
สายลมที่พัดโชยมานั้นหนาวเย็นเยือกเกินปกติ หยาดน้ำตาทั้งหลายค่อยๆไหลลงมาหยดลงบนพื้นไม้ของศาลเจ้า
และในตอนนั้น มือที่แสนอุ่นของจุนได้ปาดมันออกและโอบร่างที่สั่นเทาจากการร้องไห้ของมาซารุไว้
"เธอร้องไห้ทำไมกัน" รอยยิ้มของจุนเผยออกมาอย่างช้าๆ "ในเมื่อผมกับเธอก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนี่ ผมบอกเธอแล้วว่าผมไม่คิดจะเลิกรักเธอเพียงเพราะเธอไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ"
"จุน..."
เสียงคล้ายฟ้าผ่าดังติดต่อกันหลายเปรี้ยง ประตูกระดาษแบบญี่ปุ่นถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็วโดยผู้ที่ปรากฏก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย เด็กสาวพูดเสียงดังให้จุนรีบถอยออกจากมาซารุซะ
"ไม่มีทาง! จิเสะจัง เธอกลับไปเถอะนะ ถือว่าผมขอร้อง"
เด็กสาวกำยันต์แน่น "จุนคุงโดนมันล่อลวงอยู่งั้นใช่ไหม!"
"ไม่ใช่นะ จิเสะจังที่จริงแล้ว..."
เด็กสาวเหวี่ยงยันต์ของมือซ้ายไปแปะที่ร่างของจุนทันทีเพื่อคลายการสะกดของมาซารุตามที่เธอคิด แต่เด็กหนุ่มไม่เพียงแกะยันต์ออกอย่างง่ายดายโดยไม่มีปฏิกริยาใดๆทั้งสินแล้ว เขายังยืนกรานจะให้เธอกลับไป
เด็กสาวแสดงอาการตกใจไม่น้อยที่เขายังพูดออกมาแบบนั้นได้พร้อมกับพึมพำว่านึกไม่ถึงว่าจุนจะโดนครอบงำหนักขนาดนี้...
"อย่ามาดูถูกความรักของผมนะ!"
จิเสะที่ตั้งใจจะเหวี่ยงยันต์อีกแผ่นเพื่อคลายคาถาที่สะกดของมาซารุซึ่งไม่มีอยู่จริงได้ชะงักไป "รัก...รักเหรอ?"
"ถึงจะเอายันต์อีกกี่แผ่นเหวี่ยงมาก็ไม่ได้ผลหรอก! ผมรักมาซารุด้วยจิตใจของผมเอง!"
"จุึนคุง...รักวิญญาณตนนั้นงั้นเหรอ รัก...จากใจจริงๆนะเหรอ"
เด็กสาวอึ้งแล้วค่อยๆเอามือสัมผัสใบหน้าของตัวเ้อง มันมีน้ำตาติดปลายนิ้วของเธอกลับมา มือที่จับยันต์อยู่สั่นระริกเฉกเช่นร่างที่สั่นสะท้านและน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
"ฉัน...ฉันรักจุนคุงนะ รักมากจริงๆนะ"
แววตาของเด็กสาวรวดร้าว เธอเอื้อมมือออกไป ปล่อยแผ่นยันต์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือนั้นให้ปลิวไปกับสายลม ปราถนาให้มือของเด็กหนุ่มผู้นั้นเอื้อมมือมาหาเธอเช่นเดียวกันด้วยความหวังที่มีทั้งหมดจากใจ
น่าเสียดาย เขาไม่เพียงไม่ก้าวมาหาเธอ จุนจับมือกับมาซารุเพื่อยืนยันความในใจของตนเอง
"เธอไม่รักฉันหรือ ฉันไม่ดีตรงไหน" จิเสะพึมพำแล้วกรีดเสียงร้องไห้ "ทำไมเธอถึงไม่รักฉัน!"
จุนยิ้มให้มาซารุหนึ่งครั้งเพื่อให้เขามั่นใจและเดินไปหาเด็กสาวที่ทรุดลงร้องไห้อยู่กับพื้น เด็กหนุ่มประคองเธอขึ้นมาแล้วกล่าวว่าความจริงเรื่องที่เขาอยากจะบอกเธอนั้นคือความรู้สึกของเขา
จุนกล่าวว่า...ครั้งหนึ่งเขา 'เคย' รักเธอ นั่นไม่ใช่เรื่องโกหก
"งั้นจุนคุงก็รักฉันงั้นเหรอ"
รอยยิ้มของเด็กสาวตอนนี้มันไม่มีความร่าเริงอย่างที่มอบให้จุนบ่อยๆ มันคือรอยยิ้มที่เหมือนกับได้พบความสุขท่ามกลางความทุกข์ สำหรับจุนแล้ว เขาคิดว่าเธอไม่สมควรจะยิ้มแบบนี้เลยแม้แต่น้อย เธอเป็นคนดีและน่ารักเกินกว่าที่จะต้องยิ้มแบบนี้ให้เขา
แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มพยักหน้ารับกับประโยคที่จิเสะพูดออกมา
"ใช่ ผมรักเธอจิเสะ"
จุนจับมือเธอเอาไว้โดยมีมาซารุที่ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะได้ฟังประโยคถัดมาซึ่งเด็กหนุ่มเอ่ยอย่างจริงจัง
"เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกของผมกับเธอมันได้เปลี่ยนไปแล้วเท่านั้นเอง จิเสะจัง เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมนะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ